ความคิดเห็นที่ 1 บ้านเราคงเป็นไปได้ยาก ด้วยเงื่อนไขหลายๆด้าน อันดับแรกคือจำนวนครูที่เก่งและมีคุณภาพ ใจรักอยากเป็นครูจริงๆ เพราะบ้านเราไม่ได้ให้ค่าตอบแทนครูในจำนวนที่น่าสนใจ จนใครๆก็อยากเป็น และการเป็นครูต้องมีจิตใจที่รักในการเป็นครูด้วย ไม่ใช่ใครๆก็เป็นได้ จากคุณ : เกิดมา 4 โล 1 เจ็ดสิบ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 11:09:35

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องระบบการศึกษา ประเทศฟินแลนด์ แทบจะเป็นโมเดล ที่นักบริหารการศึกษาต้องไปดูงานกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กระทรวงศึกษาของประเทศไทย เห็นมาตั้งแต่หลายปีที่แล้วละค่ะ พากันไปดูงานฟินแลนด์อยู่นั่นแหล่ะ แต่จนบัดนี้ ไม่รู้ที่ได้ไปเป็นพวกรางวัลใกล้เกษียณรึเปล่า.. ระบบการศึกษาไทยมันถึงแปลกๆ พิกลพิการไปได้เรื่อยๆ ทำใมไปดูที่เค้าเรียนดีๆสนุกๆ ป่านนี้เด็กไทยยังมีการบ้านแบกกลับมาบ้านอยู่ทุกวัน ถ้าคุณครูสอนดีๆ ไม่ต้องมีการบ้านกลับบ้านหรอกค่ะ ทำทุกอย่างให้จบที่โรงเรียน... ที่บ้าน คือที่พ่อแม่ลูก คนในครอบครัว ได้ทำกิจกรรมอื่น ไปเดินเล่น ทำกับข้าว พูดคุยกัน ... ไม่ใช่เด็กต้องทำการบ้านอยู่ได้ ทำใมไปดูที่เค้าเรียนดีๆสนุกๆ เด็กไทยยังแบกหนังสือเข้าเป้ วันละไม่ต่ำกว่า สามสี่กิโล จะมีไอแพด แท๊บเล็ตให้เด็ก ป.1 ก็มีไป แต่ต้องโหลดหนังสือใส่เท่านั้น เพื่อเด็กจะไม่ต้องแบกหนังสือให้ไหล่ทรุแค่นั้นเองด ทำใมไปดูที่เค้าเรียนดีๆสนุกๆ แต่กระทรวง ยังให้คุณครูทำหน้าที่อื่นนอกเหนือจากการสอน จนแทบไม่ได้เตรียมการสอนหรือพัฒนาตัวเอง ต้องทำผลงานเพื่อเลื่อนขั้น แต่เด็กไม่ได้อะไรเลย ทำใมไปดูที่เค้าเรียนดีๆสนุกๆ แต่บางโรงเรียนเด็กล้นห้อง ไม่มีงบจ้างครูเพิ่ม แต่มีเงินให้กับโครงการไร้สาระต่างๆมากมาย ผลาญเงินภาษีเล่นไปวันๆ ห้องสมุดที่ควรจะมีหนังสือดีๆ กลับเอาเงินไปซื้อระบบดักทางเข้าออก แสนสองแสนจ่ายได้ ใช้ได้สองเดือนระบบเจ๊ง ต้องซ่อมอีกเป็นแสน ก็ปล่อยพังไว้งั้น แทนที่จะมีหนังสือดีๆให้เด็กอ่านแทน ระบบเน่าๆ จะต้องมีรถตู้ใหม่ๆให้สมกับหน้าตาของ ส.... ทุกเขตพื้นที่ ทำโครงการหาเงินหารายได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่ใช่โรงเรียนในประเทศไทยไม่ดี มีดีเยอะ คุณครูที่พยายามสอนดีๆก็มีเยอะ แต่มันไม่ดีที่ระบบ และคนที่อยู่ข้างบนค่ะ สักแต่ว่าสั่ง ทำแผน ทำนู่นทำนี่ชนกัน ไปดูงานก็จับแพะชนแกะ  คนนู้นทำนู่น คนนี้ทำนี้ ทำไปทำมา คนรับผลกรรมคือเด็กๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลังดี หลักสูตรมั่วไปหมด แค่นี้พอ กับการบ่นกระทรวงศึกษาธิการ (บ่นเยอะเวิ่นเว้อจริงๆ อิชั้นนี่) ปล.ไม่ได้อยู่ในกระทรวงค่ะ แต่บ่นในฐานะของแม่ของลูกสาว เครดิตภาพ http://alangregerman.typepad.com/surrounded/2009/11/index.html จากคุณ : flower over the moon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 11:34:36

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ กับแนวความคิดในการพัฒนาคน เพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 11:35:36

ความคิดเห็นที่ 4 ดีมากๆคะ เด็กๆ จะไม่มีการบ้านคะ ไม่มีการสอบ จนถึงอายุ 16 เขามุ่งหวัง กระตุ้น ให้เด็กไปเรียน เพราะเด็กเกิดความอยากรู้ อยากเรียน ไม่ใช่เพราะโดนบังคับ หรือเพื่อคะแนน เกรด หรือ factor อื่นๆคะ เด็กที่นั่นแทบไม่สนใจว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ เกรดเท่าไหร่ สอบตก ก็สอบซ่อมได้อีก 5 ครั้ง เด็กได้ทำกิจกรรมเต็มที่ ค้นหาตัวเอง แต่คนเขาน้อย รัฐบาลเขาพร้อม มีเงินสนับสนุนเต็มที่ ญี่ปุ่นพยายามจะปรับโมเดลของตัวเองให้เป็นแบบฟินแลนด์ แต่ทำไม่ได้ เขาบอกเลยว่ายังทำไม่ได้ เพราะติดเรื่องค่านิยม การแข่งขัน และอีกหลายๆอย่าง สิงคโปร์ก็เป็นอีกประเทศที่คะแนนสูงพอๆกับฟินแลนด์เลยคะ แต่ระบบการศึกษาเป็นแบบเข้มงวดมากกกก คนละขั้วกับฟินแลนด์ จากคุณ : หมูหัน เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 11:43:28 A:124.122.20.114 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 5 เค้ารับเด็กต่างด้าว เอ้ยไม่ใช่ค่ะ ต่างประเทศเข้าเรียนหรือเปล่าคะ เคยได้ยินฟินแลนด์ เป็นต้นแบบโทรศัพท์มือถือโนเกียหรือเปล่าคะ (ถ้าจำผิดต้องขออภัยค่ะ) จากคุณ : pinmai เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 12:32:37

ความคิดเห็นที่ 6 ^ เขารับเด็กต่างด้าว (เอ้ยย ต่างชาติคะ) เรียนฟรีด้วย เพราะถือว่าเขาให้โอกาสทางการศึกษากับเด็กเท่าๆกัน ไม่่ว่าจะมาจากไหน โรงเรียนนานาชาติฟรีก็มีคะ จากคุณ : หมูหัน เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:50:28 A:124.121.177.136 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่คะ Nokia เป็นของฟินแลนด์ เดิมเป็นบริษัทผลิตกระดาษ Angry Birds ก็เป็นของฟินแลนด์เหมือนกัน เช่นเดียวกับ Linux และอื่นๆอีกมากมาย จากคุณ : หมูหัน เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:51:34 A:124.121.177.136 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 8 แชร์ในฐานะที่อยู่ฟินแลนด์และเคยฝึกงานเป็นครูอนุบาลที่ฟินน์ค่ะ ว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลของเด็กประถม แต่เมื่อเด็กขึ้นมัธยมต้นและปลายก็ยังมีการสอบคะข้อสอบก็ปกติออกใครออกมัน แต่เมื่อจบมัธยมปลายจะต่อมหาวิทยาลัยก็จะมีการสอบ น่าจะเป็นแบบระบบเอนทรานซ์แบบบ้านเราที่เคยมีคะ ที่ฟินน์ระบบต่างๆเค้าดีมากไม่ค่อยมีการคอรัปชั่นโกงภาษีก็ยาก คือจะทำงานคุณต้องมีบัญชีธนาคาร มีเลขที่ผู้เสียภาษี(เราเห็นคนต่างชาติที่มาทำงานต้องไปขอบัตรนี่ก่อน แต่ของเรามันเข้าระบบอัตโนมัติเลย หุหุ) รับเงินมาหักภาษีก่อน หักเกินคืนกลับปลายปี ไม่พอเรียกเก็บเพิ่ม(แจ้งให้รับทราบตัดบัญชีธนาคารที่ผูกไว้ กรณีคืนเช่นกัน เข้าบัญชีธนาคารเลย) ตอนฝึกงานที่อนุบาลครูบอกว่ารายได้ไม่มากคนส่วนใหญ่ใจต้องรักถ้าคุณสนใจต้องไปเรียนแล้วก็บอกกี่ปีๆๆ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงคือเด็กที่นี่ห้ามตี(ตามกฎหมาย) ดังนั้นเจอเด็กร้ายร้ายมากๆ ครูก็ใจเย็นได้เราเจอหลายหนมากยังปรี๊ดเลยทำไรไม่ได้ อิอิ อนุบาลที่นี่เหมือนที่รับเลี้ยงเด็กเวลาพ่อแม่ไม่มีเวลาเท่านั้น คือ ถ้าวันนี้พ่อหรือแม่เค้าทำงานไม่เต็มวันเลิกเที่ยงเค้าก็มารับลูกเที่ยง หรือเข้าสายก็ส่งสายรับเย็นจะมีตารางเวลาต่ออาทิตย์ของเด็กๆเขียนติดไว้ เด็กมาเช้าตรู่ตั้งแต่ 6 โมง ถ้าในกลุ่มมาคนเดียวครูจะต้องมาด้วยเช่นกัน อย่างที่ทำอยู่ เด็กมี 21 ครูประจำ 3 ครูที่เข้างานไวก็กลับเร็วไป พอประมาณเกือบ 8 โมงเช้าเด็กก็จะทานอาหารเช้าที่เตรียมให้ พอ 9 โมง-9โมงกว่าก็ออกไปเล่น ประมาณ ชม ชม.ครึ่งเข้ามาใหม่ ให้เล่นข้างใน(ของเล่นเสริมพัฒนาการเพียบ) ถ้าไม่เล่นก็มีหนังสือให้เปิดอ่าน(ส่วนใหญ่ดูรูป กับให้ครูอ่านให้) ระบายสี ตัดแปะทำอัลบั้ม หรือไม่ก็เย็บปัก รอทานข้าวเที่ยงประมาณ 11 โมงครึ่ง พอทานเสร็จก็เข้านอนตื่นประมาณบ่ายโมงครึ่ง-บ่าย 2 ทานของว่างต่อ เล่นในบริเวณตามสบายแต่บ่าย 3ก็อาจจะเริ่มออกไปเล่นข้างนอกอีก วนเวียนอย่างนี้ ข้างนอกก็มีต้นไม้ กะบะทราย ชิงช้า และอุปกรณ์ให้เล่นไปตามเรื่อง ไม่ได้สอนหนังสือเลย แต่สิ่งที่แปลกคือ เด็กเกือบทุกคนสามารถเขียนชื่อตัวเองพร้อมทั้งออกเสียงสะกดแต่ละตัวได้ บางคนสามารถอ่านได้หมดเลย แถมตอนเด็กกินข้าวจะมีวินัยมากโดยที่เค้าเอาแก้วน้ำจานอาหารของตัวเองไปนั่งทานที่โต๊ะและนำมาเก็บที่เดิม คนที่ไม่ต้องการทานมากก็จะบอกตั้งแต่ตักว่าขอน้อยๆ  การเล่นข้างนอก ฝนตกฟ้าร้อง หิมะตก ก็จะออกไปเล่นข้างนอก(ถ้าตกไม่หนัก) แต่จะมีชุดที่เหมาะสมที่ผู้ปกครองใส่กระเป๋าไว้ให้ และเด็กจะแต่งตัวเองโดยอาจจะขอความช่วยเหลือบางครั้ง แต่ก็มีนะคะเด็ที่งอแงไม่ยอมแต่งตัวต้องจับปล้ำแต่งมั่งแต่เค้าก็ออก และเนิร์สเซอรี่เด็กเล็ก (แปดเดือนขึ้นไปจนถึงสามขวบก็มีแต่จะมีน้อยมาก) เพราะที่นี่อนุญาตให้แม่ลางานโดยรับเงินเดือนไม่เต็ม (ได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับหน่วยงานและงานไป) ได้ถึง 3 ปี โดยที่หลังจาก3ปีกลับไปทำงานตำแหน่งเดิมได้ตามเดิมคะ แต่แม่หลายท่านก็ไม่หยุดตรงนี้เลยสามารถนำไปฝากเนิร์สฯได้แต่เค้าจะไม่ได้เงินส่วนเลี้ยงดูลูก(ได้จนเด็กอายุ 3 ขวบ) เพราะเนิร์สฯและ/หรืออนุบาลของที่ฟินน์เป็นของรัฐไม่ต้องเสียเงินคะ แต่ก็มีของเอกชนเช่นกันต้องจ่ายตังค์ เงินค่าเลี้ยงดูก็อาจจะได้นิดหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละเมืองจะมีรายละเอียดยิบย่อยที่ไม่เหมือนกันคะ เราอยู่ที่นี่บอกเลยว่าชอบสวัสดิการของที่ฟินน์มาก แม่และเด็กคือความสำคัญลำดับต้นๆของเค้าเลย ไม่เคยเสียตังค์เกี่ยวกับลูกตั้งแต่ท้อง ได้กล่องของใช้ลูกกล่องใหญ่(ถ้าไม่เอาเปลี่ยนเป็นตังค์แทนได้) ค่าคลอดไม่ว่าจะผ่าหรือคลอดไม่เสีย(เสียตังค์ค่าห้อง+อาหาร 4 มื้อ วันล่ะ 32 ยูโร) คลอดมาก็ได้รับแจกกล่องของขวัญเล็กๆอีก 2 กล่องแบบมีแพมเพิร์ส ครีม ออย อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับทารกอีก วัคซีนฟรีทุกอย่าง IPD+rota ด้วยค่ะ บอกแม่ๆในชานเรือนให้อิจฉาเล่นๆ อิอิ อ๋อ ลืมเล่าตอนฝึกงานทุกๆวันพฤหัสต้นเดือนในกลุ่มที่ไปฝึกจะมีการพาเด็กเดินป่าค่ะ เค้าพาเดินไปไกลพอสมควรวันนั้นผู้ปกครองจะเตรียมอาหารให้เด็กใส่กระเป๋าไว้ด้วย เดินทางประมาณ 8โมงครึ่ง เที่ยงกลับกลุ่ม ทานกลางวันที่กลุ่ม ถึงป่าเค้าก็ให้เด็กวิ่งเล่นตามสบายใครจะลากไม่จะนอนจะกลิ้งตรงไหนก็ตามสบาย เค้าเลือกที่โปร่งซะส่วนใหญ่แต่ก็มีบ้างที่เด็กจะวิ่งเข้าที่รกต้นไม้สูงๆก็คอยดูกันไป และก็จะมีอาทิตย์ที่รวมเด็กฟังดนตรี และก็วันที่เด็กจะไปโรงยิมของนักเรียนชั้นประถมค่ะ เราฝึกงานเรายังคิดตลอดเลยว่าทำไมที่ไทยไม่เป็นแบบนี้มั่งมีแต่เรียนๆๆๆ กลับจากเรียนประจำยังไปเรียนพิเศษอีก ปิดเทอมก็ยังไปเรียนติวกันอีก เฮ้ออออออ จากคุณ : piyapen1 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 03:42:14