Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
+++++ ไปคลอดมาแล้วจ้า ขอเล่าบ้าง +++++ ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ  จากที่เคยมาตั้งกระทู้เรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับการเจ็บเตือนเมื่อวันที่ 22 ส.ค.

http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N10961024/N10961024.html
จำได้ว่ามีคุณ aunso เคยฟันธงไว้ว่า  “น่าจะคลอดภายในไม่เกิน 10 วัน”  ขอบอกว่า  แม่นมากๆๆ ค่ะ  เพราะว่า  ได้ตกลูก  เอ๊ย!!! คลอดวันที่ 26 ส.ค. ค่ะ

หลังจากมาตั้งกระทู้ถามเรื่องเจ็บเตือนแล้ว  ก็ได้อ่านกระทู้เรื่องการคลอดของคุณ Kulacha.P   ซึ่งเป็นกระทู้ที่เล่าได้อย่างเห็นภาพและฮามากๆ  ทำให้คุณแม่ท้องแรกอย่างเราคลายกังวลไปได้เยอะทีเดียว
ต่อไปนี้บีจะมาขอเล่าเรื่องการคลอดจากประสบการณ์ตรงของตัวเองบ้างนะคะ

เริ่มจากเช้ามืดวันที่ 26 ส.ค. ประมาณตีห้ายี่สิบ  รู้สึกปวดฉี่เลยไปเข้าห้องน้ำ  พอกลับมานอนที่ที่เตียง  รู้สึกว่า “มีน้ำไหลออกมาจากจิ๊มิ๊  พรวดดดดดดดด”  ไอ้เราก็ตกใจ  คิดว่า  นี่ตูฉี่กระปริบหรือ ?  เลยเอามือไปแตะๆ  ที่ก้น  อารมณ์ประมาณว่า  ถ้าปริ๊ดออกมาแค่เล็กน้อย  จะทำมึนๆ  นอนต่อไปจนเช้า  เพราะยังง่วงอยู่  (ซ๊กม๊กเน๊อะ)

แต่พอเอามือไปแตะ  รู้สึกว่ามัน  เปียกกกก  + มากกกก   รู้สึกเอะใจ  ว่า  น้ำเดินหรือเป่า ???  เลยเอามือที่เปียกน้ำที่ปริ๊ด ออกมา “ดม”  ก็ไม่มีกลิ่นอะไร  ตัดสินใจลุกขึ้นมาถอดกุงเกงดูอีกที  พอลุกขึ้นเท่านั้นล่ะค่ะ  มันปริ๊ดดดดดดดด  ออกมาอีกระลอก (ระลอกใหญ่ด้วย)  น้ำเอ่อนองเต็มหน้าขาหน้าแข้ง  ตอนนั้นตกใจมาก  อารมณ์ประมาณนางเอกเรื่องสวรรค์เบี่ยงฉากที่เดินอยู่ในบ้านเช่าแล้วน้ำเดิน (ละครนานไปไม๊เนี่ย)  โดนมีพี่เคนนอนอยู่ที่ศาลานอกบ้าน  แต่บังเอิญพี่เคนในชีวิตจริงของเรา  นอนกรน คร่อกๆ อยู่บนเตียง  เลยปลุกคุณสามีบอกว่า  สงสัยน้ำเดินแล้ว

อิสามีหน้าตาตื่น  ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า  ทำท่าจะแห่ไปโรงพยาบาลเลย  ไอ่เราก็พยายามใช้สติระลึกถึงกระทู้คุณ Kulacha.P  ว่าตอนน้ำเดินแรกๆ จะยังไม่ปวดท้อง.....เอออออ แฮะ!!!!  ยังไม่ปวดจริงๆ ด้วย  ชิลล์มว๊ากกกค่ะ  เลยบอกสามีว่าให้ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน  ส่วนเราจะขอ Make Up  นิดนุงส์  เผื่อมีการชักภาพ  จะได้ไม่โทรมมาก  ระหว่างรอสามี  ก็ลงแป้ง  ทาทินท์ที่แก้ม  และปากเล็กน้อย  พอดูมีเลือดฝาด  กลัวว่าถ่ายรูปมา จะดูแต่งเวอร์เกินไป

ขนของขึ้นรถเสร็จก็โทรบอกแม่ว่ากำลังไปโรงบาลนะ  สายๆ แม่ค่อยตามไปก็ได้  จากนั้นก็เริ่มเดินทางไปโรงบาลกัน  ตอนนั้น  ไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด  แต่ตื่นเต้นมากๆๆๆ    ระหว่างทางอิสามีก็เปิดเพลง “หลบหน่อยพระเอกมา” JR- Voy (ไม่รู้มานไปหามาจากไหน  อย่างเก่าเลย)  พร้อมกับหันมาจับมือและถามว่า
สามี - “ฟังเพลงแล้ว  รู้สึกผ่อนคลายมั๊ยอ่ะ ?”
เรา – “...........................................” (นึกในใจ  เมิงเปิดเพื๊อ อ อ อ อ อ  ?)
อารมณ์ตื่นเต้นจัด  เลยพาลไปหมด ฟังเพลงไรก็ไม่รู้สึกดีขึ้น  จำได้แต่ว่า  นั่งเงียบๆ ไปจนถึง โรงบาล

พอไปถึง โรงบาล  สามีเอารถไปจอดเทียบตรงเวรเปล  ปรากฏว่า  จนท.ไม่ออกมาจากห้องพักเวรเปลอ่ะ  เห็นมีคนยืนเป็นเงาดำๆอยู่ตรงกระจก  ปล.เราลงมายืนรอตรงเวรเปล  ส่วนสามีไปหาที่จอดรถ
จนกระทั่งสามีจอดรถเสร็จเดินมา  จนท.ก็ยังไม่ออกมา   สงสัยเราจะดูชิลล์มากกินไป  คงไม่เหมือนคนเจ็บป่วย  เลยไม่ออกมาดู  สุดท้ายเราเลยเดินไปห้องฉุกเฉินเองเลย  ไปบอกพยาบาลว่า “พี่คะๆ  หนูจะมาคลอดค่ะ”  ระหว่างนั้น  สามีเดินไปที่ทำเรื่องที่เวชระเบียน  รออีกสัก 5 นาที  นั่นล่ะ  เวรเปลถึงจะมาพาไปห้องคลอด

ถึงห้องคลอด ก็ซักถามอาการกันนิดหน่อยและเซนต์เอกสาร  จากนั้นไปตรวจว่าปากมดลูกเปิดหรือยัง  ก็ได้ความว่า  เพิ่งเปิด 1 เซนต์ เอง  เลยโดนเข็นไปนอนที่ห้องรอคลอดตอน 06.30 น.
แน่นอนว่า ไปถึงห้องรอคลอด  จะต้องมีคนที่อยู่ในสถานการณ์รอคลอดเหมือนเรา  ตอนนั้นมีคนรออยู่ 4 คน  รวมเราด้วย  และแน่นอนอีกว่า  จะต้องมีคนนึงที่สร้างความสั่นประสาทให้กับคนที่มารอคลอดคนใหม่อย่างเรา

ยัยคนนั้นเค้าร้องโอดโอยเสียงดังและดูทรมานมากกกกกกกกกกกกกกก  จากที่รังไม่ปวดท้อง  เลยเหมือนจะนอยด์  ปวดหน่วงๆตามไปด้วย    มี จนท.มาใส่อุปกรณ์วัดชีพจรเด็กในท้องและนับการดิ้น   จากนั้นก็นอนใจระทึกกึกกือและก่นด่ายัยคนนั้นอยู่จน 8 โมง  ยัยคนนั้นก็ได้ไปคลอดสักที  โล่งหูไปเยอะ  

8 โมง.  มีให้น้ำเกลือ  และนอนเล่นจน 9โมง  พยาบาลมาควักมดลูกอีก (เจ็บอ่ะ)  ปากมดลูกก็ยังเปิดเท่าเดิม -___-“ สรุปว่าต้องให้ยาเร่งคลอดตอน 9.50   เราก็ยังนึกว่า  ได้เร่งคลอดตอนนี้  แล้วตูจาไปปวดคลอดตอนไหนหว่า ?  อยากคลอดเร็วๆ  ระหว่างนั้น  ก็เริ่มปวดหนึบๆ นิดๆ  แบบทนได้  

ตานี้มาถึงช่วงเวลาที่ทรมานสุดๆ   10.20 น.  อะโหววววว!!!!  ตอนนี้ อาการปวดชัดเจนมาก  อยากจะร้องดังๆ  นึกขอโทษขอโพยคนที่เราก่นด่าในใจ  เพราะ  มันเจ็บจนกลั้นเสียงไว้แทบไม่อยู่   อิสามี ก็นั่งเทศน์  เอ๊ย  บอกว่า  “ต้องทนให้ได้นะ  คนอื่นเขายังทนและผ่านกันมาได้  มันเป็นธรรมดาโลก” (.........................เพื๊อ อ อ อ อ อ )

พอเราเจ็บท้อง  สำหรับเราถ้านอนตะแคง  จะผ่อนคลายความเจ็บไปได้บ้าง  เลยนอนตะแคง  พยาบาลก็มาบอกว่า  ให้นอนหงายตรงๆ  จะวัดการดิ้นของเด็กอีก (ก่อนนั้น  ได้เอาอุปกรณ์วัดการดิ้นออก  เหลือแต่วัดชีพจรเด็ก)  อีตอนโดนบังคับให้นอนหงายนี่ละค่ะ  ทรมานสุดๆ  คราวนี้  มือไม้  จับ  เหนี่ยวอะไรได้  เป็นโหน  เป็นรั้ง กันละ  ทั้งขอบเตียง  หัวเตียง  แขนสามี  

10.40น.  พยาบาลเดินมาบอกว่า  ต้องให้อ๊อกซีเจนนะ  เพราะชีพจรเด็กเต้นช้า  อาจจะต้องผ่า..... โอ๊ววววว!!!  คำว่า “ต้องผ่า”  เหมือนเสียงสวรรค์ค่ะ  นึกในใจ  “ช่วยเอายาสลบมาให้ดมที  ตูอยากผ่าๆๆ  เจ็บไม่ไหวแล้ว”  

11.00 น. เริ่มรู้สึกมีลมปราณอะไรบางอย่างมาตุงที่จิ๊มิ๊  แล้วมันก็อยากจะเบ่งอ่ะ  แต่ตอนนั้นไม่รู้นะคะ ว่านั่น  คือ ลมเบ่ง  พยาบาลก็มาควักมดลูกอีก  ปรากฏว่า เปิดเต็มที่ค่ะ 10 เซนต์   พยาบาลว่า “ไปค่ะ  ไปคลอดกัน”

ไปถึงห้องคลอดก็มองหาขาหยั่ง  แต่  “ม่ายมี” (แต่ในละครมันมีนะ)  พยาบาลให้นอนชันเข่า  และแยกขาให้กว้างงงงงงงงงงง   บอกราว่า  อยากเบ่งให้เบ่งเลย  พอลมเบ่งมาเราก็  เบ่งงงงงงง  พยาบาลก็ช่วยลุ้น
พยาบาล - “อึ้บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”  
เรา – “อึ้บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”
พยาบาล – “คุณแม่อย่ามีเสียงค่ะ”
เรา – “............??..............” (แล้วมา  อึ้บบบบ  นำเค้าไมอ่ะ ?)

เบ่งไป 3 ครั้ง  พยาบาลบอกว่า  เห็นหัวเด็กแล้วนะคะ  เดี๋ยวจะช่วยคลอดค่ะ  ไอ่เราก็ งง  ว่า  ช่วยคลอดคืออะไร  แล้วก็รู้สึกเหมือมีเข็มมาจิ้มที่จิ๊มิ๊    คือ  เขาให้ยาชา  จากนั้นก็  “หงึ่บบบบบ”  2 ที   ตัดฝีเย็บอ่ะ  ตอนนั้นรู้สึกว่ามีเลือดไหลออกอุ่นๆ  จากแผลเลยนะ

พักหายใจสัก 2 นาที  ลมเบ่งมาอีกแล้วจ้า   ก็  เบ่งไปอีก 6 ที  สำเร็จค่ะ  มันเหมือนเบ่งอึก้อนโต  จริงๆ ด้วย  หัวเด็กออกมาแล้ว  เหลือช่วงตัวล่ะ  รู้สึกอึดอัดตรงจิ๊มิ๊มาก  เพราะพยาบาล  จับน้อง”โยกกกกกกก”  พอตัวน้องออกมาได้แล้ว  ก็เป็นอย่างที่เค้าเล่าๆ กันจริงๆ  ว่า ความเจ็บปวดมันหายเป็นปลิดทิ้ง  คลอดเวลา 11.30 น.  เพศหญิง  3260 กรัม

ตานี้ถึงเวลาลุ้นอีกระดับ  “ฉากเย็บแผล”  เป็นอะไรที่กลัวมากๆๆ (คราวนี้ได้ขึ้นขาหยั่งละ) พยาบาลให้ยาฉาไป 1 เข็ม  แต่เขาใช้เวลาเย็บนานจัง  เราขอยาฉาไป 3 เข็ม  กว่าจะเย็บเสร็จ ใช้เวลาราวๆครึ่ง ชม.
นอนพักในห้องคลอดกับน้องจน 13.30 น. ก็ได้ออกมานอนที่ห้องพักหลังคลอด  รอห้องที่จองไว้

ระหว่างพักที่โรงบาล  มีอาการ  นมคัดอย่างแรงง  นมโตเท่าลูกมะพร้าวเลย  พยาบาลก็ใจดี  มานั่งนวดเปิดท่อน้ำนมให้ตั้งนาน  เบานมไปเยอะเลยค่ะ

เป็นประสบการณ์ที่จำไปตลอดชีวิตจริงๆ ค่ะ  และคิดว่าดีแล้วที่คลอดเองได้  เพราะเห็นคนที่ต้องผ่าคลอดใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าคลอดธรรมชาติมาก

ปล.ใช้สิทธิ 30 บาท  นอนโรงบาล 3 วัน  เสียแต่ค่าห้องพิเศษ 3000 ค่ะ  คุณภาพและการให้บริการ  ถือว่า  ดีมากค่ะ  โดยเฉพาะ  การบริการเกี่ยวกับการคลอด  ตอนแรกกลัวมากกว่าคลอดรัฐบาลแล้วบริการจะไม่ดี  แต่ตอนนี้เชื่อแล้วค่ะ ว่า  “โรงบาลรัฐเค้าพัฒนาแล้วจ้า”

ปล.อีกที  สรุปว่า  ที่แต่งหน้ามาโรงบาลเผื่อจะชักภาพหลังคลอดน่ะ  ไม่เป็นไปตามเป้าหมายนะคะ  เพราะ  ตอนที่ปวด เหงื่อแตกพลั่กๆ  เลียปากแพล่บๆ  พอคลอดเสร็จ  ขอกระจกสามีมาส่อง “หน้าเงือกมากกกก”  รู้งี๊  ไม่แต่งหน้ามาก็ดีอ่ะ  เปลืองทินท์ เปลืองแป้ง !!!!!!!!

จากคุณ : สุธิบี
เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 16:53:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com