ตอนที่ 22
(มาต่อนะจ๊ะ)
ระหว่างรอนายโออาบก็ซ่อมหนังสือที่เคยขว้างถึงแม้จะไม่เหมือนเดิม มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย หันมาอีกทีต๊กกะใจนึกว่าใครมาสร้างผลงานปฏิมากรรมนูนต่ำเอาไว้ อีตาบ้าโอนี่เองยืนยิ้มเผ่พิงผนังห้องอยู่นี่เอง ในชุดกางเกงลิงสีขาวตัวเดียว ส่วนผ้าขนหนูเอาพาดบ่า เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เต็มทนแล้ว มันน่าจับเอาผ้าขนหนูมาผูกคอซะให้เข็ด!! โทษฐานมาทำอนาจารให้เห็น
.
มัวแต่ยืนจังก้าอยู่นั่นแหละ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ฉันหิวแล้ว เราทักแบบไม่สบอารมณ์นัก
แล้วคุณจะให้ผมใส่เส้อผ้ายับๆ ออกไปข้างนอกหรอกเหรอ ผมไม่เอาด้วยหรอก แล้วผมก็ไม่ใช่หมา ยืนจังก้าน่ะเขามีไว้ใช้กับหมาหรือว่าคุณอยากมีแฟนเป็นหมา นายโอพูด พร้อมมองไปยังเสื้อและกางเกงยับๆ ที่พาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้
"มันก็เรื่องของคุณ หรือจะแก้ผ้าเดินก็ตามใจ เราพูดประชดด้วยความหมั่นไส้
คุณรีดให้ผมหน่อยสิ ออกไปแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอก นายโอใช้น้ำเสียงอ้อนวอน แต่อย่าหวังเลยว่าเราจะรีดให้ไม่มีทางหรอก เสื้อผ้าใครก็ควรจะรีดเองสิ ถึงจะถูก
ก็รีดเองสิ เสื้อผ้าของคุณ ก็ควรจะรีดเอง ขนาดของฉัน ฉันยังขี้เกียจรีดเลย เราพูด พร้อมกับเดินไปหยิบโต๊ะรองรีดผ้า กับเตารีดมาให้นายโอรีด ความจริงเราจะรีดให้ก็ได้อยู่หรอกนะ แล้วเราก็เต็มใจด้วย เพื่อคนที่เรารักมีหรือจะทำให้ไม่ได้ แต่ขอหน่อยเหอะ นายโอต้องโดนแบบนี้เสียบ้าง จะได้รู้ว่าเราไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ นี่คงคิดว่าเรารักเขาแล้วสิท่า ถึงมันจะถูกก็เหอะ แต่ก็อย่าหวังว่าเราจะยอมศิโรราบให้ง่ายๆ ไม่มีทางหรอก เชอะ!
ผู้หญิงอะไรเนี่ย ให้รีดผ้าตัวเดียวทำมาบ่น นายโอพูดไปเกาหัวตัวเองแกรกๆ แต่หารู้ไม่ ตัวเองนั่นแหละกำลังจะบ่น
แล้วผู้ชายอย่างคุณมันดีกว่าฉันตรงไหนมิทราบยะ เสื้อตัวเดียวยังรีดไม่ได้เลย เราพูดกระแทกแดกดันนายโอนิดๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าอย่าได้คิดเถียง หรือจะเอาชนะเราได้ง่ายๆ แล้วผู้ชายหน้าไหนก็ตามคิดจะเถียงผู้หญิง คิดผิดคิดใหม่ซะด้วยนะ เพราะไม่มีทางชนะหรอกย่ะ
นายโอบ่นพึมพรำอะไรไม่รู้อยู่ในลำคอ เหมือนหมีกินผึ้ง เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แล้วก็ไปหยิบเสื้อเชิ๊ตแขนยาวและกางเกงสแล็คมารีด ไม่ถึง 10 นาทีก็รีดเสร็จ รีดเนี๊ยบซะด้วยสิ
เห้นแล้วก็ปลื้มใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เรามองบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้า ความสูงประมาณ 180 เวลาคุยกับเขาทีไรทำให้เราต้องแหงนคอมองจนเมื่อย
บัดนี้เขาแต่งกายได้เรียบร้อยมาก สมกับที่เป็นอาจารย์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สอนเราหรือเป็นอาจารย์มหาลัยเดียวกับเราก็เหอะ แต่บุคลิกลักษณะแบบนี้มันน่าเกรงขามเหมือนกันนะ
ยิ่งเวลาที่นายโอนิ่งๆ ไม่ว่าจะทำอะไรสักอย่างก็ตาม เราแอบเห็นสายตาที่มุ่งมั่นของเขาบ่อยๆ ก็พอจะรู้ว่า นายคนนี้ไม่ธรรมดา ดูสุขุม ลุ่มลึก น่าเข้าไปสัมผัสและค้นหาไม่เบาเลยนะนี่ แต่เวลาบ๊องๆ นายโอนี่ก็เป็นเอามากเหมือนกันนะ ไม่น่าเชื่อว่ามาดอาจารย์จะหายไปชั่วพริบตา เพียงเพราะว่านายโอมาเจอผู้หญิงอย่างเรา จึงไม่แปลกที่เขาว่ากันว่า การคบคนเนี่ยมีผลกับชีวิตเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
นายโอพาเราไปทานข้าวที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า บรรยากาศภายในห้างก็เหมือนเดิม มีผู้คนมากมาย เดินกันชนิดที่ว่าไม่รู้จักเหน็ด ไม่รู้จักเหนื่อย คนที่เดินมาเป็นคู่แล้วจูงมือกันเนี่ย บ้างก็มีเขินด้วยล่ะ อุ๊ย พูดถึงเขาเราก็เขินไปกับเขาด้วย เราเดาว่าเป็นคู่รักกันใหม่ๆ บางคู่ก็มาในแนวผู้หญิงเดินหน้า ผู้ชายเดินหิ้วของตามหลัง แบบนี้เราก็เดาอีกว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังตามจีบผู้หญิงคนนั้นอยู่ บางคู่มาแนวโหดๆ เพราะมีลูกมาด้วย ผู้ชายเดินนำลิ่ว ปล่อยให้ภรรยากับลูกเดินตามหลัง ไม่บอกก็รู้ว่า ความสัมพันธ์แบบนี้ ดำเนินมากี่ปี แต่สำหรับเรา ไม่เหมือนคู่อื่นเลยอ่า เหมือนวิ่งไล่จับและซ่อนกันมากกว่า อย่างเวลาเราเจอของที่ถูกใจ เราก็จะเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ส่วนนายโอก็มีหน้าที่เดินตามลูกเดียว
.
ถึงแม่ว่าเราจะไม่รู้อะไรมากนักหรอก แต่ก็พอจะรู้ว่าโปรโมรชั่นน่ะ มันไม่ใช่ของแท้สักกะหน่อย เดี๋ยวหมดโปรเมื่อไหร่เราก็คงเหมือนคู่รักคู่นั้นแหละมั๊ง ที่ต้องเดินตามผู้ชาย
ไม่รู้เหมือนกันนะ เอิ่ม แต่บางทีเราว่าวิธีการยืดเวลาแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่อยากให้นายโอได้อะไรจากเราเร็วเกินไป ถึงแม้ยากการหักห้ามใจมันจะยากก็เหอะ แต่มันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ
เอาล่ะ นึกถึงเรื่องนี้แล้วปวดประสาท อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแหละวะ ขี้เกียจจะสัญญิงสัญญาอะไรกับตัวเองแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะเรื่องนายโอ เราทำไม่เคยได้เลยสักที
พอถึงร้านอาหาร มันนึกไม่ออกจริงๆ เลยนะ ไม่รู้จะทานอะไรดี ก็เลยให้นายโอสั่งให้ พอทานข้าวเสร็จนายโอบ่นว่าง่วง เออ เอาเข้าไปกับผู้ชายคนนี้ เยอะได้อีก ทานปุ๊บง่วงปั๊บ สรุปก็ต้องกลับห้องอย่างเดียว
พอถึงห้อง ปรากฏว่า นายโอไม่ได้ง่วงหรอก เพราะเราบอกให้ไปนอนก็ไม่ไป ดันมากอดเราไว้แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก ถ้าเราจะตายก็เพราะขาดอากาศหายใจนี่แหละ
ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันหายใจไม่ออก
ผมไม่ปล่อย เรื่องอะไรผมจะปล่อย ผมรักคุณ นายโอพูด แต่ดูเหมือนคำพูดของเราจะไม่มีความหมายซะแล้วซี นายโอเล่นกอดหนักกว่าเดิมซะอีก
ปล่อยได้แล้ว ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันโกรธคุณจริงๆ ด้วย เราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และรู้สึกไม่พอใจความดื้อด้านของนายโอนิดๆ
ได้ ผมจะปล่อยคุณ นายโอพูดแค่นั้น แล้วก็ปล่อยเราจากอ้อมกอด กลายมาเป็นอุ้มเราลอยลิ่วมาทิ้งไว้ที่เตียงอย่างเบามือ แล้วขึ้นมานอนบนเตียงกับเรา
ที่ของคุณ บนโซฟาตัวนั้น หรือไม่ก็ข้างนอก เราพูด เพื่อต้องการเตือนสตินายโอก่อนที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ถึงแม้ว่าใจหนึ่งเราเองก็อยากจะทำแบบนั้นก็เหอะ
นี่คุณรังเกียจผมขนาดนั้นเลยเหรอ ทีกับคนอื่นทำไมถึงได้
นายโอพูดเสียงดังขึ้นดูคล้ายคนกำลังโมโหแต่คำพูดนั้นแฝงไปด้วยการดูดูก แล้วมันยังไงล่ะ ฮึ! ถึงแม้เราจะมีอะไรกับคนอื่นก็จริง แต่ประเด็นนี้ก็ไม่น่าจะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างในการทะเลาะ สำหรับเราไม่มีอะไรเจ็บใจได้เท่า การถูกคนรักตัวเองดูถูก นึกแล้วก็เจ็บใจ ว่าแล้วก็หยิบหมอนขว้างใส่นายโอซะเลย โทษฐานมาดูถูกคนอย่างชั้น
นี่แน่ะ ไปให้พ้น เราเขวี้ยงหมอนใส่นายโอ ก็รู้ทั้งรู้ว่าคงไม่ทำให้นายโอเจ็บได้หรอกนะ เพียงแต่ต้องการจะขับไล่นายโอไผให้พ้นหูพ้นตาก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นการเติมเชื้อไฟความโกรธให้นายโอซะมากกว่า
อย่ามาหวงเนื้อหวงตัวหน่อยเลย คนอย่างคุณยังจะเหลืออะไรที่มีคุณค่า แค่เขามีเงินคุณก็เปิดอ้า ขอผมสักครั้งจะเป็นไรไป นายโอพูดด้วยอารมณ์โกรธไม่ใช่น้อยเลย ซึ่งเราเองก็ไม่ต่างกัน โมโหก็โมโหอยู่หรอกนะ แต่เสียใจมันมากกว่า ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนที่บอกรักเรา และคนๆ นั้นก็เป็นคนที่เรารัก
ได้
สำหรับคนอื่นฉันทำเพื่อเงิน สำหรับคุณเพราะฉันรักคุณ
.แล้วความรักของฉันมีค่าเท่าไหร่หรือ? เราพูดประชด พร้อมถอดเสื้อตัวเองไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าน้ำตาที่มันไหลออกมามันไหลออกมาจากจุดไหนกันแน่ ผิดหวัง เสียใจ หรือว่าโกรธ มันบอกไม่ถูก ปกติเราไม่ร้องไห้ง่ายๆหรอกนะ ถึงจะมีบ้างแต่ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นเลยสักครั้ง เพราะเราทำเหมือนว่าเราแมนมาก เราถอดเสื้อตัวนอกออกไปแล้วโยนโดยไม่สนว่าจะไปตกลงตรงไหน กำลังจะถอดซับในออกอีกตัว แต่แล้วนายโอก็หยิบผ้าห่ม มาคลุมเราไว้
ไม่ต้องแล้ว ผมขอโทษ นายโอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในกระเป๋าเสื้อมาซับน้ำตาให้เรา
คุณออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว เราพูดด้วยน้ำเสียงปกติ นายโอกอดเราแน่นๆ อีกครั้ง
ก็ได้ นายโอตอบตกลง แล้วพูดว่า ผมรักคุณ เรามองหน้านายโอเป็นครั้งสุดท้าย
.
นายโอไม่รู้หรอก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ คำพูดแย่ๆ แบบนี้ให้เรารู้สึกเสียใจมากมายขนาดไหน เราไม่รู้หรอกนะ ว่ามันเป็นความคิดโง่ๆ ของเราด้วยหรือเปล่า ที่คิดถึงเขาแล้วยังเปิดโอกาสให้นายโอขึ้นมาในห้องอีก จนกระทั่งจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์มันเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าคำพูดนั้นนายโอจะพูดด้วยความโมโหหรืออะไรก็ตาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะไม่แคร์เลยสักนิด แต่นี่เป็นคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกัน เราตัดสินใจทำลายซิมโทรศัพท์ทิ้ง ไม่อยากให้นายโอติดต่อเราได้อีก เรารู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันทรมานใจ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างความรักกับศักดิ์ศรี เราขอเลือกศักดิ์ศรี
---ตอนนั้นเราคิดแบบนั้นนะ
(เดี๋ยวมาต่อนะ ที่พิมพ์ถึงตอนนี้ยังไม่ขึ้นปี4 เลยอ่ะ ยาววุ๊ย! อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะ)