|
เพื่อนๆ ที่รักคะ ที่พิมพ์ไว้น่ะ เราเอาเนื้อหามีปู้ยี่ปู้ยำหมดแล้ว พิมพ์ไว้ตั้งหลายหน้า พอยำเสร็จเหลือนิดเดียว ที่ต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้เนื้อหามันเยิ่นเย้อจนเกินไปค่ะ
ประเดี๋ยวจะหลับกันเสียก่อน ฉบับที่ลงในนี้เราปรุงรสแบบเข้มข้นน่ะค่ะ ภาษาห่ามๆ ที่เราเขียนหวังว่าคงพออ่านได้นะคะ ถ้าจะหาความประณีตคงจะหาไม่เจอหรอกค่ะ เพื่อนเราคนหนึ่งเคยเขียนเรื่องราวไว้ในห้องกอล์ฟ เรางี๊อ่านแล้วอายเลยค่ะ เขียนความเรียงได้เก่งมาก นี่ขนาดเป็นผู้ชายนะคะเนี่ย
ส่วนใครที่คิดอยากจะเขียน เราเชียร์ค่ะ เขียนเลย ห้องชานเรือนจะได้มีเรื่องราวหลากสี ชีวิตหลากรส ไว้อ่านกัน
.ใครเริ่มต้นเขียนแล้วก็สะกิดๆ กันบ้างเน้ออออ เราจะเข้าไปอ่าน ไปร่วมแจม ส่วนเรื่องที่ช้าเนี่ย อุปสรรคไม่ได้เกี่ยวกับการพิมพ์หรอกนะ แต่ลูกเรานี่สิ ซนบรมเลยอ่ะ ต้องอุ้มตลอด
(มาต่อกันเลยดีกว่า)
ฟังคำหวานทีไร ไม่มีสมาธิเรียนเลยสิเรา เราพยายามจะตัดสิ่งที่มันเข้ามารบกวนจิตใจให้ได้ แต่เชื่อไหมยิ่งห้ามมันก็ยิ่งดึงดันจะเข้ามา ในห้วงแห่งความคิด ยิ่งสลัดเท่าไรมันก็ยิ่งเกาะหนึบ
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป สงสัยจะเรียนไม่จบแน่ๆ ถึงจบก็คงจบแบบไม่ดี เรารู้ทุกอย่างแหละว่าต้องทำอะไรยังไง แต่จะทำจริงๆ มันทำไม่ได้ อีกเทอมเดียวเราก็จะได้ขึ้นปี 4 คิดเสมอว่าจะทนได้นานสักแค่ไหน นายโอยิ่งเราผลักไส ยิ่งเราเมินใส่ เขาก็ยิ่งตาม ช่วงนี้เรารู้สึกว่าเขารุกหนักอย่างน่ากลัวอ่ะ ไม่ใช่กลัวนายโอนะ กลัวใจตัวเองมากกว่า ข้อความก็ส่งมาให้ไม่เคยขาด
ทำสม่ำเสมอเหมือนที่คุณสายชลทำให้กับเรา หรือนี่มันเป็นมุขจีบหญิงของคนทั่วไปก็ไม่รู้ ตอนนี้เราอยากจะห่างนายโอสักพัก แต่ไม่รู้ว่าจะให้เหตุผลอะไรดี เราอยากมีพื้นที่เป็นของตัวเอง รู้สึกว่าตั้งแต่เรารับสอนพิเศษน้องนุ่น ตอนเย็นไปทานข้าวกับนายโอและน้องนุ่นทุกวัน ตอนเช้าก็เหมือนเดิม ไม่เห็นจะต่างอะไรกับตอนเย็นเลย
ตอนเรียนก็เรียนแต่กลับไม่มีสมาธิซะงั๊น นายโอเข้ามาป่วนในห่วงแห่งความคิดได้ตลอด นี่เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
เราเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย เหมือนนายโอเข้ามาควบคุมเราทุกอย่าง
พอหลังเลิกเรียน สอนพิเศษเสร็จ ตอนเย็นก็ทานข้าวกันปกติ น้องนุ่นก็อยู่ด้วย เราจึงตัดสินใจบอกนายโอว่า ต่อไปนี้จะไม่มาทานข้าวด้วยแล้วนะ แต่จะยังสอนพิเศษให้น้องนุ่น
นายโอชักสีหน้าไม่พอใจในทันที แต่ไม่ทันที่นายโอจะพูด เราก็พูดต่อว่า ช่วงนี้งานกลุ่มเยอะค่ะ ขอเวลาหน่อยนะคะ เราโกหก ความจริงงานกลุ่มน่ะ ช่วยกันทำระหว่างคาบคนละนิดคนละหน่อยก็เสร็จแล้ว นายโอบอก แล้วยังไง เราก็บอกไปว่า ก็ไม่ยังไง แต่พรุ่งนี้จะไม่มาทานข้าวด้วยแล้ว นายโอเงียบไป น้องนุ่นก็ไม่พูดอะไร แต่รู้สึกว่าทั้ง 2 คนน้าหลานจะเคี้ยวอาหารช้าลงยังกับว่า กำลังใช้ความคิดอยู่
ก็ทานจนเสร็จ นายโอก็ขับรถมาส่งที่หอพัก ก่อนที่จะบอกกับเราว่า ตามใจ
ช่วงนี้เราได้กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ตอนเช้าก็ไปทานข้าวก็น้องนุ่นเช่นเคย สอนการบ้านบ้าง เล่านิทานให้น้องนุ่นได้ฟังบ้าง ดูน้องนุ่นจะชอบใจเสียยกใหญ่ ช่วงเย็นก็สอนพิเศษ บัตรเงินสดซื้ออาหารแต่ละสัปดาห์เราใช้ไม่เคยหมด เหลือก็เก็ไว้ให้น้องนุ่นนั่นแหละ สอนน้องนุ่นทำบัญชีรายรับ- รายจ่าย ให้แกนำไปทำที่บ้านแล้วเอามาส่งให้เราดูทุกเช้า จะได้รู้จักเก็บเงิน คิดแล้วก็สงสาร ไม่รู้จะทดแทนสิ่งที่น้องนุ่นเสียไปได้ยังไง ก็เลยทำให้เต็มที่ ถึงเราจะขาดความรัก และก็ไม่ยากเกินไปนักที่จะจินตนาการออกว่าการให้ความรักมันเป็นอย่างไร ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด ผ่านไปวันแล้ววันเล่า เวลานี่มันไวยังกะติดปีกเลยนะ เรามีเวลาส่วนตัวมากขึ้น มีเวลาไปเดินเซ็นทรัลตอนเลิกเรียนบ้างแล้วล่ะ
นายโอก็เลยมีอิทธิพลน้อยลงโดยปริยาย
นี่แหละคือชีวิตที่บาลานซ์ มันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
พอสิ้นเดือน นายโอก็ส่งซองให้เราปกติ แต่ดูนายโอแปลกๆ ไป ไม่มองหน้าเรา ไม่พูดคุย เราก็ไม่รู้เขาเป็นอะไร สงสัยจะเครียดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เราก็ไม่ถามหรอกนะ ไม่พูดก็อย่าพูด ไม่ง้อหรอก เชอะ! กลับมาหอพักขอแกะซองให้ชื่นใจหน่อยเหอะ เราเดาว่า สงสัยเงินเดือนจะได้ครึ่งเดียว เพราะเราทำหน้าที่ไม่เต็มที่ แกะออกมา ก็ยังได้ 5,000 เท่าเดิม เราก็ดีใจน่ะสิ แปลกใจอยู่นะ แต่ไม่อยากรู้ว่าทำไมจึงให้เท่าเดิม
ช่วงห่างจากนายโอ ทำให้เราไปรู้จักเพื่อนคนหนึ่ง เป็นฝรั่งแท้ๆ เลยล่ะ เจอกันที่เซ็นทรัล ชื่ออเล็กซ์ เขาเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเราก่อน
เราก็พูดภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ ตอบกลับไป อเล็กซ์เป็นผู้ชายที่ปากหวาน เขาชมเราว่าสวย บุคลิคดี ทำให้เขารู้สึกสะดุดตา เขาขอเบอร์โทรเรา ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไร คิดว่าฝรั่งคงอยากมีเพื่อนเป็นคนไทยสักคน เราก็ให้เขาไป
วันต่อมาอเล็กซ์ก็โทรมา บอกว่า คิดถึงเรา คิดถึงมาก อยากพบ แล้วก็นัดเวลาสถานที่ แต่เราขี้เกียจไป อยากพักผ่อนก็ปฏิเสธไป
วันต่อมาก็โทรมาอีก เราก็ไป เจอกันเซ็ลทรัลที่เดิม ก็ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังกัน แล้วเราก็กลับหอ
2 วันต่อมาก็ชวนแบบเดิมอีก คือชวนแทบทุกวันเลยอ่ะ ถ้าเราขี้เกียจก็ไม่ไป ว่างจึงไป
ไปทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 นี่มันเล่นของสูงเลยแฮะ ขอเรามี sex ซะดื้อๆ เลยอ่ะ เราก็พูดภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ ว่า ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีวัน
รู้ป่าวคราวนี้เราตาสว่างเลยล่ะ เพราะฝรั่งน่ะ มันตรงๆ ไม่เหมือนคนไทย ยิ่งคนที่ไม่เดียงสาเรื่องพรรค์นี้อย่างเราด้วยนะ ยิ่งต้องขอบคุณมัน เรารู้ความจริงแล้วล่ะว่า ออกเดทกันเนี่ย เพื่ออะไร ? แต่ไอ้อเล็กซ์นี่มันเห็นแก่ตัวมากเลยนะ พอเราไม่ให้ มันพูดโพร่งออกมาเลยว่า
ผมเลี้ยงอาหารคุณเป็นเงินเท่านี้ๆๆๆ ดูหนังอีกล่ะ ทำไมไม่ได้ถึงไม่บอกตั้งแต่แรก มันทำให้ผมเสียเวลา(เพิ่งรู้ว่ามันพูดไทยได้แฮะ) มันเจียรนัยค่าอาหารที่เสียไป ได้อย่างทุเรศมาก
เราก็บอกมันไปว่า ฉันไม่ได้ชวนคุณสักหน่อย ฉันมาเพราะมาเป็นเพื่อนคุณ ถ้าคุณเสียดายค่าอาหาร ฉันจ่ายเองก็ได้ ฉันไม่ชอบกินของฟรีของใคร เราก็พูดไปโท่งๆ นั่นแหละ มันคิดยังไงก็เรื่องของมัน
ผมอยากกับคุณ คุณดูดีมาก มันพูดแล้วก็ทำตาละห้อย
(บ้ากามชัดๆ)
ฉันไม่ได้ชอบคุณ จะเอายังไงว่ามา เราหมดความอดทนตะโกนลั่นร้านอาหาร ผู้คนหันมามองเป็นตาเดียวกัน แต่มันก็ยังจะดึงดันขอมีเซกซ์ให้ได้ พูดย้ำอยู่นั่นแหละว่าหมดเงินค่าอาหารไปกับเราเยอะมาก เราโมโหสุดขีดก็เลยคว้าแก้วน้ำใกล้มือสาดหน้ามันไปเพื่อเรียกสติ แล้วก็หยิบเงินส่งให้มันไป แต่มันไม่เอา เราเห็นว่าพูดไปก็ไม่รู้เรื่อง ก็เลยก้าวขาฉับๆๆๆๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาเลย
แต่มันก็โทรมาทุกวันเลยนะ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยรับเลย
เราได้เรียนรู้จากอเล็กซ์ว่าเดทนี้เพื่อเซ็กซ์....
สิ้นเดือนอีกครั้ง เราก็ทำแบบเดิมอีก ก็คือไม่ได้ไปกินข้าวเย็นกับนายโอ ก็ยังได้ 5,000 เท่าเดิม แต่คราวนี้ไม่รู้สึกดีใจแล้วสิ รู้สึกผิดซะมากกว่า ช่วงเวลานี้นายโอกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง เราไม่เคยรู้สึกผิดอะไรขนาดนี้เลยนะ มันเหมือนกับว่า ไม่ว่าเราจะทำอย่างไร นายโอก็ยังให้เราเท่าเดิม ทั้งหมดนี้เราไม่ได้ตีตราเรื่องเงินอีกแล้ว ไม่ได้อยากได้มันแล้ว แต่กลับแคร์ความรู้สึกนายโอมากกว่า ทำไมเขายังเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป
..
(คืนนี้จะมาอีกรอบนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 54 23:30:31
จากคุณ |
:
สายลมที่คิดถึง
|
เขียนเมื่อ |
:
23 พ.ย. 54 19:39:28
|
|
|
|
|