ความคิดเห็นที่ 1 ได้รับรู้แล้ว..เศร้าใจค่ะ เท่าที่อ่านแล้ว..คงได้แต่ปลงหรือคอยดึงๆไว้  แต่จะให้กลับตัวดูท่าจะยาก อาการนี้เกิดจากอะไร  ต้องไปหาต้นเหตุ แต่มีอะไรที่เค้าสนใจมากๆ ที่พอจะปัดความสนใจไปได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่ได้...คงต้องทำใจแล้วค่ะ ตัวเราเองผ่านการเป็นเด็กมาก่อน พ่อแม่ก็ไม่มีเวลาสอน  แฟนก็มีตั้งแต่มัธยมนะ แต่ก็ไม่เคยคิดจะเสียตัวให้ใคร .. เพราะคิดว่าอนาคตเรายังอีกไกล ทำอะไรไม่คิด..พออีกหน่อยโตขึ้น  จะเสียใจค่ะ ที่อดีตแก้ไขไม่ได้แล้ว เด็กสมัยนี้  จะคิดได้มั่งมั๊ยน๊อ จากคุณ : แม่ยายซ่าหริ่ม เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 13:54:58

ความคิดเห็นที่ 2 ลองส่งหลานสาวไปเสถียรธรรมสถานดูมั้ยคะ ตอนนี้มีโครงการพุทธสาวิกาศีล 10 ภาคฤดูร้อนค่ะ ให้ธรรมะอบรมขัดเกลาจิตใจ   ถ้าหากน้องยังมีเนื้อนาบุญมาบ้าง น้องเค้าจะได้มีสติและคิดได้ จากคุณ : จ้อย..ยย เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:09:48

ความคิดเห็นที่ 3 พวกเราเองก็เตือนว่ารู้มั้ยว่าโตไปแล้วย้อนกลับมามองจะเสียใจทีหลังนะ บางทียังมีความคิดว่าอยากจะให้ไปทำงานแล้วเรียน กศน. เอา เผื่อจะรู้ว่าการทำงานหาเงินมันเหนื่อยขนาดไหนและยิ่งเรียนน้อยๆจะยิ่งลำบาก อาจจะอยากเรียนและประพฤติตัวให้ดีกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะเหมือนเป็นการตัดอนาคตของเด็ก ส่วนเรื่องที่เค้าสนใจตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่เรื่องเพศตรงข้าม แต่งตัว(ทาปากแดง แต่งหน้าขาว ตัดผมซอยๆทรงประหลาด) MVนักร้องที่นั่งดูเป็นวันๆ เท่านี้เองค่ะ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยงงอนเวลาที่เราเรียกให้ช่วยทำงานบ้านหรือเลี้ยงน้องนะคะเพียงแต่ต้องเรียกถึงจะทำ จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:11:28

ความคิดเห็นที่ 4 เอาเรื่องเอดส์ก่อนดีไหม เป็นขึ้นมาคงไม่พ้นภาระพวกคุณแน่ๆ   หากระทู้ของคุณหมอฟ้าหมาดฝนที่ห้องสวนลุมไม่เจอเลย มีแค่บางส่วนที่บางเวบเอาไปโพส แต่ก็น้อยมากถ้าได้อ่านกระทู้นั้นเต็มๆอาจจะกลัวขึ้นมาบ้าง http://www.postyim.com/thread-2984-1-1.html หรือลองพาไปวัดพระบาทน้ำพุ  สถานสงเคราะห์หญิงที่มีปัญหาท้องก่อนแต่งอะไรพวกนี้ดีไหม ถ้าได้ทำงานอาสาสมัครด้วยน่าจะยิ่งดี เพราะได้เจอของจริง จากคุณ : lovelypam เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:17:26

ความคิดเห็นที่ 5 อ่อนใจ  อ่านแล้วหดหู่มาก พี่เคยอ่านในนิตยสารเรื่องคล้าย ๆ แบบนี้ โดยตอนท้าย คุณหมอทางจิตเวทย์ได้บอกว่า นี่คืออาการติดเซ็กส์ในเด็ก เพราะเด็กมีเซ็กส์ก่อนวัยอันควร อาการแบบนี้ คงต้องพบหมอเพื่อการบำบัด ถ้าเป็นไปได้ ลองพาเขาไปพวกบ้านพักฉุกเฉิน หรือสถานสงเคราะห์เด็ก ไปลองได้เห็นถึงความรุนแรงที่ผู้หญิงถูกกระทำ หรือเด็กที่ถูกทิ้ง อะไรแบบนี้ อาจจะช่วยดึงสามัญสำนึกขึ้นมาบ้าง บอกตรง ๆ ถ้าตัวเองเจอแบบนี้ก็คงไปไม่เป็นเหมือนกัน เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : neenabkk เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:20:47

ความคิดเห็นที่ 6 ลองให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์ดู ให้ดูรูปคนที่เป็น เผื่อจะกลัวบ้าง หรืออย่างน้อยก็คิดป้องกัน จากคุณ : นูนิ เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:20:57

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเอารูปคนที่เป็นกามโรคให้ดูอาจจะทำให้เค้าระวังตัวมากขึ้นใช่มั้ยคะ? ที่เราลังเลเพราะกลัวจะเป็นการไม่เหมาะไม่ควรที่จะให้เค้าเห็นอะไรแบบนั้น จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:24:41

ความคิดเห็นที่ 8 พาเค้าไปตรวจเลือด ฉีดยาคุม ดีไหมคะ? เราเห็นด้วยกับ จขกท.ที่บอกว่าจะให้เค้าเรียน กศน.แล้วทำงานด้วยตัวเองนะคะ มันไม่ใช่การตัดอนาคตเด็กหรอกค่ะ แต่นี่คือการให้โอกาสเค้าได้รับผิดชอบชีวิตตัวเอง เราว่าสาเหตุนึงอาจจะเป็นเพราะเค้าเองเคยแต่เป็นผู้รับ ไม่เคยเป็นผู้ให้ และอาจจะเป็นด้วยคนรอบข้างตามใจเพราะอยากชดเชยความรักของพ่อแม่ด้วยสงสารที่พ่อแม่แท้ๆ ของเค้าทิ้งไปก็ได้ จากการเป็นผู้รับเสมอ ไม่เคยเป็นผู้ให้ทำให้เด็กขาดจิตสาธารณะได้ค่ะ ทำอะไรไม่นึกถึงใจคนอื่น ทำให้เค้าประพฤติตัวไม่แคร์ใคร ทำเหมือนไม่มีอะไรต้องให้ห่วง แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 54 14:47:30 จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:46:55

ความคิดเห็นที่ 9 พาไปตรวจเลือดเมื่อครั้งตามไปเจอตอนที่อยู่กับผู้ชายแล้วค่ะและครั้งนั้น รพ. ให้ยาคุมฉุกเฉินมาทาน จริงค่ะที่เด็กไม่เคยรู้สึกลำบากเพราะทุกๆคนหยิบยื่นให้ทุกอย่าง อยากได้มือถือป้าก็ซื้อให้ อยากได้นาฬิกาเราก็ซื้อให้ ขนุกขนมก็ซื้อให้ตลอด เพราะความสงสารกลัวเด็กจะคิดว่าไม่มีใครสนใจไม่ได้รับความรักขอแค่ให้เรียนอย่างเดียว ส่วนงานบ้านงานเรือนไม่ต้องทำเลยเพราะมีพี่สะใภ้ทำให้ทุกอย่าง เราเองก็เตือนป้าว่ายิ่งตามใจก้อาจจะยิ่งเสีย(ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นถึงขนาดนี้แล้ว) สุดท้ายก็เสียจริงๆ คงเพราะไม่ว่าอะไรก้ทดแทนความรักที่เด็กอยากได้จากพ่อแม่ไม่ได้มั้งคะ?...ซึ่งถ้าปัญหาเกิดจากจุดนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะแก้ได้ยังไง เราโทรไปบอกพ่อแม่เด็กก็ได้คำตอบว่า"ถ้ามันไม่รักดีก็ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม" เศร้าค่ะ จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:56:34

ความคิดเห็นที่ 10 เราว่าถูกแบบที่พ่อแม่น้องเค้าบอก ปล่อยไปตามบุญกรรม ถึงจะเป็นเด็กเป็นหลานก็จริงอยู่แต่อะไรที่ได้มาง่ายมันก็ไม่มีค่าถ้าเค้ายังคิดเรื่องนี้ไม่ได้คงไม่มีประโยชน์เค้าคงคิดว่าเป็นเรื่องสนุกที่ล่าแต้มไปแบบนั้นอาจจะคิดว่าเท่ห์เก่งกว่าเพื่อนๆถ้าสอนแล้วทั้งขู่ทั้งปลอบก็แล้วไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรขึ้นมาเลยก็ปล่อยเถอะค่ะอย่าเอามาเป็นภาระเลยให้รู้จักหาเอง เฮ้อเวรกรรมจริงๆนะคะ จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:27:45

ความคิดเห็นที่ 11 คนสูบบุหรี่มันกลัวมะเร็งกันมั๊ย ที่ข้างซองก็มีรูปคนเป็นมะเร็งปอดพิมพ์อยู่ทุกซอง ไม่เห็นมันจะกลัวกันเลยก็ยังพ่นควันกันปุ๋ยๆเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นหลานคุณก็ไม่กลัวท้อง ไม่กลัวเอดส์อย่างที่พวกคุณผู้หญิงคิดกันหรอกครับ เด็กมันใจแตกไปแล้วไอ้เรื่องจะพาไปฟังเทศน์ฟังธรรมอะไรน่ะ อย่าไปเสียเวลาเลยครับ เด็กมันไม่เอาด้วยหรอก จะแก้ปัญหาของเด็กคุณต้องคิดแบบเด็ก มองในมุมของเด็ก เข้าใจในตัวเด็กก่อนว่าเค้าคิดอะไรในใจ ต้องการอะไร มันถึงจะรู้ปัญหาของเค้า เมื่อรู้ปัญหาที่แท้จริงแล้วถึงจะวางแผนการแก้ปัญหานั้นๆได้ มีหนังฝรั่งเรื่องนึง แม่กับลูกสลับร่างกัน ทำให้พอผู้ใหญ่ไปอยู่ในร่างของเด็กถึงได้เข้าใจว่าพวกเด็กๆเค้าคิดอ่านกันยังไงผ่านทางเพื่อนๆของลูก นั่นแหละครับคุณต้องค้นหาปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของเค้าก่อน ถึงจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ตามนั้นครับ จากคุณ : ผ่านมาบอก เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:50:45 A:124.122.81.61 X: TicketID:106043

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องยาคุม แนะนำว่าให้ฉีดดีกว่าค่ะ กลัวว่าถ้าลืมกิน จะเกิดความผิดพลาดได้ ( เด็กฉีดได้หรือยัง ตรงนี้ไม่ค่อยมีความรู้) จากคุณ : neenabkk เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:58:18

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณผ่านมาบอก ค่ะ แต่เราไม่รู้จริงๆว่าเด็กพวกนี้คิดอะไรอยู่และต้องการอะไรจริงๆกันแน่ จึงไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เค้าคิดได้และทำตัวให้ดีขึ้น จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:59:58

ความคิดเห็นที่ 14 แนะนำว่าให้ใช้ถุงยางทุกครั้งค่ะ / จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 16:00:50

ความคิดเห็นที่ 15 พาให้ห่างจากเพื่อนฝูงเดิมได้ไหม พาหลานไปเล่นกีฬา หากิจกรรมให้สมัคร ให้ทำได้ไหม ถ้าอยากให้หลานกลับตัว คุณต้องมีเวลา และทุ่มเทกับแกเต็มที่ เปลี่ยนโรงเรียนได้ไหม คือตอนนี้ ถ้ากำจัดสิ่งแวดล้อมเก่า ๆ ให้พ้นตัวได้ ก็ควรจะทำ อยากให้ลองพยายามก่อน เพราะเด็กพวกนี้ พอโตขึ้นแล้วย้อนกลับไป เค้าคงเสียใจว่าทำไมตัวเอง ไม่รักดี ไม่ตั้งใจเรียน เด็กเกเร ใช่ว่าจะเสียคนทุกคน บางคนกลับตัวได้ก็มี ลองปรึกษานักจิตวิทยาเด็กได้ไหม เพื่อหาวิธีดู ถึงมี sex ไปแล้ว ก็ใช่ว่าน้องเค้าจะหมดคุณค่า หากแต่คุณค่ามันจะมีได้ ตัวน้องต้องทำตัวเองให้ดีด้วย จากคุณ : rain&ant เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 16:07:53

ความคิดเห็นที่ 16 น่าจะเกิดจากการ ขาดความอบอุ่น และ ความรัก ครับ... สุดท้ายแล้ว ก็เลยคิดว่า มีแค่ตัวคนเดียว และ เพื่อน กระทำการต่างๆ โดยไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะไม่คิดว่า ตัวเองมีใคร และ ไม่มีอนาคต อยากกระทำตนเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและได้รับการนับถือจากเพื่อน +++++++++++++++++++ จากคุณ : kitz เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 16:16:03

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านแล้วหดหู่ เหนื่อยใจแทน เอาใจช่วยขอให้หลานมีจิตสำนึกเร็วๆนะคะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป จากคุณ : Angel_Tangwai เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 16:42:59

ความคิดเห็นที่ 18 เราว่า มันสายไปเเล้วค่ะ คุณต้องใช้ไม้เเข็งเเล้ว มันจะได้ผล เเต่ต้องลงทุนทั้งเวลา เเละเงินบ้าง ขั้นเเรก พาไปตรวจร่างกาย เเต่ตอนหมอบอกผล ให้น้องไปรอข้างนอก (ถ้าติดโรคก็โอเค) เเต่ถ้าไม่ติดโรค ก็อย่าเพิ่งบอกผลตรวจกับน้องนะคะ พากลับมาบ้าน เเล้วบอกน้องว่าน้องติดโรคนะ โรคอะไรก็ได้ เอดส์เลยยิ่งดี เเล้วก็อีกสักโรคที่เป็นโรคติดต่อ บอกน้องว่า หมอบอกว่าอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี เเล้วรอดูปฏิกิริยาน้อง ว่าเขามีท่าทียังไง ถ้าสลด ก็ทำตามเราต่อนะคะ เเต่ถ้ายังไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็ทำตามเราอีก พาน้องไปลาออกจากโรงเรียนค่ะ ยังไม่ต้องบอกอะไรทางรรทั้งนั้น เเต่บอกน้องว่า หนูไปเรียนไม่ได้เเล้วนะ เพราะเพื่อนจะติดโรคจากหนู เเล้วก็รอดูท่าทีอีก คือถ้าเขาคิดได้ตอนนี้จะง่ายต่อขั้นตอนต่อไปมาก เเต่ถ้าไม่ก็ทำตามขั้นต่อไปเลย พาไปเข้าวัดฟังธรรมทุกวัน เน้นว่าต้องทุกวัน (ไปเสถียรธรรมสถานก็ได้ค่ะ) เขาจะคิดได้เอง เราเชื่อว่า เขาต้องคิดได้ค่ะ ช้าหรือเร็วไม่เเน่นอน เเล้วหลังจากนั้น สร้างสถานการณ์ (ใช้คำนี้ดีไหมเนี้ย) คือประมาณว่า คุยกันเเบบเปิดอกภายในครอบครัว จะดีมากขึ้น ถ้ามีการร้องไห้กันด้วย ภายในหนึ่งปีนี้ พยายามสอนเรื่องบาปบุญ พาเข้ามูลนิธิบ่อยๆ พาไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ หลังจากผ่านไป 1 ปี ถ้าเขาคิดได้เเล้ว เขาจะไม่หวนคืนทางเดิมเเล้วล่ะค่ะ เเต่ถ้าเขายังเหมือนเดิม ก็ต้องปล่อยไปตามบุญตามกรรมเเล้วแหละ คือ นี่คือคำเเนะนำจากเราน่ะค่ะ คิดได้เเค่นี้ ณ ตอนนี้ หวังว่าจะช่วยได้บ้างอะคะ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 16:55:20

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วเครียดแทนเลยคะ จริงๆเจนยังไม่เคยเจอเคสหนักขนาดนี้นะ แต่จากที่คุณเล่า ถ้าจะเปลี่ยนพฤติกรรมน้องได้อันดับแรกคือต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา เป็นไปได้ไหมที่จะให้น้องย้ายไปเรียนในโรงเรียนที่มีสภาพสังคมที่ดีกว่านี้ ช่วงปิดเทอมหว่านล้อมให้น้องไปทำงานพิเศษได้ไหม ทำงานอะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาไม่มีเวลาว่าง ไม่มีเวลาคุยโทรศัพท์ เจนไม่รู้ว่าคุณสนิทกับน้องมากแค่ไหน ลองคุยกับน้องดีๆแบบไม่ตำหนิว่าที่เขาล่าแต้มแบบทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่เท่ห์  เพราะไม่อยากปฎิเสธเพื่อน เพราะอยากประชดชีวิตที่พ่อแม่ไม่สนใจ หรือเพราะเหตุผลอื่นใด เพราะถ้าเรารู้ว่าน้องคิดยังไงเราจะแก้ปัญหานี้ได้ง่ายขึ้นมาก ที่สำคัญคือในการแก้ปัญหาของเด็กเราต้องคิดแบบเด็กไม่ใช่แบบผู้ใหญ่ จากคุณ : เจน (JanE & IK) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 17:35:50

ความคิดเห็นที่ 20 ที่เราเข้าใจว่าเด็กคนนี้อาจเคยชินกับการรับมากไปจนไม่รู้จักการเป็นผู้ให้ เพราะน้องคนสุดท้องเรามีปัญหาใกล้เคียงกับแบบนี้ค่ะ เพราะแม่เราคิดว่าน้องเราน่าสงสารมาก เกิดมา พ่อก็ไม่อยู่ด้วยละ (ไปอยู่กับเมียน้อย) แม่พยายามอย่างหนักที่จะชดเชยจุดนั้น (พี่ๆอีก 3 คนก็อยู่โดยไม่มีพ่ออยู่ แต่อาจจะเคยได้เจอหน้าบ้างครั้งสองครั้งต่อปี) ทำใ้ห้น้องคนนี้ได้อย่างใจทุกอย่าง ไม่เคยถูกขัดใจ แต่...น้องคนนี้ทำให้แม่ร้องไห้ได้ตลอดค่ะ ที่เค้ายังกลัวอยู่ก็คือเรานี่แหละ เพราะเราไม่ตามใจ (เราเลี้ยงน้องสองคนตั้งแต่เกิด แต่ย้ายออกไปจากบ้านตอนอายุ 13-14) ปัจจุบัน ด้วยการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือ งดการช่วยเหลือใดๆ ให้ไปทำงานรับผิดชอบเลี้ยงดูตัวเอง ตอนนี้ก็กลับมาดีีแล้วค่ะ ********* ขอเล่าย้อนไป เรื่องที่ทำให้แม่ขมขื่นและร้องไห้คือ แม่ไม่อยากให้คบกับเพื่อนชายคนนึง (ลูกชายคนในหมู่บ้านแหละ) แต่เธอหลงรักมาก ยังไงก็ไม่ยอมเลิกคบกัน จนมาวันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังจะจบ ม.3 เธอท้องค่ะ! ท้องโดยจงใจปล่อยให้ท้อง อยากให้เลิกคบดีนัก ต้องเจออย่างนี้ ประมาณนั้นเลย แม่ผู้ชายบอกว่าให้ออกจากโรงเรียนซะ เธอก็ว่าง่าย ใบรับรองวุฒิอะไรก็ไม่เอามา -*- เรารู้ข่าวว่าน้องท้อง แทบช็อค น้องคนรองเราร้องไห้เป็นเดือนเพราะรักน้องคนนี้มาก (ตอนปิดเทอม น้องคนรองจะไปทำงานพิเศษที่ร้านขายชุดนักเรียนในเมือง แล้วเอาเงินเก็บนี้มาซื้อชุดเรียนให้น้อง) น้องคนรองนี่ก็ตามใจคนสุดท้องมากๆคนนึง ไม่แพ้กันค่ะ เค้าจะอยู่กันสามคน เราำทำงานและเรียนอยู่กรุงเทพ แม่ปิดข่าวที่น้องเรากะผู้ชายไปมีอะไรกัน ไม่ให้เรารู้ (ถ้าเราและพี่ชายคนโตรู้ น้องคนนี้คงถูกตบหน้า และให้ก้มขอขมาแม่ ณ วันนั้น แล้วลากไปอยู่ให้ไกลจากบ้าน) ทุกวันนี้คิดได้แล้วค่ะ ต้องทำงานส่งเงินให้แม่สามีที่เลี้ยงลูก ขณะที่พี่ๆคนอื่นเค้าได้ดีกัน ตัวเองทำงานระดับล่างแรงงานไร้ฝีมือ พอเหงื่อออกจากการทำงาน จิตสำนึกก็เกิด ตอนนี้กำลังเรียนต่อ ปวส. แล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 54 20:13:28 จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 20:11:12

ความคิดเห็นที่ 21 อนาคตก็คงคิดได้ค่ะ เราเห็นตัวอย่างจากคนใกล้ตัวมาเยอะแล้วค่ะ ตอนแรก ๆ ก็ดื้อ ใครพูดอะไรไม่ฟัง พอท้องมีลูกมีเต้า ต้องทำงานหาเงินเองถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงได้เคี่ยวเข็ญให้เรียน ไม่ให้มีแฟน แต่กว่าจะรู้ตัวเองก็ถลำลึกไปแล้วค่ะ แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากก้มตาก้มหน้ารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ กรณีหลานจขกท. เราว่าถ้าเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เจอเืพื่อนใหม่ ๆ ก็คงจะดีขึ้นค่ะ ที่สำคัญต้องให้เวลาดูแลเอาใจใส่ให้มาก ๆ ค่ะ อย่าเลี้ยงด้วยเงินอย่างเดียว ต้องให้เวลาด้วย เป็นกำลังใจให้ จขกท. และครอบครัวค่ะ จากคุณ : สวยอย่างแรงนิ เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 21:43:54

ความคิดเห็นที่ 22 กำลังสมมุติถ้าเป้นหลานเรา แล้วมันกุ่ไม่กลับขนาดนี้ เราจะพามันไปฉีดยาคุมเองเลยค่ะ ยังไงต้องไม่ให้ท้อง ส่วนเรื่องโรคนี่ เราจะซื้อถุงยางมาให้มันพกเลย ส่วนมันจะใช้ไม่ใช้สุดแต่เวรแต่กรรมมันละแหละ เราคงช่วยได้แค่เตือนสติมันเท่านั้น มันจะคิดได้รึปล่าวนี่ไม่รู้ แต่กรณีหลาน จขกท เราว่าเค้าไปไกลแล้วค่ะ กู่ยังไงๆก็ไม่กลับแล้วล่ะ คนเราไม่มีใครบังคับใจใครได้นอกจากตัวเราเอง ถ้าเค้ายังคิดเองไม่ได้ ต่อให้ทางข้างหน้าเป้นเหว เค้าก็ยอมเดินลงเหวอยุ่ดี เอาใจช่วย จขกท แทนละกันค่ะ จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 22:30:53

ความคิดเห็นที่ 23 "ถ้ามันไม่รักดีก็ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม" ถึงหลานคุณจะแหลวแหลกแค่ไหน ความรู้สึกเราลึก ๆ เขาต้องการความรัก ต้องการคนกอดนะค่ะ เค้าเจ็บนะค่ะที่รู้ว่าพ่อแม่ยังอยู่แท้ ๆ แต่เขากลับเป้นส่วนเกินของพ่อแม่ ยิ่งได้ยินคำนี้แล้วเหมือนบาดลึกลงไปในใจเลยค่ะ เราเองเป็นเด็กำพร้าทั้งพ่อและแม่มีป้ามีย่ามีอาเลี้ยงให้ความรักเจต็มที่เรายังรู้สึกบ้างว่าเราเป็นส่วนเกินเลยค่ะ ทุกคนเขาก็มีครอบครัว มีลูก พี่น้องคนอื่นเขาก็มีพ่อมีแม่กันหมด แต่เราออกจะรักดีหน่อยทีเอาตรงนี้มาต่อสู้หาเงินเรียนเอง ทำงานเก็บเงินเอง ถีบตัวเองให้สอเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ มีเพื่อนดีๆให้ได้เสียตรงมีปัญหาบางทีไม่ค่อยบอกบ้านจะเก็บไว้แก้ปัญหาคนเดียวส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกเหมือนเราไม่มีใครนะคะ น้องชายเราลูกพี่ลูกน้องทั้งพ่อและแม่แยกไปแต่งงานแยกไปมีลูกใหม่หมดนี่ก็เสียคนไปพักเพราะน้อยใจพ่อกับแม่ในหลายๆเรื่อง พ่อกับแม่ส่งเสียให้เรียนนะค่ะไม่ใช่ทิ้งแต่เราก็เข้าใจว่าเขาต้องการมากกว่านั้นเวลามีปัญหาชอบร้องให้แนวว่าพ่อกับแม่ไม่รัก ตัวเองเป็ส่วนเกิน ติดเพื่อน อาจติดยาด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ ชอบทีจะสนุกกับเพื่อนๆเพื่อที่จะได้ลืมนะค่ะ ตอนนี้ดีว่าโตเป็นผู้ใหญ่ จากที่ไม่สนใจเรียนก็เปลี่ยนมายอมทำงานวันธรรมดาเสาร์อาทิตย์เรียน กศน จนตอนนี้จะจบปริญญาตรีแล้ว เก็บเงินผ่อนรถเอง เตรียมแต่งงานแล้ว(แฟนก็มาจากตอนเสียคนนั่นแหละค่ะ แต่ดีอย่างแฟนเป็นคนรักเรียน แล้วน้องเป็นคนไม่เจ้าชู้)แต่น้องนั่นคือเคยโดนส่งคุมความประพฤติออกมาก็ให้บวชค่ะ พล่ามมาซะยาวอาจไม่เกี่ยวกัน แต่อยากเอาใจช่วยนะค่ะ บางทีต้องใช้เวลามากกกกกก อาจกู่ไม่กลับ ติดเซกส์หลวงไหลกับความสุขชั่วครู่ ยังไงก็อยากให้อดทนนะค่ะ คอยกอด คอยถามเค้าบ้างว่าเค้ารู้สึกยังไง มีปัญหาอะไรไหม ถามไปกอดไปแบบเด็ก ๆ อย่าดุบางทีอาจได้คำตอบที่ไม่เคยรู้ก็ได้ค่ะ ขอให้น้องคิดได้เร้ว ๆ นะค่ะ จากคุณ : คุณหนูเวตต้า (pet_vetta) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 23:13:31

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากค่ะทุกๆความเห็น อาจจะต้องพึ่งคุณหมอจิตวิทยาวัยรุ่นเสียแล้วเพราะการจะย้ายหลานไปเรียนที่อื่นคงไม่ได้ผลเท่าไรเนื่องจากจังหวัดที่อยู่เป็นจังหวัดเล็กๆมี โรงเรียนระดับมัธยมแค่ ๒ โรงเรียน คงไม่ต่างอะไรกันมากเพื่อนๆก็คงเป็นกลุ่มเดิมๆ ส่วนถ้ามาอยู่กับเราในกทม.ก็กลัวว่าจะยิ่งเตลิดไปกันใหญ่ เมื่อคืนก็นั่งคุยกับเค้าว่ามีปัญหาอะไรมั้ย? เจ้าตัวก็ว่าไม่มีๆแล้วก็หัวเราะร่า เลยบอกไปว่าอย่าทำตัวแบบนี้เพราะมันไม่ดีถ้าไม่ตั้งใจเรียนก็คงไม่ส่งให้เรียนแล้ว เรื่องท้องไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ถ้าติดโรคติดเอดส์ขึ้นมาจะทำยังไง? ก็ดูเหมือนจะไม่ได้กลัวสักนิดแค่ฟังนิ่งๆ(เหมือนจะดื้อเงียบ) เราเลยขอจำกัดเวลาในการคุยโทรศัพท์และต้องคุยในบ้านไม่ใช่แอบไปคุยข้างนอก ไม่รู้ว่าจะได้ผลเท่าไรแต่ยังไงก็จะลองพยายามดูค่ะ จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 09:04:01

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วเศร้าจังค่ะ อะไรเป็นเหตุให้น้องเป็นแบบนี้.. มนว่าพาไปเห็นของจริงแบบที่วัดพระบาทน้ำพุก็ดีนะคะ พอพาไปดูก็บอกนี่คือทางที่หนูเลือก ต่อไปนี้จะไม่ว่าอะไรแล้ว คนเราย่อยมีทางของตัวเอง แต่ให้จำภาพเหล่านี้ไว้นะสักวันหนูจะได้มาอยู่ที่นี่ เป็นแบบนี้ เผื่อนน้องจะคิดได้ เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 10:09:58

ความคิดเห็นที่ 26 วัยรุ่นที่บ้านพี่แก้ปัญหาด้วยการ: - งดโทรศัพท์ ที่บ้านไม่ถึงกับยึดโทรศัพท์นะคะ แต่โทรศัพท์เสียเอง ก็เลยไม่ซื้อใหม่ ไม่ให้เครื่องใหม่  ลดการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เท่าทีสังเกตุผลปรากฎว่าพฤติกรรมดีขึ้น(ไม่รู้ว่าจะดีได้ซักกี่วัน) - ตัดอินเตอร์เนต  จากเดิมที่เอาแต่เล่นเนต พูดคุยกับคนในบ้านก็ไม่คุย ตอนนี้เปลี่ยนมานอนหน้าทีวี ดูทีวีทั้งวัน...มีบ้างที่แอบไปเล่นอินเตอร์เนตค่าเฟ แต่ก็ไม่นานเท่ากับต่อเนตไว้ที่บ้าน - hi5, facebook พี่สมัครโดยใช้ log in ใหม่...ไว้ติดตามพฤติกรรมเค้าโดยเฉพาะ - หากิจกรรมอย่างอื่นทำ  ไปตลาดก็พาไปด้วย  อะไรประมาณนี้ ไม่รู้ว่าพอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่า...ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ  ของอย่างงี้บางทีมันก็แล้วแต่บุญแต่กรรมเหมือนกัน  แต่ก็เอาเถอะ ลองดูอีกซักตั้งค่ะ จากคุณ : occ26 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:37:00

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่รู้ว่าพอจะช่วยได้มั้ย แต่อยากลองแนะนำดู เห็นด้วยกับหลายความเห็น เรื่อง ให้พาไปเจอกับชีวิตจริงๆ เรื่องจริงๆของชีวิต ช่วงนี้ น้องปิดเทอมอยู่แล้ว ถ้าเอิร์ธพอมีเวลานะ 1. ให้น้องไปทำงานเป็นอาสาสมัคร ตามสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน เผื่อจำช่วยในเรื่องการระวังตัว ไม่ให้ท้องถ้าจะใช้ชีวิตแบบเดิม เจอเลี้ยงเด็กอ่อนๆเข้าไป เดี๋ยวคงกลัวไปเอง (ดีพร้อมโตแล้ว + น่ารัก น้องเค้าไม่เห็นความลำบากในการเลี้ยงดูหรอก) 2.พาไปพูดคุยกับ เด็กผู้หญิงตามบ้านพักฉุกเฉิน ให้เค้าได้เจอกับคนที่มีประสบการณ์ตรง เกี่ยวกับการมีSexแบบที่ไม่ได้เต็มใจ หรือได้รับความรุนแรง เผื่อจะทำให้เค้าไม่ได้รู้สึกสนุกต่อไป ที่จะกลับไปล่าแต้ม 3.พาไปวัดพระบาทน้ำพุ ให้ไปพบเจอผู้ป่วยระยะสุดท้าย คาดว่าเค้าน่าจะกลัวการติดเชื้อHIVแล้วหล่ะ 4.ถ้าดูแล้วว่าน้องเค้าเข้าใจ และอยากกลับตัวกลับใจจริงๆ ก็พาเค้าไปฟังธรรมะเลยค่ะ ถึงตอนนี้แล้ว เค้าน่าจะพอมีสติเอาธรรมะเข้าหัวแล้ว สำหรับเรื่องเรียน ไม่มีใครแก่เกินเรียนค่ะ ถ้าน้องเค้ารักดี อยากเรียนต่อ ก็ควรส่งเสริม แต่ไม่ใช่ แค่อยากไปโรงเรียนเพื่อไปเข้ากลุ่มเพื่อนนะคะ อันนั้นแย่ค่ะ ถ้าเค้าไม่อยากเรียนต่อ ให้ทำงานค่ะแล้วยื่นคำขาดไปเลย ว่าถ้าไม่เรียน คงต้องหาเลี้ยงตัวเอง หรือถ้าคิดว่าพวกผู้ชายที่น้องเค้าไปนอนด้วยจะเลี้ยงดู ก็ให้เค้าลองดู ร้อยทั้งร้อยผู้ชายกลัวคะ หนีล้วน เพราะพ่อแม่ผู้ชายคงไม่ยอม พอน้องเค้าเห็นว่าไม่มีใครเอาเค้าจริงๆ อาจคิดได้ค่ะ แต่หากเค้าคิดจะอยู่ได้ด้วยลำแข้งตัวเองจริงๆ อย่าเพิ่งปล่อยค่ะ ช่วงนี้ถ้าพาไปทำงานด้วยได้ ก็ดีค่ะ ให้เค้าเห็นว่า หากเรามีการศึกษาที่ดี เราจะได้ทำงานอย่างไร พยายามเน้นให้เห็นข้อดี ของการเรียนจบสูง แล้วได้มีสังคมที่ดี ได้ทำงานที่ดี มีเงินเดือนที่ดี ได้ใช้ชีวิตสะดวกสะบาย เพราะรายได้ อย่าพาไปให้เค้าเห็นด้านมืดของการทำงานนะคะ ^^ หลังจากนั้น ก็พาเค้าไปดูคนใช้แรงงาน หรืองานของคนที่มีการศึกษาน้อย เปรียบเทียบให้เห็น แต่ด้านแย่ๆ แรกๆเค้าอาจมองว่า ก็ดี ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะ เราต้องบอกเค้าด้วยว่า แล้วถ้าให้ทำแบบนี้ไปอีก 20 - 30 ปี จะโอมั้ย ให้เค้าเห็นสภาพความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต พี่เคยใช้วิธีนี้กับลูกแม่บ้านที่ออฟฟิสมาแล้ว ปิดเทอม มาจากต่างจังหวัด มาดูแม่ทำงาน แล้วให้แม่เค้าพาน้องมาดูพี่ๆในออฟฟิสทำงาน แล้วให้แม่เค้าบอกน้อง ว่าแม่ทำงานลำบากยังงัย ลูกเค้า ที่กำลังจะโตเป็นสาว บอกแม่เค้าทันทีเลย ว่าจะตั้งใจเรียน เพราะอยากทำงาน อยู่ในห้องแอร์นั่งเล่นคอมฯทั้งวันแบบพี่ๆ มีหลานของเด็กแพ็คกิ้ง มารับจ๊อบช่วงปิดเทอม แรกๆบอกว่า ไม่อยากเรียนแล้ว อยากทำงาน ได้ตังค์ไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้ ก็เลยถามเค้าไปว่า งั้นอีก 10 - 20 ปี ยังนั่งทำอยู่อย่างนี้ เอามั้ย หรือกลับไปเรียนก่อนอีกแค่ไม่ถึง 10 ปี ก็ได้ทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงงาน หลังจากนั้น น้องเค้าก็กลับไปบ้าน ไปตั้งใจเรียน จนตอนนี้เอ็นฯติด มศว.ไปแล้ว จากคุณ : gapomja เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:45:42

ความคิดเห็นที่ 28 วันที่ไปเจอตัวก็เรียกที่บ้านผู้ชายมาคุยว่าเลี้ยงได้มั้ย?เค้าบอกว่าเลี้ยงไม่ได้ขอจ่ายค่าเสียหายให้ ๕๐๐(ถูกยิ่งกว่า...) เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกรู้สมเลยแถมยังยิ้มแย้มหัวเราะคิกคักทางบ้านเลยบอกไปว่าไม่เอาค่าเสียหายแต่ขอดำเนินคดี ตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลแล้วแต่ไม่ได้สลดกันทั้งคู่มีการโทรคุยนัดแนะไปทำเรื่องบัดสีกันอีกด้วยซ้ำ วันก่อนโดนเอ็ดให้เข้าบ้านไม่ให้ไปยืนล่อพวกคนงานก่อสร้างเด็กตอบมาว่า"หนูไม่ใช่เด็กๆนะ มีผัวแล้วด้วย"...จะเป็นลมค่ะ วันนี้คุยกับครูว่าจะพาไปซ่อมที่เรียนตก ถามเค้าว่าจะไปซ่อมมั้ยเค้าบอกจะไปแต่ก็แวบไปโทรนัดผู้ชายว่าจะกลับไปนะให้มาหาด้วย พอฝ่ายนั้นถามว่าแล้วต้องซ่อมเหรอ?เจ้าตัวบอกไม่เป็นไรหรอกถ้าเรียนไม่ได้ก็มาอยู่ช่วยป้าที่กรุงเทพฯ เครียดค่ะเครียดจริงๆ จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 19:31:56

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านข้อความสุดท้ายแล้วนึกถึงคุณครูเจน ที่บอกว่า "รู้ว่าผิด แต่ไม่ได้รู้สึกผิด" มันเป็นเช่นนี้เอง คาดว่าเด็กคงติดเซ็กส์เช่นเดียวกับที่ความเห็นบนๆบอก เพราะถ้าถึงขั้นไปยืนอ่อยคนงานก่อสร้างได้ แปลว่าน้องเค้า มีเซ็กส์เพื่อความสนุก ไม่ได้มีเพราะอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่เค้าพอใจ แบบที่อยากใช้ชีวิตด้วย ถ้าห่วงเรื่องอนาคตน้องจริงๆ ก็แนะนำให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับครูเจนค่ะ หรือไม่ก็ผลักให้เป็นภาระพ่อ หรือแม่ น้องเค้าเป็นคนตัดสินชะตาชีวิตลูกเค้าไปเลยก็ได้ ความสงสาร คงใช้ไม่ได้ผลกับน้องเค้าในเวลานี้ ถ้ายอมใจแข็งหน่อย ใช้คติ ไม่เห็นโลกศพ ไม่หลั่งน้ำตาก็ดีนะ ใจแข็งนิดนึง ให้เค้าหาทางใช้ชีวิต ในแบบที่ไม่มีคนซัพพอร์ทดู ว่าเค้าจะทำยังงัย ส่วนใหญ่เด็กที่รักสบาย มักกลัวความลำบาก ในเมื่อตอนนี้เค้ายังมองไม่เห็นว่าชีวิตเค้าจะลำบากยังงัย เค้าเลยไม่คิดเปลี่ยนแปลงตัวเอง คงช่วยได้เท่านี้ ที่เหลือคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนในครอบครัว แต่ก็พร้อมเป็นกำลังใจ และเป็นที่ปรึกษาให้เสมอนะจ๊ะ คิดถึงดีพร้อม ^^ จากคุณ : gapomja เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 13:00:35

ความคิดเห็นที่ 30 #4 ทู้อยู่ในคลังจ้า เอามาแปะให้ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2010/12/L9990186/L9990186.html จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 13:08:13

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณพี่ป๋อม และคุณหมอ มากๆนะคะ จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 14:39:30

ความคิดเห็นที่ 32 #30 ก็เสิชหัวข้อนี้ในคลังกระทู้ห้องสวนลุมนะ ทำไมไม่เจอ พลิกแพลงเสิชสารพัดคำ เจอแต่เวบอื่นๆจากอากู๋ งงตัวเอง T_T จากคุณ : lovelypam เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 17:48:42

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วนึกถึงเด็กๆ วัยรุ่นในหมู่บ้าน ทั้งชายทั้งหญิง บ้านเราเป็นเน็ตคาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆ แต่มีแค่ร้านเดียวในหมู่บ้าน วัยรุ่นเลยชอบแวะเวียนกันมาเล่น เราเลยสังเกตพฤติกรรมเด็กวัยรุ่นได้บ่อยๆ บอกตามตรงว่าเด็กเดี๋ยวนี้ัล่าแต้มด้วยเซ็กส์กันโดยไม่รู้สึกผิด โทรนัดแนะกับคนแปลกหน้าที่เจอในเน็ต แล้วก็มามีอะไรกัน คิดคะแนนอวดเพื่อน ไม่อยากจะว่าใคร เพราะลูกพี่ลูกน้องเราก็เป็น เป็นหนักด้วย กู่ไม่กลับแล้วเหมือนกัน คำพูดคำจาได้ยินแล้วเราหน้าแดง อายแทนจริงๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าพูดด้วยความคะนอง หรือยังไง แต่รู้เลยว่าไม่ได้มีความเข้าใจและใส่ใจในคำพูดแม้แต่น้อย เราเองผ่านชีวิตวัยรุ่นมาแบบอยู่ในกรอบที่ "ตัวเอง" ขีด ตอนนี้เรียนจบมหาลัย มาอยู่บ้านรอเค้าเรียกสัมภาษณ์งาน คนแถวบ้านนินทากันว่าเราท้อง ต้องออกจากที่เรียน เฮ้อ...คนเรา เค้าคิดว่าการท้องก่อนแต่งเป็นเรื่ิองปกติไปแล้วค่ะ เด็กเล็กแถวบ้านเยอะมาก แต่พ่อแม่ก็แยกทางกัน ไม่เหลียวแล ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง เอาใจช่วยจขกท.นะคะ หวังว่าหลานสาวจะเข้าใจโดยเร็วค่ะ สู้ๆ จากคุณ : fafay เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 22:09:07

ความคิดเห็นที่ 34 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 12:54:01