Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“ความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิตลูก” คุ้มค่าไหมถ้าต้องแลกมาด้วยฝันร้ายในวัยเด็ก ติดต่อทีมงาน

คุณพ่อคุณแม่คิดยังไงถ้าเราจะเลี้ยงลูกสาวโดยการตั้งกฎกับลูกว่า

-ห้ามตื่นสายไม่ว่าวันอะไรก็ตาม

-ห้ามเล่นเกมส์ ห้ามใช้คอมพิวเตอร์ ห้ามเล่นที่โรงเรียน ห้ามทำกิจกรรมทุกอย่างที่แม่ไม่ต้องการ

-ต้องได้เกรด A และได้ที่หนึ่งทุกวิชายกเว้นพละศึกษาและการแสดง(เพราะแม่ไม่สนใจสองวิชานั้น)

-ห้ามเล่นเครื่องดนตรีอื่นใดนอกจากเปียโนและไวโอลิน (เพราะแม่ชอบและอยากให้ลูกประสบความสำเร็จในเรื่องนี้)

-ทุกวันต้องซ้อมเปียโนอย่างหนักและต้องเล่นได้ดีเท่าที่แม่ต้องการ ถ้าทำไม่ได้ไม่อนุญาตให้กินน้ำและเข้าห้องน้ำ

-ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบเสมอ ตอนลูกสี่ขวบลูกทำการ์ดวันเกิดมาเซอร์ไพรส์แม่แต่แม่เห็นว่าไม่สวยถูกใจเลยสั่งให้ไปทำมาใหม่ ลูกจะรู้สึกยังไงไม่ใช่หน้าที่ๆแม่ต้องสนใจ

-ห้ามเถียง ห้ามบ่น ห้ามแสดงความเห็น ห้ามต่อต้าน ถ้าทำจะโดนลงโทษอย่างรุนแรงเช่นขู่จะเอาบ้านตุ๊กตาไปบริจาค เผาของสะสมหรืองดจัดงานวันเกิดให้สี่ปี

แล้วถ้าทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นกุญแจที่ทำให้ลูกประสบความสำเร็จเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงตามที่แม่ต้องการ คุณพ่อคุณแม่คิดว่าคุ้มไหม??




อย่าพึ่งเข้าใจผิดว่าเจนทำแบบนั้นกับลูก สิ่งที่เจนเล่ามาเป็นเรื่องจริงจากหนังสือเล่มนึง

หนังสือเล่มที่บอกว่า “เป็นคู่มือเลี้ยงลูกที่เหมาะกับปัจจุบัน” หนังสือที่พูดว่า “ทำไมแม่ชาวจีนถึงเลี้ยงลูกได้เก่งกว่าแม่คนอื่นๆ” (ผู้เขียนเป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีน)

"Battle Hymn of the Tiger Mother" เขียนโดย Amy Chua  เจนขอแปลว่า “คัมภีร์รบกับลูกของแม่เสือ” ก็แล้วกัน

ถ้าคุณคิดว่าหากลูกคุณประสบความสำเร็จ สังคมจะยกย่องคุณไม่ว่าคุณจะเลี้ยงลูกด้วยวิธีทารุณโหดร้ายขนาดไหนก็ตาม ถ้าคุณคิดแบบนั้นเจนขอบอกว่าหลังจากหนังสือเล่มนี้วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาก็ขายดีติดอันดับ แต่หลังจากนั้นความเกลียดชังก็ไหลทะลักเข้าสู่ผู้เขียนผู้อ่านบางคนฉีกทิ้งก่อนที่จะอ่านจบเพราะทนอ่านต่อไม่ได้ แล้วชาวอเมริกันก็พากันขนานนามผู้เขียนว่า “คุณแม่ปีศาจ”

แล้วถ้าคุณคิดว่าเธอโดนประนามเพราะเธอเป็นคนจีนหรือ “คนตะวันตกย่อมไม่เข้าใจวัฒนธรรมเอเชีย”แล้วละก็

เจนขอบอกต่อว่าแม้แต่คนจีนเองยังไม่เห็นด้วยกับเธอ แม่ชาวจีนจำนวนมากพูดว่า “นี่ไม่ใช่การเลี้ยงลูกของคนจีน ฉันไม่ใช่ปีศาจที่จะทารุณลูกเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองแบบเธอหรอก”




เจนเล่าเรื่องนี้เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เจนได้ยินเสมอว่า

“พ่อแม่ของหมอคนนี้ ของนายพลท่านนั้น ของเศรษฐีคนนี้เก่งนะเลี้ยงลูกให้รวย ให้มีชื่อเสียง ให้ได้เป็นใหญ่เป็นโต”

“ลุงซอยถัดไปที่แกดุกับลูกมาก  ฟาดตลอดเวลาลูกแกไม่ได้ดั่งใจ ตอนนี้ลูกแกสอบติดวิศวะแล้วนะ เราน่าจะเอาอย่างแกบ้าง”

แล้วคนเหล่านั้นก็สรุปเอาเองอย่างง่ายดายว่า

“ความร่ำรวย ความมีอำนาจ ชื่อเสียง เป็นเครื่องสะท้อนถึงความสำเร็จในการเลี้ยงดูของพ่อแม่”

“พ่อแม่จะเฆี่ยนตี บังคับ หรือทำอย่างไรกับลูกก็ได้เพราะลูกเป็นสมบัติของพ่อแม่”

“ถ้าลูกประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นแปลว่าคุณเลี้ยงลูกถูกวิธี และไม่ว่าคุณจะเคยทำไม่ดียังไงกับเขาๆย่อมต้องเข้าใจและให้อภัยคุณ”

น่าเศร้าที่ยังมีพ่อแม่อีกหลายคนที่คิดว่าถ้าเขาเลี้ยงดูลูกให้มีข้าวกิน ให้มีที่เรียนหนังสือแล้ว เขามีสิทธิที่จะทำร้ายจิตใจลูกยังไงก็ได้



อย่าเข้าใจผิดว่าเจนจะบอกว่าคุณต้องตามใจลูกทุกอย่าง ต้องให้ทุกอย่างที่ลูกต้องการ ต้องไม่ทำโทษลูกเลย เพราะถ้าคุณทำแบบนั้นก็คือการทำลายเด็กดีๆนี่เอง

และทุกวันนี้เจนเองก็ยังต้อง

“น้องอิ๊กทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเล่นเกมส์”

“น้องอิ๊กวันนี้ซื้อของเล่นเยอะแล้วไม่เอาแล้วคะ”

“น้องอิ๊กถ้าเที่ยวหน้าแม่เห็นหนูไปเล่นลูกบิดเตาแก็ซอีก หนูได้เจ็บก้นแน่”



แต่สิ่งที่เจนอยากบอกคุณคือ


“ไม่มีอะไรในโลกที่มากเกินไปแล้วดี”

ไม่ว่าจะความคาดหวัง ความกดดัน ความเข้มงวด การบังคับหรือการทำโทษ


และหลักวิทยาศาสตร์ข้อนึงที่คุณควรจะรู้คือ

“ทุกๆปฎิกิริยาย่อมมีปฎิกิริยาตอบสนอง”

การที่ปฎิกิริยาตอบสนองไม่เกิดขึ้นในทันทีก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่เกิด  และการที่คุณมองไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี



ถึงตอนนี้เจนภาวนาว่าคุณพ่อคุณแม่ที่อ่านอยู่จะไม่มีใครคิดจะทำกับลูกแบบที่เจนยกตัวอย่างมาแต่ถ้าคุณยังลังเลเจนขอให้คุณลองสมมุติอะไรสักอย่างได้ไหม


สมมุติว่าคุณพ่อคุณแม่มีลูกชาย วันนึงลูกชายกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างที่คุณต้องการ มีเงินทองมากมายเป็นที่รู้จักของทุกคนได้รับการยกย่องจากกินเนสส์บุ๊กว่าประสบความสำเร็จในอาชีพสูงสุด

แล้วลูกชายก็ได้ไปออกรายการทีวีลูกพูดว่าความสำเร็จของเขาในวันนี้ส่วนหนึ่งมาจากความเข้มงวดและการบังคับจากคุณ   แต่เมื่อพิธีกรเริ่มถามถึงรายละเอียดและใช้วิธีการที่ทำให้ลูกเปิดใจพูด  ลูกเริ่มพูดว่า

"พ่อจะนั่งถือเข็มขัดอยู่ข้างๆผมเสมอ ถ้าทำไม่ได้ดั่งใจ พ่อจะฟาดผม จะเหวี่ยงผมกระแทกกำแพง พ่อทำเหมือนพร้อมที่จะฉีกผมออกเป็นชิ้นๆ จนแม่ต้องร้องว่านั่นคุณจะฆ่าลูกเหรอ"  หลังจากนั้นลูกคุณก็เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้เหมือนเด็กๆ

แล้วเมื่อลูกคุณกำลังจะขึ้นเวทีเพื่อแสดงความสามารถของเขาต่อหน้าผู้คนเป็นหมื่นที่ชื่นชอบเขา  คุณเองก็ไปให้กำลังใจเขาด้วยเช่นกันแต่ลูกคุณบรรยายความรู้สึกของเขาเมื่อเขาเห็นคุณว่า

"ทันทีที่เห็นพ่อผมรู้สึกอยากอาเจียน ผมแทบจะเป็นลม พ่อไม่เคยรู้หรอกว่าเขาน่ากลัวขนาดไหน"

วันดีคืนดีลุกคุณก็พูดประมาณว่าถ้าผมเลือกได้ผมขอแลกทุกอย่างที่มีเพื่อที่จะได้เกิดเป็นคนธรรมดาในครอบครัวธรรมดาและมีพ่อเหมือนคนธรรมดา

แล้วเมื่อเขามีลูกของตัวเองเขาพูดว่า

"คุณรู้ไหมทำไมผมถึงไม่เคยตีลูกแม้แต่แปะเดียว เพราะผมไม่อยากให้เขาเกลียดผมเหมือนที่ผมเกลียดพ่อ"

"ผมนึกถึงพ่อทีไร ผมนึกถึงแต่ภาพที่เขาถือเข็มขัดพร้อมที่จะฟาดผม แล้วนั่นทำให้ผมต้องร้องไห้เสมอเวลาอยู่คนเดียว"



ลุกคุณมีชื่อเสียง มีเงินเป็นพันล้านเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก แต่ต้องพบจิตแพทย์ตลอดเวลา กินยานอนหลับทุกคืน  และสุดท้ายก็จากโลกไปก่อนคุณเสียอีกซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะกินยาเกินขนาดซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากฝันร้ายในวัยเด็กที่เกิดขึ้นจากฝีมือคุณ

ถึงตอนนั้นถ้าคุณเป็นพ่อของเด็กคนนี้ คุณยังกล้าพูดอีกไหมว่าคุณเลี้ยงลูกถูกวิธีและการเลี้ยงลูกของคุณนั้น “ประสบความสำเร็จ”

แล้วถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องสมมุติ เจนขอให้คุณลองไปอ่านเรื่องของ"ราชาเพลงป็อบ" ไมเคิล แจ็คสันดูก็แล้วกัน



เจนไม่รู้ว่าถ้าไมเคิล มองลงมาข้างจากข้างบน แล้วมีคนถามว่าความสำเร็จอันไหนที่คุณภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิต

ชื่อเสียง  หรือว่า เงินทอง หรือว่ารางวัลมากมายที่ได้รับตลอดชีวิต หรือความชื่นชมจากแฟนเพลงนับล้าน

ไม่มีใครรู้  แต่ถ้าให้เจนเดาบางทีสิ่งที่ไมเคิลภาคภูมิใจมากกว่าทุกอย่างที่เขาได้ในชีวิตอาจเป็นเพียงแค่คำพูดของลูกสาววัยสิบเอ็ดขวบของเขาที่พูดถึงเขาหลังที่เขาจากไปว่า

“ตั้งแต่หนูเกิดมา พ่อเป็นพ่อที่ดีที่สุดดีเกินกว่าที่พวกคุณทุกคนจะจินตนาการได้  หนูแค่อยากจะบอกว่าหนูรักพ่อมากเหลือเกิน”



ที่เจนอยากเล่าเรื่องนี้เพราะเคยมีบางคนถามเจนว่า “ครูมีเคล็ดลับหรือเทคนิคดีๆที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะ ให้โตขึ้นแล้วเป็นคนเก่ง เป็นคนรวยมีเงินเป็นร้อยล้าน เป็นคนมีชื่อเสียงไหม ครูบอกทีจะให้ผมต้องทำยังไงกับลูกผมก็ยอม”

เจนบอกไปว่า ถ้าอยากให้ลูกเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่มีความสุข เป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม  แล้วก็รักพ่อกับแม่มากๆเจนอาจจะพอแนะนำได้

แต่ถ้าอยากได้อย่างข้างบนเจนคงจนปัญญาเพราะน้องอิ๊กเองก็ไม่เคยสอบได้ที่หนึ่ง  เจนเองก็ไม่เคยเห็นเงินร้อยล้าน แล้วเจนก็ถามกลับไปว่า


“จะมีประโยชน์อะไรถ้าลูกคุณมีเงิน มีอำนาจ มีชื่อเสียง แต่ไม่มีความสุข เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมีแต่ความคิดที่จะทำลายสังคมตลอดเวลาและที่แย่ที่สุดคือเขาเกลียดพ่อแม่ตัวเอง”


เจน

จากคุณ : JanE & IK
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 07:33:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com