(มาต่อนะจ๊ะ....โทษทีนะให้นมลูกแล้วเผลอหลับไปกับลูก เพิ่งตื่น อิอิ)
คืนนี้เป็นอีกคืนที่เรานอนไม่หลับ เราไม่อยากทนเห็นนายโออยู่ในสภาพแบบนั้น ถึงนายโอไม่พูดอะไร เราก็พอจะเดาได้ว่านายโอกำลังไม่สบายใจ ถ้านายโอเป็นเพียงผู้ชายทั่วไป เราคงไม่รู้สึกมากมายขนาดนี้หรอกนะ แต่นี่เขาเป็นยิ่งกว่าผู้ชายทั่วไป เป็นมากกว่าคนรัก เพราะนายโอเป็นผู้ให้ ผู้เสียสละ ค่าตอบแทนที่เราได้รับจากนายโอก็เหมือนได้เปล่า วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนายโอเรารู้แล้วล่ะ ไม่ใช่ให้เราเป็นแค่ครูสอนน้องนุ่น แต่นายโอต้องการที่จะใกล้ชิดเรา ให้เราอยู่ในสายตา พอเห็นนายโอตกที่นั่งลำบากแบบนี้ ยิ่งเราช่วยอะไรไม่ได้ด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกเสียใจ
.
เราไม่รู้หรอกนะว่าแรงกฎดันบ้าบอแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ความจริงเราจะทำอะไรตามที่ใจปรารถนาก็ได้ อย่างที่คนรักกันที่ไหนๆ เขาก็ทำกัน แต่แม่เรานี่สิเล่นกำหนดค่าตัวเราไว้สูงส่ง โอ้วว
ไม่น่าเชื่อๆ นี่เรามีค่ามากมายขนาดนี้เชียวหรือนี่ แล้วสมมติว่าเรากับนายโอ หม่ำๆ กันแล้วล่ะก้อ แบบนี้ค่าตัวจะถูดลดลงด้วยหรือป่าว จะถูกนายโอต่อราคาด้วยหรือไม่? เราไม่รู้หรอกนะว่าใครกันเป็นคนช่างคิด ความคิดความเชื่อแบบนี้ หรืออาจเป็นเพียงสอนผู้หญิงให้รักนวลสงวนตัว
.ถ้าเป็นคนทางเหนือ ก็คงจะยกตัวอย่าง สาวเครือฟ้า หรือไม่ก็ แม่สาวบัวบาน ที่เคยได้ยินได้ฟังคำเล่าขานกันมานาน แล้วการสอนลูกหลานให้ยึดหลักจารีตวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่บางทีอะไรที่มันมากจนเกินไป มันก็อีกแหละ ไม่ดีทั้งนั้น เรามีเพื่อนเป็นคนเหนือที่เคร่งด้านความเชื่อที่สืบทอดกันมา อย่างเช่นการกิน ก็ต้องถามผี จะมีคู่ครองก็ต้องถามผี เพราะเขานับถือผี พอเราถามถึงเหตุผลและที่มา เขากลับตอบไม่ได้ (บางคนอาจจะตอบได้ก็มีนะ)แถมยังแถไปเรื่อยแหละว่า ผู้ใหญ่บอกให้ทำก็ต้องทำ อ้าวแบบนี้มันจะดีเหรอ กลับกลายเป็นคิดเองไม่เป็นน่ะสิ การเชื่อฟังผู้ใหญ่มันก็ดีอยู่หรอก แต่ผู้ใหญ่เองนั้นแหละก็ต้องตอบให้ได้ด้วย ว่าความเชื่อนี้มาจากไหน ไม่ใช่ตอบแค่ว่า บอกให้ทำก็ทำไปเถอะ เขาบอกต่อกันมา แบบนี้จะผิดไหมถ้าจะบอกว่างมงาย แล้วแตะต้องอะไรไม่ได้เลยนะ เขาจะโกรธทุกคนเลยล่ะ ที่ไม่เชื่อแบบเขา ก็เลยต้องเออออห่อหมกไปตามเรื่อง แต่เพื่อนคนนี้เวลาทำอะไรก็ทำจริง เป็นคนเด็ดเดี่ยวน่าชื่นชมเชียวแหละ เสียอย่างเดียว เป็นคนเครียดง่ายไปหน่อย ตอนแรกก็ยังงๆ อยู่เลย อะไรหว่าเรื่องนิดเดียวทำไมต้องเครียดด้วย ตอนหลังๆ พอคบกันไปจึงได้อ๋อ สาเหตุที่เครียดง่ายเพราะความเชื่อมั่นในตัวเองน้อย ดันไปเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อซะเยอะ พอหนักๆ เข้า เจอปัญหานิดๆ หน่อยๆ ก็ชี้นิ้วโทษนั่นโทษนี่ โทษสิ่งรอบกายไปเสียหมด และพอยึดติดกับความเชื่อมากๆ เข้า จิตใจก็เลยอ่อนแอ พออ่อนแอก็เลยขาดความสุข ----มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่เพื่อนเราที่เป็นคนเหนืออีกหลายคนก็น่ารักที่สุดเลยนะ เราชอบโดยเฉพาะภาษาที่พูดออกมาได้อย่างน่าฟังมากๆ ถึงแม้ว่าเราจะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างก็ตามที
เรื่องจารีตประเพณีของหญิงไทยบนเส้นทางที่ถูกล้อมไว้ ห้ามเดินเลยเส้นที่ขีดไว้ เราเคยแอบไม่ชอบใจเลยนะ ทำไมการแสดงออกถึงเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาแบบผู้ชายไม่ได้ ทั้งๆ ที่พอแต่งงานกันไป เรื่องอย่างว่ามันก็สำคัญพอๆ กับคุณงามความดีด้านอื่นๆ ที่จะทำให้คู่ครองอยู่ด้วยกันไปตลอดรอดฝั่ง แต่พอเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่เราไม่ชอบเรากลับทำเสียเอง เราไม่สามารถละทิ้งความเป็นหญิงไทยได้เลย ความหน้าด้านมันก็มีอยู่หรอกนะ พูดได้อย่างไม่อายปาก ไม่อายฟ้าดิน แล้วก็ไม่กลัวฟ้าผ่าด้วย แต่ความละอายใจมันมีมากกว่า เราไม่อยากทำผิดต่อแม่เราหรอก เขาบอกให้รอจนถึงวันแต่งงานเราก็จะรอ แม้ว่าเราอยากจะทำตามสัญชาตญาณเพียงใด เราก็จะอดทน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ความรักในวัยรุ่น เป็นรักที่แอบแฝงไปด้วยความเร่าร้อนและร้อนแรง ใครห้ามได้ก็เก่งแล้วล่ะ เรื่องราวความรักระว่างเรากับนายโอ คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอ แต่ก็ไม่แน่หรอก เราอาจจะแหกคอกขึ้นมาก็ได้ แต่ไม่ต้องห่วงเลยนะ เพราะตอนนี้เราดูแลตัวเองได้แล้วล่ะ รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว...
เช้าวันใหม่เราไปมหาลัยไปสอนพิเศษน้องนุ่นตามปกติ ดูนายโอสดใสกว่าที่เคย แถมยังแอบกระซิบให้เรารีบไปส่งน้องนุ่นอีก เราก็ทำตามอย่างที่นายโอว่านั่นแหละ พอไปส่งน้องนุ่นเสร็จก็ไปหานายโอที่โรงอาหารอีกครั้ง
จู ผมว่าเราไปคุยกันในรถดีกว่า นายโอพูดเสร็จก็เดินหันหลังขวับ ให้เราเดินตามไปที่รถ เราก็ตามน่ะสิ ก็อยากรู้นี่ว่ามีธุระอะไร
มีอะไรหรือเปล่า เราถามด้วยความสงสัย
จู คุณทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน ผมคิดถึงแต่คุณอยากให้คุณมาแต่งงานกับผมเร็วๆ นายโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความกังวลใจอยู่ไม่น้อย
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ จูช่วยอะไรคุณได้ไหม? เราก็ถามด้วยความรักความห่วงใย
รอผมได้ไหม ผมรักคุณ ผมรู้ว่ามันยากแต่ผมจะหามาให้ได้ นายโอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในแววตาเต็มไปด้วยความหวัง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกว่า
รับปากสิว่าจะรอผม นายโอพูดเพื่อให้เราตกลงรับปาก
จูจะรอ เราพูดไปพร้อมน้ำตาคลอเพราะสงสารนายโอจับใจ
นายโอคงรู้อยู่เต็มอกว่าเราต้องกลับไปหางานทำที่บ้าน เพราะถึงยังไงคุณแม่ก็ไม่ปล่อยให้เราอยู่กรุงเทพฯ แน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นนายโออาจจะไม่ได้พบเราอีก และแน่นอนอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ระหว่างที่นายโอกำลังเก็บเงินไปสู่ขอเรา กว่าจะได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปี หรือจะแย่กว่านั้นก็คงแก่หงำเหงือกด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างรอกันได้เหรอ เรามองนายโอก็เห็นแต่แววตาเหมือนคิดอะไรตลอดเวลา ทำให้เราเขาใจความรู้สึกนายโอได้ง่ายขึ้น ยิ่งกว่าเข้าใจนายโอซะอีก ยิ่งคนที่รักกันด้วยแล้ว ก็ยิ่งอยากจะแสดงออกถึงความรักทางภาษากาย โดยที่เมื่อก่อน เรากลับมองว่านายโอไม่ให้เกียรติผู้หญิง และดูถูกเรา เพราะกระทำมันฟ้อง ซึ่งตอนนี้เราเชื่อใจนายโอแล้วล่ะว่า เขารักเราเต็มหัวใจเข้าให้แล้ว รักมากซะจนไม่กล้าจะแตะต้องอะไรเราอีก คงกลัวเราจะหนีหาย จนเราต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง
จะกอดก็ได้นะ จะทำอะไรก็ได้นะให้รู้สึกดี เราบอกนายโอไปตามที่เราคิด เราอยากให้นายโอรู้สึกดี แล้วเราก็อยากได้รับสัมผัสนั้นเช่นกัน แต่นายโอกลับทำแค่เพียงจับมือ
ผมรักจู ผมจะไม่เอาเปรียบจูอีกแล้ว เราจะแต่งงานกัน จูต้องรอผมนะ นายโอพูดออกมาเป็นคำพูดที่ซึ้งที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ไม่คิดว่าผู้ชายกวนประสาทแบบนี้จะพูดคำหวานๆ ซึ้งๆ ได้มากมายขนาดนี้ คำก็ให้เรารอ สองคำก็ให้เรารอ แบบนี้เราจะไปไหนเสีย เรื่องอะไรจะไปให้โง่ล่ะ วันมีวันหรอก ยังไงเราก็จะรอต่อไป
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก คุณแม่เราเองแหละ
ฮัลโหล แม่มีไรเหรอ เราถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
กลับบ้านได้แล้ว ไหนว่าฝึกงานเสร็จแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก เสียงปลายสายพูดออกมาแค่พอได้ยิน
อีก 2 วันนะแม่ เราบอกแม่ไปแบบนั้น พูดแล้วก็มองไปทางนายโอ เห็นหน้าเศร้าๆ แบบนี้ไม่ชอบเลย ไม่อยากเห็นนายโอหน้าเศร้าแบบนี้เลย
ยิ้มหน่อยสิ เราแกล้งแหย่ให้นายโอยิ้ม แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย
จะให้ยิ้มได้ยังไงก็ในเมื่อคนที่รักที่สุดในชีวิตกำลังจะจากไป นายโอพูด ใช่จะให้ยิ้มได้อย่างไร นายโอได้ยินที่เราคุยกับแม่แล้ว ตอนนี้นายโอตาแดงๆ แล้วล่ะ สงสารที่สุดเลยนะ
รักจูมากขนาดนี้เชียวเหรอ เราถาม นายโอพยักหน้าแทนคำพูด
เรารวบรวมสติ ทั้งที่ใจก็แทบจะสลายไปเหมือนกัน นึกๆ แล้วใจหายเหมือนกันนะ อีก 2วันก็ต้องกลับบ้านแล้ว เก้าอี้ตัวเดิมที่เคยนั่ง โต๊ะที่เคยนั่งกับนายโอและน้องนุ่น กำลังจะกลายเป็รอดีตไปแล้วหรือนี่ จะทำยังไงดีล่ะ นึกแล้วก็พูดออกมาเลย
จูไม่กลับแล้วดีมั๊ย จูจะอยู่กับคุณที่นี่ เราจะอยู่ด้วยกัน เราก็พูดไปตามที่คิดอีกแหละ รวมอารมณ์กับความรู้สึกไปด้วย
ไม่ได้ ผมรักคุณ ผมยิ่งทำแบบนั้นไม่ได้ ผมอยากให้คุณแม่จูยอมรับผม นายโอพูดเหมือนผู้ใหญ่กำลังสอนเด็กแต่เรากลับรู้สึกดี นั่นก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกรักและนับถือนายโอมากขึ้น จนยากที่จะสลัดรักครั้งนี้ให้ขาดสะบั้นได้
.
ความรักคงไม่ได้ต้องการแค่รักเพียงอย่างเดียว ในการจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนหนึ่ง
มันต้องมีความนับถือซึ่งกันและกันด้วยสิ ถึงจะถูก ความรู้สึกนับถือในตัวตนของนายโอนี้ ยิ่งทำให้เรายิ่งรักนายโอมากยิ่งขึ้น และนายโอก็คงรู้สึกแบบนี้กับเราเหมือนกันแหละ ในช่วงที่เราหักซิมทิ้ง คงจะนอนหลับไม่เป็นสุขเลยสักวัน นายโอนะนายโอ จะรู้บ้างมั๊ยนี่ ถึงแม้ว่าเราจะรักอิสระเพียงใด แต่ตอนนี้เราหวังลึกๆ อยากให้นายโอมาเป็นเจ้าของเราคนเดียว อยากให้นายโอออกคำสั่ง อะไรก็ได้ จากที่ไม่เคยยอมใคร นายโอจะรู้ไหมว่าเราจะยอมเขาเพียงคนเดียว จากที่ไม่คิดจะทำกับข้าว เราเองนี่สิ ตอนนี้ไม่รู้ทำไม อยากจะฝึกทำอาหารให้เก่งๆ อยากจะทำให้นายโอทาน แล้วนายโอจะรู้ไหมว่า เราอยากจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองเลยนะ แต่เพื่อนายโอทั้งนั้น ทั้งหมดนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่า หัวใจของเราถูกนายโอพันธนาการไว้หมดแล้ว---แต่เราก็ยอม
เราเห็นว่านายโอเอาแต่นั่งเงียบ มันคงไม่มีอะไรดีขึ้นหากจะถามไปอาจจะทำให้แย่กว่าเดิมก็ได้ บางทีเขาอาจจะอยากอยู่คนเดียว เราจึงขอตัวกลับ
จูไปแล้วนะ ต้องไปเตรียมเก็บของ อีก 2 วัน จะกลับบ้านแล้ว เราพูดไปก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกัน เมื่อถึงเวลาจากจะทำยังไง
ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปช่วยเก็บของนะ นายโอพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
เราเดินหันหลังไป แอบมีน้ำตาเพราะความคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ นับตั้งแต่เจอนายโอครั้งแรก นี่เราต้องจากกันแล้วจริงๆ หรือนี่ แวะล้างหน้าล้างตาตรงห้องน้ำหน้าหอประชุม แล้วจึงกลับหอพัก แต่ก็ไม่ได้ไปเก็บของหรอก ไปถึงก็หลับเพราะความเพลีย ตื่นขึ้นมาอีกที่ก็ สว่างพอดี
เช้าวันใหม่วันนี้เราไม่ได้ไปไหนหรอกนะ ก็เก็บของเตรียมกลับบ้านก็แค่นั้นเอง วันนี้นายโอมาแต่เช้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่เรายังไม่อาบน้ำเลย แต่น้องนุ่นไม่ได้มาด้วยหรอกนะ ทำให้ใจเรามันตุ๊บๆ ต่อมๆ ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่ออยู่ในห้องด้วยกัน 2 ต่อ 2 ....
(แล้วจะมาต่อ)