ความคิดเห็นที่ 1 ทำค่ะ ตอนลูกแรกเกิด เราทำประกันสุขภาพพร้อมกับประกันชีวิตแบบประกันตลอดชีพ(มั้ง) เอามาแชร์ให้เพิ่มเติมค่ะ ปีนี้ เราลองหาแบบเบิกโอพีดีด้วย ก็ดูของ AACP แต่ดูแล้วเบี้ยไม่ต่างกับ AIA  ที่เคยทำ ก็คือจ่ายเบี้ยเพิ่มประมาณ 5000 บาท เบิกโอพีดีได้ 30 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท แล้วก็ของเมืองไทย เบี้ยแพงพอสมควร เบิกโอพีดีไม่จำกัดจำนวนครั้ง(ถ้าจำไม่ผิด ได้สูงสุด 2000 บาท แต่ไม่แน่ใจ เพราะข้อมูลเมื่อเดือนที่แล้วค่ะ) มีข้อมูลอยู่แค่สามตัวเลือกนี้ค่ะ เพราะตอนลูกแรกเกิด เราไม่ได้ถามเจ้าอื่นเลย นอกจากเอไอเอ พอตั้งตัวติดปีนี้เลยลองหาข้อมูลเพิ่มดู แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ต่อกรมธรรม์เดิมค่ะ คิดไปคิดมา โอพีดี แต่ละครั้งที่เราไปก็ไม่แพงมาก สามร้อยถึงพันนิดๆ  เราเลยขอเพิ่มที่วงเงินค่าห้องแทนค่ะ เพราะที่โรงพยาบาลวิภาวดี ค่าห้องอยู่ที่ 3400 เดิมเราทำต่ำหว่านั้น แต่ปีนี้ทำให้ครอบคลุมเลย ไปโรงพยาบาลอื่นก็ยังไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนถ้าเป็นเฉพาะทางจริงๆ เราจะพาเข้าโรงพยาบาลรัฐมากกว่าให้อยู่เอกชนค่ะ ซึ่งค่ารักษาเบิกได้โดยสวัสดิการข้าราชการของพ่อเค้าค่ะ (เคาะ เคาะ เคาะ สาธุ หวังว่าลูกคงไม่มีโอกาสได้ใช้บริการ) จากคุณ : flower over the moon เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 14:48:55

ความคิดเห็นที่ 2 เพิ่งทำตอนลูกเรียนรด.ค่ะ จากคุณ : Searchlady (Searchlady) เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 14:52:29

ความคิดเห็นที่ 3 ทำแบบเก็บเงินออมให้ค่ะ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 15:01:02

ความคิดเห็นที่ 4 เราทำประกันชีวิต + สุขภาพของ A... ทุน 500,000 ส่งสั้นแค่ 10 ปี + ค่าห้อง 1,600 เบี้ย 20,000 นิด ๆ ค่ะ อีกบริษัทของไทย.... + สุขภาพ ทุน 300,000 ส่ง 20 ปี + ค่าห้อง 2,200 + ค่าเสียเวลาวันละ 1,000 เบี้ย 17,000 นิด ๆ ค่ะ รวม 2 บริษัท ก็ค่าห้อง 3,800 ค่ะ ของลูกเราซื้อบัตรชีววัฒนะด้วยของ รพ.กรุงเทพ-พัทยา ลูกเรารักษาประจำที่นี่ค่ะ เพราะคลอดน้องที่นี่ บัตรนี้จะได้ส่วนลดค่าห้องอีก 50% รวมกับที่ทำประกันก็ครอบคลุมทั้งหมดค่ะ โดยส่วนตัวเราไม่เลือกแบบ OPD ค่ะ เพราะเบี้ยมันสูงเกิน ลูกเราก็ไม่ป่วยบ่อยขนาดที่ต้องใช้ขนาดนั้นค่ะ ถึงจ่ายเป็นครั้ง ๆ ก็ไม่ได้ซีเรียส แต่ต้องการวงเงินรักษาเยอะๆ กรณี Admit ค่ะ ก็เลยเน้นแบบ Admit เพราะหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเราจะได้ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล เรามีประสบการณ์จากตัวเราเอง บ้านเราเน้นทำสุขภาพเยอะค่ะ เวลาเคลมไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะต้องควักเงินจ่ายส่วนต่างเยอะ แล้วอีกอย่างเบี้ยมันสูงแค่จนถึงลูกอายุ 6 ปีเท่านั้น หลัง 6 ปีแล้ว เบี้ยสุขภาพก็จะเหลือแค่ครึ่งเดียว โดยส่วนตัวชอบของ A... เพราะประสบการณ์ตรงของตัวเองและครอบครัวที่เบิกได้จริง ไม่มีปัญหาในการเบิกเงิน และได้เร็วค่ะ ก็เลยประทับใจของที่นี่ จากคุณ : kiddyhut เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 15:28:31

ความคิดเห็นที่ 5 ทำค่ะ มี OPD ครั้งละ 1000 บาท ปีนึงได้ 30 ครั้ง ใช้ไปแล้วสองครั้งค่ะ ของ AACP ค่ะ จากคุณ : aal990 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 15:29:55

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นของไทยพาณิชย์ก็น่าสนใจนะคะ ลองไปสอบถามดู ของเรายังไม่ได้ทำตัวที่ครอบคลุม OPD แต่ตัวที่ครอบคลุม IPD และอุบัติเหตุทำเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 15:52:18

ความคิดเห็นที่ 7 ของเราทำของ AACP ให้ลูกคะ สุขภาพ+ ออม แต่เราเน้นที่ประกันสุขภาพมากกว่าออมนะคะ จ่ายเดือนละ 1,485 บาท ( เลือกแบบ ที่ตามกำลังทรัพย์ที่เราจ่ายได้คะ)ของเราเลือกค่าห้องแค่ 1,700 คะ ที่เลือกทำที่นี่เพราะพี่สาว เรา(เป็นญาติคะ ) ทำอาชีพนี้โดยตรง แต่เค้าไม่แนะนำเราให้ซื้อ แบบOPD เพราะเค้าบอกว่า ไม่คุ้มเท่าไหร่ จ่ายเป็นครั้งๆดีกว่า แต่เรากำลังสนใจว่าถ้าจะเพิ่มอยากเพิ่มตรง ค่าห้องมากกว่าคะ เพราะจากประสบการณ์ที่ลูกเพิ่งไปแอทมิตมา ที่ดูค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมก็คือค่าห้อง คะ เพราะถ้าเข้าโรงพยาบาลเอกชน ค่าห้องจะแพงคะ / วัน คะ และมี คุ้มครองอุบัติเหตุของผู้ส่งและ ลูกเราด้วยนะคะ จากคุณ : tomja (tomnaja) เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 16:18:50

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาแนะนำคุณแม่เพิ่มเติมค่ะ เพราะเพื่อนเราที่มันทำประกันมา บอกเราแบบนี้ว่า ถ้าเราต้องการทำประกัน เพื่อเน้นเรื่องสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องทำทุนประกันให้สูงค่ะ เน้น ทุนประกันน้อย คุ้มครองนานๆ เพราะเราจะได้ทุ่มเงินไปในส่วนของสุขภาพได้เต็มที่ เพราะทุนประกันสุขภาพจะเป็นแบบ ปีต่อปี จากคำแนะนำ เราเลยเลือกทำประกันให้ลุกแบบนี้ เลือกทำทุนประกันแค่ 2 แสนบาท (ทุนต่ำสุดค่ะ) จ่ายเบี้ยแค่ 12 ปี คุ้มครองจนอายุ 85 ปี เบี้ยประกัน ปีละประมาณ 2000 บาทเองอ่ะ (ลูกอายุ 1 เดือนค่ะ) และเลือกทำเบี้ยสุขภาพปีละ 18000 บาท ได้ค่าห้อง 2200บาทค่ะ รวมแล้ว ตกปีละ 20000 บาท ตกเดือนละ 1600 กว่าบาท (ตอนนี้ได้แค่สูงสุดคือ ค่าห้อง 2200 บาท แต่สามารถอัพขึ้นภายหลังได้ค่ะ แต่ตอนไหนไม่แน่ใจ ลืมแล้ว) แต่หลังจากครบ 12 ปี เราจะไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตแล้ว ซื้อแค่เบี้ยสุขภาพเพราะเบี้ยหลักยังคุ้มครองยู่ค่ะ เราก็สามารถเซพค่าใช้จ่าย ได้ด้วย คุ้มครองระยะยาว โดยประกันแบบออมทรัพย์จะเลือกทีหลังต่างหาก ตอนนี้เน้นสุขภาพก่อนค่ะ จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 16:55:31

ความคิดเห็นที่ 9 ค่ะถ้าเน้นสุขภาพ ทำควบกับตัวที่เป็นพวกตลอดชีพ เช่น ส่ง 20 ปีคุ้มครองตลอดชีพ หรือส่ง 10 ปีคุ้มครองถึง 80 เพราะพวกนี้เบี้ยถูก แล้วเราก็อัดส่วนสุขภาพเข้าไปได้เลยค่ะ พอลูกอายุเกิน 5 ขวบ เบี้ยสุขภาพก็ถูกลงเยอะ จากคุณ : บุญผ่อง เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 17:50:49

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยค่ะว่า ถ้าเน้นสุขภาพ เราจะแนะนำให้ทำแบบคุ้มครองตลอดชีวิต ถึงอายุ 99 ปีค่ะ ซื้อทุนประกันไม่ต้องสูงมาก แต่เน้นประกันสุขภาพแทน ดีตรงที่ว่า ถึงกำหนดในการชำระเบี้ยแล้ว เราสามารถชำระแต่เบี้ยประกันสุัขภาพแทน และเบี้ยส่วนนี้จะค่อนข้างถูกค่ะ (ของ ING ทุนประกัน 200000 ชำระเบี้ย 15 ปี ก็ประมาณปีละ 2 พันกว่า ๆ เกือบ ๆ สามพันค่ะ, ถ้าทุน 300000 เบี้ยต่อปีก็ประมาณ สี่พันนิด ๆค่ะ) ส่วนประกันสุขภาพ ค่าห้อง 2000 เบี้ยประมาณ 9000 กว่า ๆ ค่ะ (เบี้ยตัวนี้ พอพ้น 6 ขวบ ก็จะเหลือประมาณ 5000 กว่าบาทค่ะ) ของ ING ถ้าเข้ารพ.ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อนนะคะ เพียงแต่ให้พ้นระยะเวลา 30 วันหลังจากกรมธรรม์ออกเท่านั้นค่ะ เบ็ดเสร็จจ่ายประมาณปีละ 12000-13000 หน่อย ๆ (คุ้มครองผู้ชำระเบี้ยได้ด้วยนะคะ เรา่ว่าตัวคุ้มครองตัวนี้คุ้มมาก กับเบี้ยประกันเพิ่มอีกไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทค่ะ) ส่วน OPD เราก็มองว่าไม่ค่อยคุ้มนะคะ ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยแนะนำค่ะ ถ้าอยากเก็บเงินให้ลูก ก็ค่อยทำอีกสักกรมธรรม์นึงค่ะ จะได้ไม่หนักเกินไป ลองตัดสินใจดูค่า...^___^ จากคุณ : Ohm-Good & Mamy เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 19:55:43

ความคิดเห็นที่ 11 แวะเข้ามาอธิบายเพิ่มเติมค่ะ เพื่ออธิบายว่า ทำไมถึงต้องทำทุนชีวิตให้ลูกสูง ๆ เผื่อว่าจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจ เพราะว่าเบี้ยประกันชีวิตของเด็ก ๆ ต่อทุนประกัน 100,000 บาท ถูกมากเมื่อเทียบกับทำเมื่อตอนอายุมากขึ้นกว่านี้เยอะ ที่สำคัญจะช่วยแบ่งเบาภาระของลูกเราในอนาคต เราทำเอาไว้เพื่อที่ว่าลูกเราโตขึ้น เวลาเขามีครอบครัวมันจะส่งผลให้ยังภรรยา และลูกเขาในอนาคตโดยลูกเราจะมีภาระน้อยมากในอนาคต ลูกเราไม่ต้องมานั่งส่งเบี้ยไปจนถึงอายุ 40 หรือ 50 ปี แล้วก็เขาจะมีหลักประกันชีวิตให้กับครอบครัวของเขาในอนาคต เราเจอประสบการณ์ที่น้องชายเราเสียชีวิตอายุแค่ 24 ปี มีภาระเรื่องลูกทิ้งเอาไว้ให้เรา 1 คน ซึ่งน้องชายมีเบื้ยประกันชีวิตแค่ 100,000 บาท เท่าที่เราทำเอาไว้ให้เขา เพราะไม่เคยคิดว่าเขาจะอายุสั้น และทุกวันนี้เราต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกน้องชายจนกว่าเขาจะโต และเรียนจบ ซึ่งก็ใช้เงินไม่น้อยเลย ส่วนตัวเราเอง และสามีก็เน้นทุนประกันชีวิตเหมือนกัน ตอนนี้มีทุนชีวิตประมาณ 5 ล้าน เพราะว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เงินจำนวนนี้จะสามารถส่งลูกเราถึงฝั่ง และไม่เป็นภาระใคร และที่สำคัญเมื่อเราทั้งสองคนเสียชีวิตลง เงินจำนวนนี้ก็จะเป็นมรดกให้ลูกเราต่อไปในอนาคต ในขณะเดียวกันเราก็มองว่า ที่เราเลือกทำทุนชีวิตให้ลูกสูง ๆ ก็เนื่องจากเมื่อเขาโตจนทำงานได้ เขาไม่ต้องมานั่งส่งเบี้ยประกันตรงนี้ แต่สามารถนำเงินที่ได้ จากรายได้ไปเก็บออมได้เลย เพื่อวางแผนในอนาคตของเขาต่อไป การเลือกแบบประกันชีวิต และเน้นสุขภาพ ที่สำคัญต้องดูว่าเราสามารถส่งเบี้ยได้ประมาณปีละเท่าไหร่ และต้องการให้ครอบคลุม เพื่อลดภาระที่อาจจะเกิดขึ้นประมาณเท่าไหร่ แล้วค่อยเลือกแบบ และทุนประกันค่ะ ถ้า จขกท. มองภาระแค่ต้องการให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มองระยะยาวแบบเรา ก็ให้เน้นซื้อทุนชีวิตแบบน้อย ๆ ค่ะ ประมาณ 200,000 แล้วก็ค่อยเลือกแบบประกันสุขภาพเพิ่มเติมเข้าไป เบี้ยประกันก็จะปีละแค่ ประมาณ 12,000-13,000 บาท ลองพิจารณาศึกษาแบบประกันจากหลาย ๆ บริษัทดูค่ะ ที่สำคัญคือตัวแทนประกันชีวิตที่ให้บริการที่ดี และให้ความเข้าใจเราได้เป็นอย่างดี อันนี้สำคัญค่ะ จากคุณ : kiddyhut เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 21:05:35

ความคิดเห็นที่ 12 ขอยกตัวอย่างจากเพื่อนผมนะครับ เมื่อ 30กว่าปีที่แล้ว พ่อเพื่อนทำประกันไว้ทุนประกัน 1ล้านบาท ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเยอะมาก เงิน 1ล้านสามารถซื้อบ้านในใจกลางกรุงเทพได้สบายๆ  แต่เมื่อประมาณปี 50 พ่อเพื่อนก็เสีย  เงิน 1ล้านที่ได้จากประกันมา มูลค่าในปัจจุบันเหลือแค่ซื้อรถได้ 1คัน ซึ่งถ้าในวันนี้คุณทำประกันไว้ต่ำกว่า 5ล้าน ถ้าตายภายในไม่เกิน 10ปีก็คงคุ้ม  แต่ถ้าไม่ได้ทำไว้เพื่อหวังตาย อีก 30ปี เงิน 5ล้านอาจจะเหลือแค่ซื้อรถได้ 1คัน จากคุณ : ซาตานกลับใจ เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 22:42:54

ความคิดเห็นที่ 13 ตามที่ คห. 12 ยกตัวอย่างให้ฟัง   อยากบอกว่าเพื่อนคุณโชคดีจังค่ะ ที่คุณพ่อเพื่อนเสียชีวิต แล้วยังทิ้งเงินไว้ให้ลูก 1,000,000 ไม่ต้องเดือดร้อนเป็นภาระเรื่องงานศพด้วย และถึงมูลค่ามันจะแค่ซื้อรถได้แค่ 1 คัน แต่สำหรับคนที่รู้จักวิธีสร้างเงิน มันมีค่ามหาศาล สามารถเอาไปต่อเงินได้เกิน 1,000,000 บาทแน่นอนค่ะ   ทำเอาไว้ถ้าทำได้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ทำประกันแบบเน้นทุนชีวิตไม่ได้หวังว่าจะตายภายในไม่กี่ปีแล้วคุ้มกับเงินประกัน หรือมูลค่าเงินในอนาคตมันจะเหลือไม่กี่บาท แต่ทำเพื่อซื้อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนซักอย่าง เราไม่สามารถกำหนดวันตายได้ค่ะ ความไม่ประมาทในชีวิตนั่นแหละดีที่สุด สุดท้ายก็ยังมีอะไรทิ้งไว้ให้ลูกหลานบ้าง ดีกว่าตายแล้วไม่เหลือค่าชีวิตอะไรเลย จากคุณ : kiddyhut เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 23:16:26

ความคิดเห็นที่ 14 เราทำประกันให้ลูก 2 แบบค่ะ แบบเน้นสุขภาพ กับ สะสมทรัพย์ แบบเน้นสุขภาพ ทำทุนแค่ 1 แสน เบี้ยหลัก ประมาณ 1,300 ต่อปี ส่ง 20 ปี คุ้มครองตลอดชีพ ตัวนี้เบี้ยถูกมากๆค่ะ เบี้ยสุขภาพ  ปีละ 8,096 ได้ค่าห้อง 1600 พออายุครบ 6ขวบ เบี้ยจะลดลงอีก 3 พันกว่าบาท และเพิ่มค่าห้องได้อีกค่ะ ส่วนแบบ OPD เราไม่สนใจค่ะ เพราะคิดแล้วไม่คุ้มค่ากับค่าเบี้ยที่แพงมากค่ะ แบบที่สอง เราทำแบบสะสมทรัพย์ ส่ง 15 ปี คุ้มครอง 25 ปี ทุน 1 ล้านค่ะ เบี้ยประมาณ 74,500.. เราเลือกที่จะทำทุนเยอะๆ ไปเลยเพราะว่า เด็กเล็กเบี้ยประกันจะถูกมาก และ เป็นหลักประกันชีวิตของลูกเราด้วยค่ะ เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ทุกเวลาจริงๆค่ะ.. เราคิดว่า ทุนน้อยๆ มันไม่คุ้มค่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของลูกเราเลยค่ะ .. แล้วอีกอย่างเริ่มตอนนี้ พออายุครบ 25 เขาก็จะมีเงิน ประมาณเกือบๆ ล้านห้า เอาไว้เป็นทุนให้เขาด้วยค่ะ .. แต่เราคงจะไม่ทำแค่ ล้านเดียวแน่ๆค่ะ เพราะค่าเงินมันแพงขึ้นทุกวัน พออีกสักห้าปี ค่อยทำเพิ่มอีก เพิ่มไปเรื่อยๆ เท่าที่เราไหวค่ะ .. และก็ทำคุ้มครองผู้ส่งเบี้ยด้วย ถ้าเราเป็นอะไรไปก่อน เขาก็จะมีเงินตรงนี้ในอนาคตแน่นอนด้วยค่ะ ส่วนตัวดิฉันก็ทำประกันชีวิตตัวเอง ไปหลายฉบับเลยค่ะ ถ้าเราเป็นอะไรไป เราคิดว่า  ทุนที่เราทำไว้ จะช่วยให้เขามีทุนสำรองไว้เรียน หรือเป็นทุนทำอะไรๆในอนาคตได้ค่ะ.. แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 00:11:04 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 00:06:06 จากคุณ : omelet-t เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 23:55:04

ความคิดเห็นที่ 15 อืม ของเราอาจจะแปลกกว่าคนอื่นหน่อยนะคะ เพราะ เราซื้อแต่สุขภาพให้ลูก เพราะ ว่า เราจ่ายเบี้ย พอ ๆ กับ ที่จ่าย + เบี้ยประกันชีวิต แต่ได้ คุ้มครอง สองคน ทั้งเราและลูก ค่าห้อง อยู่ที่ 2000 OPD 30 ครั้งต่อปี บางคนบอกว่า ไม่แนะ OPD แต่เราว่า มันคุ้มนะคะ ถ้าเด็กเล็ก ลูกเรา ปีแรก เบิก OPD ไป 36 ครั้ง เท่ากับ ของเราไม่ใช่เบี้ย ทิ้งเปล่านะคะ ลองพิจารณาดู เราใช้ บูพา และ AXA สลับกันไปมา เราไม่ทำประกันชีวิต เพราะยังไม่อยากผูกมัด ปีแรกทำกับ บูพา พอมาปีที่สอง ข้อเสนอ AXA ดีกว่าเราเลยเปลี่ยน เลือกดูที่เหมาะกับคุณแล้วกันนะคะ จากคุณ : Many Name เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:25:36

ความคิดเห็นที่ 17 ประกัน สุขภาพเด็ก ดีๆ แบบออมทรัพย์ เบิก IPD&OPD ได้ จากธนาคารกรุงไทย แอ็กซ่า ไม่ต้องตรวจสุขภาพ คุ้มครองแม่และลูก ทำได้ตั้งแต่เด็กอายุ 0 เดือน ไม่ต้องสำรองจ่าย เพียงเดือนละ 1,293 บาท หยุดส่งเบี้ยสามารถรับเงินคืนได้ค่ะ ประกันสุขภาพเด็ก ดีๆ จากกรุงไทย แอ็กซ่า สำหรับ คุณพ่อคุณแม่ ทุกท่านที่กำลังมองหาความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับบุตร วันนี้ทางบริษัทกรุงไทย แอ็กซ่า ขอเสนอแบบประกันภัยที่เน้นทางด้านค่าห้องสูง ค่ารักษาพยาบาลสูง แต่ชำระเบี้ยประกันต่ำเพียง 14,361 บาท ต่อ ปี หรือ  เดือนละ 1,293 บาท คือ เราไม่เน้นทุนประกันเสียชีวิต แต่เรามีให้ที่ทุน 100,000 บาท ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน 12 ปี แต่ถ้าลูกค้าต้องการความคุ้งครองสุขภาพต่อ ก็ชำระเพียงค่าเบี้ยประกันสุขภาพเท่านั้นค่ะ และจะมีเงินคืนให้ทุกปี ตั้งแต่สิ้นปีที่ 2 เป็นต้นไป จนครบสัญญา หรือจะขอใช้สิทธิมูลค่าเงินสดคืนในปีที่คุณไม่ต้องการความคุ้มครองแล้วก็ได้ หมายเหตุ เพื่อความสบายใจของคุณพ่อ และ คุณแม่ การเลือกความคุ้มครองให้กับบุตร ณ วันที่ลูกของคุณมีร่างกายแข็งแรง เพื่อผลประโยชน์ในด้านการพิจารณารับประกันนะค่ะ อย่ารอให้ต้องเจ็บป่วยก่อนที่จะมาซื้อประกันเลย เพราะทุกวันนี้อัตราการป่วยของเด็กมีถึง 90 % แล้ว เพราะสภาพอากาศ การแพร่เชื้อ และ ติดเชื้อมากมายที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ รายการผลประโยชน์ต่อการรักษาพยาบาลแต่ละครั้ง จำนวนผลประโยชน์ - ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าพยาบาล ต่อวัน (สูงสุด 75 วัน) 2,200 - ค่าห้อง ไอ ซี ยู  ต่อวัน (สูงสุด 20 วัน) 4,000 - ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดในฐานะผู้ป่วยใน 65,000 - ค่าวางยาสลบในฐานะผู้ป่วยใน 19,500 - ค่าใช้ห้องผ่าตัด ในฐานะผู้ป่วยใน 9,750 - ค่ายา , ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ 10,000 - ค่าปรึกษาแพทย์ทั่วไปในโรงพยาบาล (สูงสุด 75 ครั้ง) 800 - ค่าปรึกษาแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลต่อการปรึกษาแต่ละครั้ง 1,200 - ค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอกกรณีเกิดอุบัติเหตุ 5,500  รวมผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ 117,950 -กรณีผู้ส่งเบี้ยประกันเสียชีวิตไม่ต้องส่งเบี้ยต่อทางธนาคารจะเป็นผู้ส่งเบี้ยประกันต่อให้ และ ที่สำคัญคือลูกค้าไม้ต้องสำรองจ่ายทางบริษัทมีบัตรของ กรุงไทย แอ็กซ่า มอบให้กับลูกค้าที่ไปโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก เอกสารเตรียมทำประกันสุขภาพ 1. สำเนาสูติบัตร 2. สำเนาสมุดสุขภาพ หน้าแรก หน้าฉีดวัคซีน  หน้าน้ำหนักส่วนสูง 3. สำเนาบัตรประชาชนผู้ปกครองค่ะ สนใจสมัคร หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทุกวันที่ เบอร์ 0868431078 คุณ ผึ้ง หรือที่ ฝากเบอร์โทรติดต่อกลับได้ที่อีเมล์ gotcha_army@hotmail.com จากคุณ : ผึ้ง (ranchiro) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 09:25:15

ความคิดเห็นที่ 18 สนใจสอบถามได้นะคะ  สามารถแนะนำให้ได้ค่ะ จากคุณ : ideaszakoy เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 20:03:58

ความคิดเห็นที่ 19 การทำประกันชีวิตต้องศึกษาอย่างละเอียดก่อนทำ กรณีทำประกันบางทีวงเงินคุ้มครองสูงมากก็จริง เช่น 1,000,000.- แต่ตัวแทนไม่บอกว่าคุ้นครองแค่เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยธรรมดา แต่พอประสบอุบัติเหตุหรือโดนฆาตรกรรม เหลือ 100,000.- ส่งเบี้ยไปเยอะก่วาที่ได้คืน สำหรับเมืองไทยประกันชีวิตคุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี บอกหมดไม่หมกเหม็ด ก่อนตัดสินใจซื้อครับ ลองสอบถาม ปรึกษาตัวแทนประกันชีวิต เมืองไทยประกันชีวิตดูได้ ยินดีให้คำปรึกษานะครับ ติดต่อ คุณประเสริฐศักดิ์ โทร.0843814770 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ประเสริฐศักดิ์ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:09:19 A:183.89.251.223 X: TicketID:287216