ลูกสาวตอนนี้อายุ 5 ขวบ เป็นเด็กนิ่ง ชอบทำกิจกรรมที่อยู่กับที่เช่นอ่านหนังสือ วาดรูป ปั้นดินน้ำมัน ไม่ชอบทำอะไรที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ถ้าคิดหรือลองทำแล้วคิดว่าทำไม่ได้ จะไม่ทำ หมอเคยบอกว่าน้องมีบุคลิกเป็นประเภทให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่ากระบวนการสร้างผลงาน คือต่อให้ทำแล้วสนุก แต่ถ้าทำแล้วผลงานไม่ดีอย่างที่คิด(มักจะคาดหวังไว้สูงด้วย) ก็จะไม่พอใจเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ทำแล้วได้ผลดีคือ
เนื่องจากลูกสาวชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมก็เลยเริ่มๆแทรก การขีดเขียน ลงไปในช่วงเวลากิจกรรมการอ่านหนังสืออยู่แล้ว
ใช้กระดาน+ปากกาหลากสี จะเป็นกระดานช๊อลก์หรือไวท์บอร์ดก็ได้ น้องจะรู้สึกอิสระในการเขียนมากกว่าในกระดาษ ถ้าผิดก็ลบได้ง่ายกว่า รู้สึกว่าพอทำในกระดาษเวลาผิดแล้วเขาจะเครียด เพราะเหมือนกับว่าผลงานนี้ต้องอยู่กับเขาไปตลอด เวลาผิดกลายเป็นว่าทำให้สมุดของเขาไม่สวย
ไม่ให้แต่แบบฝึกหัด แต่ว่าเขียนเล่นและเรียนไปกับเขาด้วย เขาจะรู้สึกสนุกมากกว่า เช่น เขียน ก.ไก่ ข.ไข่ก็สลับกันเขียน บางทีก็ให้เขาเล่นเป็นคุณครู แล้วสอนเรา
ให้เขาเลือกการบ้านที่อยากทำ และขอให้ทำการบ้านที่เขาไม่เลือก สลับไปกับการบ้านที่เขาชอบ(แต่น้อยกว่า)
ถ้าวันไหนทำแล้วอธิบายยังไง เล่นด้วยยังไงก็ไม่เข้าใจ สอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ เลิกค่ะ ออกไปวิ่งเล่นดีกว่า ดีกว่าเสียเวลาแล้วลูกฝั่งใจว่าการบ้านน่ากลัว
กระดาษและกระดาน มีไว้ให้เขียนตลอด ไม่ใช่เฉพาะตอนทำการบ้าน บางทีเขากำลังเขียนอะไรเล่นๆ เราก็ดึงวิชาการเข้าไปแทรก แต่อย่าให้รู้ตัว หรือเบื่อเด็ดขาด
เวลาลูกทำไม่ได้ไม่ดุลูก แต่ชมลูกเวลาทีเขาพยายามคิด พยายามหาคำตอบ ถึงแม้ว่าตอบออกมาแล้วยังผิดก็ตาม (เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่ถูกหรือผิด แต่เป็นการที่เขาสนใจพยายามคิด ต่อให้วันนี้ผิดแต่หากเขาไม่หยุดคิดวันหนึ่งเขาจะคิดถูกเอง)
อย่าตีกรอบการบ้านลูกให้อยู่ในสิ่งที่เราอยากให้ทำ แต่ให้ลูกเป็นคนตีกรอบว่าเขาสนใจอยากทำการบ้านแบบไหน เกี่ยวกับเรื่องอะไร พ่อแม่เสนอให้ได้แต่ถ้าลูกไม่เอาก็ไม่เป็นไร (สมัยเรียนจิตวิทยาเด็ก จำได้ว่านักจิตวิทยาเขาบอกว่า เด็กนั้นจะแสดงความสนใจในกิจกรรมที่เขาพร้อมที่จะทำ เมื่อทำจนได้แล้วเห็นว่าง่าย หรือว่ายังไม่พร้อมและเห็นว่ายากเกินไป เขาก็จะไม่สนใจทำ)
การเรียนแต่ละวิชามีหลายแนวทางในการเรียน เลือกแนวที่ลูกชอบมาสอน เช่น อย่างลูกสาวจะไม่ชอบการเขียนก.ไก่ตามเส้นประ หรือบนบรรทัดเลย แต่จะสบายใจที่จะเขียนบนกระดาน และเขียนเล่นบนกระดาษเปล่ามากกว่า เราก็ให้ลูกทำแบบที่ลูกชอบ เพราะผลคือเขาได้เรียนรู้ก.ไก่ และใช้กล้ามเนื้อมือเหมือนกัน (อันนี้เนื่องจากบุคลิกของน้องค่อนข้างซีเรียสกับผลลัพธ์ที่ได้มาก ดังนั้นถ้าอะไรที่มีกรอบเยอะ แล้วเขาทำได้ไม่เพอร์เฟ็กเขาจะไม่มีความสุขที่จะทำเลยต้องหลีกเลี่ยงการสร้างกรอบ ระเบียบแบบแผนในการทำการบ้าน เพราะจะทำให้น้องรู้สึกอึดอัดในการทำ
หาซื้อหนังสือแบบฝึกหัด ที่มีการบ้านแบบที่ลูกชอบ (อาจให้ลูกเป็นคนเลือก) ซื้อมาเป็นแนวทางศึกษาแนวทางการสร้างแบบฝึกหัดดูแล้วเอามาประยุกต์ใช้กับวิชาที่ลูกเรียน
หมั่นถามลูกว่าทำการบ้านวิชานี้แล้วรู้สึกยังไง เราจะได้รู้ว่าลูกมีปัญหา หรือมีความสุขกับการเรียนแต่ละวิชามากน้อยแค่ไหน
สีที่ลูกชอบจะทำให้ลูกเรียนและจำได้ดีขึ้น อันนี้ได้มาจากนักจิตวิทยา เล่าให้ฟังว่าสมองแต่ละคนถูกกับคลื่นแสงแต่ละคลื่นต่างกัน และมีผลวิจัยเรื่องสีที่ชอบแล้วว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ รับรู้ของคน ดังนั้นต่อให้ลูกผู้ชายชอบสีชมพู ก็ควรให้ใช้ เพราะสีชมพูไม่ได้ทำให้ลูกเป็นกระเทยตามที่มักจะกลัวกัน แต่สีชมพูก็ทำให้เด็กผู้ชายจำได้ไง เข้าใจได้เร็วได้เช่นกัน
บางครั้งถ้าลูกจะทำการบ้านผิดไปส่งครูบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขอแค่ตั้งใจทำแล้ว เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะรู้ว่ามันผิดเอง
สิ่งที่เคยทำแล้วส่งผลเสียอย่างมากคือ
เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งเห็นลูกชอบทำการบ้านมาก แม่ก็ฟิตจัด เลือกการบ้านไว้ให้ลูกทุกวัน แล้วพยายามเชียร์ให้ลูกทำให้มากที่สุด จากเคยทำวันละ 1-11/2 ชั่วโมงก็พยายามดันให้ได้ 2 ชั่วโมง (แต่ไม่ได้ดุนะคะ พยายามชวนเชียร์) หลังจากผ่านไป 1 เดือน เห็นการเปลี่ยนแปลงว่าลูกสาว จากที่เคยกลับมาแล้วดิ่งไปที่ตู้หนังสือ กลายเป็น ไม่ยอมเข้าไปหาอีกเลย แม่เริ่มตระหนักได้ว่า การเรียนรู้นั้นต้องมาจากความรู้สึกอยากเรียนอยากรู้ภายใน การที่เราเตรียมการบ้านให้ลูกทุกวันอย่างนี้ กลายเป็นว่าไปทำให้ลูกเหนื่อยเกิน จนความอยากรู้อยากเรียนของลูกหดหายไป ซึ่งไม่ดีแน่ๆก็เลยหยุด ไม่สอน ไม่เรียกทำการบ้านเลย หยุดไป 1 เดือนเต็มๆ ลูกถึงกลับมาเหมือนเดิม ยอมเดินมาที่ตู้หนังสือหาแบบฝึกหัดมานั่งทำเล่นเหมือนเมื่อก่อน