|
ลลิตา ธีระสิริ (2539, 48-49) กล่าวถึงสูติกรรมสมัยใหม่ว่า มักคำนึงถึงสุขภาพเด็กมากกว่าน้ำหนักของแม่ เพราะหากเด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทารกจะเป็นโรคขาดสารอาหารหรือพิการ ขณะเดียวกันก็ยังละเลยน้ำหนักแม่ไม่ได้ เพราะน้ำหนักของแม่สะท้อนถึงสุขภาพของแม่และเด็ก หากน้ำหนักของแม่ขึ้นน้อยเด็กอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ แต่หากน้ำหนักแม่ขึ้นมากอาจมีโอกาสเป็นโรคครรภ์เป็นพิษได้ง่ายหรือมีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นซึ่งมีผลกระทบต่อเด็กด้วย ดังนั้นการเพิ่มน้ำหนักแม่คงต้องถามสูติแพทย์ผู้ดูแลจะดีกว่า อย่างไรก็ตามลลิตาก็ได้แนะนำว่า น้ำหนักขณะตั้งครรภ์ควรจะเพิ่มทั้งหมด 10 กิโลกรัม
ธวัช เจตน์สว่างศรี (2539, 68) ให้คำแนะนำการรับประทานอาหารว่า การคาดหวังว่ามารดาจะรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามมาตรฐานโภชนาการที่มีโปรตีนสูง มีแป้งพอประมาณ มีไขมันต่ำ และเกลือแร่และวิตามินอย่างเพียงพอเป็นเรื่องยาก ควรแนะนำเพียงแค่การให้มารดารับประทานอาหารที่ประสงค์ในปริมาณพอเหมาะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องถือคติ “รับประทานสำหรับสองคน” ซึ่งการรับประทานอาหารที่มากเกินไป ทำให้น้ำหนักขึ้นมากกว่าปกติ ส่งผลให้ทารกตัวโตและคลอดยาก
พิสุทธิพร ฉ่ำใจ (2552, 48-49) แนะนำว่า น้ำหนักตัวของคุณแม่เฉลี่ยแล้วควรให้เพิ่ม 1-1.5 กิโลกรัม เมื่อถึงกำหนดคลอดควรมีน้ำหนักเพิ่มจากเดิม 9-15 กิโลกรัมจึงจะพอดี (ขึ้นอยู่กับรูปร่างของแม่ว่าใหญ่หรือเล็ก)
จากคุณ |
:
puangchan
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ม.ค. 55 00:25:25
|
|
|
|
|