Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
@@@สาระดีๆ เกี่ยวกับการคุมกำเนิด มีทุกแบบเลย ยาวหน่อยนะ (",)@@@ ติดต่อทีมงาน

มีข้อสงสัยเรื่องการคุมกำเนิด หาไปหามาเลยไปเจออ่ะ ยาวหน่อยนะ

คำถามที่มักพบได้เกี่ยวกับเรื่องการคุมกำเนิด      

นพ.พนิตย์ จิวะนันทประวัติ

1. บางคนคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัยแล้ว ทำไมจึงตั้งครรภ์ได้
สามีภรรยาจำนวนไม่น้อยมีเพศสัมพันธุ์กันจนกระทั่งฝ่ายชายใกล้ถึงจุดสุด
ยอด จึงค่อยใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะว่าโดยปกติแล้วในขณะ
ที่ยังไม่ถึงจุดสุดยอดก็สามารถมีอสุจิเล็ดลอดออกมาได้อยู่บ้าง จึงทำให้ฝ่าย
ภรรยาตั้งครรภ์ได้
การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง ต้องเริ่มใช้เมื่ออวัยวะเริ่มแข็งตัว และเมื่อถึง
จุดสุดยอดแล้ว ขนาดของอวัยวะจะเล็กลงจึงไม่ควรค้างเอาไว้ เพราะน้ำเชื้อ
อาจออกจากถุงยางได้
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่บางคนเข้าใจผิดคิดว่าการหลั่งภายนอกจะทำให้ไม่เกิด
การตั้งครรภ์ เพราะในช่วงที่ยังไม่ถึงจุดก็มีน้ำอสุจิออกมาได้บ้างแล้ว

2. หากถุงยางหมดอายุจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้หรือไม่
การใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุหรือคุณภาพไม่ดี ก็มีส่วนทำให้การป้องกัน
การคุมกำเนิดไม่ได้ผล เพราะถุงยางอาจฉีกขาดหรือรั่วได้

3. การใช้ถุงยางทำให้ความรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ จริงหรือไม่
การที่บ้านเรายังใช้ถุงยางอนามัยกันน้อย เพราะเข้าใจว่ามันไม่เป็นธรรม
ชาติ เหมือนคันแล้วเกานอกเสื้อ แต่ที่จริงแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนกัน
สำหรับบางคนที่มีความรู้สึกไว หลั่งเร็ว การใช้ถุงยางจะสามารถช่วยจุดนี้
ได้

4. การใช้ถุงยางอนามัยมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
การใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิดเป็นผลดีต่อฝ่ายหญิง เพราะไม่ต้อง
กังวลกับปัญหาในเรื่องของผลข้างเคียงของการกินหรือฉีดยาคุมกำเนิด
รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธุ์และโรคเอดส์ได้อีกด้วย

5. ปกติการคุมกำเนิดโดยการนับวันรอบเดือนเพื่อหาวันปลอดภัย
ช่วงที่ไข่เริ่มฝ่อและเยื่อบุผนังมดลูกเริ่มสลายตัวออกจากผนังมดลูกและใน
ช่วงที่ไข่กำลังเริ่มการเจริญเติบโตเป็นช่วงที่ถือว่าปลอดภัยจากการตั้งท้อง
คือในช่วงเจ็ดวันก่อนและเจ็ดวันหลังมีประจำเดือนวันแรก
ช่วงที่มีการตกไข่คือช่วงหลังวันที่ 7-21 ของรอบเดือน (เฉลี่ย 14-16) เป็น
ช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
แต่การนับวันไม่ได้ป้องกันได้ 100% โดยเฉพาะในสตรีที่รอบเดือนมาไม่
แน่นอน ควรใช้เป็นวิธีร่วมกับวิธีอื่นๆเพื่อเสริมความปลอดภัยจะดีกว่า

6. การนับวันปลอดภัย ทำไมถึงป้องกันไม่ได้ 100%
การคุมกำเนิดโดยการนับวันปลอดภัยของรอบเดือน ส่วนใหญ่รอบเดือน
ของสตรีมักคลาดเคลื่อนอยู่แล้ว โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 28 วันหรือ
28 +/- 7 คือบางคนอาจมีช่วงรอบเดือน 21 วัน บางคนอาจมีช่วง 35 วัน
ปัญหาของการนับวันโดยวิธีธรรมชาติ คือหากรอบเดือนมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง
เช่นความเครียด การเจ็บป่วย สุขภาพไม่แข็งแรง ก็มีผลทำให้เกิดการเลื่อน
ของประจำเดือนได้ ดังนั้นการคุมโดยวิธีนี้ก็อาจพลาดได้ง่าย

7. หลังคลอดหรือแท้งลูกหรือช่วงให้นมลูกจะยังไม่ตั้งครรภ์?
ที่ถือว่าประจำเดือนยังไม่มาจะยังไม่มีลูกนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะรังไข่
ของฝ่ายหญิงอาจเพิ่งเริ่มทำงาน ดังนั้นโอกาสที่จะมีลูกจึงมีความเป็นไปได้

8. การกินยาคุมกำเนิดจะกินช่วงไหนของเดือนก็ได้ ใช่มั๊ย
การกินยาคุมกำเนิดไม่ใช่จะกินช่วงไหนก็ได้
การกินยาคุมให้ได้ผลนั้นต้องเริ่มกินในวันที่ถูกต้อง คือกินในวันแรกของ
การมีรอบเดือน หรือในช่วงที่มีประจำเดือนภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน
เท่านั้น
ที่สำคัญการกินยาคุมกำเนิดต้องกินติดต่อกันทุกวันและควรเป็นเวลาเดิม
ทุกครั้ง และในแต่ละเม็ดไม่ควรกินห่างกันนานเกินกว่า 24 ชั่วโมง กินหลัง
อาหารเย็นหรือก่อนนอนจะดี เพราะยาคุมจะออกฤทธิ์ ซึ่งเป็นเวลาที่หาก
เกิดผลข้างเคียงก็เป็นเวลาที่อยู่ที่บ้าน
การกินต้องกินติดต่อกันตามกำหนด ไม่ใช่วันไหนไม่มีเพศสัมพันธ์กันก็ไม่
กิน วันไหนจะมีเพศสัมพันธ์กันค่อยกิน เช่นนี้จะไม่สามารถคุมได้

9. ยาคุ้มกำเนิดทำไม่มีแบบ 21 เม็ด และแบบ 28 เม็ด
ยาคุมกำเนิดจะมีสองชนิดคือชนิดแผง 21 เม็ดและแบบแผง 28 เม็ด
- ชนิด 21 เม็ด เมื่อกินต่อเนื่องจนหมดแผงไปแล้วให้หยุดกินยาไป 7 วัน
แล้วจีงเริ่มทานแผงใหม่ต่อไป
- ชนิด 28 เม็ด ให้กินต่อเนื่องกันไปจนหมดแล้วเริ่มกินต่อแผงใหม่ไปเลย
อันที่จริงแล้ว ยา 7 เม็ดท้ายจะมีสีที่แตกต่างกันไปไม่มีผลของยาคุมแต่จะ
เป็นวิตามินหรืออื่นๆ วัตถุประสงค์ก็ช่วยป้องกันการลืมทานอย่างต่อเนื่อง  

10. หากลืมกินยาคุมไป 1 เม็ด ควรจะทำอย่างไร
หากลืมกินยาไป 1 เม็ด ให้รีบทานยาทันที ที่นึกขึ้นได้และกินเม็ดต่อไป
ตามปกติ หากลืมกินในช่วงอาทิตย์แรกและอาทิตย์สุดท้ายก็มีโอกาสน้อย
ที่จะมีลูก แต่ถ้าลืมกินและมีเพศสัมพันธ์ในช่วงอาทิตย์ที่ 2 - 3 โอกาสมีลูก
จะสูงมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากลืมกินให้เปลี่ยนมาใช้ถุงยาง
อนามัยแทนชั่วคราว

11. ได้ยินว่ากินยาคุมแล้วมีผลข้างเคียงเช่น อ้วน แพ้ยา ?
คนกินยาคุมมีแนวโน้มที่จะอ้วนมากกว่าคนที่ไม่กิน เพราะยาจะสะสมใน
ร่างกายในรูปไขมันจึงควรควบคุมการกินอาหาร
ส่วนในเรื่องแพ้ยาคุมนั้นเป็นความเข้าใจผิด อาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลข้าง
เคียงของยา เช่นกินแล้วบางคนอาจคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ตื่นนอนใน
ตอนเช้าแล้วอยากอาเจียน

12. ใครบ้างที่ไม่ควรกินยาคุมกำเนิด
คนที่ไม่ควรกินยาคุมคือคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับ
หลอดเลือด ปวดหัวบ่อยๆ เป็นโรคเกี่ยวกับตับ เป็นโรคหัวใจ หรือมีประวัติ
เคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อน บุคคลเหล่านี้ไม่ควรกินยาคุม
สำหรับคนที่กินยาคุมแล้วรู้สึกผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ เพราะความเหมาะ
สมที่จะเลือกใช้ยาในการคุมกำเนิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน

13. ยาคุมกำเนิดชนิดกินหลังจากร่วมเพศ ได้ผลอย่างไร
การกินยาคุมกำเนิดคือ กินก่อนร่วมเพศหรือหลังร่วมเพศ แต่สำหรับวิธีหลัง
นี้ทางการแพทย์ยังไม่ยืนยันว่าได้ผลที่แน่นอน ยานี้เขามีข้อกำหนดว่าต้อง
มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย ประมาณอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างมาก และต้องกิน
ทันทีภายใน 1 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ถ้าช้ากว่านั้นอาจท้องได้

14. ยาคุมกำเนิดแบบฉีด แต่ละครั้งคุมได้นานแค่ไหน
ปัจจุบันยาฉีดคุมกำเนิดนั้น ฉีดครั้งหนึ่งจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดได้ประมาณ
3 เดือน โดยจะฉีดบริเวณตะโพก เมื่อฉีดแล้วตัวยาจะอยู่บริเวณตะโพก และ
ค่อยๆขับฮอร์โมนออกมาป้องกัน

15. ควรเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดเมื่อไร
การฉีดยาคุมกำเนิดก็เหมือนกับยากิน คือต้องเริ่มภายใน 5 วันของการมี
ประจำเดือน ก่อนที่รังไข่จะเริ่มทำงาน ถ้ารังไข่ทำงานแล้วฉีด จะมีโอกาส
ตั้งท้องได้เช่นกัน

16.  หลังจากฉีดยาคุมประจำเดือนยังคงมาตามปกติหรือไม่
คนที่ฉีดยาคุมกำเนิดต้องเข้าใจว่า เมื่อฉีดยาคุมแล้วรอบเดือนจะผิดปกติ
เกือบทุกคน รอบเดือนจะมาไม่เหมือนเดิม ช่วงแรกจะมากระปริดกระปรอย
ไม่แน่นอน ฉีดนานๆหลายเข็มเข้า ประจำเดือนจะหายไปเลน
แต่ถ้าหยุดฉีดไประยะหนึ่งฮอร์โมนจากธรรมชาติก็เริ่มใหม่ประจำเดือน
ก็จะมาปกติ

17. มีคนบอกว่าหากใช้วิธีฉีดนานๆ อาจทำให้เป็นหมันได้ ?
ไม่จริงครับ แต่จะทำให้มีลูกช้าได้
คนที่จะฉีดยาต้องวางแผนเพราะไม่ไช่ว่าเมื่อพร้อมที่จะมีลูกหรืออยากมีลูกเมื่อไร
แล้วหยุดฉีดจะมีลูกได้ทันที แต่ต้องรอไปซักระยะหนึ่ง เช่นฉีดไป 2 ปีกว่ายาจะ
หมดฤทธิ์ก็ต้องรออีก 9 เดือน ถ้าหากฉีดมานานกว่านี้ก็ต้องรอยาวนานกว่านี้อีก
การใช้ยาฉีดควรจะปรึกษาแพทย์ และตรวจร่างกายดูความพร้อมร่างกายก่อน

18. มีข้อควรระวังอย่างไรในการใช้ยาคุมแบบฉีด
เมื่อฉีดยาแล้วอย่าไปคลึงหรือขยี้บริเวณที่ฉีด เพราะจะไปทำให้ตัวยาออกฤทธิ์
ได้น้อยวันลงแทนที่จะอยู่ได้ 90 วัน หรือ 3 เดือนก็จะเหลืออยู่เพียง 80 วัน ถึงแม้
การฉีดยาคุมนี้จะอยู่ได้นาน 3 เดือนแต่แพทย์มักจะให้ฉีดล่วงหน้าก่อน 1 สัปดาห์

19. การใช้ยาคุมแบบฉีดมีผลข้างเคียงอย่างไร
ผลข้างเคียงของยา ได้แก่น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดหัว หงุกหงิด ปวดท้อง วิงเวียน
และอ่อนเพลีย

20. การคุมกำเนิดแบบใส่ห่วงอนามัยเหมาะสำหรับประเภทใด
คนที่เหมาะสมในการใส่ห่วงอนามัย ควรเป็นคนที่เคยมีลูกมาแล้ว เพราะคนที่
ไม่เคยมีลูกมาก่อน จะใส่ลำบากและอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องได้

21. การใส่ห่วงอนามัยช่วงใดถือว่าเหมาะสม
จะใส่ห่วงเวลาใดก็ได้ แต่การใส่ในช่วงกำลังมีรอบเดือน จะใส่ง่ายที่สุด

22. หลังจากการใส่ห่วงแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างใด
เมื่อใส่เรียบร้อยแล้วก็มาตรวจตามที่หมอนัด อาจ 1-2 เดือนต่อครั้ง เพื่อดูว่าห่วง
เรียบร้อยหรือไม่ ถ้าห่วงไม่กระชับจะได้ทำให้กระชับขึ้น เมื่อใส่ได้ซักระยะมดลูก
จะปรับตัวเองทำให้ห่วงอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะอยู่
ปัจจุบันยังไม่มีห่วงอนามัยที่ดีที่สุด คือใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย อย่างไรก็
ตามขณะนี้มีการค้นคว้าตลอดเวลาเพื่อจะผลิตห่วงที่ใส่แล้วลืมเหมือนใส่แหวนอยู่

23. การใส่ห่วงอนามัยมีผลข้างเคียงอย่างใดหรือไม่
ผลข้างเคียงของการใส่ห่วงอนามัยคือ ใส่แล้วอาจมีรอบเดือนมากขึ้น ปวดประจำ
เดือนมากขึ้น อาจมีตกขาวได้บ้าง

24. การใส่ห่วงอนามัยสามารถคุมกำเนิดได้กี่ปี
ห่วงอนามัยในปัจจุบันเป็นแบบอยู่ได้ 3-5 ปี เปลี่ยนครั้ง ควรปรึกษาผู้ให้ผู้บริการ

25. การฝังยาคุมกำเนิดทำอย่างไร และฝังตรงไหนของร่างกาย
การฝังยาคุมกำเนิดจะฝังที่ท้องแขน ยาที่ใช้ฝังจะเม็ดเม็ดแค็ปซูลยาวประมาณ
2-3 ซม. ตอนใส่ไม่ยาก เพียงสักครู่ก็เสร็จ แต่ตอนเอาออกต้องใช้เวลานานกว่า

26. การฝังยาจะคุมกำเนิดได้นานกี่ปี
การฝังยาในการคุมกำเนิดจะคุมได้นานประมาณ 5 ปี ปัจจุบันในบ้านเรายังไม่
แพร่หลายเพราะมีราคาแพง ยานี้ฝังแล้วจะคุมได้นาน 5 ปีก็ผ่าเอาออก มีผลข้าง
เคียงคือมีเลือดออกกระปริดกระปอย บางคนทนรำคาญไม่ไหวเลยให้หมอผ่าออก

27. รายละเอียดของถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง อันนี้เกิดขึ้นเพราะมีเรื่องเอดส์เป็นตัวนำ เมื่อผู้ชาย
ไม่ยอมใส่ถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงก็จะได้นำมาใช้เพื่อป้องกันตัวเอง แต่ยังไม่เป็น
ที่นิยมกัน อาจเป็นเพราะรูปร่างเหมือนถุงกาแฟ ใส่และใช้ลำบาก

28. ยังมีวิธีการคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นอีกหรือไม่
นอกจากที่กล่าวมาทั้ง 7 วิธีแล้ว ยังมีการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ แต่ยังไม่เป็นที่
นิยมในบ้านเรา หรื่อเพิ่งมีการทดลองใช้กัน เช่น
- ไดอะแฟรม มีรูปร่างคล้ายกะทะ ขอบเป็นวงแหวน ขอบยางยืดหยุ่นได้ ตัวเป็น
ยาง ใส่ในช่องคลอดเพื่อปิดกั้นไม่ให้เชื้ออสุจิผ่านเข้าไปถึงปากมดลูก ก่อนใส่จะ
มีครีมทาควบคู่กัน นอกจากจะช่วยหล่อลื่นแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อเล็ดลอด
เข้าไป แต่ใช้ชั่วคราวคือใส่เมื่อตอนมีเพศสัมพันธ์เสร็จแล้วก็เอาออก
ชีวิตคู่เป็นชีวิตที่ต้องอาศัยความรัก ความเข้าใจ ความอดทน ความเอื้ออาทรต่อ
กันและกัน ฝ่ายชายจึงต้องมีความจำเป็นที่ต้องเข้าใจในเรื่องของการคุมกำเนิด
ของฝ่ายหญิงด้วย เพราะหากการคุมกำเนิดโดยวิธีใดที่มีผลข้างเคียงต่อคู่ชีวิต
จนเดือดร้อน ฝ่ายชายอาจต้องช่วยในการปรับเปลี่ยนการมีเพศสัมพันธ์ให้เหมาะ
สมเพื่อให้คู่ชีวิตมีความสุขสมบูรณ์

จากคุณ : Pumpui_s1979
เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 13:38:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com