ความคิดเห็นที่ 1 เราอยากให้น้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จึงให้น้องเรียนสองภาษาตั้งแต่อนุบาล พอระดับประถมให้เข้าโรงเรียนไทยคอนแวนต์ หลักสูตรธรรมดา ระหว่างนี้น้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้างแล้ว ก็อาศัยเปิดการ์ตูนอังกฤษให้น้องดูเป็นการทบทวนภาษาไปก่อน (อาจมีเรียนพิเศษภาษาเพื่อให้น้องมีพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษต่อไป) ให้น้องเรียนคอนแวนต์ต่อไปจนจบ ป.6 แล้วดูว่าน้องอยากย้ายที่เรียนหรือไม่ หากอยากย้ายต้องสอบเข้าด้วยตัวเอง สอบไม่ได้เรียนที่เดิมต่อไปจนจบ ม.3 หรือ ม.6 เอ็นทรานซ์ ไม่ติดเรียนเอกชน จบป.ตรีแล้วค่อยไปต่อโท ตปท. ง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ จากคุณ : bake mania เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:41:02

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าให้ตอบจากสมมติฐานที่คุณเขียนว่าครอบครัวก็มีเวลาให้เพียงพอ ปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องและเงินไม่ใช่ปัญหาก็คงจะเลือก รร นานาชาติคะ ส่วนเหตุผลของคุณ ข้อ 1 เห็นด้วยคะ แต่ก็อย่าลืมว่าถ้าเด็กไม่เก่งภาษาก็เป็นการตัดโอกาสที่เด็กจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์หรืออยู่ในสถานะเสียเปรียบถ้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ที่เขียนไม่ได้หมายความว่าเด็กจะเรียนไม่ได้แต่หมายความว่าเด็กต้องเสียเวลาไปเรียนพิเศษหรือเรียนภาษาก่อนแล้วก็ต้องใช้ความพยายามสูงกว่าเด็กที่เก่งภาษามาก ข้อ 2 รร นานาชาติหลายแห่งก็มีเด็กไทยเรียนพอสมควรถ้ากังวลจุดนี้ก็เลือก รร นานาชาติที่มีสัดส่วนเด็กไทยมากหน่อย จริงอยู่ที่เพื่อนก็มีส่วนสำคัญแต่ความสามารถก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ ข้อ 3 เห็นต่างคะ ส่วนตัวมีเพื่อนหลายคนทำงานกับฝรั่งก็ไม่ได้เห็นมีใครรู้สึกย่กลำบากอะไร จริงๆต้องบอกว่าคนไทยหลายคนชอบทำงานกับฝรั่งมากกว่าคนไทยด้วยกันเสียด้วยซ้ำ และถ้าลูกคุณอยู่เมืองไทยไม่ว่าจะเรียน รร ไหน ยังไงก็ต้องซึมซับวัฒนธรรมไปบ้างอยู่ดีละ ส่วนตัวขอแนะนำอย่างนึงจากประสบการณ์คือไม่ว่าจะส่งลูกเรียน รร แบบไหนพยายามส่งให้เรียนแนวนั้นไปตลอด หรือถ้าจะย้ายก็ควรย้ายในระนาบเดียวกับ สูงขึ้นหรือไม่แตกต่างกันมาก เพราะถ้าลูกเริ่มจาก รร ที่เน้นกล้าคิด กล้าแสดงออก แล้วอยู่ดีๆย้ายไป รร ที่เน้น ระเบียบ วินัย การเชื่อฟัง เด็กยากที่จะปรับตัวได้หรือบางทีอยู่ได้แต่ก็ไม่ค่อยมีความสุข แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 23:44:48 จากคุณ : JanE & IK เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:41:52

ความคิดเห็นที่ 3 อย่างที่รู้ ว่าเด็กไทยเน้นวิชาการ เด็กอินเตอร์เน้นกิจกรรมค่ะ ถ้าถามเรา เราว่าส่งอินเตอร์ดีกว่า วิชาการไม่ด้อย กิจกรรมก็ไม่ด้อย เเถมยังภาษา ได้สังคม เเละการปรับตัวเข้ากับเพื่อนต่างวัฒนธรรมด้วย ดีไม่ดี พอเน้นกิจกรรม ลูกอาจจะมีพรสวรรค์ที่เรามองไม่เห็นก็ได้ ใครจะไปรู้ วิชาการ ส่วนตัวมองว่า ในหนังสือมันครอบคลุมหมดเเล้ว ครูก็สอนในหนังสือนั่นเเหละ มหาวิทยาลัยในไทยก็โอเคนะคะ เเต่ถ้าลูกความสามารถถึง ก็ต่อนอกไปเลยดีกว่า เราว่านะ อย่างนิเทศฯ ก็ไป NYU รุ่นน้องเราเรียนอยู่ ดีกว่าหลักสูตรไทยเยอะค่ะ เรื่องภาษาไทยไม่น่าห่วงหรอกค่ะ ถ้าลูกกลับมาบ้าน ก็พูดไทยกับเขา เขาไม่ลืมหรอกค่ะ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:43:59

ความคิดเห็นที่ 4 คณะแพทย์ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษจ้ะ จากคุณ : CutieVicki เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 07:08:47

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนตัว คิดว่าจะให้ลูกเรียนอนุบาลสองภาษา มัธยมสายสามัญ แต่จะส่งเสริมให้ทำกิจกรรม นอกเวลาด้วย ไม่เป็นเด็กnerd. อย่างเดียว จากคุณ : CutieVicki เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 07:13:00

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าตัดเรื่องเงินไปก็ให้ลูกเรียนอินเตอร์ค่ะ ระบบการสอนเปิดโอกาสให้เด็กแสดงศักยภาพค่ะ บวกกับได้ภาษาอังกฤษเพิ่มมาด้วย บางทีก็มีภาษาจีนอีกต่างหาก วิชาการไม่อ่อนนะคะ เด็กอินเตอร์ที่รร.ลูกเพื่อนเรียนก็ได้ทุนหมอที่Harvard Univ. แต่ก็มีเด็กอินเตอร์หลายคนเรียนภาษาไทยและเลขเพิ่ม ตอนนี้รูปแบบการเรียนลูก หลังจากที่ปรึกษากับญาติพี่น้องเพื่อนพ้องและคนรู้จัก (เยอะจริงๆแม่คนนี้) ส่งเรียนโรงเรียนเตรียมความพร้อม ตั้งแต่อนุบาล-ประถม6 เรียนเสริมภาษาอังกฤษเอง บวกกับพูดภาษาอังกฤษกับลูกทุกวันค่ะ ตอนจะขึ้นม.1ก็เข้าอินเตอร์(ประหยัดเงินไปได้หลายปีอิอิอิ) ก็ยังทัน จากคุณ : twas เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 08:19:37

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าให้คาดเดาอนาคต การที่คุณบอกว่าเงินไม่มีปัญหา ก็แปลว่าคุณน่าจะวางแผนการออมหรือมีธุรกิจที่มั่นคงรองรับอยู่ ถ้าในความเห็นผม ให้เขาเรียน Inter ครับ ให้ได้ภาษา รู้จักการเอาตัวรอด รู้จักคิดนอกกรอบ เพราะเมื่อเขาโตขึ้น สุดท้าย เขาก้มารับช่วงต่อธุรกิจของคุณอยู่ดี หรือเขาอาจจะมีแนวคิดทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก และถ้าพ่อแม่มีเงินสนับสนุน ก็น่าจะไปได้ดี ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ค่อยมีเงินก็จะแนะนำให้เรียน รร.รัฐบาลกลางๆ ให้ตั้งใจเรียนมากๆจบมาทำงานประจำซักพัก หาโอกาสทางธุรกิจ แล้วค่อยว่ากัน.. จากคุณ : Red_Arsenal เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:46:08

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าไม่ไม่ปัญหาเรื่องเงิน คงให้เรียนอินเตอร์ค่ะ ได้ภาษาอังกฤษ ซึ่งในอนาคตคิดว่าภาษาอังกฤษสำคัญมาก ส่วนตัวเงินไม่ค่อยมี+ลูกชอบเรียน ให้ไปสอบเข้ารัฐเเถวหน้าค่ะ ถ้าสอบได้ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย(ค่าเทอม)ได้บ้าง วิชาไหนอ่อนก็เรียนพิเศษ  กิจกรรมพิเศษว่าจะให้เรียนทำอาหาร ขนม เพื่อเวลาไปเรียนต่างประเทศจะได้ใช้หางานทำไปด้วยเรียนไปด้วยค่ะ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 10:01:24

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับผมอนุบาล - ถึงประถม ไม่ต้องอินเตอร์ แบบสองภาษาก็พอครับ มัธยมก็อยากให้เรียนหลักสูตรสามัญธรรมดาทั่วไปครับ เพราะอนุบาล-ประถมผมว่าพื้นฐาน การเรียนรู้จะได้จากตรงนี้เยอะ จากคุณ : Subject เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 10:10:14

ความคิดเห็นที่ 10 เราเคยให้ลูกเรียนสองภาษาตอนอนุบาล1 แล้วปิดเทอมให้ลองไปเรียนอินเตอร์ ลูกชอบมากกกค่ะ เลยย้ายมาเรียนอินเตอร์ ค่าเทอมสูงกว่าเดิมมากค่ะ แต่ก็ตัดสินใจเอาแบบที่ลูกชอบ และมีความสุขค่ะ โรงเรียนไทยที่ลูกเราเคยอยู่ การบ้านเด็กอนุบาล 3 หน้าต่อวัน กลับบ้านเหนื่อยแล้วต้องมาทำการบ้านอีก เรียนไปสักพัก ตารางสอบกลางภาคออก อ้าวมานั่งติวกันอีก พอมาเรียนที่นี่ การบ้านอาทิตย์ละ 2 หน้า จันทร์ให้ ศุกร์ส่ง และมีหนังสือให้อ่านสองเล่ม ก็บริหารเวลาเอง ไม่ยัดเยียดมาก แล้วเรียนไทยเสริมเอาด้วย ลูกตื่นเช้าไปโรงเรียนทุกวัน ไม่งอแงเลย ลูกมีความสุข แม่พ่อก็สุขค่ะ สำหรับเรา เราเลือกอินเตอร์ค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (เฟเฟ) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 10:32:40

ความคิดเห็นที่ 11 inter 3 ภาษาค่ะ ปลายปีจะให้เข้าแล้ว ส่วนตัวคิดว่าภาษาสำคัญที่สุด โดยเฉพาะจีนและอังกฤษ ไม่อยากแค่ให้สื่อสารพอได้ แต่อยากให้เข้าใจลึกซึ้งทั้งเขียนอ่าน ส่วนเรื่องวิชาการ ได้แค่ไหนแค่นั้นแล้วแต่ความถนัดความชอบและความสามารถของเขาเอง ซึ่งพัฒนาภายหลังได้ (เยอะไปคนเรียนไม่เก่งทำงานเก่ง หรือค้นพบความสามารถเอาตอนท้ายๆ) แต่ภาษาจำเป็นต้องปูพื้นตั้งแต่ยังเล็กค่ะ โตไปก็สบายแล้วภาษาได้ จะไปเรียนอะไรต่อยังไงที่ไหนก็ไม่ยากแล้ว ความรู้มีอยู่ทุกที่ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 10:50:21

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่อะไรเป็นกฏตายตัวนะคะ น่าจะแล้วแต่ละครอบครัว แล้วแต่ความสามารถของเด็กเอง รู้จักรุ่นพี่คนนึง เป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนโรงเรียนในจังหวัดหลักสูตรธรรมดา ม.ปลายมาสอบเตรียมที่ กทม จบแล้วสอบได้ทุนใหญ่ ๆ 2 ที่ ขอไม่เอ่ยชื่อทุนนะคะ พี่เค้าเลือกที่นึง ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ตรี โท เอก ยูระดับท๊อปเท็น ความจริงเอ็นติดคณะแพทย์ด้วย แต่ว่าสละสิทธิ์ พี่เค้าไม่เคยเรียนติวใด ๆ อ่านหนังสือเอง และเป็นเด็กกิจกรรม ทุกวันนี้หน้าที่การงานดีมาก ภาษาก็ดีมากเช่นกัน ไม่นับสำเนียงหรือ accent นะคะ เพราะไปตอนโตแล้วจะให้เหมือนเจ้าของภาษาคงยากค่ะ อีกคนญาติเราเอง เรียนนานาชาติตั้งแต่เล็ก ๆ แถวมีนบุรี จนจบ ม.ปลาย พ่อแม่ซัพพอร์ทเต็มที่ อยากเรียนอะไร เสริมอะไรก็เต็มที่ แล้วไปต่อที่อังกฤษ ตรี  กับ  โท แต่ก็เป็นยูธรรมดา ๆ นะคะ จบมา ตอนนี้ก็มาช่วยธุรกิจที่บ้านค่ะ เด็กได้เท่านี้ก็คือเท่านี้ค่ะ คือ อยากจะบอกว่า แล้วแต่เลยค่ะ  สิ่งสำคัญที่สุดเราว่าอยู่ที่ตัวเด็ก สติปัญญา  สมอง ความสามารถพิเศษ  ความชอบ กำลังทรัพย์ และอย่าคาดหวังว่าลูกจะต้องเป็นแบบที่เราวางแนวไว้ให้ คือ ให้ได้เต็มที่เท่าที่แต่ละครอบครัวจะให้ได้และพอใจ ที่เหลือก็คือตัวเด็กเอง เราแค่ยกตัวอย่างแบบสุดขั้วได้ดูเฉย ๆ นะคะ แต่เราเชื่อว่าเด็กที่เรียนนานาชาติเก่ง ๆ ก็มี และเด็กที่เรียนธรรมดา ๆ ไม่เก่งก็มีค่ะ จากคุณ : BIRKIN SEVEN เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:01:26

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนตัวให้ลูกเรียนอินเตอร์ค่ะเพราะคุณพ่อเป็นคนญี่ปุ่น จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งบ้านเรามีให้เลือกหลายที่คุณแม่และคุณพ่อเลือกที่จะให้น้องเรียนเป็นอินเตอร์อังกฤษ ญี่ปุ่น ซึ่งดีว่าในโรงเรียนมีทั้งคลาสที่เป็นอังกฤษซึ่งเป็นเด็กต่างประเทศ ส่วนญี่ปุ่นก็จะมีแต่เด็กญี่ปุ่น ซึ่งคุณแม่เห็นว่าดีมาก เพราะว่าน้องจะได้รู้จักสังคมหลายแบบ รู้จักปรับตัวและไม่กลัวคนต่างชาติต่างภาษา อยู่บ้านเราเราสอนได้ค่ะภาษาไทย แต่พอโตแล้วถึงเวลาที่เขาสามารถตัดสินใจว่าเขาอยากจะไปทางไหน คุณแม่ก็จะไม่บังคับ ปล่อยตามใจที่เขาอยากเป็นค่ะ แต่ถ้าเริ่มด้วยสิ่งดี ๆ สังคมดี ๆอนาคตก็คงจะไม่แย่นะคะ จากคุณ : แม่น้องมิณน (Nishikasai) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:16:02

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนอนุบาลก็จะให้ลูกเรียนแบบทางเลือก ที่ไม่ใช่ EP หรือ Inter ค่ะ เพราะอนุบาลเป็นวัยที่ต้องรู้จักการใช้ชีวิต ระเบียบวินัย และการเข้าสังคมต่าง ๆ วิชาการเป็นรองค่ะ เลยอยากให้ไปทางเลือกเพื่อให้รู้จักการใช้ชีวิตมากกว่า อาจารย์ต่างชาติที่สอน Inter หรือ EP ส่วนใหญ่ ก็สอนเฉพาะวิชาการเท่านั้น เรื่องมารยาท ระเบียบวินัย หรือวัฒนธรรมแบบไทย ๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ไม่เคยสอน ไม่เคยแตะต้อง  เอาแค่ว่านักเรียนสามารถผ่านจุดประสงค์ที่วางไว้เป็นพอ เราไม่ชอบตรงจุดนี้ เพราะลูกเรายังต้องอยู่เมืองไทย และสังคมแบบไทย ๆ ก็เลยยังอยากให้มีมารยาทแบบไทย ๆ ไว้อยู่บ้างค่ะ พอประถมก็มีวิชาการขึ้นมาหน่อยนึง ก็เอาแบบธรรมดา เน้นไปทางเอกชน ถ้าได้แบบคาทอลิกก็ยิ่งดี เพราะจะมีระเบียบวินัยที่เคร่งครัดมากกว่ารัฐบาลซึ่งหย่อนวินัยไปนิดนึง มัธยมนี่เน้นรัฐบาลเลยค่ะ เพราะวิชาการเข้มข้น บุคลากรพร้อมกว่าเอกชนมาก เนื่องจากอาจารย์ที่มาเฉพาะทางการสอน ม.ปลาย และเป็นเฉพาะวิชานี่หายาก โดยเฉพาะแบบเจ๋งเป้งนี่จะอยู่กับรัฐเสียเป็นส่วนใหญ่ เอกชนก็มีนะคะ แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนมากเอกชนจะเป็นเด็กจบใหม่ ซึ่งการสอนนั้นน่าสนใจ แต่เนื้อหาและประสบการณ์ยังสู้รุ่นเก๋าไม่ได้ค่ะ จากคุณ : saturn_eyes เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 15:06:07

ความคิดเห็นที่ 15 แปลกใจว่าทำไม่มองว่างนาคตอาจจะมีคณะที่เปิดรับเด็กที่ใช้ภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น อาจจะรวมถึงแพทย์ก็เป็นได้ เพราะ Demand มันมาก ยิ่งกระแส AEC มาแรงขนาดนี้ทั้งการเรียน การทำงานใน ASEAN อีกหน่อยจะสะดวกกว่าปัจจุบันแน่นอน แต่จะได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ที่เตรียมตัว จะนั่นจะนี่ อย่าลืมความสุขของลูกด้วยนะคะ :) จากคุณ : Share เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 15:36:16 A:1.46.12.142 X: TicketID:069173

ความคิดเห็นที่ 16 อาจารย์ต่างชาติอาจจะไม่เข้าใจ หรือไม่ได้สอนมารยาทแบบไทย แต่มารยาทอื่นๆ ก็สอนเจอกันทักทายกัน อาจจะไม่ไหว้ เดินไม่ก้มหัว ทางบ้านต้องช่วยส่งเสริมเอง แต่เรื่องวินัยเค้าให้ความสำคัญมากนะคะ การรับผิดชอบ เรื่องส่วนตัวและส่วนรวมด้วย จากคุณ : Share เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 15:53:39 A:1.46.12.142 X: TicketID:069173

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ รู้สึกว่า จะสนับสนุน inter กันหลายคนเลย เรื่องความสำเร็จในชีวิต ผมอาจจะ define แคบไปหน่อย พอดีเป็นพนักงานบ.ไทยอยู่ ก็เลยมองแต่ระดับ top executive ของบริษัทเมืองไทยทั้งหลาย ส่วนใหญ่จบนอกก็จริง แต่จะเป็นปริญญาโท หรือตรี ซะมากกว่า ส่วนคนที่ เขียนภาษาไทยไม่ได้ อ่านเอกสารธุรกิจภาษาไทยไม่ได้ พูดไทยคำอังกฤษคำ ไปไม่ได้ไกลครับ เพราะพรรคพวกไม่มี ไม่มีใครชอบ มีข้อจำกัดเรื่องภาษา ตำแหน่งก็จะหยุดอยู่แถวๆ middle management แต่แน่นอน ถ้าไปทำบ.ต่างชาติ อาจจะไปได้ดี เพราะค่าจ้างถูกกว่าฝรั่ง แต่พูดภาษาอ.ได้ ส่วนเค้าจะให้เป็น head สูงสุดที่ปกครองคนไทย เป็นพัน เป็นหมื่นคนนั้น ผมว่ายาก แต่ก็เห็นด้วยครับ คุณสมบัติผู้นำในอนาคต อาจจะต้องเปลี่ยนไป เพราะ globalization สิ่งที่ผมอยากเน้น คือ อยากให้เด็กคิดเป็น มีความมั่นใจในตัวเอง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถ connect กับคนอื่นๆในสังคมไทยได้ ตอนนี้ใจเอนเอียงไปทางรร.อินเตอร์แล้วครับ ส่วนที่รร.ขาดไป คงต้องเสริมกันเอง ภายในครอบครัว ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะพ่อแม่มีเวลาให้ เรื่องเงินไม่น่าจะมีปัญหา มีบ้านมีรถครบ ผ่อนคอนโดแห่งที่ 3 อยู่ แต่มีเงินสดเกินพอที่จะจ่ายหนี้หมด เงินเก็บอยู่ที่ 40% ของรายได้ งบค่าเล่าเรียนของลูกสองคนไม่เกิน 20% ซึ่งก็เกินพอสำหรับรร. inter ที่หมายตาไว้ มีสัญญากับรพ.เอกชน รักษาฟรีตลอดชีพ ทั้งพ่อและ:-)านมั่นคงมากทั้งพ่อและแม่ จากคุณ : อวิรุืทธ์ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 19:39:52