GBS (Group B Streptococcus) อยากให้กรณีลูกเราเป็นกรณีสุดท้าย ขอเชิญแม่ๆที่กำลังตั้งครรภ์เข้ามาอ่าน
|
|
จากกระทู้ที่ภรรยาผมแชร์ประสบการณ์ไว้ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N10358035/N10358035.html
เรื่องย่อๆ :
ลูกชายของเราคลอดก่อนกำหนดด้วยอายุครรภ์ 33 สัปดาห์ 5 วัน ด้วยน้ำหนัก 2140กรัม หายใจเร็วและขัดเล็กน้อย ตามมาด้วยใส่เครื่องช่วยหายใจจบที่ระบบต่างๆล้มเหลวลง ทั้งหมดเกิดจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดตั้งแต่คลอด แม้ว่าจะให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสอดท่อช่วยหายใจ แต่ไม่เป็นผลเพราะช้าเกินไป (เพาะเชื้อเจอทั้งกระเพาะอาหารและเลือด) ผมและภรรยาจึงลองค้นหาข้อมูลถึงเชื้อที่ทำให้ลูกเราต้องเสียชีวิตด้วยคำถามในใจ ทำไม ๆ ๆ ? - ทำไมจึงเกิดขึ้น มันเป็นได้ยังไง - หัวหน้าพยาบาลบอกว่ามันเป็นเชื้อที่รุนแรง มันร้ายแรงจริงหรือ - ถ้ามันร้ายแรง โอกาสเกิดขึ้นมีมากแค่ไหน - แล้วป้องกันได้ไหม ตรวจสอบก่อนได้รึเปล่า
ทำความรู้จัก GBS (group B Streptococcus)
เราเริ่มกันจากประเทศไทยก่อนละกันนะครับ
ผลการศึกษา : จากการศึกษารวบรวมข้อมูลย้อนหลังทารกแรกเกิดที่ป่วยจากเวชระเบียน ม.ค 40 – ธ.ค 49 (10ปี) ที่รับไว้รักษาในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีรวมระยะเวลา 10 ปีพบผู้ป่วยติดเชื้อ GBS จำนวน 25 ราย จาก 15,101 ราย อาการแสดงที่พบมาก คือ อาการทางระบบทางเดินหายใจ ,หายใจเร็ว ตัวเขียวและหยุดหายใจ จากความรู้และประสบการณ์มีลูกคนแรก อ่านหนังสือการตั้งครรภ์มาบ้าง บวกกับหาข้อมูลทางกูเกิ้ล พบว่า ประเทศไทยไม่มีขั้นตอนระบุที่ให้หญิงตั้งครรภ์ต้องตรวจหาเชื้อ GBS (SWAB TEST)แต่อย่างใด ส่วนในต่างประเทศจากข้อมูลที่ค้นเจอพบว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมัน จะมีแนะนำให้ตรวจคัดกรองการติดเชื้อ Group B streptococcus เมื่ออายุครรภ์ 35-37 สัปดาห์ในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย !
ดังนี้ เราหาคำตอบให้คำถามที่ผมและภรรยาสงสัยกัน ดีกว่าครับ
ทำไมจึงเกิดขึ้นและเป็นได้ยังไง
ภาวะติดเชื้อในระยะแรก ( early sepsis ) เป็นภาวะที่การติดเชื้อนั้นเกิดขึ้นระหว่าง 72 ชั่วโมงหรือสัปดาห์แรกหลัง เกิด ( Makhoul,et al,2002, Behrman,Kleigman&Jenson,2003 ) มักเกิดขึ้นเนื่องจากทารกได้รับเชื้อโรคจากร่างกายของมารดา อาจเข้าสู่ร่างกายทารกได้ 4 ทาง คือ 1) เชื้อจากช่องคลอดเข้าไปในถุงน้ำคร่ำ เกิดการอักเสบติดเชื้อที่สายสะดือและเข้าสู่ทารกทางหลอดเลือดของสายสะดือ 2) ทารกหายใจหรือกลืนเอาน้ำคร่ำที่มีเชื้อโรคปนอยู่ 3) เชื้อโรคติดอยู่กับผิวหนังหรือเยื่อบุต่างๆ ของทารก เมื่อผ่านช่องคลอดของมารดา 4) ทารกได้รับเชื้อจากมารดาที่มีการติดเชื้อในกระแสโลหิต ในระยะก่อนคลอดผ่านทางรก
เชื้อในคนเรานั้นมีอยู่มากมายหลากหลายกลุ่มหลายชนิด ขอกล่าวถึงแต่แบคทีเรียนะครับ “ สเตร็ปโตค็อกคัส ” เป็นกลุ่มที่พบบ่อย โดยแบ่งย่อยออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเอ(พบมาก) กลุ่มบี กลุ่มซี กลุ่มดี กลุ่มจี และเอ็ม สำหรับ สเตรปค็อกคัส กลุ่มบี (ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Streptococcus agalactiae) แบคทีเรียกลุ่มกรัมบวก แม้พบได้น้อยกว่า แต่ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อในสตรีหลังคลอดและทารกแรกเกิด
โอกาสที่จะเกิดขึ้นละมีแค่ไหน คนทั่วไปมีโอกาสน้อยที่จะติดเชื้อนี้ โดยนอกจากพบได้ที่ช่องคลอดและทางเดินอาหารแล้ว เชื้อชนิดนี้ยังอาศัยใน ทางเดินหายใจส่วนบน (โพรงจมูกคอหอย) และผิวหนัง ซึ่งจะแฝงตัวอยู่อย่างสงบ การติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มบี ในทารกแรกเกิด ในไทยพบราว 0.16% (สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี) ในสหรัฐอเมริกาพบราว 0.18-0.32% เท่านั้น ส่วนคนทั่วไปก็มีโอกาสติดเชื้อชนิดนี้ประมาณ 4.4 ราย จาก 100,000 ราย
โรคที่เกิดจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส กลุ่มบี มันร้ายแรงแค่ไหน สำหรับสตรีหลังคลอด : มดลูกอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ภาวะโลหิตเป็นพิษ (เชื้อแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด) ทารกแรกเกิด : ภาวะโลหิตเป็นพิษ** (เชื้อแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด) ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ คนทั่วไป : โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อของผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง(ฝี พุพอง แผลกดทับ) กระดูกอักเสบ เป็นหนอง ข้ออักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โลหิตเป็นพิษ เป็นต้น ในบางครั้งอาจพบโลหิตเป็นพิษ (เชื้อแพร่กระจายในกระแสเลือด) โดยหาต้นตอของอวัยวะที่ติดเชื้อไม่พบ อย่างกรณี “นก-ฉัตรชัย” (ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พบกรณีแบบนี้ประมาณ 20-30% ของผู้ติดเชื้อชนิดนี้)
**ค่อนข้างอันตราย มักมีอาการใน 7 วันแรกหลังคลอด
ป้องกันได้ไหม ตรวจสอบอย่างไร เป็นแล้วหายหรือเปล่า การป้องกัน : ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ใกล้คลอด และพบมีการติดเชื้อชนิดนี้ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะระหว่างการคลอด เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่ทารกแรกเกิด
การวินิจฉัยและการรักษา : ใคร คือ ผู้ได้รับการตรวจ : ผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกคน เมื่อใดที่ควรจะตรวจ : ระหว่างอายุครรภ์สัปดาห์ที่ 35 และสัปดาห์ที่ 37 ตรวจอย่างไร : โดยการใช้ผ้าสำลี ทำการเก็บตัวอย่างจากช่องคลอด อวัยวะสืบพันธุ์ และช่องทวารหนักแล้วนำไปตรวจ ตรวจอะไรบ้าง : ตรวจหาแบคทีเรียสเตร็ปโตคอกคัส กลุ่ม B ทำไมต้องตรวจ : ทารกที่ติดเชื้อโรคแบคทีเรียนี้ตั้งแต่แรกเกิดอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับผู้ที่ได้รับผลการตรวจเป็นบวก แพทย์สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะหรือให้ทางหลอดเลือดดำขณะที่คลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อมาสู่ทารกในครรภ์ หรืออาจจะต้องให้กับลูกด้วย กรณีที่มีความเสี่ยงสูง การเสี่ยงอันตรายจากตรวจ : ไม่มี
สรุปสุดท้าย
ใจจริงอยากให้โรงพยาบาลไทยตั้งกฏไปเลยแต่คงยาก ถ้าแม่ๆ ทั้งหลายได้อ่านถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าคงเข้าใจเจตนาดีของเราที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นนะครับ
เราอยากให้กรณีของเราเกิดขึ้นเป็นกรณีสุดท้าย... เพราะมันสามารถป้องกันได้และตรวจหาได้ครับ
@@ หากกระทู้นี้มีประโยชน์ต่อทุกคน ขอได้สิ่งดีๆทั้งหมดส่งผลถึงลูกที่รักนะ มาเกิดเป็นลูกเราอีกนะลูก @@
อ้างอิงที่มา : http://www.pantip.com/cafe/pda/readtopic.php?url=/cafe/family/topic/N10154468/N10154468.html http://www.childrenhospital.go.th/main/research/Inweb/Resident/Resient%2051/13.pdf http://www.bangkokhealth.com/index.php/Infectious/1743--group-b.html http://www.wyethnutrition.co.th/na_dynamic_page3.asp?menu_id=76&menu_item_id=6 http://littlefootstory.wordpress.com/2009/08/19/%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-9-%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2/ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gadirk&month=09-2009&date=17&group=20&gblog=9 http://www.elib-online.com/doctors49/med_strepto001.html http://www.mat.or.th/journal/files/Vol91_No.12_1796_8339.pdf http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=fudge-a-mania&month=07-2008&group=15 http://www.cmnb.org/cmnb/index.php/newborn/sick-newborn/63-2011-04-04-10-53-34?showall=1 http://www.enfababy.com/grow_up/detail/40 http://www.sk-hospital.com/~ob/cpg/sk_hospital/cpg_prom.pdf http://www.clinicrak.com/board/ans.php?no=12467&id=ejmI&xx=&n=20&sort=itemno&z= http://board.yimwhan.com/show.php?user=OBSIED&Cate=3&topic=24
เพิ่มเติม สำหรับแม่ๆที่่อ่านแล้วกังวล....อยากจะบอกว่า
*** ตอนเริ่มเขียนก็กลัวเหมือนกันว่าจะทำให้แม่ๆ กังวลและวิตก เกินเหตุ ! ***
แต่พอชั่งใจดูแล้ว มีผลดีมากกว่า ที่จะได้แ้จ้งคนอื่น
อยากบอกคุณแม่ๆ ว่า..อย่ากังวลมากไปครับ
มันเกิดได้ยาก....และป้องกันได้ เชื้อมันมีอยู่สารพัดในตัว ซึ่งเราก็มีภูมิคุ้มกันอยู่
ที่เขียนกระทู้นี้ เพื่อให้ป้องกัน ระัมัดระวัง และรับทราบว่ามันมีอยู่...ควรตรวจหาครับ
อย่ากังวลไปเลยครับ...ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงด้วยน้าาาา ยิ้มเพื่อลูกครับ
แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 54 09:23:42
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 54 09:49:49
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 54 00:35:53
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 54 00:33:25
จากคุณ |
:
J-AOB
|
เขียนเมื่อ |
:
8 เม.ย. 54 00:27:38
|
|
|
|