ความคิดเห็นที่ 1 เราซื้อทองแท่งให้ลูกจ้า จากคุณ : แครอทม่วง เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 21:44:48

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นความคิดที่ดี ทองแท่งราคาพุ่งเอาๆเนอะ จากคุณ : nongguzz เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 21:51:52

ความคิดเห็นที่ 3 เรามีข้อ 1 2 4 และกำลังจะมีข้อ 8 จากคุณ : หมูน้อยจอมแก่น เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 22:13:22

ความคิดเห็นที่ 4 เออ ลืมเรื่องซื้อทองไป เพราะเนื่องจากเรา ซื้อทองผ่าน "กองทุนรวมทอง" และ "กองทุนอีทีเอฟทอง" ไปแล้ว ทำให้เราไม่ต้องถือทองแท่งที่เป็น "ทองจริง" และไม่ต้องไปซื้อที่ร้าน ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา และราคาของทองอีทีเอฟ ก็คือ ราคาทองแท่งในแต่ละวันจริงๆ ทำให้เราผ่านเรื่องซื้อทองแ่ท่งค่ะ แต่ที่สนใจตอนนี้มากๆ คือ เรื่องการลดหย่อนภาษี เพราะเราว่า การเืลือกลดหย่อนได้ทั้งหมดน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก แต่การจะลดหย่อนได้มากที่สุด ก็ต้องดูที่รายได้รวมทั้งปี เมื่อหักค่าลดหย่อนบุคคล สามีที่ไม่มีรายได้ ลูกที่ยังไม่ได้เรียน พ่อแม่ และเงินบริจาค แล้วที่เหลือก็คงต้องดูที่ "ค่าลดหย่อนการซื้อ LTF & RMF + PVD + insurance" ตอนนี้ประกันไปเต็มวงเงิน ก็เหลือแค่ LTF ที่ต้องซื้อให้เต็ม room แต่ถ้าจะดีต้องซื้อบ้านหรือคอนโด จะได้นำมาหักภาษีได้อีก จากคุณ : Mei1976 เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 22:40:52

ความคิดเห็นที่ 5 กระจายการลงทุนครับ ถ้ารายได้เยอะๆก็ซื้ออะไรที่หักภาษีได้ก่อนเช่นประกันและLTF ถ้ายังเหลือเฟืออีกก็RMFแล้วแบ่งไปเล่นหุ้นกับซื้อทอง ส่วนของลูกก็แยกบัญชีต่างหากไปเลยครับ บัญชีเงินฝากประจำ24-36 เดือน ซื้อทอง ซื้อหุ้น จากคุณ : NanaKamo เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 22:43:37

ความคิดเห็นที่ 6 เรามีครบทั้ง 9 ข้อที่เขียนมาแล้ว เผื่อใครกำลังคิดว่าจะออมเพื่อลูกอย่างไร เลยเอามาแชร์ค่ะ จากคุณ : Mei1976 เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 22:46:22

ความคิดเห็นที่ 7 ของเรา 1-2-8 - ส่วน 9  ซื้อเพราะคนที่จะเก็บเงินให้หละคะ เธอบอกถูกมาสองงวดแล้ว จากคุณ : ลูกกาหยูของแม่นก เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 22:53:27

ความคิดเห็นที่ 8 เก็บออมอย่างไรให้ลูกไปถึงฝัน หากถามเด็ก ๆ ว่า โตขึนหนูอยากเป็นอะไร คําตอบที่ได้คงทําให้พ่อแม่ทุกคนอมยิมและนึกวาดภาพในใจถึงวันทีลูกประสบความสําเร็จดังฝัน แต่แรงสนับสนุนสําคัญให้ลูกๆ ของคุณไปได้ถึงฝันก็คือการศึกษาในระดับสูงซึ่งแน่นอนว่าจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายทีค่อนข้างสูงเช่นกัน   ่ ต้องเตรียมเงินไว้เท่าไหร่ หากคุณมีเป้าหมายว่าอยากเตรียมเงินไว้ให้ลูกเรียนจนจบปริญญาตรีและโทสิ่งแรกทีจะต้องคิดคือ ่จํานวนเงินทีต้องเตรียมควรเป็นเท่าไหร่จึงจะเพียงพอกับค่าหน่วยกิต ค่าตําราเรียน รวมไปถึงค่ากิจกรรมของ หลักสูตร หากคํานวณคร่าวๆ ว่าวันนีลูกคุณอายุ 3 ขวบและจะไปเริ่มเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีของสถาบันการศึกษาในประเทศภายใน 15 ปี ข้างหน้า เงินทีต้องใช้เบ็ดเสร็จแล้วคุณอาจจะต้องเตรียมไว้ถึงประมาณ 2 ล้านบาท (เทอมละ 160,000 บาท x 2 เทอม x 6 ปี ) ซึ่งเป็ นจํานวนทีสูงทีเดียว คําถามต่อไป คือ แล้วจะวางแผนเก็บเงินอย่างไรให้ได้ตามเป้าหมายเพื่อไม่ให้คุณต้องแบกภาระหนักอึเงเมือถึงเวลาที่ต้องใช้เงิน คําตอบคือการเตรียมความพร้อมแต่เนิ่น ๆ เพราะคุณจะมีเวลานานพอทีจะค่อย ๆ ทยอยสะสมเงินไปได้อย่างสบาย ๆ หลากหลายช่องทางบริหารเงินให้งอกเงย โดยทั่วไปแล้ว คนมักจะนึกถึงการออมด้วยวิธีฝากเงินไว้กับธนาคารซึ่งเป็นที่คุ้นเคยเป็นอันดับแรก ช่องทางนีแม้จะดูปลอดความเสี่ยงว่าเงินต้นคงจะไม่หดหาย แต่ดอกเบี้ยก็น้อยเสียจนตัวเลขในบัญชีแทบไม่ขยับ อีกทั้งเงินออมของคุณยังถูกลดมูลค่าจากภาวะเงินเฟ้อทุก ๆ ปี อีกด้วย ดังนั้้นคุณควรลองมองช่องทางอืน ๆ ที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่่สูงขึน ้ การลงทุนในตราสารหนีทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้นัน แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าเงินฝากธนาคาร แต่ก็ได้ผลตอบแทนจากดอกเบียที้สูงกว่าเงินฝากธนาคารมาชดเชย ดังนั้น หากเลือกช่องทางนี้ ภาระการออมแต่ละเดือนก็จะลดลงบ้าง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้อาจไม่สะดวกหรือมีให้ลงทุนได้อย่างทีคุณต้องการ คุณจึงอาจพิจารณาการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้แทน เพราะมีข้อดีคือสามารถลงทุนได้อย่างสมํ่าเสมอทุกเดือน มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนีหลายตัว โดยมีมืออาชีพมาบริหารจัดการเงินให้ เหมาะสําหรับผู้ไม่มีเวลาติดตามศึกษาข้อมูลเอง   ยังมีอีกทางเลือกหนี่งทีน่าสนใจคือ การลงทุนในหุ้นทีช่วยให้เงินของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจนสามารถชนะเงินเฟ้อได้ เพราะจากสถิติในรอบ 5 ปี ทีผ่านมาการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 14% ต่อปี แต่การจะลงทุนในหุ้น คุณต้องมีความรู้ ข้อมูล ประสบการณ์และเวลาในการติดตามภาวะตลาดอย่างเพียงพอเพื่่อจะได้เลือกหุ้นได้ถูกต้องและลงทุนได้เหมาะกับจังหวะเวลาเพราะราคาหุ้นมีความผันผวนสูง ถูกกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ได้ง่าย เห็นได้จากในปี 2551 ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนติดลบถึง 48% ในขณะทีปี 2553 ผลตอบแทนโดยรวมก็กลับมาสูงถึง 40% ทีเดียว ดังนั้น หากคุณยังไม่พร้อมจะลงทุนผ่านช่องทางนี้ด้วยตนเอง ก็มีทางเลือกคือ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นทีผู้จัดการกองทุนรวมจะปรับเปลียนกลยุทธ์ในการลงทุนได้ตาาสภาวะตลาดทีเปลียนแปลงไป จึงช่วยลดความกังวลใจลงได้ระดับหนึ่ง เคล็ดลับคือการจัดสรรเงินลงทุน มาถึงตรงนีหลายคนอาจเกิดคําถามว่า หากคุณเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นแล้วเกิดผลขาดทุนในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นตกต่ำ สูญเงินทุนการศึกษาลูกไป จะทําอย่างไร ดิฉันขออธิบายว่าการเก็บเงินไว้ในสินทรัพย์ประเภทเดียวไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ก็ถือว่ามีความเสียงซึ่งแตกต่างกันตามลักษณะของทรัพย์สินแต่ละประเภท  หลักการทีถูกคือ คุณควรจัดพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยการจัดสรรเงินลงทุนไปในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หากคุณลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ แล้วตลาดหุ้นเกิดความผันผวนหรือไม่จ่ายเงินปันผล คุณก็ยังได้รับดอกเบียจากตราสารหนี้้มาทดแทนได้นั้นเอง การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทจะให้ผลตอบแทนและมีความเสียงที่่ต่างกันไป ่ จากคุณ : Mei1976 เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 23:02:11

ความคิดเห็นที่ 9 สูตรคำนวณการหักลดหย่อนภาษีด้วย LTF - RMF http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/RMF/calc2.htm จากคุณ : Mei1976 เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 23:39:08

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาอ่านแล้วได้ประโยชน์ แต่ งง กับ ปูเซ็น มากมาย จากคุณ : NITBALL เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 09:20:54

ความคิดเห็นที่ 11 ดู cost benefit ให้ดีนะครับ  ลดหย่อนภาษีได้จริง แต่ถ้ามูลค่าหุ้นลดลงก็จบกัน ถ้าฐานะปานกลาง การทำประกันก็เป็นการลงทุนที่คุ้มดีนะครับ  (ไปสมัครเป็นคนขายเองเลย) จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 14:31:48

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ นิดบอล งงอะไรกับปูเซนหรือค่ะ คุณริมน้ำคาน เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย เพราะตอนนี้ก็ลังเล แต่ก็ต้องซื้อง่ะค่ะ เพราะมันจำเป็น ไม่งั้นก็หักลดหย่อนไม่ได้เลย เนื่องจากลดด้วยอย่างอื่นไม่ได้แล้ว จากคุณ : Mei1976 เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 20:21:29

ความคิดเห็นที่ 13 เราซื้อสลากออมสินค่ะ แล้วก็เก็บเงินใส่บัญชีไว้ให้ลูก จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 23:31:55

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท เยี่ยมมาก ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวนี้ต้องมีความรู้ในการลงทุนกันนะคะ ไม่อย่างนั้นละก็ เงินเฟ้อ กินหมด จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 55 10:38:42