ความคิดเห็นที่ 1 ครั้งแรกที่เราได้รู้จัก คำว่า โรคเอดส์  นั้น เป็นช่วงที่เรากำลังเรียนอยู่ชั้น ม.ต้น ยังจำได้ ว่าช่วงนั้น มีพี่สาวชาวเหนือคนหนึ่งที่กล้าออกมาแสดงตัวกับสื่อมวลชนว่าเป็นโรคนี้ และยินดีที่จะเดินสายไปตามโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้คนฟังได้ตระหนักถึงโรคร้ายนี้ และพี่สาวคนนั้นก็มาพูดในโรงเรียนของเราเช่นกัน พี่เค้าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว ผิวดีอย่างสาวชาวเหนือ  น่าเสียดายที่ต้องเป็นโรคนี้เพราะสามีนอกใจ ทั้ง ๆ ที่พี่เค้าเป็นโรคร้าย แต่เค้าก็ยังสามารถเล่าเรื่องไปยิ้มไปได้ นับว่าเป็นผู้หญิงที่มีกำลังใจเข้มแข็งคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นเราไม่ค่อยสนใจฟังในสิ่งที่พี่เค้าพูดสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากกกกกกกก  และไม่เคยคิดเลยค่ะว่ามันจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเรา... จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 22:59:34

ความคิดเห็นที่ 2 คนแรกที่เป็นคนใกล้ตัวเรา ก็คือ เพื่อนสนิทของพ่อเรา ชื่อ อาแดง ( นามสมมุติ ) คนในครอบครัวของเราทุกคน รัก อาแดง มาก เพราะอาเป็นคนที่มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ เวลาที่บ้านเราจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทีไรก็ได้แกนี่ล่ะ เป็นสีสันสร้างความสนุกสนานในงาน ที่สำคัญ อาแดง เป็นผู้ชายที่รักครอบครัวมาก ครั้งแรกที่เราได้ทราบว่า อาแดง เป็นโรคนี้ เราจึงแทบไม่อยากเชื่อ แต่พ่อเล่าให้ฟังว่า อาแดงทะเลาะกับภรรยา ก็เลยประชดเมียด้วยการไปเที่ยวผู้หญิงอย่างว่า ซึ่งเป็นการนอกใจภรรยาครั้งแรก แต่บังเอิญโดนแจ็คพ็อตพอดี ตอนนั้นใครที่เป็นโรคนี้  ร้อยทั้งร้อยก็ไม่มีกำลังใจ  เพราะช่วงนั้นโรคนี้เพิ่งจะระบาดใหม่ ๆ ยังไม่มีการคิดค้นยารักษา  เพราะฉะนั้น อาแดง จึงหมดอาลัยตายอยาก และนอนรอวันตายอย่างเดียว เรายังจำได้เมื่อครั้งที่พ่อเราพาครอบครัวไปเยี่ยมอาแดง  ตอนนั้นอาแดงอาการสาหัสมาก เนื้อตัวเริ่มเน่าเฟะ น้ำเหลืองไหลเยิ้มไปทั้งตัว  พออาแดงเห็นพ่อเราเท่านั้นล่ะ น้ำตาแกไหลทันทีเลย แกบอกว่าตั้งแต่แกเป็นโรคร้าย ก็มีแต่พ่อเรานี่ล่ะ ที่ไปเยี่ยมแกสม่ำเสมอ ยิ่งวันนี้มากันทั้งครอบครัวแกเลยรู้สึกตื้นตันใจมาก เพราะตั้งแต่คนอื่นรู้ว่าแกเป็นโรคนี้ก็มีแต่คนรังเกียจ  ทะยอยหายหน้าหายตาไปจากชีวิตแกทีละคนสองคน ครอบครัวเราจึงนับเป็นมิตรแท้สำหรับครอบครัวแกเลยทีเดียว เราจำได้วันนั้น ทั้งพ่อและแม่ของเรา และ อาแดงกับภรรยา ต่างก็ร้องไห้กันยกใหญ่ เราสงสารอาแดงมากเลย แต่เราเป็นแค่เด็ก ม.ต้น ตอนนั้นก็เลยยังไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ และหลังจากวันนั้นไม่นาน  อาแดงก็จากไปอย่างสงบ.... จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:13:34

ความคิดเห็นที่ 3 รออ่านอยู่นะคะ จากคุณ : namm_gamm เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:15:06

ความคิดเห็นที่ 4 คนต่อไป ก็คือเพื่อนร่วมรุ่นสมัียเรียนมหาวิทยาลัยของเรา ชื่อ เขียว ( นามสมมุติ ) เราทราบข่าวจากเพื่อนสนิทก็เมื่อตอนที่เราเรียนจบและเริ่มทำงานใหม่ ๆ ความที่เราไม่ค่อยสนิทกับ เขียว เราก็เลยไม่ทราบที่มาที่ไปสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเป็นห่วง เขียว เพราะพอได้ยินว่า เขียว เป็นเอดส์ เราก็อดนึกถึง อาแดง ไม่ได้ เราก็เลยไปตามหาเบอร์โทรศัพท์ของ เขียว จนได้คุยกัน เขียว ไปมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน เพราะความ ...อยากลอง... ก็เลยได้โรคนี้แถมมา ตอนนั้น เขียว เหมือนคนที่มีอาการ "สติแตก" แล้วก็ประกาศตัวว่าจะแก้แค้นคนทั้งโลก เราก็เลยได้แต่ปลอบใจ ให้กำลังใจ แล้วก็เตือนสติให้ เขียว นึกถึงบาปกรรม พยายามบอกให้ เขียว หยุดการแพร่เชื้อ ดังนั้น พอครั้งหลัง ๆ เราโทรไปหา เขียว เค้าก็เลยไม่ยอมรับโทรศัพท์เราอีก เพราะเขียวบอกว่าไม่อยากฟังเราเทศนา  -*- เราก็เลยไม่ได้ข่าวคราวของ เขียว อีกเลย พยายามถามข่าวจากเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครทราบ เราก็รู้ไม่ทราบว่า ปัจจุบัน เขียว จะยังมีชีวิตอยู่รึไม่ ? จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:24:32

ความคิดเห็นที่ 5 wait kha จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:31:29

ความคิดเห็นที่ 6 คนรู้จักก็ตายจากโรคนี้ไปแล้วหลายคนค่ะ ตอนนี้ก็รู้จักคนที่กำลังป่วยด้วยโรคนี้หลายคนเช่นกัน มีทั้งชาวบ้านธรรมดาที่โนเนม และไฮโซ หรือคนที่ดังๆก็มี โรคนี้ใกล้ตัวนี้เองค่ะ จากคุณ : Phu-nera เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:37:13

ความคิดเห็นที่ 7 wait too จากคุณ : เอเวอรี่ เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:38:14

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ คุณ namm_gamm มาทักกันเป็นคนแรกเลย ดีใจจัง ^^ -------------------------------------------------------- รายที่สามเป็นเพื่อนสนิทของเราเอง สมมุติว่าชื่อ ชาย   ชาย อยู่กับแฟน ชื่อ หญิง ( นามสมมุติเหมือนกัน ) เรารู้จักกับ ชาย จากการเล่นเกมส์ออนไลน์  ตั้งแต่ปี  2547 ความที่ ชาย เป็นคนเก่งคอมพิวเตอร์มาก เราก็เลยต้องขอความช่วยเหลือจาก ชาย บ่อย ๆ ( เพราะเราโง่คอม T T ) จึงทำให้สนิทกัน แล้วก็พลอยสนิทกับ หญิง แฟนของชายไปด้วย มีอยู่ครั้งนึง ชาย ทะเลาะกับ หญิง อย่างรุนแรง จนหญิงหนีกลับไปอยู่บ้านที่่ต่างจังหวัด แล้วชายก็โทรมาปรับทุกข์กับเรา เราก็เลยแกล้งพูดว่า... " ถ้าหญิงมันงี่เง่ามาก ก็หาแฟนใหม่สิวะ... "   ชาย ก็บอกกับเราว่า  " จะมีหญิงเป็นคนสุดท้าย "   ตอนนั้นเราเองก็รู้สึกตะหงิดใจ ก็เลยถามชายกลับไปว่า " ทำไมต้องเป็นคนสุดท้ายวะ ? " ( เรากับชายค่อนข้างสนิทกันมาก หากบทสนทนาไม่ไพเราะขออภัยนะคะ ) แต่ตอนนั้น ชายไม่ตอบ ได้แต่เงียบ เราก็เลยไม่ถามต่อ  และชายก็ไปง้อหญิงถึงบ้านจนได้กลับมาคบกันต่อ แล้ว ชาย กับ หญิง ก็เป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้เราได้รู้จักกับ สามี  ตอนนั้น ชาย เริ่มออกตุ่มแล้ว  แต่ว่าเป็นแต่ขา หน้ากับตัวไม่ออก เราก็ถามชายว่าเป็นอะไร ชายบอกว่า ...แพ้ยุง...  ซึ่งเราก็เชื่อเพราะช่วงนั้นชายไปอยู่บ้านแฟน ซึ่งหลังบ้านเป็นดงป่า มียุงเยอะมาก จนเราแต่งงานกับสามี ชายกับหญิง ก็จะไปมาหาสู่ที่บ้านเราบ่อย ๆ มาค้างที่บ้านเป็นอาทิตย์บ้าง เป็นเดือนบ้าง  แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งเราตั้งท้อง ชายกับหญิง ก็มาอยู่ที่บ้านเราอีก คราวนี้มาอยู่นานเลย และครั้งนี้เอง ที่ชายยอมรับกับพวกเราว่า ชายเป็น   ...เอดส์... ชาย ติดเอดส์มาจากการเสพยาและใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น  ซึ่งชายเองก็เลิกเสพยามานานแล้ว แต่ก็กว่าจะรู้ตัวก็หลายปีมาก เพราะอาการพึ่งจะออก เรากับสามีก็ตกใจมาก  ความรู้สึกตอนนั้น  มันไม่ได้รังเกียจ  แต่รู้สึก เสียใจ และ ใจหาย เพราะนี่เป็นเพื่อนสนิทมาก  เคยกินเคยนอนด้วยกัน เรากับสามีก็ปฏิบัติตัวกับ ชาย ปกติเหมือนเดิม  เคยกินข้าวร่วมวงกันอย่างไร ก็เหมือนเดิม พอเราท้องแก่  ชายกับหญิง  ก็ไปอยู่กับแม่ที่บ้านพี่สาวคนโตของชาย  วันที่เราจากกันวันนั้น ชาย ก็ยังดูเป็นปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป   ยังหัวเราะ  พูดจาเย้าแหย่กับเราได้ ช่วงที่เราตรวจเลือดครั้งสุดท้ายก่อนคลอด  เราก็เลยเล่าให้หมอฟังว่า อยู่ร่วมบ้านกับคนเป็นเอดส์นานเป็นเดือน เรากับลูกมีโอกาสติดรึเปล่า ? หมอก็บอกว่ามีโอกาสติดน้อยมาก เพราะ เอดส์ไม่ได้ติดกันได้ง่าย ๆ เหมือน หวัด ต่อให้กินน้ำดูดหลอดเดียวกัน ก็ต้องมีปริมาณน้ำลายที่มีเชื้อเอดส์เป็นลิตร ถึงจะมีโอกาสติด ซึ่งผลตรวจเลือดครั้งสุดท้ายของเราก็ไม่พบเชื้อ HIV  ส่วน ลูก หมอตรวจให้ตอนคลอดใหม่ ๆ ก็ไม่เป็นค่ะ หลังจากที่เราคลอดลูกแล้ว ก็ยุ่ง ๆ กับการเลี้ยงลูก แต่ก็ยังโทรคุยกับ หญิง ถามอาการของ ชาย อย่างสม่ำเสมอ หญิง เล่าให้ฟังว่า  ชายไปอยู่บ้านพี่สาวคนโตได้ไม่นาน ก็โดนพี่สาวคนโตไล่ออกจากบ้าน ไล่ทั้งน้องชายและไล่แม่ตัวเองด้วย เพราะรังเกียจ ที่น่าเศร้ากว่านั้น พี่สาวคนโตของชาย เป็นหัวหน้าพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แทนที่จะใช้ความรู้ความสามารถของตนเองช่วยเหลือน้องบ้าง กลับไล่น้องชายให้ไปใช้บริการบัตรทองแทน ทำให้ ชาย ต้องไปอยู่ร่วมห้องกับ ผู้ป่วยวัณโรค  และติดเชื้อวัณโรคในที่สุด เพราะคนที่เป็นเอดส์ภูมิคุ้มกันก็จะเป็นศูนย์รับเชื้อได้ง่ายอยู่แล้ว ระหว่างนี้ คนที่ปรนนิบัติดูแล ชาย มีเพียง แม่ กับ หญิง แค่สองคน เมื่อชายอาการหนักมาก มีโรคแทรกซ้อนหลายโรค ( โรคส่วนใหญ่ก็ได้มาจากตอนนอนโรงพยาบาล ) ก็เลยตัดสินใจออกจากโรงพยาบาล มานอนรอวันตายที่บ้าน เนื่องจากโดนพี่สาวไล่ออกจากบ้านมาแล้ว ก็เลยไปอยู่บ้านพ่อที่ต่างจังหวัดแทน  ซึ่งแม่ของชายก็ทำใจไว้แล้วว่าชายคงจะไม่รอด เลยบอกให้หญิงตัดใจจากชายซะ ก่อนหน้านี้ แม่ของชายเคยพาหญิงไปตรวจเลือดตั้งแต่ตอนที่ทราบว่าลูกชายตัวเองเป็นเอดส์ใหม่ ๆ ก็พบว่า หญิงไม่ติดเอดส์  ( ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก ) เราสันนิษฐานว่า ชาย คงรู้ตัวมาตั้งนานแล้ว ก็เลยระมัดระวังตัว หญิง ก็เลยรอด.... ครั้งสุดท้ายเราได้ส่งหนังสือสวดมนต์และหนังสือกฏแห่งกรรมไปให้ชายอ่าน เพราะอยากให้เพื่อนมีจิตใจสงบ ทำใจยอมรับความจริงได้ พอหญิงกลับไปบ้าน และแม่ของหญิงทราบเรื่อง ก็เลยพาไปตรวจอีกรอบนึง ผลตรวจก็เหมือนเดิม คือ หญิงไม่เป็นเอดส์ ชาย จากไปเมื่อเดือนธันวาคม  2551  ตอนนั้น น้องปีย่า มีอายุ  5  เดือนกว่า สิ่งที่เราเสียใจก็คือ ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเพื่อนเลย  วันตายก็ไม่ได้ไปเผา เนื่องจากเราต้องเลี้ยงลูกเองไม่มีใครช่วย แถมเป็นคุณแม่มือใหม่ ตอนนั้นก็หัวฟูกับการเลี้ยงลูกมาก ดังนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสทำบุญ เราก็จะอุทิศส่วนกุศลไปให้ ชาย บ่อย ๆ แต่ ชาย เคยมาเข้าฝันเราแค่ครั้งเดียว แล้วก็ไม่เคยมาอีกเลย ในฝัน ชาย ไม่ได้พูดอะไรกับเรา แต่เหมือนกับจะมาบอกอะไรสักอย่าง พอตื่นเช้ามาเราดูทีวี ก็มีข่าว ไมเคิล แจ็กสัน เสียชีวิต พอตกบ่ายแม่เราก็โทรมาบอกว่า อากง ( ตา ) ของเราเสีย  เราก็เลยคิดว่านี่คงเป็นเรื่องที่ ชาย อยากจะมาบอกเรา ขนาดเราเคยพูดเล่น ๆ ว่ามาให้ หวย กันบ้างดิ๊  มันก็ยังไม่มาเลยค่ะ แหะ แหะ ------------------------------------------------- เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ ลูกตื่น ไปดูลูกก่อนค่ะ  ^^ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 00:08:10

ความคิดเห็นที่ 9 โรคนี้ใกล้ตัวจริงๆค่ะ บางคนคิดว่าคนที่ท่าทางภายนอกดูดี หน้าตาดี หุ่นดีจะไม่เป็น เวลามีอะไรก็ไม่ยอมป้องกัน สงสารผู้หญิงบางคนที่ติดโรคมาจากสามีโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย จากคุณ : nooemy (NooEmy) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 00:21:37

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะ แม่น้องปิ่นมุก  คุณ Phu-nera  คุณ เอเวอรี่ ดีใจจัง  ที่มีเพื่อนนอนดึก -------------------------------------------------------- มาถึงรายล่าสุด เป็นเพื่อนสนิทของสามีเรา สมมุติว่าชื่อ  บี บี ค่อนข้างสนิทกับเรา เพราะนิสัยดี  บ้าทำบุญเหมือนกัน  ก็เลยไปมาหาสู่กันบ่อย แถมพอเรามีลูก  ลูกเราก็ค่อนข้างติด บี มาก บี  โดนหัวหน้างานกลั่นแกล้ง  และ บีบให้ออกจากงาน ก็เลยหางานใหม่ ซึ่งก็ทำข้อสอบและสัมภาษณ์ผ่านหมดทุกอย่าง ไม่ผ่านอย่างเดียว ก็คือ ...ผลการตรวจเลือด... เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา สามีเรากลับจากทำงานหน้าตาเคร่งเครียดมาก สักพัก บี ก็มาบ้าน ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เราอ่าน เราอ่านจบก็มองหน้าสามี  นึกในใจว่า  อีกแล้วเหรอ  ความรู้สึกคือ ใจหายอีกแล้วเรา ก่อนหน้านี้ พึ่งจะถาม บี เอง ว่า บี มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นแล้วใส่ถุงยางรึเปล่า บี ยังถามเรากลับมาเลย ว่า... " ชั้นเป็น ผู้กระทำ ชั้นต้องใส่ด้วยเหรอ... " ( บี เป็นเกย์คิงค่ะ ) เรามองหน้า บี บี  ก็ยิ้ม แล้วบอก  " ชั้นไม่เป็นไร " แต่น้ำตาบีร่วงเผาะ เผาะ เผาะ เราก็เลยจะดึงบีมากอด บีบอกว่าอย่า เดี๋ยวจะยิ่งร้องหนักกว่านี้ สักพักนึง บี ก็เริ่มทำใจได้  เราก็เลยถามบีว่าจะเอายังไงต่อไป บี บอกว่าจะเก็บข้าวของกลับไปอยู่บ้าน เพราะตอนนี้ก็ตกงานอยู่คงไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง เรานึกถึง ชาย พอกลับบ้านก็เหมือนกับ กลับไปนอนรอวันตายที่บ้าน อีกอย่างนึง เราเกรงว่า ถ้ากลับไปบ้านแล้วชาวบ้านพูดกันปากต่อปากจะพากันรังเกียจเพื่อน ก็คงยิ่งทำให้เพื่อนไม่มีกำลังใจ เราก็เลยบอก บี ห้ามกลับบ้าน  บี  ต้องสู้ แล้ว บี ก็ห้ามบอกใครว่าเป็น เอดส์  ยกเว้น คนที่ไว้ใจได้จริง ๆ รวมถึงห้ามรับเชื้อเพิ่ม และ ห้ามแพร่เชื้อด้วย.... เรากับสามีก็เลยคิดกันว่า บี ต้องหางานที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์  แต่ถ้างานไหนเค้าไม่ใช่ก็ลองสมัครลองไปทำดู ช่วงแรก ๆ บี ก็หายไปเหมือนกัน  เราก็เป็นห่วงบีมาก กลัวว่าจะฆ่าตัวตาย เพราะรู้นิสัย บี ว่า เป็นคนคิดมาก แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร ก็เลยจูงลูกไปหาบีที่ห้อง เคาะประตูห้องเรียกเพื่อนทุกวัน แล้วก็บอกให้มากินข้าวที่บ้าน ให้เงินใช้  แล้วก็ค้นข้อมูลหาสมุนไพรที่ใช้รักษาเอดส์ เพราะสามีเคยอ่านเคยเจอว่ามีคนหายจากเอดส์เพราะกินสมุนไพร แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสมุนไพรตัวไหน เพราะใครว่าอะไรดีเจ้าตัวก็กินหมด เลยไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้หาย ตรงนี้ล่ะ ที่ทำให้ บี เริ่มมีกำลังใจ  ล่าสุด  บี  ไปตรวจเลือด หมอก็บอกว่ายังไม่ต้องกินยา เพราะสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงอยู่ บี สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากแฟนเก่า และโทรบอกให้แฟนเก่าไปตรวจเลือดซะ เพราะดูท่าว่าจะยังไม่รู้ตัว.... จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 00:40:03

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะ คุณ nooemy ได้เพื่อนนอนดึกเพิ่มอีกคนแล้ว  ^^ ------------------------------------- เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะมาเล่าถึงรายละเอียดสมุนไพรที่ใช้รักษา คืนนี้คงต้องไปนอนก่อน  หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ทุกท่านนะคะ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 00:45:58

ความคิดเห็นที่ 12 มารออ่านต่อนะคะ ^_^ จากคุณ : นู๋เน้ง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 01:28:27

ความคิดเห็นที่ 13 จะมารออ่านนะคะ จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 01:28:32

ความคิดเห็นที่ 14 ติดตามค่ะ จากคุณ : Apirl Bunny เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 01:55:17

ความคิดเห็นที่ 15 เด็ก ๆ โรงเรียนพี่สะใภ้เรามีทั้งเด็กที่ติดเชี้อ จากพ่อแม่(โรงเรียนมีถีง ม 3) เด็กที่กำพร้าเพราะทั้งพ่อและแม่ติดเชี้อ เด็กที่พ่อแม่กำลังป่วย วันหนี่งมีเด็กคนหนี่งโดนพี่สะใภ้เราด่าว่า ทำไมไม่รู้จักตั้งอกตั้งใจเรียนบ้าง ใหญ่มาจะทำกินอะไร เด็กคนนั้นบอกครูไปว่า "ครูครับผมจะตายเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย" พี่สะใภ้ไม่บ่นแล้วเดินหนี แต่เศร้าค่ะ สงสารเด็ก ที่โรงเรียนพี่สะใภ้มีเด็กติดเชื้อประมาณ 10% ส่วนใหญ่มาจากบ้านเด็กชายและบ้างเด็กเวียงพิงค์ค่ะ เพื่อนแม่ก็มีเป็นเอดส์ค่ะ ลูกพี่ลูกน้องสามีก็เป็นเอดส์ตาย วิธีที่ดีที่สุดคือ ใส่ถุง ไม่ต้องไปอาย จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 02:11:36

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นโรคที่น่ากลัวแล้วอยากอยู่ให้ห่างไกลที่สุด ปล. คุณอา น้องชายคุณแม่ได้ติดโรคนี้จากแฟนเค้า ท่านได้เสียชีวิตหลังจากรู้ว่าเป็นโรคนี้ได้ไม่นาน เคยไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล รู้สึกว่าน่าสงสารมาก แล้วก้อรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้พี่น้องเลิกคบกันได้ คือคุณอาไม่มีบ้านอยู่ค่ะ พอรู้ว่าเป็นโรคนี้ ไม่มีพี่น้องคนไหนสามารถรับได้ และยอมให้มาอยู่ร่วมบ้านได้ จำได้ว่าตอนนั้นเรายังเด็กมาก ไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ เท่าที่จำความได้ ช่วงที่ท่านทรุดหนัก ท่านถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากคุณหมอบอกว่าช่วยอะไรไม่ได้ ให้เอาไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์แทน ปล. เพิ่งอ่านเจอวันนี้จากโบชัวร์บริจาค Stemmcell เห็นเค้าบอกว่าสามารถช่วยรักษาโรคเอดส์ได้ด้วย ไม่รู้ว่าจะชัวร์หรือเปล่า แต่ขอให้รักษาได้บ้าง จากคุณ : ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 04:00:14

ความคิดเห็นที่ 17 ใช่ค่ะ โรคนี้ ถ้าดูแลดีๆ หมั่นรักษาสุขภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 08:43:31

ความคิดเห็นที่ 18 เรายังไม่มีคนใกล้ตัวเป็นโรคนี้เลยค่ะ ไม่รู้ถ้าเจอจริงๆจะทำยังงัย ถ้าเกิดพ่อของลูกเราเป็น เราจะรับได้มั้ย ?? เคยอ่านกระทู้แนะนำของคุณหมอฟ้าฟมาดฝนในห้องสวมลุม น่ากลัวมากๆ ผู้ป่วยสมัยนี้เป็นแล้วมักไม่บอกใคร แถมแพร่เชื้อต่ออีก จากคุณ : เอเวอรี่ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 09:05:59

ความคิดเห็นที่ 19 มาติดตามด้วยคนนะคะ จากคุณ : เทพธิดาเอี๊ยะแซ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 09:52:03

ความคิดเห็นที่ 20 ถึง คห.8 >>>> หญิง เล่าให้ฟังว่า ชายไปอยู่บ้านพี่สาวคนโตได้ไม่นาน ก็โดนพี่สาวคนโตไล่ออกจากบ้าน ไล่ทั้งน้องชายและไล่แม่ตัวเองด้วย เพราะรังเกียจ ที่น่าเศร้ากว่านั้น พี่สาวคนโตของชาย เป็นหัวหน้าพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แทนที่จะใช้ความรู้ความสามารถของตนเองช่วยเหลือน้องบ้าง กลับไล่น้องชายให้ไปใช้บริการบัตรทองแทน ทำให้ ชาย ต้องไปอยู่ร่วมห้องกับ ผู้ป่วยวัณโรค และติดเชื้อวัณโรคในที่สุด เพราะคนที่เป็นเอดส์ภูมิคุ้มกันก็จะเป็นศูนย์รับเชื้อได้ง่ายอยู่แล้ว ระหว่างนี้ คนที่ปรนนิบัติดูแล ชาย มีเพียง แม่ กับ หญิง แค่สองคน เมื่อชายอาการหนักมาก มีโรคแทรกซ้อนหลายโรค ( โรคส่วนใหญ่ก็ได้มาจากตอนนอนโรงพยาบาล ) ก็เลยตัดสินใจออกจากโรงพยาบาล มานอนรอวันตายที่บ้าน เนื่องจากโดนพี่สาวไล่ออกจากบ้านมาแล้ว ก็เลยไปอยู่บ้านพ่อที่ต่างจังหวัดแทน ซึ่งแม่ของชายก็ทำใจไว้แล้วว่าชายคงจะไม่รอด เลยบอกให้หญิงตัดใจจากชายซะ ก่อนหน้านี้ แม่ของชายเคยพาหญิงไปตรวจเลือดตั้งแต่ตอนที่ทราบว่าลูกชายตัวเองเป็นเอดส์ใหม่ ๆ ก็พบว่า หญิงไม่ติดเอดส์ ( ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก ) เราสันนิษฐานว่า ชาย คงรู้ตัวมาตั้งนานแล้ว ก็เลยระมัดระวังตัว หญิง ก็เลยรอด.... *** ขอให้เข้าใจเสียใหม่นะครับ ด้วยอาจจะได้รับข้อมูลมาจากคนละด้าน ที่เขาย้ายออกมาเพราะแม่เขาเกรงใจเจ้าของบ้าน เพราะบ้านนั้นมีทั้ง เจ้าของบ้าน และลูกๆ อีก 4 คน อาอีก 1 ยาย อีก 1 แม่อีก 1 แล้ว ชายอีก 1 ถ้านับรวมหญิงไปด้วย อีก 1 ก็ 10 คน เขาไม่เคยไล่ออกมาเลย ส่วนทำไมต้องใช้สิทธิบัตรทอง ถามต่อว่าถ้าไม่ใช้สิทธิ์บัตรทอง จะไปนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆห้องพิเศษ สำหรับคนมีฐานะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่แม่เขาไม่มีเงิน ถึงแม้ว่าแม่เขาเป็นราชการแต่ก็มีหนี้เยอะมาก และหนี้สินส่วนหนึ่งก็มาจากน้องชายนี่แหละ ไม่ขอพูดในรายละเอียด ส่วนจะให้พี่เขามารับภาระทั้งหมดคงไม่ใช่ แต่ละคนก็มีหน้าที่+ภาระกันทั้งนั้น ส่วนเรื่องชายติดเชื้อ ในเมื่อไม่กินยา แล้วร่างกายจะมีภูมิได้ยังไง แม่เอง หญิงเอง ก็บอกไห้กินยา แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่กินยา ไม่รักตัวเอง แล้วใครจะช่วยได้ แล้วในเมื่อรู้ตัวเองว่าเป็น ทำไมไม่รักษาตั้งแต่ต้น ปล่อยจนมันเป็นระยะสุดท้ายแล้วใครจะช่วยได้?? แม้แต่พ่อ แม่ พี่ น้อง ก็ไม่เคยบอก จนระยะสุดท้าย ทำไม?? ส่วนเรื่องที่ต้องดูแลกัน 2 คน แล้วจะให้ใครมาดูแลครับ เพราะเมื่อย้ายมาอยู่กับผม พี่คนรอง(แฟนผม) ก็มีลูกเล็กๆอายุยังไม่ถึงขวบต้องดูแล และเด็กเล็กๆมันก็ต้องระวังมากกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว ผมไม่ได้รังเกียจ เพราะญาติผมเองก็เป็นมาหลายคนเห็นจนชิน แต่ที่ไม่พอใจอย่างมาก มีแค่ครั้งที่หญิงเล่นกับลูกแล้วโดนน้องกัดจนเลือดออก ซึ่งผมมีสิทธิไม่พอใจเพราะถ้าลูกผมเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ส่วนสุดท้ายที่กลับไปอยู่ ตจว. ก็เพราะในเมื่ออาการมันทรุดหนักมาก และเจ้าตัวเองไม่ยอมรักษาตัวเองแล้ว แม่เขาก็เลยอยากพากลับไปบ้าน อย่างน้อยพ่อเขาก็ได้ช่วยกันดูแลได้ คนเราเป็นใครก็อยากกลับไปใช้ชิวิตในบั้นปลายกับครอบครัวทั้งนั้น อย่าฟังความข้างเดียวแล้วเอามาบอก จริงๆแล้วมันมีอะไรอีกเยอะที่คนนอกไม่รู้ มองกันคนละมุม ฟังกันคนละทาง สุดท้ายมันได้อะไร?? จากคุณ : คนเกี่ยวข้อง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 11:05:46 A:125.24.97.133 X: TicketID:308211

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงความคิดเห็นที่  20  คนเกี่ยวข้อง ก่อนอื่นเราต้องขอขอบคุณ คุณมาก ๆ นะคะ ที่ออกมาชี้แจงความจริง เพราะเราก็ได้ออกตัวตั้งแต่แรกแล้ว ว่ามีปัญญาแค่โทรถามข่าวคราวของชายในช่วงหลัง ๆ เป็นไปได้ค่ะ ว่าข้อมูลที่ได้อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เนื่องจากเราเป็นแค่คนนอกสำหรับครอบครัวของคุณ แล้วก็สนิทกับ หญิง แค่เพียงคนเดียว ก็เลยถามข่าวคราวได้เพียงจากทาง หญิง เท่านั้น ยอมรับค่ะ ว่าวันนั้น ที่ หญิง เล่าเรื่องมาแบบนี้  เราร้องไห้ เพราะคนนอกอย่างเรารู้สึกว่า ทำไมเพื่อนต้องประสบชะตากรรมที่แย่แบบนี้  เรารู้สึกสงสารเพื่อนมาก แล้วบังเอิญว่าตั้งแต่ที่เราเป็นเพื่อนกับชายมา ชายเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับครอบครัวมาตลอด แม้ว่าชายจะตายไปแล้ว ความทรงจำของเราก็เลยมีแต่มุม ดี ดี ของชาย ถ้าหากว่าครอบครัวของชายเป็นอย่างที่คุณเล่ามา เราก็ต้องขอโทษไปยังครอบครัวของชายด้วยนะคะ สำหรับความเข้าใจผิดนี้ ฝากความคิดถึงไปยัง คุณแม่ของชายด้วยค่ะ หวังว่าท่านคงจะสบายดี  ^^ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 11:30:55

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ นู๋เน้ง  แม่น้องปิ่นมุก  คุณ Apirl Bunny  คุณ เทพธิดาเอี๊ยะแซ ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตามอ่าน  ^^ คุณ มนชิจัง  อ่านเรื่องเล่าของคุณแล้วสะท้อนใจจังค่ะ เด็ก ๆ มักจะพูดด้วยความไร้เดียงสา แต่ก็ทำให้เราอึ้งได้เลยทีเดียว คุณ ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย  เรื่อง โบชัวร์บริจาค Stemmcell ถ้าช่วยสามารถรักษาเอดส์ได้จริง ก็น่าดีใจนะคะ ผู้ป่วยจะได้มีทางเลือก  ^^ คุณ แม่น้องบูม   จริงอย่างที่คุณว่าค่ะ ถ้าผู้ป่วยรักษาตัวเองดี ดี ก็ยังอยู่ได้อีกนาน... คุณ เอเวอรี่  เราก็เคยคิดอย่างคุณเหมือนกันค่ะ แต่พอได้มาเจอกับตัวจริง ๆ มันก็เป็นไปได้เองโดยธรรมชาติ ผู้ป่วยเอดส์ ถ้าเป็นแล้วไม่บอกใคร แต่ระวังตัวเอง ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พวกแพร่เชื้อนี่ล่ะค่ะ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 11:42:23

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาติดตามค่ะ เศร้า... จากคุณ : us.amii เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 11:49:33

ความคิดเห็นที่ 24 อันนี้เป็นความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้รักษาเอดส์ค่ะ ขออนุญาตก็อปมาหมดเลยเนอะ  ^^ ที่มา... http://www.boonmeeherb.com ------------------------------------------------------------------ โรคเอดส์” นับเป็นมหันตภัยที่ร้ายแรงอย่างหนึ่งสำหรับมวลมนุษย์ปัจจุบัน (พ.ศ.2544) ประมาณการกันว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์แล้วไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีแล้วประมาณ 1 ล้านคน แม้ว่าโรคเอดส์จะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็เป็นโรคที่สามารถป้องกันได ้ดังนั้นการให้ความรู้แก่ให้ความรู้แก่ประชาชนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในทางการแพทย์ได้แบ่งแนวทางในการรักษา 4 แนวทางด้วยกันคือ หยุดหรือชลอการเพิ่มขึ้นของจำนวนไวรัส ( antiviroal therapy ) โดยใช้ยาที่แสดงฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ HIV-RT เช่น  AZT,ddI.ddC,3TC,d4T และยับยั้งเอนไซม์ protease เช่น saquinavir,indinavir เสริมสร้างภูมิต้านทานด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (immunostimulators) ให้ยาป้องกันและรักษาโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ วัณโรค,ปอดอักเสบ,เชื้อราขึ้นสมอง ,ตุ่มคันตามตัว,มีไข้ทุกวัน,เบื่ออาหารน้ำหนักตัวลดลงท้องเสีย,ท้องอืดท้องเฟ้อคนที่มีระดับภูมิคุ้มกัน CD4   ต่ำกว่า 500 ลงมา ได้มีการค้นพบว่าการใช้ยาหลายชนิดที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ HIV-RT และ protease โดยใช้ร่วมกันจะทำให้จำนวนไวรัสในร่างกายของผู้ป่วยลดลงจนไม่สามารถตรวจได้ อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้มีราคาแพงมาก ถ้าใช้ยาดีๆของนอกคิดเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายเดือนละประมาณ 25,000 บาทต่อคน ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้ยาเหล่านี้ได้ ดังนั้นการใช้ยาสมุนไพรจึงเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งในการดูแลรักษาผู้ป่วยเอดส์ จากการสืบค้นข้อมูลการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ พบว่ามีสมุนไพรไทยไม่ต่ำกว่า 12 ชนิด ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อเอชไอวีในหลอดทดลอง รวมถึงการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังใช้รักษาโรคเรื้อรังที่มักเกิดในผู้ติดเชื้อ HIV (AIDS)เช่นมีอาการเป็นไข้ทุกวัน,ท้องเสียบ่อย,เบื่ออาหาร ผิวหนังมีตุ่มขึ้นตามตัว ในจำนวนสมุนไพร 12 ชนิดดังกล่าว มีสมุนไพรที่หาได้ง่ายและมีการใช้อย่างแพร่หลายรวม  5  ชนิด ด้วยกัน ได้แก่ 1.  ลูกใต้ใบ ชื่ออื่น  มะขามป้อมดิน  หญ้าใต้ใบ  หญ้าใต้ใบขาว ในทางแผนโบราณ  ใช้เป็นยาแก้ไข้  แก้ท้องเสีย  แก้ดีซ่าน ฯลฯ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถยับยั้งเอนไซม์ reverse transcriptase ของ HIV – 1 ได้ หลังจากที่ได้ทำการแยกด้วยวิธีทางโครมาโตกราฟี พบว่าสารที่ออกฤทธิ์ได้แก่สาร repandusinic acid A monosodium saltโดยมีค่า ID50เท่ากับ0.05 m M 2.  ฟ้าทะลายโจร ชื่ออื่น  คังปังฮี  ( จีน )   ฟ้าทลาย  หญ้ากันงู  น้ำลายพังพอน ในทางแผนโบราณ  ใช้เป็นยาแก้ไข้  แก้ท้องเสีย  แก้เจ็บคอ  ฯลฯ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าสาร dehydroandrographolide succinic acid monoester ซึ่งสังเคราะห็ได้จากสาร andrographolide จากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV –1 ในหลอดทดลองที่ความเข้มข้น 2.0 m g/ml  นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV -2 ด้วย ที่ความเมข้นที่ยังไม่เป็นพิษต่อเซลล์ (subtoxic)สารนี้สามารถรบกวนการรวมตัวของเซลล ์ที่มีเชื้อ  HIV  (HIV-induced cell fusion )  และรบกวนการเกาะของเชื้อHIV บน H9 cell ได้ จากการศึกษาทางคลินิคพบว่าคนไข้ที่ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 16 คน ได้รับยานี้เป็นเวลา 9 สัปดาห์ คนไข้ครึ่งหนึ่งมีจำนวน CD4 cell count เพิ่มขึ้น 31% และปริมาณของไวรัสในเลือดลดลง 38%   นอกจากนี้สาร androapholide ในฟ้าทะลายโจรยังมีผลต่อการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย 3.  ขมิ้นชัน ชื่ออื่น  ขมิ้น  ขมิ้นแกง   หมิ้น   ขมิ้นหยวก  ขมิ้นหัว  ขี้หมิ้น ในทางแผนโบราณ  ใช้เป็นยาแก้ท้องอืด  ท้องเฟ้อ  ฯลฯ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าสารสีเหลือง curcumin ในขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ proteaseของ HIV-1 และ HIV 2 โดยมีค่า IC50100 m M และ 250 m M ตามลำดับ การเตรียมสารประกอบเชิงซ้อนระหว่าง curcumin และ boron จะทำให้ได้สารที่มีฤทธิ์แรงขึ้นมากโดยมีค่า IC เพียง 6 m M เท่านั้น  นอกจากนี้ยังพบว่า curcumin ยังสามารถยับยั้งเอนไซม์ integrase ของเชื้อ HIV-1 โดยมีค่า IC 50 40 m M  ดังนั้นจึงได้มีการนำcurcumin ไปทดลองทางคลินิคในผู้ป่วยเอดส์อยู่ในขณะนี้ 4.  เห็ดหลินจือ ชื่ออื่น  เห็ดหมื่นปี  เห็ดกระด้าง  เห็ดขอนไม้  เห็ดหิมะ เห็ดนางกวัก  เห็ดหัวงู  เห็ดจวักงู  เห็ดอายุวัฒนะ  เห็ดนำโชค ในทางแผนโบราณ  ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ  บำรุงร่างกาย  บำรุงผิว รักษาโรดหืดหอบ  ภูมิแพ้  บำรุงตับ  รักษามะเร็ง ฯลฯ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเมื่อแยกสารสกัดด้วยน้ำของเห็ดหลินจือออกเป็น 2 ส่วนคือ สารสกัดส่วนที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง(HMF) และสารสกัดส่วนที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (LMF) เมื่อนำไปทดสอบผลการยับยั้งการทำลายเซลล์ของ HIV 1 ใน human T lymphoblastold cell line (CEM) พบว่าสารสกัดที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (LMF) มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ HIV –1 ได้ผลดีโดยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายในช่วงแบ่งตัวของไวรัส และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ นอกจากนี้ยังพบสาร lanostane-type triterpenes อีก 2 ชนิด คือ lucidumal A และ ganoderic acid beta ซึ่งได้จากสปอร์ของเห็ดหลินจือ มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ protease ของ HIV-1 โดยมีค่า IC 50  m M  และยังพบอีกว่าในเห็ดหลินจือ ยังมีสารสำคัญที่ช่วยในการ เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายและรักษาอาการภูมิแพ้ ตุ่มคันตามผิวหนังดังนี้                   1). การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย สารสำคัญดังกล่าวมีชื่อว่า เบต้าดีกลูแคน (Beta-D-Glucan)และ โพลีเซ็คคาร์ไรด์ (Polysaccharide) อื่นๆ ซึ่งสารเหล่านี้จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด บี-เซลล์ (B-Cells) และ ที-เซลล์ (T-Cells) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของสาร อิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin)และสารอินเตอร์ลิวคิน (lnterleukin ) มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันโรค (lmmunomodulation) เมื่อทำการทดลองในสัตว์ก็ พบว่าความสามารถในการปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันนี้ มีผลต่อเนื่องในการต่อต้านสารแพ้( Antiallergy ) และการต่อต้านเชื้อไวรัส (Antivirus ) นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางการแพทย์ในปี พ.ศ. 2533 คณะแพทย์ไทยจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้รายงานผลการวิจัยการใช้เห็ดหลินจือที่ได้ผลในการเพิ่มภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยโรคเอดส์ ในที่ประชุมโรคเอดส์นานาชาติครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองอัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์                     2). ป้องกันและรักษาอาการภูมิแพ้ ตุ่มผื่นคันตามผิวหนังพบว่าภายในเห็ดหลินจือมี กรดการ์โนเดริค(Ganoderic) C1, C2, D–K, R- Z) กรดไขมันชนิดโอเลอิค (Oleic acid ) และ สารไซโคลอ๊อกต้าซัลเฟอร์(Cycloooctasulfur ) เป็นตัวยับยั้งการหลั่งของสารฮีสตามิน ( Histamina – Release inhition activity ) ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ 5.  มะระขี้นก ชื่ออื่น   ผักเหย  ผักไห่  ผักร้อยรู  มะห่อย  มะไห่ ในทางแผนโบราณ  ใช้เป็นยาเจริญอาหาร  รักษาเบาหวาน  บำรุงตับ ฯลฯ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าในเมล็ดแก่ของมะระขี้นก มีโปรตีน TBG-P 29 ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV โดยการยับยั้งเอนไซม์ revere transcriptase   นอกจากนี้ผลอ่อนของมะระขี้นกยังใช้เป็นยาเจริญอาหาร รักษาอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ได้ดีมีการทดลองทางคลินิคจากจำนวนผู้ป่วย 28 คน พบว่ามีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นรู้สึกแข็งแรงขึ้น 28 คน =100%น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 22 คน = 78.5% ลดลง 6 คน = 21.43% จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 12:10:14

ความคิดเห็นที่ 25 สมุนไพรรักษาเอดส์อีกตำราหนึ่งค่ะ ซึ่งปัจจุบัน บี ใช้ตำหรับนี้ รักษาตัวเองอยู่ค่ะ ที่มา... http://pineapple-eyes.snru.ac.th/alo/index.php?q=node/173 --------------------------------------------------------------------------- สมุนไพรรักษาโรคเอดส์ โดยการยับยั้งเชื้อ HIV และใช้ในการเพิ่มภูมิต้านทานให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ คือ ลูกใต้ใบ,ฟ้าทะลายโจร,ขมิ้นชัน,เห็ดหลินจือ,มะระขี้นก,บอระเพ็ด,มะขามป้อมและเหงือกปลาหมอ มีรายงานเกี่ยวกับสมุนไพร 8 ชนิดที่สามารถยับยั้งเชื้อ HIV และใช้ในการเพิ่มภูมิต้านทานให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ คือ ลูกใต้ใบ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน เห็ดหลินจือ มะระขี้นก บอระเพ็ด มะขามป้อม และเหงือกปลาหมอ ลูกใต้ใบ     สารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถยับยั้งเอนไซม์ reverse transcriptase ของ HIV–1 ได้ ฟ้าทะลายโจร     สาร dehydroandrographolide succinic acid monoester ซึ่งสังเคราะห็ได้จากสาร andrographolide จากฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV –1 และมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV -2 ขมิ้นชัน     สารสีเหลือง curcumin ในขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ protease ของ HIV-1 และ HIV-2 และยังสามารถยับยั้งเอนไซม์ integrase ของเชื้อ HIV-1 ได้ เห็ดหลินจือ     เห็ดหลินจือมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ HIV-1 ได้ผลดี โดยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายในช่วงแบ่งตัวของไวรัส และไม่มีพิษต่อเซลล์ และยังพบอีกว่ามีสาระสำคัญที่ช่วยในการ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายและรักษาอาการภูมิแพ้ ตุ่มคันทางผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางการแพทย์ในปี พ.ศ. 2533 คณะแพทย์ไทยจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้รายงานผลการวิจัยการใช้เห็ดหลินจือที่ได้ผลในการเพิ่มภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยโรคเอดส์ ในที่ประชุมโรคเอดส์นานาชาติครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองอัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ มะระขี้นก   ในเมล็ดแก่ของมะระขี้นก มีโปรตีน TBG-P 29 ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV โดยการยับยั้งเอนไซม์ revere transcriptase นอกจากนี้ผลอ่อนของมะระขี้นกยังใช้เป็นยาเจริญอาหาร รักษาอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ได้ สมุนไพร อื่นๆ อีกที่สามารถเพิ่มภูมิต้านทาน ได้แก่ บอระเพ็ด  มะขามป้อม จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 12:18:12

ความคิดเห็นที่ 26 วิธีการใช้ เห็ดหลินจือ แบบสกัดบรรจุแคบซูล รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา แต่ถ้าเป็นแบบแผ่นต้องนำมาต้มก่อนแล้วรับประทานต่างน้ำ ส่วนสมุนไพรอีก 7 ชนิดที่เหลือ ( ลูกใต้ใบ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน มะระขี้นก บอระเพ็ด มะขามป้อม และเหงือกปลาหมอ) เอามาอย่างละเท่าๆกัน ทำเป็นผงชงกับน้ำผึ้งแท้(ใส่เพียงเล็กน้อย 1 ช้อนชา)หรือเป็นลูกกลอนผสมน้ำผึ้งแท้ รับประทานหลังอาหาร 3 เวลา จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 12:19:42

ความคิดเห็นที่ 27 มีคนใกล้ตัวเป็นค่ะ ผู้หญิงเหมือนกัน ติดจากสามีเหมือนกัน แล้วเรื่องราวก็เหมือนกัน คือ ผู้หญิง 2 คนนี้มีสามีใหม่ สามีคนก่อนไม่เอาไหนทั้งคู่ แล้วคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาเจอสามีคนนี้และรักมาก ฝันว่าจะอยู่ดูแลกันจนแก่เฒ่า พออยู่ไปตัวสามีก็เริ่มไม่สบายเจ็บ ออดๆแอดๆ พอไปตรวจเลือดก็พอว่ามีเชื้อ แต่ตัวสามีทั้ง 2 คนดูจะไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่เหมือนรู้อยู่แล้ว พอผู้หญิงรู้ก็ถามว่าทำไมไม่บอก คำตอบที่ได้คือเพราะรักเลยไม่บอก กลัวว่าจะรับไม่ได้แล้วทิ้งไป ผู้หญิงคนที่1 รู้ตอนสามีอาการหนักใกล้ตายแล้ว พอสามีตายก็เข้าวัดฟังธรรมปลงกับ ชีวิตดีหน่อยเลยมีกำลังใจสู้กับโรคร้ายตอนนี้สบายดี ไม่มีอาการอะไรเลย ผู้หญิงคนที่2 สามีได้รับยาต้านแล้วดีขึ้นทำงานได้ก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ แต่เลิกกันเพราะผู้หญิงรับไม่ได้ แต่ที่แย่คือผู้ชายไปมีแฟนใหม่ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า เขาได้บอกกับคนใหม่ด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่บอกก็คงจะเป็นผู้หญิงคนที่ 3 ต่อไปเรื่อยๆ ผู้หญิงก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองไปวันๆตอนนี้ไม่ได้ข่าวแล้วว่าความเป็นอยู่เป็นยังไงบ้าง บางคนอ่านแค่นี้คิดว่ามันเป็นเรื่องเศร้าแล้ว แต่ที่เศร้ายิ่งกว่าคือ ผู้หญิง 2 คนนี้เป็นแม่ ลูกกัน แม่รู้ก่อนไม่นานลูกก็มารู้ทีหลัง คนที่คิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว นั่นแหละที่น่ากลัว เพราะจะไม่ระวังตัว จากคุณ : คุณแม่น้องคะเน็ด เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 12:34:31

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ us.amii  ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตาม...  ^^ ------------------------------------------------ ปัจจุบัน บี ใช้สมุนไพร 8 ชนิดนี้ในการรักษาตัวเอง ซึ่งหมอไม่แนะนำให้ซื้อเป็นยาลูกกลอนมาทาน เนื่องจากมักจะพบสารสเตอรีรอยด์ บี ก็เลยซื้อสมุนไพร มาตาก และ บดเอง  แต่บางชนิดที่เป็นแบบผงก็มีขายค่ะ บี ค่อนข้างโชคดีตรงที่ว่า คนรอบข้าง บี ไม่มีใครรังเกียจ แถมตอนนี้ บี ตกงาน ลำบากมาก ก็ได้เพื่อน ๆ หลาย ๆ คน ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการเงิน เราจึงคิดว่า  สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ป่วยเอดส์ ก็คือ  " กำลังใจ " ถ้าหากว่าผู้ป่วยมีกำลังใจ  ผู้ป่วยก็จะยินยอมที่จะรักษาตัวเอง  เราเองก็แอบหวังว่าวันนึง บี จะหายเป็นปกติเหมือนดังเดิม ถ้าหากเพื่อน ๆ ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ แล้วมีสมุนไพรรักษาเอดส์แนะนำเพิ่มเติม หรือว่ามีวิธีการอื่น ๆ ในการรักษามาบอก ก็แนะนำกันมาได้เลยนะคะ  เราขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า   ถ้าหากว่าเราไปพบอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์ในการรักษา เราก็จะมาบอกเหมือนกัน เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครบ้างน่ะค่ะ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 12:40:45

ความคิดเห็นที่ 29 คุณแม่น้องคะเน็ด อ่านเรื่องของผู้ชายคนที่สอง ที่ไปมีแฟนใหม่แล้วก็น่าเป็นห่วงค่ะ คงจะแพร่เชื้อได้อีกเยอะเลยทีเดียว นึกถึงเรื่องที่ได้อ่านในคู่สร้างคู่สม ที่หญิงไทยไปทำงานที่เดนมาร์ก เจ้าของร้านเป็นชาวต่างชาติเป็นเอดส์ แพร่เชื้อให้ผู้หญิงทั้งร้าน ( จริง ๆ ต้องบอกว่าหลอกใช้หญิงไทยน่ะค่ะ หลอกทั้งตัว หลอกทั้งหัวใจ ) อ่านแล้วก็อึ้งเหมือนกัน -------------------------------------------------------------------- ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเอดส์ ค่ะ ที่มา... http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/health03/04/contents/hs11.html -------------------------------------------------------------------- เอดส์ หรือ AIDS (Acquired Immuno Deficiency Syndrome) เป็นกลุ่มอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเพราะร่างกายได้รับเชื้อไวรัสเอดส์เอชไอวี (HIV) ซึ่งจะเข้าไป ทำลายเม็ดเลือดขาว ที่เป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ภูมิคุ้มกันโรคลดน้อยลง จึงทำให้ติดเชื้อ โรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เช่น วัณโรคในปอด หรือต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้ม สมองอักเสบจากเชื้อรา โรคผิวหนังบางชนิด หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ ซึ่งสาเหตุ ของการเสียชีวิตมักเกิดขึ้นจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เหล่านี้ ทำให้อาการจะรุนแรง และเสียชีวิต HIV (Human Immunodeficiency Virus) สามารถแบ่งตัวในเซลล์ของคน เช่น เม็ดเลือดขาว เซลล์สมอง เมื่อติดเชื้อร่างกายจะสร้างภูมิต้านทาน (Antibody) ต่อต้านเชื้อไวรัส แต่ไม่สามารถ กำจัดให้หมดไป เชื้อยังคงอยู่ในเม็ดเลือดและแพร่ต่อไปได้ และจะไปทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งมี ความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการทำงานของระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทาน ลดลง   เชื้อไวรัสเอดส์ สามารถอาศัยหรือทำให้เกิดโรคในคนเท่านั้น ไม่สามารถทำให้เกิดโรคในสัตว์อื่น เมื่อออกนอกร่างกายคนแล้ว จะ ไม่สามารถทนสภาพแวดล้อมภายนอกได้ อาจมีชีวิตได้นานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับ อุณหภูมิความร้อน ความเย็น สภาวะกรด ด่าง ความแห้ง ความชื้น เช่น ถูกความร้อน 56 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาที เชื้อก็ตายหมด นอกจากนี้ยังทำลาย ได้ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ เช่น น้ำยาซักผ้าขาว (โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 5%)   เชื้อไวรัสเอดส์ พบมากที่สุดในเลือด น้ำเหลือง เนื้อเยื่อต่างๆ รองลงมาคือ น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด ส่วนน้ำลาย เสมหะ น้ำนม มี ปริมาณไวรัสเอดส์น้อย สำหรับเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ แทบไม่พบเลย ***แม้ว่าเชื้อเอดส์จะปะปนในของเหลวที่ออกจากร่างกาย แต่พบว่าโอกาสแพร่โรคมีเฉพาะทางเลือด น้ำอสุจิ และน้ำในช่องคลอดเท่านั้น*** การติดต่อของโรคเอดส์ การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ไม่ว่าชายกับหญิง ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง ทั้งช่องทางธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น ได้แก่ การมีแผลเปิด และจากข้อมูลของกอง ระบาดวิทยาพบว่า ร้อยละ 83 ของผู้ป่วยเอดส์ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ - การรับเชื้อทางเลือด -   การรับเชื้อทางเลือด โอกาสติดเชื้อขึ้นอยู่กับปริมาณไวรัสในเลือด พบได้ 2 กรณี คือ ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้า เส้น รับเลือดในขณะผ่าตัดหรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิด ในปัจจุบันเลือดที่ได้รับบริจาคทุก ขวดเกือบ 100% (โอกาสตรวจผิดหรือเลือดมีเชื้อ แต่ยังไม่ให้ผลบวกมีน้อยมาก) การรับอวัยวะของผู้มีเชื้อเอดส์หรือการผสมเทียม - การแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก -   ผู้หญิงสามารถติดเชื้อเอดส์ได้จากสามี คู่รัก คู่นอน หรือพฤติกรรมเสี่ยงของตนเอง พบว่าอัตราการ ติดเชื้อเอดส์ในหญิงมีครรภ์ประมาณร้อยละ 1.46 (มิถุนายน 2543) และสามารถถ่ายทอดให้ทารกได้ทั้งในขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอดและภายหลังคลอดประมาณร้อยละ 60 ในขณะนี้มีวิธีป้องกันการแพร่ เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูกได้โดยการกินยาต้านไวรัส ในช่วงอายุครรภ์ 3-4 สัปดาห์ ไปจนคลอด สามารถ ลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ลงได้ร้อยละ 30 เหลือเพียงร้อยละ 8 แต่ถึงอย่างไร ก็ยังคงมีความ เสี่ยงอยู่ดี ดังนั้นวิธีที่ดีทีสุดคือ การตรวจเลือดก่อนตัดสินใจตั้งครรภ์ทุกครั้ง ในระยะหลังคลอด เด็ก สามารถได้รับเชื้อเอดส์จากแม่ทางน้ำนมได้ องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้ใช้นมผงแทน เพื่อลด โอกาสเสี่ยงดังกล่าว - การมีเพศสัมพันธ์ -   พบว่าโอกาสที่จะแพร่โรคมีเฉพาะทางเลือดน้ำกามและน้ำในช่องคลอดเท่านั้น ช่องทาง การติดต่อโรคที่สำคัญมี 2 ทาง คือ การร่วมเพศกับผู้ที่มีเชื่อโรคเอดส์ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ไม่ว่าชายกับหญิง ชายกับชาย หญิงกับหญิง ร่วมมีโอกาสติดเชื้อได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มีการติดเชื้อได้มากขึ้น คือ การมีบาดแผลฉีกขาดระหว่างร่วมเพศ หรือการมีแผลจากกามโรคอยู่เดิม จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:02:25

ความคิดเห็นที่ 30 คลินิกให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ (คลินิกนิรนาม)?           คลินิกให้บริการปรึกษาทางการแพทย์และสังคม เกี่ยวกับโรคเอดส์และกามโรค          - ให้บริการปรึกษาเรื่องโรคเอดส์และปัญหาสุขภาพทั่วไป          - ให้บริการปรึกษาก่อนการตรวจเลือด และหลังทราบผลเลือด          - ตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอดส์และกามโรค          - ช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์           คลินิกให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ ให้บริการสำหรับ          - ผู้ที่สนใจและต้องการข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์และกามโรค          - ผู้ที่กังวลว่าตัวเองติดเชื้อเอดส์หรือไม่          - ผู้ที่กำลังจะแต่งงานหรือมีครอบครัว          - ผู้ที่วางแผนจะมีบุตร คลีนิกให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ (คลินิกนิรนาม) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล          1. กองกามโรค โทรศัพท์ 286-0108, 286-0531, 285-6382 ต่อ 41          2. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ นางเลิ้ง โทรศัพท์ 281-0651, 281-7398          3. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ บ้านชีวี โทรศัพท์ 245-7194          4. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ พระปิ่นเกล้า โทรศัพท์ 460-1449          5. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ ภาษีเจริญ โทรศัพท์ 467-4345          6. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ ท่าเรือ โทรศัพท์ 249-2141, 249-7574          7. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ วชิระ โทรศัพท์ 2430151 ต่อ 2631          8. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ บางเขน โทรศัพท์ 521-0819, 972-9606-9 ต่อ 30          9. โรงพยาบาลบำราศนราดูร โทรศัพท์ 590-3737, 590-3406, 590-3510         10. คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 256-4107-9         11. โรงพยาบาล/ศูนย์บริการสาธารณสุขของรัฐบาล คลีนิกให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ (คลินิกนิรนาม) ในต่างจังหวัด           - หน่วยโรคเอดส์และกามโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด          - ศูนย์/หน่วยกามโรคและโรคเอดส์สำนักงานควบคุมโรคติดต่อ          - ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต          - โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข บริการปรึกษาปัญหาทางโทรศัพท์           1. มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ โทรศัพท์ 277-7699, 277-8811 (ฟรี) 276-2950 ทุกวัน 8.30-16.00 น.           2. โครงการเข้าถึงเอดส์ โทรศัพท์ 372-2222-3 ทุกวัน 16.00-20.00 น.           3. โรงพยาบาลบำราศนราดูร โทรศัพท์ 590-3737, 590-3506, 590-3510 จันทร์-ศุกร์ 8.30-16.30 น.           4. สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 245-7382-5, 245-1888 จันทร์-ศุกร์ 9.00-17.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 9.00-15.00 น.           5. สายด่วนชวนรู้เอดส์ (ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ) โทรศัพท์ 1645, 219-2400 บริการด้านสวัสดิการ และสังคมสงเคราะห์ ด้านการศึกษา          1. มูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ โทรศัพท์ 588-3720-4          2. กลุ่มปัญญาภิวัฒน์ โทรศัพท์ 951-0450-2 ต่อ 307          3. มูลนิธีหมอเสม พริ้งพวงแก้ว จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์ (053) 438-017 ด้านที่พักอาศัยและให้การดูแล          1. สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท โทรศัพท์ 245-5635, 246-4092          2. สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์ (053) 211-877          3. มูลนิธิเกื้อดรุณ จ.เชียงใหม โทรศัพท์ (053) 408-424          4. สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ โทรศัพท์ 929-2301-10          5. หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ ภาษีเจริญ โทรศัพท์ 245-0457, 642-8949          6. เมอร์ซีเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 381-1821, 392-7981, 671-5313          7. บ้านพักใจ โทรศัพท์ 234-2381, 234-8258          8. สวนสันติธรรม จ.ปทุมธานี โทรศัพท์ 01-212-0840, 563-1203          9. วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี โทรศัพท์ 01-403-0836, 01-406-6547,01-948-               0634, 01-948-3604 ด้านการดูแลรักษาที่บ้าน          1. องค์กรหมอไร้พรมแดน โทรศัพท์ 375-6491          2. องค์การสยาม-แคร์ โทรศัพท์ 539-5299, 530-5902          3. มูลนิธิดวงประทีป โทรศัพท์ 671-4045-8 ที่มา.... http://www.chetupon.ac.th/WebAids/Web4/other%20page/page11.htm จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:06:55

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณ จขกทนะคะ ที่เข้าใจคนเป็นโรคนี้ จากคุณ : nutar (bangnuu) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:05:49

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ nutar เราคิดว่า ณ ปัจจุบัน คงไม่ใช่แค่เราเท่านั้นค่ะ ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ เอดส์ มากขึ้่น คนสมัยนี้มีความรู้มากกว่าคนสมัยก่อน  อีกทั้งยังมีการรณรงค์ตามสื่อต่าง ๆ เราเชื่อว่ายังมีคนเป็นเอดส์อีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่แสดงตัว เพราะเกรงว่าจะเป็นที่รังเกียจของสังคม ลึก ๆ แล้ว เราก็ยังหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง  ในอนาคตคงจะมีคนที่สามารถคิดค้นยารักษาโรคนี้ได้น่ะค่ะ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 16:11:47