Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ก่อนไม่มีแม่ให้กอด ติดต่อทีมงาน

ใครที่ยังไม่เคยอ่านลองอ่านดูนะคะ...........



  เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ...มิสอุไรพร
ครูที่มีจิตวิทยาสูงในการสอนเด็ก
รักใดไหนเล่าเท่ารักแม่...
วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน!


ตึกเซนต์หลุยส์มารี โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม ราวกลางปี พ.ศ.2539

'มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้า ห้องรับรองค่ะ' โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้ มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูสาวประจำระดับชั้นป.4 รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมาย จะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่ง เพียงท่านเดียวในวันนี้

เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ
เมื่อมิสอุไรพร เดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์
ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสอง ท่านไม่ทัน
หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว อย่างไรก็ตาม มิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก
เข้าไปคุยก่อน ตามลำดับการนัดโดยเก็บงำความแปลกใจไว้
หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ มิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่าน เข้ามาคุยในห้องรับรอง ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูกเพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา

'ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียม
กลัวโดนเพื่อนล้อแม่ มาทีเพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว mock ล้อเลียน
แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา' น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ

มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่า จะต้องจัดการเรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว
หากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้าทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย

ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก
มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน
เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2536 หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน...
ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล
ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และลูกชายอีกสามคน พวกเขาเดินชมนากุ้ง ไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน earthen dyke around prawn farm
ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ
โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน
ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก
ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ water wheel or irrigating pump ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็กสูงจากคันดินราว25ซม

คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย แต่แล้วลูกชายคนเล็ก กลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่องขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่ และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก iron propeller "ถ้าเป็นพวกคุณ น้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร"

มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม
มองหน้าเด็กนักเรียน ทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด
โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น
'ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย คิดไม่ทันใช่มั้ย
แต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร'
คุณแม่ไม่ยอม เสียเวลาคิดอะไรเลย ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้ แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่ เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน...
ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป...คนงานที่เห็นเหตุการณ์ รีบปิดเครื่องทันที แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง...แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม่ขาดสะบั้นลง!

คุณแม่กรีดร้อง ด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส สติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด...เลือดของแม่...
ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อย และบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด
ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...ไม่ขาด...
เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
มือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย...
คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคน หันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงานพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่
ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ!

คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อยแต่... มันสายเกินไปแล้ว!
สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที
ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียม แทนแขนซ้ายที่ขาดไป
ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหัก ต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือน จึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ

มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้องถามขึ้นอีกว่า
'นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ'
'กล้าหาญมาก'
เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า
หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า
มิสมองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า
'นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง
ไหนใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ'
เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง
'วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมาก จริงมั้ยพวกเรา'
'จริงครับๆ ใช่ครับๆ'
เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน
'มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อนไหน
คนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ'
มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด

มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยนถามว่า
'ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ'
เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอ แล้วกล่าวขอโทษเพื่อน ด้วยความจริงใจ
ครูสาวน้ำตาคลอ ยืนมองภาพนั้น ด้วยความปลาบปลื้มยินดีหนักใจอยู่เหมือนกันว่าหากถามขึ้นมา แล้วไม่มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร?
เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง
ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด
หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว เหลือเพียงความรัก และภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น

เมื่อหมดชั่วโมงเรียน
มิสอุไรพรได้เรียกตัวลูกชายเข้าไปคุยอีกครั้ง
'วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ'
เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า
'ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ'

รู้มั้ย น้ำนมหยดหนึ่ง ซึ่งไหลมาต้องใช้ น้ำตา หยาดเหงื่อ สักเท่าไหร่
บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน ว่ารักท่านมากมาย กอดแม่เถอะนะ
ให้คุ้นเคย กอดเลยไม่ต้องอาย ก่อนไม่มีแม่ให้กอด...

อ่านแล้วน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
คิดถึงแม่ขึ้นมาทันที


ปล.ก่อน ไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จากโรงเรียน อัสสัมชัญ

 
 

จากคุณ : ปันปันจอมซน
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 13:19:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com