Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพิ่งเสียหลานชายวัย1.3ปีไปด้วยโรคไวรัสลงกระเพาะ ติดต่อทีมงาน

เพิ่งเสียหลานชายไปเมื่อวานค่ะแบบว่า ช๊อคมาก กับหลานคนนี้เป็นลูกชายของพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้องเรา) ซึ่งเราเองยังไม่เคยได้เห็นหน้าหลานชายคนนี้เลยเพราะอยู่คนละจังหวัด กะว่าสิ้นปีนี้ จะไปเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อวานกลับได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวตัวเองว่า หลานชายเสียแล้ว เราก็ งง มาก ไม่มีข่าวการเจ็บป่วยเลย ทำไมถึงเสียชีวิต จนได้รู้มาว่า แม่ของน้องได้ให้ ตา ยาย ซึ่งก็คือ ลุงกับป้าของเราเลี้ยงช่วงจันทร์-ศุกร์ ส่วนเสาร์อาทิตย์จึงมารับกลับเพราะแม่เด็กทำงานโรงงานแถวพระประแดง ส่วนตายายก็ รับจ้างทั่วไปแถววัดครุในพระประแดงเช่นกัน
จึงอาสารับเลี้ยงหลานเพราะจะได้ลดรายจ่ายค่าเนอสเซอร์รี่ไป
แต่สองวันที่ผ่านมา น้องท้องเสียมาก มีไข้ ลุงกับป้าจึงพาไปหาหมอ
ซึ่งหมอก็จ่ายยามา แต่ไม่ได้ให้แอทมิท อะไร ตกกลางคืน น้องก็นอนนิ่ง ไม่ไหวติงแล้ว
ลุงกับป้าก็พาไปหาหมออีกปรากฏว่า หมอแจ้งว่าน้องเสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาลแล้ว เราเองก็ไม่ทราบอาการแน่ชัดว่าหลานเราเป็นหนักหรือไม่หนัก
ทางโรงพยาบาลจึงไม่รับแอดมิทตั้งแต่แรก
แล้วหมอเองก็วินิจฉัยว่า น้องเป็นไวรัสลงกระเพาะ

เราเอง ตอนนี้ก็กำลังพยายามจะมีลูก เข้าออกห้องนี้บ่อย เพราะหาความรู้เรื่องการตั้งครรภ์ เพราะเราเองก็ผ่าตัดท้องนอกมดลูกมาเมื่อต้นปี ตอนนี้อยากมีลูกมาก
จึงอยากให้แม่ๆชานเรือนได้รู้จักโรคนี้กันบ้างว่าเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร เพราะไม่อยากให้สูญเสียแก้วตาดวงใจไปกระทันหัน อย่างครอบครัวของพี่สาวเราในวันนี้  
ขอให้หลานไปสู่สุขคติจ้ะ ถึงเรายังจะไม่ได้เจอกันเลยสักครั้ง แต่ว่าน้าก็ดีใจที่เราเคยได้เป็นน้าหลานกัน เกิดมาใช้สายเลือดร่วมกันจ้ะ



มารู้จักกับเจ้าไวรัสลงกระเพาะในเด็กกัน อันตรายถึงชีวิต
เครดิต ตามลิงค์นะคะ

โรคไวรัสหรือหวัดลงกระเพาะ ซึ่งบางครั้งอาการอาเจียนหรือท้องเสียก็รุนแรงมากจนทำให้ลูกทานนมหรืออาหารไม่ได้ มีอาการขาดน้ำรุนแรงจนหมอต้องรับตัวลูกไว้รักษาในโรงพยาบาลและเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่พบบ่อยมากในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี จนแทบจะพูดได้ว่าเด็กในวัย 5 ปีแรกทุกคนจะต้องเคยเป็นโรคนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
จึงควรมาทำความรู้จักโรคนี้เพื่อจะได้ทราบวิธีป้องกันและดูแลรักษาโรคนี้กันดีกว่า


1. ไวรัสลงกระเพาะพบบ่อยในเด็กวัยใดและฤดูไหน ?

โรคไวรัสลงกระเพาะมักเป็นในฤดูหนาวพบบ่อยช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ มักจะเป็นในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยเฉพาะช่วงอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี เพราะเป็นวัยที่มีภูมิต้านทานต่อโรคนี้ต่ำและมีพฤติกรรมชอบเอาของเข้าปาก


2. สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคไวรัสลงกระเพาะ ?

โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่เกิดจาก ไวรัสโรตา (Rota virus) พบได้ถึงร้อยละ 16 ถึง 58% ของเด็กที่ป่วยเป็นโรคท้องเสียที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โรคนี้ติดต่อได้ง่าย โดยเฉพาะทางปาก จากอาหาร ของเล่น หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่โดยรอบตัว เช่น เชื้อไวรัสจากคนที่ป่วยท้องเสียจะถูกขับออกมาทางอุจจาระ หากขับถ่ายไม่เป็นที่และกำจัดอุจจาระไม่ถูกต้องอาจทำให้เชื้อโรคออกมาปนเปื้อนกับสิ่งของต่างๆ ซึ่งเมื่อเด็กหยิบของนั้นเข้าปากหรือเชื้อโรคติดกับมือคนที่ดูแลเด็กโดยไม่ได้ล้างมือให้สะอาด ก็จะทำให้เด็กได้รับเชื้อไวรัสนี้เข้าไป


3. อาการของโรคไวรัสลงกระเพาะ ?

หลังจากเด็กได้รับเชื้อประมาณ 2-3 วัน จะเริ่มต้นด้วยการมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และมักจะตามด้วยอาการปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลว บางคนอาจมีน้ำมูกไหลและไอร่วมด้วย ซึ่งโดยทั่วไปอาการไข้และอาเจียนมักจะหายเองภายใน 2-3 วัน ส่วนอาการท้องเสียมักเป็นอยู่ประมาณ 3-9 วัน


4. ความรุนแรงและอันตรายของโรค ?

อาเจียนและท้องเสียนั้นเด็กบางคนอาจมีอาการไม่รุนแรง เพียงดูแลตามอาการก็จะดีขึ้นจนหายไปได้เอง แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนทำให้กินอาหารไม่ได้ ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรงจนต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล เพราะหากให้น้ำเกลือไม่ทันอาจจะรุนแรงจนทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าเด็กโตเพราะภูมิต้านทานน้อยและตัวเล็กกว่า


นอกจากนี้ในรายที่เป็นรุนแรงเชื้อไวรัสโรตาจะทำลายเยื่อบุลำไส้ ทำให้ลำไส้ขาดส่งผลให้น้ำย่อยที่ใช้ย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนมไม่ทำงานทำให้เกิดอาการท้องเสียมากขึ้น ถ่ายเหลว ท้องอืด เวลาถ่ายจะมีแก๊สหรือลมออกมาด้วย หลังจากเด็กกินนมไปไม่นาน และผิวหนังบริเวณก้นรอบทวารหนักจะมีผื่นแดง ถ้ายังให้เด็กกินนมตามปกติจะยิ่งทำให้มีอาการท้องเสียเรื้อรังไม่หายและเป็นโรคขาดอาหารได้ ดังนั้นการดูแลรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกหายเร็วไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงจนเกิดผลเสียหรืออันตรายต่อชีวิต


5. วิธีดูแลรักษาเบื้องต้นที่บ้านก่อนพาลูกไปหาหมอ ?

ให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ที่เหมาะสำหรับเด็กท้องเสีย อาจจะเป็นชนิดน้ำหรือผงเกลือแร่ ไม่ควรใช้น้ำอัดลมและน้ำเกลือแร่ชนิดขวดสำหรับนักกีฬาผสมเพราะปริมาณน้ำตาลเกลือแร่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ควรให้ลูกจิบ-ดื่มน้ำเกลือแร่ทีละน้อย แต่บ่อยๆ และไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ครั้งละมากๆ เพราะอาจทำให้ลูกอาเจียนมากขึ้น




6. ให้ลูกกินอาหารและนมอย่างไรดีเมื่อลูกอาเจียนและท้องเสีย ?

หากเด็กที่มีอาการท้องเสียไม่มาก ควรให้กินอาหารและดื่มนมตามปกติและไม่ควรเจือจางนม เพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ส่วนเด็กที่ท้องเสียอย่างรุนแรงควรให้กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊ก แต่ถ้ามีอาการอาเจียนควรให้กินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้กระเพาะตึงและช่วยลดอาการอาเจียนลงได้ ควรงดผัก ผลไม้ และน้ำผลไม้เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียมากขึ้น แต่กรณีที่ลูกไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสได้หมอจะเปลี่ยนเป็นนมวัวหรือนมถั่วเหลืองแทนประมาณ 3-7 วัน เพราะไม่มีน้ำตาลแล็กโทส เมื่อเด็กหายเป็นปกติแล้วก็สามารถกลับมากินนมชนิดเดิมได้


7. ไม่ควรให้ลูกกินยาประเภทใด ?

กรณีที่ลูกมีอาการปวดท้องและอาเจียน อาจให้ยาแก้ปวดท้องหรืออาเจียนตามอาการได้แต่ไม่ควรให้กินยาแก้อักเสบหรือยาปฏิชีวนะ เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสการกินยาปฏิชีวนะจึงไม่ช่วยให้โรคนี้หายเร็วขึ้น แต่กลับจะมีผลเสียและผลข้างเคียงทำให้อาการท้องเสียมากขึ้นและหายช้าลงเพราะผลข้างเคียงจากยา เช่น Amoxycilin, Augmentin ส่วนยาแก้ท้องเสียจะยิ่งทำให้เชื้อโรคหรือสารพิษคั่งค้างอยู่ในลำไส้นานขึ้น


8. เมื่อไหร่จึงควรพาลูกไปหาหมอ ?

หากอาการอาเจียนหรือท้องเสียไม่ดีขึ้นและลูกเริ่มมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง เช่น ปากแห้ง กระหม่อมหรือเบ้าตายุบ ไข้สูง ซึมลง กระวนกระวาย หอบเหนื่อย ปัสสาวะน้อยลง หรืออาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน เป็นเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ถ่ายเป็นมูกเลือดหรือมีอาการที่คุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจควรพาลูกไปพบแพทย์โดยด่วน


9. หมอทำอย่างไร เมื่อรับตัวเด็กท้องเสียไว้รักษาตัวที่โรงพยาบาล ?

เด็กที่มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียจนมีอาการขาดน้ำหรือเกลือแร่อย่างรุนแรงหมอจะรีบให้น้ำเกลือแร่เข้าหลอดเลือดดำเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำและเกลือแร่นั้นให้เข้าสู่ภาวะปกติ จะตรวจอุจจาระเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อโรคอะไร เพื่อจะได้รักษาให้ถูกต้อง ตรวจเลือดเพื่อดูว่าระดับเกลือแร่ในเลือดมีความผิดปกติมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ปรับความเข้มข้นของเกลือแร่ในน้ำเกลือให้เหมาะสม


เมื่อเด็กพ้นภาวะวิกฤตฉุกเฉิน เช่น ภาวะช็อก ระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ หมอจะพิจารณาเริ่มให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ กินอาหารอ่อน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ และดื่มนม เช่น นมแม่ หรือนมชนิดเดิมตามความเหมาะสม แต่ถ้าหากเด็กมีปัญหาไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสได้จะพิจารณาให้นมที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทสแทนประมาณ 3-7 วัน เมื่ออาการถ่ายดีขึ้นจึงจะพิจารณาให้กลับมากินนมเดิมที่เคยทานอยู่ต่อไป


10. วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคไวรัสลงกระเพาะ ?

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดได้แก่

ขับถ่ายอุจจาระลงส้วมให้ถูกสุขลักษณะไม่ให้ออกมาปนเปื้อนกับอาหารหรือสิ่งแวดล้อม ต้องล้างมือให้สะอาดหลังขับถ่าย


ควรต้มหรือนึ่งขวดและจุกนมอย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนใช้ทุกครั้ง และควรรับประทานอาหารที่สะอาดและสุกแล้ว


ปัจจุบันเริ่มมีการผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรตาแล้วครับ วัคซีนบางชนิดกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา บางชนิดอยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ และบางชนิดเพิ่งได้รับการจดทะเบียนและเฝ้าติดตามประสิทธิภาพในการป้องกันโรคและความปลอดภัยของวัคซีน คาดว่า คงจะมีการนำเข้ามาใช้ในอนาคต


แต่ก่อนจะรอให้วัคซีนมา การป้องกันและดูแลลูกน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


เครดิตจาก   http://nonglukepad.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/reviews/item/2
ขอบคุณค่ะ


แก้ไขคำสะกดผิดค่ะ

แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 53 14:59:06

จากคุณ : badfriday
เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 14:03:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com