PANTIP.COM : N11041411 ผลตรวจดาวน์ ความเสี่ยงอยู่ที่ 1:470 น่ากลัวมากไหมคะ []

ความคิดเห็นที่ 13

เราอายุ 33 ปีค่ะ ท้องนี้เป็นท้องที่ 2 ท้องแรกตั้งครรภ์ตอนอายุ 30 ปี คลอดตอนอายุ 31 ปี น้องเกิดมาปกติ และแข็งแรงดี ที่บ้านเราไม่มีใครมีประวัติเป็นดาวน์ แต่มีพี่สาวแม่เราที่มีลูกแล้วลูกออกมาเหมือนจะติ๊งนิดๆ

เมื่อวันพุธเราไปหาคุณหมอตรวจ follow up ตามปกติเป็นประจำเดือนละครั้ง ปรึกษาคุณหมอเรื่องการเจาะน้ำคร่ำ เพราะเราห่วงว่าเราอายุ 33 ปีแล้ว เราฝาก รพ.รัฐนะคะ (ศิริราช) ถามอาจารย์ไปว่าควรเจาะน้ำคร่ำไม๊ อาจารย์ไม่แนะนำอะไรค่ะ แต่ให้แต่ข้อมูลอย่างเดียว

อาจารย์บอกว่าการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาค่าว่าเสี่ยงเท่าไหร่ เป็นเพียง "การคาดเดา" หากความเสี่ยงออกมา 1:1000 คุณแม่ก็จะสบายใจ แต่ผลเลือดดังกล่าวเป็นเพียงการคาดเดาความน่าจะเป็นเท่านั้น ไม่มีใครรับประกันว่าได้ผลเลือด 1:1000 แล้วจะปลอดภัย ลูกไม่ดาวน์ เช่นเดียวกันแม้ผลเลือดจะออกมาว่า 1:100 แต่ก็ไม่ได้แปลว่าลูกคุณจะไม่เป็นดาวน์เช่นเดียวกัน

ค่าใช้จ่ายการเจาะผลเลือดเพื่อตรวจความเสี่ยงอาจารย์บอกว่าค่าใช้จ่ายพอๆ กับเจาะน้ำคร่ำ คือประมาณ 3 พันกว่าบาท

อาจารย์เล่าต่อไปว่า หากเจาะเลือดแล้วผลเลือดออกมาเป็น 1:100 ความกดดัน ความเครียดจะตกที่ตัวคุณแม่แล้ว ว่าลูกจะแข็งแรงไม๊ จะอย่างไรต่อไป จะอุ้มท้องด้วยความกดดัน และเกือบ 100 ทั้ง 100 จะไปเจาะน้ำคร่ำต่อไป

การเจาะน้ำคร่ำเป็นการตรวจว่าดาวน์หรือไม่ ซึ่งผลที่ได้มีความเชื่อถือได้เกือบ 100% โดยดูจากโครโมโซม แต่การนำเข็มยาวๆ ใหญ่ๆ เจาะเข้าไปในครรภ์ก็มีความเสี่ยงเรื่องแท้ง ไม่ใช่ไม่เสี่ยง โดยมีความเสี่ยงว่าจะแท้ง 0.5% ถุงน้ำคร่ำของแม่แต่ละคนไม่เหมือนกัน หากเจาะถุงน้ำคร่ำไปแล้วเกิดอาการรรั่ว โดยผู้ป่วยอาจมีถุงน้ำคร่ำที่บาง หรือมีปัญหา ก็มีความเสี่ยงที่จะแท้งได้

ตอนนี้เราอายุครรภ์ 15 weeks 5 days ค่ะ อาจารย์บอกหากเราจะเจาะเลือด หรือเจาะน้ำคร่ำ ต้องทำช่วงนี้เลย คือภายในอาทิตย์นี้ เพราะหากโชคร้ายน้องมีความเสี่ยง ก็จะต้องมาคุยเรื่องการยุติการตั้งครรภ์ทันที

อาจารย์พูดต่อไปว่า แต่ถ้าคุณแม่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และมีประวัติว่าในครอบครัวมีพี่น้องที่เป็นดาวน์ฯ คุณหมอจะให้ข้อมูลไป และให้ไปปรึกษาคนในครอบครัวว่าจะเจาะน้ำคร่ำหรือไม่ ส่วนตัวของเราคนในครอบครัวไม่มีใครเป็นดาวน์ และอายุเราไม่ถึง 35 ปีที่อยู่ในความเสี่ยง อาจารย์ก็เลยไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้เราตั้งแต่แรก

เราถามอาจารย์ว่าถ้าวันนี้เราไม่พูดเรื่องเจาะน้ำคร่ำ อาจารย์จะให้ข้อมูลเรื่องนี้กับเราหรือเปล่า อาจารย์ตอบว่าไม่ให้ค่ะ เพราะอย่างที่บอกตอนแรกว่าดูจากประวัติของเรา ไม่มีความเสี่ยง และหากหมอทุกคนให้ข้อมูลเรื่องเจาะน้ำคร่ำกับคุณแม่อายุ 30 ขึ้น และเช็คจากประวัติแล้วไม่มีความเสี่ยง โรงพยาบาลจะเกิดความโกลาหลมาก เพราะปัจจุบันคุณแม่ส่วนใหญ่ในปัจจุบันอายุจะ 30 ขึ้นทั้งนั้น และจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอย่างมหาศาล

ดังนั้นอาจารย์มีหน้าที่ให้ข้อมูล ส่วนจะเจาะหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง เพราะตัวเรา และลูกเรา ให้ไปปรึกษาคนในครอบครัวได้ และมาลงนัดรับเจาะน้ำคร่ำภายในอาทิตย์นี้

เราพยายามขอคำแนะนำ คุณหมอบอกว่าไม่สามารถให้คำแนะนำได้ เพราะหากคุณหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องเจาะน้ำคร่ำหรอก แล้วเกิดลูกคลอดออกมา คนไข้ก็จะโทษคุณหมอได้ว่า ตอนนั้นทำไมคุณหมอไม่ให้เจาะ เห็นไม๊คะลูกหนูเป็นดาวน์ หรือถ้าแนะนำให้เจาะ แล้วเกิดภาวะแท้งคุกคาม เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และหากเกิดเสียลูกไป ก็จะโทษหมออีกเช่นกันว่าให้เจาะทำไม เห็นไม๊คะหนูแท้งเลย

ดังนั้นคุณหมอมีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่กลุ่มที่มีความสุ่มเสี่ยงอย่างเดียวค่ะ แต่ไม่มีสิทธิ์แนะนำ หรือชี้แนะ ส่วนตัวเราเข้าใจอาจารย์นะคะ เราเล่าให้สามีฟัง สามีก็เข้าใจอาจารย์ และในวันนั้นเราก็บอกกับอาจารย์ไปว่าเราไม่ตรวจค่ะ เราตัดสินใจแล้ว

ตอนนี้ก็ปล่อยวางค่ะ ทำแต่ความดี ทำบุญ ส่วนตัวเราไม่เครียดอยู่แล้ว แค่อยากตรวจให้สบายใจเท่านั้น แต่ถ้าไม่ตรวจ เราก็ไม่ได้เครียด หรือไม่สบายใจอะไร ก็ปล่อยวางค่ะ

จากคุณ : กิ่งทองใบหยก

เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 16:17:39