ความคิดเห็นที่ 1 ใช้วิธีนี้ได้รึเปล่าครับ สังเกตสิ่งที่ลูกคุณชอบดูครับ  แล้วเอามาตั้งเงื่อนไขให้กับลูก  เช่น  ลูกคุณอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง  ก็บอกเงื่อนไขลูกว่า ถ้าลูกอ่านหนังสือเล่มนี้ให้แม่ฟัง แล้วจะซื้อให้ เริ่มแรกอาจจะเป็นนิทานมีไม่กี่หน้า  แล้วค่อยเพิ่มจำนวนไปเรื่อยๆ  แล้วแต่สมควร ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลรึเปล่านะครับ  แต่ผมเคยรู้จักกับ คนๆ หนึ่งครับ  เค้าจะให้ลูกท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ ครับ  โดยใช้วิธีที่ผมกล่าวข้างต้นแหละครับ  เริ่มจาก 5 คำ  ไปเรื่อยๆ  ผลก็คือ  ตอนนี้เด็กคนนั้นกลายเป็นดิกชันนารีไปแล้วครับ 5555 จากคุณ : pisanur เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 16:18:42

ความคิดเห็นที่ 2 อย่างแรกเลย คุณแม่ต้องเลิกเครียดก่อนค่ะ เพราะว่าแม่เครียดลูกก็เครียดไปด้วย แล้วลูกก้จะไม่สนใจต่อสิ่งที่คุณแม่อยากให้ทำ ส่วนการอ่านหนังสือ ของเราสลับกันเลยค่ะ ที่โรงเรียนลูกสอนให้อ่านและจำเป็นตัว ๆ ไป ไม่สอนอ่านแบบสะกด ดิฉันก็ให้ลูกอ่านแบบที่โรงเรียนสอนก่อน แล้วดิฉันก็มาสอนเพิ่มเองสำหรับการอ่านแบบสะกดคำ....ตอนนั้นดิฉันก็หาหนังสือการสะกดคำมาอ่านกับลูก ลูก ๆ เขาก็ชอบนะคะ เพราะหนังสือมีรูปและเป็นเรื่องราวที่สนุก แต่ในกรณีของลูก จขกท  ปิดเทอมนี้ลองค่อย ๆ สอนไปซิคะ เทอมหน้าลูกต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน (ดีขึ้นสำหรับตัวเขานะคะ อาจจะยังไม่ดีเท่าเพื่อน) เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 16:32:03

ความคิดเห็นที่ 3 ลองเอาวิธีไปปรับใช้ดูซิครับ การที่เราจะเอามาเข้าคอก ถ้าเราไปดันก้นหรือผลักมัน มันก็จะขัดขืน ไม่แน่ว่าเราอาจจะถูกมันเตะเอาด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราค่อยๆจูงมันเข้าคอก มันก็จะค่อยๆเดินตามเราไป เด็กๆ ก็เหมือนกันครับ ไม่ชอบการบังคับ สถานการณ์อย่างนี้คงต้องใช้เวลาครับ เพราะเด็กคงถูกปล่อยมานานแล้ว ลูกชายผมอยู่ อ.3 เข้าห้องน้ำยังเอาหนังสือไปอ่านเลย เพราะเห็นผมทำ ก็เลยทำตาม และผมก็เห็นว่าเขาอ่านจริงๆครับ สิ่งแวดล้อมก็มีผลนะครับ ลองดูหลายๆทางครับ ไม้อ่อนยังดัดง่ายครับ เป็นกำลังใจให้ครับ  อย่าท้อนะครับ เพื่อลูก จากคุณ : แค่บ่นเฉยๆ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 16:38:15

ความคิดเห็นที่ 4 ระดับชั้นเรียน และอายุเท่ากับลูกสาวเลยครับ :) แต่ของปุ่ยปุ๊ยเค้าจะอ่านได้ค่อนข้างคล่องมาตั้งแต่ ป.1 แล้วครับ ซึ่งเท่าที่ผมประเมิน ก็น่าจะมาจากที่เราสนับสนุนการอ่านของเค้ามาตั้งแต่ยังเล็กๆ ครับ คือ ตั้งแต่อายุ 2 ขวบกว่าจนถึงเกือบๆ 6 ขวบ ผมอ่านนิทานให้เค้าฟังก่อนนอนแทบทุกวัน อ่านไปก็จะชี้ชวนให้เค้าดูตัวอักษรในนิทานไปพร้อมๆ กันด้วย ผมมองว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เค้าอ่านหนังสือได้เร็ว เพราะหนึ่งคือได้ฝึกฝนมานานและข้อสองคือ ทำด้วยความสบายใจ ไม่เครียดครับ (เพราะเป็นหนังสือนิทาน) ดังนั้นถ้าจะฝึกน้องให้อ่านหนังสือให้คล่อง ก็ต้องเริ่มจากปลูกฝังให้รักการอ่านหนังสือครับ โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มจากหนังสือเรียน แต่อาจจะลองพาเค้าเข้าร้านหนังสือบ่อยๆ เปิดโอกาสให้เค้าได้เลือกหาอ่านหนังสือที่เค้าชอบครับ ส่วนในเรื่องการทำโจทย์ข้อสอบ โจทย์การบ้าน ตรงนี้จะอาศัยแค่การอ่านหนังสือคล่องคงไม่ได้ครับ เราผู้ปกครองคงต้องพยายามสอนเค้าให้เข้าใจความหมายของถ้อยคำต่างๆ รวมถึงการตีความ (โจทย์คณิตศาสตร์ระดับประถม 2 บางข้อเราเป็นผู้ใหญ่ยังต้องอ่านหลายๆ รอบครับ) ซึ่งต้องใช้เวลา และความอดทนในการฝึกฝนเค้าครับ โดยการหาโจทย์แบบฝึกหัดมาให้เค้าทำบ่อยๆ และเราต้องอยู่เป็นเพื่อนเค้า คอยให้คำแนะนำ และค่อยๆ สอนลูกไปแบบที่เราเองก็ต้องไม่เครียด ไม่กดดันเค้ามากจนเกินไปครับ ไม่แน่ใจว่าน้องได้เรียนพิเศษหรือยัง หากไม่ได้เรียน ก็อยากจะแนะนำให้เรียนครับ เพราะอย่างที่ จขกท.เล่า คือ น้องเพิ่งย้ายโรงเรียนมา ต้องอาศัยการปรับตัวมากกว่าเด็กคนอื่น การเรียนพิเศษจะช่วยให้น้องมีเวลาทำความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเรียนได้เร็วยิ่งขึ้นนะครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กวัยนี้ ก็คือการเรียนที่บ้านครับ ที่เราพ่อแม่ต้องพยายามช่วยเค้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้เค้ามีความพร้อมตอนไปโรงเรียนครับ จากคุณ : พ่อปุ๊ยกับปุณ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 16:40:04

ความคิดเห็นที่ 5 เด็กป.2 ควรจะต้องอ่านหนังสือได้คล่องพอควรแล้ว  ไม่เกี่ยวกับย้ายรร./ ปรับตัวไม่ได้หรอกค่ะ อ่านหนังสือไม่คล่อง ก็ไม่รู้ว่าโจทย์บอกอะไร ให้หาอะไร ยากที่หวังให้เด็กทำโจทย์ได้   น้องก็ยิ่งเบื่อหน่ายการเรียน ไม่แน่ใจว่าน้องจะมีปัญหา  LD รึเปล่า ...หรือรร.เดิมปล่อยปละละเลยมากเกินไป/เป็นรร.แนวเตรียมความพร้อมเต็มขั้นที่ไม่เน้นสอนอ่านเขียน   ..รวมทั้งการเลี้ยงดูที่ผ่านมาของทางบ้านด้วย คิดว่าน่าจะปรึกษาจิตเวชเด็ก เพื่อดูว่าน้องมีความบกพร่องทางการเรียนรู้อะไรมั้ย เพราะถ้าน้องมีปัญหาจริง คงจะต้องมีเทคนิกอีกเยอะ เรื่องหัดอ่าน ถ้าเป็นเรา จะทำ 2 ส่วน วิชาการ กับไม่วิชาการ วิชาการคือ นั่งสอนเองเลย แนะนำหนังสือภาษาไทยป.1 ของ สาธิตจุฬา มี4เล่มซื้อได้ที่ศึกษาภัณฑ์ /ศูนย์หนังสือจุฬา เริ่มต้นใหม่ตั้งแต่สระง่ายๆเลย ระดับนี้น่าจะผ่าน ไปได้เร็ว   ไม่วิชาการคือ พ่อแม่เป็นคนอ่านหนังสือให้เค้าฟัง  ให้น้องเป็นคนเลือกหนังสือ / เลือกเรื่องราวที่ลูกชอบ/สนใจอยู่ ** อย่าอ่านไป ถามลูกไปว่าคำนั้นอ่านว่าไร คำนี้อ่านว่าไร ..มั่นใจว่าลูกจะเบื่อ แล้วไม่อยากฟังพ่อแม่อ่านอีกแน่นอน อ่านแล้ว ให้เค้าวิจารณ์ แสดงความเห็น หรือถามตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน อย่าซีเรียสก็แล้วกัน เป็นการฝึกจับประเด็น พอน้องอ่านเองได้เมื่อไหร่ ก็จะจับใจความได้ดีด้วย     เมื่อไหร่ที่จะให้น้องอ่านเอง ควรเลือกหนังสือที่ง่ายกว่าความสามารถน้อง จะได้มีกำลังใจอ่าน   แนะนำหนังสือ อ่านอย่างอัจฉริยะ / ราชากะฤาษี / มานะมานี(มีebook เสิชหาได้จากอากู๋) และก็อีกเล่มที่ชอบมาก เป็นหนังสือหัดอ่านของศูนย์หนังสือจุฬา ผู้เขียนคนเดียวกับราชากะฤาษี เราจำชื่อหนังสือไม่ได้ ต้องกลับไปดูบ้าน สำคัญคือต้องทำสม่ำเสมอทุกๆๆวัน อย่าขี้เกียจ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย  :) แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 53 17:48:04 จากคุณ : lovelypam เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 17:45:37

ความคิดเห็นที่ 6 เช็กปัญหาเค้าดูให้ดีค่ะว่า 1.ไม่สามารถสะกดได้ดี    -->ไปเรียนสระพื้นฐานเพิ่ม และการสะกดคำเพิ่ม 2.ไม่สามารถจับใจความได้ -->ฝึกให้อ่านแบบเว้นช่องไฟ แรกๆให้ใช้ดินสอเขียนคั่นประโยคสั้นๆก่อน แล้วเทสต์เค้าเมื่ออ่านด้วยคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจ อย่าไปกดดันเด็กมากค่ะ บางทีเป็นเพราะหนังสือ เราเคยอ่านหนังสือเรียนภาษาไทยเดี๋ยวนี้แล้ว แบบเรียนของบางสำันักพิมพ์(ที่ลูกศิษย์ใช้เรียน)เห่ยมาก -*- บอกว่ามีโน่นมีนี่สารพัดที่หน้าปก แต่เนื้อหาเห่ย ไม่ได้สอดคล้องกับความรู้เด็ก ใช้คำเยิ่นเย้อ และเนื้อหาไม่ชวนอ่าน น่าเบื่อจริงๆ เทียบไม่ได้กับมานะ มานี ชูใจในสมัยก่อนเลยจริงๆ ค่ะ จขกท.จะลองโหลดมานะมานีมาอ่าน หรืออ่านผ่านเว็บ ฮ.ฮูกก็ได้นะคะ พิมพ์ว่ามานะมานี ฮ.ฮูก ก็จะมีหนังสือให้อ่านแล้วค่ะ สระและการสะกดคำจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปจากง่ายไปยาก เรายังใช้หนังสือเหล่านี้สอนภาษาไทยและการอ่านหลานอยู่เลย เค้าก็สนุกกับการอ่านดีค่ะ จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 19:24:02

ความคิดเห็นที่ 7 เด็กวัยนี้  ถ้าเป็นผู้หญิง ฮิตอ่านการ์ตูนลาฟอล่า เป็นการ์ตูนตลกๆ  รูปสวย อ่านสนุกตามวัย   นอกจากทำตามคห.6 แล้ว  หาหนังสือมาให้อ่านสิคะ หนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคนเรา น้องอาจจะเกิดความเครียดจากการย้ายโรงเรียน เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนเพื่อน และเปลี่ยนวิธีการเรียนค่ะ  ช่วงนี้คุณแม่คงต้องเหนื่อยหน่อยที่จะดันลูกให้ตามให้ทันเพื่อน  หากทันแล้วก็ผ่านฉลุย เมื่อเลือกที่จะย้ายโรงเรียนลูกแล้ว  ต้องสู้ๆนะคะ จากคุณ : bear in mind เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 19:46:17

ความคิดเห็นที่ 8 ให้อ่านง่ายๆให้คล่องก่อนค่ะ ไม่ต้องบังคับและกดดัน ให้เงื่อนไขบ้างแบบคห.1 แต่อย่าบ่อย อย่าทุกครั้ง ไม่ดี ดุว่าเป็นแอลดีหรือเปล่า อาจเป็นได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่  และไม่เป้นปัญหาต่อการใช้ชีวิต ลองประเมินและแก้ไขให้ถูกทาง ครูจะกดดันก็ช่าง แต่เราต้องเข้าใจลูก ไม่ปล่อยปละ แต่ก้ไม่ใช่ปล่อยไปเลย ให้กำลังใจ ทำเป็นแบบอย่างด้วยกัน จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 19:53:53

ความคิดเห็นที่ 9 ลองพาเข้าร้านหนังสือ ให้น้องเลือกหนังสือ (ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนก็ตาม) ที่เค้าชอบค่ะ เค้าจะได้เกิดความรู้สึกอยากอ่าน จากคุณ : ChemNizz เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:04:31

ความคิดเห็นที่ 10 คุณพ่อคุณแม่พาอ่านบ่อยๆค่ะ เอาเรื่องที่น้องชอบ อ่านจบก็มาช่วยกันวิจารณ์ค่ะ จากคุณ : เกิดจากดินใช่ดาวลูกสาวชาวนา เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 08:45:34

ความคิดเห็นที่ 11 มีประสบการณ์คล้ายกันค่ะ ลูกชายคนโต ขึ้น ป๑ ตอนอายุ ๕ ขวบ ๙ เดือน ในสภาพที่อ่านไม่คล่อง เขียนไม่ได้ (กล้ามเนื้อมือยังไม่แข็ง)  เนื่องจากหลักสูตรอนุบาลของโรงเรียนนี้ไม่เน้นอ่านเขียน ดิฉันเองก็ปล่อยปละละเลยเพราะเห็นว่าลูกยังเล็ก  คิดว่าต่อไปก็คงอ่านได้เอง อยู่ที่บ้านก็อ่านนิทานให้ฟังตามปกติ แต่ไม่เคยสอนให้อ่าน พอขึ้น ป.๑ มีการบ้านเป็นบันทึกการอ่าน คือเด็กจะต้องอ่านอะไรก็ได้ แล้วย่อความเขียนเป็นบันทึกลงในสมุด มีการบ้านแบบนี้อาทิตย์ละ ๒ ครั้ง  แสดงว่าโรงเรียนคาดหวังว่าเด็กต้องอ่านได้จับใจความได้และเขียนได้แล้ว  ดิฉันก็ตกใจเพราะลูกดิฉันทำไม่ได้แน่นอนถ้าไม่ช่วยลูก  โรงเรียนก็มีโน๊ตมาว่าลูกมีปัญหาการอ่านเขียน  แสดงว่าโรงเรียนคาดหวังให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยสอนจากบ้านด้วย  ดิฉันก็เลยจับลูกมานั่งแล้วช่วยลูกทำ ใช้เวลาเยอะมากในการช่วยให้ลูกค่อยๆ สะกดคำ อ่านออกเสียงดังๆ  ลูกไม่ค่อยอยากอ่านในตอนแรก เพราะอ่านไม่คล่อง ต่อมานอกเหนือจากการบ้านบันทึกการอ่าน ดิฉันบังคับให้อ่านนิทานทุกวัน วันละหนึ่งหน้า เริ่มจากสะกดคำ อ่านดังๆ จนกระทั่งอ่านในใจได้ อ่านจบแล้วให้สรุปให้ฟังด้วยว่าเรื่องที่อ่านไปนั้นเป็นอย่างไร  ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าใช้วิธีบังคับ เพราะลูกไม่อยากอ่าน ก็จับมานั่ง อ่านไม่จบก็ไปไหนไม่ได้  ในขณะเดียวกันก็งดทีวีด้วยเพราะรู้สึกว่าลูกดูทีวีมากไปไม่ค่อยมีสมาธิ  ก็เลยงดทีวีทุุกวันธรรมดา ดูได้เฉพาะเย็นวันศุกร์ วันเสาร์ และเช้าวันอาทิตย์ พอลูกเริ่มอ่านคล่องเขาก็อยากอ่าน ไม่ต้องบังคับเหมือนทีแรก เพียงแต่ชักจูงก็ยอมอ่านจนจบ  จากวันละ ๑ หน้า ก็เป็นวันละ ๑ บท หรือวันละ ๒ บท  ตอนจบ ป๑ อ่าน พ่อมดเมืองมรกต กับ เจ้าหญิงออสม่า (ฉบับแปลโดย อ.สนิทวงศ์) จนจบ ปัจจุบันอยู่ ป๓ อ่านหนังสือนิทานพ็อคเก็ตบุ๊คได้สบายๆ และอ่านเป็นประจำ คือดิฉันจะให้หนังสือ ๑ เล่ม ให้อ่านให้จบ ไม่ได้กำหนดระยะเวลา มีเวลาว่างก็อ่านไปเรื่อยๆ พอจบเล่มหนึ่งก็ให้อีกเล่มหนึ่ง  เป็นนิทานสนุกๆ ทั้งนั้น พอจบเรื่องหนึ่งลูกรีบมาถามเลยว่าเล่มต่อไปเรื่องอะไร  กลายเป็นเด็กรักการอ่าน  ตอนนี้กำลังเริ่มอ่านชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ (ลอร่า อิงกัลล์ ไวเดอร์) มี ๗ เล่ม ดิฉันมานั่งคิดว่าถ้าตอนนั้นเราไม่บังคับแต่ปล่อยตามใจ ลูกก็จะไม่อยากอ่านหนังสือ เพราะอ่านไม่คล่องก็ไม่สนุก  พอบังคับให้อ่านจนคล่อง คราวนี้ไม่ต้องบังคับแล้ว เด็กจะอยากอ่านเอง เพราะยิ่งอ่านยิ่งสนุก  แต่ต้องตัดความบันเิทิงอื่นออกด้วย เช่นดูทีวีให้น้อยลง งดเกมส์คอมพิวเตอร์ หรือจำกัดเวลาให้เล่นอาทิตย์ละชั่วโมงก็พอ  พอเด็กไม่มีความบันเทิงอื่นจนมากเกินไปก็จะหันเข้าหาหนังสือเพื่อความบันเทิงค่ะ จากคุณ : กรรมใดใครก่อ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 08:56:02

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาอ่านอีกรอบ ในความคิดเห็นที่ 5 ใช่แล้วค่ะเรื่องราชากะฤาษี เด็ก ๆ ที่บ้านจะชอบเรื่องนี้กันมาก (เรื่องนี้มีหลายเล่มค่ะ) และเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 11 ค่ะ ว่า....แสดงว่าโรงเรียนคาดหวังให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยสอนจากบ้านด้วย ..... จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 11:08:57

ความคิดเห็นที่ 13 จากประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ ตอนลูก มาสมัครเข้า ป1. ที่ไผทอุดม ครูพาไปทดสอบ กลับออกมาบอกว่า ภาษาไทยอ่อนนะคะ ตกใจมาก เพราะลูกเรียน อ3. คะแนนสอบดีมาก 90 กว่า% กลับมาก็ ติวใหม่เลย เริ่มจากหนังสือเรียนภาษาไทย อ3. ของลูกนี่แหละ ให้อ่านเลยค่ะ ไม่ต้องสะกด ก กา แล้วค่ะ อ่านเป็นคำๆ ไปเลย ระหว่างลูกอ่าน เราดูไปด้วย ลูกติดคำไหนเราถึงช่วย เวลาช่วย ก็สะกดให้ลูกฟังค่ะ เช่น บอ ออ กอ = บอก ให้อ่านทุกวันค่ะ หลังเลิกเรียน กลับบ้านมา จนเดี๋ยวนี้ ป1. อ่านภาษาไทยได้ค่อนข้างดี เทอม 2 ของไผทอุดม เด็กต้องอ่านข้อสอบเอง ลูกก็อ่านได้ ไม่มีปัญหาค่ะ ปัจจุบัน ลูกอ่านนิทานเอง เกือบทุกวันค่ะ จากคุณ : xinjia เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 16:53:54

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องใช้เวลา หน่อยค่ะ เราต้องใจเย็น และ คอยเป็นกำลังใจให้ลูก......... พร้อมบอกคุณครู อย่าพยายาม กดดัน มาก เพราะจะทำให้เด็กต่อต้าน กำลังใจ ดี และสำคัญที่สุด "  ลูกต้องทำได้ " ไม่ต้อง เครียด นะจ้ะ จากคุณ : บอสแตงโม เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 53 13:11:45

ความคิดเห็นที่ 15 ชั้นเดียวกับลูกเราเลย   อย่างแรกเลย อย่าเครียดกับลูกค่ะ ลูกอ่านไม่ได้ก็คืออ่านไม่ได้ แต่เขาจะอ่านได้ในที่สุด เริ่มจากอ่านง่ายๆ เช่น ป้ายชื่อข้างทาง ป้ายร้าน หรืออะไรก็ได้ที่เป็นตัวหนังสือสะกดได้เป็นคำและสื่อความหมาย   หรือจะเริ่มจากหนังสือภาพที่เขาสนใจ มีคำง่ายๆให้เขาอ่าน หน้าละคำสองคำ หรือประโยคสองประโยค  แต่ต้องเป็นหนังสือที่เขาอยากอ่านจริงๆ   สร้างสภาพแวดล้อมให้เขาอยากอ่าน อย่าไปบีบบังคับให้เขาอ่าน หรือตีกรอบเกินไป อย่างที่บ้าน ก็เริ่มจากชี้โบ๊ชี้เบ๊ข้างทางให้อ่านไปก่อน จากนั้นก็เริ่มอ่านเอง อ่านยี่ห้อขนม ยี่ห้อนม แล้วก็เริ่มตีความ ตอนนี้ชอบฟุตบอลก็เอาชื่อทีมฟุตบอลที่เขาชอบมาปะติดปะต่อกับเรื่องอื่นๆต่อไป   อยากให้เริ่มจากสิ่งที่เขาชอบและสนใจก่อนค่ะ แล้วค่อยโน้มน้าวเข้าสู่บทเรียน จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 14:49:32