Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
===รึว่า?ความอดทนของชั้นมันมีน้อยเกินไปนะ=== ติดต่อทีมงาน

ช่วงนี้แวะเข้ามาอ่านกระทู้อุทาหรณ์เรื่องชีวิตคู่บ่อยมาก บางตอนนั้นทำเอาคนอย่างเรานั่งร้องไห้น้ำตาซึมเลยก็มี แต่ตอนนี้ได้แต่นั่งน้ำตาตกในกับเรื่องของตัวเอง ไม่รู้จะแก้ยังไง ได้แต่คิดว่ายังไงสาระเดียวของชีวิตเราคือ ลูก

  เกริ่นมาตั้งนานแล้ว เบลล์แค่มาขอยืมพื้นที่ระบายรวมทั้งขอความเห็นว่าเบลล์ควรทำยังไงต่อไปดีกับชีวิตนี้ แบบว่ามันหดหู่ทรมานใจเป็นที่สุด กระทู้นี้อาจยาวนิดนึงนะคะ ถ้าแม่ๆคนไหนคิดว่าดราม่ามากไปกดผ่านได้นะคะ

  เริ่มเรื่องเลยละกันเนอะ เบลล์ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปนี่แหละคะ ย้อนไปประมาณหกปีที่ผ่านมา เบลล์เองเป็นเด็กที่เติบโตมาในตัวเมืองเชียงใหม่ เรียนโรงเรียนเอกชนหญิงล้วนมาตลอด ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี ตั้งแต่เล็กจนอยู่ม.ปลาย เพิ่งจะเริ่มมีแฟน แฟนคนแรกเบลล์ไม่พูดถึงละกันนะคะ เนื่องจากว่าแฟนคนปัจจุบันเป็นแฟนคนที่สอง เราเจอกันช่วงประมาณปลายปี 48 ตอนนั้นเบลล์เรียนปี 2 ในมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของเชียงใหม่แล้วค่ะ ตอนแรกที่เจอเค้าเป็นเพราะเบลล์เคยคุยกับเค้าตอนม.ปลายผ่านโปรแกรมเพิร์ซที่ฮิตกันในสมัยก่อน แต่ด้วยความที่ทางบ้านพ่อและแม่เบลล์ค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องมีแฟนเลยทำได้แค่คุยๆกันจากนั้นเค้าก็หายไป จนพอมาช่วงนั้น เบลล์ไปรื้อเจอเบอร์โทรของลุงเค้า เลยโทรไปแล้วปลายสายก็เลยบอกเบอร์เค้ามาค่ะ

  เบลล์ก็เลยโทรไปหา ประมาณว่าจำกันได้มั้ย เพราะต่างคนต่างมีแฟนอยู่แล้ว เลยแค่โทรไปเฉยๆไม่ได้คิดอะไรมาก เค้าบอกว่าจำได้สิ เออดีแฮะที่ยังจำกันได้ ก็คุยประสาเพื่อนทั่วไปแล้วก็วางสาย หลังจากนั้นได้ประมาณเดือนนึงเบลล์ก็มีอันต้องเลิกกะแฟน วันนึงเค้าก็โทรมาบอกว่าแฟนเค้ากำลังจะไปคบกับทอม ถ้าเบลล์เป็นเค้าเบลล์จะทำยังไง ไอ่เราก็ได้แต่ให้คำแนะนำไป เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะไปเคลียร์กะแฟนเค้าให้รู้เรื่อง เราก็ได้แต่บอกว่าใจเย็นๆนะเคลียร์กันดีๆ อย่าให้เหมือนเรานะที่ต้องเลิกกับแฟน

  หลังจากนั้นที่เค้าเคลียร์กันเค้าบอกว่าได้เลิกกับทางนู้นละ เราก็คุยไปคุยมาซักพัก วันละหลายรอบเลยว่าได้ จนวันนึงเบลล์ก็พูดออกไปว่างั้นเรามาเป็นแฟนกันดีมั้ย พูดไปทั้งๆที่ได้แค่คุยกันธรรมดานี่แหละค่ะ ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลย หลายคนคงคิดว่าอะไรกันมันจะแรดได้ถึงเพียงนี้ แต่มันคือความจริงค่ะ เค้าตอบตกลงประมาณว่าต่างอกหักมาทั้งคู่ว่างั้น อะไรๆมันก็เลยจูนหากันได้ไม่ยาก

  หลังจากคุยแบบแฟนมาประมาณสองอาทิตย์ เค้าก็นัดมาเจอเราในมหาลัย เราก็โอเค เจอก็เจอสิชั้นก็อยากจะเห็นหน้าเค้าจะแย่ วันแรกที่เจอกันเค้ายังไม่รู้จักมหาลัยที่เบลล์เรียนอยู่เลย เนื่องจากเค้าเรียนสายช่างแล้วบ้านอยู่บนดอยนู่นนน เลยต้องจ้างเพื่อนมาส่ง พอเจอหน้ากันก็ต่างคนต่างคุยกันปรกติ ไม่มีทีท่าใดๆว่าเค้าจะรังเกียจเรา เนื่องจากตอนนั้นเบลล์ก็นับว่าอ้วนอยู่แต่เมื่อเทียบกับความสูงมันก็เลยลดสถานะเป็นคนที่อวบนั่นเอง

  ตอนเจอกันก็ที่หน้าหอสมุดมหาลัย แล้วพอดีเบลล์ไม่มีเรียนแล้วก็เลยชวนเค้าไปนั่งหน้าอ่างเก็บน้ำชื่อดังของมหาลัย ก็ยังชวนเพื่อนเค้าอยู่ด้วยอีก แต่เพื่อนเค้าก็รู้หน้าที่แฮะ นั่งจนนอนรอใต้ต้นมะพร้าวใกล้ๆนั่นเอง ส่วนเบลล์กะเค้าก็นั่งคุยกันไปเรื่อย สัพเพเหระต่างหาเรื่องมาคุยแก้เขินกันเท่านั้นแหละ แล้ววันนั้นเค้าก็ชี้ไปที่ดอยม่อนนึงบอกเบลล์ว่าบ้านเค้าอยู่ตรงนั้น ไอ่เราก็นะทำไมเค้าเก่งจังรู้ได้ยังไงเนี่ยว่าบ้านอยู่ตรงดอยไหน อารมณ์ตอนนั้นประมาณว่าเค้าก็เก่งดีนะ ทั้งๆที่ก็นะกะเรื่องแค่เนียะ แล้วเค้าก็ขอจับมือเบลล์ พอได้จับเท่านั้นแหละหันมาบอกว่ามือเบลล์อ่ะนิ่มดี ไม่เหมือนมือเค้าที่สากมาก เพราะทำงานหนัก เนื่องจากที่บ้านทำไร่ทำสวนกันทั้งหมู่บ้าน หลังจากนั่งคุยกันซักชั่วโมงก็แยกย้ายกันกลับบ้าน นั่นคือครั้งแรกที่ได้เจอเค้า

  หลังจากนั้นก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น ตัวเบลล์ก็อยู่หอพักถึงแม้ว่ามีบ้านอยู่ที่ตัวเมืองเชียงใหม่ก็จริง แต่ที่มาอยู่หอพักเพราะว่าเบลล์เลือกที่จะอยู่ใกล้มหาลัยมากกว่า ขืนอยู่บ้านรอแม่มาส่งเข้าห้องเรียนมีหวังโดนตัดสิทธิ์สอบเพราะว่ามาสายเป็นแน่แท้ เค้าก็มาส่งเบลล์ที่หอบ้าง หลังๆเริ่มมีขอค้างคืนนึงมั่งก็โอเคไม่ได้คิดอะไรมาก แรกๆแค่นอนกอดกัน หลังๆจากที่นอนกอดก็เริ่มมากขึ้น จนมีอะไรกันนั่นแหละ คราวนี้เบลล์ก็บอกว่าถ้าบ้านไกลมากกว่าจะมาถึงโรงเรียนเป็นชั่วโมง ประกอบกับหน้าหนาวแล้วมันค่อนข้างหนาวมากในปีนั้น ก็มาอยู่หอด้วยกันก็ได้นะ เค้าก็มาอยู่กับเราด้วยเสื้อผ้าสามชุดกะชุดนักเรียนอีกสองชุดแค่นั้นจริงๆ

  อยู่กะเค้าแบบนี้ไปประมาณสองอาทิตย์ก็พอดีปีใหม่ละ เค้าก็พาเรามาหาพ่อแม่เค้าที่บ้านในวันสิ้นปี ตอนนั้นที่บ้านเค้าก็ให้การต้อนรับอย่างดี เรียกได้ว่ารวมญาติมาดูหน้าเราเลยก็ว่าได้ เนื่องจากคนทางบ้านเค้าบอกเบลล์ว่าเค้ายังไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลยเราเป็นคนแรกเลยนะเนี่ย เบลล์ก็อืมนะคิดไปเองละมั้งว่าเค้าก็คงจริงใจกับเราระดับนึง แต่ไปแค่แป๊บเดียวนะไม่ได้ค้างคืนที่บ้านเค้า เพราะเค้ารีบพาเรามาเค้าท์ดาวน์ที่ตัวเมืองนั่นเอง

  แวบแรกที่ไปบ้านเค้าเบลล์เองก็แค่นึกว่าจากตัวเมืองนั่งไปแค่ซักน้ำตกแม่สา แต่ไม่เลยเพราะขึ้นดอยไปอีกไกลมากเลยโป่งแยงแอ่งดอยอีกนะนั่น เรียกได้ว่านั่งรถมอเตอร์ไซด์ไปบ้านเค้าเนี่ยใช้เวลาชั่วโมงครึ่งเลย นั่งจนเมื่อยก้นเลยนะนั่น แต่อะไม่เป็นไรชั้นทนได้ พอเห็นตัวบ้านเท่านั้นแหละแทบจะเป็นลมแบบว่าเหมือนบ้านคนโบราณสมัยก่อนไงงั้น เป็นบ้านไม้ยกสูง มีห้องน้ำโทรมๆอยู่นอกบ้าน อีกอย่างที่นี่เค้ายังไม่มีเตาแก๊สเลยอ่ะ ตอนนั้นยังไม่คิดว่าจะต้องมาใช้ชีวิตที่บ้านเค้า เบลล์ก็เลยเฉยๆไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับไปที่หอ เบลล์ก็บอกว่าเบลล์น่ะจุดไฟเตาถ่านไม่เป็นนะ เค้าบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าสอนให้เอง

  ณ พาร์ทนั้นอะไรๆก็เรียกได้ว่าดีไปหมด อะไรก็ยอมรับกันได้หมด ทางบ้านเบลล์รับรู้ ทางบ้านเค้ารับรู้ จนเวลามันผ่านเข้าสู่โหมดความโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ หลังจากไปบ้านเค้าครั้งแรก ก็อีกเป็นเดือนแหละที่เบลล์จะได้ไปที่บ้านเค้าอีก ส่วนเค้ากลับบ้านทุกเสาร์-อาทิตย์ เพราะต้องไปรับเงินรายสัปดาห์ๆละ 500 บาท ส่วนเบลล์ก็กลับบ้านมั่งแต่นานๆที เพราะมีเรียน แล้วอีกอย่างเบลล์ได้รายเดือนๆละ 3,000 บาทเท่านั้น ที่แม่จะเอาให้ นอกนั้นนี่ก็รับงานพิเศษมาทำมั่ง ทำแบบสอบถามมั่ง พ่อแอบเอาให้มั่งก็เดือนๆนึงใช้แบบประหยัดมีใช้มีเก็บอยู่นิดนึง แต่ก็นะค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินอยู่ ทั้งเบลล์และเค้าอยู่ด้วยกัน แต่เบลล์ที่หาค่าจิปาถะเหล่านี้ออกคนเดียว รายสัปดาห์ที่เค้าได้ก็คือไปโรงเรียนวันละร้อยนั่นเอง ส่วนน้อยอ่ะที่จะตกถึงมือเรา แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่นานๆไปนี่แหละเริ่มมีสมองละ

  มีอยู่เดือนนึงที่เบลล์หาค่าห้องไม่ทัน เบลล์บอกเค้าว่าขอยืมเงินแม่เค้าก่อนได้มั้ย เพราะทางบ้านเบลล์ไปธุระต่างจังหวัดยังไม่กลับ จะกลับก็อาทิตย์หน้าโน่น เค้าก็บอกมาว่าไม่ได้หรอกแม่เค้าไม่มีเงิน ไอ่เราก็โง่เนาะไม่ว่าอะไรซักคำ ผ่านไปอีกสองวันเจ้าของหอเอาป้ายมาติดให้ไปจ่ายค่าห้อง เบลล์ก็เลยขอยืมเพื่อนออกไปก่อน ก็เลยรอดไปเดือนนั้น แต่เค้ากลับมาบอกเบลล์ว่าถ้าหาไม่ทันจ่ายน่ะ ยังไงแล้วเค้าไปอยู่ที่บ้านก็ได้ เค้าอายที่มีคนมาทวงหนี้หน้าห้อง เบลล์นิใบ้รับประทานไปเลย แต่ก็ไม่ได้เก็บไปคิดอะไรมาก นี่คือหายนะของเบลล์ครั้งแรก

  ครั้งต่อมาเค้าเริ่มชวนให้กลับบ้านเค้าด้วยกันทุกอาทิตย์ ก็โอเคถ้าไม่มีเรียนก็ไป แต่มีอยู่อาทิตย์นึงแม่เค้าพูดว่า ถ้าขึ้นมาก็ขอค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินอยู่อาทิตย์ละร้อยสองร้อยก็ยังดี เบลล์ก็อึ้งสิคะ เรามาบ้านเค้าในฐานะแฟนลูกเค้านะ ต้องจ่ายด้วยเหรอเนี่ย แต่ก็นะหยวนๆไปมีก็เอาให้ แต่ส่วนใหญ่จ่ายตลอด ทั้งๆที่ของกินของใช้ เราหาไปเองแทบทั้งนั้น มีอยู่ 2 อย่างตอนนั้นที่เป็นของเค้า คือข้าวเหนียวกับไข่เป็ด นอกนั้นของเบลล์ทุกอย่าง

  ของใช้ส่วนตัวเบลล์เวลาอยู่ที่บ้านเค้าก็คือซื้อไว้แล้วเอาทิ้งไว้ที่ห้องเค้าเลย เพราะไม่อยากแบกไปแบกมา แป้งเบลล์น่ะซื้อไปกระป๋องใหญ่ 500กรัม แต่หมดก่อนแป้งที่แม่เค้าใช้กระป๋องละ10บาท อีก เบลล์ก็งง เพราะนานๆไปที แต่ไหงหมดเร็วจัง แชมพูก็เหมือนกันเราซื้อขวดใหญ่ไปเค้าซื้อขวด20บาท แต่ของเบลล์หมดก่อน ก็ไม่เป็นไรช่างเถอะ หนักสุดเจอแม้กระทั่งน้ำยาอนามัย เราเอาไปไว้ในห้องน้ำคืออารมณ์ว่า ใครใช้ก็ไม่เป็นไร มีอะไรก็แบ่งๆกัน แต่นี่มันหายไปเลยแบบไร้ร่องรอย แล้วอีกอาทิตย์นึงกลับไปแม่เค้าซื้อมาใหม่เหมือนของเบลล์เด๊ะๆ ที่ว่าเหมือนเพราะขวดที่เบลล์เอาไปตอนนั้นเป็นขวดเล็กที่ได้ฟรีกับแผ่นอนามัยของแคร์ฟรี แม่เค้าใช้แคร์ฟรีด้วย เริ่ดค่ะ หลังจากนั้นมาแทบไม่เอาอะไรค้างไว้ที่ห้องเค้าอีกเลยยอมแบกไปแบกกลับนี่แหละสบายใจ

  ส่วนเค้าเองพาเรากลับบ้านด้วยก็จริง แต่ตัวเค้านึกอยากไปไหนก็ไป ปล่อยเบลล์นั่งอยู่ที่บ้านคนเดียว หลายต่อหลายครั้ง จนครั้งที่เบลล์เริ่มไม่ค่อยพอใจละ คือวันสงกรานต์ของปีแรกที่คบกัน เบลล์ไม่มีรถมอเตอร์ไซด์ ไม่มีรถยนต์ ขับรถก็ไม่เป็น เค้าโรงเรียนปิดให้ตั้งแต่วันที่สิบ เค้าก็กลับมาเก็บของที่ห้องแล้วบอกว่ายังไงก็ไปตามหาเค้าที่บ้านนะ เค้าจะกลับบ้านเค้า เบลล์เองก็ไปจองรถมีโอไว้ได้รถวันสงกรานต์พอดี ก็ยังนะออกรถวันแรกก็ขับแบบไม่เป็นนั่นแหละไปจนถึงบ้านเค้า แม่กับพ่อบอกว่ามันอันตรายนะ เราก็เอาน่าแม่ไม่เป็นไร ออกรถตอนเย็นไปถึงบ้านเค้าตอนเกือบสองทุ่ม เปียกน้ำตลอดทาง แต่เค้ากลับเมาอยู่กับเพื่อนในหมู่บ้าน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเบลล์มาได้ยังไง คำแรกที่เจอหน้าเค้าๆบอกว่า ไม่นึกว่าจะขี่มาได้ อยากจะกรี๊ดจริงๆ แต่นั่นมันไม่เท่าไหร่

  ในระหว่างช่วงสงกรานต์นี่แหละที่เค้าทำเหมือนเบลล์ไม่มีตัวตน นึกจะไปไหนกับเพื่อนทั้งวันตั้งแต่เช้าก็ไป เบลล์ได้แต่รออยู่บ้าน ไม่มีสิทธิ์ไปตามด้วยนะ ประมาณว่าถ้าไปตามนี่มีเรื่อง ระหว่างที่เราอยู่บ้านก็นะมีคนมาถามหาเค้าเรื่อยๆ น้องๆเอ๋อยู่ไหน เบลล์ได้แต่บอกเค้าว่าไม่รู้ค่ะ จนมีผู้ใหญ่คนนึงเค้าบอกว่าทำไมไม่รู้ล่ะ แล้วทำไมไม่ตามเอ๋ไป เออเนาะเบลล์นี่มันโง่จริงๆ  ใช่ค่ะเอ๋นี่คือชื่อของอดีตพ่อของลูกเบลล์เอง หมดสงกรานต์ก็กลับไปที่หอ ก็ทะเลาะกันกับเรื่องนี้แหละ คือประมาณว่าเบลล์บอกเค้าว่า จะไปไหนมาไหนยังไงให้เกียรติกันหน่อยสิบอกชั้นที่เป็นแฟนเทอให้รู้บ้าง เอ๋ก็บอกว่าจะจุกจิกจู้จี้อะไรนักหนา เค้าจะไปที่ไหนยังไงต้องรายงานทุกเรื่องรึไง เออๆๆคราวหลังจะทำให้ ก็กลับมาทำตัวปกติ

  มีอยู่ครั้งนึงที่เป็นครั้งแรกของการทำร้ายร่างกาย วันนั้นไม่มีงานอะไรแต่เค้าก็ขับรถไปบ้านเพื่อนซึ่งอยู่บนบ้านเค้าอีกหลายกิโลอยู่แต่ก็ยังเป็นหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละ พอดีพ่อของเพื่อนเค้าจะเอาปลาชุดเก่าออกจากบ่อ เอ๋ก็ไปช่วยเพื่อนเค้านั่นแหละ แต่เราไม่ได้รู่จากปากเค้าหรอกนะ รู้จากแม่เค้าอีกที เพราะเบลล์มัวแต่ไปอาบน้ำบ้านญาติเค้า กลับมาแม่เค้าบอกว่าเอ๋ลงมาอาบน้ำแล้วก็ไปช่วยเพื่อนมันลาบปลา คงไม่กลับเบลลมากินข้าวที่บ้าน เบลล์ก็อืมไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ซักครึ่งชั่วโมงแฟนเพื่อนเอ๋คนนั้นชื่อเอ็มเบลล์ค่อนข้างสนิทด้วยก็ขี่รถมอเตอร์ไซด์ลงมารับบอกว่าไปกินลาบปลาด้วยกัน เอ็มถามหาเบลล์ที่เอ๋ เอ๋บอกว่าเบลล์อยู่บ้าน เอ็มยังบอกเลยว่าทำไมไม่เอาเบลล์มาด้วย เอ๋ไม่ตอบ เอ็มเลยมารับน่ะ เบลล์เองก็บอกแม่เอ๋ว่าไปบ้านเอ็มนะ เดี๋ยวจะหาว่าเราไปไหนไม่บอกกล่าว ก็นั่งซ้อนรถเอ็มไป พอไปถึงบ้านเอ็มเท่านั้นแหละ ก็มีพวกคนที่เค้าไปช่วยกันจับปลา คนที่เค้ามาช่วยลาบปลาก็เต็มบ้าน มีร้องคาราโอเกะตามประสาคนชนบทอ่ะ กินเหล้าเมาไป ร้องเพลงดูเอ็มวีที่โป๊ๆไป เอ็มบอกว่าเบลล์นั่งรอในห้องเอ็มนะ เบลล์ไม่กินเหล้าเดี๋ยวเอ็มยกลาบปลามาให้ เบลล์ก็โอเคๆยังไงก็ได้

  ระหว่างที่รอเอ็มยกลาบปลามาให้ พอดีว่าน้องสาวเอ็มเดินเข้าห้องมาบอกว่าไม่รู้ว่าพี่เอ็มเก็บไมค์ไว้ที่ไหน ไมค์ตัวที่ใช้ไฟมันตกติดๆดับๆ เบลล์ก็เลยออกไปหาให้ ช่วยๆกันหา พอเจอแล้วก็เอาออกไปให้พวกร้องเพลงที่อยู่ข้างนอก ทั้งกินเหล้าทั้งร้องเพลง เรียกได้ว่าเมาสถานเดียว จังหวะนั้นก็เจอเอ๋ เค้าก็เดินมาหาแบบไม่ค่อยพอใจว่ามาทำไม เบลล์บอกว่าเอ็มไปรับมาน่ะ แต่เอ๋แบบประมาณว่าหัวเสียแล้วลากเบลล์เข้ามาในห้องของเอ็ม ว่าเบลล์ว่าจะไม่ให้ไปไหนเลยใช่มั้ยจะต้องตามตูดแบบนี้ไปตลอดเหรอ เบลล์ก็แบบว่าอะไรเนี่ยพูดดีๆก็ได้ แล้วเอ๋ก็ตบเบลล์จนหน้าหันไปเลยเอ็มได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาดู เพื่อนๆเค้าร้องห้ามแต่ก็นะยิ่งห้ามก็ยิ่งตบอ่ะ โชว์พาวด์ว่างั้น เบลล์ก็โอเคงั้นชั้นกลับบ้าน ก็บอกเอ็มว่าขอบคุณนะที่ไปรับเบลล์กลับบ้านก่อน

  เอ๋รีบลากเบลล์ออกมาที่รถขับออกมาจากบ้านเอ็ม เบลล์บอกว่าเบลล์กลับเองได้ เถียงกันจนใกล้ถึงบ้านเบลล์กระโดดลงรถเอ๋เลย เอ๋รีบจอดรถแล้วก็ทั้งตบ เตะ กระทืบ เบลล์ตรงกลางถนนนั่นแหละ ระหว่างที่เอ๋กำลังบีบคอเบลล์นั้นพอดีเพื่อนเอ๋อีกหลายคนที่ตามลงมา ก็มาช่วยแยกได้ทัน เบลล์กลับบ้านเอ๋ไปในขณะที่พ่อกับแม่เค้าเข้านอนหมดแล้ว ในใจตอนนั้นนึกแล้วว่ายังไงก็คงไม่ไหวแล้วทำกันขนาดนี้ พรุ่งนี้กลับหอค่อยคุยกัน ส่วนเอ๋ก็กลับไปกินเหล้ากับเพื่อนต่อจนประมาณตีสองมั้งถึงกลับมาบ้านเค้า นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าทำร้ายทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจเบลล์

  ชีวิตคู่ของเบลล์ก็ดำเนินมาเรื่อย มีสุขมั่ง ทะเลาะกันมั่งจนมาถึงปีที่สามที่คบกัน เค้าเรียนจบแล้วติดทหารเกณฑ์ เป็นทหารอากาศ อารมณ์นั้นนิคืออืม เบลล์ต้องได้อยู่คนเดียวอีกสองปี ตอนแรกก่อนที่เค้าติดทหาร พ่อกับแม่เค้าก็บอกกับชาวบ้านว่าจะมาขอเบลล์แต่งงานตอนลูกเค้าเรียนจบ แต่นี่ติดทหารรอไปอีกสองปีค่อยว่ากันเนาะ นี่คือคำพูดของพ่อกับแม่ของเค้า

  ก่อนวันส่งตัว เค้ามีกินเลี้ยงกัน อันที่จริงไม่ว่าจะทำอะไร เหล้ามันคือหัวใจของงานจริงๆ กินกันเต็มที่เงินที่กินที่เลี้ยงคนที่มาร่วมงานน่ะ เงินที่เบลล์ทำแบบสอบถามได้ทั้งนั้น ก็โอเคกินกันไป เบลล์ก็ตามเดิมเหล้าไม่กิน กินน้ำอัดลมแทน งานนั้นเบลล์มีสิทธิ์แค่อยู่ก้นครัว อย่าได้เผยอหน้ามานั่งหน้างานเลย วันงานผ่านไปด้วยดี ถึงวันที่ส่งตัวทหารใหม่ พ่อกับแม่เค้าเตรียมตัวแต่เช้า เบลล์กับเอ๋ก็นอนไม่หลับ ตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ หนาวมากมายเพราะเค้าเข้าผลัดสอง มันปลายปีอีกแล้ว ไปส่งตัวเค้า ข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้หมด เงินอีกนิดหน่อย พอสี่โมงเย็นก็ต้องแยกย้ายกลับบ้าน ทั้งเอ๋และเบลล์ก็ร้องไห้ เอาน่าสองปีเองไวจะตาย พ่อกับแม่เค้าก็มาส่งเบลล์ที่หอ ช่วงแรกๆนี่เหงามากมาย แต่ก็ยังดีมีเพื่อน มีงานให้ทำพอให้ลืมๆเวลาไปบ้าง

  แต่พอได้ซักสองอาทิตย์ แฟนเก่าของเค้าได้มาหาเราที่หอ เค้ามาแบบร้องห่มร้องไห้ว่าขอให้เห็นแก่ลูกเค้าเถอะ เอ๋ทำเค้าท้อง เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจเลย มันมืดไปหมด ได้แต่นั่งฟังเค้าจับใจความได้แค่ว่า ก่อนที่จะส่งตัวเอ๋เข้าค่าย เอ๋ได้ไปหาเค้าที่บ้าน แล้วก็เกินเลยกัน เค้าก็มีแฟนอยู่แล้วก็เลยไม่ได้สนใจอะไร เพราะแค่อารมณ์มันพาไป เอ๋ได้เล่าเรื่องเบลล์ให้เค้าฟัง เค้าก็เลยพอรู้ว่าท้องบอกทางบ้านเค้าไปพ่อกับแม่ของแฟนเก่าเอ๋เป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน ค่อนข้างมีหน้าตาเค้าอยากให้เอ๋รับผิดชอบ เลยให้แฟนเก่าเค้ามาคุยกับเอ๋ก่อน แต่เอ๋เข้าไปในค่ายฝึกแล้วเดือนแรกเค้าไม่ให้ญาติมาเยี่ยม อีกเป็นเดือนเลยเค้าถึงให้เยี่ยมทหารใหม่ได้

  เบลล์เองก็ได้ฟังจากปากแฟนเก่าเค้าฝ่ายเดียว แฟนเก่าเค้าบอกว่าได้แต่รอโทรศัพท์เอ๋เหมือนกันวันสองวันถึงโทรหาเค้าที เพราะต้องหลบครูฝึกโทร เออนะถ้าเค้าโทรหากันได้ แล้วทำไมเอ๋ไม่โทรหาเบลล์บ้างล่ะ เกิดอารมณ์แบบน้อยใจสุดๆอีกละ ถ้าเอ๋โทรมาส่วนมากก็จะบอกว่าให้ออกมาหาเค้าหน่อย เอ๋จะแอบครูฝึกออกมาหาแฟนเก่าเค้าบ่อยๆน่ะ แฟนเก่าเค้าเล่ามา โอ๊ยฟังแล้วปรี๊ด นี่มันอะไรกันเนี่ย

  ในระยะเวลานั้นมันมืดมิดไปหมดจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องจริงเบลล์ตัดสินใจแล้วว่าเอ๋ต้องกลับไปรับผิดชอบลูกของเค้า ส่วนเบลล์ก็คงอยู่แบบเดิมไปเรื่อยๆ จนก่อนหน้าวันที่เค้าจะให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ เอ๋โทรมาบอกว่าครูฝึกให้ใช้เงินแค่บาทเดียวเท่านั้น เค้าเหมือนจะบอกอะไรกับเบลล์หลายอย่าง แต่เอ๋บอกว่าน้ำเสียงเบลล์ไม่ดีเลยก็เลยไม่บอก จนมาถึงวันที่เค้าเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ครั้งแรก เบลล์ก็ตื่นตั้งแต่ตีห้าเตรียมตัวไปซื้อกับข้าวของกินของใช้ที่เค้าชอบ คือทำเหมือนปกติทุกอย่างทั้งๆที่ใจนั้นเศร้าเหลือเกิน ซื้อของเสร็จกลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัว ประมาณแปดโมงได้มั้ง แม่เอ๋โทรมาบอกว่ารอแม่ที่หน้าปากทางกองบินนะ เพราะแม่จำทางเข้าไม่ได้ แล้วเบลล์เตรียมกับข้าวไว้รึยัง แม่ไม่รู้จะเตรียมอะไร เพราะช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการปลูกหอม แม่เตรียมมาแค่ข้าวเหนียวสองถุงนะ แล้วแม่เค้าก็วางโทรศัพท์ไป เบลล์ก็อึ้งสิคะ นี่มาหาลูกของเค้านะเตรียมข้าวมาแค่สองห่อ แต่ขนญาติขนเพื่อนเอ๋มาเต็มลำรถ เอ๊า ไม่เป็นไร เบลล์ก็เตรียมข้าวของออกจากหอมาแวะตลาดซื้อกับข้าวเพิ่ม ซื้อขนมนมเนยอะไรก็ว่ากันไป เอาน่าอดทนเอาเพื่อจะได้เจอหน้าเอ๋

  พอไปถึงค่ายเอ๋ที่เห็นในวันนี้เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ตัวดำ หัวเกรียน ผอมเหลือแต่หัว ปฏิกิริยากับเบลล์ก็เหมือนเดิม ก็ดูดีใจที่เห็นเรา เบลล์ก็เลยเลือกที่จะเลียบเรื่องแฟนเก่าเค้าดีกว่า พอพักว่างเบลล์ก็เข้าไปนั่งฟังวิทยุบนรถพ่อเอ๋ เพราะส่วนใหญ่ญาติๆที่ไปเยี่ยมก็นั่งหลังรถใครหลังรถมันทั้งนั้น เอ๋ก็เดินมาถามว่า ทำไมเบลล์ดูเงียบๆไป มีอะไรรึปล่าว เบลล์ก็บอกเรื่องนั้นไป เอ๋ก็บอกว่ามิน่าล่ะวันนั้นที่โทรหาถึงพูดไม่ดีกับเค้า แล้วเอ๋ก็บอกว่าไม่มีอะไรกับแฟนเก่าเค้าจริงๆ เค้ากล้าตรวจดีเอ็นเอ เบลล์ก็บอกว่าเรื่องนี้ให้ทางนู้นเค้ามาคุยกับเอ๋เองดีกว่ามั้ย อะไรๆมันอาจจะดีขึ้น แต่วินาทีนั้นเอ๋บอกเบลล์ว่าไม่ เค้าเลือกเรา ขอให้เราเชื่อในตัวเค้า แล้วเอ๋ก็หยิบสมุดเล่มนึงมา บอกว่าเอาให้เบลล์นะ เบลล์ก็หยิบสมุดเล่มนึงกับรูปถ่ายคู่กันไว้ให้เค้าติดตัวไป วันนั้นก็ผ่านไปจบแต่โดยดี

  ผ่านมาอีกระยะนึงไม่ถึงเดือนดีเรื่องแฟนเก่าของเอ๋ก็ผ่านเข้ามาอีก แต่คราวนี้ฝ่ายนั้นเค้าบอกว่าถ้าทางเอ๋ไม่รับผิดชอบเค้าจะเอาเรื่อง แฟนเก่าเอ๋เค้ามาลากเบลล์จากห้องไปที่ค่ายเพื่อเคลียร์ปัญหา ปรากฎว่าเถียงกันอยู่นาน สรุปว่าทางแฟนเก่าเค้าออกมายอมรับโดยดีว่าไม่ใช่ลูกเอ๋ แต่แฟนเค้าไม่รับผิดชอบ แล้วพอดีกับเอ๋คงไปเกินเลยอะไรกับแฟนเก่าเค้าจริงๆ เค้าก็เลยมาทวงสิทธิ์ให้ลูกของเค้าน่ะ แต่เบลล์นี่สิคะอึ้งรับประทาน ใครจะกินตับใครลับหลังไม่รู้ รู้แต่ว่านะ ชั้นใช้ของส่วนรวมกับแฟนเก่าเอ๋มาด้วย เบลล์โกรธก็โกรธนะ แต่ตอนนั้นอะไรไม่รู้บังตา บอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ เพราะเค้าเลือกเรา แล้วเราก็เลือกเค้าแล้วนี่

  ยังไม่จบเท่านี้นะคะนี่แค่ต้นเรื่อง ตอนนี้ลูกชายงอแงแล้ว ขอไปดูแลจอมซนก่อนนะคะ เบลล์ยินดีน้อมรับทุกความเห็นนะคะ เดี๋ยวเข้ามาเล่าต่อใหม่ค่ะ อีกพาร์ทส่วนหลังนี่มันเจ็บปวดจริงๆ ขอเวลาเบลล์ซักนิดนะคะ เพราะเบลล์พยายามพิมพ์ให้ครบ พิมพ์สดๆค่ะ แบบว่าดึงเวลากันออกมารื้อฟืื้นเลยทีเดียว ^^

จากคุณ : LoVely_BoEinG
เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 55 10:32:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com