Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผมถามพ่อว่า พ่อไม่กลัวหรือ พ่อตอบว่า "ถ้าพ่อไม่ทำแล้วใครจะทำ" ... พ่อของผม ... เล่าไว้ให้กับวันพ่อปี พ.ศ.2554 ติดต่อทีมงาน

ต้องขอออกตัวว่าผมโตมากับแม่ จึงมีเรื่องราวของพ่อในความทรงจำไม่มากนัก แต่ในความทรงจำที่ไม่มากนัก
... เมื่อค่อยๆคลี่ความทรงจำเหล่านั้นออกมาทีล่ะเล็กล่ะน้อย ผมต้องประหลาดใจว่า.. นั่นแหละ ... ที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างทุกวันนี้โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลย

ตอนเป็นเด็ก ป.1
หลังวัดชานเมืองหลวง ผมนั่งตักพ่อดูดาวบนนอกชานบ้านเช่าไม้ชั้นเดียวในชุมชนแออัด
ลมพัดไป ... กลิ่นน้ำครำจางๆผ่านจมูกเล็กๆของเด็กป.1  ...
พ่อชี้ให้ดูดาวดวงนึงบนฟ้าในค่ำหนึ่งของคืนเดือนมืด
พ่อบอกว่า ... นั่นคือดาวฤกษ์ ... "ดาวฤกษ์มีแสงในตัวเอง มันจะกระพริบ ส่วนดาวเคราะห์ไม่มีแสงในตัวเอง และมันไม่กระพริบ"

ผมรู้สึกว่า โอ้โห พ่อผมเก่งจังเลย หลายปีผ่านไปถึงรู้ว่าพ่อก็รู้แค่นั้นแหละ เพราะพ่อเป็นแค่นักกฏหมายบ้านนอก
... ไม่ใช่นักดาราศาสตร์ ไม่ใช่แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์
แต่วันนั้น ทำให้ผมสนใจท้องฟ้า เลยมาถึงสนใจวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ แล้วจึงมาเป็นวิศวกร ในทุกวันนี้

... พ่อคือดาวฤกษ์ของพวกเรา

... ขอบคุณครับพ่อ ...

ตอนเป็นเด็ก ป.4
วันหนึ่งโดนแม่ตีก้น เพราะทำกางเกงขายาวสีขาวตัวใหม่เปื้อน ร้องไห้โฮ
อย่างแรกคือเจ็บ อย่างที่สองคือเสียใจที่สีขาวมันเปื้อน เอาไปซักยังไงก็ไม่ขาวเหมือนเดิม
พ่อเดินมาปลอบ ลูบหัวแล้วบอกสั้นๆว่า "ยังไงๆวันนึงมันก็ไม่ขาวอย่างนี้อยู่ดีแหละ"

โอ้โห ... พ่อผมนี่ฉลาดที่สุดในโลกเลย ... เด็กป.4 หยุดร้องไห้ ตาสว่างกับสัจจธรรมง่ายๆหลังรอยไม้เรียว
ผมรู้สึกว่าวันนั้นทำให้ผมเป็นคนที่มีความสุขและชื่นชมกับความสวยงามของปัจจุบันแต่ไม่ยึดติดกับมัน
... เพราะวันหนึ่ง "มันก็คงไม่ขาวเหมือนเดิม" อย่างที่พ่อว่าไว้

... ขอบคุณครับพ่อ ...

ตอนเป็นเด็ก ป.5
ไปนั่งฟังพ่อ "ว่าความ" ... ไม่รู้เรื่องหรอกว่าเขาพูดอะไรกัน แต่รู้อย่างหนึ่งว่า พ่อนิ่ง หรือ เดินไปมาช้าๆ และดูใจเย็นมาก พ่อเอาแต่ฟัง พ่อพูดน้อย แต่ทุกคำถามที่พ่อถาม อีกฝ่ายหนึ่ง(ตอนหลังผมรู้ว่าคือทนายความ) หน้าเปลี่ยนสีทุกที วันนั้นผมรู้สึกว่าพ่อผมเก่งมากเลย และมันทำให้ผมเลียนแบบมาดพ่อที่นิ่ง ช้า และ ใจเย็น ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย ความลำบาก ความสับสน ของวิกฤติในชีวิต

... ขอบคุณครับพ่อ ...

ตอนเป็นเด็ก ป.5 (อีกครั้ง)
ที่บ้านเรา 5 คนแม่ลูก ชานเมืองหลวง ... ในเช้าตรู่วันหนึ่ง ...
พ่อกลับมาจากจังหวัดที่พ่อประจำอยู่โดยไม่ได้บอกพวกเราล่วงหน้า
ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในจังหวัดจ้างมือปืนมายิงคุณอาหัวหน้าของพ่อถึงในบ้านพักหลวงของคุณอา (*)
... ยิงต่อหน้าคุณอาหญิงและลูกๆที่ครอบครัวพวกเรารู้จักกันดี
... 7 นัดที่ลูกปืนเข้าเป้า ... ฮ.เอาคุณอาหัวหน้าคุณพ่อมาลงที่รพ.รัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
... พ่อขึ้นรถไฟตามมาถึงในเช้าวันถัดมา

2 - 3 วันต่อมา เมื่อคุณอาปลอดภัยอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อจะกลับไปจังหวัดนั้นเพื่อทำงานที่คุณอาทำค้างไว้ "ให้เสร็จ"
ผมถามพ่อว่า พ่อไม่กลัวหรือ พ่อตอบว่า "ถ้าพ่อไม่ทำแล้วใครจะทำ"

... ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร ......... ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
... ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา ... ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป (**)

ในขบวนการยุติธรรมที่ซับซ้อน พ่อเป็นแค่นักกฏหมาย เป็นข้าราชการบ้านนอกจนๆตัวเล็กๆ
แต่พ่อไม่เคยประนีประนอมในเรื่องของมนุษยธรรมและความถูกต้อง

นี่คือปณิธาณที่หาญมุ่ง ... หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส ... (**)

ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้ลาภยศสรรเสริญและความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการมากมายนัก
แต่ผมอยากให้พ่อรู้ว่า ... พวกเราแม่ลูก เห็นและซึมซับอุดมการณ์ ความมุ่งมั่นในสิ่งที่พ่อทำอยู่เสมอ ...

... จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง ... จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา (**)

...

วันนั้นทำให้ผมเข้าใจว่าความกล้าหาญที่ถูกต้องของลูกผู้ชายคืออะไร
อันเป็นที่มาของปณิธานส่วนตัวของผมในทุกวันนี้

"A man has to do what a man has to do"
เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่มันก็มีที่มา ... ที่มาจากคำตอบของพ่อในวันนั้น

... ขอบคุณครับพ่อ ...

... อีก 2 ปีถัดมา มีระเบิดวางไว้ในที่จอดรถบ้านพักหลวงของพ่อ ... แต่พ่อไม่เป็นอะไร

ตอนเป็นเด็ก ม.3
ในวันเดือนปี ที่บทสรุปของการลงโทษคือไม้เรียวที่ทำด้วยหวายยาวเมตรครึ่ง ...
ในวันเดือนปี ของวัยเด็กม.3ที่ทำผิดพลาดไป ...
ผมกลับบ้าน ... ผมบอกพ่อให้ไปช่วยคุยกับคุณครูให้ยกโทษให้
พ่อพูดอะไรต่อมิอะไรกับผมยาวมาก ... แต่ผมจำได้แค่คำที่ตอนนั้นผมไม่เข้าใจ 4 คำ
"กฎเกณฑ์" - "ความถูกต้อง" - "ศักดิ์ศรี" และคำว่า "ลูกผู้ชาย"

วันรุ่งขึ้นพ่อไปส่งผมที่โรงเรียน เพี่อที่จะยืนดูคุณครูฟาดก้นลูกชายตัวเอง

พ่อครับ ...
ผมขอบคุณมากครับ ... วันนี้ผมเข้าใจความหมายของคำ 4 คำนั้นแล้ว
ผมขอบคุณมากครับ ... ที่วันนั้น พ่อรักษา "ศักดิ์ศรี" ของผมเอาไว้ด้วยรอยหวาย
ผมขอบคุณมากครับ ... ที่วันนั้น พ่อรักษา "ความเป็นลูกผู้ชาย" ของผมเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด

เจ็บที่ก้นของผม แต่คงไม่เท่าเจ็บที่หัวใจของคนเป็นพ่อ ... "พ่อครับ ผมขอโทษ"

ผมสัญญาครับ ... สัญญาว่าสิ่งที่พ่อพยายามรักษาไว้ให้ผม จะไม่มีวันสูญเปล่า ...

ตอนเป็นนักศึกษาปี 1
ผมไปทำใบขับขี่ ... สอบตกภาคปฏิบัติ
กลับมาบ้าน ขอให้พ่อช่วย พ่อบอกว่า "ถ้าสอบให้ผ่านเองไม่ได้ก็อย่าขับรถมันเลย"
... พ่อไม่ช่วย ... ผมต้องกลับไปหัดขับใหม่และกลับไปสอบ(อีก 2 ครั้ง)จึงผ่าน
... พ่อครับ ขอบคุณครับ ที่วันนั้นพ่อไม่ช่วยผม

เสียงแม่เป็นเสียงที่คุ้นตั้งแต่ก่อนไก่ขัน จนพระจันทร์ขึ้น ...

พ่อไม่เคยขัดแย้งอะไรกับแม่ พ่อบอกว่าเรื่องเล็กๆไปถามแม่ ไปให้แม่จัดการ ... ผมยังไม่เคยเห็นเรื่องใหญ่สักทีตั้งแต่โตมา ... แต่ผมแอบรู้ทีหลังว่า พ่ออยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญๆหลายๆอย่าง แม่เชื่อพ่อเสมอในเรื่องใหญ่ๆ เช่น การทำสัญญา การเป็นหนี้ และการติดต่อราชการ เรื่องนี้พ่อสอนให้ผมรู้ว่า หัวหน้าครอบครัวไม่จำเป็นต้องรู้และจัดการไปทุกเรื่อง หัวหน้าครอบครัวต้องรู้จักที่จะไว้ใจ เชื่อใจ และ เคารพการตัดสินใจของคู่ชีวิต แม้บางครั้งพ่อจะไม่เห็นด้วยกับแม่ก็ตาม แต่เมื่อตกลงกันแล้วว่าเรื่องนี้ใครจัดการ ก็ต้องให้ทำไปโดยพ่อสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องที่สำคัญมากๆผมจะเห็นแม่ปรึกษาพ่อเสมอ และถ้าจำเป็นจริงๆ คำตอบของพ่อจะเป็นคำตอบสุดท้าย ซึ่งน้อยครั้งมากๆที่พ่อใช้สิทธิ์ข้อนี้ (เหมือนว่าพ่อตกลงกับแม่ไว้ก่อนแต่งงานยังไงก็ไม่รู้)

... และที่สุดของที่สุดที่ผมเรียนรู้จากพ่อในเรื่องการเป็นหัวหน้าครอบครัวคือ
... แม้ว่าผลการตัดสินใจของแม่จะออกมาไม่เป็นอย่างที่แม่ตั้งใจไว้ พ่อจะพูดเสมอว่า "เรื่องนี้พ่อเป็นคนทำและพ่อรับผิดชอบเอง" ...
... ทุกวันนี้ผมเอาประโยคนี้ของพ่อมาใช้อยู่เสมอ ...

... ขอบคุณครับพ่อ ...

พ่อใช้ชีวิตอย่าง "สุขนิยม" โดยเฉพาะการกินและดื่ม

ในวันและเวลาที่ใกล้ถึงวันที่พ่อ "หายเหนื่อย" ... เราปรึกษากันว่า จะให้พ่อใช้ชีวิตในแบบที่พ่อชอบและมีความสุข แต่พ่ออาจจะอยู่กับพวกเราไม่นาน หรือจะให้พ่ออยู่อย่างที่พ่อไม่ชอบ แต่อยู่กับพวกเราได้นานอีกหน่อย ... เราสรุปว่า ไม่ควรเอาความต้องการพวกเราเป็นตัวตั้งของคำตอบ เราอยากให้พ่อมีความสุขมากที่สุดโดยการใช้ชีวิตอย่างที่พ่อต้องการ ... พ่อสร้างพวกเรามาเป็นพวกเราอย่างทุกวันนี้ พ่อเหนื่อยมามากแล้ว ...

ปลาย เดือนตุลาคม ปี 2549 ... พวกเราขึ้นไปรับ "พ่อ" ลงมาจากจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ

ที่สนามบินจังหวัดนั้น ... หลังจากพนักงานส่ง "พัศดุ" ของสายการบินตรวจเอกสารเรียบร้อย...
เธอมองหน้าเศร้าๆของพวกเรา ... "เสียใจด้วยนะค่ะ"

2 วันถัดมา ... ที่โบสถ์เล็กๆริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ... พ่อได้รับ "น้ำและดินพระราชทาน" ...  (***)

พ่อครับ ... ขอบคุณสำหรับทุกคำสอน ... ไม่ว่าด้วยการกระทำหรือคำพูด
พ่อครับ ... ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ... ที่ทำให้ผมเป็นผมในวันนี้

ถึงแม้ว่าผมจะไม่เป็นผู้ชายที่ใจเย็น สุขุม รอบคอบ และเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีเหมือนพ่อ
แต่ผมสัญญาว่า ... ผมจะเป็นตัวแทนของพ่อ ... ดูแลครอบครัวของพ่อต่อไป
... และที่สำคัญ ผมจะดูแลผู้หญิงที่พ่อรักให้ดีที่สุด

พ่อครับ ... ผมรักพ่อ ...

เขียนและเล่าไว้โดยลูกชายคนโตของพ่อ
... พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
... เขียนไว้เป็นที่ระลึกในวันพ่อแห่งชาติปี พ.ศ. 2554

(*) ปัจจุบันเป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง และได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการน้ำดีที่ตงฉินมากๆคนหนึ่งในวงการข้าราชการไทย
(**) บทเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด (เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43 ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. 2514)
(***) คล้าย "ไฟพระราชทาน" แต่ใช้สำหรับศาสนาที่ฝังผู้ล่วงลับแทนการเผาด้วยไฟ

แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 11:20:26

แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 54 13:08:41

แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 54 16:42:34

 
 

จากคุณ : Nong Fern Daddy
เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:39:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com