ในชีวิตผม... เรื่องการศึกษา ผมตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบมากนัก ต้องเรียนเพราะไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีความรู้ในการเลือกเรียนมากนัก
แต่ก็มีความภูมิใจอยู่นิดๆ ที่การเรียนทุกอย่างผมตัดสินใจด้วยตนเองเกือบทั้งหมด (เตี๋ย แม่ และพี่น้องไม่สามารถให้คำแนะนำได้เพราะมีความรู้ไม่มากนัก) บางครั้งตัดสินใจเรียนผิดพลาดแต่ก็ยังโชคดีที่กล้าตัดสินใจอีกครั้งว่า ทางเลือกข้างหน้านี้ไม่น่าใช่ ? ไม่น่าเป็นสาขาที่ทำให้ผมมีงานทำที่ดีและมั่นคง ในวันข้างหน้า
ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าอะไร ? ทำให้ผมคิดมากในการเลือกสาขาที่เรียนในตอนนั้นโดยไม่มีใครแนะนำ แต่คิดได้ด้วยตนเอง และช่วยเปลี่ยนการเรียนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต(ในวันข้างหน้า) ที่ผมหันกลับ 180 องศา เป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยอะไรดลใจให้ทำอย่างนั้นก็ไม่รู้ แต่ก็ช่วยทำให้ผมเริ่มตั้งต้นชีวิตการศึกษาด้วยความถูกต้อง ? จนมีงานทำถึงทุกวันนี้
ข้อนี้ถ้าให้คะแนน น่าจะแค่สอบผ่านแบบฉิวเฉียด เส้นยาแดงผ่าแปด(กระมัง) เอาไปสัก 5 คะแนนก็น่าจะพอแล้ว
----------------------------------------------------------------------------- ชีวิตการทำงาน
หลังจากจบปริญญาตรี แบบเกรดปานกลาง ไม่โดดเด่นอะไรมากนักในหมู่เพื่อนๆ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ผมแทบไม่ถนัดเลยก็ว่าได้ (เพราะจริตแท้จริงถนัดการท่องจำมากกว่า) ผ่านมาโดยไม่ตก ถือว่าผมยังพอมีโชคอยู่บ้างที่เจียดเวลามารีบ(ขยัน)อ่านตอนใกล้สอบ
สิ่งที่ผมถือว่าโชคดีอย่างหนึ่งในชีวิต คือ ในสมัยก่อนงานหาไม่ยากมากนัก ทำให้เมื่อจบมาไม่นานเท่าไหร่ก็ได้งานทำ และมีงานทำ มีรายได้ทุกเดือนมาจนถึงทุกวันนี้ (การมีรายได้ประจำอย่างมั่นคง คือ เสาหลักแรกของการมีอิสรภาพทางการเงิน ในอนาคต)
แม้ว่าชีวิตการทำงานจะไม่รุ่งเรือง เท่ากับเพื่อนที่เข้ารุ่นเดียวกันซึ่งก้าวหน้าไปหลายช่วงตัว แต่ก็มีความสุข(มาก)ในการทำงาน เพราะใช้หลัก "อิทธิบาทสี่" คือ ต้องมี "ฉันทะ" คือ "ความชอบ"ในสิ่งที่ทำให้ได้ก่อน แล้ว วิริยะ จิตตะ วิมังสา จะตามมาเอง
ภูมิใจในแนวทางและหลักการการทำงาน ที่ตนเองกำหนดไว้ตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้ เช่น - พยายามทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนที่ได้รับ - เสียสละให้องค์กรบ้างตามความพร้อมและโอกาส - ไม่ประจบผู้บังคับบัญชา - พอใจในการขึ้นเงินเดือนประจำปีและ ดีใจที่ได้แบ่งเปอร์เซ็นต์ที่ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาบ้าง (มาถึงวันนี้) แม้ว่าจะมีหัวหน้าบางคนมาบอกว่าอย่าทำอีก แต่ก็พิสูจน์ว่าเป็นสิ่งดี เพราะปัจจุบันในหน่วยงานเริ่มมีคนนำไปใช้บ้างแล้ว ฯลฯ
ข้อนี้ถ้าให้คะแนน ก็น่าจะได้สัก 6.5-7 คะแนน
---------------------------------------------------------------------------- การเริ่มสร้างคุณค่าให้ตนเอง
แม้ว่าผมจะมีงานทำ เริ่มมีเงินเดือนใช้จ่าย แม้จะไม่มีหนี้สิน แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บมากนัก ทำงานหลายปี มีเงินเก็บแค่หลักหมื่น(เอง)
อาจจะเพราะให้แม่ ใช้จ่ายตามประสาผู้ชาย ซื้อหนังสือ ดูหนัง ฯลฯ ยิ่งช่วงนั้นเพิ่งรู้จักคอมพิวเตอร์ โปรแกรม เกมคอมฯ ใหม่ๆ ฯลฯ ทำให้มีความสนใจมาก เพราะตรงกับจริต จึงลงทุนซื้อเครื่องคอมฯ หาโปรแกรมคอมฯ และเกมคอมฯ มาใช้งาน มาเล่น เพื่อความรู้ ความบันเทิง ฯลฯ แม้จะเป็นเงินหลักแสน แต่ก็ไม่เคยเสียดาย อาจเพราะเป็นสิ่งชอบและ ใช้ในการทำงานได้ด้วย
และสิ่งที่ลงทุนเมื่ออดีต ก็เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ผมมีพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานได้ และเพื่อนร่วมงานยอมรับว่าพอมีความรู้ที่ให้คำแนะนำการใช้งานได้ และสามารถนำความรู้ที่มีมาต่อยอดด้านสารสนเทศ ใช้ในการทำงาน ความบันเทิง ฯลฯ จนถึงทุกวันนี้
ข้อนี้ถ้าให้คะแนน น่าจะได้ใกล้เคียงข้อก่อนหน้านี้ คือ 6-6.5 คะแนน
---------------------------------------------------------------------------- การสร้างฐานะ
สิ่งสำคัญอย่างมากที่สุดอย่างหนึ่ง ที่หักเหชีวิตผม เปลี่ยนชีวิตผมแบบก้าวกระโดด โดยไม่รู้ตัว
อาจเริ่มมาจาก... ความชอบในการอ่านและซื้อหนังสือมาอ่านอยู่เสมอ ยิ่งมีงานทำ มีรายได้ยิ่งทำให้การอ่านหนังสือมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
จนมาวันหนึ่ง... ผมเจอหนังสือเล่มหนึ่งและเป็นเล่มแรกในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมอย่างมาก
ช่วยให้ผมเข้าใจชีวิตในอนาคตมากขึ้นว่า ควรวางแผนเรื่องเงินทองในปัจจุบันเพื่ออนาคตอย่างไร ? ควรเริ่มต้นการออม การลงทุนในปัจจุบันเพื่ออนาคตที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างไร ? ฯลฯ
หนังสือเล่มนั้น คือ "ออมก่อนรวยกว่า" โดย นวพร เรืองสกุล
หนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผม สนใจหาหนังสือแนวนี้มาอ่านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนักเขียนหลายๆคน ซึ่งหนึ่งในนั้นย่อมต้องมีหนังสือของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดาของนักลงทุนแบบคุณค่า (Value Investor) ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันเริ่มมีนักลงทุนสนใจลงทุนในแนวทางนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งผมที่เพิ่งเริ่มต้นและยังประสบความสำเร็จแค่เล็กน้อย แต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้น พัฒนาในทางดีขึ้น (ได้กำไรมากกว่าขาดทุน) ตามลำดับ
ยิ่งได้อ่านบทความ "ชีวิตคือการลงทุน" ของ ดร.นิเวศน์ฯ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่เดินทางในแนวทางนี้ คือ การเริ่มต้นนำเงินเย็นมาลงทุนในหุ้นมากกว่า 6 ปี เป็นความคิดที่ถูกต้อง ?
เพราะการลงทุนในหุ้น เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดอย่างหนึ่งของโลก
และทำให้ผมตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า หลังจากเกษียณอายุแล้วในวันข้างหน้า วันที่ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ประจำแล้ว ผมจะนำเงิน(บางส่วน)ที่สะสมไว้ ตั้งแต่ทำงานจนถึงวันที่เกษียณมาลงทุนให้หุ้นตลอดชีวิต
เงินส่วนอื่นๆที่เหลือ ก็จะจัดพอร์ตการลงทุนในแบบต่างๆโดยยึดหลักการอย่างมั่นคง แน่วแน่ คือ "วางไข่ไว้หลายตระกร้า" เพื่อกระจายความเสี่ยงและต้องให้ผลตอบแทน ชนะเงินเฟ้อ เพื่อทำให้เงินต้นไม่หายไปหรือหายไปช้าที่สุด
เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินบ้าง มีชีวิตที่มีคุณภาพพอสมควรจนถึงวันที่จากโลกนี้ไป และมีเงินเหลือที่จะยกให้ลูก-หลานไว้ใช้ลงทุนต่อไปในอนาคต (ผมวางแผนจะศึกษา เรียนรู้จริตของลูก-หลาน ถ้ามีจริตเหมาะสม จะสอนให้ลงทุนในหุ้น ให้หาเงินจากตลาดทุน นอกจากการหางานทำ ซึ่งในอนาคตน่าจะไม่มั่นคงเหมือนอดีตอีกแล้ว ?)
ข้อนี้ผมขอให้คะแนนมากกว่าทุกข้อสักประมาณ 7.5-8.5 คะแนน เพราะเป็นสิ่งที่ผมเริ่มต้นด้วยตนเอง ศึกษาเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ด้วยความอดทนพอสมควร จนมีทุกวันนี้...
ถ้าผมมีเวลาและมีคนสนใจ ผม(อาจ)จะเล่าให้ฟังในบทความต่อๆไปว่า ผมมีวิธีการลงทุนในหุ้นอย่างไร ? อะไร ? ทำให้ผมมั่นใจจะลงทุนในหุ้นไปตลอดชีวิต
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 53 17:51:13
จากคุณ |
:
Learn and Live
|
เขียนเมื่อ |
:
1 พ.ย. 53 17:49:28
|
|
|
|