Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อลูกของเราเกิดมา...ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ...  

สวัสดีพี่น้องห้องชานเรือนทุกท่านนะครับ

            ผมกับภรรยาก็เป็นสมาชิกในห้องนี้มานาน แต่ไม่ค่อยได้โพส หรือแสดงความเห็นสักเท่าไร ส่วนมากจะเป็นการเข้ามาอ่านหาความรู้ เพื่อลูกในท้องของเราทั้งคู่ซะมากกว่า      
            ลูก ก็เปรียบเสมือนของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับพ่อ และแม่ พ่อกับแม่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของเรามีความสุข ผมและภรรยาเห็นด้วยกับคำพูดนี้ทุกประการ

             วันที่ 19 พ.ค.53 วันที่แสนวุ่นวายในบ้านเมือง ภรรยาเจ็บท้องตั้งแต่ตี 4 แต่เราว่าจะเป็นการเจ็บเตือนซะมากกว่า จนเวลา 08.00 น. ผมตัดสินใจพาภรรยาไปโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งฝากท้องพิเศษกับหมอที่นั่น ระยะทางจากบางบัวทอง ถึงศิริราช ไม่ใกล้เลย แต่โชคดีหน่อยที่วันนี้ Office ในเมืองหยุดหนีม๊อบกันหมด
            ไม่ถึง 1 ชม. เราก็ถึงโรงพยาบาล แต่ภรรยากลับหายเจ็บท้องซะงั้น แต่เราก็นั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงตัดสินใจยื่นเอกสารที่ตึกพระศรี พยาบาลถามว่าเป็นอะไรมา ภรรยาก็ตอบตามตรงว่ามีเจ็บท้องถี่ขึ้น แต่น้ำยังไม่เดิน พยาบาลส่งต่อไปชั้น 4 เพื่อนอนรอดูอาการ ถ้าท่านใดเคยไปที่ห้องคลอดพิเศษจะทราบว่าญาติต้องรอข้างนอก มีอะไรพยาบาลจะมาแจ้งให้ทราบเอง ผมนั่งรอภรรยาจนเกือบเที่ยง จนทนไม่ไหวจึงกดกริ่งเรียกพยาบาลเพื่อสอบถาม พยาบาลแจ้งว่าปากมดลูกเปิดเพียง 1 ซม. ให้กลับบ้าน แล้วให้โทรมาสอบถามเป็นระยะ
             ผมจึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อไปเตรียมของ ที่เหลือ เคลียร์งานนิดหน่อย  จนเวลา 15.00 น. โทรไปสอบถามที่โรงพยาบาล พยาบาลแจ้งว่าคลอดเรียบร้อยแล้ว ผมดีใจมาก รีบบึ่งรถไปโรงพยาบาลทันที เวลานั้นรถติดมากๆๆ เพราะเค้าจะประกาศเคอร์ฟิวกันพอดีในตอนเย็น กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็ 16.30 น. แล้ว
             ไปถึงตึกพระศรี ชั้น 4 กดกริ่งเรียกพยาบาล พยาบาลแจ้งให้เปลี่ยนชุดเพื่อเข้าไปข้างใน ในใจคิดว่าต้องมีอะไรไม่ดีแน่ๆ เพราะไม่งั้นคงไม่ให้เราเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วพบหมอที่ฝากครรภ์  พบพยาบาลมุงดูเด็กคนนึง ซึ่งหายใจรวยรินเหลือเกิน ใช่แล้ว นั่นคือน้องโมเน่ต์ ลูกสาวของเรา สิ่งแรกที่พบคือ ลูกผมไม่มีมือทั้ง 2 ข้าง ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในใจตอนนั้นคิดถึงภรรยาเป็นที่สุด เค้าจะเป็นอย่างไรบ้าง
             คำแรกที่ผมพูดคือ ภรรยาผมทราบรึยัง เค้าเป็นยังไงบ้าง แล้วพยาบาลก็พาไปพบ ภรรยาร้องไห้ไม่หยุด ขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ ผมก็ได้แต่ปลอบเค้าว่า ไม่มีใครผิดหรอก นั่นคือลูกของเรา เค้าต้องรอด ด้วยตัวของเค้าเองให้ได้
             ลูกผมถูกส่งเข้าของ NICU โดยทันที น้ำหนักแรกเกิดคือ 1500 กรัม ไม่มีมือทั้ง 2 ข้าง มีเลือดออกในทางเดินอาหาร นั่นคือเบื้องต้นที่ผมทราบ  ผมมานั่งทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าเพราะอะไรลูกเราจึงเป็บเช่นนี้ เราดูแลเค้าดีทุกอย่าง ไปหาหมอตามนัดทุกครั้ง ผลอัลตร้าซาวน์ตอน 6 เดือนดีทุกอย่าง แต่หมอไม่ได้แจ้งเรื่องมือของน้องเลย แจ้งว่าเค้าอาจจะกอดอกอยู่ก็เป็นได้  (อันนี้หมอแจ้งหลังจากคุยกันหลังจากคลอด)  ถึงเราทราบก็ไม่สามารถทำแท้งได้
             วันนั้นเราจองห้องพิเศษรวม 4 เตียงไว้ (ด้วยงบประมาณที่เรามีไม่มากนัก)  เพราะคิดว่าหากภรรยาคลอดแล้วผมจะเฝ้าถึงประมาณ 2 ทุ่มแล้วจึงกลับบ้าน แล้วจะรีบมาเฝ้าเค้าแต่เช้า เพราะเราอยู่กัน 2 คน ส่วนญาติอยู่ต่างจังหวัดหมด
             แต่ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น  ภรรยาผมแน่นอนเวลานั้นสภาพจิตใจย่ำแย่อย่างที่สุด ไม่สามารถที่จะนอนอยู่คนเดียวได้อย่างแน่นอน  ผมจึงบอกพยาบาลว่ามีห้องเดี่ยวว่างรึเปล่า พยาบาลก็พยายามหาให้อยู่สักพัก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ เราจึงต้องอยู่ห้องรวมไปก่อนในคืนแรก และผมก็ต้องรีบกลับให้ถึงบ้านก่อน 3 ทุ่ม เพราะเค้าประกาศเคอร์ฟิวส์  ก่อนกลับพยายามให้กำลังใจเค้า ฝากพยาบาลเพื่อดูแลเค้าแทนผม และที่ขาดไม่ได้ คือแวะไปเยี่ยมลูกที่ตึกเจ้าฟ้า ห้อง NICU แล้วบอกเค้าว่าพรุ่งนี้พ่อจะพาแม่มาเยี่ยมนะลูก และได้คุยกับคุณหมอที่ดูแลน้องบ้างนิดหน่อย อาการโดยรวมในวันแรกยังทรงๆ ให้เครื่องช่วยหายใจ และยาฆ่าเชื้อ และ ณ เวลานั้นไม่มีใครบอกได้ว่าน้องเค้าเป็นอะไรอีกรึเปล่า นอกจากภายนอกที่เราเห็น
            แน่นอนตลอดทั้งคืน ผมและภรรยา คงไม่มีใครนอนหลับได้ ผมรีบตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปถึงโรงพยาบาลแต่เช้า ไปถึงเห็นภรรยานอนอยู่บนเตียง แน่นอนสภาพที่เห็นคือไม่ได้นอนทั้งคืน เค้าบอกกับผมว่านอนไม่หลับเลย เตียงข้างๆ เค้าเอาลูกมากินนม ได้ยินเสียงเด็กร้อง เค้าก็คิดว่าทำไมเค้าไม่มีโอกาสอย่างนั้นบ้าง แม้แต่อุ้มลูกก็ยังไม่ได้อุ้ม แม้แต่จะสัมผัสเค้า ก็ยังทำไม่ได้ วันนั้นผมตั้งใจว่ายังไงก็จะหาห้องเดี่ยวเพื่อให้แฟนผมเค้าได้พักผ่อนบ้างในคืนที่เหลือที่จะอยู่โรงพยาบาล ต้องขอขอบคุณพี่ๆ พยาบาลมากๆ ที่พยายามหาห้องเดี่ยวให้เราได้ แต่ต้องย้ายเวลาประมาณ 6 โมงเย็น
            ช่วงสายของวันที่สองนั้นเอง  ผมพาภรรยาไปเยี่ยมลูกเป็นครั้งแรก  สิ่งที่เห็นคือมีสายระโยงระยางเต็มไปหมดในตัวเค้า น้องไม่มีมือที่จะเจาะสายให้ยาและน้ำเกลือ เลยต้องมาเจาะที่เท้าทั้งสองข้าง เค้าคงเจ็บมากๆๆ แต่ก็คงพูดไม่ได้ จะร้องก็ไม่ได้  คุณหมอบอกว่าเรายังไม่ทราบว่าน้องเป็นโรคอะไรแน่ เท่าที่ทราบ
คือตอนนี้น้องยังหายใจไม่สะดวก มีเลือดออกในทางเดินอาหาร และเกร็ดเลือดต่ำ ต้องให้วิตามินเค เราอยู่ดูเค้าสักพัก แล้วผมจึงพาภรรยากลับไปพักผ่อน
            ช่วงบ่ายเรากลับไปเยิ่ยมลูกอีกครั้ง เพราะอาจารย์หมอจะเข้ามาดูน้อง และเราจะได้ถามถึงอาการน้องอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง คุณหมอแจ้งว่า น้องเค้าเป็นโรคหัวใจระดับ Medium เพิ่มขึ้นมาอีก ทุกอย่างก็ยิ่งเศร้าเข้าไปอีก พร้อมกลับตึกไปด้วยอาการสับสน ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เรา 2 คนไม่มีใครเลยที่จะคอยให้เราปรึกษา
            ช่วงเย็นเราได้ย้ายไปอยู่ห้องเดี่ยว วันนี้ผมได้นอนเฝ้าภรรยา วางแผนอนาคตกันใหม่หมด ลูกของเราจะเป็นยังไงต่อไป เค้าจะสู้ไหวรึเปล่า เค้าจะทรมารมากมั้ย ทุกอย่างมันวนเวียนอยู่ในสมองเราทั้งสองอยู่อย่างนั้น
นอนหลับๆ ตื่นๆ จนเช้า ภรรยาแผลดีขึ้นมาก เราเลยคิดกันว่าจะขอออกจากโรงพยาบาลวันนี้เลย เพราะไม่อยากให้เสียค่าใช้จ่ายมาก หมอที่ทำคลอดตรวจแผล พร้อมให้กลับบ้านได้ในตอนบ่ายของวันนั้นเอง
            ในเช้าวันที่สาม ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล เราไปเยี่ยมลูกอีกครั้ง วันนี้อาการน้องเค้าดีขึ้น หายใจได้เอง ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว เลือดที่ออกในทางเดินอาหารเริ่มน้อยลง และที่สำคัญเค้าสามารถทานนมได้บ้างแล้วทางสายยาง   เกร็ดเลือดก็สูงขึ้นแล้ว
            เมื่อกลับบ้านแล้ว  ภรรยาผมเค้าจะไปเยี่ยมลูกทุกวัน  พยาบาลบอกว่าให้คุณแม่พยายามบีบนมเก็บไว้ให้ลูกได้ทาน แต่ภรรยาไม่มีน้ำนมเลย เพราะเครียดมากๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็พยายามบีบกว่าจะได้แต่ละหยดลำบากมากๆ กว่าจะได้ แต่ละออนส์  นั่งบีบอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนไปเยิ่ยมลูก ก็ตื่นสี่เพื่อบีบนมให้ได้บ้าง เพื่อให้ลูกได้ทาน
             ผ่านไป 4 วัน น้องทานนมได้มากขึ้น แต่ภรรยาผมเค้าบีบนมได้น้อยมากๆ ต้องกินนมผสมของทางโรงพยาบาล ควบคู่ไปด้วย จนภรรยาต้องมาโพสขอบริจาคนมของแม่ๆ ในห้องชานเรือน ตามกระทู้นี้
ซึ่งได้นมมาหลายถุงมากๆ ภรรยาดีใจมาก แต่เมื่อเอาไปโรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าใช้นมแม่ของคนอื่นไม่ได้ ต้องใช้ของคุณแม่เอง น้ำตาซึมอีกครั้ง ลูกไม่ได้ทานนมแม่อีกแล้ว

****************************************************

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทักท่านที่เข้ามาให้กำลังใจครอบครัวของเรานะครับ ทั้งที่นี่ และหลังไมค์ รู้สึกอบอุ่น และซาบซึ้งมากๆ ครับ

   ขอ Update ข่าวน้องนิดนึงนะครับ

          ตอนนี้น้องได้ไปอยู่ที่ต่างจังหวัดกับคุณแม่ของผม และพี่สาวของผม แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากว่าภรรยาผมครบกำหนดลาคลอดที่บริษัท ครบ 3 เดือนแล้ว และพี่เลี้ยงที่เราเคยติดต่อไว้แถวที่บ้านที่นนทบุรี พอทราบว่าน้องเป็นอะไรก็ไม่มีใครกล้ารับเลี้ยงเลย  ก่อนครบกำหนดไปทำงานของภรรยา ผมเลยพาน้องกลับต่างจังหวัด เพื่อให้ภรรยาผมสอนวิธีการให้นม สอนวิธีการดูแลน้องเค้า กับคุณแม่ และพี่สาวของผม ซึ่ง ณ ตอนนี้น้องโมเน่ต์แข็งแรงขึ้นมากครับ อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่นั่นดีมากครับ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น
         คุณแม่ผมจะเรียกน้องโมเน่ต์ว่าลูกนกของแม่ (เพราะเวลาเรามองดูเค้าเค้าจะทำแขนเหมือนลูกนกครับ)  
พัฒนาการของน้องดีขึ้นมากครับ ตอนนี้เริ่มไม่อยู่นิ่ง พยายามยกคอ พยายามถีบขาตัวเอง บางครั้งก็จะพลิกตัวแล้ว
เลยต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ครับ เพราะเวลาน้องพลิกคว่ำแล้ว น้องจะพลิกกลับมาหงายเหมือนเดิมลำบากมาก เพราะไม่มีแขนคอยยันไว้
         ตอนนี้แพ้ pampers ครับ เลยต้องมาใส่ผ้าอ้อมเหมือนเดิม แต่น้องจะฉี่บ่อยมากๆ วันนึงๆ หมดผ้าอ้อมเยอะมากๆ  เกือบ 30 -40 ผืน ต่อวันเชียว เพราะอากาศเย็น ฝนตกทั้งวันเลย
         มีคุณแม่หลายท่านหลังไมค์มาว่าจะส่งเครื่องปั้มนมคุณแม่มาให้ ต้องขอขอบคุณมากๆ นะครับ แต่ว่าตอนนี้น้องทานนมผสมแล้ว ซึ่งนมของคุณแม่ก็คงแห้งไปหมดแล้ว ซึ่งน้องทานนมได้เยอะมากๆ ในตอนนี้
เมื่อก่อนจะให้ครั้งละ 32ml ทุก 3 ชม. แต่ตอนนี้ เพิ่มเป็น 40ml ทุกๆ 2-3 ชม. แล้ว
         น้องโมเน่ต์ตอนนี้เริ่มมีเสียงอ้อแอ้ บ้างแล้ว มียิ้มบ้างเวลาเราหยอกล้อเค้า บางทีเอาอะไรมาแขวนไว้ ก็จะมอง แล้วก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว แล้วก็จะร้องเวลาฉี่ และไอ้เจ้านิ้วมือแต่ละข้างนี่แหละตัวร้ายเลย ชอบเอาไปเกี่ยวสายที่ให้นมออกจากปาก เมื่อก่อนพอสายหลุดเราต้องพาน้องไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอ หรือพยาบาลใส่ให้ แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับพี่สาวผมเค้าหัดจนใส่เองได้แล้ว โมเน่ต์อยากดึงตอนไหนก็ดึงได้เลย แต่หนูจะต้องทนเจ็บเวลาตอนใส่หน่อยนะลูก นี่คือคำพูดของพี่สาวผมที่บอกน้อง  เหมือนจะรู้ หลังๆ ไม่ยักจะดึงออกแล้ว
          น้องโมเน่ต์เป็นหลานคนแรกของครอบครัวผม ทำให้คุณแม่และพี่สาวผมท่านรักมากๆ เค้าบอกว่านี่แหละ เค้าจะนำโชคมาให้เรา
          ผมและภรรยาจะกลับไปหาลูกให้ได้ทุกอาทิตย์ครับ แม้จะไกลหน่อยแต่เราก็คิดถึงเค้ามาก ๆ ตอนนี้ก็นั่งมองดูรูปเค้าทุกวัน โทรถามแม่ที่บ้านทุกวัน
          น้องจะกลับมาหาหมอที่ศิริราชอีกครั้งวันที่ 2 พ.ย. ครับ ถึงตอนนั้นท่านใดอยากมาเยี่ยมน้องที่นนทบุรี เรายินดีมากครับ
          ***ขอบคุณทุกๆ ท่าน อีกครั้ง ที่มีความห่วงใยต่อน้องโมเน่ต์ ครับ ***

**** Update รูปน้องที่กระทู้ 553 นะครับ****

แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 14:34:17

แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 08:48:58

แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 10:48:36

แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 09:02:16

แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 09:02:39

จากคุณ : mixerblue
เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 09:46:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com