Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มาแชร์วิธีสอนลูกกรณีเกิดน้ำท่วมกันดีไหมค่ะ ติดต่อทีมงาน

ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้เชียวชาญด้านนี้เท่าไหร่  ข้อมูลทั้งหลายนอกเหนือจากคำพูดและการเยียวยาด้านจิตใจนั้นก็มาจากการอ่าน การศึกษาจากในอินเตอร์เน็ตและจากเพื่อนที่โดนน้ำท่วมไปแล้ว

เท่าที่เจนอ่านจากในอินเตอร์เน็ตก็พบเจอคู่มือวิธีรับมือน้ำท่วมมากมายแต่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยมีใครเขียนถึงวิธีสอนเด็กรับมือกรณีเกิดน้ำท่วมมากสักเท่าไหร่

เจนเลยคิดว่าเราน่าจะแชร์กันว่าถ้าเกิดน้ำท่วมหรืออยู่ในภาวะที่เสี่ยงจากการถูกน้ำท่วม(อย่างบ้านเจนเองตอนนี้ยังปกติ แต่ก็ต้องระวังอยู่ทุกคืน เพราะอยู่ในเขตที่อาจจะท่วมได้ ข้าวของก็ย้ายขึ้นชั้นบนไปเกือบหมดแล้ว) เราจะสอนให้ลูกรับมืออย่างไร

สิ่งที่เจนเขียนถ้าอันไหนคุณพ่อคุณแม่คิดว่าไม่ถูกหรือไม่เข้าท่าขอให้บอกได้เลยนะค่ะแล้วเจนจะกลับมาแก้ไข (ถ้าน้ำไม่ท่วมบ้านไปก่อนแล้วนะ)



== วางแผนล่วงหน้า ==

-ถ้าลูกยังเล็กแล้วยังกินนมผงนมชง  ใส่แพมเพิร์ส มียาประจำตัว หรือของใช้เฉพาะตัวอะไร  ถ้าคุณพ่อยังไม่รู้หรือจำไม่ได้ ควรจะเรียกให้มาดูแล้วจำให้ได้ เพราะถ้าถึงเวลานั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะให้คุณแม่ทิ้งลูกแล้วออกไปซื้อของ หน้าที่ตะลุยน้ำออกไปซื้อน่าจะเหมาะกับคุณพ่อมากกว่า

-ถ้าเด็กยังเล็กหรือว่ายน้ำไม่เป็นห่วงยาง ชูชีพควรเตรียมไว้ เพราะถ้าน้ำมาไม่ลึกแต่แรงอาจคว้าไว้ไม่ทันก็เป็นได้

-สอนลูกให้คิดว่าถ้าน้ำท่วมขึ้นมาควรจะเอาทรัพย์สินอะไรไปไว้ในที่สูงกว่า เช่น ชั้นบนๆของบ้าน  โน็ตบุ๊ก เน็ตบุ็ก อุปกรณ์ตระกูลไอทั้งหลาย อันไหนยังไม่ได้ใช้ก็ปิดเครื่องใส่ถุงซิปล็อกเอาไว้แล้วเอาไปไว้ที่ชั้นบนสุด

-ตกลงกันไว้เลยระหว่างพ่อแม่ลูก ใครจะรับผิดชอบเรื่องอะไร ถ้าน้ำทะลักเข้ามาต้องทำอะไรก่อนสับคัตเอาร์ไฟใช่ไหม  ถ้าคุณพ่อคุณแม่ตกใจจนลืมหนูต้องบอกด้วยนะลูก

-สอนลูกว่าควรทำอะไร ย้ายอะไร ก่อนหลัง ต้องแบ่งหน้าที่กันไว้ล่วงหน้าย้ายรถ เก็บเงิน ของมีค่า เครื่องใช้ไฟฟ้า  เปิดกรงช่วยน้องหมา น้องกระต่าย เก็บของที่สำคัญรองลงมาใครทำ ใครรับผิดชอบ ถึงเวลาจะได้ไม่แย่งกันทำอย่างเดียวแล้วที่เหลือไม่มีคนสนใจ

-ถ้าเด็กโตหรือวัยรุ่นมีเหตุต้องออกจากบ้านในช่วงเฝ้าระวัง ตกลงกันไว้ล่วงหน้าเลยว่าแผนฉุกเฉินถ้าน้ำท่วมกลับบ้านไม่ได้หรือกลับมาแล้วไม่เจอพ่อแม่ติดต่อไม่ได้จะไปเจอกันที่ไหนหรือจะไปพบกันที่บ้านญาติคนใด สมัยนี้ 3G แล้วก็จริง แต่ไม่ประมาทน่าจะดีกว่าเพราะถึงตอนนั้นมือถือคุณก็อาจหายไปกับสายน้ำแล้วหรือใช้จนแบตหมดแล้วไม่มีที่ชาร์ทก็เป็นได้



== สอนให้เด็กรู้ถึงอันตราย ==

-สอนเด็กว่าแม้น้ำท่วมแล้วก็ต้องใส่รองเท้าเพราะของมีคม มีด ตะปู กรรไกร เศษแก้วหรืออะไรก็ตามที่มีน้ำหนักมันจะจมอยู่ติดพื้นเสมอถ้าเดินเท้าเปล่าหนูอาจเหยียบได้  ตะปู เข็มหมุด หรือของมีคมอะไร แล้วถ้าไม่แน่ใจว่าน้ำจะท่วมหรือเปล่าของเหล่านี้ให้เอาใส่กล่องพลาสติคหรือทัปเปอร์แวร์ไว้แล้วคาดเทปพันสายไฟไว้น่าจะดีกว่า

-สัตว์มีพิษ งู ตะขาบ แมงป่อง หนูก็ต้องระวังไว้ ถ้าเห็นท่อนไม้ลอยมาอย่ารีบกระโดดคว้าเพราะสัตว์มีพิษเหล่านี้มักชอบที่จะเกาะตามท่อนไม้ ถ้าหนูจะพักใต้ต้นไม้หรือปีนขึ้นไปหลบบนต้นไม้หนูก็ต้องระวังสัตว์เหล่านี้ไว้ด้วยนะลูก

-สอนลูกให้ระวังโรคที่มากับน้ำ น้ำท่วมไม่ใช่น้ำในสระจะบอกให้ลูกอย่าโดนอย่าแช่คงเป็นไปไม่ได้ แต่ที่สำคัญย้ำกับลูกว่าน้ำมันสกปรกอย่าดำผุดดำว่ายแล้วที่สำคัญอย่ากินเข้าไปเด็ดขาดเพราะเชื้อโรคอหิวา ตาแดง ฉี่หนู มันจะเข้าไปในตัวหนู



== รักษาจิตใจ ==

-ไม่บ่น ไม่โวยวาย ในสิ่งที่ลูกช่วยไม่ได้ให้เด็กฟัง รถจมน้ำ ทรัพย์สินเสียหาย เทอมหน้าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอม ความทุกข์ใจห้ามไม่ได้แต่เก็บไว้ก่อน เด็กเองลำพังความยากลำบากที่ตัวเขาเจอก็แย่อยู่แล้วการต้องมาฟังในสิ่งที่แม้นเขาอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าอยากบอกให้ลูกรู้ว่าหลังจากนี้เราคงต้องลำบากต้องประหยัดมากขึ้นกว่าเก่า แนะนำให้พูดอ้อมๆพูดเหมือนประโยคบอกเล่าหรือพูดทำนองขอให้ลูกช่วยหรือให้ร่วมมือกันไว้ แต่ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนน่าจะดีกว่า

-เมื่อน้ำท่วมแล้วพบเจอความยากลำบากข้าวของเสียหาย อาหารหาซื้อไม่ได้ ห้องน้ำไม่มีใช้ บอกลูกว่าแม่เข้าใจว่าหนูยากลำบากเพียงไหน แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจ อดทนเข้าไว้ แม่เชื่อว่าเราจะต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากช่วงนี้ไปได้  นี่ไม่ใช่เวลามาเทศนาลูก ประเภท "แค่นี้ก็ทนไม่ได้ ฉันคงเลี้ยงให้แกสบายเกินไป น้ำลดแล้วอย่าได้หวังว่าฉันจะตามใจแกแบบเก่า" อะไรทำนองนี้

-เสียอะไรก็ได้ แต่อย่าเสียกำลังใจ เมื่อสัตว์เลี้ยงของลูกตาย มือถือจมน้ำ หรือแม้กระทั่งแค่เสียตุ๊กตาตัวโปรดไป  อย่าพูดกับเด็กเหมือนความสูญเสียของเขาเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่สำคัญ บอกลูกว่าแม่เสียใจ แล้วแม่ก็เข้าใจดีว่าหนูเสียใจ แต่ในเมื่อเราทำดีที่สุดแล้วๆสิ่งนี้ไม่มีใครคาดการณ์ได้เราก็ต้องทำใจยอมรับมันนะลูก อย่างน้อยเราก็ยังมีซึ่งกันและกัน ถ้าสักวันทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเรามีกำลังแม่จะช่วยชดเชยสิ่งที่หนูเสียไปให้แต่อย่างไรเราคงต้องเริ่มจากสิ่งที่จำเป็นก่อน (ใช่คำว่าจำเป็นอย่าใช้คำว่าสำคัญเพราะถ้าเริ่มจากสิ่งที่สำคัญก่อนเท่ากับว่าเรื่องของลูกเป็นสิ่งไร้สาระ)

-สอนให้ลูกมองโลกในแง่ดี แต่อย่าโกหก การตื่นกลัวว่าทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายโดยไม่มีปัจจัยใดมายืนยัน มีแต่จะยิ่งทำให้เสียกำลังใจ ถ้าบ้านท่วมถึงเอวอย่าขู่ลูกว่าที่นั่นท่วมถึงหลังคาเดี๋ยวบ้านเราก็ต้องจมแน่ๆ เขื่อนจะถล่ม น้ำป่าจะทะลักถึงตอนนั้นเราคงไม่เหลืออะไร แต่ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่แน่ใจหรือมีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น เช่น น้ำระลอกใหม่ แนวกระสอบทรายพัง คุณควรบอกความจริงแก่ลูกเพื่อจะได้ช่วยกันรับมือไว้ ถ้าลูกจะตกใจก็ต้องยอมเพราะถ้าไม่บอกแล้วถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้าลูกจะยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่



== อย่าลืมให้ความสนใจและอย่าปล่อยให้ลูกอยู่ว่าง ==

-เมื่อน้ำท่วมหรือมีภัยอะไรเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะยุ่ง จะมีเรื่องต้องทำมากมาย แต่สิ่งสำคัญคืออย่าลืมลูก ต้องถามเขาว่ามีอะไรอยากให้ช่วยไหม หนูมีแผล เจ็บปวด ไม่สบายหรือเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะบางทีเด็กอาจมีสิ่งสำคัญที่อยากบอกคุณ(เช่นเป็นแผลหรือโดนตัวอะไรกัด)แต่เมื่อเจอคำตอบที่ว่า "แม่ยุ่งมากอย่ากวนได้ไหม"  เด็กก็อาจไม่กล้าบอก แล้วกว่าคุณจะรู้ก็อาจช้าเกินไป

-กรณีที่น้ำท่วมไปแล้ว ควรแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนทำ ใครเฝ้าของ ใครดูแลน้อง ใครออกไปขอความช่วยเหลืออะไร ต่อให้ก่อนหน้าเลี้ยงลูกแบบคุณหนูแสนสบายแต่เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนต้องช่วยกันไม่ใช่รอให้ใครมาปรนิบัติ

-เหตุผลสำคัญที่คุณควรให้หน้าที่ความรับผิดชอบแก่ลูกทำ เพื่อที่เด็กจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ มีคุณค่าในตัวเอง เพราะถ้าคุณปล่อยให้เด็กอยู่เฉยๆเด็กจะคิดถึงแต่ความเสียหาย ความไม่สะดวกสบายต่างๆนาๆแล้วสุดท้ายก็จะมาพาลกับคนรอบข้าง ในขณะที่คนรอบข้างก็ยุ่งแทบตาย คราวนี้เลยจะได้ปัญหาใหม่เข้ามาอีก




แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาคุณควรบอกลูกว่าถ้าน้ำมาเร็วหรือทุกอย่างเลวร้ายเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เช่นน้ำท่วมสูง ท่วมเร็ว ท่วมแรง จนหนูยืนไม่ถึงหรือจะจมน้ำแล้ว ข้าวของหรืออะไรก็ตามทุกอย่างที่ตกลงไว้ให้ยกเลิกหมด สิ่งสำคัญคือหนูต้องเอาชีวิตรอดให้ได้เพราะชีวิตหนูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของพ่อกับแม่เหนือสมบัติอื่นใด แม่สัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการมาโทษมาบ่นกันทีหลังไม่ว่าหนูจะลืมหรือทำอะไรผิดขั้นตอนก็ตาม (เพราะเวลาคนเราตกใจต่อให้เตรียมการมาดีแค่ไหนหลายครั้งก็มักจะทำอะไรไม่ถูก)

สุดท้ายใครมีข้อคิด วิธีการ คำแนะนำหรือประสบการณ์อะไร มาแนะนำมาแบ่งปันกันดีไหมคะ


เจน

จากคุณ : JanE & IK
เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 22:49:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com