ความคิดเห็นที่ 1 พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยความรัก ความห่วงใย ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับลูก วันเวลาผ่านไปพ่อแม่แก่ลง ลูกบางคนทำได้เพียงใช้ เงิน ดูแลท่าน จากคุณ : เด็กชายบ๊อง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 22:08:40

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รู้นะ เราไม่อยากวิจารณ์เรื่องพ่อเเม่เท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าทางบ้านใคร คนนั้นเขาคงมีเหตุผล อย่างเมื่อก่อนตอนอยู่บ้านยาย พอเรากับน้องไปเรียน พ่อเเม่น้าไปทำงาน ตากับยายก็อยู่กันสองคน ยายเราก็ไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน ต้องเดินไปเม้ามอยกับเพื่อนบ้าน จริงๆคือตาอยู่บ้านคนเดียว เเล้วอยู่ๆวันหนึ่ง ตาเราก็หายออกจากบ้าน ตั้งเเต่เช้า ยายไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่บ้าน ขอเเจ้งความ เเจ้งจส.100 มาเจออีกทีตอนเย็น ตาเราไปหกล้มอยู่บนทางเท้า ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะหัวกระเเทก ก็ทำให้รู้ได้ ว่าตาเราเริ่มหลงๆลืมๆเเล้ว จนในที่สุดมีเรื่องทำนองนี้อีก 2-3 ครั้ง ตาก็เสียไป ถ้าให้เราเลือกได้ ในกรณีที่ไม่มีคนอยู่บ้านเลย อยู่บ้านพักคนชรา ดีที่สุด อาจจะไม่ถูกใจคนเเก่หรอก เเต่เพื่อความปลอดภัยเเละความสบายใจของลูกหลาน จะจ้างคนมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนตายาย ก็กลัวอีก คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจกันได้ง่ายๆที่ไหน เพื่อเอาคนมายกเค้า เพื่อตายายโดนซ้อม หรือหนักกว่านั้น คือคนภายนอกอาจมองว่าเราอกตัญญู  เเต่เราก็บอกพ่อเเม่เราไว้เเล้ว เมื่อไหร่ที่พ่อเเม่เเก่มากจริง เเละเราทำงานนอกบ้าน เราจะเอาพ่อเเม่เราไปอยู่ เเต่คงไปเยี่ยมวันเว้นวัน ไม่ก็อาทิตย์ละ 3-4 วัน เราว่าเเบบนี้ดีกว่า เเต่ถ้าเรื่องงานเราลงตัว มีเวลาอยู่บ้านมากๆ ก็คงไม่เอาพ่อเเม่ไปอยู่หรอก ปล.คัดค้านนะคะ การที่ไปตัดสินคนอื่นว่าเขาไม่รักพ่อเเม่ โดยที่เห็นอะไรเเค่ช่วงเวลาหนึ่ง มันดูด่วนสรุปไปไหมอะ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 22:29:40

ความคิดเห็นที่ 3 อาจจะหนีออกจากโรงพยาบาลก็ได้นะ แบบคนแก่บางคนไม่ป่วยมากแต่อ่อนแอ ลูกมีเงินเลยส่งให้ไปนอนพักผ่อนที่โรงพยาบาล จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 22:52:21

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ามองในแง่ดี ลูกอาจจะไปฝากให้อยู่บ้านญาติ เพื่อหลบน้ำก็เป็นได้นะค่ะ  แต่คนแก่มักจะติดและห่วงบ้าน ไม่ยอมไป เลยใช้วิธีแกมบังคับ ก็เป็นได้ เพราะตอนนี้เราก็ประสบปัญหานี้อยู่คือ ป๋าไม่ยอมไปจากบ้าน ที่รอบล้อมด้วยคันดินกั้นน้ำจากท้องที่ เท่ากับบ้านป๋าตอนนี้เป็นไข่แดง ที่พร้อมจะท่วมได้ตลอดเวลาถ้าคันกั้นน้ำพังลงมา จากคุณ : beebeemom เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 22:55:16

ความคิดเห็นที่ 5 จขกท. อาจจะคิดว่า .... ถ้าใครคิดทิ้ง พ่อแม่ ไว้บ้านพักคนชรา (แค่คิด ว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า) แบบเห็นแล้วหดหู่ ประมาณว่าถ้าเป็นตัวเองถูกลูกทิ้งคงรู้สึกแย่ ก็เลยมา Post เรื่องนี้ เพื่อเตือนสติคนที่คิดว่าจะทำอย่างนั้น เพราะ เค้ายังรู้สึกแย่เลย เห็นแล้วสงสาร ส่วนตัวเราว่า คุณ จขกท.คงไม่เคยคิดว่าจะพบเจอพ่อแม่บางคนที่อยากไปอยู่บ้านพักคนชรา เราเคยเจอป้าคนนึงที่รู้จักกันเค้ายืนยันว่าจะไปอยู่บ้านพักคนชรา ไม่อยากอยู่กับลูก เพราะเบื่อ ที่นั่นจะมีเพื่อน มีกิจกรรม ดูน่าสนุกสนาน (เค้าว่างั้นนะ) แต่เรา คงไม่ให้พ่อแม่ไปอยู่อย่างนั้นหรอก เก็บไว้ดูแลเองดีกว่า อิ อิ (น่ารักดี ) คนอะไรบ่นได้ตลอดเวลา จากคุณ : kansakx_aj5 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 23:54:57

ความคิดเห็นที่ 6 เจ้าของบ้าน มีฐานะที่พอจะเลี้ยงพ่อได้... ถ้าหากเจอคุณพ่อที่กลับมาบ้านด้วยตัวเอง แล้วทำท่าตกใจเดินเข้ามาถามหรือพยุงคุณพ่อผมก็ไม่น่าจะรู้สึกอะไร..... แต่ท่าทางที่เจอคุณพ่อ คือ ไม่พอใจ แล้วพูดคำและน้ำเสียงไม่ดี....... ผมว่า อันนี้ทำไม่ถูก ผมยอมรับความเห็นของหลายคนที่บอกว่า ไม่สะดวกจะเลี่ยงดูพ่อแม่ตอนแก่ เลยให้ไปอยู่บ้านพักคนชรา หรือที่อื่นๆ เพราะว่าหลายๆๆเหตุผล แต่ขอให้ยังคงมีความรักต่อพ่อแม่ได้ไหม ..ลองถามตัวเองว่า ถ้าวันหนึ่งเราแก่ แล้วลูกแสดงออกให้เห็นว่า ไม่อยากให้กลับมาบ้าน แล้วลูกพูดหรือแสดงสีหน้าไม่ดีกับเรา .....  คุณจะรับได้ไหม จากคุณ : scob1207 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 08:50:41

ความคิดเห็นที่ 7 พ่อแม่เองตอนเกิดเรามา ท่านก็คงไม่สะดวกจะตื่นมาทุก 3-4 ชั่วโมง ป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ฯลฯ อีกสารพัดจะทำ เพราะท่านก็ต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนกัน แต่ทำไมพ่อแม่ทำให้เราได้ พอถึงเวลาที่ต้องดูแลท่านบ้าง กลับอ้างว่าทำไม่ได้เพราะต้องทำงาน ตลกดีค่ะ จากคุณ : กล่องเส้นด้าย เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 09:53:22

ความคิดเห็นที่ 8 พ่อแม่เลี้ยงลูก 10 คนได้แต่ลูก 10 เลี้ยงพ่อแม่ เพียงคนเดียวไม่ได้ บาปกรรมไม่หนีไปใหนหรอกคะ เด๋วก็ตามทันในชาตินี้แหละ ทำอย่างไรกับพ่อแม่ไว้ ลูกก็ทำกับเราอย่างนั้นเหมือนกันคะ ปล.จขกท.ใจดีจังะ จากคุณ : แม่น้องแก้มใส (jeeranun.jun) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 09:58:29

ความคิดเห็นที่ 9 เราไม่เคยคิดเอาไปไว้บ้านพักคนชราเลยค่ะ มีแต่พูดกับแม่เล่นเอง แล้วแม่ก็บอกว่าไม่ต้องเดี่ยวไปเองแล้วก็ขำกัน ถ้าให้ทำคงทำไม่ลงหรอกค่ะ จากคุณ : ชาดำเย็น30 (ชาดำเย็น30) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 12:32:09

ความคิดเห็นที่ 10 หลังจากอ่านแล้วรู้สึกว่ามันมองอะไรด้านเดียวเกินไปค่ะ จริงค่ะที่ว่า คนที่ไม่กตัญญูพ่อแม่  ไม่ได้ดีหรอก แต่ในเหตุการณ์นี้ คุณปู่อาจจะกลับมาจาก โรงพยาบาล  บ้านลูกอีกคน โดยที่มาคนเดียว ไม่บอกให้ลูกไปรับ ลูกอาจจะเป็นห่วงก็ได้ ถ้าจะมองเรื่องบ้านพักคนชรานะคะ ตอนลูกเด็กๆ พ่อแม่ต้องทำงาน ลูกอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ ก็เลยต้องพาไปเข้าเนอสเซอรี่ พอพ่อแม่แก่แล้ว อยู่บ้านคนเดียว ลำบากและอันตราย จะหาพยาบาลมาดูแลถึงบ้านฐานะก็ไม่เอื้ออำนวย น่าจะมีเนอสเซอรี่คนแก่บ้างเนอะ จากคุณ : นู๋ปุย เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 20:19:11

ความคิดเห็นที่ 11 ทางบ้านเค้าอาจจะให้ไปพักอยู่บ้านญาติหนีน้ำท่วมก็ได้ คนแก่เค้านิสัยห่วงบ้านอยู่แล้ว ทางลูกเลยไม่อยากให้กลับ จากคุณ : อุดมไปด้วยความสุข เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 13:48:19

ความคิดเห็นที่ 12 เอ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้นะคะ เหตุการณ์ไม่กี่นาที กับคำพูดประโยคเดียวเองค่ะ จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 13:48:45

ความคิดเห็นที่ 13 ขออนุญาตแชร์นะคะ เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับพ่อ พ่อเป็นคนกินเหล้า กินจนเบลอ กินจนไปนอนข้างถนน บ้านเราเป็นร้านค้าแต่ก็รายได้ดี ลูกๆมีการศึกษา ตัวเราก็ได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา แต่เงินทุกบาทนั้นมาจากแม่คนเดียว พี่ชายและตัวเรา กลับมาอยู่บ้านหลังเรียนจบ พ่อและแม่ก็มาการทรุดพร้อมๆกัน แม่เป็นเบาหวานและไวรัสตับซีค่ะ ส่วนพ่อเป็นแอลกอฮอลิคเต็มขั้น พ่อเริ่มตบตีแม่ อาละวาดเมื่อไม่ได้กินเหล้า ถ่ายโดยไม่รู้ตัว เพ้อเหมือนคนบ้า เวลาแม่เข้ารพ.ก็จะตามไปอาละวาดแล้วบอกให้แม่กลับบ้าน จนเราต้องยอมเสียค่าห้องราคาห้องICU เพื่อที่จะไม่ให้พ่อเข้าไปหาแม่ได้ เราพาพ่อไปรักษาตัวที่รพ.ธัญญารักษ์ ส่วนแม่ต้องไปวิชัยยุทธ   ตอนที่พ่ออาการกำเริบแรกๆ เรากับพี่ชายเครียดมากเพราะกลัวว่าพ่อจะเพ้อบีบคอแม่ เราสองคนเคยทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้งเพราะพ่อบังคับให้ไปซื้อเหล้า เราเคยผลักพ่อล้มครั้งนึงเพราะความโกรธเพราะสิ่งที่พ่อทำกับคนในบ้าน มันแสนสาหัสเหลือเกิน(บรรยายไม่หมด)จนเราเคยคิดดังๆว่าเมื่อไหร่พ่อจะตายซะที พ่ออยู่ได้ประมาณสองปีหลังมีอาการ พ่อเสียตอนที่ป้าของเราเสียก่อนได้วันสองวัน พอเอาศพป้ามารดน้ำที่วัด คืนนั้นพ่อก็เส้นเลือดแตกตามไปอยู่กับป้า............เราคิดว่ามันไปกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ สิ่งที่เราคิดแล้วคิดอีก มันเกิดขึ้นจริงๆเหรอ เราไม่เคยเชื่อหรอกที่คนอื่นบอกว่าพ่อรักเรา เพราะสิ่งที่เขาทำมันตรงกันข้าม จนวันที่พ่อหยุดหายใจ พ่ออยู่รพ.ได้สามวันก่อนหมดลม เราคิดว่าเขาไม่รู้สึกตัวเพราะสมองตายแล้ว อยู่ได้เพราะเครื่อง ก่อนที่พ่อจะไป เราเฝ้าอยู่คนเดียวพยาบาลก็ยังไม่ว่างเราเลยเช็ดตัวพ่อรอๆไปก่อน และสิ่งที่ได้เห็นคือ พ่อน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้างพร้อมๆกัน นั่นทำให้เรารู้ว่าเขายังอยู่..... และหลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง พ่อก็จากไป เราลืมทุกสิ่งอย่างที่เราเกลียดชังเขา เพราะน้ำตาที่ไหลออกมา แต่เราก็ขออโหสิ เราว่าเป็นการหมดเวรกรรมกันทั้งสองฝ่าย พ่อไม่ต้องทำบาปกับคนในครอบครัว ลูกก็ไม่ต้องทำบาปต่อพ่อ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นคนอื่นจะมองว่าเป็นลูกอกตัญญูรึเปล่า แต่เราคิดว่าถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเพราะอะไรถึงต้องทำแบบนั้น คนอื่นมองบ้านเราเหมือนว่าดีใจที่พ่อตาย เห็นแม่ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่งตัวมีสีสันหน่อยก็ว่าดีใจที่ผัวตาย ไม่เห็นลูกๆเศร้าก็คิดว่าทรพี แต่หากคุณโดนสิ่งที่พวกเราเจอมา คุณจะเป็นยังไงบ้างล่ะ ตอบไม่ได้หรอกเพราะคุณไม่ใช่คนที่เจอมา เรารู้ว่าสิ่งที่ทำกับพ่อมันบาปแต่ต้องทำไปเพื่อปกป้องแม่ ปกป้องตัวเอง เพราะพ่อไม่มีสติแล้ว หวังแต่ให้พ่ออภัยและชดใช้บาปของเราเอง ชื่นชมน้ำใจของ จขกท.นะคะ ผู้ชายสมัยนี้หาดีๆยาก ยิ่งช่วยเหลือคนแก่ด้วยยิ่งน้อย เพราะมัวแต่เอาเวลาไปช่วยเหลือโค(โยตี้) กับเด็กนักศึกษาหาทุนเรียน กันซะมากกว่า จากคุณ : แม่จะซิ่ง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 13:53:08

ความคิดเห็นที่ 14 T.T ยังไงเราก็ไม่มีวันเอาพ่อแม่ไปไว้บ้านพักคนชราค่ะ เราจะหาทางให้ท่านอยุ่บ้านที่ท่านรักที่ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กๆนี่แหละ ต่อให้เราต้องออกไปหางานทำหรือหาเงินเพิ่มเราก็จะทำ จ้างคนมาดุท่านเราก็ทำค่ะเรายอมลำบากขึ้นค่ะ คือเราเข้าใจ คห อื่นนะ อาจจะจำเป้นต้องเอาไปไว้จริงๆ แต่ถ้าเป้นตัวเรา เราไม่ทำแบบนั้นอ่ะค่ะ พ่อแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่ท่านยังไม่มีอะไร พอวันหนึ่งท่านแก่ตัวลง ในขณะที่เราก็น่าจะดูท่านได้กลับเอาท่านไปไว้ บ้านพักคนชราเนี่ยนะ!!?? เพราะห่วง!!?? แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งลูกเราทำแบบนี้กับเรา เราคงเสียใจมากอ่ะค่ะ จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 13:57:17

ความคิดเห็นที่ 15 พ่อทรายบอกว่าแก่แ้ล้วจะไปอยู่บ้านพักคนชรานะ เค้าบอกเกิดอยู่คนเดียวก็เหงาอ่ะสิ จากคุณ : zugar15 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 13:58:35

ความคิดเห็นที่ 16 แนวคิดกตัญญูต่อพ่อแม่ของ จขกท ดีนะคะ คนกตัญญูทำอะไรก็เจริญ แต่อย่าตัดสินคนอื่นง่ายๆจากเหตุการณ์ที่คุณคาดเดาไปเอง ที่พูดนี่เพราะตอนนี้เลิกทำงานมาดูแลพ่อแม่เต็มเวลา รู้ไหมว่าลำพังพ่อแม่นี่ไม่มีปัญหาอะไรนะ ถึงท่านจะดื้อบ้าง เอาแต่ใจ ขี้หลงลืมหงุดหงิดตามประแสคนแก่บ้าง แต่คนเป็นลูกจะรู้ว่าควรรับมืออย่างไร พ่อแม่ลูกไม่ต้องพูดเยอะก็เข้าใจกัน อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิตนิคะ แต่ที่ทำให้เหนื่อยใจคือความเห็นจากผู้หวังดีที่ไม่รู้จักเราดีพอนี่แหละ แล้วไม่รู้เป็นยังไงชอบมองไปแต่ทางร้าย ตย. เช่นพ่อเราชอบทำอะไรเอง ชอบไปโน่นไปนี่เอง ไม้เท้าไม่ยอมใช้ ชอบไปจ่ายตลาด ชอบทำอาหาร เราทั้งขอร้อง ทั้งห้าม ทั้งแย่งทำ ด้วยความเป็นห่วง พ่อยอมอยู่พักนึงแล้วเค้าก็หงอย ซึม ไปเลยอ่ะ เราถึงรู้ว่าที่พ่อทำน่ะเพราะชอบเพราะอยาก ถึงได้ปล่อยให้ทำต่อ คอยระวังห่างๆอย่างห่วงๆ แล้วต้องทำหูทวนลมกับปากหอยปากปูต่อไป ก็เหมือนห้องก้นครัวเมื่อเร็วๆนี้ที่มีคนมาติลูกสะใภ้ว่าปล่อยให้พ่อสามีแก่ๆหาบของขายทั้งๆที่ตัวเองมีหน้าร้าน แล้วก็มีคนที่รู้จริงมาบอกว่าลูกสาวเค้าก็มีหน้าร้านเหมือนกันที่คุณลุงยังขายเร่เพราะน่าจะเป็นความเคยชินของเค้า นี่แหละ ไม่รู้อะไร ลูกสะใภ้เจอข้อหาใจร้ายใจดำกะคนแก่ไปซะแล้ว แม่แก่ๆของเราพูดเองว่าอยู่กะคนแก่นี่เหมือนแหย่ขาข้างนึงลงนรก ขยับจะทำอะไรก็บาปไปหมด คงจะจริงนะคะ 5555 ส่วนเรื่องพูดไม่ดีกับพ่อแม่นี่เห็นด้วยกะคุณ จากคุณ : เมี๊ยวหง่าว เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 14:06:20

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ละความคิดความเห็น เด็ดยอดจริงๆ ครับ ผมว่าความรักที่มีต่อพ่อแม่ ลูกๆ อย่างเราๆ  ก็มีกันทุกคนนั่นละ  และเรื่องอารมณ์ ไม่ว่าพ่อแม่หรือลูก ก็มีกันทุกคนเหมือนกัน คนที่อยู่กับพ่อกับแม่ แล้วมีเรื่องให้บาดหมางจิตใจกันบ่อยๆ ผมว่า ถ้าเป็นไปได้หาเวลา ห่างกันไกลๆ ซักพัก ให้อารมณ์มันหาย ให้ความรักความคิดถึงมันอบรม และให้เวลาได้ครุ่นคิด อยากบอกว่า ข้างบนน่ะ ชอบทุกความคิดเห็น (เหอๆๆๆๆ อยู่ดีๆ ก็มาตรงนี้ได้งัย) และ อบากบอกอีกว่า  จะอย่างไรก็ตาม อย่าผลักพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักเลย ท่านคงมีความสุขที่ได้อยู่กับเราไม่ว่าจะกี่วันกี่เดือน มากกว่าไปเป็นอมตะที่บ้านพักคนชรา (เว่อร์ไปเปล่าเนี่ย) จากคุณ : บักจ่อย (dongdon) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 14:48:55

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วคิดถึงคุณพ่อจัง นี่ถ้าพ่อเรายังอยู่นะ เราจะดูแลให้ดีที่สุด จะไม่ปล่อยให้พ่อเหงา จากคุณ : สายลมที่คิดถึง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 15:15:44

ความคิดเห็นที่ 21 บางครั้งน้ำเสียงที่เราฟังว่าไม่พอใจ อาจเป็นน้ำเสียงแห่งความกังวลและห่วงใยของคนที่เฝ้ารอก็ได้ ถ้าคุณปู่ออกมาจากบ้านพักคนชราจริงแปลว่าเค้าต้องโทรมาบอกทางบ้าน ผู้หญิงคนนั้นอาจจะกังวลและเฝ้ารอก็ได้ น้ำเสียงที่เคลือบไปด้วยความไม่พอใจภายในอาจจะมีความห่วงใยซ่อนอยู่ จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 15:34:10

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้วเศร้า ตอนนี้พ่อเรายังทำงานอยู่เลย อยู่ที่บ้านต่างจังหวัดคนเดียว ชวนมาอยู่ด้วยก็ไม่มา ชักอยากย้ายกลับไปอยู่บ้านซะแล้วสิ จากคุณ : Hey VEE เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 15:44:21

ความคิดเห็นที่ 23 แถวบ้านเรา มีลูกสาวคนนึง ลาออกจากงานที่เงินเดือน 3 หมื่น ++ เค้าเองอายุ 40 + แล้ว มาเลี้ยงพ่อที่แก่มากแล้ว โดยที่เค้าโชคดีมีพี่น้องและเห็นด้วยกับเค้า คอยช่วยเหลือกัน เรานับถือเค้ามากๆ ถ้าเราเลือกได้ เราก็อยากจะทำแบบนี้ อาจจะมาขายของก๊อกๆแก๊กๆ เพื่อได้มีเวลา ให้กับคนที่รักเราที่สุด และ เราก็รักเค้าที่สุด เช่นกัน จากคุณ : bangkoknail เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 16:06:52

ความคิดเห็นที่ 24 ทำกับพ่อแม่อย่างไร ลูกก็ดูเป็นตัวอย่าง และทำแบบเดียวกัน กรรมสนองกรรม จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 17:19:26

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านที่ว่าไม่ควรตัดสินใคร ถ้าคุณไม่รู้เรื่องราวดีพอ พ่อแม่ เราเลิกกันตอนเรา ป.6 พ่อไปมีใหม่ ไม่เคยส่งเสีย ไม่กี่ปีต่อมา ตอนเรา ม. 3 แม่ก็ย้ายไปอยู่กับแฟนใหม่ ทิ้งให้เราอยู่กับย่า และไม่เคยส่งเสีย ย่าเราอายุ 70ปีต้องตื่นแต่ตี 5 ไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้านและดูแลบ้าน ให้ป้าเรา(ซึ่งก็คือลูกสาวของย่าเราเอง) เพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน หลังจากแม่เราย้ายหนีหนี้ไปกับสามีใหม่ไม่นาน เราก็ได้ข่าวว่า เค้าไปค้าขายได้กำไรวันเป็นหมื่น บางครั้งเสาร์อาทิตย์ เค้าโทรมาตามให้เราไปช่วยขายของ พอเสร็จงานแล้วแม่เราก็ให้เงินมาเป็นค่าขนมไปโรงเรียนนิดหน่อย แต่เค้าไม่เคยถามเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆเลย ย่าเราทนทำงานส่งเราเรียนจนเราจบม.3 ก็ไม่ไหวแล้ว แบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ไหว ย่าก็เลยต้องไปอยู่กับป้าเรา ส่วนเราก็ทำงาน 7/11 หลังจบ ม. แล้วก็ต้องดูแลส่งเสียตัวเองตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งจบมหาลัย เราถือว่าเราค่อนข้างโชคดีที่มีเพื่อนและคนรอบข้างหลายๆคนที่คอยช่วยเหลือ แต่แม่เราไม่เคยหยิบยื่นอะไรให้แก่เราเลย ถึงวันนี้เราแต่งงานมาอยู่เมืองนอก ทุกครั้งที่เราโทรไปหาแม่ เค้าจะพูดประมาณว่าอยากมาอยู่ด้วย แล้วก็พูดทวงบุญคุณในฐานะแม่ แต่เราไม่เคยสนใจเพราะเค้าไม่เคยมาสนใจหรือช่วยเหลือเวลาเราลำบากเลย ถ้าใครไม่เคยโดนพ่อแม่หักหลังหรือถูกทิ้ง ก็จะไม่เคยเข้าใจความเจ็บปวดนั้นเลย จากคุณ : ann (lekdeno) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 17:43:31

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านที่ว่าไม่ควรตัดสินใคร ถ้าคุณไม่รู้เรื่องราวดีพอ พ่อแม่ เราเลิกกันตอนเรา ป.6 พ่อไปมีใหม่ ไม่เคยส่งเสีย ไม่กี่ปีต่อมา ตอนเรา ม. 3 แม่ก็ย้ายไปอยู่กับแฟนใหม่ ทิ้งให้เราอยู่กับย่า และไม่เคยส่งเสีย ย่าเราอายุ 70ปีต้องตื่นแต่ตี 5 ไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้านและดูแลบ้าน ให้ป้าเรา(ซึ่งก็คือลูกสาวของย่าเราเอง) เพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน หลังจากแม่เราย้ายหนีหนี้ไปกับสามีใหม่ไม่นาน เราก็ได้ข่าวว่า เค้าไปค้าขายได้กำไรวันเป็นหมื่น บางครั้งเสาร์อาทิตย์ เค้าโทรมาตามให้เราไปช่วยขายของ พอเสร็จงานแล้วแม่เราก็ให้เงินมาเป็นค่าขนมไปโรงเรียนนิดหน่อย แต่เค้าไม่เคยถามเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆเลย ย่าเราทนทำงานส่งเราเรียนจนเราจบม.3 ก็ไม่ไหวแล้ว แบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ไหว ย่าก็เลยต้องไปอยู่กับป้าเรา ส่วนเราก็ทำงาน 7/11 หลังจบ ม. แล้วก็ต้องดูแลส่งเสียตัวเองตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งจบมหาลัย เราถือว่าเราค่อนข้างโชคดีที่มีเพื่อนและคนรอบข้างหลายๆคนที่คอยช่วยเหลือ แต่แม่เราไม่เคยหยิบยื่นอะไรให้แก่เราเลย ถึงวันนี้เราแต่งงานมาอยู่เมืองนอก ทุกครั้งที่เราโทรไปหาแม่ เค้าจะพูดประมาณว่าอยากมาอยู่ด้วย แล้วก็พูดทวงบุญคุณในฐานะแม่ แต่เราไม่เคยสนใจเพราะเค้าไม่เคยมาสนใจหรือช่วยเหลือเวลาเราลำบากเลย ถ้าใครไม่เคยโดนพ่อแม่หักหลังหรือถูกทิ้ง ก็จะไม่เคยเข้าใจความเจ็บปวดนั้นเลย จากคุณ : ann (lekdeno) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 17:46:12

ความคิดเห็นที่ 27 เราเชื่ออยู่อย่างนึงว่า ลูกที่พ่อแม่เลี้ยงดูด้วยความรักจะไม่มีวันทิ้งพ่อแม่ของตัวเองได้หรอกค่ะ เพื่อนๆในนี้บางคนอาจจะเคยทราบว่ามีพ่อแม่บางคนที่ไม่ได้รักลูกหรือไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อแม่เลยก็มีค่ะ เราเห็นด้วยที่ว่าอย่ารีบไปตัดสินอะไรใครค่ะ จากคุณ : ลูกหมามุ่ยแม่หมาว้อ (Scudetti) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 19:20:12

ความคิดเห็นที่ 28 หรือว่า ลูกสาวเค้าอาจจะไปรับลุง (พ่อ) ด้วยตัวเค้าเอง ไม่อยากให้พ่อกลับเอง พอพ่อมาถึงบ้านก็อารมณ์เสีย ประมาณว่า ขึ้นรถมาเองทำไมเนี่ย เดินก็ยังไม่ค่อยจะไหว ตัวเค้าเองอาจจะหงุดหงิด กลัวพ่อจะเหนื่อย ลำบาก กลัวนุ่น กลัวนี่ เค้าก็เลยพูดแบบนั้นออกมาก จากคุณ : Tanumtan เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 23:12:44

ความคิดเห็นที่ 29 เข้าใจความเห็นที่ 13 เลยง่ะ เพราะแม่เราติดเหล้ามาก เวลาเมา เราก็มักจะทะเลาะกับแม่ทุกที(นรกก็เกาะกินใจอยู่เรื่อยมา) ตอนเรียนป.ตรี เราต้องใช้เงินกู้ยืมเรียน ไม่เคยขอเงินทางบ้านเลย แต่เราก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเหล้า ค่าหวยให้แม่ที่ไปเซ็นร้านค้าไว้ บางทีเรียนๆอยู่ให้คนอื่นโทรมาบอกว่าไม่สบายขอตังไปหาหมอ รู้ว่าเราไม่มีตังค์ เราก็ยืมเพื่อนให้ แต่จริงๆเอาไปกินเหล้า สารพัดสารเพปัญหา แต่ยังงัยเค้าก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งใจเรียน และขยันทำงานเพื่อที่จะได้ให้เค้าสบาย ถ้ามีเงินจะได้พาเค้าไปตรวจสุขภาพและเลิกเหล้า แต่ก็ท้อมากๆเพราะใจเค้าไม่อยากเลิกเลย จากคุณ : shimoho เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 23:15:59

ความคิดเห็นที่ 30 แม่เราเสียไปแล้วนะคะ ส่วนตัวเราไม่เคยมองว่า บ้านพักคนชราคือที่ที่รวมพ่อแม่ที่มีลูกอกตัญญูเลย แต่ละคนมีเหตุผลทั้งนั้น ใครที่บอกว่าพ่อแม่น่ะ ตอนลูกเล็กๆก็ยังเลี้ยงลูกได้ ใช่ค่ะ แต่ในขณะที่พ่อแม่ทำงาน ก็ต้องพาเราไปหาคนเลี้ยงด้วยเหมือนกัน พ่อแม่คนไหนที่เลี้ยงลูก 24 ชั่วโมง คือพ่อแม่ที่ทำงานที่บ้าน หรือไม่มีงานทำ เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่า ถ้าหากอยากให้ลูกเลี้ยงที่บ้านตลอดเวลา คนที่ดูแลตัวเองได้ก็ไม่เท่าไร แต่คนที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จำเป็นต้องมีคนดูแล การจ้างพยาบาลพิเศษ เดือนหนึ่งๆ ก็เกือบสองหมื่น ถ้าครอบครัวไหนไม่ได้หาเงินได้ขนาดนั้น การไปบ้านพักคนชรา รวมอาหาร รวมกิจกรรมอะไรหลายๆอย่าง เดือนหนึ่งประมาณหมื่นกว่าบาท การพาพ่อแม่ไปบ้านพักคนชราโดยที่มีเหตุผลที่ดี  เราคิดว่า ดีกว่าการทิ้งพ่อแม่ให้อยู่บ้าน แล้วลูกหนีไปทำงานที่อื่นไม่ส่งข่าวคราวกลับมาเลย พ่อแม่เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ในขณะเดียวกัน การที่มีลูกคนไหนสามารถเลี้ยงพ่อแม่ได้ตลอด อยู่กับพ่อกับแม่ได้เป็นเรื่องที่ดีค่ะ พ่อแม่ก็มีความสุข เราเป็นคนที่สนับสนุนให้คุณแม่ทั้งหลายเลี้ยงลูกเอง ดีกว่าพาเข้าเนอร์เซอรี่ แต่เราก็ไม่เคยคิดว่า การที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ละบ้านมีความจำเป็นแตกต่างกันไป   บางครั้งการที่สนับสนุนให้คนอื่นเป็นแม่บ้านเต็มเวลา อาจจะมีคนคิดว่า เราไม่เข้าใจในความจำเป็นของเขา (แต่ที่จริงพวกเขาต่างหากไม่เข้าใจ คำว่าสนับสนุน กับคำว่าบังคับ) ก็เหมือนกับที่จขกท.สนับสนุนให้ลูกๆเลี้ยงพ่อแม่เองค่ะ แต่จขกท.ก็ไม่ควรมองอะไรด้านเดียว บ้านใหญ่โตก็ไม่ได้หมายความว่าจะรวยม๊ากมาก.. น้าเรามีปัญหา แม่ตัวเองไม่ถูกกับลูกเขย ฟังแค่นี้ดูเหมือนลูกเขยแย่มากเนอะ แต่ใครจะรู้ว่ายายเรา(น้องของยายค่ะ เรียกยายเหมือนกัน) เป็นคนที่แรงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เคยชอบใคร เวลาโกรธแล้วเลวร้ายมาก (ไม่ใช่เลว แต่หมายถึงเลวร้าย แย่มาก อะไรประมาณนั้น) และตลอดชีวิตแก แกไม่เคยอยู่กับใครได้เลย อยู่ด้วยแล้วจะมีเรื่องกันตลอด กับทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม   ไม่ได้เวอร์ แต่เป็นอย่างงี้จริงๆ ไม่ว่าจะกับหลาน กับเหลน กับลูก แค่ผิดใจนิดเดียวหรือพูดผิดหูอย่างไม่ตั้งใจ..จบกันเลยค่ะ ฯลฯ มีเยอะค่ะ แต่เดี๋ยวจะว่าไฟในเอาออกทำไมเนอะ ฟังยายตัวเองเล่าก็ไม่คิดว่าจะมีคนร้ายขนาดนั้น แต่พอเจอกับตัวเอง แล้วก็คิดว่า คนที่หลุดมาจากนิยายไทย มีจริง... อย่างนี้ น้าเราจำเป็นต้องหันมาเลี้ยงยาย อยู่กับยายสองคน แล้วเลิกกับสามีไหมคะ? อ้อ มีลูกด้วยกันแล้ว 1 คน ก่อนที่แม่ของเขาจะแก่... ที่เล่าให้ฟัง เพราะว่า อยากบอกว่า บางครั้งเหตุผลบางอย่างฟังผิวเผิน อาจจะไม่เข้าใจ อย่าไปตัดสินใครเลยค่ะ จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 23:32:15

ความคิดเห็นที่ 31 คิดว่าบ้านพักคนชราไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย   ดีเสียอีกที่ให้คนแก่ในวัยใกล้เคียงกัน อยู่ร่วมกัน มีเพื่อนคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน ดีกว่าให้อยู่แต่ในบ้านเหงาๆ ไม่มีคนคุยด้วย ดิฉันเองอยู่อังกฤษ คนแก่ส่วนใหญ่ที่นี้ ชอบอยู่กันแบบอิสระ  ไม่ได้มีหน้าที่มาดูแลหลานๆ เหมือนเมืองไทย หรือว่ารอคอย ต้องให้ลูกหลานเลี้ยง คนแก่ส่วนใหญ่ออกเที่ยวใช้ชีวิต  บันปลายที่เหลืออย่างคุ้มค่า   การไปอยู่บ้านคนชรา ก็มีคนดูแล มีอาหารการกินดีตามเวลา มีคนแก่เหมือนๆกัน ที่อะไรๆ ที่เหมือนๆกัน ป่วยเหมือนกัน เจ็บเหมือนกัน ต่างคนเห็นอกเห็นใจกัน เป็นเพือนกันได้ คนวัยเดียวกัน คุยกันถูกคอประมาณนั้น ส่วนตัวดิฉันเองในฐานะเป็นแม่คน  ถ้าถึงเวลาแก่ตัวลง ทำอะไรด้วยเองไม่ได้แล้ว   คงจองบ้านพักคนชราด้วยตัวเองเลย เพราะไม่ต้องการให้ลูกต้องมาคอยลำบาก หรือเป็นห่วงเรา ถึงเวลาคิดถึงก็มาเยี่ยม  โทรหา เทคโนโลยีสมัยนี้ก็ดีมาก คุยกัน ก็เห็นหน้าเห็นตากันได้  ถ้าลูกไม่ไว้ใจบ้านพักคนชราจะดูแลเราดีก็ให้ติดกล้องไว้ เหมือน ประมาณว่า บิกปราร์เทอร์ แอบดู 24 ชม อะไรประมาณนั้น   สังคมปัจจุบันวิถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนไปมาก  อย่าไปคิดว่าการส่งคนแก่ไปบ้านพักคนชรา จะเป็นการทอดทิ้งเสมอไป แต่ละครอบครัวมีความสามารถในการดูแลคนในบ้านแตกต่างกันไป บ้านพักคนชราก็แค่เป็นแค่อีกทางเลือกหนึ่งก็เท่านั้นเอง จากคุณ : Khemmarassamee เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 05:11:02

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ หากใครไม่เคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้กับตัวคงไม่รู้ เคยมีอาซิ้มแถวบ้านถูกลูกหลานส่งให้ไปอยู่บ้านพักคนชราบางแค ลูกหลานอ้างว่าต้องทำงานไม่มีคนดูแล คนแถวบ้านไปเยี่ยมทีไร แกร้องไห้ทุกครั้ง เราจึงเข้าใจค่ะว่า ความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งเป็นยังไง จากคุณ : teng2006 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 08:08:36

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าอยู่บ้านมีลูกมีหลานดูแล ก็ว่าไปอย่าง แต่ผมเป็นลูกคนเดียว ถ้าพ่อแม่แก่ตัวมาก ๆ แล้ว ผมก็ว่าให้พ่อแม่อยู่บ้านพักคนชราดีกว่า แต่ไม่ใช่ไปอยู่เลยนะ ไปเช้าเย็นกลับ อยู่ที่นั้น มีเพื่อน มีคนดูแล แล้วจริง ๆ สมัยนี้ บ้านพักคนชรา เขาพัฒนาไปไกล ซื้ออยู่เป็นห้อง มีคนดูแลอย่างดี อาหารการกิน หมอ พยาบาลมีครบ อยู่แบบไหนแล้วผมอุ่นใจว่าเป็นอะไรก็มีคนดูแลให้ แต่พ่อกับแม่จะยอมหรือเปล่า จากคุณ : 007 (panaratb) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 09:37:21

ความคิดเห็นที่ 34 ทำไมลูกหลายคนพ่อ แม่ กัดฟันเลี้ยงมาได้ ให้กิน ให้การศึกษา อย่างที่สามารถให้ได้ แต่พ่อแม่ แค่สองคน ลูกๆ เลี้ยงทดแทนบุญคุณไม่ได้เนอะ หัวใจทำด้วยอะไร จากคุณ : pinkybird เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 10:16:39

ความคิดเห็นที่ 35 ต่างกรรมต่างวาระครับ "กรรมลิขิต" ผมเชื่อในสิ่งนี้ครับ จากคุณ : nutto (natclub) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 10:47:36

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนลูกเล็กๆ เอาไปฝากเนอสเซอร์รี่ ไม่รู้ตอนเราแก่ จะเอาเราไปฝากที่ไหน ฝากที่ไหนก็ได้นะลูก แต่เอาแบบไปเช้า-เย็นกลับ และที่สำคัญ เอาคนดูแลน่ารักนะ เหมือนตอนที่ป๊าหาให้หนูนะ จากคุณ : quill เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 12:11:07

ความคิดเห็นที่ 37 ทำไมเก่งจังคะ แค่เจอเค้าไม่เท่าไหร่ ตัดสินไปได้ถึงเพียงนี้... จากคุณ : and thats all เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:55:28

ความคิดเห็นที่ 38 อ่าน ๆ แล้วก็นึกถึงในหลวงทั้ง ๆ ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ มีพระราชกรณียกิจทุกวันและทั้งวัน แต่พระองค์ทรงมีเวลาให้กับสมเด็จย่าเสมอมีเวลาไปทานข้าวด้วยสัปดาห์ละ 5 วัน มีเวลาไปเฝ้าเวลาพระองค์ท่านเข้าโรงพยาบาล แล้วเราเป็นใครเป็นอะไรยุ่งอะไรจนไม่มีเวลาให้พ่อแม่ จริง ๆ แล้วเราไม่มีเวลาให้  หรือเราไม่ยอมให้เวลา.... จากคุณ : คนบนฟ้าส่งมาให้รักกัน.. เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 14:15:15

ความคิดเห็นที่ 39 ขอแชร์ประสบการณ์..... แม่เล่าให้ฟังว่า ลุงแถวบ้านแม่เมื่อก่อนแกเป็นคนมีฐานะมากกกกกก เข้าขั้นเศรษฐีเลยก็ว่าได้ ต่อมาเมียแกตาย....แล้วแกก็ได้เมียใหม่ลูกเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟังว่าเมียใหม่น่ะ ปอกลอกเขาไม่ได้รักพ่อจริงหรอก ที่มาอยู่ด้วยก็เพราะอยากได้ตังค์ที่พ่อมี.....สุดท้ายพ่อไม่เชื่อโอนทุกอย่างของตัวให้เมียใหม่หมด เมียใหม่ได้ทรัพย์สินก็ถีบหัวพ่อส่ง....ตอนนี้ลุงคนนี้ก็ต้องมาอาศัยอยู่กับลูกเลี้ยง เพราะลูกจริงๆ ไม่มีใครเอาแกเลยอ่ะ เขาเจ็บแค้นที่เตือนก็แล้ว อะไรก็แล้วไม่เชื่อทรัพย์สินที่หามาได้ตกไปเป็นของคนอื่นที่เสียงั้น....เป็นแบบนี้บางทีก็น่าโมโหเหมือนกันน่ะ..... จากคุณ : notes name (Notes name) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 15:23:23

ความคิดเห็นที่ 40 อันนี้ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะคะ แต่ไม่ได้มองแค่ด้านเดียว หากหนีออกมาจากโรงพยาบาล ทำไม เจ้าหน้าที่ ปล่อยให้ออกมาโดยไม่ได้แจ้งกับญาติได้อย่างไร แล้ว หากคุณปู่อยู่โรงพยาบาล ทำไม ไม่มีใครไปดูแลเลยเหรอ ทั้งๆที่อยู่บ้านกัน แปลกดีค่ะ หากหนีออกมาจากบ้านลูกอีกคน เหตุใดจึงหนี มีความอัดอั้น อันใด แล้ว ลูกอีกคนปล่อยให้ออกมาได้ยังไง แล้ว ทำไม เป็นลูก ต้องปัดภาระให้ลูกคนนั้นคนนี้ ในเมื่อตัวเองก็มีฐานะไม่ใช่น้อย สมัยก่อนเรามีพี่เลี้ยง(ตอนแม่รวยๆ)พอบ้านเริ่มแย่ทางการเงิน ก็เลยส่งเขากลับบ้าน มาเจออีกที เขาอยู่สมุทรปราการ เขาโทรมาหาแม่ ว่าตอนนี้ เป็นคนดูแลคนแก่ ที่บ้านคนรวย เห็นไหม ในเมื่อลูกๆ หลานๆ ไม่มีเวลา ต้องทำงาน พอเข้าใจ จ้างสิคะ จ้างคนมาดูแล...ยากไหม เมื่อยามเด็ก ลูกไม่อยากได้อะไร ต้องการอะไร พ่อ แม่ จะพยายามหามาให้ได้เสมอ อยากจะไปไหน หรือไม่อยากไปไหน ขอให้บอก  ลูกอยากเที่ยวห้าง อยากไปนั้น ไปนี่ ให้พ่อนั่งรอ ลูกดูหนัง เดินช้อปปิ้ง พ่อ แม่ รอได้ ลูกต้องลำบากขึ้นรถเมล์ ลงรถเมล์ หากมีเงิน พ่อ แม่ ซื้อรถให้  หากมีรถคันเดียว ก็ไปส่งให้ แม้จะไกล หรือเหนื่อยแค่ไหน ในยามลูกเจ็บไข้ พ่อ แม่ ไม่เคยทิ้งไปไกลให้ห่างสายตา ดูแลตลอดเวลา หากทำได้ เข้าใจ จขกท นะคะ ว่า  จากสถานะการณ์ที่ตัวเองได้พบเห็นมา ทั้งอากัปกริยา สีหน้าท่าทาง ไม่ได้เต็มใจกับการกลับมาของพ่อ ไม่ใช่ อากัปกริยา ของความห่วงใย คนเราดูได้ค่ะ การแสดงออก ไม่ยากที่จะเดา แต่ ทั้งนี้ เราไม่ได้เข้าข้างใคร  บางครั้ง อาจจะเป็นแบบที่หลายๆ คห บอกก็ได้ ว่า อาจจะไม่ได้ทอดทิ้ง แต่เราเข้าใจผิดไปเอง ก็ไม่แน่ แต่ที่แน่ๆนะคะ ในยามที่ พ่อ แม่ แก่เฒ่า ควรดูแลท่าน อย่าให้ห่างสายตาไปนานๆ หากท่านไปไหน เราก็ต้องรู้ เคยมีคนบอกเราว่า เราเกิดมาต้องการคนดูแล นั้นคือ พ่อแม่ แต่ในยามที่ พ่อ แม่ แก่เฒ่า ท่านก็ต้องการคนดูแลเช่นกัน นั่นคือ ลูก ค่ะ ใจ เขา ใจ เรา หากเป็นเรา ลูกๆ ให้ไปอยู่บ้านพักคนชรา เราคงเสียใจไม่น้อย เราขอแค่อยู่บ้าน ไม่ต้องมาดูแลเรา แต่อย่า ผลักไส เรา ขอให้เราได้เห็น ลูกๆ หลานๆ ที่อยู่รอบๆตัวเรา เพียงพอ แล้ว แค่นั้น ก็มีความสุข แล้วค่ะ บ่นมาเย๊อะ เลยอะ เหอะๆ จากคุณ : dady_mim (Dady_mim) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 19:05:11

ความคิดเห็นที่ 41 แนวคิดจขกท.เรื่องความกตัญญูเป็นเรื่องดีค่ะ แต่การเอาเหตุการณ์นี้มาเล่าโยงเข้าหากันโดยที่ แค่ฟังจากปากเด็กที่ขับรถไปส่งกับอาศัยความรู้สึกคิดไปเองมันไม่ถูกต้อง คุณยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่า ลูกเขาเอาไปทิ้งบ้านพักคนชราจริงหรือเปล่า อันที่จริง แค่สาเหตุที่คุณตาคนนั้นกลับบ้านคนเดียวคุณก็ยังไม่รู้ สมมติว่าเรื่องจริงคือ ... ผู้หญิงที่เดินออกมาเป็นลูกสาว  ตอนนี้มีแม่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเลยให้คุณพ่อไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ตอนกลางวันที่ตัวเองต้องทำงานหรือติดธุระ โดยนัดแนะว่า ตอนเย็นจะให้น้องชายพาคุณพ่อกลับมานอนที่บ้านแล้วตัวเองไปนอนเฝ้าคุณแม่ (คุณพ่อแก่แล้ว ไม่อยากให้เดินทางเองคนเดียว) ที่ให้พ่ออยู่เฝ้าเพราะอยากให้แม่มีเพื่อนคุย ไม่ก็...พ่ออยู่บ้านแล้วเหงา ทีนี้ ... เมื่อกี้พ่อโทรศัพท์มา บอกว่าอยากได้ของที่บ้าน เดี๋ยวจะกลับไปเอานะ ลูกสาวเลยบอกว่า ไม่ต้องมาค่ะเดี๋ยวหนูเอาไปให้เองพ่อจะได้ไม่ต้องลำบากนั่งรถประจำทาง แต่อยู่ๆ พ่อก็โผล่มาหน้าบ้าน(แบบมาเอง) .. ลูกสาวทั้งตกใจทั้งโมโห(เพราะเป็นห่วง)เลยพูดออกไปว่า "อ้าว พ่อกลับมาทำไมเนี่ย" โชคร้ายมีคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องบังเอิญผ่านมาได้ยิน .. และถูกนำไปลงกระทู้บนอินเตอร์เน็ต ... จากคุณ : Avanyere เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 19:07:22

ความคิดเห็นที่ 42 ประสบการณ์ตรง ..ตอนพ่อเรายังอยู่ ชอบนั่งรถเมล์เที่ยวมาก...อายุก็..80 up... สายที่นั่งประจำ 89 นั่งช่วงต้นๆสาย ไปลงสุดสาย แล้วก็นั่งกลับ 555 จนกระเป๋ารถเมล์จำได้ทุกคัน..ไม่เก็บค่ารถเมล์.....อิอิ มีวันหนึ่ง..กระเป๋ารถเมล์..บ่นให้ผู้โดยสาร..ข้างๆฟัง..ว่า..ลูกหลานไม่ดูแล ปล่อยให้มานั่งรถเมล์เล่น....ถ้าตกรถเมล์ไปจะทำงัย...T_T พอดีผู้โดยสาร..คนนั้นเป็นคนแถวบ้าน..เรยบอกว่า..ลูกๆเค้านะไม่ได้ปล่อยนะ แต่อาแปะ..เค้าอยู่บ้านตอนกลางวันแล้วเหงา....เลยมานั่งรถเมล์เล่นๆนะ... เพราะว่าลูกๆเค้าไปทำงานกันหมด... แบบนี้เข้าข่ายเว่าลูกๆไม่กตัญญูพ่อด้วยอะเปล่า ค่า @^-^@ จากคุณ : Jey Hua เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 22:01:42

ความคิดเห็นที่ 43 หลายคนมีความคิดเรื่องนี้หลากหลาย เพราะทุกคนคิดในมุมของตัวเอง... ผมไม่ได้ต้องการต่อว่า ลูกสาวที่ปล่อยให้พ่อเดินทางไปไหน หรือ ไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่รู้สึกไม่ดี ที่สีหน้าและคำพูดที่ไม่ดี ของลูกสาวเท่านั้น "บ้านบางแค บ้านพักคนชรา พ่อแม่อยู่บ้านพักคนชรา แปลว่าลูกดีหรือไม่ดี.... ทั้งหมดไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องการสื่อ" สิ่งที่ผมต้องการคือ อยากให้ทุกคนรักพ่อกับแม่ ในยามแก่ พูดดีๆกับท่าน ดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้เท่านั้น..... ผมขอลงท้ายเหมือนเดิม  .....  รักพ่อแม่กันมากๆๆ นะครับ จากคุณ : scob1207 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 22:39:15

ความคิดเห็นที่ 44 สำหรับคนแก่บางคน พูดตักเตือน ดันกลายเป็นเถียงคำไม่ตกฟาก เงียบ ไม่สนใจ ก็กลายเป็นไม่เอาใจใส่ ออดอ้อนตามใจ กลายเป็นประจบประแจง... เอาใจไม่ถูกก็บ่อยไป เคยเห็นคนอายุมากอยู่ในบ้านกับคนใช้ที่เปลี่ยนหน้าแทบจะทุกเดือน ไม่ลาออกเองก็ไล่ออก ดูแลก็ดี บ้านก็เหมือนอบอุ่นพร้อมหน้า แต่เพราะเป็นตาแก่ยายแก่ฟ้าฝ่า ระแวงคนรอบตัวไปหมด ใครๆก็ทนอยู่ด้วยนานๆไม่ได้ แล้วถ้าขี้งอนหนีไปเที่ยวเองที่ไหนก็ไม่รู้ ให้คนในบ้านหาตัววุ่นไปหมด แบบนี้จะโทษใคร? จากคุณ : abstract เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 01:45:55 A:124.121.249.79 X: TicketID:071021

ความคิดเห็นที่ 45 จขกท เป็นคนมีน้ำใจจัง หาได้ยากมาก อันนี้ขอชมเชย ลูกของน้องสาวอายุ 13 ปี ไม่ชอบไปรร. ติดเกมส์มาก เมื่อก่อนน้องสาวตีลูก ฟาดอย่างแรง ล่าสุดงงที่อยู่ๆ ก็เลิกด่าเลิกตี น้องสาวให้เหตุผลว่าเดี๋ยวนี้สู้เป็นแล้ว เคยฉีดไบกอนใส่ด้วย กลัวลูกบาป ที่สู้แม่ ก็เลยเลิกด่าเลิกตี เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ จากคุณ : สานตม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 04:28:52

ความคิดเห็นที่ 46 จะทำอะไร ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ... ถ้าเป็นเรา คงไม่เอา ไม่อยากถูกทอดทิ้ง ไปเช้ากลับเย็นเห็นหน้าลูกหลานก็ยังดี ... แต่ทั้งนี้ความคิดเราอาจไม่ตรงกันกับท่านก็ได้ หากจะทำอะไร เราก็น่าจะถาม เอาให้ตรงใจท่าน ท่านสบายใจ มีความสุขที่สุดนั้นแหละเราว่าน่าจะดี ปล. จากที่อ่าน หากเราไม่ได้เห็นสีหน้า ไม่ได้ยินน้ำเสียง ไม่ได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริง ใช้การคาดคิด เป็นไปได้ว่าเราอาจได้ข้อสรุปที่ผิด จากคุณ : นางมารสวยมีฤทธิ์ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 08:52:42

ความคิดเห็นที่ 47 บ้านเราชอบไปทำบุญ แจกขนม เงินนิดหน่อย ที่บ้านพักคนชราบางแค ทุกครั้งที่ไป คุณตา คุณยาย ที่นั่น จะจับมือเราไว้ เหมือนอยากหาเพื่อนคุย พอเรานั่งคุยกับแกซักพัก เหมือนแกดีใจ ยิ้ม มีความสุข ขนาดพวกเราไม่ได้ไปบ่อยมากมายอะไร แต่ไปกี่ครั้ง คุณตา ตุณยายก็ยังจำได้ ดีใจที่ได้เห็น หลายคนเล่าแบบที่จขกท เล่าเลยคะ คือ เคยหนีกลับบ้านไปหลายครั้ง ลูกหลานก็พากลับมาส่งอีกจนได้ มีคนนึง น่าสงสารมาก ลูกหลานชอบมาเยี่ยม เพื่อมาขอเงินที่แกรวบรวมได้จากคนบริจาค อย่างหลังช่วงเทศกาลก็มากันแล้ว แต่ไม่เคยพาแกไปเที่ยวไหนเลย ขนาดจะพามาเดินตลาดด้านหน้ายังบอกให้แกไปกับเพื่อนที่บ้านพักเอง แต่ก็มีหลายคนที่เค้าเต็มใจมาอยู่นะคะ คุณยายท่านนึงบอกว่า แกเลือกที่จะมาอยู่เอง เพราะไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน คิดดูซิคะ ทำมาหากินมาทั้งชีวิต เก็บเงินเก็บทอง สร้างบ้าน มีอะไรก็ยกให้ลูก พอแก่ตัวยังอุตส่าห์เลือกที่จะไปเองเพราะไม่อยากเป็นภาระลูก น่าเสียใจนะคะ ที่บางคนติดค่านิยมตะวันออก แต่งงานแต่งการก็อยากอยู่กันเอง เห็นพอแม่เป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที จากคุณ : On Cloud Nine เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 10:10:01

ความคิดเห็นที่ 48 เราว่ามันอยู่ที่จิตสำนึกของลูกที่พึงมีต่อผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิตนะคะ ถ้าไม่มีเวลา ก็จ้างพยาบาลหรือใครมาดูแลก็ได้ เพราะบ้านก็มี ไม่จำเป็นต้องให้ไปอยู่บ้านพักคนชราหรอกค่ะ เราไปทำบุญบ้านพักพักคนชราแบบนี้ตลอดเมื่อหาเวลาได้ หลายท่านจะบอกว่าไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน บ้างก็บอกโดนไล่ให้ไปหาที่อยู่เอง สงสารเค้านะคะ เราว่า คำว่า "ต้องทำงาน และไม่มีเวลา" มันเป็นข้ออ้างมากกว่าค่ะ จากคุณ : tOnGtA69 เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 14:04:37

ความคิดเห็นที่ 49 อย่าตัดสินจากสิ่งที่เราแค่มองเห็น หรือ รับฟัง เราอาจจะไม่รู้ข้อมูลเชิงลึกของครอบครัวนั้นๆ ขอไม่ออกความเห็นค่ะ จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 15:37:06

ความคิดเห็นที่ 50 ใครก็ตามนะคะ ที่คิดจะเอาคนเฒ่าคนแก่ไปไว้ที่บ้านพักคนชราน่ะ  ขอให้ความคิดแบบนี้เป็นแค่ความคิดนะคะ อย่าทำเลย เราก็เคยคิดกับพ่อแม่ว่าอยากเอาปู่ไปที่บ้านพักคนชรา จะได้มีคนดูแล มีคนแก่วัยเดียวกันเยอะ ปู่จะได้ไม่เหงา (คิดเอาเอง) พอถามปู่ว่าอยากไปไหม ปู่บอกไม่ไป เหมือนโดนลูกหลานทิ้ง ไม่ว่าปู่จะเป็นอะไรไปก็ขอตายที่ๆ มีลูกหลานอยู่ดีกว่า พูดแบบนี้มา เลิกคิดเลยเรา จากคุณ : Momลูกแพร์ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 19:40:24

ความคิดเห็นที่ 51 เราได้รับความอบอุ่นจากพ่อค่อนข้างหน่อยถึงน้อยที่สุด บางครั้งพ่อเราเข้าข้างคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล ทำให้เราแค้นมากมาย แต่เราก็บังคับตัวเอง พยายามไม่อาฆาตพ่อเรา แต่เปลี่ยนเป็นอาฆาตผู้ชายทั้งโลกและบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้พ่อเราเป็นแบบนี้แทน ทำให้เราไม่กล้าแต่งงาน เป็นที่มาของชื่อล็อกอิน เป็นการถ่ายเทแรงอาฆาตที่ผิดหลักจิตวิทยา แต่ก็ทำมาตลอด ฮ่าๆ (ขออภัย สุขภาพจิตเราถูกพ่อเราทำลายมาสิบกว่าปี ตั้งแต่เราเป็นเด็กๆแล้ว) ถามว่าควรตอบแทนบุญคุณพ่อเราไหม? ควรและต้องทำค่ะ เพราะอย่างไรเสียพ่อเราก็เป็นคนให้ชีวิต ให้โอกาสเราได้เจออะไรดีๆในชีวิต ทุกอย่างที่เจอ เป็นผลจากพ่อเราทั้งนั้น ‘เราไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะไม่ตอบแทนบุญคุณ’ทั้งคห. บรรทัดนี้สำคัญที่สุด เราเคยคิดนะ ต่อให้พ่อเราจะเอาชีวิตเรา เราก็ต้องกัดฟันตอบแทนบุญคุณให้หมดๆกัน ชาติหน้าค่อยมาว่ากันใหม่ ตอนนี้พ่อเราพูดด้วยอารมณ์ว่าจะเอาชีวิตเราบางครั้ง เราเป็นคน แน่นอนเราโกรธ เราคิดมาก เราก็ทำตามที่เราคิดไว้นั่นแหละ พร้อมอธิฐานว่า ชาติหน้าอย่าได้เจอพ่ออีกเลย ให้จบๆกันไป เคยอ่านกระทู้ในห้องศาสนาค่ะ พ่อบางคนเลวมาก ไม่เอาใจใส่ลูกเลย ลูกๆที่แสนกตัญญูก็หาตัวอย่างพ่อสุดเลวมา เปรียบเทียบกับตัวอย่างที่แย่กว่า ทำให้มีกำลังใจดูแลพ่อตัวเองต่อไป เราก็เลียนแบบนิดๆแหละ จะว่าตามตรง พ่อเราปากร้าย เจ้าอารมณ์ มีนิสัยเหมือนเด็กเป๊ะๆแค่นั้นจริงๆ(มีอีกเยอะค่ะ แต่ของดบรรยาย) แต่เชื่อเรา เราไม่ต้องการเจอคนแบบนี้เป็นครั้งที่สองในสถานะใกล้ชิดแม้แต่คนเดียว และแน่ใจว่า ผู้หญิงทุกคนก็ไม่อยากเจอเช่นเดียวกัน บ้านพักคนชรา เราเห็นด้วยกับบางคห.นะที่บอกว่า พ่อแม่ต้องการลูก แม่เราโทรคุยกับเพื่อน ญาติพี่น้องบ่อย แต่คนคนเดียวที่ทำให้เขาหายเหงาได้ก็คือเรา เรารู้ว่าเราคือทุกอย่างสำหรับแม่เรา มันกลับกันอ่ะ ตอนเด็กเราต้องการแม่ แม่ก็อยู่ข้างเราเท่าที่แม่ทำได้ ตอนนี้ บอกตรงๆเราไม่ต้องการแม่ตลอดเวลาแล้ว แต่แม่ต้องการเรา เราก็ต้องทำแบบที่แม่เราเคยทำไว้ ถามว่าอึดอัดไหม อยากบอกว่า สุดแสนอึดอัด เราก็มีดิ้นออกไปบ้างอ่ะ แต่ไม่หายหน้าไปไหน แค่ออกไปพอให้ชุ่มชื่นหัวใจก็แค่นั้น เขาจะบ่นก็ปล่อยเขาไป ไหนๆก็เป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว ฮ่าๆ ความคิดที่บอกว่า พ่อแม่เลี้ยงลูกสิบคนได้ ลูกเลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้ ตามหลักแล้วเด็กจะมีความน่ารัก น่าเอ็นดูกว่า ตัวก็เล็กกว่า ดูแลง่ายกว่า ไม่เปลืองแรง ที่สำคัญที่สุด ธรรมชาติของแม่จะเป็นตัวผลักดันให้แม่อยากดูแลลูกโดยธรรมชาติ แต่ไม่มีธรรมชาติอะไรที่ผลักดันให้ลูกเลี้ยงดูพ่อแม่ค่ะ มีแต่แรงผลักดันทางวัฒนธรรมและศีลธรรม เราจึงเห็นว่าเลี้ยงพ่อแม่เหนื่อยกว่าเลี้ยงลูก แต่ก็ต้องเลี้ยงอ่ะ ถ้ามีก็ต้องรับผิดชอบหมด ส่วนตัวทำงานในบ้านได้ค่ะ เราไม่ต้องคิดเรื่องจะต้องส่งพ่อแม่ไปบ้านพักคนชรา พ่อแม่เราก็มีเงิน ต่อให้เราหาเงินแค่พอเลี้ยงตัว ก็ใช้เงินพวกท่านดูแลพวกท่านไปก็ได้ เกาะท่านกินยังได้เลย เหอะๆ บ้านพักคนชราจึงไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเห็นคนที่ส่งพ่อแม่ไปบ้านพักคนชราคือลูกอกตัญญูนะ บางบ้านเขาอาจจะมีเรื่องติดพัน ทำให้ดูแลไม่ได้ แต่สำหรับคนแก่ ลูกคือคนที่ท่านอยากเจอที่สุด ใครที่ฝากไว้ที่บ้านพักคนชราก็หมั่นไปเยี่ยมท่านหน่อยก็แล้วกัน จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 21:02:49

ความคิดเห็นที่ 52 ดิฉันมองว่า เป็นเรื่องของรูปแบบการดำเนินชีวิตมากกว่าค่ะ ดิฉันอยู่ต่างประเทศ ที่ใครๆก็ส่งพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรากัน ด้วยเหตุผลว่าไม่มีเวลาดูแล คือไม่มีเวลาจริงๆนะคะ ผู้คนที่นี่พออายุ 18 ปีก็แยกย้ายไปอยู่ตามลำพัง มีครอบครัว ทำงาน ดูแลบ้าน ดูแลสามี ดูแลลูก บางครอบครัวก็อยู่ห่างไกลกันมากค่ะ ไม่สะดวกที่จะเดินทางมาดูแลกันได้ ถ้าพ่อแม่มีสุขภาพไม่ดี การที่ส่งท่านไปอยู่บ้านพักคนชราก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีนะคะ สามีภรรยากัน พอแก่ตัวกันไป ถ้าคนใดคนหนึ่งสุขภาพไม่ดีมากๆ มีโรคประจำตัวอีกคนหนึ่งก็ไปอยู่บ้านพักคนชราค่ะ ดิฉันมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตที่ต่างกันค่ะ  คุณตาคุณยายบางท่านเป็นโรคอัลไซเมอร์ค่ะ ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ บางท่านก็เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ถุงลมโป่งพอง หัวใจ ฯลฯ ดิฉันทำงานบ้านพักคนชราค่ะ จึงมองต่างออกไปอีกมุม แต่การไปอยู่บ้านพักคนชราต้องมาจากความเต็มใจนะคะ ไม่ใช่ว่าจะบังคับกันได้ ดิฉันคิดว่าถ้าตอนแก่ตัวไป ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว ก็คงจะขอไปอยู่บ้านพักคนชราค่ะ จะได้มีเจ้าหน้าที่ดูแลเราตลอด 24 ชั่วโมง ลูกหลานเขาก็มีชีวิตของเขา ไม่อยากไปรบกวนค่ะ แต่สำหรับพ่อแม่ดิฉันเองที่เมืองไทย เป็นตายร้ายดีก็คงจะไม่ส่งไปอยู่บ้านพักคนชราแน่ๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 03:23:27 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 03:22:19

ความคิดเห็นที่ 53 ได้ยินมาแค่นั้น อย่าไปคิดแบบนั้นเลยค่ะ จากคุณ : HelloMuay เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 04:26:00

ความคิดเห็นที่ 54 แต่ละคนมีเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ก่อนจะตัดสินส่งพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา ได้เคยถามความสมัครใจท่านกันไหมว่าอยากไปหรือเปล่า ถ้าเปลี่ยนเป็นจ้างคนมาดูแลท่านที่บ้านแทนดีกว่าไหม สำหรับพ่อแม่แล้ว ดิฉันว่าความรู้สึกที่เป็นส่วนเกิน ไม่เป็นที่ต้องการ ภาระ มันคงเสียดแทงจิตใจคนเป็นพ่อแม่สุด ๆ จากคุณ : ##ขออภัยป้ายหน้าไม่จอด## เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 09:36:33

ความคิดเห็นที่ 55 เราเชื่อว่าการดูแลแม่ดีดี พาแม่ไปเที่ยว กินอาหารอร่อยๆ ทำให้แม่มีความสุข สิ่งดีดีก็จะเกิดกับคนที่ทำค่ะ : ))) Napaporn จากคุณ : napaporn.ph (napaporn.ph) เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 11:57:54

ความคิดเห็นที่ 56 มีเหตุการณ์ หนึ่งเรา ขึ้น บีทีเอส คนแน่นมาก พอรถเคลื่อนตัวไปซักพัก ก็ได้ยินเสียง ผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง " แม่ทำไมทำอย่างนี้ " แล้วก็ แผดร้องเสียงดังกว่าเดิม "ใครบอกให้แม่ทำ ทำไปทำไม แม่ ทำไมแม่เป็นคนอย่างนี้ " แล้วก็ พูดประโยคแบบนี้ จนรถไฟจอดอีกสถานี เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดพูด เราหันหน้าไปหาเขาหลายรอบ ในใจ เราอยากตะโกนออกไป ว่า .เฮ้ย ไม่ว่าแม่เมิงจะผิดยังไง ทำไม เมิงต้องตะโกนด่าแม่ ผ่านโทรศัพท์ด้วย พูดกันดีๆไม่ได้เหรอไง ฟร่ะ ...แต่ว่าเราก็ไม่กล้าตะโกน แต่ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆเรา ส่ายหัว กันเป็นแถว เราก็เคยโมโหแม่ เหมือนกัน เราก็บอกทำไมทำแบบนี้ แล้วเดินหนี แบบห่างกันสักพัก แต่พอละครมาเท่านั้นแหละ รุมด่า นางตัวร้ายกันใหญ่ จากคุณ : มิติเดิม เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 18:25:26

ความคิดเห็นที่ 57 จขกทเป็นพลเมืองดีครับที่ช่วยให้คนไปส่งคนปู่คนนั้น ส่วนอีกเรื่อง ไม่ได้อยู่เหตุการณ์เอง ฟังแค่เขาเล่ามา อยากเอาเหมาเลยครับว่าเรื่องเป็นยังไง จากคุณ : Freedom and Justice เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 23:34:32

ความคิดเห็นที่ 58 หลังอ่านมาหลายความเห็น เลยสงสัยอ่ะค่ะ สมมติว่าตอนเด็กๆพ่อแม่ทอดทิ้งไม่ดูแลเรา โตขึ้นมาเราก็ไม่จำเป็นต้องไปดูแลตอบแทนท่าน ดังนั้นเราจะทำอะไรให้ใคร ก็ต้องให้เขาทำดีกับเราก่อนงั้นเหรอคะ จากคุณ : all about poupee เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 23:49:00

ความคิดเห็นที่ 59 อย่าเพ่อเห็นในสิ่งที่เชื่อ จากคุณ : Rubik เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 54 08:34:18