ความคิดเห็นที่ 1 รายละเอียดเรื่องCODE สำหรับอ่านเพิ่มเติมนะคะ หลักเกณฑ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เขียนโดย พญ. ศิริพัฒนา ศิริธนารัตนกุล   International Code of Marketing of Breastmilk Substitutes การแข่งขันระหว่างนมผสมกับนมแม่ เป็นการแข่งขันระหว่าง ผลกำไรกับสุขภาพของเด็กโดยมีความเจ็บป่วย ความเป็นความตายของเด็ก เป็นเดิมพัน         “บริษัทนมผสม  ยิ่งขายนมผงได้กำไรมากขึ้นเท่าไร  เด็กๆยิ่งได้รับนมแม่น้อยลงไปเท่านั้น”         “นมผสมขายได้ยิ่งมากเท่าไร  สุขภาพของเด็กยิ่งถูกลดทอนลงมากเท่านั้น” บุคลากรด้านการแพทย์จะเลือกอยู่กับฝ่ายใดของการแข่งขัน? การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีความเกี่ยวข้องกับ การตลาดของอาหารทารกอย่างไร?         มีปัจจัยมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการที่แม่คนหนึ่งจะตัดสินใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ เรื่องของขนบประเพณี  ความเชื่อของคนในครอบครัว ข้อมูลที่แม่ได้รับจากสื่อและสิ่งแวดล้อมรอบตัว             ลองหลับตานึกดูว่า ใน  สัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบเห็น อ่านหรือได้ยิน การส่งเสริมให้ทารกได้กินนมแม่กี่ครั้ง    และได้เห็น อ่าน ได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับนมผงเลี้ยงทารกกี่ครั้ง คำตอบที่ได้ทำให้เรารู้ว่า   ความรู้เกี่ยวกับนมแม่ไม่สามารถแข่งกับการให้ข้อมูลของนมผงเลย ทั้งๆที่การให้นมแม่มีประโยชน์มากมาย แต่การส่งเสริมการขายของนมผงใส่ข้อมูลให้แม่ๆตลอดเวลาว่านมผงมีสารอะไรบ้าง ทั้งๆที่นมแม่เป็น ต้นแบบ ให้นมผงเหล่านี้เลียนแบบและนมแม่มีสารอื่นๆอีกมากที่นมผงไม่มี แต่การโฆษณาทำให้แม่ไม่มั่นใจในน้ำนมของตนเองและพร้อมจะเปลี่ยนไปให้นมผงได้ตลอดเวลา               การโฆษณานมผงจึงเป็นเหตุหนึ่งที่ให้ทำให้เด็กๆของเราได้รับนมแม่น้อยลง  เด็กๆจึงเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้นเพราะขาดภูมิคุ้มกันที่มีในน้ำนมแม่               การตลาดอาหารเด็กและทารก  เช่นการแจกตัวอย่างฟรี และการส่งเสริมผลิตภัณฑ์โดยรูปแบบอื่นๆ ทำให้การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทำได้ยากขึ้น ทางองค์การอนามัยโลก และ กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) จึงได้กำหนด  “หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับเด็กและทารกและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง” ขึ้น และได้รับมติเห็นชอบจากสมัชชาสาธารณสุขโลก ในปีค. ศ. 1981                 หลักเกณฑ์นี้ให้มีการจำหน่ายนมผงได้ แต่จะต้องไม่มีการส่งเสริมและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้  ไม่มีการให้ตัวอย่างนมผสมฟรีแก่แม่ แม่จะได้เริ่มให้นมแม่ได้ง่ายขึ้น และสุขภาพของเด็กทารกจำนวนมากจะดีขึ้น                         ข้อกำหนดของหลักเกณฑ์นานาชาติ หมวด  1  ความมุ่งหมาย :     ต้องการให้ทารกได้รับอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าอย่างเพียงพอ  โดย การปกป้อง ส่งเสริม และสนับสนุน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่    โดยมีการควบคุมกำกับด้านการตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่ หมวด 2  ขอบเขต     :  ใช้กับการตลาด และการดำเนินการเกี่ยวกับอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง   1.นมดัดแปลงสำหรับทารก อาหารทารก 2.นมดัดแปลงและอาหารสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็ก 3.อาหารเสริมสำหรับทารก และเด็กเล็ก 4.อาหารอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้กับทารก   หรือใช้ร่วมกับขวดนมสำหรับเด็ก 5.ภาชนะบรรจุ ขวดนม จุกนมยาง หัวนมหลอก       หลักเกณฑ์ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่ทุกชนิด หมวด 3 นิยาม หมวด 4 ข้อมูลการให้ความรู้     ข้อมูลเกี่ยวกับการให้อาหารทารกและเด็กเล็ก เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล    และข้อมูลที่ให้แม่ต้องเป็นความจริง เช่น แม่ต้องรู้ว่าหลังจากให้ลูกกินนมผสม จะเปลี่ยนให้ลูกกลับมากินนมแม่ได้ลำบาก การบริจาคอุปกรณ์หรือสื่อ เอกสารที่เป็นข้อมูลความรู้ ต้องไม่มีชื่อทางการค้า หรือเครื่องหมายทางการค้าของผลิตภัณฑ์ หมวด 5  การส่งเสริมในที่สาธารณะ        ห้ามทำกิจกรรมโฆษณาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาในสื่อสารมวลชน การแจกใบปลิวในร้านขายยาหรือ ห้างสรรพสินค้า        ไม่มีการแจกจ่ายตัวอย่าง การจัดซุ้มแสดงผลิตภัณฑ์เป็นพิเศษ เช่น มีเสียงเทปโฆษณาที่ชั้นวางสินค้า  แจกคูปองลดราคา         ห้ามพนักงานการตลาดติดต่อกับหญิงตั้งครรภ์ มารดาของทารกและเด็กเล็ก หมวด 6 สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข -ไม่มีการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ในระบบบริการสุขภาพ   ไม่มีการตั้งแสดงผลิตภัณฑ์ โปสเตอร์ ปฏิทิน หรือสิ่งอื่นๆ  เช่น สมุดโน้ต นาฬิกา - ไม่ควรอนุญาตให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รับจ้างเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย -สถานบริการสาธารณสุขต้องไม่รับบริจาคผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่ (ตามหมวด 2 )ส่วนการบริจาคให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า กระทำได้ โดยรับเพื่อใช้สำหรับทารกที่ต้องการจริงๆเท่านั้น -เครื่องมือหรือสิ่งของอื่นๆ ที่บริจาคให้ระบบบริการสุขภาพ ต้องไม่มีชื่อทางการค้าของผลิตภัณฑ์บนเครื่องมือนั้นๆ หมวด 7 บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข -การให้ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ในขอบเขตของหลักเกณฑ์ แก่บุคลากรทางการแพทย์ ทำได้เฉพาะข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นความจริง และต้องไม่ใชการโฆษณา - ห้ามแจกของกำนัลแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข  เพราะ การแจกจ่ายของเป็นการแสดงอย่างชัดเจนว่าเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์   -การแจกตัวอย่างสินค้า ทำได้เฉพาะ เพื่อการประเมินผลทางการแพทย์หรือ เพื่อการศึกษาวิจัยแก่บุคลากรภายในโรงพยาบาล -การสนับสนุนแก่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข ต้องกระทำโดยเปิดเผย -การสนับสนุนทางการเงินต้องไม่สร้างความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ หมวด 8 พนักงานบริษัทผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่าย    - ยอดขายต้องไม่นำไปประกอบการพิจารณาค่าตอบแทนพิเศษ  เพราะการเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนน้ำนมแม่ มีผลทำให้จำนวนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดลงโดยอัตโนมัติ   - พนักงานการตลาดต้องไม่ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่หญิงตั้งครรภ์ หมวด 9 ฉลาก     ฉลากต้องระบุข้อมูลที่จำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง และต้องไม่ขัดขวางการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่       ภาชนะบรรจุแต่ละใบจะต้องมีข้อความ ที่ชัดเจน อ่านเข้าใจได้ง่าย  พิมพ์บนภาชนะบรรจุ หรือพิมพ์บนฉลากซึ่งติดไว้บนภาชนะอย่างแน่นหนา  และต้องเขียนด้วยภาษาที่ใช้อยู่ในประเทศนั้นๆด้วย     ข้อความจะต้องประกอบด้วย “ ข้อสังเกตที่สำคัญ” (Important notice)  “ คำเตือน” (Warning)  เพื่อช่วยเรียกความสนใจในข้อความที่บ่งบอกคุณค่าที่เหนือกว่าของการเลี้ยงลูกด้วนนมแม่    -ไม่มีรูปทารก หรือภาพและข้อความที่อาจสื่อให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ทดแทนนมแม่เป็นสิ่งดีเลิศ ห้ามใช้คำว่า “humanized” หรือ “maternalized” หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงคำดังกล่าว  -ฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารที่อยู่ในขอบเขตของหลักเกณฑ์ จะต้องระบุสิ่งต่อไปนี้ด้วย 1.สารอาหารที่นำมาใช้  ( Ingredients) 2.สัดส่วนของส่วนประกอบ และการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ 3.วิธีการเก็บรักษา 4.หมายเลขผลิตภัณฑ์ และวันหมดอายุ หมวด 10 คุณภาพ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ต้องมีมาตรฐานสูงเป็นที่ยอมรับ ผลิตภัณฑ์อาหารต้องได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ใน  Codex Alimentarius Commission หมวด 11  การนำไปปฏิบัติ และการตรวจติดตาม ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ จะต้องรายงาน สิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เจ้าหน้าที่การตลาดต้องได้รับการฝึกอบรม เพื่อให้รู้เนื้อหาของหลักเกณฑ์นานาชาติ และหน้าที่ความรับผิดชอบ จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 12:49:08

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะไอ้นมผงนี่รึเปล่า ทำให้เด็กไทย iq เฉลี่ยต่ำเตี้ยลงทุกวัันๆ จากคุณ : เห้ออ ไทยแลนด์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 13:15:47 A:124.122.20.114 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะคนไทยหาเช้ากินค่ะ ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเองค่ะ ต้องให้คนอื่นเลี้ยง จึงต้องใช้นมขวด บวกกับส่วนมากคิดว่าการทานนมขวดดี อุดมสมบูรณ์ น่ารักจั้มม่ำค่ะ จากคุณ : cindychu เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 13:25:55

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนตัวแล้่วไม่ได้อยากให้ลูกกินนมผงนะคะ แต่ว่าเราไม่มีน้ำนมจริงๆค่ะ ตั้งแต่คลอดลูกเลย ปั๊มได้มากที่สุดไม่เกิน 2 ออนซ์ค่ะ กินทุกอย่างที่คนอื่นบอกว่าเป็นยาบำรุงน้ำนมทำยังไงก็ไม่มีน้ำนมจริงๆค่ะ จนกระทั่ง ปจด มาทำให้น้ำนมหายไปเลย ปั๊มแล้วก็ไม่ออก แล้วที่สำคัญลูกไม่ดูดเต้าเลยค่ะ ไม่เคยมีแม้แต่อาการคัดนม เราก็เลยต้องเลือกให้ลูกกินนมผง ทั้งที่ตั้งใจมากว่าจะเลี้ยงให้เป็นเด็กนมแม่ โดนคนรอบข้างหาว่าเราไม่พยายาม หาว่าไม่อดทน ทำไมถึงคิดว่าเราไม่อดทนละคะ เราเป็นแม่ เราอยากให้ลูกเราได้รับแต่สิ่งดีๆนะคะ แต่จะทำไงได้น้ำนมมันไม่มีจริงๆ คิดแล้วได้แต่เศร้า T_T อิจฉาแม่ๆที่มีนมให้ลูกกินกัน จากคุณ : nongnamka เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 13:38:16

ความคิดเห็นที่ 5 คุณแม่ Nongnamka ไม่ต้องเสียใจนะคะ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคุณแม่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ แต่สาเหตุที่แท้จริงไม่ใช่คุณแม่ไม่มีน้ำนม แต่เพราะที่รพ.ชงนมผสมใส่ขวดให้ลูกทาน ลูกก็อิ่มไม่ค่อยดูดกระตุ้น น้ำนมก็จะมาช้าค่ะ ยิ่งใครเจอพยาบาลที่เอาง่ายเข้าว่า ป้อนขวดเลย คุณแม่นอนพักที่ห้องเลยนะคะ กลับบ้านลูกก็จะยังดูดไม่ค่อยเก่งค่ะ พอกลับบ้านไป ลูกมาเจอนมแม่แล้วก็ออกอาการหงุดหงิด ที่จริงไม่ใช่เพราะน้ำนมไม่พอ แต่ลูกติดจุก อยากให้นมไหลไวๆ ค่ะ บางคนกัดแม่อีกเพราะคิดว่าต้องกัดให้จุกยางบิด น้ำนมก็ไม่ไหล รพ.แจกนมผงมาให้ด้วยหรือเปล่าคะ (บางรพ.แจกขวดด้วยซ้ำค่ะ ผิดโค้ดนมนะคะ) ห้ามแจกตัวอย่างนมผงเด็ดขาดเพราะพอแม่ลังเล แม่จะเปลี่ยนมาให้กินนมผงทันที ลูกก็จะติดจุกมากขึ้น น้ำนมก็ลดลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะไม่พยายาม ไม่อดทน ตรงนี้เข้าใจมากๆ ค่ะ ว่าไม่ใช่ความผิดของแม่ค่ะ เป็นกำลังใจนะคะ ดังนั้นอย่ารู้สึกผิดค่ะว่าตนเองไม่มีน้ำนม แต่เป็นเพราะลูกติดจุกและเจอนมผงที่แจกมาด้วย จึงทำให้การให้นมแม่ไม่รบรื่น หากมีการควบคุมตรงจุดนี้ เด็กไทยจะได้นมแม่มากขึ้นค่ะ แม่ที่อยากให้นมแม่ก็จะได้ให้นมแม่สมใจค่ะ จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 14:02:01

ความคิดเห็นที่ 6 @คุณ Narcosis โรงพยาบาลสนับสนุนนมแม่ค่ะ แต่ว่าตอนคลอดลูกมีปัญหาค่ะ ลูกสำลักน้ำคร่ำ แล้วต้องให้ยาฆ่าเชื้อถึง 10 วันเลยค่ะ เราผ่าคลอดด้วย และตึกที่ลูกอยู่กับตึกที่เราอยู่มันห่างกันด้วยค่ะ เลยทำให้ไปดูแลลูกลำบากค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : nongnamka เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 14:09:29

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่เป็นไรค่ะ เรามาตั้งหลักกันใหม่ ที่ผ่านมาคนไทยโดนฝรั่งครอบงำมาหลายสิบปี จนเราเชื่อฝึงหัวกันว่า "นมชั้นไม่พอให้ลูกกิน" การจะลบความเชื่อที่อันตรายนี้ออกจากความคิดคนไทยไม่ใช่เรื่องง่ายๆแต่คงไม่ยากเกินความรักที่มีต่อลูกน้อยของแม่ๆในห้องชานเรือน เริ่มจากง่ายๆก่อน 1.ยื่นชื่อเสนอกฏหมายคุ้มครองการตลาดนมผงที่ไร้จริยธรรม ทำให้เด็กไทยไม่ได้กินนมแม่ >> ส่งสำเนาบัตรปชช. และทะเบียนบ้าน รับรองสำเนา เขียนว่า "เพื่อยื่นเรื่องถึงรัฐบาล คัดค้านการตลาดนมผง" วงเล็บ CODE ที่มุมซอง ส่งไปที่ "ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ชั้น 11 อาคารสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กทม. 10400" 2บอกคนท้องทุกคนที่เรารู้จัก ให้หาข้อมูลเรื่องนมแม่จากเวปนมแม่ หรือFBเพจนมแม่ เพราะพวกเธอเหล่านั้นต้องเตรียมหัวนมตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ 3.ถ้าเค้าไม่มีเนตก็ให้ไปที่รพ.ของรัฐ ขอข้อมูลจากคลินิคนมแม่ รึไม่ก็พวกเรานี่ละค่ะ เป็นธุระจัดหาเอกสารข้อมูลเหล่านั้นให้เอง(ขวัญเองก็ทำแบบนี้) 4.ติดตามผล และคอยให้กำลังใจแม่ๆและคนรอบข้างของพวกเธอให้เข้าใจ นมแม่ถ้าเข้าใจยังไงก็พอค่ะ แถมอีกข้อ อย่าทำความรู้จักกับนมผง รู้จักกันเมื่อไรนมแม่หดหายเมื่อนั้น เชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าแม่ๆเกินล้านในชานเรือนสนับสนุุนนมแม่^^ จากคุณ : ขวัญแป้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 14:51:24

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่อยากให้โทษแม่ว่าไม่อดทนเหมือนกันค่ะ การให้นมจะง่ายขึ้นมากถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ทุกๆที่ ทุกๆคน ถ้าคุณแม่มีกำลังใจ มีที่ปรึกษาที่ดี (บอกได้เลยว่าหมอเด็กส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชี่ยวชาญพอ). รับรองสำเร็จกว่า90%. ส่วนคนที่จำเป็นจริงๆก็อีกเรื่องนะคะ (เอาแค่ช่วงสองสามเดือนแรกก็กินนมผงกันแล้วค่ะ). คุณcindychu. มีแม่ทำงานหลายท่านสามารถปั๊มนมให้ลูกทานได้จนหลายขวบค่ะ บางคนอยู่คนละจังหวัดก็ส่งนมแม่ไปให้ลูก บางคนลาคลอดแค่เดือนเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของแต่ละคนด้วย ถ้าเวลาปั๊มนมเจ้านายหาว่าอู้งาน เพื่อนร่วมงานหมั่นไส้ คุณย่าคุณยายแอบให้นมผง ก็แย่ เพราะฉะนั้นเราต้องสกัดกั้นการโฆษณาของนมผง และทำให้สภาพแวดล้อมของเราเอื้ออำนวยต่อการให้นมแม่ค่ะ ลองคิดดู ถ้าเจ้านายให้ไปปั๊มนม เนอสเซอรี่ช่วยป้อนนมแม่ ไปไหนก็มีห้องให้นม ใครๆก็ให้นมแม่กัน มันก็ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่นี่กินนมผงกันเป็นปกติ ใครกินนมแม่ต้องดิ้นรนสุดชีวิต จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:11:18

ความคิดเห็นที่ 9 "ถึงนมที่แม่ป้อนให้หนูกินจะไม่ได้กลั่นมาจากเลืดในอกของแม่ แต่เชื่อเถอะว่าแม่ไม่ได้รักหนูน้อยกว่าแม่คนใดในโลกเลย" เราบอกลูกทุกครั้งที่ป้อนนมผงให้ลูกค่ะ เราไม่ได้สนับสนุนนมผง รู้ว่านมแม่เป็นอาหารที่วิเศษที่สุดในโลก แต่เมื่อมีได้ไม่พอ ทางเลือกทางรอดทางอื่นก็ต้องหาให้ลูกค่ะ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ ฝากคลิปไว้สำหรับบางคหที่คิดว่าเด็กนมผงไอคิวต่ำ มาดูเด็กนมผงแทบล้วนๆคนนี้มั้ยคะ ไม่ได้คิดว่าลูกเก่งเกินใครแต่มั่นใจว่าไม่ได้ต่ำเตี้ยแน่ค่ะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:16:23

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยนี้มีการรณรงค์เรื่องนมแม่กันมากขึ้นค่ะ คิดว่าแม่ ๆ หลายท่านโดยเฉพาะแม่ ๆ ในชานเรือนต่างเห็นตรงกันเรื่องการให้นมแม่ดีที่สุด แต่ก็มีคุณแม่หลายท่านที่ไม่ประสบความสำเร็จในการให้นมแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพของคุณแม่หรือคุณลูก เรื่องปัญหาในการเลี้ยงลูก ไม่มีคนช่วย ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ ไม่มีเวลาบำรุงตนเอง เครียด ยิ่งในช่วงคลอดลูกใหม่ ๆ เป็นช่วงที่ต้องการการบำรุงและการพักผ่อน หากไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ย่อมส่งผลทำให้มีน้ำนมน้อยลงด้วยค่ะ ส่วนแม่ ๆ ท่านใดที่ประสบความเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ก็ยินดีด้วยค่ะ นั่นเป็นสุดยอดแห่งความต้องการของคุณแม่ทุกคนจริง ๆ จากคุณ : แม่น้องข้น เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:22:46

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้ลูกใกล้สามขวบแล้ว สุขภาพแข็งแรงมาก แทบจะไม่ป่วยเลยค่ะ (คนในชานเรือนส่วนใหญ่รู้ดี) เราว่าเดินทางสายกลางอย่ากดดันตัวเองเลยค่ะ(เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว) มีก็ให้ไม่มีก็เสริมนมผงจบค่ะ เอาเวลาไปเสริมดูแลเอาใจใส่ให้ความรักลูกดีกว่าค่ะ ที่เอาคลิปมาให้ดู ไม่ได้เชียร์ว่านมอะไรดีกว่า แต่อยากบอกว่า "ความรัก" "ความเอาใจใส่"จากคนเลี้ยงสำคัญกับลูกมากกว่าค่ะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:23:41

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อมูลว่านมแม่ดีอย่างไร มันไปไม่ถึงคนส่วนใหญ่ครับ แม้คนที่รู้ว่านมแม่ดีอย่างไร บางคนก็ยังให้นมกระป๋องเลยครับ หน่วยงานที่ดีที่สุดที่จะให้ความรู้เรื่องนี้คือ โรงพยาบาลที่แม่ไปฝากครรภ์ครับ เห็นด้วยกับความเห็นคุณแม่ คห. 3 ครับ เรื่องสภาพการเงินก็อีกประเด็นนึง จะทำ stock นมอย่างน้อยก็ ถุงนม ที่ปั๊ม ตู้เย็น กับเวลา ที่ต้องมี จากคุณ : Sonatina in G เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:26:12

ความคิดเห็นที่ 13 คุณแม่คะ อย่าเพิ่งหลงประเด็นกันนะคะ จขกท มีจุดประสงค์จะรณรงค์ในเรื่องของการตลาดที่ผิดจริยธรรมค่ะ ไม่ใช่ประเด็น กินนมผงแล้วไม่ฉลาด หรือไม่ดี แต่การตลาดที่ผิดจริยธรรม(แจกนม บิดเบือนข้อมูล โทรหาหญิงตั้งครรภ์ ฯลฯ) ทำให้เด็กหลายคนขาดโอกาสที่จะกินนมแม่ค่ะ ส่วนคุณแม่ที่พยายามทุกวิถีทางแล้วไม่มีนม เสริมนมผง อันนั้นไม่ว่ากันค่ะ นั่นคือสิ่งที่นมผงสร้างมา เพื่อสำหรับแม่ที่ไม่มีนมจริงๆ หรือใช้เมื่อแม่ไม่มีนมในช่วงต้น  หรือเด็กเจ็บป่วย คลอดก่อนกำหนด หรืออะไรก็ตาม แต่ไม่ใช่บิดเบือนให้เข้าใจว่า ใช้แทนกันได้ หรือคุณค่่าเทียบเท่านมแม่  ซึ่งผิด code นมอย่างชัดเจนค่ะ ความเห็นเรา การดื่มนมแม่ หรือนมผง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความฉลาดซะทีเดียว เพราะมันมีหลายปัจจัย คุณแม่ที่ให้ลูกกินนมผงเพราะไม่มีนม ก็ไม่เห็นต้อง รู้สึกผิดหรือน้อยใจ เพราะคุณได้พยายามที่สุดแล้ว ลูกฉลาดแข็งแรง ร่าเริง อารมณ์ดี หรืออะไรก็ตาม ไม่ได้อยู่ที่นมอย่างเดียวนะคะ อย่าได้ยกประโยชน์ทั้ง หมดให้นมผงหรือนมแม่เพียงอย่างเดียวเลยค่ะ  จงภูมิใจในทุกสิ่งที่คุณตั้งใจทำ ให้กับลูก เพราะคุณเลี้ยงเค้าดี เค้าจึงดี นมเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้นค่ะ จากคุณ : แม่นางน้อย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:42:59

ความคิดเห็นที่ 14 เอาล่ะสิ คุณหมอที่สนับสนุนนมแม่ท่านหนึ่งกล่าวว่า จากการที่เป็นหมอเด็ก ได้เห็นพ่อแม่ที่พาลูกมาหาหมอ ทราบดีว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนรักลูกน้อยไปกว่ากันเลยไม่ว่าจะเลี้ยงด้วยนมแม่หรือนมผง ทุกคนต้องการให้ลูกแข็งแรงสุขภาพดี และเติบโตเป็นคนดีเหมือนกันทั้งนั้น แม่หลายคนเลี้ยงคนโตด้วยนมแม่ไม่สำเร็จ แต่พอคนที่สอง ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง มีการเตรียมตัวตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็สำเร็จเอากับลูกคนต่อมา รักลูกเท่ากันมั้ย เท่ากันแหละ เพราะฉะนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องรักมากกว่าน้อยกว่าค่ะ จขกท.อ่านเรื่องราวของมน.มานามิมาหลายครั้ง น้องเป็นเด็กฉลาด น่ารัก คุณแม่เลี้ยงเก่งมาก จขกท จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:44:40

ความคิดเห็นที่ 15 เพราะแม่คนนี้ไม่มีน้ำนมให้ลูกกินคะ จากคุณ : mominam เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:45:47

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นแม่คนนึงที่ค่ะที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ท้องแล้วว่าจะให้ลูกทานนมแม่  และก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้มีนมให้ลูกกิน  ตอนนี้ลูกอายุ 1.5 ขวบแล้วค่ะ  ยังทานนมแม่อยู่   เราว่าจริงๆแล้วนมผงก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแม่ที่ไม่มีน้ำนมให้ลูกทาน  แต่ทำไมเราไม่มองล่ะค่ะ ว่าสาเหตุที่ไม่มีน้ำนมเพราะอะไร  เพราะร่างกายไม่มีน้ำนมจริงๆ หรือเพราะการตลาดของนมผงแทรกแซงการทำงานของนมแม่กันแน่   เราว่าการประชาสัมพันธ์วิธีการเพิ่มนมแม่ยังไม่เยอะด้วยค่ะ  คนที่เรารู้จักหลายคนอยากให้ลูกทานนมแม่น่ะค่ะ  แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง  ต้องทำแบบไหนถึงจะมีนมให้ลูกกินเยอะๆ  ต้องขยันปั้มให้ถี่ขนาดไหนเพื่อกระตุ้นน้ำนมให้เยอะ   เครื่องปั้มนมดีจริงต้องเป็นแบบไหน  บางคนเห็นเครื่องปั้มนมก็ไปซื้อเลย  โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนว่าแบบไหนดี/ไม่ดี (อันนี้เจอมากับตัวเลยค่ะ  น้องสะใภ้เราเอง  เห้นเราใช้  ก็เลยไปซื้อบ้าง  แต่พอบอกชื่อยี่ห้อเท่านั้นอ่ะค่ะ  เราเศร้าเลย)    ซึ่งเราว่าตรงนี้สำคัญมากค่ะ  คนที่เรารู้จักหลายคนพลาดเพราะจุดนี้เยอะ ส่วนเรื่องการเงิน  ถ้ามองการเริ่มต้น  แน่นอนค่ะว่านมแม่ใช้การลงทุนขั้นต้นที่สูงกว่านมผง  ไหนจะเครื่องปั้มนม+ตู้แช่นม+ถุงเก็บน้ำนม  นี่ยังไม่รวมแพนด้าที่ตามมาน่ะค่ะเพราะต้องตื่นมาปั้มนมทุกๆ 2-3 ชม. ทั้งวัน ทั้งคืน   แต่ถ้าคำนวณค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้วยังไงก็คุ้มกว่านมผงแน่นอนค่ะ สรุปง่ายๆนะค่ะ  เราว่านมแม่ต้องทำการประชาสัมพันธ์ให้เยอะๆกว่านี้อ่ะค่ะ   (จากประสบการณ์ของเราน่ะค่ะ) ** แก้ไขคำผิดค่ะ **     แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 15:56:04 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 15:53:38 จากคุณ : pee_mr เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:51:16

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะแม่คนไทยมีนมน้อยที่สุดติดอันดับโลกรึเปล่าคะ จากประสบการณ์นะคะ ข้างบ้านมีแม่คนนึงไม่เคยให้ลูกดูดนมแม่เลยตั้งแต่ลูกเกิดมา เราก็ไม่ได้ถามเขาค่ะว่าทำไม ส่วนอีกคนเป็นภรรยาของเพื่อนสามีเราเอง ลูกคนแรกเขาเลี้ยงนมผงโดยเขาบอกเราว่านมเขาไม่มี พอเขาท้องคนที่สองเราก็เลยส่งข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปให้เขาอ่าน พอคนที่สองคลอดเรามีโอกาสไปเยี่ยมที่บ้าน เลยได้ไปเห็นว่าลูกเขาไม่ได้ดูดเต้า เขาก็ใช้ปั๊มมือปั๊มออกมาได้ 4 ออนซ์กว่า(ตอนนั้นลูกเขาอายุประมาณ 1 สัปดาห์) เรางี๊ช๊อคเพราะตอนลูกเราอายุเท่านั้นเราปั๊มได้แค่ครั้งละเกือบออนซ์ จากนั้นไม่นานได้เจอกันอีกทีลูกเขาก็กินนมผสมแล้ว เราก็เลยไม่ถามละว่าทำไมไม่ให้ลูกกินนมแม่ จากคุณ : ลูกหมามุ่ยแม่หมาว้อ (Scudetti) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 15:52:35

ความคิดเห็นที่ 18 เวรกรรม ยังพิมพ์ไม่เสร็จ จขกท.ซะอีก ลูกกินนมแม่ ดื้อมวาก ยังไม่เห็นแววอะไรสักอย่างกระด็อกกระแด็กไปวันๆ ตัวก็เล็ก โคตรกดดันอะค่ะ ที่บ้านไม่มีใครชมเลย โดนตำหนิตลอด ถ้าลูกตัวอวบอ้วนจ้ำม่ำ ฉลาดเรียนเก่ง ไม่ดื้อ คงจะเอาไปอวดเค้าได้บ้าง ไม่มีใครทำการทดลองย้อนเวลาได้กับเด็กคนเดียวกัน ไม่อย่างนั้นถ้าย้อนให้ลูกของจขกท.กินนมผง คงยิ่งกว่านี้ ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริงนะคะ ที่ไม่ชอบการตลาดของนมผงอีกอย่างคือ ชอบทำให้คนที่ให้นมแม่ไม่สำเร็จ(ลูกค้าตัวเอง)มองว่าผู้สนับสนุนนมแม่เป็นคนกดดัน ให้นมผงไม่ผิด รักลูกเหมือนกัน ชอบเบี่ยงเบนประเด็น ชั้นแค่พยายามเผยแพร่ข้อเท็จจริง จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:02:10

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่ะคุณ joymacy  และคุณแม่นางน้อย   เราเข้าใจที่คุณนำเสนอค่ะไม่ได้หลงประเด็นนะคะ เราแค่อยากฝากคลิปให้ดูเป็นตัวอย่างกับบางความเห็น ความคิดเห็นที่ 2   เพราะไอ้นมผงนี่รึเปล่า ทำให้เด็กไทย iq เฉลี่ยต่ำเตี้ยลงทุกวัันๆ คุณแม่นางน้อย เราทราบดีถึงคหที่คุณเขียน เราถึงเขียนย้ำไว้ที่คห11ว่า ที่เอาคลิปมาให้ดู ไม่ได้เชียร์ว่านมอะไรดีกว่า แต่อยากบอกว่า "ความรัก" "ความเอาใจใส่"จากคนเลี้ยงสำคัญกับลูกมากกว่าค่ะ เราเป็นคนนึงที่ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกตั้งใจให้นมแม่ล้านเปอร์เซนต์ ทั้งเครื่องปั๊มอาหารเสริม อยู่ไฟนวด กินยาโมติเลี่ยม เอามันทุกทางแหละค่ะ สุดท้ายได้แค่ครั้งละไม่ถึงครึ่งออนซ์ ปรึกษาหมอ เพราะไม่มีอาการคัด อะไรเลย เครียดมากน้ำตาตกใน ร้องไห้ความดันขึ้นสุขภาพจิตเสีย ถึงได้หาทางออกทางนี้ค่ะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:15:39

ความคิดเห็นที่ 20 คนส่วนใหญ่ให้นมแม่ไม่สำเร็จเพราะขาดการหาความรู้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ เพราะคิดว่า เดี๋ยวลูกคลอดคงทำได้เอง โดยไม่รู้หรอกว่ากลเม็ดของนมผงพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ไหนจะ รพ และหมอที่ขาดความรู้และจริยธรรมอีก ปล. แต่ขอโทษนมผงทำไรชั้นไม่ได้ย่ะ ชั้นหาข้อมูลแน่นปึ้กตั้งแต่ท้อง ไม่ยอมให้ลูกกินนมผงเด็ดขาด 5555 วันนี้เรามาช่วยกันดีกว่า คนละไม้คนละมือ ช่วยให้เต็มความสามารถ เป็นพี่เลี้ยงที่ดีให้กับแม่มือใหม่ และช่วยกันส่งเอกสารไปที่ศูนย์นมแม่ค่ะ จากคุณ : janistar เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:25:49

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ กำลังจะเป็นคุณแม่ในอนาคตค่ะ(ตอนนี้ท้องได้ 8 w) ค่ะ มีการเตรียมตัวโดยหาหนังสือเกี่ยวกับนมแม่มาอ่าน และอ่านในห้องชานเรือนเกี่ยวกับนมแม่ ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วน ล้วนค่ะ ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ รพ. ที่สนับสนุนนมแม่ค่ะ ไม่ทราบว่าที่ รพ.พญาไท 3 สนับสนุนนมแม่หรือเปล่าค่ะ โหวตให้กระทู้นี้ค่ะ จากคุณ : แก้มยุ้ย (kamyui.ka) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:28:50

ความคิดเห็นที่ 22 แม่ๆนมกระป๋องคะ ถึงไม่มีโฆษณานมผง คนที่จำเป็นต้องกินนมผงยังไงก็ต้องกินค่ะ เรามาผลักดันกฎหมายเรื่องการตลาดนมผงกันเถอะค่ะ แหะ แหะ ว่างแล้วจะมาใหม่นะคะ ลูกกวน จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:33:28

ความคิดเห็นที่ 23 เราก็เหมือนคุณ nongnamka  ค่ะ  ไม่อยากให้กินนมผง  แต่สุดท้ายก็จำเป็นจริงๆ เราเองก็ตั้งใจว่าจะให้ลูกกินนมแม่ให้นานที่สุด แต่ว่าเราตั้งครรภ์ท้องนี้มีปัญหาทั้งก่อนตั้งครรภ์  มาจนถึงหลังคลอด ทำทุกวิถีทางแล้วแล้ว  นมแม่ก็ยังออกน้อยอยู่ดี  ซึ่งหมอก็บอกไว้ตั้งแต่คลอดใหม่ๆว่านมแม่เราอาจไม่เพียงพอ ตอนนี้ลูกเราก็ต้องกินนมแม่+นมผสม อิจฉาคนที่มีนมแม่เยอะจริงๆ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:41:22

ความคิดเห็นที่ 24 ตอนนี้ท้องแรกค่ะ อยากทราบว่าถ้าเราบอกกับคุณหมอหรือพยาบาลไว้ว่า เราตั้งใจจะให้ลูกกินนมแม่ อย่าเพิ่งให้นมผสมกับลูกเรา เค้าจะทำตามที่เราขอมั้ยคะ เพราะมีพี่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนลูกเค้าคลอด พยาบาลพาลูกมาหาแม่ก็อิ่ม หลับมาแล้วอ่ะค่ะ เราอยากพยายามให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยว่ากันค่ะ จากคุณ : HaveAgoodDay เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:49:40

ความคิดเห็นที่ 25 วิธีดูว่าน้ำนมพอหรือไม่ 1) ฉี่ | นับผ้าอ้อมเปียก 6-8 ผืนใน 24 ชม. (หรือแพมเพิร์ส 4-5 ช้ิน) 2) อึ | นิ่มๆ สีเหลืองทอง เดือนแรกอึบ่อยวันละหลายครั้ง เดือนที่สองอึห่างขึ้น อาจจะหลายวันครั้ง เพราะร่างกายย่อยนมแม่ได้หมดค่ะ ดูที่อึและฉี่ค่ะ ไม่ใช่ร้องเก่ง ไม่ใช่นอนน้อย ไม่ใช่ติดมือค่ะ :) แก้คำผิดนะคะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 17:06:32 จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 16:58:55

ความคิดเห็นที่ 26 เดือนแรกไม่แนขนำให้ปั๊มนมค่ะ หากปั๊มแล้วได้น้อย ถอดใจ ไม่ได้นับผ้าอ้อม ใครก็เสริมนมผงนะคะ เดือนแรกให้น้องดูดมากๆ ดีกว่าค่ะ จะกระตุ้นนมให้มาแบบไม่ต้องไปเค้นจนระบมหัวนม (ผิด) เดือนที่สองค่อยปั๊ม อย่างเดือนแรกดิฉันปั๊มได้เป็นหยดๆ โชคดีที่ได้ข้อมูลของศูนย์นมแม่ ก็นับผ้าอ้อมไป เดือนที่สองได้ 6 ออนซ์ จากที่ตอนแรกบีบไม่ออกเลย ฝากให้คุณแม่มือใหม่ให้เชื่อมั่นในร่างกายของเรา เชื่อมั่นว่าลูกจะกระตุ้นได้ ไม่มั่นใจเมื่อไหร่ก็นับผ้าอ้อมเปียกค่ะ จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:04:20

ความคิดเห็นที่ 27 ลูกผมกินน้อยแต่แม่มีเยอะ ช่างไม่สมดุลเลย เสียดายต้องทิ้งไปเยอะ กินทิ้งกินขว้าง จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:07:44

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ janistar เราไม่ได้อยากมีปัญหากับคุณนะคะ แต่เราอ่านข้อความของคุณแล้วบอกตรงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เหมือนคุณกำลังทับถมคนอื่นอยู่ ถ "ปล. แต่ขอโทษนมผงทำไรชั้นไม่ได้ย่ะ ชั้นหาข้อมูลแน่นปึ้กตั้งแต่ท้อง ไม่ยอมให้ลูกกินนมผงเด็ดขาด 5555" นมผงไม่ใช่เชื้อโรคร้ายแรงที่น่ารังเกียจจนต้องหลีกให้ห่างนะคะ ส่วนเรื่องการขาดการหาความรู้ อยากบอกว่าเราลาออกตั้งแต่ท้องได้ห้าทิตย์ ซื้อหนังสือนมแม่มาอ่าน เข้าครอสอบรม ตั้งครรภ์คุณภาพ ตรวจเต้านมโดยพยาบาล วางแผนการให้นมแม่ ซื้อเครื่องปั๊ม ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ถ้าแบบนี้ขาดการหาความรู้ขาดการเตรียมตัวก็ไม่รู้ว่าแบบไหนถึงเรียกว่า มีการหาความรู้หละคะ หรือวัดผลแค่คนให้นมแม่สำเร็จเท่านั้นถึงเป็นคนมีการหาความรู้ มีการเตรียมตัว ต้องขอโทษคุณแม่นมแม่คนอื่นๆด้วยนะคะ ถ้าอ่านแล้วไม่พอใจ เราแค่อยากบอกสิ่งที่ใจเราคิดเองค่ะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:11:37

ความคิดเห็นที่ 29 แม่น้องมานามิคะ รบกวนถามนิดนึงว่าคลอดที่ไหนคะ หลังไมค์ก็ได้ค่ะ จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:24:41

ความคิดเห็นที่ 30 แม่น้องมานามิขวัญใจของแม่ๆห้องชานเรือน และแม่ๆทุกท่านขา ทำใจร่มๆกันก่อนนะคะ เพราะเรากำลังทำให้ประเด็น"ยื่นชื่อเสนอกฏหมายคุ้มครองการตลาดนมผงที่ไร้จริยธรรม ทำให้เด็กไทยไม่ได้กินนมแม่"นี้ออกทะเลกันอยู่รึเปล่า จากคุณ : ขวัญแป้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:33:42

ความคิดเห็นที่ 31 แม่น้องมานามิ ตอนเราพิมพ์ก็ไม่ได้เจาะจงด่าใคร เพราะเราเล่นกะโทรศัพท์ตอนพิมพ์ ยังไม่เห็นข้อความของคุณเลย เรารู้มานานแล้วหล่ะว่าคนไหนไม่ชอบเรา แต่กรุณามองอย่างไม่มีอคติ เมื่อก่อนเราโพสเรื่องนมแม่บ่อย แต่หลังๆ ไม่ได้โพสเลย แล้วก็ไม่อยากเข้าด้วย เพราะเบื่อระบบพวกพ้อง มีอีกหลายอย่างที่อยากโพส แต่มันไม่ใช่เรื่อง เพราะพิมพ์ยาก เมื่อยมือ จากคุณ : janistar เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:42:04

ความคิดเห็นที่ 32 เราเข้าใจคุณมานามิค่ะ เราเองเป็นแม่นมแม่ล้วน  แต่...เหนื่อยมากกก  แรกๆเกือบแย่ เพราะปั๊มนมทีไรก็ได้แค่หยดๆ  ช่วงแรกๆก็มีเสริมนมผงเหมือนกัน เพื่อให้ร่างกายได้พักบ้าง พอปล่อยวาง ไม่คิดมาก ขยันเอาลูกดูด  ลุกร้องปุ๊บ จับเข้าเต้า จับเข้าเต้าตลอดๆ จนในที่สุดก็เป็นเด็กนมแม่ล้วนได้ภายใน  1 อาทิตย์ เราไม่ได้คิดว่านมผงคือยาพิษ  แต่เราคิดว่าร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน ความสามารถ สภาพความเอื้ออำนวยของคนเราไม่เหมือนกัน แรกๆ เราเคยนึกตำหนิคนที่รู้จักบางคนที่ไม่ให้ลูกกินนมแม่  บางทีเราถึงขนาดไปกดดันเค้าโดยไม่รู้ตัว ว่าทำไมไม่ให้กินนมแม่ละ  พอเค้าบอกว่านมเค้าไม่พอ เราก็ยังดันทุรังไปบอกอีกว่า พอสิ  พยายามๆ ยังไงก็พอ แต่เราลืมข้อเท็จจริงบางอย่างไปว่า  เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่ให้นมผงแต่ละคนได้พยายามมาแล้วขนาดไหน  แล้วเราจะไปตัดสินเค้าว่าพยายามไม่พอได้อย่างไร เพียงเพราะเรามีนมเพียงพอ ถึงคิดว่าคนอื่นต้องมีพอเหมือนเรางั้นหรือ ???? ดังนั้น เลี้ยงลูกด้วยสิ่งที่แม่คิดว่าดีที่สุดนั่นแหละคะ  อย่าเครียด อย่ากดดันจนเกินไป  พอหายเครียดบางคนน้ำนมมาดีกว่าคนที่เครียดๆจะให้นมแม่อย่างจริงจังซะอีก จากคุณ : *แชมพู* เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:43:47

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ ขวัญแป้ง ขอโทษนะคะถ้าคหของเราจะทำให้เหมือนนอกประเด็นพาลงทะเล แต่เราก็แค่ตอบเป็นรายคนที่เราอ่านแล้วรู้สึกขัดแย้งนะคะ ไม่ได้มีการเบี่ยงประเด็นของเจ้าของกระทู้เลยนะคะ แล้วความเห็นที่ทำให้เราต้องตอบนี่ ทำไมไม่คิดว่าเป็นการพาออกนอกทะเลบ้างหละคะ เราไม่ได้ต้องการมีปัญหากับใครนะคะ แค่อยากแชร์ปสกจากเสียงหนึ่งที่ผ่านชีวิตการเลี้ยงลูกด้วยนมผงมาแล้วจากร่างกายที่ไม่พร้อม บอกตรงๆจากเสียงแม่คนหนึ่งเลยค่ะ ว่าไม่เคยสนใจเรื่องโฆษณานมทางทีวีหรือสื่อเลยค่ะ  หาข้อมูลเองตัดสินใจเลือกเองจะมีสื่อลงหรือไม่ ในเมื่อไม่มีก็ต้องหาทางออกที่เหมาะกับตัวเองค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 17:49:56 จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:48:14

ความคิดเห็นที่ 34 เราเองก็เป็นคนนึงที่ตั้งใจให้นมแม่ ทั้งหาความรู้ วางแผนการให้นม เตรียมแผ่นซับ เครื่องปั๊ม ทุกอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายน้ำนมน้อย ลูกเองไม่ค่อยยอมดูดเพราะหัวนมใหญ่ ลูกดูดไม่ถนัดมั้ง พยายามแล้วพยามยามอีก ให้น้องได้ทานนมแม่(ที่ได้น้อยมาก)แค่ช่วง 1 เดือนแรกเอง T_T เลยต้องให้นมผง สรรหานมที่ดีที่สุด ลงท้ายจบด้วยนมแพะ ทานแล้วก็ไม่เห็นป่วย ถ่ายคล่อง สุขภาพดี พัฒนาการสมวัย เราก็โอเคนะ เลยกลายเป็นลูกแพะไปนับแต่นั้น555 นมแม่ดีที่สุด สนันสนุนให้คุณแม่ๆให้ลูกทานนมแม่ค่ะ จริงอย่างที่แม่น้องมานามิว่า "ความรัก" "ความเอาใจใส่"จากคนเลี้ยงสำคัญกับลูกมากกว่า ซึ่งนมผงเองก็ไม่ใช่ยาพิษหรือเชื้อโรค แม้ว่าจะด้อยกว่านมแม่ก็ตาม จากคุณ : แม่หมูจอมซ่าส์ (+แม่หมูจอมซ่าส์+) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:55:59

ความคิดเห็นที่ 35 คุีณ  janistar อีกครั้ง ลองอ่านดูดีๆนะคะข้อความที่เราเขียนตอบคุณ กับข้อความที่คุณลงไว้ในคห20 อันไหนอ่านแล้วเป็นข้อความที่มีอคติมากกว่ากันคะ???? เราไม่ได้บอกว่าคุณว่าเรา แต่เราคือหนึ่งในคนที่คุณกล่าวถึง =>>คนส่วนใหญ่ให้นมแม่ไม่สำเร็จเพราะขาดการหาความรู้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ เราก็เป็นเพียงเสียงเล็กๆเสียงนึงที่มาบอกว่ามันไม่จริงเท่านั้นเองค่ะ ลองอ่านแล้วเปิดใจให้เสียงจากแม่นมผงอธิบายบ้างก็ดีนะคะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:57:53

ความคิดเห็นที่ 36 สักวันลูกเราก็ต้องกินนมวัวอยู่ดีค่ะ เมื่อเค้าโตขึ้น ยังไงก็หลีเลี่ยงนมวัวไม่พ้นอยู่ดี  เราก็เป็นแม่คนหนึ่ง   ที่ให้นมแม่ผสมนมวัวเหมือนกันค่ะ  เลี้ยงด้วยนมแม่ล้วนจนลุกได้ 8 เดือนค่ะ  ก็เริ่มให้นมวัว  ผสมนมแม่  พอลุกได้ ขวบ 1 เดือน  ก็ เลิกนมแม่ค่ะ  ให้ทานแต่นมวัว  ด้วยเหตุผลหลายๆประการณ์  ที่เราไม่สะดวก  แต่ยังไงเราก็รักลุกเรามากเหมือนกันค่ะ  เราเชื่อค่ะ  คุณแม่ทุกคน รักลูกเหมือนกันหมดแหละค่ะ  แต่บางทีเหตุจำเป็น  หลายอย่างทำให้ไม่สามารถให้นมลูกได้ค่ะ จากคุณ : NoNg_IcEJuNg เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:05:52

ความคิดเห็นที่ 37 เตรียมส่ง :-) จากคุณ : LittleCactus2009 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:06:30

ความคิดเห็นที่ 38 เข้าใจว่าประเด็นของกระทู้นี้คือ “การโฆษณาและทำการตลาดของบ.นมผง และการขอความร่วมมือในการยื่นชื่อเสนอ กฏหมายคุ้มครองการตลาดนมผงที่ไร้จริยธรรม ทำให้เด็กไทยไม่ได้กินนมแม่” . . . ไม่เคยเห็นว่านมผงเป็นยาพิษ กินแล้วเด็กจะไม่เก่ง ไม่ฉลาด เป็นเด็กไม่ดี หรือแม่ที่ให้นมลูกด้วยตัวเองไม่ได้จะเป็นคนไม่ดี ไม่รักลูก เพราะปัจจัยการจะให้เด็กเติบโตเป็นคนดีและคนเก่งไม่ได้อยู่แค่นมแม่ แต่อยากให้ช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับนมแม่กันให้มากๆ เพราะถ้าเห็นว่านมผงดีแล้ว แม่มือใหม่หลายคนอาจจะไม่มีความพยายามพอ ที่จะให้นมด้วยตัวเองทั้งๆ ที่สามารถจะให้ได้ จะน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งนะคะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 18:08:24 จากคุณ : LittleCactus2009 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:06:54

ความคิดเห็นที่ 39 เราเห็นด้วยนะคะเรื่องรณรงค์การให้นมแม่ให้นานที่สุด เพราะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับลูก ดีใจและชื่นชมกับคนที่สามารถให้นมแม่ได้   ไม่เคยเถียงและไม่คิดจะเถียงเรื่องนมผง นมแม่ค่ะ บอกตรงๆ เบื่อค่ะ   ลูกใคร ใครก็รัก ทุกคน ทุกครอบครัวมีเหตุผล มีเงื่อนไข มีทางเลือกและมีวิถีทางของตนเองค่ะ   เรามั่นใจว่าแม่ที่ดีทุกคนได้เลือก "สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่หาสรรหามาในโลกนี้ได้ ให้แก่ลูกของตัวเองอยู่แล้ว" โปรดอย่าบอกว่าแม่ที่ให้นมผง ไม่ดี ไม่อดทน ไม่หาข้อมูล เลยค่ะ เคารพการตัดสินใจของกันและกันด้วย     ชีวิตของเด็กคนนึง มันมีอะไรที่ต้องเจอมากกว่านมผง นมแม่กันค่ะ เรามาเลี้ยงเค้าด้วยความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นกันดีกว่าค่ะ สบายๆ อย่าเครียดเลย   ปอลิง เราว่ามี่จังเป็นเด็กนมผงที่น่ารัก แข็งแรง และฉลาดสมวัยนะคะ   แก้ไข font ค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 18:28:07 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 18:27:40 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 18:25:50 จากคุณ : แม่จิ๊ดริด เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:23:55

ความคิดเห็นที่ 40 เราก็อยากให้นมแม่เรื่อยนะคะ แต่ลาคลอดได้แค่ 3 เดือนต้องกลับมาทำงาน ที่ทำงานไม่มีที่ปั๊มนม นมคัดต้องไปปั๊มทิ้งในส้วม เอานมแม่ที่พยายามปั๊มมาใส่ตู้เย็นที่ทำงาน โดนรังเกียจว่า เป็นของสกปรก เราต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูก เลยไม่มีทางเลือก ต้องให้นมผง ทั้งที่เราก็นมเยอะ ส่วนมาก จะให้นมลูกได้ สภาพแวดล้อมต้องเอื้ออำนวย แม่บางคนไม่ได้ อยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆ ต้องออกไปทำงานข้างนอก การปั๊มนม ไม่สะดวกมาก ไปปั๊มตามห้องน้ำ ติดเชื้อมาจะทำยังไง ประเทศอื่น แม่ๆ เค้าได้ลาคลอดนานกว่าเมืองไทยไหม รัฐบังคับให้บริษัทมีห้องให้นมแม่ ห้องปั๊มนมไหม น่าจะ มาดูตรงนี้มากกว่านะคะ แต่ตอนนี้เรามาทำงานที่บ้านแล้ว ถ้ามีลูกอีกคนจะให้นมแม่เต็มที่เหมือนกัน บอกตรงๆ บางทีเราอ่านกระแส ต่อต้านนมผง เราก็แอบหงุดหงิด คือ เราว่า แม่ๆ สมัยนี้ ไม่ได้ โง่ ขนาดว่าไม่รู้ว่านมแม่ดี แต่ว่า มันให้ไม่ได้จริงๆ ซะมากกว่านะคะ และจะบอกว่า เราเห็น คนที่ไม่ค่อยมีเงิน การศึกษาไม่สูง ให้นมแม่เยอะมาก เพราะเค้าถือว่า ประหยัด ดีกว่าซื้อนมผง เพราะนมผงมีราคาแพง เราก็ไม่ทราบว่า เค้ารู้หรือใส่ใจจริงๆหรือเปล่า ว่า นมแม่ดีเลิศมากมาย หรือเค้าให้เพราะ ไม่มีเงินซือนมผง  แต่คุณภาพชีวิตด้านอื่น ของลูกเค้าก็ไม่ได้ดีอะไร ต่างคนต่างเหตุผล แต่เชื่อว่า แม่ๆ ทุกคนรักลูกค่ะ อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะให้ได้ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 18:46:44 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 18:46:04 จากคุณ : Shorty and The Freaky Dogs เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:44:20

ความคิดเห็นที่ 41 ู^ อยากให้กิฟท์มากเลยค่ะแต่หมดแล้วค่ะ แหะๆ ตรงใจมากมายเลยค่ะ "ประเทศอื่น แม่ๆ เค้าได้ลาคลอดนานกว่าเมืองไทยไหม รัฐบังคับให้บริษัทมีห้องให้นมแม่ ห้องปั๊มนมไหม น่าจะ มาดูตรงนี้มากกว่านะคะ" สนับสนุนคนที่มีน้ำนมให้ลูก ให้สามารถให้นมลูกนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ดีกว่าไปไล่ต้อนจากสื่อโฆษณา หรือการตลาดค่ะ เพราะเราก็คิดเหมือนคุณค่ะว่า "แม่ๆ สมัยนี้ ไม่ได้ โง่ ขนาดว่าไม่รู้ว่านมแม่ดี แต่ว่า มันให้ไม่ได้จริงๆ ซะมากกว่านะคะ" แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 19:00:29 จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:53:23

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ ^ ^ ^เพราะอย่างนี้ไงคะเราถึงต้องมาร่วมแรงร่วมใจ ผลักดันให้คลอดเป็นกฎหมายให้ได้ เพื่ออนาคตลูกหลานเราเอง ใครจะรู้วันนึงข้างหน้าลูกสาวเราอาจจะกำลังให้นมลูกในพื้นที่ส่วนตัวที่รัฐจัดหาไว้อย่างสะดวกสบายก็ได้ (ฟุ้งไปไกลเลยเรา) จากคุณ : ขวัญแป้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 18:54:31

ความคิดเห็นที่ 43 เอ่อ  ขอออกตัวเลยว่า ไม่ได้มาเพื่อเข้าข้างเพื่อนนะคะ  เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคนส่วนใหญ่จะรับรู้ว่า แม่น้องมานามิคือเพื่อนสนิทของดิฉัน   แต่จะบอกว่า ถ้า search ดูได้จากหลายปีก่อนที่ผ่านมา (ตั้งแต่ดิฉันเข้าห้องชานเรือนคือ ต.ค.51)  กระทู้ที่ตัวเองไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลย คือทุกกระทู้เกี่ยวกับนมแม่และนมผง  ไม่ว่ากระทู้นั้นจะพาคุยได้โดยเครียดหรือไม่เครียด เพราะอะไรรู้ไหมคะ  เพราะมันคือปมด้อยในใจที่มีตลอดมา  มันฝังใจตลอดมา ที่ตัวเองไม่สามารถให้นมลูกได้ตลอดรอดฝั่งเหมือนกับที่เคยแน่ใจว่าต้องทำได้สำเร็จแน่ ๆ เพราะน้ำนมไหลตั้งแต่วันคลอด และไหลเยอะมาก เนื่องจาก รพ.พญาไท 2 สนับสนุนนมแม่มากจึงถูกกระตุ้นตั้งแต่ไม่กี่ ชม.หลังคลอดลูก แต่มีสาเหตุบางอย่างหลังจากคลอดแล้วทำให้เครียดมาก  มากที่สุด  มันคือปัญหาอย่างหนึ่งในครอบครัว  ที่คงไม่เอามาบอกเล่าต่อบุคคลภายนอก  นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เครียดอย่างที่สุด  (ทำให้ซึ้งและเชื่อเลยว่าความเครียดมันมีผลต่อน้ำนมจริง  มันไม่ใช่แค่ลายลักษณ์อักษรที่ถูกเขียนเตือนผ่านคู่มือหรือหนังสือเล่มต่าง ๆ เท่านั้น)   ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างผ่านมาได้อย่างสวยตั้งแต่ 7 วันแรกหลังคลอด  แต่ไม่น่าเชื่อว่า ความเครียดกับอาการที่ร้องไห้ไม่หยุดของตัวเอง  ทำให้นมชงักได้ทันทีขนาดนั้น  ปั้มออกได้เพียงครึ่งออนซ์  จนเลือดออกปวดไปทั้งหมด   ในที่สุดต้องไปคลินิคนมแม่  และยอมพ่ายแพ้ค่ะ ว่าเดินต่อไปไม่ได้  ไม่ได้จริง ๆ ไม่สามารถกู้น้ำนมกลับมาได้คืน ทั้ง ๆ ที่มี กูรูอย่างคลินิคนมแม่เคียงคู่ (แต่นั่นแหล่ะ มีคนเคียงข้างคิดยังไง แต่ใจที่มันมีความเครียดมันคงไม่สามารถทำให้เค้าพาเราเดินได้ตลอดรอดฝั่ง) จึงต้องให้ลูกกินนมผง  และมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจมานานมาก แต่จะบอกว่า เรื่องบางเรื่อง  "ไม่ได้เกิดกับตัวเอง  ไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง"   บางครั้งการเดินชีวิต มันมองแต่ตัวเราคนเดียวไม่ได้  คือตรงนี้จะบอกว่า  สำหรับดิฉัน ถ้าใช้ชีวิตครอบครัว (ใหญ่)  แล้วการเลี้ยงลูก มันมีความขัดแย้งกัน ทำให้ทะเลาะกันไปหมด ดิฉันจะไม่เลือกเดินทางนี้    หากแต่จะเลือกเดินในทางที่เราเดินไปด้วยกันได้  เพราะลูก ไม่ได้เกิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวในชีวิต แต่ชีวิตมันต้องเดินร่วมกันกับอีกหลายชีวิตที่เรียกว่าครอบครัว เพื่อให้ความสุขมันเกิด  เมื่อมันมีความสุข  ความรักมันก็ยั่งยืน แต่ยังไงก็ตามค่ะ  ยังยืนยันสนับสนุนนมแม่ 100%  (ตั้งใจว่าถ้ามีลูกคนที่สอง ต้องทำให้ได้ค่ะ)  แต่ไม่ได้คิดต่อต้านนมผงเลยค่ะ เพราะคิดว่า  มีไม่น้อย  ที่ยังต้องพึ่งพานมผงค่ะ  ดังนั้น ดิฉันเห็นด้วยกับ บาง คห.ในประเด็นที่  "ต้องควบคุมการโฆษณาเกินจริงของบริษัทนมผง"  ที่จะทำให้เห็น หรือ หลงไปนิยมชมชอบคุณประโยชน์นมผงจนละเลยที่จะให้ความสำคัญกับนมแม่  เด็กควรต้องได้รับภูมิคุ้มกันจากนมแม่ค่ะ จากคุณ : Jo_Smart เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 19:15:53

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ janistar คะ เราสนใจกระทู้นี้นะ เราอ่านทุกเม้นต์ แต่มาสะดุดกับปล.ของคุณนะคะ ก็ไม่ได้อคติ เพราะจริงๆเราก็ไม่ได้รู้จักคุณ เราเลี้ยงลูกเราทั้งสองคนด้วยนมคู่ค่ะ คือ นมแม่กับนมผง เราอยู่ต่างประเทศ ก็รณรงค์เรื่องนมแม่ คุณแม่เกือบ 100 % ให้นมเหมือนบ้านเรา ก็ให้นมแม่ให้นานเท่าที่สามารถ และอำนวยด้วยเหตุผลด้านสุขภาพและเวลา แต่ส่วนใหญ่จะเลือกเลี้ยงด้วยนมคู่ เหตุผลก็คงคล้ายๆกันนะเราว่า เพราะต้องกลับไปทำงาน ฝรั่งบางคนพอถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน เค้าจะเปลี่ยนให้ลูกกินนมผงทันที เราไม่เคยเห็นฝรั่งทำสต๊อกนมแม่ หรือปั้มนมแม่ในที่ทำงาน ลูกๆเราก็โตมาได้ทั้งนมแม่และนมผงด้วย เราไม่เคยคิดว่านมผงไม่ดี เพราะเราเชื่อว่าคุณแม่ทุกท่านมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องสุขภาพ หรือความจำเป็นด้านอื่น และเราก็เชื่อว่า คุณแม่ทุกท่านเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ เราขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านค่ะ จากคุณ : กระเพราตับราดข้าว เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 19:26:01

ความคิดเห็นที่ 45 เราว่าสาเหตุไม่ได้มาจากการโฆษณาค่ะ คนที่ให้นมแม่ไม่พอแล้วต่างหาก ถึงจะหันมามองนมผงตามชั้นในห้าง เราคนนึงละค่ะ ที่ไม่คิดว่าการตลาดของนมผงเป็นประเด็นหลัก แต่เห็นด้วยว่า ยังสนับสนุนส่งเสริมเรื่องการให้นมแม่ไม่เพียงพอ ถ้ามีการส่งเสริมกว่านี้ น่าจะดีขึ้น จากคุณ : แม่นายลูกศร เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 19:26:58

ความคิดเห็นที่ 46 ขออนุญาตพูดกับคุณมน(แม่น้องมานามิ)นะคะ เข้าใจว่าคุณมน คงจะไม่เห็นด้วยกับความเห็นที่ 2 ใช่ไหมคะ ต้องหนักแน่นค่ะ อย่าได้เก็บมาเป็นปมในใจเลย คุณทำดีที่สุดแล้ว มี่จังฉลาดแข็งแรง และพัฒนาการดี นั่นคือคุณแม่เลี้ยงดี นะคะ ไม่เห็นต้องคอยบอกน้องทุกครั้งที่ป้อนนมผงเลย น้องรับรู้ได้อยู่แล้ว ว่าคุณแม่รักน้องแค่ไหน ความเห็นแบบนี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม ไม่ใช่แค่แม่ นมผงจะเจอหรอกค่ะ แม่ที่เลี้ยงนมแม่ก็เจอเหมือนกัน "นมใสแล้วไม่มีคุณ ค่า"  "ให้หกเดือนก็พอ ไม่มีประโยชน์แล้ว"  "ให้นมกระป๋องดีกว่า มีสาร อาหารเยอะ" "โตป่านนี้ยังให้ดูดเต้าอีก เดี๋ยวเลี้ยงยาก"และอื่นๆอีกมาก มาย แม่ที่ให้นมแม่ก็ท้อเหมือนกันค่ะ แต่ในความคิดเรา คงไม่ตอบโต้ทุกความเข้าใจผิดให้เหนื่อยใจ คิดซะว่า เราทำ อะไรให้ลูกเราเรารู้ดีค่ะ   อยากให้คุณมน หนักแน่นนะคะ (อันนี้จากใจจริงเลยค่ะ)  ไม่อยากให้คิดว่า "มี่จัง เป็นเด็กนมผง ที่น่า รัก แข็งแรง ฉลาดสมวัย" แต่มี่จังคือเด็ก "ที่น่ารัก แข็งแรง ฉลาดสมวัย เพราะคุณแม่ทุ่มเทและรักหนูที่สุด ที่ต้องกินนมผงแค่เพราะคุณแม่ไม่มีน้ำ นมค่ะ " จากคุณ : แม่นางน้อย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 19:53:26

ความคิดเห็นที่ 47 เท่าที่อ่านดู ศูนย์นมแม่เค้าจะคัดค้านการทำตลาดนมผง ไม่ใช่จะมาขุดอดีตว่าใครให้นมแม่หรือให้นมผง ใครทำไม่ได้มันก็ผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ทัน เราก็มาช่วยกันส่งเอกสาร ทำให้แม่รุ่นหลังทำอะไรได้ง่ายขึ้นดีกว่ามั้ย ส่วนไอที่เราโพส ก็ไม่ได้ว่าใคร แต่อารมณ์ประมาณว่านางอิจฉาพูดใส่บริษัทนมผงสะบัดบ๊อบไป อะไรอย่างงี้เข้าใจมั้ย? มองอะไรให้มันขำๆ ชีวิตจะมีความสุข ฮ่าๆๆ จากคุณ : janistar เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 20:12:34

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนประเด็นของกระทู้นะคะ อยากให้ทุกท่านอ่านแล้วคิดค่ะ ว่า 1. นมผงทำการโฆษณาเกินจริงใช่หรือไม่? 2. การแจกนมผงที่รพ. ผิดหรือไม่? 3. บุคลากรทางการแพทย์ที่จงใจแจกจ่ายนมผง หรือป้อนขวดให้กับเด็กเกิดใหม่ มีจริงหรือไม่? 4. มีการโทรหาหญิงตั้งครรภ์ หรือมีการให้เงินหรือรางวัลตอบแทน กับ การหาสมาชิกให้มากินนมผงนั้นๆหรือไม่? ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ควรช่วยกันผลักดันให้เป็นกฎหมาย อย่าให้บริษัทเหล่านี้ ทำกำไรบนความไม่รู้และความมือใหม่ของแม่ๆตั้ง ครรภ์   และขอบอกจากใจอีกอย่างนึงว่า บรรดาแม่ที่ให้นมแม่สำเร็จ หรือชาว เวปนมแม่ หรือจากเฟคบุ๊คก็ตาม รวมตัวกันอยู่บนวัตถุประสงค์ที่ว่า เราให้ กำลังใจซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลและแบ่งปันความรู้ต่างๆ เราอยากเผยแพร่ความรู้หรือข้อเท็จจริงค่ะ เราไม่ใช่ บริษัทค้ากำไร ทำด้วยใจค่ะ ไม่เคยคิดว่าชั้นดี ชั้นเจ๋ง ชั้นให้นมแม่ สำเร็จ ยอมรับว่าวิธีการจูงใจหรือผลักดันของแม่อาสาบางคนอาจทำให้ รู้สึกกดดันบ้าง ทำให้บางคนถึงขนาดคิดว่า พวกเราสุดโต่ง หรือบ้า หรือเป็นลัทธิ บางทีเราอ่านแล้วเราก็เจ็บเหมือนกันค่ะ แต่เราก็จะทำ ต่อไป เพราะเรารู้ว่ามันยากในช่วงต้นจริงๆค่ะ แต่ถ้าผ่านมันไปได้จะสบาย และเพื่อให้แม่ๆที่อยากให้นมแม่มีกำลังใจ และให้นมได้ถูกวิธีค่ะ จากคุณ : แม่นางน้อย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 20:14:30

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้ออออออ ท่าจะต้องอธิบายกันยาว ทั้งเรื่องโฆษณาและการตลาดมีผลกระทบอย่างไร ทั้งเรื่องทำไมนมน้อย ขอเอาลูกนอนก่อนนะคะ จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 20:17:25

ความคิดเห็นที่ 50 เราก็เป็นคนหนึ่ง ตอนคลอดเป็นหวัดมากมาย หมอที่ฝากครรภ์ก็ไม่ได้แนะนำอะไร แถมพยายามก็ไม่ยอมพาลูกมาให้กลัวติดหวัด กว่าจะได้อุ้มลูกก็ปาไปวันที่ 3 ซึ่งพรุ่งนี้จะออกจากรพ.แล้ว รพ.ไม่ได้สอนอะไรเลย ลูกคนแรกไม่มีใครแนะนำ กลับมาบ้านพยายามให้ลูกดูด ลูกดิฉันก็น่ารักนะค่ะแกพยายามดูดอย่างเมามัน แต่ไม่เคยมีน้ำนมออกมาเลย ดูดเป็นชม.จนหัวนมนี่เป็นแผลและมีหนองเลยค่ะ กลับไปรพ.ให้เขาสอนกลัวดูดไม่ถูกวิธี หมอก็บอกว่าถูกวิธีแล้ว เครียดแทบตาย นั่งร้องไห้โทษตัวเอง "ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง แม่ไม่เอาไหน แค่น้ำนมให้ลูกดื่มยังไม่มีเลย" พยายามปั๊ม ทุก ๆ 2 ชม.ทุกวันนี้ก็ยังได้แค่ครั้งละ 1 ออนซ์ ลูกจะสามเดือนแล้ว ได้กินนมแม่วันละมือเท่านั้น ตอนนี้ยอมรับแล้วค่ะ เปลี่ยนมาพยายามด้านอื่น ๆ รักลูก ดูแลเขาให้ดีกว่ามานั่งเครียดเรื่องน้ำนม สนับสนุน ความคิดเห็นที่ 40 มากค่ะ การให้น้ำนมแม่ จะต้องมีการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล หรือมาตรการไปเลย และจะต้องกำหนดให้สถานที่ทำงานจัดมุมสำหรับหญิงลูกอ่อน หรือมีห้องพยาบาลทุกที่ ถ้ารัฐบาลทำแบบนี้ได้ คิดว่า มีแม่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์หรอกค่ะ ที่ไม่ต้องการให้ลูกกินนมตัวเอง จากคุณ : ดอกไม้งามยาวเช้า เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 20:21:03

ความคิดเห็นที่ 51 ^_^ ชอบคห.ของคุณ Jo_smart ค่ะ ขอบคุณที่สนับสนุนนมแม่ค่ะ แต่อย่างไรกระทู้นี้ไม่ได้ต่อต้านนมผงนะคะ แต่เป็นการตลาดที่ไม่มีจริยธรรม เช่นให้ข้อมูลผิด "นมแม่หมดคุณค่าหลัง 6 เดือน 1 ปี" ตัวอย่างคือ 1) ดูเม็กซ์ มีกระทู้เก่าในเว็บศูนย์นมแม่ ชาวนมแม่เรียกร้องไปจึงยอมเปลี่ยนข้อความบนเว็บของเค้าค่ะ 2) เอนฟา มีกระทู้เก่าเช่นกัน บอกว่า 2-3 วันแรกลูกจะนอนมาก ให้กินนมแม่วันที่ 3-4 และอื่นๆ อีก แต่ก็ยอมแก้ไขข้อความในภายหลัง 3) FB S-26 บอกว่าจะให้กินจากขวด ให้ชงนมใส่ขวดให้ลูกทาน ถ้าลูกไม่ยอมก็ไม่ต้องป้อนนมแม่ 4) การแจกนมผงตัวอย่างทั้งหลาย หลายคนบอกว่าทำไมห้าม ไม่เห็นเกี่ยว ก็เพราะเป็นหลักสากลค่ะ ประเทศไหนแจกน้อยก็จะให้นมแม่ได้มากขึ้น (คือไม่ใช่ห้ามขายนะคะ แต่อย่าแจก ช่วง 1-2 อาทิตย์แรก ลูกร้องและแม่จะหวั่นไหวมาก นมผงยังไงก็ขายได้ค่ะ จะแจกเพื่ออะไร นอกจากจะให้ลูกไม่ดูดกระตุ้นนมแม่? 5) แนะนำเพื่อนให้กินนมผงแล้วให้ของตอบแทน เพราะอะไร ก็เพราะโค้ดนมระบุว่า "ห้ามพนง.บ.นมติดต่อแม่โดยตรง" จึงเลี่ยงไปให้สมาชิกแนะนำกันเองค่ะ อยากถามว่ามีกี่คนในที่นี้ไม่เคยเจอเซลส์โทรไปหา ไถ่ถามว่าตอนนี้กินนมอะไรคะ? กินนมแม่หรือคะ? แต่สารอาหารมันไม่พอนะคะ (นั่นไงที่ผิด!) 6) อบรมครรภ์คุณภาพทั้งหลาย บางคนก็ได้นมผงของแม่แจกมาให้ 1 ซอง แต่แทรกของลูกมา 7 ซอง เพื่ออะไรคะ? ก็เพื่อให้ลูกติดนมผง ไม่ดูดนมแม่ เจอนมแม่แล้วหงุดหงิด ก็ต้องให้นมผงเรื่อยมา 7) บุคคลากรทางการแพทย์แจกนมผง เช่น พยาบาลแอบแจก ได้ค่าตัวกระป๋องละไม่กี่สิบบาท แม่มือใหม่ก็ดีใจ พยาบาลใจดีจัง แต่ที่แท้เค้าทำเพื่อตัวเองค่ะ ถ้าคุณหมอและพยาบาลยื่นนมผงให้ ทั้งที่เด็กกินนมแม่ดีๆ อยู่นั้น ถือว่าผิดโค้ดนม 8) การโฆษณาว่า "นมแม่ดีที่สุด มีสารอาหาร บลาๆๆๆ และนมของเราก็เติมสารอาหารชนิดนี้แล้ว" ทำให้แม่คิดว่าให้นมผงก็ดีเหมือนนมแม่น่ะแหล่ะค่ะ เล่าสู่กันฟังจะได้เข้าใจตรงกันค่ะ ไม่ได้ต่อต้านนมผง แต่ต่อต้านการทำการตลาดผิดจริยธรรม ทำให้แม่ไขว่เขว กินนมแม่อยู่ดีๆ แต่เปลี่ยนไปเสียเงินให้นมผง หรือทำให้โดนครอบครัวกดดันให้เลิกค่ะ ** คุณแม่โปรดอย่าเสียใจที่ไม่ได้ให้นมแม่ค่ะ แต่ลองนึกกลับไปว่าเคยเจออะไรแบบที่พูดมาหรือไม่? ควบคุมการตลาดเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องผลักดันให้เป็นกฏหมายค่ะ ไม่ใช่ต่อต้านสินค้า ไม่ใช่ห้ามขายค่ะ :) (แก้คำผิด เพิ่มข้อความค่ะ) แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 20:52:18 จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 20:46:02

ความคิดเห็นที่ 52 ปล. ข้อ 5) ที่ให้สมาชิกแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เพื่อน เงื่อนไขคือ ***เพื่อนต้องกำลังตั้งครรภ์ หรือมีลูกอายุไม่เกิน 1 ปี*** จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 20:58:45

ความคิดเห็นที่ 53 ลูกเราไม่ใช่เด็กนมแม่ร้อยเปอร์เซนต์ แต่สนับสนุนมแม่ล้านเปอร์เซ็นต์ และคัดค้านการทำการตลาดผิดจริยธรรมล้านเปอร์เซน   เรารู้ตัวว่าเราข้อมูลไม่แน่นพอ และปฎิบัติตัวไม่ถูกต้อง ทำให้นมไม่พอ แต่หลังจากที่ได้หาข้อมูลมากขึ้น เราก็พยายามทำสต๊อคนมอย่างสุดความสามารถ แม่ๆในเว็บศูนย์นมแม่ ไม่เคยมากดดัน มีแต่จะให้กำลังใจ ยอมรับว่าท้อ แต่ก็ได้กำลังใจจากแม่ๆในนี้แหละค่ะ (ซึ่งไม่ได้เป็นมาเฟีย จ้าวลัทธิ นมแม่! ใดๆทั้งสิ้น) ซึ่งทำให้เราฮึดหลายรอบมาก เราได้พยายามจนลูกได้กินนมแม่ถึง 1 ขวบ ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซนก็ตาม แต่เราก็ดีใจเพราะได้พยายามแล้ว สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้คือ เผยแพร่ความรู้แก่เพื่อนๆทีกำลังจะเป็นแม่ ไม่ใช่มานั่งคิด กดดันตัวเอง หรือมานั่งน้อยใจ หรือดราม่า เสียเวลาเปล่าค่ะ ดังนั้นช่วยๆกันผลักดันกฎหมายนี้กันเถอะนะคะ จากคุณ : BeeLoveZen เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:24:02

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณเช่นเดียวกันค่ะ คุณNarcosis อยากเล่าให้ฟัง แต่ไม่มีหลักฐานให้ดูค่ะ (โปรดใช้วิจารณญาณค่ะ)    และตัวดิฉันเองจำยี่ห้อนมไม่ได้ด้วย  แต่แบรนด์ดัง จะได้ยินโฆษณาอันดับต้น ๆ ค่ะ   เชื่อไหม  ตาไม่ได้ฝาดนะคะ ไปอ่านเจอในหนังสือ   (เล่ม ๆ หนึ่ง) ว่าบริษัทโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองมีคุณค่าเท่านมแม่   ... เขียนโฆษณาแบบนี้จริง ๆ ค่ะ  อ่านแล้วตกใจมาก ที่กล้ามาก กล้าโกหกประชาชนขนาดนี้เลยเหรอ  ลำพังแค่บอกว่า คุณค่าทางอาหารสูง ก็สามารถเรียกความสนใจได้อยู่แล้ว  ดังนั้นไม่ควรมาโฆษณาว่าคุณค่าเท่ากับนมแม่ ผิดอย่างมาก   คุณNarcosis  รู้ไหมคะ  ตัวดิฉันเองนี่  เป็นคนมุ่งมั่นเรื่องนมแม่มากกก  มากซะจนพอทำไม่ได้  มันทำให้กลายเป็นความรู้สึกตรงข้ามทันทีคือ มันผิดหวังมาก  กลายเป็นปมด้อยในใจไปเลย  ไม่พูดไม่คุย ไม่อยากรับฟังเวลาใครพูดเรื่องนมแม่เลยนะ  เป็นขนาดนั้นเลย แต่ตอนนี้ลูกอายุ 3 ขวบแล้ว  ทำใจได้แล้วค่ะ  (จริง ๆ ทำใจได้ตั้งแต่เขาโตสัก 2 ขวบแล้วล่ะ)  คือ ทำใจหมายถึงว่า ไม่รู้สึกว่าปมด้อยเท่าไหร่  แต่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องคุยกันเรื่องนี้(อารมณ์ประมาณนี้ค่ะ) ^_^  ขอบคุณนะคะที่เข้าใจดิฉัน จากคุณ : Jo_Smart เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:28:47

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาแชร์ปสก ค่ะเราเองผ่าคลอดคืนแรกนอนไม่ได้ด้วยมีลูกคนแรกทำให้มีอาการวิตกไปทุกอย่างเครียดบวกกับเจ็บแผลทำให้นำ้นมไม่มีในคืนนั้น ลูกหิวพยาบาลก็คอยมาอุ้มลูกให้เราเพื่อลูกจะได้ดูดกระตุ้นตลอด เราเจ็บแผลลุกไม่ไหวและที่นี่เขาไม่ให้ญาติเฝ้าค่ะเพราะเราพักห้องรวม2เตียงถ้ามีอะไรกดกริ่งอย่างเดียว แต่นำ้นมก็ยังไม่มา ลูกหิวร้องไม่หยุดพยาบาลเลยถามว่า คุณต้องให้นมผงแล้วล่ะเราก็บอกว่าok. แต่เขาต้องได้รับการยินยอมเป็นลายลักษ์อักษรจากเราก่อนนะคะถึงจะเอานมมาให้ หลังจากนั้นเขาก็เอานมมาให้เราป้อนและบอกวิธีด้วยว่าต้องให้แบบไหนเด็กจะได้ไม่ติดจุกยางเพราะเขากลัวว่าเด็กจะติดจุกแล้วไม่ยอมดูดนมแม่จนวันที่3นมเราก็เริ่มมาและก็ไม่ได้ให้เขากินนมผงให้เขาดูดเต้าแต่ก็ยังไปเอาเครื่องปั๊มนมมาช่วยปั๊มด้วยเพราะพยาบาลเขาจะมาถามว่าลูกเรากินไปกี่ออนจนเรากลับมาพักบ้านลูกเราก็ดูดเต้าตลอดเรากลัวลูกกินไม่อิ่มก็พยายามเสริมนมผงแต่ลูกไม่กินซื้อนมมาต้องได้ทิ้งทั้งกระป๋องแล้วเราก็ดลิกไป3เดือนก็กลับมาพยายามใหม่ก็ไม่สำเร็จต้องทิ้งนมอีกเราเลยเลิกเลยเข้าหาข้อมูลเขาบอกว่านมแม่พอสำหรับลูกเสมอก็อุ่นใจค่ะที่ดิฉันอยู่เท่าที่เห็นมีนมผสมวางขายอยู่น่าจะ2 ยี่ห้อเองนะ เราไปไทยเห็นตามห้างนมสารพัดยี่ห้อเลยออ้เราอยู่ออสค่ะ ที่นี่สนับสนุนนมแม่ค่ะตอนฝากท้องฝากสองที่คือกับหมอที่คลีนิคกับโรงพยาบาล แต่ไม่เคยเห็นโปสเตอร์เกี่ยวกับนมผงติดเลยค่ะ และตอนนี้ลูกคนที่2ฝากกับอีก รพ ก็ไม่มีเหมือนกันค่ะ เป็น รพ รัฐค่ะ เห็นมีแต่ป้ายเกี่ยวกับนมแม่ แค่อยากแชร์ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (ทอฝันบนสายร้ง) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:53:23

ความคิดเห็นที่ 56 เป็นกำลังใจค่ะ คุณ Jo_Smart ไม่มีคำว่า perfect mom ในโลกค่ะ แม่ที่ให้นมแม่ก็ไม่ perfect ค่ะ ไม่อยากจะบอกว่าคห.2 นี่ป่วนจริงๆ sign in มาเม้นท์สิคะ คุณทำให้กี่คนเสียใจ เพื่ออะไรคะ ไม่สร้างสรรค์เลย ที่สงสารก็เป็นแม่ที่รายได้น้อยค่ะ พอเจอการตลาดที่อวดอ้างหรือโดนสกัดนมแม่ตั้งแต่ที่รพ. มาต่อนมผงที่บ้านก็จบกัน ต้องกินนมผงต่อไป (มีเงินไม่เป็นไรค่ะ) แต่แล้วเค้าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายเดือนละ 3-4 พัน ไม่ได้ดูถูกนะคะ ดูตามห้างสิคะ ทำไมพันกันขโมยที่กล่องนมผง ก็เพราะเค้าจนจนต้องขโมย ไม่งั้นจะเอาอะไรให้ลูกกิน? แม่กลุ่มนี้จะเป็นอีกกลุ่มที่กฏหมายนี้มาช่วยคุ้มครองค่ะ สังเกตไหมคะว่าทำไมต้องใช้สำเนาทะเบียนบ้านด้วย ทั้งที่บัตรประชาชนก็บอกแล้ว สมาร์ทการ์ดก็มีไม่ใช่หรือ แต่มีคนจงใจให้เป็นกฏหมาย "ยากขึ้น" ทราบว่าต้องใช้ 10,000 ชื่อก่อนถึงจะยื่นเรื่องได้ค่ะ ไม่ใช่จะผ่านง่ายๆ เพราะผลประโยชน์เยอะนะคะ เฮ่อ และเห็นด้วยว่า ภาครัฐต้องประชาสัมพันธ์มากกว่านี้ค่ะ จะพูดแค่ "6 เดือนแรก นมแม่อย่างเดียว" ใครจะเข้าใจและทำได้โดยไม่มีปัญหา เท่านี้่ก่อนค่ะ มึนๆ จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:08:38

ความคิดเห็นที่ 57 เราก็นมน้อยคะ ตั้งแต่คลอดเลย แต่เราศึกษามาตั้งแต่ท้อง ไม่ยอมให้ลูกกินนมผสม ลูกกินได้ครั้งละออน2ออน เราก็อดทน ยอมเหนื่อย ให้ลูกกินบ่อยๆ หิวก็จับยัดเต้าๆ ตอนนี้ลูกเราจะ9เดือนแล้ว เราปั้ม3รอบ ได้8ออน แค่พอให้ลูกกินวันต่อวัน เรายังพยายามเลยคะ และคิดว่าจะให้กินไปเรื่อยๆด้วย ยอมเหนื่อยคะ เราว่าปัญหามันอยู่ที่ความคิดว่า นมชั้นไม่พอๆ ถ้าเราให้ลูกดูดบ่อยๆยังไงก็พอคะ อย่าลืมว่าเวลาเราปั้ม กับลูกดูดมันต่างกัน ลูกดูดได้มากกว่าปั้มออกอยู่แล้วคะ จากคุณ : the_best_mum เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:14:35

ความคิดเห็นที่ 58 ***  ตอบ *** คุณแก้มยุ้ยค่ะ *** ร.พ.พญาไท3 ไม่ได้สนับสนุนเรื่องนมแม่ค่ะ เราเป็นแม่คนนึงที่ตั้งใจเลี้ยงลกด้วยวิธีธรรมชาตอมาก ๆ เราคลอดเองโดยไม่ได้ใช้ยาใดๆทั้งสิ้น แม้กระทั่งพาราเตตามอล แต่สุดท้ายคลอดลูกมาต้องโดนจับแยกแม่ลูก พอคลอดเสร็จนางพยาบาลก็จะนำเด็กไปที่ห้องเด็กและนำแม่ไปที่ห้องพักฟื้น ถ้าจะให้นมต้องลงไปที่ห้องเด็ก ซึ่งจะมีเวลาให้นมเป็นเวลา เหตุผลคือกลัวเด็กติดเชื้อไข้หวัด 2009. จากผู้ที่มาเยี่ยม ดิฉันเพิ่งรู้ในวันทั่คลอดแล้ว ไม่แย่างนั้นจะไม่คลอดที่นี่อย่างเด็ดขาด ตอนนั้นเศร้ามากค่ะเหมือนโดนพรากแม่พรากลูก ลูกจะดูดบ่อย ๆกระตุ้นน้ำนมก็ทำไม่ได้ค่ะเพราะว่ามีรอบให้นม พยาบาล ( บางคน) ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะสอนท่าทางการให้นม มีเปิดซีดีสอน แต่ก็ไม่ดีเท่าสอนปฏิบัติจริงหรอกค่ะ ยิ่งเราเองมีปัญหาหัวนมสั้นยิ่งยากค่ะ คุณพ่อแอบเห็นพยาบาลให้นมขวดด้วยค่ะ พอเราลงไปให้น้องอิ่มแล้วก็ไม่ค่อยดูด T T. โอยยเอาเป็นว่าผิดหวังมากก ถ้าคุณแก้มยุ้ยอยากให้นมแม่จริง ๆ ลองหาข้อมูลโรงพยาบาลดูให้ดี ๆนะคะ จากคุณ : Ai's MaMa เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:30:24

ความคิดเห็นที่ 59 จขกท.ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านหรือโพสสักเท่าไหร่ค่ะ ไม่ค่อยรู้จักใคร แต่มน.มานามิ แกดังจริง เลยรู้จัก ไม่ค่อยกล้าโพสเหมือนกัน นานๆโพสที เพราะมันก็ท้อแท้ แต่ก็อยากจะให้เด็กไทยกินนมแม่มากกว่านี้ โพสทีไร ก็จะมีแม่นมผงน้อยใจทู้กที  ถ้าเริ่มจะพูดทีไร จบด้วย "นมผงก็ไม่เป็นไร" ก็ เฮ้อ เหนื่อยค่ะ ยังไงก็ช่วยๆกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องดีกว่า จริงๆจขกท.ค่อนข้างอยากให้มีการอบรมแม่ตั้งครรภ์มากกว่า เพราะถ้าคลอดแล้ว ได้นมผงไปแล้ว อันนี้พูดให้กลับมากินนมแม่แล้วเหนื่อย เอาเรื่องนมน้อยก่อนนะคะ (ถ้าใครที่ทราบแล้ว ทำแล้ว มีปัจจัยที่ทำให้ทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียใจค่ะ ถ้าใครยังไม่ทราบ และทำไม่ได้เพราะไม่รู้มาก่อน เรามาช่วยคนรุ่นหลังกันนะคะ เหมือนแม่บางคนที่ตอนลูกคนแรกไม่เข้าใจ แต่มาเข้าใจเอาตอนลูกคนที่สอง) แรกคลอด ส่วนใหญ่จะนมน้อยทั้งนั้นค่ะ เพราะ ร่างกายของลูก ไม่ได้ต้องการนมเยอะในวันแรกๆ แต่เมื่อดูดกระตุ้นอย่างถูกวิธี และบ่อยพอ(อาจจะดูดทุกชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืน) ก็จะสร้างน้ำนมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของลูก แต่ ส่วนใหญ่รพ.ป้อนนมขวด ทำให้น้องอิ่ม ติดจุก ดูดนมแม่ไม่เป็น พอกลับบ้าน ลูกกินนมแม่แล้วหงุดหงิด (เพราะดูดนมแม่ ต้องใช้พลังหน่อยค่ะ ใช้ลิ้นรีดนม ออกแรงดูด ใช้เวลาให้เต้านมสัมผัสปากลูก สั่งสมองให้หลั่งฮอร์โมน แล้วนมถึงจะไหล แต่นมผง แค่รอ กลืนอย่างเดียว)ร้องไห้งอแง แม่ก็นึกว่านมไม่พอ, แม่ปั๊มนม นมไม่ออก ออกน้อย ไม่ถึงออนซ์ ก็นึกว่านมไม่พอ, ลูกกินบ่อย กินนาน ก็นึกว่านมไม่พอ,ฯลฯ ซึ่งจริงๆแล้ว ช่วงนี้นมน้อยเป็นเรื่องธรรมดา เอาเป็นว่าผ่านไปหนึ่งเดือนโดยไม่เสริมนมผง ลูกน้ำหนักขึ้น 600 กรัม ก็ถือว่านมพอแล้วค่ะ (เด็กนมวัวอาจจะหนักกว่านี้ ขึ้นเป็นกิโล-ยิ่งทำให้แม่ให้นมเสียเซลฟ์หนัก) ไหนแม่จะเครียดอีก นึกว่าตัวเองนมไม่พอจริงๆ นมยิ่งไม่ไหลเข้าไปอีก แม่ๆพยาย้าม พยายาม กินอาหารบำรุงน้ำนม กินน้ำวันละสามลิตร อยู่ไฟที่เค้าว่าทำให้นมไหล โยคะที่เค้าว่าทำให้นมไหล  เครื่องปั๊มนมที่เค้าว่าปั๋มดีฯลฯ ทำไมนมชั้นก็ยังน้อย ที่สำคัญที่สุด คือให้ลูกดูด(ให้ถูกวิธี และห้ามเครียดค่ะ) ถ้าให้ลูกดูด แล้วไม่กินอาหารบำรุงน้ำนม (แต่ต้องกินให้อิ่มนะคะ) ไม่อยู่ไฟ ไม่โยคะ มีนมให้ลูกมั้ย มีค่ะ ตรงข้าม ถ้าทำทุกอย่าง แต่ไม่ให้ดูด ไม่ปั๊มบ่อยๆ และเครียด ก็ไม่มีนม ค่ะ นมแม่โดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องของอุปสงค์ อุปทานค่ะ ดูดมาก ผลิตมาก ดูดน้อย ผลิตน้อย ดูดหรือห่างเกินสามชม. ปั๊มได้น้อยลง(เพราะระดับฮอร์โมนขึ้นสูงสุดทุกสามชม.)สมมติว่าอยากไดสต็อก ก็ค่อยๆทำ ครั้งแรกที่ปั๊ม ก็จะได้น้อย เพราะร่างกายต้องการปรับตัวสักอาทิตย์นึงก่อน ปั๊มประจำ เดี๋ยวก็ได้มากเอง ถ้าผ่านช่วงแรกนี้ไปได้ ก็ค่อนข้างสบายแล้วค่ะ (จขกท.ก็เคยคิดว่าตัวเองนมไม่พอเหมือนกัน) เรื่องไปทำงานจะให้นมยังไง ค่อยหาความรู้กันต่อ ความคิดเห็นที่ 40 แม่ๆ สมัยนี้ ไม่ได้ โง่ ขนาดว่าไม่รู้ว่านมแม่ดี ตอนนี้หลายคนทราบว่านมแม่ดีค่ะ แต่ที่ยังไม่ทราบคือเรื่องกลไกกระบวนการสร้างน้ำนม และวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องค่ะ และยิ่งคอยมีบ.นมผงไซโคอยู่ด้วย ถึงได้ให้นมผงกันมากเกินความจำเป็น (จำเป็น เช่น ลูกปากแหว่ง เพดานโหว่ ดูดนมไม่ได้,แม่ต้องกินยาต้านมะเร็ง)แถมเจอรพ.ไม่มืออาชีพ บุคลากรไม่สนับสนุนนมแม่อีก ไหนจะความเข้าใจผิดอื่นๆอีกมากมาย เช่น ประจำเดือนมาแล้วต้องเลิกให้นม(ประจำเดือนมาจะทำให้นมลดไปหน่อยในช่วงที่มีประจำเดือน พอประจำเดือนหมดก็นมมาเหมือนเดิมค่ะ) ลูกไม่ถ่ายหลายวันเพราะนมแม่( ถ้านมแม่ล้วน เดือนที่สองเป็นต้นไป ไม่ถ่ายสิบวันก็ถือว่าปกติค่ะ ถ้าไม่มีอาการข้างเคียงอื่นๆ)ตัวเหลืองต้องกินนมผงฯลฯ หาความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้่งได้จากเว็บนมแม่ คห. 16 เราว่านมแม่ต้องทำการประชาสัมพันธ์ให้เยอะๆกว่านี้อ่ะค่ะ   ไม่มีตังค่ะ แถมประชาสัมพันธ์ยากมั้ยล่ะคะ อ่อนไหวค่ะ (เห็นมั้ยคะพูดถึงนมแม่ทีไร ก็จะชุลมุนแบบนี้ทุกที) นมผงมีเงินมากมาย ทำตลาดทางตรงทางอ้อม เนียนๆจนคนไม่รู้ ความคิดเห็นที่ 24     ตอนนี้ท้องแรกค่ะ อยากทราบว่าถ้าเราบอกกับคุณหมอหรือพยาบาลไว้ว่า เราตั้งใจจะให้ลูกกินนมแม่ อย่าเพิ่งให้นมผสมกับลูกเรา เค้าจะทำตามที่เราขอมั้ยคะ อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ ขึ้นอยู่กับรพ. แต่ถ้าเค้าป้อนนมผสมด้วยแก้ว ก็ยังดีกว่าป้อนขวดค่ะ ถ้าเค้าป้อนขวดไปแล้ว ถ้าลูกติดจุก เราก็ต้องพยายามให้ลูกกลับมาดูดนมเรา (เหนื่อยหน่อย แต่ก็ทำได้กันเยอะค่ะ) "คนส่วนใหญ่ให้นมแม่ไม่สำเร็จเพราะขาดการหาความรู้ตั้งแต่ตั้งครรภ์" อันนี้เห็นด้วยค่ะ สำหรับคนที่ให้ไม่สำเร็จแม้ว่าจะหาความรู้มาแล้ว อันนั้นเป็นส่วนน้อยค่ะ ส่วนจขกท. ก็ไม่เคยหาความรู้มาก่อนเหมือนกัน มาหาเอาทีหลัง บุญยังมีได้ที่ปรึกษาดี ดันสำเร็จ ก็เป็นคนส่วนน้อยอีกล่ะค่ะ ความคิดเห็นที่ 41 สนับสนุนคนที่มีน้ำนมให้ลูก ให้สามารถให้นมลูกนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ดีกว่าไปไล่ต้อนจากสื่อโฆษณา หรือการตลาดค่ะ เท่านั้นไม่พอค่ะ นมผงทำการตลาดครอบคลุมไปทุกหนทุกแห่ง ประเทศที่เข้มงวด จะไม่เป็นอย่างเราค่ะ ที่อังกฤษ ที่ออสเตรเลีย ในห้าง แทบไม่มีนมผงขายเลย ที่บราซิล ถ้าจำไม่ผิด ฉลากนมผงหน้าตาเหมือนกันทุกยี่ห้อ ฯลฯ มันบอกอะไรบางอย่าง คุณ Jo_Smart ความเครียดมีผลกับน้ำนมจริงๆค่ะ ความเครียดจะไปลดการหลั่งฮอร์โมน prolactin, oxytocin ที่ช่วยในการสร้างและหลั่งนมแม่ค่ะ เรื่องมากคน มากความ ครอบครัวใหญ่ เข้าใจและเห็นใจค่ะ เราหัวอกเดียวกัน Y_Y ถ้ามีลูกอีกคน ขอให้คุณไม่เครียดนะคะ ^^ เชื่อว่าอย่างอื่น คุณทำได้ดีอยู่แล้ว คห.45 เราว่าสาเหตุไม่ได้มาจากการโฆษณาค่ะ คนที่ให้นมแม่ไม่พอแล้วต่างหาก ถึงจะหันมามองนมผงตามชั้นในห้าง เราคนนึงละค่ะ ที่ไม่คิดว่าการตลาดของนมผงเป็นประเด็นหลัก ถ้าโลกนี้ไม่มีนมผง..แม่ก็ไม่มีทางเลือกมาก ยังไงก็ต้องมึนๆนมแม่กันไปล่ะค่ะ นี่หันไปไหนก็นมผง รพ.ก็นมผง ห้างก็นมผง ตอนนี้คนในรัฐบาล,คนในที่ทำงาน,คนในครอบครัว ฯลฯ นึกว่ากินนมผงเป็นเรื่องปกติ ถ้าคุมการตลาดนมผงได้ คนก็คงจะเข้าใจเรื่องนมแม่มากกว่านี้ และพยายามช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยมากกว่านี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 23:50:23 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 23:43:36 จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:37:51

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ best_mom ลองทำจี๊ดนะคะ แวะไป ฟบ. นมแม่ก็ได้ค่ะ เพิ่งมีคนโพสต์แนะนำวิธีทำจี๊ด คุณ Ai's Mama เห็นด้วยค่ะ รพ.ไม่สนับสนุนจริง พญาไท 2 ก็ไม่ค่อยไหวค่ะ พยาบาลไม่เก่งเรื่องนมแม่แถมพูดให้ใจหาย ไม่ให้กำลังใจเลย นอกเรื่องนิดนึง ระวังของหายนะคะ รพ.ไม่รับผิดชอบ แปะป้ายไว้เลยค่ะ น้องสาวยัดกล้องไว้ในตู้ค่ะ ก็ประมาทเอง พอสามีไปแจ้งความที่สน.พญาไท ตร.บอกว่าโดนเยอะค่ะ จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:44:41

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านแล้วอยากเขียนอะไรยาว คิดอะไรในหัวเต็มไปหมด เข้าใจทั้งแม่นมผง และนมแม่นะคะ รักลูกกันที่สุดของที่สุดทั้งนั้น ไม่มีใครรักน้อยกว่ากันหรอก แม่ที่ให้นมแม่ไม่ได้เก่งเชื่อว่าเพราะมีปัจจัยอะไรจำเป็น แต่ส่วนหนึ่งและ ส่วนใหญ่เพราะข้อมูลไม่ถึง คนให้นมแม่เก่งเชื่อว่าผ่านการทรมานมาด้วย กันแทบจะทุกคน เท่าที่ถามดูรอบข้างที่ให้นมแม่เนี่ยเจอแค่ 2 คนที่ไม่เจ็บ ในขณะที่เก่งเองเนี่ยลูกกินนมมา 7 เดือนยังทรมานอยู่เลย จำได้แม่นว่า ลูกได้นมหยดแรกวันที่ 3 ตอนอยู่โรงพยาบาล ถ้าเป็นคนข้อมูลไม่ถึงหรือ อากง อาม่ากดดันหนัก(เก่งก็โดนกดดันแต่ดื้อสู้ตาย)ก็คงต้องหยอดนม ขวดไปเป็นแน่แท้ นมมาวันที่ 3 ทั้งที่เราปั๊มทุก 3 ชั่วโมงก่อนลูกดูด ทำ ตามข้อมูลที่ได้มาทุกอย่าง แถมได้ Motillium ช่วยด้วยนะเนี่ย กว่าจะ เค้นนมหยดแรกออกมาได้แทบขาดใจ เห็นนมหยดแรกคาขวดเครื่องปั๊ม นี่แทบจะปาดไปให้ลูกกิน น้ำตาแทบไหล เก่งจะเล่าให้เพื่อนที่กำลังท้อง ทุกคนฟังแบบนี้ว่ามันไม่ได้มาง่ายๆ แต่ทำได้เพราะสมัยก่อนเราไม่มี นมป๋องแม่เราก็เลี้ยงมาจากนมเต้าได้ แปลว่จริงๆมันต้องได้แต่เราโดน บิดเบือนความจริง หลายๆโรงพยาบาลที่บอกว่าสนับสนุนนมแม่ก็มีบุคคลากรที่ไม่รู้เรื่องนม แม่ก็เยอะแยะ พยาบาลไม่รู้วิธีปั๊มนมที่ถูกวิธี บริษัทนมผงก็ปาวๆว่าเทียบ เท่านมแม่ เหล่านี้ต่างหากที่เราต้องช่วยกันว่าทำอย่างไรให้แม่ทุกคนได้ รับข่าวสารที่ถูกต้อง สุดท้ายอยากให้ทุกคนมองกันเป้าหมายเดียวคือช่วยกันพัฒนาเด็กไทย ให้ดีที่สุด ช่วยกันทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ ซึ่งคงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเราไม่มี ประชากรที่ดีซึ่งจะได้มากก็จากพวกเราทุกคนช่วยกันสร้างคนละ 1 คน 2 คนตามแต่ใครจะไหวแค่ไหนนะคะ ฮ่า ฮ่า  *^o^* แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 00:04:14 จากคุณ : IcyRose เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 00:02:16

ความคิดเห็นที่ 62 เราสนับสนุนนมแม่นะคะ แต่เราให้ทั้งนมแม่และนมผสม กลางวันนมแม่ กลางคืนนมผสม ถ้าน้ำนมเราเยอะเราก็ให้สองแบบอยู่ดี เพราะ 1. เราเชื่อว่านมแม่มีชนิดสารอาหารมากกว่านมผง 2. เราเชื่อว่านมแม่มีสารอาหารครบถ้วยตามที่ร่างกายมนุษย์ทารกต้องการ 3. นมแม่มีภูมิต้านทานจากร่างกายแม่ในขณะที่นมผงไม่มี**อันนี้สำคัญ** 4. นมแม่ประหยัด สะดวก ถ้าเป็นแม่ full time แต่ถ้าเป็นแม่ปั๊มเก็บก็ประหยัดน้อยลงมาหน่อย 5. ลูกเราก็ต้องกินนมเรา ถ้าเรามีนม และที่เราให้นมผงร่วมด้วย เพราะ 1. เราไม่เชื่อว่าแม่ทุกคนจะให้สารอาหารทั้งหมดใน "ปริมาณสารอาหาร"    (ไม่ใช่ปริมาณน้ำนมนะ) ที่เพียงพอต่อลูกได้จริง ๆ ยกตัวอย่าง    นมแม่ มีสารอาหาร 1 - 200 ชนิด นมแม่ให้ได้ถึง 200 ชนิด แต่ว่า    แต่ละชนิดจะให้สารในปริมาณเท่าไร มีวิธีหาได้ แต่ตั้ง 200 ชนิด    แค่แต่ละมื้อที่แม่กินอาหารไม่เหมือนกันสารพวกนี้ก็มีในปริมาณต่างกัน    แล้ว การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์นั้นเค้าใช้หลักสถิติร่วมด้วย    สารอาหาร 200 กว่าชนิดนั้นพบในนมแม่แต่ไม่ได้หมายความว่าพบได้    ในนมของแม่ทุกคน++หรือ++แม่ทุกคนก็ไม่สามารถให้สารอาหารเหล่านี้    ในปริมาณเท่าๆกันทุกครั้งที่ให้นมลูก  แต่เค้าบอกเป็นในเชิงครอบคลุม    ชนิดของสารทั้งหมดที่เคยตรวจพบมา 2. นมแม่สารอาหารที่ได้นั้นไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแม่เป็นสำคัญ    ไม่ว่าจะกินอะไร ทำอะไรพักผ่อนยังไง ฯลฯ ล้วนเป็นตัวแปรที่มีผล    กระทบต่อสารอาหารใรนมแม่และปริมาณน้ำนมทั้งนั้น ซึ่งนมผงเค้า    ควบคุมตัวแปรตรงนี้ได้ 3. เราก็กินนมผง นมชง นมกล่อง นมเปรี้ยว เพื่อให้เป็นประโยชน์กับ   ร่างกายแม่ จะได้มาสร้างน้ำนมให้ลูก แม่กินได้ลูกคงกินได้นะ ^^ 4. ถ้าเราไม่มีนมเราก็ไม่ให้ลูกเรากินนมแม่คนอื่นนะคะ เพราะสะอาด   เรากับสะอาดเค้ามันไม่เท่ากัน สรุป ยังไงเราก็ต้องการสารอาหาร 1 - 200 ในนมแม่นั่นแหละค่ะ      แต่เราจะให้สารอาหารจากนมผงแล้วมันไปซ้ำที่มันมีอยู่ในนมแม่บ้าง      ลูกเราก็ไม่เป็นไรหรอก อันไหนมีประโยชน์เราเอาหมด จุดมุ่งหมาย      ของเราขอแค่ลูกเราแข็งแรง พัฒนาการดี มีความสุข เป็นคนดี อยู่ใน      สังคมนี้ได้เราก็ดีใจแล้วค่ะ ความเห็นส่วนตัวจ้า ^^ ของ ๆ เรา เราว่าดีได้ แต่ต้องระวังว่าอย่าเอามันไปทับถมคนอื่นนะคะ ว่าแล้วก็ไปปั๊มนมอันน้อยนิดของเราดีฟ่า จากคุณ : Krabai_Fern เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 00:22:04

ความคิดเห็นที่ 63 เข้าใจเจตนาที่หวังดีของจขกทค่ะ เข้าใจคุณแม่ทั้งแบบแม่นมผงและแม่นมแม่ด้วย ใครๆก็รักลูก จะเลี้ยงด้วยนมแบบไหนมันก็ดีทั้งนั้น แต่ก็ยอมรับว่านมแม่ดีที่สุดจริงๆ ทีขอบมากคือมันประหยัดและเร็ว หิวก็ดูดเลยทันใจดี การตลาดของนมผงเราก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกันดูบิดเบือนข้อมูลซะมาก สนับสนุนกฎหมายนี้สุดๆ ถ้าไปป.ณ.จะหนีบซองไปด้วยค่ะ เผื่อเด็กไทยจะได้มีโอกาสกินนมแม่กันมากขึ้น จากคุณ : k.lover เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 02:29:41

ความคิดเห็นที่ 64 ขอเเนะนำผู้ที่สนับสนุนให้นมเเม่นะคะ ทำไมไม่ทำรายละเอียด ขั้นตอน ปัญหาทำไมไม่มีน้ำนม วิธีกู้น้ำนม ให้ละเอียด เเปะเป็นกระทู้เก็บไว้ในคลังที่พันทิบนี่เลย ใช่ คุณมีเว็ปนมเเม่ มีเฟซบุค เเต่เเม่หลายคนไม่ถนัดเทคโนโลยี หรือเเค่เข้าพันทิบก็หมดเวลาเเล้ว อาจตามไปไม่ถึงเว็ปอื่นที่มีประโยชน์ บางทีพันทิบก็บล็อคการเเปะลิงค์เว็ปอื่น ดิฉันเป็นหนึ่งในผู้ที่ตั้งใจให้นมเเม่ลูกคนเเรกค่ะ ถึงขนาดจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมเเม่มาสอนที่บ้านเลย เเต่มันไม่สำเร็จ ต้องให้คู่กันไปจนลูกได้สามเดือน ก็ต้องลาจากนมเเม่กลายเป็นนมผง การคลอดกับการเลือกโรงพยาบาลก็มีส่วน บางโรงพยาบาลเเอบให้นมผงก่อนเอาลูกมาส่งให้เเม่ อ้างว่ากลัวเด็กตัวเหลือง หรืออะไร ต่างประเทศลูกไม่ได้กินนมสามสี่วันเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมเด็กเขาอยู่ได้ ขออีกตัวอย่าง ต่างประเทศบางประเทศ กฏหมายออกมาชัดเจนค่ะว่า นมผงสูตร ๑ สำหรับทารกเเรกเกิดถึง ๖เดือน ทำโฆษณาไม่ได้ ลดราคาไม่ได้นะคะ จะลดราคาขายได้สำหรับสูตร ๒ เป็นต้นไป สอดคล้องกับข้อเเนะนำของยูนิเซฟค่ะ เเต่ดิฉันเป็นอีกคนที่จะบอกว่า คนที่ให้นมผงลูก ก็ไม่ควรรู้สึกผิด มันไม่มีจะให้ จะให้ทำอย่างไรได้ ความเป็นเเม่คงต้องเลือกวิธีที่ทำให้ลูกของตัวเองอยู่รอด ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ลูกเเข็งเเรงดีค่ะ ไม่เคยเจ็บป่วยเลยจนสี่ขวบกว่านี่เเล้ว พัฒนาการก็จัดว่าดี ทั้งๆที่เลี้ยงเเบบทิ้งๆขว้างๆนี่เเหละค่ะ จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 02:31:27

ความคิดเห็นที่ 65 เด็กบางคนเป็นโรค. หรือแม่บางคนเป็นโรค ยังไงก็ดูดไม่ได้ แม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ได้นมแม่ก็ยัวไม่พอ พวกนี้ยังไงก็ต้องใช้นมผง ไม่รวมพวกแม่เสียชีวิตหรือทิ้งลูกไปอีก อย่าไปออกตัวแรงจนบริษัทนมผงเจ๊งหายตายจาก อย่างไรพอครบจำนวนเดือนที่แม่ต้องทำงาน นมผงก็จำเป็น ว่าแต่เค้าสำรวจยังไง ถามคนเลี้ยงใช่ไหม ถ้าตัดพวกทิ้งลูกออกไป เดี๋ยวนี้คนไทยก็ได้รับการส่งเสริมเรื่องนมแม่เยอะและกินนมแม่นานขึ้นจริงๆนะ จากคุณ : เขียนบน iPad (Dr.boyze) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 05:54:21

ความคิดเห็นที่ 66 เค้าพูดถึง"คนส่วนใหญ่"ที่เป็นเหยื่อทางการตลาดของการโฆษณาเกินจริงจากนมผงบางยี่ห้อไม่ใช่เหรอคะ ถ้าบางคห.คิดว่าไม่ได้ใช้นมผงเพราะแรงจูงใจทางการตลาดชวนเชื่อ ก็ไม่เห็นต้องโต้แย้งใดๆเลย มันคนละประเด็นกันนะคะ เราสนับสนุนความคิดจขกท.นะ แต่การที่จะทำให้เป็นข้อบังคับทางกม.ก็คงต้องได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสถาบันทางการแพทย์- แพทย์ พยาบาลยังให้ข้อมูลไม่ตรงกัน บางคนก็ขาดจริยธรรมมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทยา บริษัทนมผง ผู้บังคับใช้ข้อกม.ก็ไม่เข้มแข็ง มันคงยากสักหน่อย แต่โดยรวมก็เป็นความคิดริเริ่มที่ดีอันหนึ่ง-- เป็นกำลังใจให้นะคะ เราเองก็เห็นว่า"คนส่วนใหญ่"ห้องนี้ชอบมาตั้งกระทู้ถามว่าเพิ่งคลอดไม่มีน้ำนม ปั้มแล้วไม่มีน้ำนม แล้วมันจะมีได้อย่างไรคะ เท่าที่เราอ่าน ร้อยละ 99 ของแม่ๆห้องนี้จะผ่าคลอดเป็นส่วนใหญ่ ประการแรก ลูกไม่ได้เลือกคลอดในวันเวลาที่เค้าต้องการ ร่างกายคนเป็นแม่ก็ยังไม่พร้อมที่จะผลิตน้ำนม ประการที่สอง รู้หรือไม่ว่าเด็กเพิ่งคลอด กระเพาะยังเล็กเท่าลูกปัด ยังไม่ต้องการน้ำนมเยอะมากมายในสองสามวันแรกก็อยู่ได้ แต่แม่ควรจะเอาลูกเข้าเต้าตลอด นอกจากจะให้ลูกช่วยดูดกระตุ้นแล้ว ยังสร้างสัมผัสใกล้ชิดทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น การเอาลูกเข้าเต้าไม่ถูกวิธีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ไม่ว่าจะทำให้หัวนมแตก หรือลูกร้องโวยวาย เลยคิดว่าไม่มีน้ำนม แถมมาตั้งกระทู้บอกว่าลูกไม่เอาเต้า ไม่ใช่ว่าคลอดลูกปุ๊บ ปั้มนมเลย ควรจะให้ลูกเป็นคนดูดกระตุ้นเท่าที่เค้าต้องการ และไม่ควรสรุปว่าเราปั้มได้ 1 ออนซ์แล้วมันจะเท่ากับที่ลูกดูดกระตุ้นโดยตรง ถ้าแม่ๆต้องกลับไปทำงาน สามเดือนแรกอยู่กับลูกก็ให้ลูกดูดเต้าไปเถอะค่ะ ใช้เครื่องปั้มออกเมื่อคัดเต้า หรือจะเก็บเป็นสต๊อกก็แล้วแต่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณการเลี้ยงลูกของแม่ๆแต่ละคนด้วยค่ะ ขอให้สนุกกับการเลี้ยงลูกทุกๆคนนะคะ จากคุณ : lama89 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 06:55:44

ความคิดเห็นที่ 67 คห.62 ดีใจที่คุณพยายามปั๊มนมค่ะ เรื่องของคุณภาพน้ำนมยังมีหลายคนเข้าใจผิดค่ะ ว่า ถ้าแม่ไม่บำรุงนมแม่จะไม่มีประโยชน์ จริงๆแล้วแม้แต่น้ำนมของแม่เอธิโอเปียที่ขาดอาหาร ก็ยังมีคุณภาพมีสารอาหารจำเป็นเท่าเทียมกับแม่ที่ร่างกายสมบูรณ์(ไม่พูดเรื่องปริมาณนะคะ). ถ้าแม่กินอาหารมีประโยชน์ถือเป็นโบนัส สารอาหารที่เติมไปในนมวัวทารกไม่ได้ต้องการ อาจจะเป็นชื่อเดียวกันแต่สกัดจากคนละอย่าง บางอย่างเติมมาเป็นภาระต่อร่างกายที่ต้องขจัดออกไปด้วยซ้ำ ขจัดไม่หมดก็ตกค้างในร่างกาย อาจก่อให้เกิดแบคทีเรียในลำใส้(ลูกใครกินนมผงแล้วไม่ค่อยป่วยถือว่าโชคยังดีค่ะ) ใครที่กินนมวัวแล้วลูกไม่มีอาการแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กแพ้นมวัวกันเยอะมาก และแพ้ผ่านนมแม่เพราะแม่ทานนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัวมากเกินไป เรื่องที่สี่นมคนอื่น เรื่องนี้sensitive ค่ะ แม้แต่วงการนมแม่ยังอ่อนไหว เราไม่ขอพูด ข้อมูลเหล่านี้มันค่อนข้างลึกค่ะ คนยังเข้าไม่ถึง(คนที่ทราบแล้วก็ดีแล้วค่ะ) คห.64 พวกเราเข้าเว็บนมแม่ เฟซบุค ไปตอบคำถามก็หมดเวลาแล้วเหมือนกันค่ะ เรามีกันไม่กี่คนทำด้วยใจไม่ได้เงิน ต่างจากนมผงที่มีคนทำงานเยอะ พยายามเผยแพร่ข้อมูลอยู่เรื่อยๆล่ะค่ะ ถ้าอยากช่วยกันก็ช่วยกันเผยแพร่ต่อได้ค่ะ คห.65ยูนิเซฟสำรวจละเอียดมากค่ะ มีติดตามผลหลายรอบ. ไปลงสำรวจตามหมู่บ้านฯลฯ ยูนิเซฟสำรวจได้ห้าเปอร์เซ็นต์ กรมอนามัยได้15เปอร์เซ็นต์ สี่ห้าปีมานี้อาจจะดีขึ้น แต่คิดว่าไม่มากค่ะ จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 07:00:18

ความคิดเห็นที่ 68 เราว่า... เริ่มต้นด้่วยการ Blame ว่ามีคนบางส่วนไม่ศึกษา โดนหลอก โดนมอมเมา ไม่มีความรู้ หรือไม่มีโอกาส มันเจ็บจี๊ด... ทุกคนมีประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งอาจจะเหมือนหรือต่างจากทฤษฎีส่วนรวม ถ้าเราบอกว่า ... การให้นมลูกเป็นวาทกรรมของเพศชาย ในการกดขี่ให้ผู้หญิงที่ออกลูกแล้ว ต้องวนเวียนอยู่กับบ้านเป็นระยะเวลานาน พลาดโอกาสในการเข้าทำงานทันทีหลังคลอด ผลักภาระการดูแลลูกมาให้ลูก ทำให้แม่พลาดโอกาสในความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับผู้ชาย เราก้อพูดได้ใช่ไหมหล่ะ ก้อนั่นมันมาจากประสบการณ์เรา ถูกผิดค่อยว่ากัน   เรื่องให้นมแม่ ให้นมผงนี่มันละเอียดอ่อนมาก 1. มันเป็นเรื่อง "ส่วนบุคคล" 2. เวลาไปคิดแทนคนอื่นเขานั้นจึงไม่สมควรจะพูดออกมาดังๆ 3. มันเป็นเรื่องการตลาดระดับโลก ทุกวันนี้ละครน้ำเน่าที่เราดูอยู่ทุกวันนั้นดำเนินไปได้ด้วยนมผงหลากหลายยี่ห้อ   เรื่องนมแม่ก้อไม่ได้จะไม่มีการค้าโฆษณาเข้ามาเกี่ยวข้อง ปั๊มนมเครื่องนึง กำไรตั้งเท่าไหร่ ทั้งคนเอาเข้ามาขายโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เรื่องหัวหูจู๋จิ๋มนี่พูดลำบาก เถียงกันไม่จบ เชื่อว่าอีกร้อยปี คงพูดกันเรื่องนี้ต่อไป จากคุณ : ผีกองกอย เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 08:28:28

ความคิดเห็นที่ 69 เราให้นมลูกถึง 2 ขวบอ่ะ สต๊อกนมเต็มบ้านจนต้องเอาไปให้แม่บ้านที่ออฟฟิสที่ต้องเลี้ยงหลานเพิ่งคลอด(ลูกเอามาทิ้งไว้ให้เลี้ยง) คุณแม่ที่ถอดใจไม่ปั๊มนมในช่วงแรกเราเข้าใจเลย  เพราะใหม่ๆเราปั๊มยังไงก็ไม่เกิน 2 ออนส์ แต่ขยันปั๊ม ตั้งนาฬิกาปลุกปั๊มทุก 2 ชั่วโมง แม้ว่าลูกจะเพิ่งกิน ช่วงนั้นเหนื่อยมากเพราะไม่ได้นอนยาวๆเลย  แต่คุ้มมาก เพราะจากนั้นมานมเยอะมากกกกกกกกก การตั้งใจให้นมแม่เราว่าอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง นอกจากความมุ่งมั่นของแม่แล้วยังต้องมีการสนับสนุนจากคนรอบข้างด้วย ของเราถ้าไม่มีสามีลาออกจากงานมาช่วยดูแลงานบ้านและซักผ้าอ้อมคงทำไม่ได้ แถมมีคุณทวดคอยทำอาหารเรียกน้ำนมเสริมอีก ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นะคะ จากคุณ : อิ อิ อิ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 08:51:41

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องนมแม่นมผงเนี่ย มีกระทู้แบบนี้ทีไร ดราม่าทุกที น่าเบื่อหน่ายมาก ส่วนตัวเรา ที่เราเคืองมาตลอดก็คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้ข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับนมแม่นี่แหละ ประเภทที่ว่า นมแม่หลัง 6 เดือนไม่มีประโยชน์แล้ว ทำนองนี้ ประเด็นเรื่องบริษัทนมผงที่ให้ข้อมูลบิดเบือน เราก็เห็นด้วยกับจขกท.เต็มที่เลยค่ะ แต่เราขี้เกียจจะไปบอกใครไปแนะนำใครแล้ว รู้สึกเหนื่อยเปล่าน่ะค่ะ เอาเป็นว่าลูกใครลูกมัน เราก็เลี้ยงลูกเราให้ดีที่สุด ลูกคนอื่นก็เรื่องของคนอื่นไป ไม่เห็นจะต้องไปสนใจ คือสุดท้ายแล้วเราคิดแบบนี้ก็สบายหัวดีน่ะค่ะ จากคุณ : Lakesidemile เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 09:08:00

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าเราไม่เข้าห้องชานเรือน เราก็คงจะเีลี้ยงด้วยนมผงแน่ๆ คืือ จะไม่รู้วิธีบำรุงน้ำนม ปั๊มนม เก็บน้ำนม  ตอนนี้ลูกจะ 5 เดือนแล้ว นมแม่ 100% ค่ะ  บางคนที่ไม่เข้าใจก็บอกว่า เกิน 3 เดืิอนแล้ว สารอาหารในนมแม่น้อยแล้ว เลิกปั๊มได้แล้ว เราก็ปรี๊ดเลยค่ะ คือเค้าเหล่านั้นถูกการตลาดของนมผงกล่อมให้เชื่อว่า นมผงมีประโยชน์กว่านมแม่ค่ะ  เราเข้าใจคนตั้งกระทู้นะคะ เราก็อยากให้แม่ทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากคุณ : mcgal เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 09:35:57

ความคิดเห็นที่ 72 ลูกคนที่สาม ตัวเหลือง ต้องอยู่ตู้อบตลอด อาทิตย์แรก ได้ดูดกระตุ้นแค่วันละ 1 หนเท่านั้น กลับบ้านทเสริมนมแค่มื้อเดียว จากนั้นนมแม่ 100% (ตอนนี้สามเดือนแล้ว มาทำงานตั้งแต่ 1 เดือน ก็ปั้ม สลับกับกินจากอกมาตลอด) ลูกอีกสองคน กินนมแม่ล้วน จนประมาณขวบ (เพราะท้องคนที่สอง หยุดนมคนแรก ท้องคนที่สามต่อ ก็หยุดนมคนที่สอง) แค่จะบอกว่า ช่วงแรกก็สำคัญที่ให้ลูกดูดกระตุ้น แต่ถ้าพลาดช่วงแรกไป ก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาไม่ได้ค่ะ จากคุณ : แม่ลูกสาม (nongbow) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 09:36:14

ความคิดเห็นที่ 73 มาแชร์ข้อมูลอีกด้านค่ะ เราก็เป็นคุณแม่นมแม่คนนึง  ซึ่งต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำให้ได้ เราทำงานในโรงงานที่ชลบุรี  แต่เป็นระดับบริหาร  ในส่วนของระดับบริหารและหัวหน้าส่วนเอง เมื่อก่อนเราเห็นมีพี่คนนึง  ตำแหน่งสูงกว่าเราหน่อย  เค้าปั๊มนมให้ลูกเค้าตลอด  กินยาเพิ่มก็เคย พอเรามีน้องเราก็ทำเหมือนกันค่ะ   แต่ยังไม่วายโดนเอาไปเม้าท์ลับหลังว่า วันๆเอาแต่ปั๊มนมค่ะ ตอนแรกใช้ที่ปั๊มมือ  แล้วรีดให้หมดด้วยมือ  สุดท้ายก็ขี้เกียจล้าง เสียเวลา เลยบีบด้วยมือค่ะ (เมื่อยมาก) แต่เราก็ยังปั๊มมาเรื่อยๆ  พอสัก 8-9 เดือน  นมเริ่มไม่พอ  ก็เริ่มนมผสม แต่ยังกินเต้ากลางคืนและวันหยุด จน 1 ขวบ เต็มก็เหลือแค่ กลางคืนและวันหยุด  พอท้อง 2 ก็ต้องหยุดตอน 1 ขวบ 7 เดือนค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีน้องที่ทำงานอีก 2 คน  คนนึงให้นมแม่ 2 เดือน  พอมาทำงานก็ให้เฉพาะตอนเที่ยงกับกลางคืน สุดท้ายแม่เค้าก็เอาน้องไปอยู่ตจว.   อีกคนเป็นระดับล่างๆหน่อย เราลุ้นให้เค้าเลี้ยงนมแม่ ส่งต่อเครื่องปั๊มไปให้  แต่ลูกเค้ากินนมแม่แล้วตัวเหลือง  สุดท้ายก็นมกระป๋อง แต่ถึงเป็นนมแม่  เค้าก็ไม่อยากแว่บไปปั๊มนม  เพราะกลัวโดนหัวหน้าคนอื่นว่าเอาค่ะ ส่วนพวกคนอื่นๆเราไม่เคยเห็นเค้าพยายามเหมือนคนที่เราเล่ามาค่ะ เราว่าคนที่คุยกันในชานเรือนนี่  มีโอกาสและเวลาเพียงพอ แต่คนส่วนใหญ่  แม่ๆที่เค้าเป็นระดับแรงงาน  ไม่มีเวลาและโอกาสเลือกที่จะให้นมแม่ได้เลยค่ะ พนักงานในโรงงานเรา  ท้องกันบ่อยๆ  พอครบ 3 เดือนก็มาทำงานค่ะ ไม่มีใครมาปั๊มนมได้อย่างเราหรือพี่อีกคนแน่ๆ อยากให้ลองมาดูในแง่นี้บ้าง  เผื่อเราจะหาทางอื่นๆเพื่อช่วยการรณณรงค์ค่ะ จากคุณ : แม่ยายซ่าหริ่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 09:42:16

ความคิดเห็นที่ 74 K. อิ อิ อิ แสดงว่าต้องเป็นแพนด้าเหมือนเราแน่เลยค่ะ  อิอิ  มันทรมาณมากเลยน่ะค่ะกับตอนดึกที่นอนได้เพียงแค่ 2-3 ชม.  แล้วต้องตื่นมาปั้มนม   เวลาจะไปไหนมาไหนก็ต้องพกเครื่องปั้ม+กระเป๋าเก็บความเย็น+ไอซ์แพ็คไปทุกการเดินทาง (เหมือนบ้าหอบฟางเลย)  บางครั้งเราไปทำงานที่ต่างจังหวัดไปเช้าเย็นกลับเรายังต้องปั้มนมทิ้งเลยค่ะ   แต่เราโชคดีที่คนรอบข้างเราทุกคนสนับสนุนนมแม่ ถ้าใครที่ทำแบบเราในตอนนั้นแล้ววันนึงได้มองย้อนกลับไปเหมือนเราในตอนนี้  จะรู้สึกได้เลยค่ะว่ามันหายเนื่อยจริงๆน่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 09:45:43 จากคุณ : pee_mr เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 09:44:54

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านบบางคคห แล้วเพลีย นิสัยเสีย อีคิวต่ำจริง ไม่เคยมีใครสอนหรือมีจิตใต้สำนึกบอกหรือไงว่า การที่เรามีมากกว่าคนอื่น ไม่ได้แปลว่าคุณดีกว่าคนอื่น มีนมเยอะกว่าเค้าพอให้ลูกกินก็ดีใจด้วย แต่มันถูกแล้วเหรอที่ไปว่าคนที่เค้ามีน้อยว่าโง่บ้าง เชื่อการตลาดนมผงบ้าง ไม่อดทนบ้าง ลูกเค้าโง่บ้าง หัดหันมามองตัวเองบ้างนะ นิสัยอย่างนี้ เอานมตัวองให้ลูกกิน ลูกจะเป็นคนยังไง เลี้ยงดูด้วยแม่นิสัยอย่างนี้ ลูกจะเป็นคนอย่างไร อ้อ เชื่อได้อย่างนึงว่า คนที่คิดแบบ stereotype ว่าคนให้นมผงมันไม่ฉลาด ไม่อดทนเนี่ย จริงๆ แล้วก็โง่เหมือนกันนะ ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือหรือไง ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาไม่เท่ากัน ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน ปัจจัยในการเลี้ยงต่างๆ ไๆใ่เหมือนกัน ทุกคนที่เข้ามาในห้องนี้เค้าก็รู้ทั้งนั้นแหละว่านมแม่ดี และพยายามกันทุกทางแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าเต็มที่แล้วยังปล่อยให้ลูกร้องเพราะหิวเพียงเพราะตัวเองยึดติดกับคำว่านมแม่ แสดงว่า เป็นแม่ที่แย่ เลว และโง่ มากกว่า ขอร้อง อย่านิสัยไม่ดี ไปยุให้คนที่เค้านมน้อย นมไม่พอ ไม่ให้เสริมนมลูก เพียงเพราะอยากให้กินแต่นมแม่เลย มันบาป ถ้ามันจะเกิดขึ้นกับลูกคุณก็ทำไป แต่อย่าไปยุคนที่เค้าไม่รู้ให้ทำตามความยึดมั่นของคุณ กรรมมันจะตามสนองคุณ ที่พูดเพราะมันเกิดกับเรา เรานมน้อย นมไม่พอ เรามาอ่านห้องนี้ตั้งแต่ก่อนท้อง ทำทุกอย่างที่เชื่อว่าทำให้นมมาเยอะ เพราะฝังใจว่านมแม่ยังไงก็พอ ไม่ยอมเสริมนมลูก จนลูกเราขาดสารอาหารต้องแอดมิด เสียใจในความเป็นแม่ที่โง่ของตัวเองมากๆ จะมีกระทู้สนับสนุนนมแม่นั้นถูกต้อง แต่ขอเหอะ ไอ้ข้อความประเภท คนให้นมผงน่ะโง่ ไม่อดทน อยากสวยหละสิ หรือไม่ก็เด็กนมผงอีคิวต่ำ ไอคิวเตี้ย อย่าให้ได้เห็นนะ จะออกมาว่าให้ นิสัยไม่ดี จะยึดนมแม่ก็ยึดไป อย่าให้มันมากเกิน ลูกคุณจะไม่โตเลยหรือไง มีอะไรให้ทำให้เค้าอีกเยอะ อย่างแค่หกเดือนคุณก็ต้องเสริมอาหารแล้ว เพราะบางอย่าง นมแม่ก็มีไม่พอสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กที่โตขึ้น ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องเพื่อนของลูกอีก  มีหลายอย่างให้ทุ่มเทอีกเยอะ จากคุณ : sastress เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:18:48

ความคิดเห็นที่ 76 ขอเข้ามา support การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เราศึกษา เตรียมตัวตั้งแต่ตั้งท้อง จำฝังใจกับคำว่า "นมแม่ถ้าเข้าใจ ยังไงก็พอ" ผ่าคลอด ไม่ได้เอาเครื่องปั๊มนมไปด้วย พยาบาลป้อนนมลูกมาจนอิ่มตอนที่นมเราเริ่มตั้งเค้า กลายเป็นเต้าแข็งจนลูกดูดไม่ออก ต้องขอนมมาป้อนเพราะลูกไม่อิ่ม พอกลับไปอยู่บ้านคืนแรก เราไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะลูกดูดนมเราไม่อิ่ม ดูดจนเหนื่อยหลับ ตื่นดูดต่อ สลับอย่างนี้ 24 ชม. เราก็อดทนไม่พึ่งนมผง จนในที่สุดวันรุ่งขึ้น นมเริ่มมา ลูกก็ดูดทุก ชม. หรือ ชม. ครึ่ง แล้วค่อยๆ ห่างลง เป็นสองชม. แต่ระหว่างนั้น เรากินน้ำขิง น้ำอุ่นตลอด ลูกดูดเสร็จพยายมปั๊มลมต่อตอนเช้ามืด จนมีวันที่นมมามาก นอนกลางคืนนมเปียกที่นอน หรือมากจนพุ่งใส่หน้าลูก นอนหงายก็พุ่งเป็นน้ำพุ ทุกวันนี้ 1.8 ขวบ นมยังไหลอยู่เลย ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆ ทุกท่าน ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ทำให้เต็มที่เถอะค่ะ ผลเป็นไงช่างมัน จากคุณ : FleshyMom เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:36:06

ความคิดเห็นที่ 77 อยากจะบอกนะคะว่า เจ้าของกระทู้เค้าไม่ได้ว่า คนที่ให้นมแม่ไม่สำเร็จ ว่าไม่รักลูก เป็นแม่ที่ไม่ดี ไม่พยายามนะคะ เราว่าเค้าเข้าใจค่ะ ว่า "ทุกคน" รู้ว่า นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดของลูก ไม่มีใครไม่รู้หรอก และทุกคนก็ต้องอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกอยู่แล้ว คนที่ "ให้นมแม่ไม่ได้" มีอยู่จริงค่ะ เราเชื่อ และเราก็เคารพและชื่นชมในความพยายามของเค้าค่ะ และคนที่ "ไม่ได้ให้นมแม่" ทั้งที่มีความสามารถที่จะให้ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็มีอยู่จริงเหมือนกัน ซึ่งเราก็เคารพในการตัดสินใจส่วนบุคคลเช่นกัน เราแค่อยากจะบอกว่า สิ่งที่ จขกท เค้าต้องการจะสื่อจริงๆ คือข้อเท็จจริงที่ว่า ปัจจุบัน ประเทศไทย เป็นประเทศที่อัตราการให้นมแม่ต่ำที่สุดในเอเชีย และเกือบจะต่ำที่สุดในโลก สิ่งที่ตามมาคือ เด็กไทยมีไอคิวเฉลี่ยต่ำลง มีปัญหาเรื่องสุขภาพและโรคอ้วนมากขึ้น (ลูกใครไม่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องมารุมเรานะคะ เราอ้างอิงข้อมูลทางการแพทย์เฉยๆค่ะ) https://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=83475 นั่นไม่ได้หมายความว่า คนไทยไม่รักลูก หรือคนไทยไม่มีนมให้ลูกกิน แต่อะไรคะ ที่ต่างกัน นั่นคือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ค่ะ บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่เราเชื่อ 100% ค่ะ เพราะเราเจอมาหมดทุกรูปแบบค่ะ ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบแฝงค่ะ เช่น - ทั้งแจกนมผงให้ ตั้งแต่ตอนไปอบรมการเตรียมตัวคลอดที่รพ. (บ.นมผง เป็นสปอนเซอร์) - แจกนมผง พร้อมขวดนม (ขวดนมเนี่ย ใส่น้ำต้มสุกมาให้พร้อมเลยนะคะ) ในวันที่ออกจาก รพ. - การโทรมาของบริษัทนมผงหลังจากนั้น ว่าคุณแม่ทานนมที่ให้มาแล้วหรือยัง ทานแล้วน้องเป็นยังงัยบ้าง บลาบลาบลา รพ.ที่เราคลอดก็ไม่สนับสนุนนมแม่ คลอดเสร็จก็แยกลูกไปห้องเนอส ให้เราไปให้นมลูกทุก 4 ชม. เราบอกทำไมนานจัง เค้าเลยเปลี่ยนเป็น 3 ชม. ให้ เฮ้อ แถมจะป้อนขวดให้ลูกเรา เราต้องบอกให้ป้อนด้วยแก้วแทน เราก็เกือบจะให้ลูกกินนมผงเหมือนกัน เพราะวันแรกที่กลับบ้าน ลูกร้องหิวนม เราก็ให้ลูกดูดเต้า แต่เหมือนมันไม่ทันใจเค้า หรือนมมันคัดมากจนมันแข็งเค้าดูดลำบากหรือเปล่าไม่รู้ เค้าก็ร้องไม่หยุด คิดดูสิคะ เรามีนมผง 2 กระป๋อง พร้อมขวดนมที่มีน้ำต้มสุกพร้อมอีก 2 ขวด แค่เปิดกระป๋องแล้วตวงนมใส่ขวดให้ลูกกิน ลูกก็หยุดร้องแล้ว ง่ายแสนง่าย เพราะคุณพยาบาลที่แสนดีอธิบายเรื่องการชงนมมาให้เรียบร้อยแล้ว แล้วเราก็ให้สามีชงนมมาให้ค่ะ ตัวเราก็พยายามให้นมลูกต่อไป ซักพักนมคงไหลมั้งคะ เค้าก็เลยหยุดร้อง ดูดนมเราจนหลับ ก็เลยไม่ได้ให้ลูกกินนมขวดนั้นค่ะ ถือเป็นโชคดีนะคะ ไม่งั้นเราอาจให้นมแม่ไม่สำเร็จก็ได้ ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่เคยแตะต้องนมกระป๋องนั้นอีกเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องทิ้ง เราเชื่อว่านมขวดนี่แหละค่ะ ทำให้ลูกไม่ได้ดูดกระตุ้นในช่วงสำคัญของการให้นมแม่ เพราะว่าจะให้สำเร็จหรือไม่ก็อยู่ในช่วงสำคัญนี่แหละ พอลูกติดขวดก็สบายสิคะ ดูดปุ๊บไหลปั๊บ แล้วพออิ่ม คราวนี้ก็ไม่ดูดเต้าแล้ว แม่ก็ท้อ เครียด นมไม่ไหล ก็เครียดหนักกว่าเดิม พอยิ่งเครียด นมก็ยิ่งหดหาย รู้ตัวอีกทีก็ไม่มีนมให้ลูกกินแล้ว เราเป็นคนหนึ่งค่ะ ที่จะร่วมยื่นชื่อด้วยคน เพื่อเด็กไทยในอนาคตจะได้กินนมแม่มากขึ้นค่ะ ขอบคุณ จขกท มากนะคะ เราก็เคยคิดค่ะ ว่าอยากทำอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย ตอนนี้มีวิธีแล้ว เราแม่ๆมาช่วยกันดีกว่านะคะ เผื่อจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของชาติค่ะ จากคุณ : สาวเมืองเพชรฯ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:36:31

ความคิดเห็นที่ 78 โรงพยาบาลเอกชนหลายที่ สังเกตุว่า หลังจากคลอดเรียบร้อยแล้ว พอคุณแม่ฟื้นมาอีกที เห็นขวดนม+น้ำ ตั้งอยู่ข้าง ๆ ลูกแล้ว แต่พยาบาลจะพาลูกมาทานนมแม่ เป็นเวลา จริง ๆ อยากถามเหมือนกันว่า ปัจจุบัน เค้าไม่ต้องมีการให้น้ำนม ที่่มันใหลตอนแรกๆ แล้วมีสีออกเหลือง ๆ แล้วหรือ..... ( เหมือนว่าจะเคยเรียนอ่ะคะ ว่ามันมีประโยชน์มากกกกกก) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านมวัวไม่ดีนะ เพราะลูกก็ทานอยู่ เหมือนกัน   เอาเป็นว่า ใครมีนมแม่ก็ทานนมแม่ แต่ถ้าไม่มี หรือไม่เพียงพอ ก็ทานนมวัวกันไปคร่า... ข้อสำคัญมันอยู่ที่ว่า วันนี้ คุณสอนอะไรที่ดีๆ ให้ลูกคุณหรือยังต่างหาก......^^ จากคุณ : กิ่งท้อ...บนยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:43:06

ความคิดเห็นที่ 79 แล้วทำไม โรงพยาบาลที่สนับสนุนนมแม่ อย่าง รพ.จุฬา  ถึงให้เด็กกินนมผงทั้งๆที่แม่ก็มีนมให้ลูกกิน   (หลานโดนเองเลยคะ)  หรือพยาบาลขี้เกียจฟังเด็กร้อง  พอเอาเด็กกลับเข้าห้องเด็กปุ๊บก็ยัดขวดปั๊บ ส่วนลูกตัวเองตอนเจ็ดเดือนพาไปฉีดยาที่ รพ.จังหวัด  หมอทำท่าทางยี้เมื่อบอกว่ากินนมแม่  แถมตั้งท่าจะแจกนมผงมาอีกตะหาก  เฮ้อ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 10:45:21 จากคุณ : ~Just Relax~ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:43:38

ความคิดเห็นที่ 80 เราก็เคยคิดค่ะ ว่าอยากทำอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย ตอนนี้มีวิธีแล้ว เราแม่ๆมาช่วยกันดีกว่านะคะ เผื่อจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของชาติค่ะ ขอบคุณมากนะคะ น้ำตาจะไหล จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:44:55

ความคิดเห็นที่ 81 ไม่อยากให้แม่ๆ ที่เลี้ยงลูกด้วยนมผงต้องน้อยใจเลย การที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ได้ ไม่ได้ถือว่าผิด ไม่เตรียมตัว หรืออะไรต่างๆ นานา เพราะเราก็เสริมนมผงให้ลูกด้วยเหมือนกันตอนที่ลูก 7 เดือน โต กินเก่งจนนมเราไม่พอเพียงอย่างเดียว ปล. ไม่อยากให้กระทู้นี้กลายเป็นต้นเหตุการทะเลาะกันเลยนะ จากคุณ : FleshyMom เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:45:33

ความคิดเห็นที่ 82 ความคิดเห็นที่ 79 ก็นั่นสิคะ มันเป็นปัญหามาก ต้องช่วยกันหลายส่วนค่ะ คนส่วนใหญ่คิดว่าการหาข้อมูลเรื่องนมแม่คือ นมแม่ดียังไง แต่เรื่อง ทำยังไงจะมีนม ยังไม่ค่อยทราบข้อมูล (ถ้าคุณหาแล้ว ก็ดีแล้วค่ะ ถ้าคุณหาแล้วมีปัจจัยให้ทำไม่ได้ ก็นับถือค่ะ) ตอนนี้ บรรดาคุณหมอที่ดูแลหลักสูตรหมอ ก็พยายามจะใส่เรื่องนมแม่ไปในหลักสูตรมากขึ้น สมัชชาสุขภาพแห่งชาติก็พยายามผลักดันเรื่องนมแม่  แต่ก็นั่นแหละ ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ กรมแรงงาน ก็พยายามเข้าหาสถานประกอบการ เพื่อเสนอให้มีมุมนมแม่ฯลฯ ถ้าคุณแม่นมผงซึ่งมีมากมายมหาศาล มาช่วยเรา ก็คงดี (นี่ชั้นฝันไปรึเปล่า) เหอะๆๆ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 10:54:13 จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:50:27

ความคิดเห็นที่ 83 นานาจิตตังค่ะ.. ไม่มีใครผิดหรอกค่ะ สาเหตุ เหตุผล ทุกอย่างเป็นไปได้หมดค่ะ  ลูกเต๋ายังมีหลายด้าน แล้วแต่ว่าเราจะมองด้านไหน :) จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:52:08

ความคิดเห็นที่ 84 เริ่มจะไปกันไกลแล้วนะคะ คุณแม่ใจเย็นๆกันหน่อยนะคะ เสียดายกระทู้ดีๆ จขกท.คงไม่อยากให้กระทู้เป็นไปในแนวนี้ คนส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อของบริษัทนมผงต่างๆ มีอยู่เยอะนะคะ แต่เค้าไม่ว่างมาเข้าพันทิพท์หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีให้นมแม่อย่างถูกวิธีอย่างเราๆกันค่ะ ส่วนใหญ่เริ่มคลอดก็ฟังจากหมอ พยาบาล กลับมาบ้าน ก็มีเพื่อนบ้าน เพื่อที่ทำงาน ดูทีวีก็เห็นโฆษณา คนเหล่านี้เค้าไม่รู้จริงๆว่าต้องปฏิบัติตัวหรือพยายามยังไงบ้างที่จะทำให้นมแม่มีพอสำหรับลูก และก็ไม่เข้าใจว่าการให้นมผงมันเลวร้ายตรงไหน ใครๆเค้าก็ทำกัน รพ.ยังแจกเลย เรามารณรงค์ให้ข้อมูลไปถึงกลุ่มคนเหล่านี้กันดีกว่าค่ะ ส่วนแม่ๆในพันทิพโดยเฉพาะในชานเรือนนี้ เราว่าเรื่องข้อมูล คงแน่นปึ้กอยู่แล้ว ความรัก เอาใจใส่ลูก ก็เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีความเครียดเข้ามาเพิ่มเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้นมไม่พอ บางครั้งการพยายามมากเกิน หรือคาดหวังว่าลูกเราจะต้องได้รับสิ่งที่ดีสุดมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดความกดดันมากจนทำให้นมไม่มาได้เหมือนกันนะคะ ปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่มักจะเกี่ยวข้องกับนมแม่ว่าจะมีมากหรือน้อย นอกจากพันธุกรรมก็คือ อายุของคุณแม่ค่ะ คุณแม่อายุน้อยมักจะมีปริมาณน้ำนมมากกว่าคุณแม่ที่อายุมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าอายุมากแล้ว จะไม่มีนมให้ลูกกินนะคะ เพียงแต่อยากให้เห็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณแม่แต่ละคนต้องใช้ความพยายามไ่ม่เท่ากัน บางคนไม่ต้องทำอะไรนมก็มาเอาๆ แต่บางคนต้องใช้ความพยายามอย่างมากนมถึงจะมา บางคนก็พยายามมากแล้วนมก็ยังไม่มาอยู่ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่อาจทราบได้ว่า คนที่พยายามแล้ว พยายามแค่ไหน เพราะต่างคน ต่างวาระ ไม่เกิดกับเราก็คงไม่รู้ หรือถึงจะเกิดก็ไม่รู้ว่ามันเท่ากับของคนอื่นหรือเปล่า เราเองก็พูดได้แค่จากมุมมองของเราเท่านั้น ดังนั้น ขอให้คุณแม่ทุกคนใจเย็นๆ และก็อภัยให้กับอีกมุมมองหลายๆมุมที่ไปกระทบ ไปสะกิดโดนคุณแม่ที่อยู่ในมุมนั้น เชื่อว่าหลายๆคนไม่ได้ตั้งใจที่จะว่าคุณแม่ในชานเรือนนี้หรอกค่ะ ปล.ขอโทษล่วงหน้า ถ้าคห.เราไปทำให้ใครเสียความรู้สึกนะคะ จากคุณ : kiyomi เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 10:55:36

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณนะคะ คุณแม่นางน้อย ที่เขียนได้ตรงใจมากค่ะ เพราะจริงๆแล้วมนก็รู้สึกแบบนี้จริงๆค่ะ มี่จังคือเด็ก "ที่น่ารัก แข็งแรง ฉลาดสมวัย เพราะคุณแม่ทุ่มเทและรักหนูที่สุด ที่ต้องกินนมผงแค่เพราะคุณแม่ไม่มีน้ำนมค่ะ " ขอคุยให้เข้าใจเลยแล้วกันค่ะ ว่าทำไมต้องใส่ใจ เหมือนไม่หนักแน่น จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ อยากเปิดอกบอกทุกคนเลยว่า บางทีที่ผ่านเข้าไปทู้นมแม่ เห็นคหประเภทนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะยกตัวอย่างมี่จังให้ดู ว่าที่เขากล่าวกันว่าเด็กที่ทานนมผง ไอคิว อีคิวต่ำสุขภาพไม่ดี ไม่แข็งแรงไม่มีภูมิคุ้มกันนั้นมันจริงไม่เสมอไป ที่มนมักเอาตัวอย่างให้ดู ถ้าผ่านไปเข้าทู้ไม่ใช่เพราะปมในใจว่ามี่จังเป็น"เด็กนมผง" แต่เชื่อว่ามีคุณแม่นมผงท่านอื่นอีกมากมาย ที่กำลังท้อแท้หมดกำลังใจ แถมโดนย่ำเหยียบ ลูกใครใครก็รัก แม่เหล่านั้นคงเสียใจมาก ยิ่งได้เห็นข้อความพวกนี้เหมือนยิ่งโดนซ้ำเติม มนก็แค่อยากเป็น "ตัวอย่างนึง" ที่คอยให้กำลังใจคนหัวอกเดียวกันค่ะ เลยพยามออกมาพูดบ่อยๆ ว่านมอะไรไม่เกี่ยว ถึงมี่จังจะเป็นเด็กนมผง แต่ก็เติบโตได้ดีด้วยความรักของแม่ค่ะ ก็อปคำพูดจาก คห11 ที่ยืนยันได้ว่า มนไม่ได้มีปมใจว่ามี่จังเป็นเด็กนมผง ดีได้ด้วยนมผงค่ะ เอาเวลาไปเสริมดูแลเอาใจใส่ให้ความรักลูกดีกว่าค่ะ ที่เอาคลิปมาให้ดู ไม่ได้เชียร์ว่านมอะไรดีกว่า แต่อยากบอกว่า "ความรัก" "ความเอาใจใส่"จากคนเลี้ยงสำคัญกับลูกมากกว่าค่ะ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจเจตนาดีของมนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 11:04:02 จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:03:03

ความคิดเห็นที่ 86 คือ เราอ่านกระทู้นมแม่แบบนี้ทีไรแล้วเพลียใจทุกที เพราะมันชอบกลายเป็นกระทู้ดราม่าไปทุกครั้ง ตัวเราเข้าใจเจตนาดีของ จขกท ที่ต้องการให้มีการประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้เกี่ยวกับนมแม่อย่างถูกต้องและเพียงพอ เพื่อที่เด็กไทยจะได้กินนมแม่มากขึ้น ทุกวันนี้ทุกคนก็ต้องยอมรับว่านมผสมมีการประชาสัมพันธ์หลายวิธี แม้กระทั่งการตอบคำถามที่เป็นการชี้นำให้แม่ค่อยๆเพิ่มนมผสม จนเด็กติดขวดและเลิกนมแม่ไปในที่สุด (เราขอไม่พูดชื่อบริษัทนมนั้นแล้วกัน เคยเป็นกระทู้ดังในพันทิปอยู่สักพักนึง) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบริษัทเหล่านั้นเขาไม่มีจรรยาบรรณ แต่เขาก็ต้องทำเพื่อเพิ่มยอดขายของบริษัทล่ะนะ มันเป็นธุรกิจนี่คะ อันนี้ก็พอเข้าใจล่ะ แต่ถ้ามี code อย่างที่ จขกท ผลักดันได้ก็คงจะดีสำหรับเด็กไทยล่ะค่ะ เราเข้าใจแม่ๆหลายท่านที่พยายามอย่างที่สุดแล้ว ยังไม่มีน้ำนม จนต้องมาให้นมผงแก่ลูก อันนั้นเราก็ว่าไม่ผิดนะคะ ก็คุณทำดีที่สุดแล้ว คุณพยายามมากแล้ว คุณรู้ตัวคุณเองดีที่สุด ไม่อยากให้ต้องเก็บกด โกรธแค้น หรือน้อยใจอะไรเลยค่ะ นมแม่สำคัญก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของลูกจริงๆล่ะค่ะ   แต่เราอยากให้คุณเข้าใจด้วยว่ามีแม่ๆหลายคน รวมถึงญาติผู้ใหญ่ต่างๆ ยังมีความเข้าใจผิดๆว่านมผสมดีกว่านมแม่ คนเหล่านี้มีอยู่มากจรืงๆนะคะ พ่อเราเป็นหมอสูติ และเป็นหมอนมแม่ด้วย ผ่านมาเยอะค่ะ พวกเขาเหล่านี้ต้องการความรู้เพิ่มเติมจริงๆ เราถึงไม่เชื่อว่า "แม่ทุกคนรู้ว่านมแม่ดีที่สุดสำหรับลูกอยู่แล้ว" มันต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากหลายฝ่ายจริงๆค่ะ ซึ่งเขาเหล่านี้ล้วนทำด้วยจิตอาสาทั้งสิ้น ขอให้มองกันที่เจตนาดีเถอะนะคะ ปล. เราเข้าใจเจตนาดีของคุณแม่น้องมานามินะคะ ที่อยากให้กำลังใจคนที่แม่พยายามเต็มที่แล้วแต่ยังไม่มีน้ำนม แต่บอกตรงๆว่า บางครั้งอ่านคอมเมนต์ของคุณแล้ว เหมือนกับคุณมีปมอยู่จริงๆค่ะ เพราะบางทีกระทู้เกี่ยวกับนมแม่บางกระทู้เขาไม่ได้มีประเด็นโจมตีแม่ที่ให้นมผงแก่ลูกเลย แต่คุณแม่น้องมานามิ มักจะเข้ามาทุกครั้งอ่ะค่ะ เพื่อปกป้องแม่ที่ให้นมผสม (คุณแม่มานามิอย่าโกรธเรานะคะ แต่เราอ่านคอมเมนต์คุณมาหลายครั้งแล้ว เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ แต่เราเข้าใจว่าเพราะคุณพยายามเต็มที่ และเคยให้ความสำคัญกับนมแม่มาก พอทำไม่ได้แล้วเจอคนอื่นมาทับถม ทำให้เครียดมาก เสียใจมาก จนไม่อยากให้แม่นมผสมคนอื่นรู้สึกเหมือนกันใช่ไหมคะ) แต่บางทีคุณทำให้กระทู้มันกลายเป็นกระทู้ดราม่าไปเลยอ่ะค่ะ ถ้าความเห็นเราทำให้คุณไม่พอใจ เราขอโทษจริงๆ นะคะ แต่บางทีเราก็อดกลัวไม่ได้ว่าถ้าแม่ที่พยายามจะให้นมแม่บางคน เขาอาจจะกำลังจะทำได้แล้ว มาอ่านเจอ คห. คุณเข้า อาจจะกลายเป็นชิวๆ เลิกพยายามไป ทั้งๆที่ถ้าเขาพยายามเขาอาจจะให้นมแม่ 100% ได้ก็ได้น่ะค่ะ มันแค่น่าเสียดายแทนอ่ะ (อันนี้เราไม่นับถึงคนที่เขาไม่ได้มุ่งมั่นที่จะให้นมแม่ หรือคนที่พยายามสุดๆ แล้วก็ยังนมไม่พอนะคะ ถ้าแบบนั้น เขาจะให้ลูกกินนมผสม ก็ไม่เป็นไรค่ะ) แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 11:20:16 จากคุณ : แม่น้องกอหญ้า (คำข้าว) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:04:06

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณค่ะ แม่น้องกอหญ้า จากคุณ : Narcosis เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:15:07

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบประโยคนี้ของคุณบี "ที่สงสารก็เป็นแม่ที่รายได้น้อยค่ะ พอเจอการตลาดที่อวดอ้างหรือโดนสกัดนมแม่ตั้งแต่ที่รพ. มาต่อนมผงที่บ้านก็จบกัน ต้องกินนมผงต่อไป (มีเงินไม่เป็นไรค่ะ) แต่แล้วเค้าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายเดือนละ 3-4 พัน ไม่ได้ดูถูกนะคะ ดูตามห้างสิคะ ทำไมพันกันขโมยที่กล่องนมผง ก็เพราะเค้าจนจนต้องขโมย ไม่งั้นจะเอาอะไรให้ลูกกิน? แม่กลุ่มนี้จะเป็นอีกกลุ่มที่กฏหมายนี้มาช่วยคุ้มครองค่ะ" เราคนนึงที่ตั้งใจให้นมแม่เพราะประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย :) จากคุณ : nitimajeng เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:21:23

ความคิดเห็นที่ 89 ตอบคุณ joymacy จขกทค่ะ มี่จังเกิดที่พญาไทสองค่ะ อย่างที่คุณรุ่งJo_Smart บอกโรงพยาบาลนี้สนับสนุนนมแม่มาก มีครอสอบรม มีการตรวจเต้านมโดยพยาบาล พอคลอดก็พาลูกกระตุ้นบ่อยมากทุกชมเลย สนับสนุนดีมากค่ะ แต่สำหรับมนช่วงแรกคลอดกลายเป็นกดดันไปค่ะ อยู่โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์  กังวลสารพัดเรื่อง ไหนจะนมไม่มีไม่ไหลซักที เลี้ยงลูกไม่เป็น ความดันขึ้นจนหมอที่มาตรวจเห็นสมุดรายงานแล้วตกใจร้อง "โอ้ววว ทำไมความดันขึ้นแบบนี้ " มนร้องไห้บอกหมอทั้งน้ำตาเลยค่ะ ว่า "นมไม่ไหลซักที กลัวลูกหิว" อาจเป็นปัญหาเรื่องหัวนมที่ไม่พร้อม และความเครียด หลายเรื่องทั้งเรื่องนมและกลัวเลี้ยงลูกไม่เป็นมั้งคะที่ทำให้น้ำนมไม่มี ถ้าสมมุติมีลูกคนที่สอง(คิดว่าความจริงไม่มีแน่ๆ อิอิ) น้ำนมคงไหลปริ๊ดเพราะไม่เครียดไม่คาดหวัง ไม่กังวลเรื่องเลี้ยงลูกเพราะทำเป็นหมดทุกอย่างแล้วแน่ๆค่ะ ปัญหาทางสุขภาพ จิตใจแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป็นปัญหาโลกแตกที่หาทางแก้ไม่ได้จริงๆค่ะมนว่านะคะ เลยตัดสินไม่ได้ว่าทุกคนต้องมีนมแม่พอเลี้ยงลูก เพราะคนที่ไม่มีด้วยเหตุผลอะไรก็ตามไม่มีคือไม่มีจริงๆค่ะ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:24:54

ความคิดเห็นที่ 90 เอ่อ...อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ  เราขออนุญาตก๊อปข้อความของท่านนึงข้างบนมานะคะ เพราะเห็นด้วยทุกคำพูดเลยค่ะ ใจความสรุปมีดังนี้ค่ะ....อย่าออกทะเลกันไปมากกว่านี้เลยนะคะ เสียสุขภาพจิต คุณแม่คะ อย่าเพิ่งหลงประเด็นกันนะคะ จขกท มีจุดประสงค์จะรณรงค์ในเรื่องของการตลาดที่ผิดจริยธรรมค่ะ ไม่ใช่ประเด็น กินนมผงแล้วไม่ฉลาด หรือไม่ดี แม่เป็นคนไม่ดีที่ให้ลูกกินนมผง ลูกกินนมผงแล้วจะฉลาดน้อย... เราว่าความฉลาดมันเป็นเรื่องของกรรมพันธ์ซะส่วนมากนะคะ..... จากคุณ : cream cupcake เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:27:16

ความคิดเห็นที่ 91 เราก็อยากให้นม แม่ เต็มที่เหมือนกันแต่สถานการณ์ และอะไรๆหลายอย่าง ไม่เอื้ออำนวย น้ำนมเราเยอะเหมือนกัน แต่เพราะตอนลาคลอดเลี้ยงคนเดียว (ยายก็แวบไปแวบมา เพราะต้องไปดูร้านขายของ) ทำให้การปั๊มนมไม่เป็นเวลาเท่าไหร่ ลูกเรากินนมแม่ แค่ ประมาณ 3 เดือน (ช่วง3 เดือนมีเสริมนมผงด้วย) จากนั้นก็กินนมผงตลอดจนขณะนี้จะ 2 ขวบ เพราะเราไม่สามารถปั๊มที่ทำงาน ได้ ด้วยเหตุผลหลายประการ ลูกเราก็ แข็งแรงร่าเริงแจ่มใสดีนะคะ ^^ จากคุณ : oops_lunla เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:28:21

ความคิดเห็นที่ 92 คุณ แม่น้องกอหญ้า (คำข้าว) อยากบอกจริงๆค่ะว่าไม่โกรธค่ะ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้น ส่วนตัวเราก็อธิบายไปหมดแล้วขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองไปทางไหน เราก็มีสิทธิ์จะออกความเห็น หรือยกตัวอย่างค่ะ การจะเป็นทู้มาม่าหรือไม่ มันมีตัวแปรหลายอย่างไม่ได้ขึ้นกับความเห็นเราเป็นหลักนี่คะ ถ้าคุณหรือใครๆจะมองว่าเรามี"ปม" เรามี"ปม"ก็ได้ค่ะ ^__^ จากคุณ : แม่น้องมานามิ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:37:15

ความคิดเห็นที่ 93 ใครใคร่เลี้ยงนมแม่เลี้ยง ใครใคร่เลี้ยงนมผงเลี้ยง จากคุณ : jukkajee_5555 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:43:03

ความคิดเห็นที่ 94 จริงนะ คนที่ไม่ได้ให้นมแม่ ไม่ได้มีแต่เฉพาะที่ไม่อยากให้ แต่ยังมีส่วนนึงที่จำเป็นเพราะไม่มีนมเพียงพอที่จะให้ลูกกินค่ะ ยืนยันอีก 1 เสียง เพราะประสบมากับตัวในลูกคนแรก และ สนับสนุนการให้นมแม่ นมแม่ดี มีประโยชน์ ขอให้พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะได้ให้นมแม่ แต่ถ้าพยายามอย่างสุดใจแล้ว ยังให้ไม่ได้ ก้อไม่เป็นไรค่ะ เพราะไม่ว่าจะนมอะไร ลูกก้อคือลูก เราก้อรักเค้าอยู่ดี จากคุณ : แอนนี่-อัยย์จัง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:47:02

ความคิดเห็นที่ 95 แหะๆ ขอบคุณคุณแม่น้องมานามิค่ะ ที่ไม่โกรธ. ขอโทษที่เราตรงไปหน่อยนะคะ แต่ไงๆเราก็ยังเป็นแฟนคลับน้องมานามิอยู่นะคะ ^o^ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 11:59:00 จากคุณ : แม่น้องกอหญ้า (คำข้าว) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:53:59

ความคิดเห็นที่ 96 เท่าที่อ่านห้องชานเรือนมานาน กระทู้แนวนี้มักลงท้ายเป็นกระทู้ดราม่า โดยมากมักจะมีความเห็นประเภทสุดโต่งมาชักใบให้เรือเสียเสมอ ทั้งที่จริงๆกระทู้แนวนี้ มันควรจะเป็นกระทู้ที่สร้างสรรค์มากกว่ากระทู้ไหนๆมากที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับแม่ๆทุกคน เราไม่เข้าใจว่าสมัยนี้ทำไมคนถึงใจร้อนปากร้ายกันนัก ยึดติดแต่สิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด โดยไม่คำนึงถึงว่าคนอื่นที่เข้ามาอ่านจะรู้สึกยังไง การทำแบบนี้นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆแล้ว รังแต่จะสร้างความร้าวฉานซะมากกว่า เราเป็นคนนึงที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 100% จนครบขวบ แต่เราก็ไม่เคยเหยียบย่ำซ้ำเติมใคร เราเข้าใจว่าสภาพร่างกายแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน และความเครียดกังวลว่าไม่มีนมให้ลูกกิน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ไม่มีน้ำนม เราเคยเป็นแม่นมระยะสั้นๆ 1 อาทิตย์ให้หลานตัวเอง เพราะพี่สาวเค้าไม่มีนมจริงๆ เราเห็นความพยายามในการให้นมแม่ของเค้าแล้วนับถือสุดๆ เค้าไม่ให้ลูกกินนมใดๆเลย เอาเข้าเต้าอย่างเดียว หลานตัวเล็กผอมมากจนโดนคนรอบข้้างกดดัน และบ่นว่าเค้าเป็นแม่ที่ใจร้าย ปล่อยให้ลูกหิวได้อย่างไร แต่หลังจากหลานได้กินนมเราร่วมกับนมเค้า หลานก็มีเนื้อหนังขึ้นมาบ้างเห็นความต่างอย่างชัดเจน ทำให้พี่เค้ารู้ว่านมเค้าไม่พอจริงๆ แต่พอไปหาหมอ หมอก็แนะนำให้กินนมผงดีกว่า ไม่อยากให้กินนมคนอื่น เพราะอาจจะไม่ปลอดภัย พี่สาวเราก็เลยให้กินนมผงแต่บัดนั้นมา เราก็ไม่ได้ตำหนิพี่เค้า เพราะเราเห็นความตั้งใจของเค้าแล้วและมันไม่มีจริงๆ และเราเชื่อว่าแม่ที่ให้นมผงบางส่วนเป็นแบบพี่สาวเรานี่แหล่ะ คือเค้าพยายามทุกทางแล้ว ยิ่งพยายามก็ยิ่งเครียด ยิ่งกดดันตัวเองพาลไม่มีนมเข้าไปอีก ไม่ใช่เพราะว่าเค้าขี้เกียจ ไม่่ตั้งใจจริง แต่เราก็ยอมรับว่ามีแม่บางส่วนอีกเหมือนกัน ที่ไม่มีความเข้าในในนมแม่มากพอ บ้างคิดว่านมแม่มีสารอาหารไม่พอ ต้องเสริมนมผง ซึ่งในส่วนนี้ควรต้องทำความเข้าใจกันให้มากๆ และที่เจ้าของกระทู้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพื่อรณรงค์ให้แม่กลุ่มนี้ทำความเข้าใจเสียใหม่ ไม่หลงยึดติดไปกับคำโฆษณาของบริษัทนนมผง เราอยากให้แม่ๆทุกคนเดินสายกลาง ใครอยากให้นมแม่ก็ให้ไป ใครอยากให้นมผงก็ให้ไป ลูกใครลูกมัน ไม่ต้องมาตอบบลัฟกันไปมาว่าใครเก่งกว่าใคร ใครฉลาดกว่าใคร เราว่ามันไม่เกิดประโยชน์หรอกค่ะ ความเก่งฉลาดของลูกๆคงไม่ได้อยู่ที่นมแม่ หรือนมผงเพียงอย่างเดียวหรอกมั้งคะ จากคุณ : Trippy เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:04:59

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ เราเองก็เลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาตลอด คิดว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้มีเจตนาให้เกลียดคุณแม่ที่ให้ลูกกินนมผงเลยนะคะ เพียงจับใจความได้ว่า เจ้าของกระทู้อยากให้มาร่วมกันรณรงค์เรื่องโค๊ทนมผงและช่วยกันเผยแพร่ผลักดันให้คุณแม่มือใหม่หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และบุคคลทั่วๆไปได้ทราบเรื่องนมแม่ เราว่าเดี๋ยวนี้บริษัทนมผงเค้าก็ทำไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ ในการที่จะโทรสายตรง หรือว่าเที่ยวไปแจกหรือโฆษณาไปต่างๆนาๆ ควรแนะนำเรื่องนมแม่ก่อน ถ้าไม่ไหวอะไรยังไง ก็สามารถเลือกในทางที่ลงตัวที่สุดได้ อย่ามาทะเลาะกันเลยค่ะมาช่วยกันผลักดันเรื่ิองนมแม่ดีกว่า การที่ลูกจะฉลาดมากน้อยนั้น หลายๆสิ่งหลายๆอย่างมีส่วนทำให้ลูกฉลาด ขึ้นอยู่กับพันธุ์กรรมด้วย การเลี้ยงดูด้วย ความรักความเอาใจใส่และอาหารที่กินเข้าไปด้วยก็มีส่วนทั้งนั้น ปล.ถ้าพยายามถึงที่สุดแล้ว เหตุผลลงตัวแล้วก็เลือกและเคารพการตัดสินใจของตัวเองนะคะที่เลือกให้กับลูก แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 12:15:13 จากคุณ : สายลมของแม่ (สายลมของแม่) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:13:16

ความคิดเห็นที่ 98 จริงค่ะที่ความเก่งความฉลาดของลูกมิได้อยู่ที่นมแม่ นมกระป๋อง นมวัว นมแพะ เป็นหลัก แต่อยู่ที่ความเอาใจใส่ที่คุณแม่มีให้แก่ลูกต่างหาก เรายกย่องคุณแม่น้องมี่จังนะที่เลี้ยงลูกได้ดี น้องมี่จัง เก่งน่ารัก ยอมรับเลยว่าเก่งกว่าลูกเราที่ตอนนี้อายุ 4 ขวบแล้วและกินนมแม่ล้วน 100% ซะอีก เรายังแอบตามอ่านกระทู้มี่จังประจำเลย บางทีก็ชอบแอบดูคอลเลคชั่นเสื้อผ้าด้วยแหละ ก็มันน่ารักนี่ เราสนับสนุนนมแม่ล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจว่านมผงไม่ดีนะ คิดว่าในครอบครัวที่จำเป็นต้องใช้ มันก็ต้องใช้น่ะ เพียงแต่เห็นด้วยกับคุณ joymacy เรื่องการตลาดนมผงที่เป็นชิงรุกเกินไปและผิดจรรยาบรรณ รวมทั้งภาครัฐน่าจะสนับสนุนให้แม่ลาคลอดได้นานกว่า ให้มีมุมนมแม่ในที่ทำงาน ฯลฯ มากกว่านี้ แต่ทั้งนี้มิใช่ว่าเด็กที่กินนมผงจะเป็นเด็กอ่อนแอ หรือฉลาดน้อยกว่าเด็กกินแม่ แต่อย่างใด ดูตัวอย่างลูกเรากับมี่จังเป็นต้น ต่างกันราวฟ้ากับเหว (พูดจริงนะ) ลูกเราไปรร.อนุบาลแล้ว แต่ยังเด๊าะแด๊ะ จนอาม่าถึงกับเปรยว่า บอกว่าให้หานมดี ๆให้ลูกกิน เห็นมั้ยเนี่ย เป็นงั้นไป :) เราว่านะ ไม่อยากให้แม่ ๆ เข้าใจผิดกัน แม่ทุกคนที่เข้ามาในเวปนี้ต้องเป็นแม่ที่มีคุณภาพแล้วทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นจะเข้ามาหาข้อมูล มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันทำไมจริงมั้ย ใจเย็น ๆ กันนะ แล้วกลับมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเหมือนเดิมนะจ๊ะ อย่าเครียด แต่ยังไงเราจะส่งบัตรปชช.ของตัว ของสามี ไปประท้วงการตลาดนมผงด้วย อิอิ รอรับนะจ๊ะจขกท. จากคุณ : saya (saya) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:39:01

ความคิดเห็นที่ 99 เรากำลังพูดถึง..แม่  ที่ไม่มีความรู้เรื่องนมแม่ หรือไม่ได้หาข้อมูลอย่างเพียงพอ  แล้วก็คิดว่านมผงดี..เหมือนในโฆษณาไม่ใช่เหรอจ๊ะ ส่วนคนที่พยายาม ที่สุดแล้ว และรู้ว่านมแม่มีประโยชน์มากมาย แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทำให้ๆ นมแม่ไม่ได้  ก็ไม่เป็นไรนี่คะ ตอนเราท้อง (อยู่เมกา) ไม่ว่าจะไปคลีนิค  หาหมอ พบหมอจิตวิทยา หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับท้อง  แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ซาวด์... ถามเราเหมือนกันหมด ว่า  "จะให้นมเองไหม..รู้ใช่ไหมว่านมแม่ดีแค่ไหน" แล้วก็แจกโบรชัวร์มาเยอะแยะ เขามองที่ประโยชน์มากกว่าธุรกิจ  ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนกลุ่มบางกลุ่ม ที่พยายามยัดเยียดให้เข้าใจผิดกัน จากคุณ : ระรินดา เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:45:01

ความคิดเห็นที่ 100 กดให้คะแนน ทุก ๆ คนจนหมดตัวแล้วจ้า ไม่ว่ากินนมอะไรให้คะแนนหมด ถือว่าคุณแม่ ๆ มาแชร์ความเห็นกันนะ จากคุณ : saya เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:45:53

ความคิดเห็นที่ 101 ไม่ได้มาเถียงเรื่องนมผงหรือนมแม่นะคะ แต่ที่ บอกว่า -> รับรองสำเนา เขียนว่า "เพื่อยื่นเรื่องถึงรัฐบาล คัดค้านการตลาดนมผง" ช่วยระบุเป็นรายๆไปได้ไหมคะ ว่านมผงยี่ห้อไหนโฆษณาเกินจริง ร้องเรียนกันเป็นรายๆเลยจะดีไหมคะ ผู้บริโภคจะได้ทราบด้วยค่ะ จากคุณ : aal990 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:57:34

ความคิดเห็นที่ 102 เท่าที่อ่านประเด็นหลักของ กระทู้นี้น่าจะมาจากการตลาดของ บ.นมผง ให้ข้อมูลผิดๆ กับแม่เด็กมากกว่านะคะ แทนที่จะให้ความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อให้แม่ๆ เข้าใจกลไกการผลิตน้ำนมในร่างกายตัวเอง เพื่อให้มีทางเลือกในการให้นมลูกมากกว่าที่จะกระโจนเข้าหานมผง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้าไม่มีความพยายามของ บ.นมผงที่คอยแต่จะบิดเบื้อนข้อมูลที่ถูกต้อง คิดว่ากระทู้นี้คงไม่เกิดขึ้นมานะคะ เป็นสิทธิ์ของเราคะที่ควรได้รับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับกลไกการสร้างน้ำนมของเราเอง และการเลี้ยงดูลูกด้วยนมแม่ ตามความเป็นจริง ถ้าเรารู้ว่านม:-)่ายแบบนี้ กลไกการผลิตน้ำนมเป็นแบบนี้ เราก็จะมีทางเลือกมากขึ้นคะ ไม่นมผง ก็นมแม่ .. แค่อย่าให้ตันแค่ต้องให้นมผงเท่านั้น  ..เท่านั้นเองคะ ถ้าให้นมแม่ส่วนตัวเราคิดว่า ทั้งสะอาด ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ล้างขวด ซื้อขวด ซื้อนม ไม่ต้องเสียเวลาศึกษายี่ห้อ ลูกเราจะแพ้มั๊ย และอื่นๆ ... เพราะช่วงหกเดือนแรกนี่นมแม่ล้วนไม่ต้องตามด้วยน้ำและอาหารเสริมเลยคะ สะดวกสบายแค่ไหนถ้าเราสามารถให้นมแม่ล้วนได้ถึง 6 เดือน ดูแล้วน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ใช่มั๊ยคะ ?? ในเมื่อมีทางเลือกก็ลองให้นมแม่กันดูก่อนดีกว่าคะ มีปัญหาอะไร ก็มีศูนย์นมแม่คอยช่วยเหลือทุกคนกันอยู่แล้ว ร้านหนังสือก็มีหนังสือ นมแม่ออกมาแล้ว หลายเล่ม ลองศึกษาดูก่อนนะคะ ถ้าไม่เหมาะกับ lifestyle ของเราอะไรยังงัยก็ปรับเปลี่ยนเอาตามความเหมาะสมคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอเพียงให้เรารู้ข้อมูลที่ถูกต้องของนมแม่เอาไว้ก่อนเท่านั้นเองคะ ก่อนที่จะหันมาพึ่งนมผง ถ้าเราคิดว่าเราหมดทางเลือกแล้วจริงๆ อย่างความเห็นบนๆ ที่ยกมาก็มีเหตุผลคะ จากคุณ : น้ำค้างบนใบหญ้า เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 14:39:49

ความคิดเห็นที่ 103 ในระเทศไทยมีการโฆษณาเเฝงเรื่องนมผงเเละทำการตลาดรุกหนักอย่างมากๆ คนบางกลุ่มที่อาจจะไม่ได้มีข้อมูลมากพอหรือรู้เท่าไม่ทันก็ต้องตกเป็นเป้าหมายของธุรกิจนมผง ส่วนเมืองไทยเองก็ไม่มีการสอนหรือวิธีการให้นมลูกที่ถูกต้องเเละการสังเกตุอาการของลูก ไม่มีหน่วยงานช่วยเหลือให้ความรู้ แม่มือใหม่ทุกคนคือลูกร้องก็ให้นมคิดว่าลูกหิวที่จริงแล้วอาจไม่ใช่ การให้นมแม่อาจยากขึ้นไปอีกเพราะส่วนใหญ่คิดว่าน้ำนมไม่พอให้กับลูก ประกอบกับความเครียดที่มีอยู่ทำให้น้ำนมผลิตได้น้อยลง สถิติการสำรวจนั้นทั่วประเทศเพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับความจริงกันค่ะว่านมผงรุกหนักเหลือเกินจนทำให้เด็กไทยหลายคนขาดโอกาสทีดีที่ควรจะได้รับ การรณรงค์ให้นมแม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ประเทศที่พัฒนาเเล้วล้วนเเต่ให้ความสำคัญกับนมแม่ทั้งนั้นการรวมตัวช่วยกันผลักดันของคุณแม่คนไทยนับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ เพราะต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศยังขาดความรู้เรื่องนมเเม่กันอยู่มากจริงๆค่ะ จากคุณ : แม่อยู่ไกล (แม่อยู่ไกล) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 14:49:48

ความคิดเห็นที่ 104 คิดว่าคุณแม่ทุกคนในที่นี้ ทราบดีอยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าถ้าสามารถให้นมแม่กับลูกได้ ก็จะเป็นการดีกว่าแน่ๆ เพราะเราอยู่วงใน (การ PR นมแม่เข้าถึง) แต่คนที่อยู่วงนอกทั้งหลาย เค้าไม่ทราบหรอกค่ะ (การ PR นมแม่เข้าไม่ถึง) ขอยืนยันว่ายังมีคนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอีกมาก มากจริงๆ ค่ะ มันทำให้คนวงในที่ตั้งใจจะให้นมแม่ ทำได้ยาก ด้วยแรงต่อต้านจากคนวงนอก (อันนี้รู้ซึ้งดี เพราะโดนมาแล้วหลายรูปแบบ) ทีนี้จะทำอย่างไร เพื่อช่วยให้คนวงในสามารถให้นมแม่ได้ง่ายขึ้น ต้องโฆษณาเพื่อให้รู้ในวงกว้าง ถูกมั้ย แต่คงโฆษณาสู้บริษัทนมผงไม่ได้แน่ ในเมื่อโฆษณาสู้เค้าไม่ได้ ก็ขอควบคุมโฆษณาของเค้า อย่าให้มันเกินจริง ดีกว่าปล่อยให้ ใช้วิจารณญาณในการชมโฆษณา! จึงขอร่วมสนับสนุนอีก 1 เสียงค่ะ จากคุณ : แม่น้องต้า (toom.com) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 15:13:47

ความคิดเห็นที่ 105 เดี๋ยวคืนนี้มานะคะ กลางวันลูกกวนมากเลย จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 15:16:10

ความคิดเห็นที่ 106 คิดว่าแม่ๆน่าจะทราบประโยชน์นมแม่อยู่แล้วนะคะ แต่ที่ให้ไม่ได้ เพราะสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ผู้หญิงต้องทำงานข้างนอกมากขึ้น จึงไม่สะดวกให้นม จากคุณ : Ayook เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 16:16:10