Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การแต่งงานคือเรื่องของ "คนสองคน" จริงหรือ ติดต่อทีมงาน

ปกติไม่ค่อยได้เล่าชิวิตส่วนตัวให้ใครฟัง  เพราะคิดว่าทุกคนก็ล้วนมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น
เรามีปัญหาของเราก็หาทางแก้ไขกันไป คิดอย่างนี้มาตลอด จนมาวันนี้คิดว่า การระบายออกมาคงเป็นทางออกที่ดีบ้าง  อย่างน้อยๆ เพื่อนๆ ในห้องนี้ ก็อาจจะช่วยแนะในมุมที่เรามองไม่เห็น

มันเป็นเรื่องในครอบครัว ที่เราเคยคิดว่า การแต่งการและชีวิตคู่ คือเรื่องของคนสองคน  แต่หลังจากแต่งงานแล้ว ความคิดเราก็เปลี่ยนไป  ชีวิตคู่  คือเรื่องของคนสองตระกูลมากกกว่า

เรากับสามีแต่งงานกันมา ห้าปีแล้วค่ะ  เรายังจำได้ วันที่สามีพาเราไปบอกกับแม่เขาว่า  “จะแต่งงาน”  
แม่บอกว่า “ให้วางแผนกันเอง เป็นเรื่องของคนสองคน คิดเองว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”   แค่นี้เราก็พอจะเดาออกแล้วว่า  “จะทำอะไรอย่ามาให้ฉันได้จ่ายตัง”  ฮ่าๆๆๆๆ  

สามีให้เราคุยเรื่องสินสอดกับแม่  แม่บอกว่า “ไม่เรียกหรอก แล้วแต่ว่าสะดวกเท่าไร ขอให้เป็นคนดีที่ลูกเลือกก็พอแล้ว”  โอ้ยยย แม่เรา..น้ำตาจะไหล   แม้จะเป็นประโยคที่เราเคยได้ยินหรือได้อ่านจากเรื่องของคนอื่นบ่อยๆ แต่พอได้ฟังกับตัวเอง จากปากแม่ตัวเอง ที่เคยคิดมาตลอดว่า “แม่เค็ม”  มันซึ้งมากๆค่ะ

การแต่งงาน  ด้วยเงินสินสอดที่สามีเสนอให้แม่ แต่พอใกล้ถึงวันงาน ด้วยธุรกิจที่ทำมีปัญหาบ้าง การเงินหมุนไม่ทัน  สามีบอกกับเรา  เราจึงซื้อทองเอง  ส่วนสินสอดขาดบ้างเล็กน้อย  เราบอกกับแม่  แม่เราใจไม่ดีเพราะกลัวจะเป็นลางไม่ดี แต่แม่ก็ยอมควักเงินตัวเองสมทบให้ครบ(ปากบอกว่าให้ยืม) เพราะจะได้ไม่ขายหน้าชาวบ้าน  เรื่องนี้สำคัญเหมือนกันในสังคมเล็กๆ บ้านเรา

วันแต่งงาน แม่เรารับขวัญลูกเขยด้วยทองหนัก สิบบาท (นี่ขนาดใครๆ ก็ว่าแม่เค็มนะเนี้ย) เราปลื้มน้ำตาแทบไหล  ส่วนแม่สามีรับขวัญเราด้วยเงิน หนึ่งพันบาท ค่ะ โดยสามีออกให้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่ารถที่เหมามางานเรา หรือเงินที่แม่รับไหว้เรา.....ซึ้งดีค่ะ  หึหึ  แต่ไม่คิดอะไรมาก...ผ่านไป

งานแต่งเราจัดเล็กๆ ถึงแม่จะเป็นที่รู้จักในหมู่บ้าน แต่เราเลือกที่จะให้แม่เราสบาย ไม่ต้องมาเหนื่อยจัดงานใหญ่โตมากกว่า แม้ว่า แม่เราจะแอบเสียดาย ซองที่เคยช่วยงานชาวบ้านไป ก็ตาม ..อิอิ

การแต่งงานผ่านไป  เราใช้ชีวิตกันสองคน  เราตกลงลาออกจากงานประจำมาช่วยงานธุรกิจของสามี เพราะกำลังมีปัญหาเรื่องคนงาน และการจัดการเงิน  
เงินที่เคยหมุนได้สบายๆ กลับฝืดๆ เคืองๆ ทั้งๆที่งานมีตลอด ปกติถ้าเงินหมุนไม่พอ สามีจะมายืมเรา ที่ต้องใช้คำว่า ยืม เพราะธุรกิจนี้เป็นของสามีที่ทำมาก่อนจะเจอเรานะคะ  เงินต้องแยกส่วนกัน เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้เลย  
และเมื่องานเสร็จก็จะนำมาคืน เป็นอย่างนี้ตลอด  
แต่ระยะหลัง เงินเราไม่ค่อยได้คืน เราจึงสงสัย  คอยแอบไปดูที่ออฟฟิศบ้าง ทำตัวเนียนๆ เหมือนไปสืบราชการลับ ซะอย่างนั้น  
และเราก็ได้เห็นช่องโหว่ที่สามีไม่เห็น นั่นคือ  เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนั่นเอง  
เราเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง   เขาไม่เคยคิดว่าเพื่อนจะทรยศได้ขนาดนี้  เงินก็ให้ยืมไปหลายแสน แต่ไม่เคยจะเอามาคืน  
เราจึงตัดสินใจลาออกจากงานมาดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ เอง เพราะคงไม่มีใครไว้ใจได้เหมือนตัวเอง  ทำธุรกิจ เงินหมุนมันเยอะ ไม่เข้าใครออกใครหรอกค่ะ  
เราจึงยอมเสียอาชีพที่ตัวเองรัก หันมาสู้กับอาชีพที่สามีรัก และเราก็คงรักมันได้ไม่ยาก  เราคิดอย่างนั้น

ตอนมีปัญหาเรื่องเงิน  เรากับสามีหาทุกช่องทางที่จะนำเงินมาทำงานต่อชิวิตให้ได้ เพราะเพื่อนรัก เอาไปก็ไม่ใช่น้อย  
ปล่อยภาระหนี้สินไว้ลับหลังก็มาก ในนามบริษัท เราก็ต้องรับผิดชอบ

สามีไปคุยเรื่องยืมเงินกับที่บ้าน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่มี”  ยิ่งแม่สามีไม่ต้องพูดถึง  ให้มา “168 บาท”
เรายังจำวันที่สามีบากหน้าขับรถกลับบ้านต่างจังหวัด ร่วมๆ 7 ชั่วโมง  กลับมาพร้อมกับเงิน  “168”บาท บอกเราว่า “แม่ให้มา”  
เราไม่ได้โกรธ ไม่ได้ตัดพ้อทำไมเขาไม่ช่วยเรา เพราะเหตุผลของเขาคือ “มันคือเรื่องของเราไม่ใช่ของเขา”
แต่ 168 บาทให้ลูกชายมาได้อย่างไร  แม่สามีมีฐานะพอสมควรค่ะ แต่แกอยู่คนเดียว พ่อสามีเสียไปตั้งนานแล้ว  เปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน ขายมาเป็นสิบๆ ปี มีทุกอย่างให้เลือกสรร  เคยเล่าให้เราฟังว่า เอาเงินไปทำบุญสี่ห้าหมื่น  สร้างโน่นสร้างนี่......แต่ให้เงินลูกชายมาทำทุน “168 บาท”   คิดถึงทีไรมันจุกอยู่ที่คอค่ะ...ไม่เป็นไร เราต้องผ่านมันไปได้

เรากับสามีฝ่าฝันกันทุกอย่าง กินข้าวกับบะหมี่ซอง 1 ซองสองคน ก็เคยมาแล้ว  กอดกันนอนร้องไห้ก็เคยมาแล้ว เจ้าหนี้รุมเร้า ภาวะเครียดจัด จนคิดอยากฆ่าตัวตาย  
แต่สิ่งที่ทำให้เราคิดได้คือ แม่เราคงเสียใจ ถ้าเราต้องตายเพราะเรื่องเงินแค่นี้
เราตัดสินใจลองคุยเรื่องนี้กับแม่  แม่เรานิ่งสักพัก และพูดว่า “จะมาเอาเมื่อไร”  โอ้วววววว  แม่เราช่างประเสริฐแท้  
เงินก้อนแรกแม่ให้มา “สี่แสน” และไม่เคยทวงคืน  จะทำอะไร บอกแม่ แม่สนับสนุนให้ยืมมาตลอด  
ตอนนี้เป็นหนี้แม่ร่วมๆ หนึ่งล้านบาท  แม่ไม่เคยทวงถาม บอกแต่ว่า ถ้าเรามีแล้วให้เก็บไว้ เก็บให้เยอะๆ  น้ำใจแม่เราช่างประเสริฐเหนือสิ่งใด

เราฝากเงินให้แม่สามีตลอด แม้จะไม่มาก แค่เดือนละ 2 พัน  
แม้พี่สาวสามีจะบอกเราว่า “อย่าให้แม่เลย ตัวเองก็ไม่มี  แม่แกมีเงินนะ มีเยอะด้วย  “
แต่เราถือว่า สามีเราได้ทำหน้าที่ลูก ก็เท่านั้น  ให้ทีไร แม่ก็รับทุกทีนะคะ  ไม่เห็นจะบอกว่า ไม่เอาเลย ฮ่าๆๆๆ
แต่แม่เราสิ....ไม่เคยรับเลย  ไม่เอาอย่างเดียว  ให้เก็บไว้ๆ  พูดแค่นั้น

เมื่อมรสุมชีวิตผ่านไป  ท้องฟ้าก็สดใสค่ะ  สิ่งที่เราสองคนร่วมกันฝ่าฝัน มากับทุกอุปสรรคปัญหา
ตอนนี้ธุรกิจเริ่มดีขึ้นมาก เรามีเครื่องจักรหลายเครื่อง เรามีที่อยู่ เรามีลูกค้าประจำ งานประจำ  มีรถหลายคัน เพราะงานเรา รถเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่บ้านที่อยู่ เรายังเช่าเขาอยู่นะคะ  

ในวันที่พอจะมีเงิน.....คนรักก็เพิ่มมากขึ้นเป็นธรรมดา  พี่สาวสามีสองคนที่อยู่บ้านต่างจังหวัด ก็อยากมาเที่ยว อยากมาหา  และมายืมตัง....ฮ่าๆๆๆๆ  ซึ้งจนน้ำตาจะไหลค่ะ....  ส่วนครอบครัวเราเหรอค่ะ  ไม่เคยมีเลยแม้สักคนค่ะ

และแล้วสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็มาถึง
    -วันหนึ่งพี่สาว สามีบอกว่า “แม่อยากมาอยู่ด้วย” .....เราเงียบ
    -สามีไปรับแม่มาเที่ยวบ้าน มาดูกิจการ  ด้วยความที่เป็นลูก ก็อยากให้แม่เห็นว่า สิ่งที่ตัวเองทำมันออกผลแล้ว  แม่สามีมาอยู่ด้วยประมาณสองสัปดาห์  ก่อนจะกลับ แม่บอกกับเราว่า “ อีกไม่นานแม่จะมาอยู่ด้วย”
    -สามีกลับบ้าน แล้วมาเล่าให้ฟังว่า “แม่บอกว่า อาทิตย์หน้าให้มารับจะไปอยู่ด้วย”

ทำไมเรามีความรู้สึก... ในวันที่แม่สามีจะมาอยู่ด้วย     มันมีเหตุผลค่ะ
    1.พี่สาวสามี อยู่บ้านไม่ไกลจากเรามากนัก  มีลูกสาวสองคน อายุ 6 ขวบ และ 7 ขวบ
กำลังไปโรงเรียน  พี่สาวทำงานโรงงาน ต้องตื่นตีห้า เลิกงาน สามสี่ทุ่ม แถมต้องเข้ากะกลางคืนสลับกันกลางวัน สามีพี่สาว ก็ทำงาน
เวลาไม่มีใครดูเด็กๆ ตอนเช้า จะโทรมาบอกเรา เราต้องขับรถไปหาหลานที่บ้าน  ทำหน้าที่ปลุกหลาน อาบน้ำ แต่งตัว หาของให้กินและไปส่งหลานไปโรงเรียน แล้วรีบกลับมาทำงานของตัวเองที่บ้าน
ตอนบ่าย ถ้าไม่มีใครว่างไปรับ เราก็ต้องไปรับที่โรงเรียน และมาอยู่รอพ่อกับแม่ พี่บ้านเรา  
บางครั้งก็พาหลานๆ มาฝากไว้ที่บ้านเรา บางทีมาถึงคำแรกที่พูดกับเราคือ “หนูหิวข้าว”   เราต้องทำหน้าที่ดูแลให้ตลอด  (ไม่เป็นไร ช่วยอะไรได้ก็ช่วยกันไป)  
พี่สาวเคยเอ่ยปากกับแม่ ให้มาอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยๆ ก็มาช่วยดูหลาน เพราะเกรงใจเราที่ต้องวิ่งไปวิ่งมา  แม่ปฏิเสธ  “อยู่นี่ไม่มีรายได้ จะเอาอะไรกิน!!”  นี่คือเหตุผลของแม่สามี  เราจึงต้องรับสิทธิ์นั้นต่อไป......

   2.พี่สาวอีกสองคนของสามีอยู่ใกล้ๆ แม่ ที่บ้านต่างจังหวัด    เราเคยพูดกับแม่สามี เรื่องมาอยู่บ้านพี่สาว ช่วยดูหลาน เพราะเราสงสารหลาน บางที ต้องนอนรอพ่อกับแม่มารับที่บ้านเรา ห้าทุ่ม เที่ยงคืน
แม่บอกเราว่า “ แม่เป็นห่วง พี่อีกคน เพราะอยู่กับลูกสองคน (ลูกอายุ 14) มันไม่มีผัว  แม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนมัน”  นี่คือเหตุผลอีกข้อของแม่สามี

  3.ช่วงเวลาที่แม่สามีมาพักที่บ้าน ซึ่งช่วงหลังๆ จะมาบ่อย โทรมาให้สามีไปรับ สามีก็เป็นคนรักแม่นะคะ  ก็ไปรับ
แม้บางครั้งตัวเองจะไม่ได้นอน  ก็ยอมขับรถไปรับแม่ ตามใจแม่  
เมื่อแม่สามีมาอยู่ด้วย เราต้องทำหน้าที่ หุงหาอาหารให้กับทุกคน  ปกติ เราก็ทำอยู่แล้วค่ะ แต่เรากับสามีเป็นคนง่ายๆ ผัดๆ ทอดๆ ก็อิ่มแล้ว
แต่แม่สามี  ต้องค่ะ คือ
    1. ต้องมีน้ำพริกทุกมื้อ  
    2. ต้องมีผักสามสี่อย่าง
    3. ต้องมีของกินแก้เผ็ด  
    4.กับข้าวทุกชนิดห้ามใส่ผงชูรส แต่ให้ใส่รสดีแทน
     5. ต้องกินน้ำอุ่นเท่านั้น จะไปไหนก็ตาม ต้องมีน้ำอุ่น หรือน้ำที่ต้มแล้วไปให้กิน  น้ำอื่นๆ ไม่กินโดยเด็ดขาด
     6. ต้องนอนคนเดียว  ไม่ชอบนอนกับใครๆ
     7. ต้องกินข้าวตอนเช้า9โมง และตอน 4โมงเย็นเท่านั้น
     8. และ ต้องกินเหล้าดองยาทุกเช้า และเย็น ก่อนอาหาร
     (ต้องหาซื้อมาอย่าให้ขาด ยี่ห้อของที่แม่กินด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นจะบ่นไปทั้งวันว่า "กินข้าวไม่อร่อย"  )

และมีอีกสารพัดต้อง..ค่ะ...และทุกต้อง เราต้องเป็นคนจัดการดูแลทั้งหมด  แม่สามีไม่ทำค่ะ  ตื่นแต่เช้า มาเดินเล่น นั่งเล่น  รอเวลากินข้าว มากิน แล้วก็ไปนอน  ไปเดินเล่น ....แค่นี้ค่ะ

  4.ตลอดเวลาที่แม่มาพักด้วย  พี่สาวจะพาหลานมาฝากทุกเย็นค่ะ
บางทีวันศุกร์มานอน อยู่ต่อถึงวันเสาร์   เราต้องทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างอีกเหมือนเดิม  
ความสงบที่เคยมีแทบไม่มี เพราะหลานๆ ซนกันมากค่ะ  ส่งเสียงเจี้ยวจ้าว เดียวกิน เดี่ยวโน่นนี่ เดี่ยวอยากเล่น อันนั้นอันนี้  เราไม่เป็นอันทำงานเลยค่ะ  
แต่ก็อดทน..เพราะถือว่า หลานยังเด็ก และช่วยๆ กันไป.....
    5.เวลาจะไปเที่ยวไหนกัน สามีจะชอบนึกถึงพี่น้องค่ะ แม้ว่า นานๆ เราจะว่างที  ไปก็ไปทั้งหมด  วุ่นวายกันดีจริงๆ  เราต้องรับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยตลอดการเดินทาง   อีกแล้ว

    6.บ้านหลังที่อยู่กัน เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว หลังเล็กๆ  
เราใช้ทำออฟฟิศด้วย  จะได้ดูลูกน้องทำงานไปด้วย  
เวลามีญาติสามีมา ก็จะเต็มบ้านไปหมด ไม่มีที่จะอยู่จะนอนกัน  
แต่พวกเขาก็ชอบมาเหลือเกิน....
เอ้า เมื่อมาแล้ว เราก็ต้องต้อนรับ อาหารการกิน ที่หลับที่นอน  อยากไปเที่ยว.....เรารับสิทธิ์นั้นเหมือนเดิมค่ะ

    7.เรากำลังจะมีน้องค่ะ  เพราะคิดว่าพร้อมแล้ว สำหรับครอบครัวเล็กๆ ของเรา
ถ้าแม่สามีมาอยู่ด้วย  สิ่งที่เราต้องทำคือ บ้าน  อาหาร เสื้อผ้า ของ แม่สามี สามี และลูกในอนาคต
จะไหวไหมค่ะ  อย่าหวังว่า แม่สามีจะมาช่วยนะคะ  เคยบอกค่ะว่า “เลี้ยงไม่เป็น “

   8.ดูเหมือนพี่สาวแต่ละคนจะดีใจ ที่แม่จะมาอยู่กับเรา  
พี่สองคนที่ต่างจังหวัด ดีใจ เพราะแม่จะได้ไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา  
ถึงขนาดเอ่ยปากกับเราว่า “เมื่อไหร่ เราจะเอาแม่ไปเลี้ยง “  
เราได้ฟังแล้วก็อื้ง จากอื้งก็สงสารแม่  เราไม่ทราบว่า แม่ทำอะไรกับลูกสาวไว้บ้าง
แต่สิ่งที่ลูกคนหนึ่งควรทำคือ ถามคนอื่น (แค่สะใภ้) อย่างเราว่า เมื่อไหร่จะเอาแม่ตัวเองไปเลี้ยง มันสมควรแล้วเหรอ

พี่สาวที่นี่..ดีใจ  เพราะแม่มาอยู่กับเรา ก็มีคนดูแลแม่ (แกเป็นคนเดียวที่ดูจะห่วงแม่ แต่ก็อย่างว่า แกก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล ภาระเยอะเหมือนกัน )
และก็พาหลานๆ มาฝากบ้านเราได้อย่างสบายใจ เพราะมาฝากไว้กับยาย (เหรอ ??)

แค่คิด  ก็เหนื่อยแล้วค่ะ   แค่เรื่องงานก็ปวดหัวทุกวัน  นี่ต้องมีเรื่องอื่นให้คิดอีก  หัวเล็กๆ ..จะไม่ไหวแล้วค่ะ
....จะพยายามปล่อยผ่าน ให้ได้นะคะ

ทุกสิ่งที่ว่ามา มันอยู่ในอกค่ะ ไม่เคยพูดไม่เคยบอกใคร   แต่จะให้พูดไป ก็ไม่ได้ใช่ไหมค่ะ  
บุญคุญบุพการีล้นหัว  เราเป็นลูกต้องดูแล พ่อแม่ นั่นคือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ
เราจะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่าได้ ก็ต่อเมื่อเราเลิกกับสามี   แต่ตราบใดที่เรายังอยู่
เราก็ต้องรับสิ่งที่จะเกิดให้ได้ใช่ไหมค่ะ  

นี่แหละค่ะ คำว่า “เรื่องของคนสองคน” มันยังวนในหัวตลอด  
หรือเราคิดมากไปค่ะ......

แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 55 12:17:54

แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 55 12:09:20

จากคุณ : ลมพัดใบไม้
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 11:49:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com