รับลูกกลับมาพักฟื้น
15.30 น. เรากลับมาที่ตึกเดิมเพื่อรอเรียกให้เข้าไปอยู่กับลูกในห้องพักฟื้นดูอาการ 1 ชั่วโมง สามีเราขอตัวไปดูหนังสือ เราอยู่กับพ่อแม่สามี อ่านหนังสือได้แค่ 2 หน้าก็ได้ยินประกาศเรียกแล้ว เรารีบเข้าไปเปลี่ยนชุดและวิ่งเข้าไปหาลูกทันที
เค้าหลับสนิทเหมือนตอนที่เราไปส่งเค้า เมื่อไปยืนอยู่ข้างเตียงเค้า เค้าขยับตัวและลืมตามามองหน้าเรา เห็นหน้าเราพ่อคุณก็เริ่มร้องไห้ เราเอาเค้าขึ้นมาอุ้ม ลูกหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่จนครบ 1 ชั่วโมงก็หลับสนิทไป คุณพยาบาลเดินมาดู
"น้องปุญญ์หลับเสียแล้ว ตื่นมั้ยลูก" คุณพยาบาลหันมาพูดกับเรา "คุณแม่ น้องต้องมีสติก่อนที่จะออกไปจากห้องนี้นะคะ ไม่งั้นออกไม่ได้" ทั้งเราและพยาบาลก็ช่วยกันปลุกพ่อตัวดี เค้าตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เราพาเค้าออกจาหห้องพักฟื้น ป่าป๊าของเค้าดีใจที่ได้เห็นหน้าเค้าอีก สามีอุ้มเค้า และเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม เราพาตัวเล็กกลับห้องพักฟื้นตอน 17.00น.
ลูกยังคงง่วงและหลับลึก เราลงไปทานข้าวเพื่อเตรียมพร้อมกับการตื่นมาอีกครั้งของลูก เค้าก็ตื่นลืมตาขึ้นมา เราเอามือลูบหัวลูกอย่างเอ็นดู เค้าหลับไปอีกครั้งตอน 22.00 น.
ตี 1 ลูกเริ่มร้องอีกแล้ว เราอุ้มเค้าพาดบ่ากล่อมให้เค้าหลับ วางลงเตียงก็ร้อง ยาชาที่ฉีดไว้คงเริ่มหมดฤทธิ์แล้ว เรากล่อมจนเค้าหลับสนิท เอาหมอนซุก และห่มผ้าให้ รู้ทั้งรู้ว่าหมอนพันใบผ้าห่มพันผืนไม่ได้อบอุ่นเท่าอ้อมกอดของเรา แต่ก็ต้องกลับไปนอนเพื่อเก็บแรงๆว้ในวันพรุ่งนี้
ตี 3 ลูกร้องอีกครั้ง สามีลุกขึ้นมาเพื่อช่วยดูลูก ลูกไม่เอาใครเลยนอกจากเรา เราอุ้มเค้าให้เค้าหลับ วางลงเตียงก็ร้อง อุ้มและวางอยู่หลายครั้ง จนตี 4 ครึ่ง ร่างกายของเราเริ่มไม่ไหว เรากอดลูกให้แน่นขึ้นพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ช้า ๆ แต่ชัดเจน
"หม่ามี๊รู้ว่าหนูเจ็บนะลูก หนูต้องพักผ่อน หนูได้เตียงที่ใหญ่ที่สุดในห้องนี้ หนูนอนลงที่เตียงนะลูก หม่ามี๊เองก็ต้องพัก เพื่อที่จะได้มีแรงอยู่ดูแลหนูในวันพรุ่งนี้ นอนซะนะลูก แล้วพรุ่งนี้เราพบกันใหม่นะคนดี" วางลงเตียงอย่างแผ่วเบา เค้ายอมหลับตาลงและหลับไปในที่สุด ลึก ๆ แล้วดีใจนะคะ ที่เค้าฟังเรารู้เรื่อง
07.00 น. เราตื่นมาอาบน้ำเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้เราจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอมาดูแผลลูกและบอกให้เราล้างแผลที่ลูกอัณฑะทุกวัน เพื่อป้องกันการหมักหมมและติดเชื้อ หลังผ่าตัดคุณหมอบอกว่าทานอาหารและนมได้ตามปกติ แรกเริ่มให้ทีละน้อย เริ่มจากน้ำก่อน อย่าให้ทีละเยอะ ๆ เพราะระบบในร่างกายยังได้รับผลข้างเคียงจากยาสลบอยู่
10.45 น. เราจ่ายเงินรับยา และออกจากโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลที่เราคิดว่าเป็นอันดับ 1 ของประเทศนี้ หมอเยี่ยม เครื่องมือพร้อม พยาบาลใจดี
กลับบ้านคืนแรกลูกไข้ขึ้นทั้งคืน เราตื่นมาวัดไข้ทุก ๆ 2 ชั่วโมงและเช็ดตัวให้ลูก บ่ายวันนั้นไม่มีไข้ ลูกร่าเริง เดินได้ 4-5 ก้าวและคลานได้ตามปกติ
วันพุธนี้คุณหมอนัดดูแผลลูก เราพาลูกไปทำแผลทุกวัน แผลบวมน้อยลงแล้ว ที่ดีใจที่สุด คือเค้าเป็นเด็กชายที่สมบูรณ์แล้ว (ร่างกายสมบูรณ์) ทานได้เยอะตามปกติ คึกมากเป็นพิเศษ และยิ้มบ่อยขึ้น
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ เราตั้งใจว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณพ่อคุณแม่ที่หาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ จากการที่ได้พาลูกไป Admit เราพบว่า Case ของลูกเรานั้นเป็น Case จิ๊บ ๆ เหลือเกิน เมื่อเห็นเด็กน้อยที่อายุน้อยกว่าลูกเราต้อง Admit และผ่าตัดก่อนลูกเรา เด็กบางคนโตกว่าลูกเราก็มีปัญหาที่รูทวารต้องมีถุงอึแปะอยู่ที่หน้าท้อง ทุกปัญหามีทางแก้ ต้องมีสติให้มาก ทั้งพ่อและแม่ จะต้องร่วมมือกันเพื่อจะผ่านเรื่องราวแบบนี้ไปให้ได้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ