ความคิดเห็นที่ 1 ขอโทษนะคะที่ไม่ทราบเลย แต่ขอเกาะกระทู้ด้วยคนว่า G6PD คือไรหรอคะ *** ช่วยย้ายโรงบาลเถอะค่ะ อย่าอยู่หรือไปตรวจที่นี่เลย รู้สึกว่าตรวจยากเย็นเหลือเกิน ถ้าที่อื่นคงจะรู้ไปแล้วล่ะ สงสารน้องมากๆๆๆๆๆๆ ถ้าเป็นลูกเราคงน้ำตาตกแน่ๆ *** จากคุณ : ป้าเองนะ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 12:32:00

ความคิดเห็นที่ 2 เท่าที่ทราบ G6PD จะหายไปเองเมื่อโตขึ้น เป็นอาการที่เม็ดเลือดแดงสลายตัวง่ายกว่าปกติ เป็นตั้งแต่ตอนแรกคลอด ต้องเข้าตู้อบ กลับบ้านต้องพาออกไปโดนแดดบ้าง และให้หลีกเลี่ยงพวกที่ทำให้เม็ดเลือดแดงสลายตัว เช่นพวกลูกเหม็น ถั่วปากอ้า ( เท่าที่ทราบนะครับ ) พอเด็กโตขึ้นหากจำเป็นต้องเจาะเลือดก็ให้หมอเค้าเช็คเลยครับว่าเป็นปกติหรือเปล่า แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไรรุนแรง แค่หลีกเลี่ยงสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเท่านั้น อันนี้เป็นข้อมูลเท่าที่ทราบมาครับ จากคุณ : Zatan & Santa เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:03:17

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไมหมอถามแบบนั้นล่ะ ที่ว่าแน่ใจเหรอน่ะ จีซิกพีดี ส่วนมากเด็กผู้ชายจะเป็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กผู้หญิงจะไม่เป็นนี่คะ แล้ว จีซิกพีดี ต้องตรวจตั้งแต่แรกเกิดนี่ เพราะมันเกี่ยวข้องกับยา ถ้าเด็กเป็น จะต้องระวังเรื่องยาที่จะต้องกินและอาหารบางอย่างนี่ เลยแปลกใจว่าทำไมหมอถามเหมือนกับจะเจอหนึ่งในล้านซะงั้น - -" ส่วนคุณแม่ น้องเจ็บตัวหลายครั้งแล้ว ถ้าเป็นเรา เราไม่ให้เจาะ ไม่ตรวจแล้วค่ะ แค่พาลูกไปฉีดวัคซีนเข็มเดียวเสร็จ เรายังให้พ่อเค้าจับลูกไว้ ส่วนตัวเราออกไปยืนหลังอยู่ห่างๆ สงสารลูกน่ะ แล้วนี่เจาะซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่น ไม่เอาแล้วค่ะ เป็นก็คือเป็น เพราะเป็นจีซิกพีดี ก็ไม่ใช่เลวร้ายซะทีเดียว แค่ระวังเรื่องยากับอาหารบางชนิดเท่านั้น นอกนั้นก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมาดาทุกอย่าง จากคุณ : แม่น้องเบนส์ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:03:31

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ Zatan & Santa เด็กเป็นจีซิกพีดี เป็นแล้วจะไม่หายค่ะ จะเป็นตลอดชีวิต "คนเมื่อได้ยินโรคนี้มักถามมาว่ามีวิธีการรักษาให้หายขาดหรือไม่ ? ไม่มีค่ะ เพราะเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมหรือยีน ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าได้รับการดูแลที่เหมาะสม ลูกน้อยก็จะเติบโตสมวัยได้เท่าเด็กคนอื่น " แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 13:09:36 จากคุณ : แม่น้องเบนส์ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:07:59

ความคิดเห็นที่ 5 สามีเราก็เป็น G6PD ค่ะ ตอนนี้เตรียมตัวจะมีน้องก็เข้าไปตรวจร่างกาย คุณหมอก็บอกว่าถ้ามีลูกชายก็จะเป็น G6PD แต่ลูกสาวจะไม่เป็น โรคนี้โตแล้วไม่หายนะคะ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร อย่างสามีเราก็ใช้ ชีวิตปกติ แต่ต้องระวังเรื่องการกินยาเท่านั้นค่ะ จากคุณ : Nanat_va2010 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:38:11

ความคิดเห็นที่ 6 แสดงว่า พ่อเป็นพาหะของ G6PD ครับ เพราะ G6PD มันตาม X ถ้าเด็กผู้หญิงเป็น G6PD นั่นแสดงว่า พ่อที่มี XY นั้นเป็นพาหะด้วย ส่วนแม่ต้องดูว่ามีลูกชายเป็น G6PD ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่าเป็นพาหะทั้งคู่ แต่ถ้าไม่เป็นแสดงว่า แม่ก็ไม่เป็นG6PD เพราะลูกชายต้องเป็น XY ....รับจากพ่อ Y รับจากแม่X ถ้าลูกชายเป็น G6PD ด้วยแสดงว่า X รับจากแม่ที่เป็น G6PD ครับ ไม่ต้องกังวลมากมายแค่หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ หรือยาในกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง ง่ายๆ อย่าซื้อยาทานเอง ควรบอกเภสัชกรและหมอทุกครั้งที่พบ จากคุณ : ป๊ะป๋านู๋ดี เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:02:28

ความคิดเห็นที่ 7 เราก็คิดๆอยู่น่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกังวลเลยค่ะ เพราะหาข้อมูลมาเยอะ ก็คอยระวังของต้องห้าม แต่พอหมอมาทักอย่างงี้ก็ เลยอยากตรวจดูให้แน่ใจ เพราะหมอคนก่อนที่เคยรักษาน้องโรงพยาบาลอื่นก็เคยทัก เราไม่รู้ว่าแม่ๆที่มีลูกสาวมีภาวะ G6PD แบบนี้ต้องจำเป็นมัยที่ต้องตรวจให้แน่ใจอีกทีเพราะหมอเค้าทักว่าเด็กผู้หญิงมัน น้อยมากๆที่จะเป็นน่ะและผลตรวจเลือดตอนเล็กๆอาจไม่แน่เสมอไป อีกอย่างที่เรากังวลคือค่าเลือด(ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรน่ะค่ะ) เด็กปกติจะ 35 แต่ลูกเราแค่ 30 เองซึ่งน้อยกว่าค่ามาตราฐานเด็กทั่วไป อาจจะเป็นภาวะเลือดจาง คือลูกเราเวลาป่วยจะซีดมากกว่าเด็กทั่วไป น่ะค่ะเราก็เลยลังเลเพราะถ้ารู้แน่ชัดจะได้ดูแลให้ถูกต้อง เช่นทานยาเสริมธาตุเหล็ก อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ แต่ก็จิตตกกลัวลูกทรมารน่ะค่ะ ไม่อยากให้เค้าเจ็บตัวอีกแล้ว เลยไม่รู้เอาไงดี ใครมีโรงพยาบาลดีๆแนะนำได้น่ะค่ะ เราพาน้องไปโรงพยาบาลเอกชนย่านฝั่งธน ใกล้ๆศิริราช ยังขนาดนี้เลย จากคุณ : แม่หมูทองดำ (แม่หมูทองดำ) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:10:25

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าเป็นไปได้ ลองไปตรวจที่ รพ.อื่นเพื่อ recheck ก็ดีนะครับ อย่าง รพ.ที่ลูกผมไปคลอด ผมรักแผนกสูติ แต่เกลียดแผนกเด็ก เลยย้ายไปตรวจที่อื่นครับ จากคุณ : jobuakwan เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:11:18

ความคิดเห็นที่ 9 คห 5 ครับ ถ้าสามีเป็น G6PD ถ้าได้ลูกสาวน่าจะเป็นเพราะ Xi ที่พ่อให้ไปมี G6PD ติดไปด้วยถึงแม้ว่าแม่ให้ X ปกติมา ก็เป็น XiX ที่เป็น G6PD แต่ถ้าได้ลูกชาย Y ที่พ่อให้ไปไม่เป็นไร ไปเจอ Xปกติจากแม่ เป็น XY ก็ไม่เป็นG6PD ครับ แต่ถ้า ตัวคห 5 เป็น G6PD ด้วย จะลูกสาวหรือ ลูกชายก็เป็น G6PD ลูกสาว XiXi  ลูกชาย XiY เป็นทั้งคู่ครับ ใช่ไหมครับ.... จากคุณ : ป๊ะป๋านู๋ดี เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:12:58

ความคิดเห็นที่ 10 ค่ะ โรค G6PD โตแล้วไม่หายนะค่ะ เหมือนเป็นพันธุกรรมด้วย แต่ส่วนน้อยมากที่ลูกผู้หญิงจะเป็น และโรคนี้ ก็ไม่ไดั ร้ายแรง หรือ อันตราย ขนาดนั้น แต่คุณแม่ต้อง เช็คเรื่อง ยา เพราะ โรคนี้ จะกินยา ทั่วไปเหมือนเด็กปกติไม่ได้ (ไม่ใชว่ายาทุกประเภทนะค่ะ) จากคุณ : ตัวบรรจง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:19:24

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่า กังวลเรื่องธารัสซิเมียมากกว่านะครับ เพราะG6PD ไม่ได้อันตรายอะไร เพียงแต่มันจะตามติดตัวเด็กไป เพราะเป็นกรรมพันธุ์....ยังไงก็พบแพทย์ดูด้วย เพราะการตรวจเลือดเด็กก็มีความสำคัญอยู่ทีเดียว จากคุณ : ป๊ะป๋านู๋ดี เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:29:04

ความคิดเห็นที่ 12 @ป๊ะป๋านู๋ดี  เราไม่ได้เป็น G6PD สามีเป็นคนเดียว ตอนที่คุยกับคุณหมอ หมอบอกว่าลูกชายถึงจะเป็นนะคะ ถ้าลูกสาวจะไม่เป็น เดี๋ยวจะลองไปถามคุณหมออีกที จากคุณ : Nanat_va2010 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:54:31

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ Nanat_va2010 ค่ะ หมอเด็กที่รักษาตัวเหลืองน้องก็บอกว่า ถ้าลูกสาวเป็นมาจากพ่อค่ะ พ่ออาจจะเป็น หรือแค่พาหะค่ะ แต่ถ้าลูกชายดูจากแม่ค่ะ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 15:06:51 จากคุณ : แม่หมูทองดำ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 15:05:24

ความคิดเห็นที่ 14 แรกคลอดลูกเรามีอาการตัวเหลือง แล้วโดนเจาะเลือด หลังจากส่องไฟแล้วก้อโดนเจาะอีก แล้วหมอก้อนัดเจาะอีกหนึ่งอาทิตย์ ถึงวันนัดเจ้าหน้าที่เจาะเลือดลูกที่ส้นเท้า เลือดไม่ออกเลยต้องเจาะส้นอีกข้าง ลูกร้องทรมานมาก เรายืนดูเเล้วน้ำตาไหล คิดดูสิเจาะที่ส้นมันเจ็บขนาดไหน แล้วหมอก้อนัดเจาะอีก แต่เราไม่พาลูกไปเจาะอีกแล้ว ตัวเราเองยังไม่ตีลูกเลย แต่ของเราแค่ตัวเหลือง เอาน้องตากแดดตอนเช้าทุกวัน ให้ดื่มน้ำตั้งแต่เเรกคลอด เดี่ยวนี้หายเเล้ว แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 15:10:22 จากคุณ : แม่จ๋อมกับลูกจี๊ด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 15:09:35

ความคิดเห็นที่ 15 สรุปว่าหมอมีข้อสงสัย 2 เรื่อง คือ 1. เป็น G6PD จริงไหม ข้อนี้ จขกท คงจะไม่กังวลมากนัก เพราะเข้าใจว่าลูกเป็นอยู่แล้ว และไม่ได้อันตรายอะไร แค่หลีกเลี่ยงยาอาหารบางอย่าง 2. กังวลจะมีภาวะอื่นเช่น โลหิตจาง ธาลัสซีเมีย อันนี้น่าห่วงนะ เป็นแล้วไม่รู้ ไม่รักษา ก็มีผลเสียต่อเด็ก สงสารลูกเจ็บก็เรื่องนึง แต่นี่มันเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องรู้นะ เหมือนฉีดวัคซีนอะค่ะ รู้ว่าลูกต้องร้องต้องเจ็บ แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะให้เขาฉีดใช่ไหม รู้ก่อน ป้องกันก่อน รักษาก่อน ดีกว่าแน่ๆ และหากตรวจแล้วไม่เป็นอะไรก็ยิ่งดีใหญ่ สบายใจ ไม่มีโรคถือเป็นลาภอันประเสริฐ เป็นเรา ให้ตรวจอีกแน่นอน แต่จะเปลี่ยนรพ.หรืออะไรก็ว่าไป จนท. ที่เจาะเลือดอาจจะไม่ชำนาญก็ได้ น้องเลยเจ็บตัวหลายหน จากคุณ : lovelypam เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 15:21:34

ความคิดเห็นที่ 16 ขออธิบายเรื่อง G6PD นะคะ ก่อนนอื่นต้องท้าวความเรื่องโครโมโซมก่อน โครโมโซม 1 ตัว จะมียีน 2 ตัว ยีนแต่ละตัวจะมี 2 แบบ คือ ยีนด้อย (แทนค่าเป็น a) กับยีนเด่น (แทนค่าเป็น A) ลักษณะทางพันธุกรรม ถูกกำหนดโดยยีนเด่น  (AA หรือ Aa) ส่วนยีนด้อยจะแสดงออกได้เมื่อเป็น aa เท่านั้น เช่น ผมสีดำ เป็นลักษญะของยีนเด่น = ยีน A  ผมสีทอง  เป็นลักษญะของยีนด้อย = ยีน a ......ดังนั้น คนที่มีผมทอง จะต้องมียีนบนโครโมโซมเป็น aa ส่วนคนที่เป็น AA, Aa จะมีผมดำ จากคุณ : รังสีอำมหิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 15:52:17

ความคิดเห็นที่ 17 โครโมโซมเพศ ถูกกำหนดด้วยยีน X แล Y ค่ะ ถ้า XX จะเป็นหญิง XY จะเป็นชาย โครโมโซมเพศจะแปลกกว่าโครโมโซมอื่น ตรงที่ถ้ายีนด้อยไปจับกับโครโมโซม Y ยีนด้อยจะสามารถแสดงลักษณะได้ค่ะ กลับมาที่ G6PD ค่ะ G6PD เป็นโรคเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติ ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยผ่านทางยีนด้อยของโครโมโซมเพศ บนยีน X (แทนด้วย x) คนที่เป็น G6PD จะมีโครโมโซม xY (ช) หรือ xx (ญ) ส่วนโครโมโซม Xx จะเป็นพาหะ (ไม่เป็นโรค แต่นำยีน x ส่งต่อไปสู่รุ่นลูก) ปกติ ลักษณะเพศหญิง จะมีโครโมโซมเป็น XX (ขอแทนเป็น X1X2) เพศชายเป็น XY เมื่อมีลูก จะมีโอกาสเป็น X1X(ญ) X1Y(ช)  X2X(ญ) และ X2Y (ช) ทีนี้ ก็สมมติเป็น 4 แบบ 1. พ่อเป็น G6PD (xY) แม่ปกติ (X1X2) เมื่อมีลูก จะมีโอกาสเป็น X1x(ญ) X1Y(ช)  X2x(ญ) และ X2Y (ช) 2. พ่อเป็น G6PD (xY) แม่เป็นพาหะ (Xx) เมื่อมีลูก จะมีโอกาสเป็น Xx(ญ) XY(ช)  xx(ญ) และ xY (ช) 3. พ่อปกติ (XY) แม่เป็นพาหะ (Xx)  เมื่อมีลูก จะมีโอกาสเป็น XX(ญ) XY(ช)  xX(ญ) และ xY (ช) 4. พ่อปกติ (XY) แม่เป็น G6PD (xx)  เมื่อมีลูก จะมีโอกาสเป็น xX(ญ) xY(ช)  xX(ญ) และ xY (ช) แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 16:10:01 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 16:08:27 จากคุณ : รังสีอำมหิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:05:44

ความคิดเห็นที่ 18 ละเอียดถี่ถ้วนดีจริงครับ แล้วจะรู้ได้ไงว่าแม่เป็นพาหะ หรือว่าเป็น G6PD เลยครับ จากคุณ : ป๊ะป๋านู๋ดี เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:18:31

ความคิดเห็นที่ 19 หญิงที่เป็นพาหะ G6PD ส่วนใหญ่จะมีพี่น้องผู้ชายเป็นโรค G6PD ค่ะ (ข้อ 2, 3, 4) หรือมีพ่อเป็น G6PD (ข้อ 1) หญิงที่เป็น G6PD ต้องมีพ่อเป็น G6PD และแม่เป็นพาหะ  (ข้อ 2)หรือเป็น G6PD ด้วย จะเห็นว่า โอกาสน้อยมากๆๆๆๆ คุณหมอจึงสงสัยว่าลูกคุณอาจเป็นโรคอื่น ซึ่งภาวะเลือดจางที่พบได้บ่อยกว่าคือ ธาลัสซีเมียค่ะ ธาลัสซีเมียมีหลายแบบมากๆ ตรวจยากค่ะ บางชนิดต้องใช้แลปพิเศษค่ะ ส่วนใหญ่แม่จะเจาะเลือดตรวจภาวะนี้ตอนฝากท้องแล้ว เป็นโรคหรือเป็นพาหะ ก็น่าจะทราบมาก่อนแล้วค่ะ ถ้าผิดปกติ คุณพ่อก็จะต้องถูกเรียกมาเจาะเลือดเพื่อดูว่าเป็นชนิดเดียวกันไหม เพราะถ้าเป็นธาลัสซีเมียชนิดเดียวกันจะทำให้ลูกมีอาการรุนแรงค่ะ จากคุณ : รังสีอำมหิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:19:44

ความคิดเห็นที่ 20 ควรเจาะตรวจเพื่อความแน่ใจดีกว่าค่ะ จะได้ดูแลเขาได้ถูก .. กรณีของเรา ลูกชายเป็น จีซิกพีดีค่ะ  ตอนแรกก็ตัวเหลืองค่ะ ส่องไปเจาะเลือดไป เป็นเรืองปกติที่พ่อ แม่ต้องทำใจเวลาลูกร้องค่ะ ที่บอกอย่างนี้เพราะเคสของลูกเราสาหัสมาก ...มีภาวะเลือดจางด้วยค่ะ ค่าสูงกว่าลูกของคุณนะคะ  แต่เรื่องธารัสซีเมียของเราไม่มีค่ะเรา ตรวจก่อนท้องทั้งพ่อและแม่ ....แรกคลอด สันนิฐานแค่ตัวเหลือง ส่องไฟแล้วลด ให้กลับบ้าน หมอนัดตรวจซ้ำ อีก 5 วัน เหลืองขึ้นต้องส่องไฟอีกรอบ ส่องไป 1 วัน แต่เหลืองไม่ลดหมดสั่งงดนมแม่ให้นมผสมแทน 1 วัน ... สรุปผลเลือดคือ เป็นจีซิกพีดี  หมอออกบัตรประจำตัวให้เอาไว้ติดตัวเวลาไปหาหมอ ....มีภาวะเลือดจาง ....หลังจากนั้นถ่ายอุจาระ เป็นเลือด และเป็นมูกเลือด ....หมอสั่งเอ็กซเรย์ พบว่าลมในลำใส้เบามาก สันนิฐานลำใส้บิด ....ส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่กลางดึก หลังจากอุจาระ ไม่หยุด ...ลูกอายุ 9 วัน เข้าห้องผ่าตัด เพื่อดูลำใส้ว่ามีการบิดตัว หรือ กลืนกันหรือไม่  เข้าอยู่ในห้องผ่าตัด 4-5 ช.ม. ออกมาพร้อมสายระโยงระยาง บอกว่าไม่เจออะไร ....ให้พักฟื้นอีก 7 วัน เริ่มให้ทานนม นมแม่ และ นมผสมสลับกัน ....2 วันต่อมา อุจาระ เป็นเลือดอีก กินเข้าไปก็ถ่ายออกมา ถ่ายทุกครึ่งชั่วโมง ให้งดนมอีกครั้ง 7 วัน ให้อาหารทางเส้นเลือด แทน ....มีภาวะตัวซีดต้องให้เลือด แต่หมอยังไม่สรุปว่าเป็นอะไร ...สันนิฐาน 1.  ระบบทางเดินอาหาร ....เปลี่ยนหมอค่ะ ตามตารางของ รพ ....คุณหมอคนใหม่มา สั่งให้ทานนมเลยค่ะ เป็นนม พีเจสติมิล หรือนูตามิเจน หมอบอกว่าแพ้นมวัว ...น้องทานนมอีกครั้ง วันแรกมือละ 15 ซี ซี  วันต่อมา เพิ่มเป็น 30 ซีซี และทานมื้อละ 30 ซีซี ไม่สามารถทานมากกว่านี้ได้เพราะ ถ้าทานมากจะอาเจียนออกมาหมด ....เป็นอย่างนี้อีกเกือบเดือนค่ะ กว่าจะทานได้ตามปกติ และออกจากรพ ได้ สรุปคือ ลูกเราแพ้นมวัว อย่างรุนแรง ทานนมผสม ก็เลยถ่ายเป็นเลือด ...เลือดจางเพราะ เสียเลือดมาก และทานได้น้อย ทำให้การสร้างเม็ดเลือดและการฟื้นตัวช้า  ตอนนี้ลูกชายเราอายุ 7 เดือนค่ะ แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง ทานนมนูตามิเจนอยู่ค่ะ ภาวะเลือดจาง ไม่มีแล้ว แต่หมอตรวจ จีซิกพีดี ซ้ำอีกรอบตอน 4 เดือน สรุป ว่ามันยังอยู่กับเขาอยู่ค่ะ ....กรณีของลูกเราเป็นความโชคร้ายอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิตเด็กทารกตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เราไม่อยากโทษหมอค่ะ แต่อยากจะบอกว่า บางครั้ง ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ฉะนั้น หาหมอเก่ง ๆ ดี ๆ ค่ะ ตามรพ ใหญ่ ๆ ที่ผ่านเคสมาเยอะ ๆ เราจะได้แน่ใจว่าจะดูแลลูกเราต่อไปอย่างไรค่ะ จากคุณ : ดาวสีแดง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:24:47

ความคิดเห็นที่ 21 ต่ออีกนิดนะคะ ...ตอนลูกถูกเจาะเลือดเพื่อเชคภาวะตัวเหลือง เราน้ำตาหยดแหมะ ๆ ค่ะสงสารลูก ลูกโดนเจาะเลือดที่ไร แม่น้ำตาตกทุกครั้ง ...แต่แปลกค่ะ ตอนลูกอยู่ห้องผ่าตัด ความรู้สึกเราเหมือนเวลามันชั่วกัปชั่วกัลป์  แต่น้ำตาไม่มีออกมาซักหยดค่ะ ...มันไหลตกในไปท่วมหัวใจเลยค่ะ ...ช่วงอยู่ รพ. เดือนกว่า ๆ เจาะเลือดจนไม่มีที่จะเจาะ ต้องโกนหัวและเจาะตัวหัวแทนค่ะ ...เป็นคุณแม่ต้องอดทนค่ะ สู้ ๆ นะคะ จากคุณ : ดาวสีแดง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:50:48

ความคิดเห็นที่ 22 โรคนี้เกิดจากภาวะที่พร่องเอนไซม์ G6PD เป็นเอนไซม์ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ (Oxidants) คนที่เกิดภาวะพร่องเอนไซม์ชนิดนี้แล้วจะทำให้เกิดอาการเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis) ได้ง่าย สาเหตุของการพร่องเอนไซม์ G6PD เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมแบบ X-linked recessive โรคนี้จึงพบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง อาการของโรคก็คือภาวะซีดจากการที่เม็ดเลือดแดงแตกอย่างฉับพลัน โดยในเด็กทารกจะพบว่ามีอาการดีซ่านที่ยาวนานผิดปกติ ส่วนในผู้ใหญ่นั้นจะพบว่า ปัสสาวะมีสีดำ ถ่ายปัสสาวะน้อยจนอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน ได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้การควบคุมสมดุลของสารเกลือแร่ต่างๆในร่างกายเสียไปด้วย โดยเฉพาะการเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง จากคุณ : รังสีอำมหิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 17:26:35

ความคิดเห็นที่ 23 สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ 1.อาหาร โดยเฉพาะ ถั่วปากอ้า ซึ่งมีสารอนุมูลอิสระ (Oxidants) 2.การติดเชื้อโรคต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว หลั่งสารอนุมูลอิสระ (Oxidants) มากขึ้น 3.การเป็นโรคเบาหวานที่ทำให้เกิดกรด (Diabetic ketoacidosis) 4.การได้รับยาต่าง ๆ ดังนี้ กลุ่มยาแก้ปวด ลดไข้ Acetanilid Acetophenetidin (Phenacetin) Amidopyrine (Aminopyrine) Antipyrine Aspirin Phenacetin Probenicid Pyramidone กลุ่มยารักษาโรคมาลาเรีย Chloroquine Hydroxychloroquine Mepacrine (Quinacrine) Pamaquine Pentaquine Primaquine Quinine Quinocide กลุ่มยารักษาโรคหัวใจ Procainamide Quinidine กลุ่มยา Sulfonamides/Sulfones Dapsone Sulfacetamide Sulfamethoxypyrimidine Sulfanilamide Sulfapyridine Sulfasalazine Sulfisoxazole กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Cytotoxic/Antibacterial drugs) Chloramphenicol Co-trimoxazole Furazolidone Furmethonol Nalidixic acid Neoarsphenamine Nitrofurantoin Nitrofurazone PAS Para-aminosalicylic acid ยาอื่นๆ Alpha-methyldopa Ascorbic acid Cimercaprol (BAL) Hydralazine Mestranol Methylene blue Nalidixic acid Naphthalene Niridazole Phenylhydrazine Pyridium Quinine Toluidine blue Trinitrotoluene Urate oxidase Vitamin K (Water soluble) แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 17:29:16 จากคุณ : รังสีอำมหิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 17:26:54

ความคิดเห็นที่ 24 สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาผู้ป่วยภาวะพร่องเอนไซม์จีซิกส์พีดีคือการป้องกันและหลีกเลี่ยงยาและอาหารที่ทำให้มีการสลายของเม็ดเลือดแดง การได้รับวัคซีนป้องกันโรคที่พบบ่อยบางชนิด (เช่น ไวรัสตับอักเสบ เอ และบี) อาจช่วยป้องกันเหตุเม็ดเลือดแดงสลายที่เกิดจากการติดเชื้อนั้นๆ ได้ ในระยะเฉียบพลันของการสลายของเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องได้รับเลือด หรือต้องรับการชำระเลือด (dialysis) หากมีภาวะไตวายเฉียบพลันเกิดขึ้น การให้เลือดเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาอาการ เนื่องจากเม็ดเลือดแดงในเลือดที่ได้รับนั้นโดยทั่วไปจะไม่พร่องเอนไซม์จีซิกส์พีดี ดังนั้นจะมีอายุขัยปกติในร่างกายของผู้รับเลือด ที่มา th.wikipedia.org จากคุณ : รังสีอำมหิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 17:31:50

ความคิดเห็นที่ 25 ไว้น้องแข็งแรงดีกว่านี้จะรีบพาไปตรวจให้ละเอียดอีกทีค่ะ จริงๆตอนท้องหมอสูติก็เช็คเลือดแล้วน่ะว่าไม่เป็นธาลัสซีเมียและไม่ได้เป็นพาหะด้วย พอเราบอก คุณหมอคนนี้เค้าบอกว่าไม่เกี่ยวกันต้องเช็คใหม่แล้วมาวิเคราะห์อีกทีแต่เราคงเปลี่ยนที่ค่ะเพราะ หมอคนนี้เป็นเฉพาะทางด้านกระเพาะและลำไส้เด็กค่ะ ชื่นชมคุณดาวสีแดงมากๆ เข้มแข็งมาก ตอนลูกเราตัวเหลืองพยาบาลอุ้มเอามาให้นม แล้วเราเห็นเค้าแค่โดนปิดตามาเรายังรับไม่ได้เลย ร้องไห้ออกมาเฉยเลย สงสารมากเพราะ เด็กแรกเกิดตัวนิดเีดียวเอง จากคุณ : แม่หมูทองดำ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 09:12:39