Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โรคคาวาซากิ กับหนุ่มน้อยหน้าใส ติดต่อทีมงาน

อยากแบ่งปันประสบการณ์กับโรคร้ายที่ชื่อโรค เหมือนยี่ห้อมอเตอร์ไซต์ แต่อาการและค่าใช้จ่ายในการรักษาซื้อมอเตอร์ไซต์ได้หลายคันเลย ^^! รายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้ขอไม่พูดถึงนะค่ะ เพราะสามารถ search หาได้มากมาย แต่ขอเล่าอาการของลูกชายให้ฟังแทนแล้วกันนะค่ะ

ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันค่ะ โรคนี้เกิดกับน้องกรรณลูกชายซึ่งอายุเพียง 2 ปี 1 เดือน สาเหตุของโรคเกิดจากอะไรไม่รู้เริ่มจาก

วันที่ 30 ก.ค - กรรณเริ่มมีอาการไข้ต่ำๆ ตัวรุมๆ ช่วงค่ำๆ แม่ก็ให้กินยาลดไข้ และเช็ดตัวให้ ตามปกติ ไข้ก็ลด และไม่มีไข้อีก



วัน ที่ 31 ก.ค - เช้าวันอาทิตย์จับตัวดูอีกครั้งก็ไม่มีไข้แล้ว แม่เลยไม่ได้ให้กินยาอีก แต่พอตกค่ำไข้เริ่มมาแต่ก็ไม่มากนัก แม่เลยให้กินยาดักไว้อีกครั้ง ไข้ก็ลดลง



วันที่ 1 ส.ค - เช้าวันจันทร์เอาน้องกรรณไปส่งให้อากง อาม๊าที่บ้านก็รู้สึกว่าลูกเริ่มมีไข้อีกแล้ว ก็เลยให้อา๊ม๊าเอายาลดไข้ให้ทานอีก พอช่วงกลางวันอาม๊า ก็เลยโทรหาพ่อไก๋บอกว่า ที่ตัวน้องกรรณมีผื่นขึ้นรอบสะดือ และตามเนื้อตัวแต่ลักษณะผื่นยังเป็นจุดๆ เหมือนคนเป็นส่าไข้ แต่ไข้ก็ยังไม่ลด พ่อไก๋เลยให้พาน้องกรรณมาหาหมอทันที พอมาถึงโรงพยาบาล น้องกรรณเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัวเยอะขึ้น รอบปากๆเริ่มบวม ที่หน้าผากก็มีผื่นขึ้นเต็มไปหมด คุณหมอบอกให้ admit ดูอาการและให้ยาแก้คันและแก้แพ้ทันที  เจาะเลือด เก็บปัสสาวะเพื่อเอาไปตรวจ



วัน ที่ 2 ส.ค - ตั้งแต่คืนวันที่ 1 กรรณเริ่มมีไข้สูงขึ้นตลอด แม้จะได้ยาลดไข้แล้วก็ตาม ลักษณะของผื่นในวันนี้เปลี่ยนแปลงรูปร่างจากเดิมเป็นจุดสีแดง เริ่มเปลี่ยนเป็นแผ่นๆเหมือนแผนที่ เหมือนพวกเชื้อโรคอะมีบาที่มีการขยายตัวเอง มือ เท้าบวมแดง กรรณเริ่มงอแงมากขึ้น ไม่สามารถนอนหลับได้เพราะไข้ขึ้นตลอด ต้องเช็ดตัวตลอดเกือบทุก 1 ชั่วโมง แต่ที่หน้าผื่นรอบๆปากและหน้าผากหายไป คุณหมอให้ยาตามอาการ ผลการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะไม่พบอาการไข้เลือดออก และหัดเยอรมัน เกร็ดเลือดปกติ คุณหมอเด็กจึงประสานงานให้คุณหมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้จาก ร.พ จุฬา มาตรวจดูด้วยอีกครั้ง เพราะลักษณะผื่นของกรรณเหมือนคนเป็นลมพิษแต่เพื่อความชัวร์ให้คุณหมอเฉพาะ ทางมาดูด้วยจะดีกว่า   คุณหมอภูมิแพ้มาดูก็ว่าลักษณะอาการเหมือนคนเป็นลมพิษชนิดรุนแรง แต่ให้ดูอาการไข้พรุ่งนี้อีกครั้ง และให้เจาะเลือด อีกครั้ง



วัน ที่ 3 ส.ค - เช้าวันนี้กรรณอาการไม่ดีขึ้นเลย ผื่นกลับมาขึ้นที่หน้าเยอะขึ้นกว่าเดิม บริเวณรอบดวงตาบวมแดง ตาเริ่มไม่สามารถสู้แสงได้ ผื่นมีการขยับตำแหน่งเพิ่มขึ้น ไข้ขึ้นสูงตลอดไม่ต่ำกว่า 39  และเริ่มมีอาการถ่ายเหลวบ่อยมากขึ้น คุณหมอเริ่มสงสัยว่ากรรณจะเป็นโรคคาวาซากิ แต่ว่ากรรณยังไม่มีอาการตาแดง ต่อมน้ำเหลืองไม่บวม ลักษณะของผื่นไม่ใช่รูปแบบของผื่นคาวาซากิ ลิ้นยังไม่เป็นสตอเบอรี่ ผลการเจาะเลือดไปตรวจก็ยังไม่พบความผิดปกติ คุณหมอให้ส่งกรรณไป x-ray ปอดเพื่อดูว่ามีอาการบวมหรือไม่ ผลการ x-ray ก็ไม่พบอาการบวมใด พ่อกับแม่เริ่มกังวลแล้วว่าลูกเป็นโรคอะไรกันแน่ ณ เวลานี้ดีที่สุดคือคุณหมอให้ยาตามอาการ และคอยเช็คตัวเพื่อไม่ให้กรรณไข้ขึ้นสูงจนช็อค วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ลูกดูทรมานที่สุด เพราะร้องไห้ไม่หยุดเลย แม้เค้าอยากจะนอนหลับแค่ไหนก็ตาม เสียงร้องไห้และเสียงพูดที่คอยเรียกชื่อ พ่อ แม่ตลอดเวลา เราต้องคอยอุ้มเค้าตลอด แม้จะได้หลับบ้างก็หลับอยู่บนตัวของพ่อกับแม่  กลางคืนคุณหมอภูมิแพ้มาดูอีกครั้ง คุณหมอว่าลักษณะอาการเริ่มคล้ายๆคาวาซากิ แต่คุณหมอยังไม่อยากฟันธงเนื่องจากอาการยังไม่ชัดเจนมากนัก พรุ่งนี้รอดูว่าจะไข้จะลดลงมั้ย



วันที่ 4 ส.ค  - วันนี้ไข้กรรณก็ยังไม่ลงเหมือนเดิม ผื่นแดงที่ขึ้นบางส่วนเริ่มสีจางตรงกลางแต่ขอบรอบๆของผื่นยังคงแดงนูนอยู่ บางส่วนก็เริ่มมีสีคล้ำดำ เหมือนรอยช้ำ และผื่นก็ขยายไปตามส่วนอื่นของร่างกายที่ยังไม่ขึ้น คุณหมอมาตรวจและให้เจาะเลือดอีกครั้ง ลิ้นกรรณเริ่มมีลักษณะคล้ายสตอเบอรี่แล้ว ปากเริ่มแห้งแตก  คล่ำต่อมน้ำเหลืองก็ยังไม่โต ตายังไม่แดง แต่ยังคงมีอาการถ่ายเหลวเป็นมูกอยู่บ่อยครั้ง คุณหมอเด็กบอกว่าน่าจะเป็นคาวาซากิแล้ว แต่พรุ่งนี้จะให้คุณหมอเฉพาะทางโรคหัวใจ และเชี่ยวชาญทางด้านโรคคาวาซากิ จากโรงพยาบาลศิริราชมาตรวจดูเพื่อทำการอัลตร้าซาวน์หัวใจว่ามีอาการเส้น เลือดโป่งพองหรือไม่



วันที่ 5 ส.ค - คุณหมอโรคหัวใจมาแต่เช้า พากรรณไปทำอัลตร้าซาวน์ ผลการตรวจคุณหมอบอกว่าหัวใจยังไม่ผิดปกติอะไรมาก มีเส้นเลือดบางเส้นที่เริ่มขยายแต่ยังไม่ถึงกับอันตราย และคุณหมอคลำเจอต่อมน้ำเหลืองที่เริ่มโตหน่อยๆแล้ว คุณหมอทั้ง 3 ท่านจึงลงความเห็นว่ากรรณน่าจะเป็นคาวาซากิแน่นอน คุณหมออธิบายให้ฟังถึงอาการของน้องกรรณว่า กรรณน่าจะได้รับเชื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่ง ณ วันที่มาหาหมอเชื้อโรคมันได้หายไปแล้ว แต่ว่าร่างกายของน้องกรรณได้สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเพื่อสู้กับเชื้อโรค แต่ว่าร่างกายของกรรณสร้างภูมิขึ้นมาเยอะเกินไป ทำให้ภูมิต้านทานนั้นย้อนกลับมาทำลายกัดกินเนื้อเยื่อตัวเอง (หมอพยายามอธิบายเปรียบเทียบให้เราฟังแบบง่ายๆ) การให้ยาคาวาซากิ หรือชื่อยาคือ IVIG จะมาช่วยจับเจ้าพวกภูมิต้านทานที่กำลังทำร้ายตัวเองให้หยุดซะ  คุณหมอเลยทำการสั่งยา และให้ยาน้องกรรณทันที หลังจากให้ยาน้องกรรณไม่ถึง 5 ชั่วโมงน้องกรรณเิริ่มมีอาการดีขึ้นทันทีไข้เริ่มลดลงเรื่อยๆ ให้ยาจนครบ 12 ชั่วโมง ไม่น่าเชื่อว่าอาการดีขึ้นทันตาเห็นจริงๆ กลางคืนคุณหมอภูมิแพ้มาดู คุณหมอยังบอกว่ายาเทวดาจริงๆ แต่แพงใช่เล่น คุณหมอบอกว่ากรรณเริ่มตาแดงหน่อยๆแล้ว ยังมีอาการสู้แสงไม่ค่อยได้เหมือนเดิมเพราะเค้าแสบตา แต่คุณหมอว่าอาการดีขึ้นมากจริงๆหลังจากได้ยา



วันที่ 6 ส.ค  - อาการผื่นนั่นหายลดลงไปเกือบทั้งตัว ไข้ลดลงแทบจะไม่มีไข้ขึ้นสูงอีกเลย คุณหมอมาตรวจบอกว่าให้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก  ส่วนกรรณยังคงมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนล่าจากการมีไข้สูงมาหลายวัน ตายังคงแดงอยู่นิดหน่อย ลิ้นจากที่เป็นสตอเบอรรี่ตอนนี้เริ่มหายแล้ว แต่ยังคงมีอาการถ่ายเหลวอยู่ แต่ไม่บ่อยครั้งมากเท่ากับวันก่อนหน้านี้



วัน ที่ 7 ส.ค - อาการผื่นจางลงแถบจะมองไม่เห็นของเดิม ตากรรณเริ่มดีขึ้น ไข้ไม่มีแล้ว แต่กรรณยังดูซึมๆ อ่อนแรงอยู่ เริ่มทานข้าวได้มากขึ้น เออ ลืมไปว่าช่วงที่ผ่านมากรรณแทบจะไม่กินอะไรเลย หมองดนมวัว ไข่ และอาหารทะเล ทานได้แต่นมถั่วเหลืองเท่านั้น เย็นนี้คุณหมอให้ถอดสายน้ำเกลือออกแล้ว



วัน ที่ 8 ส.ค - กรรณเริ่มมีอาการร่าเริงขึ้น ทานข้าวได้เยอะมากขึ้น ไข้ไม่มี ผื่นไม่มี แต่ปากยังคงแห้งแตก ตายังแดงๆอยู่อีกนิดหน่อย และคุณหมอบอกว่าหัวใจยังเต้นเร็วอยู่นิดหน่อย จึงต้องอยู่โรงพยาบาลอีก 1 วัน



วันที่ 9 ส.ค - วันนี้คุณหมอมาตรวจบอกว่าดูดีขึ้น ดูเป็นปกติพรุ่งนี้ให้กลับบ้านได้ กรรณเิิองก็เริ่มกลับมาซนเหมือนเดิมแล้ว ปากที่แตกก็เริ่มดีขึ้นมาก พรุ่งนี้ก็จะได้กลับบ้านกันสักทีนะลูก ^_^ คุณหมออธิบายเพิ่มเติมให้ฟังว่าโรคนี้มันจะวิ่งไปตามเส้นเลือดทำให้เส้น เลือดอักเสบ หลังจากนี้จะต้องดูแลกรรณไม่ให้ป่วยบ่อย พยายามหลีกเลี่ยงที่ๆมีคนเยอะๆ ทานอาหารให้ครบ 5  หมู่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศถ่ายเทดีๆ โรคนี้พบคนจำนวนน้อยมากที่จะกลับมาเป็นอีก


การป่วยของกรรณ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นที่น่าสนใจของหมออย่างมาก ถึงแม้หมอเองจะรักษาเด็กที่เป็นคาวาซากิมาเยอะ แต่หมอทุกคนบอกว่าเคสของกรรณเป็นเคสปราบเซียนจริงๆ เพราะอาการไม่แสดงออกชัดเจน ภาษาทางการแพทย์บอกว่า เป็นโรคคาวาซากิแบบ ไม่ incomplete คุณหมอถ่ายรูปอาการของกรรณทุกวันเพื่อนำไปสอนนักศึกษาแพทย์ต่อไป และนำไปเข้าที่ประชุมแพทย์เพื่อเป็นกรณีศึกษา หวังว่าเคสของกรรณจะเป็นประโยชน์กับคุณหมอที่กำลังเรียน และเด็กๆรายอื่นๆที่เป็นคาวาซากิ แต่ใจจริงแล้วไม่อยากให้ใครเป็นคาวาซากิแบบนี้เลยค่ะ  ถึงแม้ค่ารักษาจะแพงขนาดไหนนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ชีวิตของลูกเราสำคัญกว่า ความทุกข์ทรมาน เจ็บปวดของลูกนี่สิทรมานใจพ่อแม่เหลือเกิน

สิ่งที่ต้องพึ่งระวังหลังจากนี้คืออาการทางหัวใจ  กรรณยังคงต้องทานยาแอสไพรินไปสักระยะเพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตัน

หวังว่าคงเป็นประโยชน์ หากลูกใครมีอาการลักษณะประมาณนี้ให้รีบหาหมอทันทีเลยนะค่ะ

จากคุณ : angelpui
เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 10:42:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com