ความคิดเห็นที่ 1 ปัญหาต่อไป คือ เรียนคณะอะไรดีล่ะ?? เหมือนเดิมค่ะ เชื่อพ่ออีกแล้ว พ่อบอกว่าเราชอบเป็นคนเอาชนะคนอื่น นิสัยแบบนี้ ต้องเรียนกฎหมาย อีกอย่าง เป็นลูกสาวคนเดียว รู้กฎหมายแล้ว จะได้ไม่มีใครกล้ารังแก งั้นก็คณะนี้แหละ.. เชื่อพ่อ!! ก็เรียนมาจนจบปริญญาตรี แล้วก็ไปตามสเตปที่ของบัณฑิตที่จบกฎหมาย  คือ เรียนเนติบัณฑิตต่อ ระหว่างนี้ ก็อบรมเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพว่าความด้วย (ตั๋วทนาย) ผลคือ ได้ตั๋วทนายมาก่อน ก็เลยลองไปทำงานอยู่ในสำนักงานทนาย ซึ่งเพื่อนพ่อเป็นคนฝากให้ ทำงานไปด้วย เรียนเนติฯ ไปด้วย ในช่วงเย็นหลังเลิกงาน แต่ผลสอบเนติฯ 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ ใครๆ ก็มักจะถามกันอยู่เสมอว่าเป็นผู้หญิงเรียนกฎหมายไปทำไม?? อาจเป็นเพราะค่านิยมในช่วงนั้น ไม่ค่อยมีผู้หญิงมาเรียนกฎหมายกันเยอะ เหมือนในปัจจุบัน และสังคมต่างจังหวัด ก็ยังติดอยู่กับความเชื่อแบบนั้น ครั้นจะตอบแบบเอาเหตุเอาผลกันจริงๆ คนถามฟังคำตอบจากเราแล้ว จะหงายเงิบกันไปซะมากกว่า ก็เลยตอบแบบทีเล่นทีจริงว่า อยากเป็นคุณนายผู้พิพากษา หรือไม่ก็คุณนายอัยการ ก็เลยมาเรียนกฎหมาย แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 12:54:02 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 12:53:22

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงแรกของการทำงานที่สำนักงานทนาย เป็นทนายฝึกหัด ช่วยทนายทำงานต่างๆ ไปศาลแทน ช่วยงานเอกสาร ระหว่างที่ช่วยงานก็อาศัยครูพักลักจำ เรียนรู้การเป็นทนายความ สังเกตได้ว่าเวลาไปศาลกับพี่ทนายผู้ชาย ศาล อัยการ จะไม่ค่อยมีใครสนใจ เพราะเห็นว่าเราเป็นเด็กมาช่วยงานมากกว่า หรือเข้าใจว่าเราเป็นเด็กของพี่ทนายที่เราไปด้วยก็ไม่รู้นะ แต่คนที่ขยันแซวจังเลย ก็ทนายอีกฝ่ายนี่แหละ.. แล้วอย่างนี้ จะได้เป็นคุณนายได้ไงล่ะ เฮ้อ!! พอชีวิตเริ่มขยับจากทนายฝึกหัด มาเป็นทนายเต็มตัว ช่วงแรกยังว่าความไม่เก่ง ก็ต้องมีทนายพี่เลี้ยงไปช่วยกระตุกครุยเวลาว่าความ ว่าให้ถามตรงนั้น ตรงนี้เพิ่มเติม ศาล อัยการ ท่านก็รู้ว่าทนายมือใหม่ ป้ายแดง ก็ไม่ค่อยจะสนใจ มีแต่สายตาเอ็นดู และให้โอกาสทนายมือใหม่ป้ายแดงมากกว่า พอศาลลงจากบัลลังก์ บางครั้ง ก็ได้รับคำชมเชยจากอัยการบ้าง ทนายอีกฝ่ายบ้าง แต่ก็ชมเชยในลักษณะให้กำลังใจเด็กใหม่ในวงการกฎหมาย เห็นเราเป็นเด็กอีกตามเคย.. เฮ้อ!! จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:02:53

ความคิดเห็นที่ 3 ----ขอโทษค่ะ ลืมเปลี่ยนสี----- (คอมเม้นนี้สีเขียวใบตองนะคะ.. อิอิ เหมือนรถสีแดงติดสติ๊กเกอร์ "รถคันนี้ สีดำ") จนกระทั่ง วันหนึ่ง ได้เจอกับรุ่นพี่ที่จบสถาบันเดียวกัน รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และเป็นรุ่นพี่จากโครงการนักศึกษาฝึกงาน  มาชวนไปเรียนปริญญาโทที่สถาบันเดิม โดยให้เหตุผลว่า “ตอนนี้ พี่ฝากให้ได้ ถ้าจะเรียนรีบมาสมัครซะ ถ้าพี่ไม่อยู่แล้ว อยากเรียนขึ้นมา พี่หาทางช่วยไม่ได้นะ” เจอหน้ากันทีไร ก็พูดแต่เรื่องเรียนโท จนรู้สึกเกรงใจรุ่นพี่ขึ้นมา ก็เลยไปกรอกใบสมัครทิ้งไว้ เพราะความเกรงใจ เมื่อเล่าให้เพื่อนสนิทที่ต่างจังหวัดฟัง เพื่อนกลับพูดว่าจะเรียนไปทำไม เรียนโททำอะไรได้ ไม่เห็นจะเอาไปใช้อะไรได้เลย.. นี่ถ้าตอบแบบจริงจัง มีหวังความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน คงจะขาดกันไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ก็เลยตอบไปว่า “ก็ชั้นอยากเป็นคุณนายนี่ เวลาไปศาล ผู้พิพากษานั่งบนบัลลังก์ เวลามองลงมา เค้าก็เห็นว่าชั้นเป็นทนาย ส่วนอัยการ เวลาเค้ามองมา ชั้นก็เป็นทนาย เค้าสองคนกำลังสวมหัวโขนอยู่ เค้าคงไม่มาจีบทนายอย่างชั้นหรอก” ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงเป็นทนาย คงปากจัดน่าดู ผู้ชายที่ไหน เค้าจะอยากได้ผู้หญิงปากจัด มาเป็นศรีภรรยา แต่ในความเป็นจริง เราเป็นคนพูดน้อย ไม่จำเป็นก็ไม่พูด แต่ในการทำงาน มันจำเป็นที่จะต้องเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา เวลาสวมบทบาทของทนาย ของจะขึ้น พูดได้น้ำไหลไฟดับ แต่เวลาอยู่บ้าน จะรู้สึกอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากคุยกับใคร ขออยู่แบบสงบๆ ดีกว่า แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 13:15:21 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:12:20

ความคิดเห็นที่ 4 โปรเจค “อยากเป็นคุณนาย” จึงเริ่มขึ้น เมื่อผลสอบโทออก ปรากฏว่าของพี่เค้าแรงจริงๆ ได้เรียนโทสมกับความตั้งใจของรุ่นพี่ ในขณะที่เราค่อนข้างงงๆ ว่าได้กับเค้าด้วยหรอ?? รุ่นพี่บอกว่าถ้ายังไม่อยากเรียนก็ดรอปไว้ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ ก็มาเรียนได้เลย.. มีเพื่อนทักว่า ทำไมไม่คบใครซักคน ตั้งแต่เรียน ป.ตรี หาคนที่มีอนาคตไกล คาดว่าจะจบเนติฯ และสอบผู้พิพากษา อัยการได้แน่ๆ เราได้แต่ตอบเพื่อนไปว่า แกเคยได้ยินมั้ย “หลงทางเสียเวลา หลงผู้พิพากษาเสียอนาคต” สอบอยู่นั่นแหละ.. วันๆ ไม่ทำอะไร นอกจากอ่านหนังสือเตรียมสอบผู้พิพากษาอย่างเดียว งานการไม่ทำ ถ้าเค้าสอบได้ ชั้นก็คงโชคดี แต่ถ้าเค้าสอบไม่ได้ ชั้นมิต้องทำงานส่งผู้ชายเป็นผู้พิพากษา อัยการหรอกหรอ?? แล้วการที่จะปลุกปั้นผู้ชายซักคน ว่าอนาคตจะได้เป็นผู้พิพากษา อัยการ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปี จะได้เป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงตอนนั้น ชั้นคงได้ขึ้นคาน ก่อนได้เป็นคุณนาย จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:28:30

ความคิดเห็นที่ 5 ลงชื่ออ่าน คุณนายเปิ้ล เขียนสนุกจัง จากคุณ : สาคูสีชมพู เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:38:56

ความคิดเห็นที่ 6 ลืมเปลี่ยนสีเม้นอีกแล้ว "คอมเม้นนี้ สีเขียวใบตองจ้า" จะมีเส้นทางไหน ได้ใกล้ชิดผู้พิพากษา กับอัยการมากกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว เวลาเรียนโท ผู้พิพากษา อัยการไม่ได้สวมหัวโขน เหมือนเวลาอยู่ในศาล ในห้องเรียน ก็คือ เพื่อนร่วมรุ่น มีโอกาสได้ใกล้ชิด พูดคุยกันมากกว่า เคยมีพี่คนหนึ่ง ในห้องเรียนโทมาจีบๆ ตอนนั้น พี่เค้ายังเป็นทนายอยู่ ปัจจุบันนี้ เป็นอัยการไปแล้ว เราบอกกับพี่เค้าไปว่า “มีบ้านเป็นของตัวเอง หนี้สินไม่มี เรียนจบแล้ว ทำกับข้าวได้ ทำงานบ้านได้ มีงานทำ หาเลี้ยงตัวเองได้ พ่อแม่รับราชการ มีเงินบำนาญ ไม่ต้องเลี้ยงดู ไม่มีภาระต้องเลี้ยงดูใคร มีแต่หมา 1 ตัว ขาดแต่แฟน ถ้าใครอยากเป็น เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า หิ้วมานอนที่บ้านได้เลย” แต่ตอนนั้น พูดไปงั้นแหละ ขำๆ ไม่ได้คิดจริงจัง เพื่อนที่เรียนโทด้วยกัน ส่วนใหญ่ จะอายุมากกว่า (มากกว่าเยอะๆ) บางคน เป็นเพื่อนพ่อมาเรียนก็มี (เป็นเพื่อนพ่อจริงๆ ค่ะ) เวลามีใครมาถาม ว่าทำไมมาเรียนโท คงเห็นว่ายังอายุน้อย น่าจะไปเรียนเนติฯ มาก่อน ก็ตอบไปว่า “อยากเป็นคุณนายค่ะ” พี่ๆ ที่ได้ฟังคำตอบ เค้าก็หัวเราะกัน.. แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 13:47:13 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:41:08

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสาคูจ้ะ.. มีกำลังใจเขียนเยอะเลย กำลังคิดว่าทำไมวันนี้เงียบๆ สงสัยจะยุ่งๆ ทำงานกันอยู่เนอะ.. ปอลอ. เดือนนี้ กิฟหมดแล้วค่ะ ขึ้นต้นเดือนใหม่ จะมาแจกให้ย้อนหลังนะจ๊ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:49:33

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อดีของการเรียนโท คือ เราได้ใกล้ชิดกับคนที่มีประสบการณ์ทำงานด้านกฎหมาย และไม่ต้องเสียเวลาปลุกปั้นให้เป็นผู้พิพากษา อัยการ เพราะเค้าเป็นมาก่อนอยู่แล้ว มีตัวเลือกให้เลือกเยอะ อยากได้ผู้พิพากษา อัยการ ชั้นไหน เงินเดือนเท่าไหร่ เลือกได้ค่ะ.. อิอิ มีให้เลือกเยอะมาก แต่เป็นที่น่าเสียใจ ที่ไม่มีวาสนาได้เป็นคุณนายผู้พิพากษา เพราะในห้องมีท่านผู้พิพากษาเพียงคนเดียว แถมตอนนั้น ท่านก็อายุมากขนาดที่เป็นหัวหน้าศาลแล้ว (ปัจจุบัน ท่านเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์) แถมมีลูกโตเป็นหนุ่มแล้วด้วย จีบลูกชายท่านน่าจะเวิร์กกว่า อย่างน้อย ก็เหลืออัยการในห้องอีกเพียบ มีให้เลือกมากมาย ตอนนั้น ตำแหน่งสูงสุดในห้อง เป็นอัยการชั้น 4 เค้าเรียกกันว่า ผู้กลั่นกรอง ในช่วงหลัง ท่านย้ายมาเป็นอัยการศาลจังหวัดตลิ่งชัน ตอนนี้ ไม่ทราบว่าขึ้นเป็นตำแหน่งอะไรแล้ว เงินเดือนก็ประมาณ 8 หมื่นเศษ แล้วก็ไล่ๆ ลงมา ตำแหน่งที่น้อยที่สุดในตอนนั้น ก็คือ อัยการผู้ช่วย ก็คือ ผู้ที่เพิ่งสอบเข้ามาเป็นอัยการได้ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เงินเดือนจะเริ่มสตาร์ตกันที่ 15,000 บาท จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:59:56

ความคิดเห็นที่ 9 มานั่งรออ่าน จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:00:31

ความคิดเห็นที่ 10 หลังจากเรียนโทผ่านไป 1 เทอม ก็เริ่มมีพี่ๆ มาจีบจริงๆ ต้องขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าตัวจริง จขกท. เรียบร้อยค่ะ พูดน้อยต่อยหนัก ไม่ได้แรง อย่างข้อความที่เขียนลงในลุงพันนะคะ เรื่อง จะไปจีบผู้ชายก่อน ไม่มีเลย และที่ผ่านมา ถึงแม้จะแอบชอบใครเอามากๆ แต่ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มต้นสานสัมพันธ์ก่อนเลย ได้แต่มอง ยิ้ม และนิ่ง ส่วนใหญ่ เพื่อนๆ ก็เลยคาบไปรับประทานหมดค่ะ ไม่เคยตกถึงท้อง จขกท.สักราย.. และขอออกตัวอีกหน่อย ว่า จขกท. ไม่สวยค่ะ หน้าเหลี่ยมๆ เพื่อนแฟนเคยทักว่าเป็นญาติกับคนดังที่มีสัญชาตมอนเตฯ หรือเปล่า?? ต้องแก้ข่าวตรงนี้เลย ว่ารู้จักกันห่างๆ ค่ะ เคยเห็นกันอยู่ทางทีวี เคยได้เห็นใกล้ชิดเพียงครั้งเดียว ตอนไปงานแต่งงานของอัยการท่านหนึ่ง ท่านเป็นหลานของคุณหญิง พ. คนดังสัญชาติมอนเตฯ ก็เลยไปเป็นประธานในพิธีค่ะ.. นิสัยค่อนข้างชัดเจน มีความคิดเหมือนผู้ชาย พูดตรง นิสัยผู้หญิง 4 ระดับ คือ งอน งอแง ง๊องแง๊ง และงี่เง่า จขกท. เป็นครบทั้ง 4 ระดับค่ะ.. อิอิ แต่เป็นคนไม่เคยถามแฟนว่า ไปไหน?? ไปกับใคร?? เมื่อไหร่จะกลับ?? กระเป๋าตังค์ มือถือ ไม่เคยค้น ไม่จู้จี้จุกจิก แต่ขี้รำคาญ อย่ามาเซ้าซี่เท่านั้นเอ๊งงงงงงง.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:12:01

ความคิดเห็นที่ 11 @คนดีที่รอคอย ขอบคุณค่ะ ที่รออ่าน กำลังปั่นต้นฉบับส่งอยู่นะคะ เรื่องไม่ยาวค่ะ จบในกระทู้นี้แน่นอน จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:14:11

ความคิดเห็นที่ 12 ช่วงที่เรียนปริญญาโทอยู่ ก็มีพี่ๆ มาจีบเยอะค่ะ อาจเป็นเพราะมีผู้หญิงที่อายุน้อยๆ มาเรียนแค่ไม่กี่คน ที่เหลือก็เป็นป้าได้ หรือไม่ก็มีลูกมีเต้ากันแล้ว หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ที่มาจีบ ส่วนใหญ่ ก็มีหน้าที่การงานดีนะคะ มีเข้ามาให้เลือกมากมาย อย่างท่านอัยการที่มีตำแหน่งสูงสุดในห้อง ก็เทียวไล้เทียวขื่ออยู่พัก พอรู้ว่าพี่ที่เป็นทนาย (ที่เล่าว่าปัจจุบันเป็นอัยการไปแล้ว) ชอบ จขกท. ก็เลยถอยไป พี่คนนี้ ดูจะเอาจริงเอาจังมากสุด เพราะให้เพื่อนๆ มาคอยแย็บๆ ให้ตลอด ถ้าคนที่มีชื่อเสียงหน่อย เป็นนักการเมือง พรรคฝ่ายค้าน แต่พี่เค้านับถือศาสนาอิสลามค่ะ ทราบมาว่ากฎหมายอิสลามให้มีภรรยาได้ 4 คน คือ อิชั้นก็ไม่อยากเป็นภรรยา 1 ใน 4 ของท่านนะคะ งานนี้ คงต้องขออนุญาตบอกผ่าน หรือจะเป็นข้าราชการกรมสรรพากรก็มีค่ะ ทนายก็พอมีอยู่บ้าง ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่เคยบอกใครค่ะ ปิดเป็นความลับ หนุ่มๆ ไม่มีใครรู้เลยสักคน ว่ากำลังจีบเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าบีทีเอส วิ่งวนไม่มีชนกัน.. ไม่ต้องสับรางกันให้ลำบาก ได้คุยทุกคนค่ะ ไปเที่ยวด้วยได้ แต่ต้องไปเป็นกลุ่ม ไปกันสองต่อสอง จขกท. ไม่ไปค่ะ วางตัวไม่ถูก.. เป็นคนขี้อายมากค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:22:51

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท. นี่โชคดีจังเลยมีหนุ่มหนุ่มที่มีหน้าที่การงานดีดีมาจีบเยอะจัง วิธีการนี้ได้ผลดีจริงๆ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:26:00

ความคิดเห็นที่ 14 จนกระทั่งวันหนึ่ง มีพี่อัยการซึ่งทำรายงานอยู่กลุ่มเดียวกัน ชื่อ ท่านธาราโทรมาขอให้ไปรับเอกสารที่มหาวิทยาลัยมาเผื่อเพื่อนที่เป็นอัยการอีก 2 คนให้ ซึ่งเราก็ต้องไปอยู่แล้ว เมื่อได้รับเอกสารมา พี่อัยการท่านนี้ ก็ขับรถมารับเอกสารที่ทำงาน และมาทราบภายหลังว่า พี่โทรไปบอกเพื่อนที่เป็นอัยการว่าเราเป็นคนไปรับมาให้ โทรไปขอบคุณน้องเค้าด้วย พร้อมกับให้เบอร์โทรของเราไป เพื่อนของอัยการธารา ชื่อ ท่านเสี่ย ก็โทรมาขอบคุณทั้งที่ยังไม่ได้รับเอกสารเลย และมีบางครั้งที่ท่านธาราซื้อขนมมาฝาก ก็บอกกับเพื่อนว่าช่วยเอาขนมไปให้น้องเค้าหน่อย น้องเค้าน่ารักดี อิอิ มาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงต้องสงสัยกันแล้วว่า ระหว่างอัยการธารา กับอัยการเสี่ย จขกท.จะได้เป็นคุณนายอัยการท่านไหน เฉลยๆ ค่ะเฉลย ไม่อยากให้รอนาน ท่านธารามีแฟนแล้วค่ะ ในวันที่มารับเอกสาร ท่านพาแฟนมาด้วย ให้มาดู จขกท. ว่าเป็นยังไงบ้าง จะแนะนำให้ท่านเสี่ยรู้จัก ในฐานะที่ไม่มีแฟนซักที หลังจากวันที่ท่านเสี่ยโทรมาขอบคุณเรื่องเอกสาร ก็ได้คุยกันมาเรื่อยๆ แต่เรื่องก็มามีอุปสรรค เมื่อ จขกท. ทราบว่าสาวๆ ในกลุ่มก็กรี๊สอัยการหนุ่มกลุ่มนี้อยู่ (เค้ามาเรียนด้วยกัน 3 คนค่ะ) ก็เลยถามเพื่อนไปตรงๆ ว่าชอบท่านเสี่ยหรือเปล่า?? ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ที่เพื่อนเคืองมาก ถึงกับตัดความสัมพันธ์กับ จขกท.เลยทีเดียว เพื่อนบอกว่าคิดกับเค้าแบบนี้ได้ยังไง?? แต่ในความคิดเรา ถ้าไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ก็น่าจะจบ เพราะตอนนั้น จขกท. มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ถ้าเพื่อนชอบ ก็จะได้จบแค่ตรงนี้ เราก็คงต้องกลับไประหองระแหงกับคนเก่าต่อไป แต่ถ้าไม่ชอบ เราก็จะได้เดินหน้าสานสัมพันธ์กับคนใหม่ และจัดการเก็บคนเก่าเข้ากรุซะ.. จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่คุยกัน โดยที่เราก็ยังงงๆ ว่าเคืองอะไร แต่เวลาเค้าเจอแฟน จขกท. เค้าก็ถามถึงนะคะ ว่าเราเป็นไงบ้าง มีลูกแล้วหรือยัง?? แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 14:39:58 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 14:37:58 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:35:41

ความคิดเห็นที่ 15 @คนดีที่รอคอย ในห้องที่เรียน ผู้หญิงมีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ ตัวเลือกน้อย ทำให้ดูมีค่าไปเลย.. 555 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:37:11

ความคิดเห็นที่ 16 ช่วงแรกที่เริ่มคุยกับท่านเสี่ย และเป็นคนแรก ที่ยอมให้ไปรับส่งที่บ้าน เวลาไปเรียนโท ท่านจะขับรถมาจากนครปฐม แวะรับ จขกท. ที่บ้านแถวลาดพร้าว เมื่อถึงตึกเรียน ก็จอดรถหน้าตึก ปล่อยให้เดินขึ้นตึกไปคนเดียว ท่านเสี่ยขับไปหาที่จอดรถ แล้วเดินตามไป ทำเหมือนกว่าไม่ได้มาพร้อมกัน เวลานั่งเรียน ก็นั่งกันคนละโต๊ะ แต่มองเห็นกัน เวลาจะคุยกันที ก็ส่ง SMS กันทางมือถือ พอเลิกเรียน ก็ต่างคนต่างลงบันไดคนละด้าน โดยนัดแนะกันก่อนว่ารถจอดอยู่ตรงไหน ให้ไปเจอกันที่รถ บางครั้ง มีพี่ในห้องมาขออาสาไปส่งที่บ้าน เพราะเรียนเลิก 3 ทุ่ม ก็ค่อนข้างจะดึกมาก ก็บอกไปว่ากลับกับเพื่อน แต่ในความเป็นจริง นั่งรถเพื่อนไปถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย แล้วก็ลงจากรถ ไปนั่งรถท่านเสี่ย ท่านเสี่ยก็พาไปส่งที่บ้าน เป็นอย่างนี้ อยู่หลายเดือน โดยที่ไม่มีใครรู้ ความมาแตก ก็ตอนที่มีรถพี่ที่ทำงานอยู่สรรพากรนี่แหละ จอดอยู่ด้านหลังรถท่านเสี่ย พี่เค้านั่งอยู่ในรถนานแล้ว แต่เราไม่เห็น พอเดินมาถึง เราก็เดินขึ้นรถ พี่เค้าก็เลยเอามาแซวในห้องเรียน ว่าเราแอบให้ใครมารับกลับบ้าน เพราะตรงที่จอดรถ ค่อนข้างมืด เหมือนแอบนัดแนะใคร ให้มารับกลับ หลังๆ โดนจับผิดบ่อย ก็เลยไม่อยากปิดบังแล้ว ไปกินข้าวด้วยกัน มาเรียนด้วยกัน นั่งโต๊ะเรียนติดกัน ให้คนอื่นรู้ไปเลย จะได้ไม่ต้องมาจับผิดกันอีก แต่ก็ไม่วาย โดนแซวตลอดๆ ว่าดังแล้วแยกวง.. จริงๆ ไม่อยากแยกวงหรอก แต่เพื่อนมันไล่ออกจากวง ข้อหา "อยากเป็นคุณนาย" จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:50:13

ความคิดเห็นที่ 17 มาปูเสื่อรออ่านด้วยคนค่ะ คุณนายเปิ้ล แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 14:58:01 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 14:57:57 จากคุณ : ยุ้นหยู่ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 14:56:30

ความคิดเห็นที่ 18 รออ่าน คุณนายเปิ้ลค่ะ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:01:37

ความคิดเห็นที่ 19 ต้องขอบอกเพื่อนๆ ก่อนว่าสังคมที่ จขกท.อยู่ค่อนข้างเจอแต่คนดีๆ ที่มาเรียนโท ก็แค่มาเรียนเพราะเกรงใจรุ่นพี่ที่ชวน นอกจากได้ใบปริญญาโทมาประดับความรู้แล้ว ก็ได้สามีนี่แหละค่ะ มาประดับชีวิตอีกคน ต้องขอบอกก่อนว่าเพื่อนคนไหนอยากเป็นคุณนายอัยการต้องทำใจนะคะ เพราะชีวิตแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย ถ้าผู้หญิงมีหน้าที่การงานที่สามารถย้ายตามสามีได้ จะเป็นการดีมากทีเดียว จขกท. เป็นทนาย ที่รับงานจากสำนักงานทนาย ไม่ใช่พนักงานประจำ ก็สามารถย้ายตามได้ แต่ไม่สะดวกค่ะ เนื่องจากเรามีลูกความ มีคดีที่ต้องรับผิดชอบในกรุงเทพฯ ซะส่วนใหญ่ ครั้นจะย้ายตามสามีไปต่างจังหวัด ย้ายสถานที่ทำงานบ่อยๆ ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มารับผิดชอบคดีที่เคยรับไว้ ก็ค่อนข้างเหนื่อยค่ะ จขกท. ก็เลยบอกสามีว่าไม่ขอย้ายตาม ขอปักหลักที่กรุงเทพฯ นี่แหละ.. ช่วงที่คบกันใหม่ๆ แบบดูใจกันไปมาได้ซัก 6 เดือน ก็ตกลงเป็นแฟนกัน 3 เดือนต่อมา คุณแฟนก็มีคำสั่งย้ายไปประจำอยู่ปัตตานี อยู่ได้ 1 ปี ช่วงนั้น เจอกันเดือนละครั้ง เป็นแฟนกันทางโทรศัพท์ พอครบ 1 ปี ก็ย้ายอีก คราวนี้ โชคดี ใกล้กรุงเทพฯ มาหน่อย มาประจำอยู่ราชบุรี ที่นี่อยู่ได้ 2 ปี คุณแฟนก็ขอย้ายกลับมากรุงเทพฯ เนื่องจากแต่งงาน และจะมาซื้อบ้านในกรุงเทพฯ แต่งงานได้ 1 ปี ทำท่าจะโดนย้ายอีกแล้ว คราวนี้ คิวไปแถวๆ ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง แถวๆ พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ แต่ด้วยความโชคดี ที่ช่วงนั้น คุณแฟนรับผิดชอบคดีใหญ่คดีหนึ่ง ข่าวค่อนข้างดังมากในหน้าหนังสือพิมพ์ ผู้ใหญ่ท่านก็เลยเมตตาให้อยู่ช่วยงานที่กรุงเทพฯ ไปก่อน ไม่งั้น จขกท. คงได้แบกท้องไปคลอดลูกเองที่โรงพยาบาลแน่ๆ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:02:33

ความคิดเห็นที่ 20 ขอโทษนะค่ะ ทำไมคุณนายเปิ้ลไม่ลาออกจากงาน ตามสามีไป ได้ยินข่าวว่าอัยการนี่ก็เจ้าชู้ไม่เบา ไม่กลัวเหรอค่ะ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:05:44

ความคิดเห็นที่ 21 @ยุ้นหยู่, @คนดีที่รอคอย ขอบคุณนะคะ ที่รออ่าน แต่ไม่เรียกคุณนายได้มั้ยเอ่ย?? คำตอบให้หลังจากเม้นนี้ค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:06:20

ความคิดเห็นที่ 22 อยู่คนละที่แบบนี้  ไม่ค่อยดีนะคะไกลหูไกลตา จากคุณ : ยุ้นหยู่ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:10:44

ความคิดเห็นที่ 23 ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่ชอบให้ให้ใครเรียกคุณนายเลย เพราะรู้สึกว่าเป็นคำนำหน้าที่ไม่ได้มาด้วยดีกรีของใบปริญญาที่เรียนจบมาค่ะ พยายามบอกใครต่อใครว่าอย่าเรียกๆ ไม่ชอบ แต่ไม่ค่อยมีใครฟัง หลังๆ เวลาใครเรียก ก็เลยทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้ยิน ไม่หัน จนกว่าจะเรียกชื่อเฉยๆ ค่ะ.. สำหรับ Log in นี้ ช่วงนั้น คลั่งซีรี่ห์เกาหลีค่ะ เรื่อง "คุณหนูโอทอป" อะไรเนี่ยคะ อยากเป็นคุณหนูบ้าง ก็เลยตั้งชื่อ log in ไว้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และพ่วงด้วย Log in KunNaiPle เป็นชื่อสุดท้าย เพราะคิดง่ายๆ ว่าคงได้ชื่อแรก หรือชื่อที่สอง admin ใจดี อยากให้ใช้ชื่อสุดท้ายมากกว่า ก็เลยตามเลยค่ะ.. ตอบคำถาม @คนดีที่รอคอย "ขอโทษนะค่ะ ทำไมคุณนายเปิ้ลไม่ลาออกจากงาน ตามสามีไป ได้ยินข่าวว่าอัยการนี่ก็เจ้าชู้ไม่เบา ไม่กลัวเหรอค่ะ" หลังจากแต่งงาน ก็จดทะเบียนสมรสเป็นหลักประกันไว้ก่อนเลยค่ะ ใครมาก่อนหลัง ไม่สนใจ เพราะเปิ้ลเป็นเมียตบเมียแต่ง เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นเมียที่สังคมยอมรับ ถามว่าอัยการเจ้าชู้จริงมั้ย?? ก็มีจริงๆ ค่ะ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัยการหรอกค่ะ ทุกอาชีพเจ้าชู้ทั้งนั้น แต่อัยการย้ายกันบ่อย ไปจังหวัดไหน ก็ทำคะแนนไว้ ประเดี๋ยวประด๋าวก็ต้องย้ายกันอีกแล้ว ผู้หญิงก็ตามตัวยากแล้ว.. อีกอย่าง 3 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่เคยมีประวัติเรื่องผู้หญิงให้เปิ้ลเจ็บใจ ก็เลยเกิดความไว้วางใจกัน ถ้ามัวแต่ระแวงกัน ชีวิตครอบครัวก็จะไม่มีความสุข เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้าง แอบหรี่ตามองไว้ข้างนึง อย่าให้เถลไถลออกนอกลู่นอกทางเป็นพอค่ะ แต่ถ้าถามว่ามีผู้หญิงเข้ามามั้ย?? ก็ตอบกันตรงๆ ค่ะ ว่ามี ตอนอยู่ต่างจังหวัด ใครมีลูกสาว ก็อยากเอามายกให้เป็นเมียอัยการค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:18:23

ความคิดเห็นที่ 24 ใช่ค่ะ ต่างจังหวัดเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกพ่อค้าที่มีลูกสาวนะค่ะ จะชอบพวกข้าราชการ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:21:42

ความคิดเห็นที่ 25 ทนาย VS อัยการ รูปใหญ่มากมาย ย่อใหม่ๆ อิอิ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:29:22

ความคิดเห็นที่ 26 แก้ตัวค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:31:34

ความคิดเห็นที่ 27 เอาใหม่ๆ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:31:59

ความคิดเห็นที่ 28 จขกท.สวยจังเลย สมกันดีค่ะ เพราะอัยการก็คือทนายของประชาชน จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:35:25

ความคิดเห็นที่ 29 รูปนี้ โดนญาติๆ ประนาม เพราะมือเจ้าสาวอยู่ด้านล่าง แป่ว!! จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:39:35

ความคิดเห็นที่ 30 งานตอนเย็นค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:45:25

ความคิดเห็นที่ 31 มีแต่งแบบจีนด้วย เพราะคุณแฟนมีเชื้อจีนค่ะ ต้องยกน้ำชา จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:48:29

ความคิดเห็นที่ 32 พยานรักของเราสองคน ตุ๊ต๊ะของพ่อเสี่ย อ้ายเสือต๊ะของแม่เปิ้ลค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:53:20

ความคิดเห็นที่ 33 ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ ต้องออกไปรับลูกกลับจากเดย์แคร์ค่ะ.. ตั้งแต่เช้า ยังไม่ได้อาบน้ำเลย อิอิ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:54:44

ความคิดเห็นที่ 34 น่ารักค่ะ หน้าเหมือนคุณแม่เลย จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:56:51

ความคิดเห็นที่ 35 คุณนายเปิ้ล ออกสื่ออีกแล้วหรอจ๊ะ เขียนได้น่าอ่าน น่าติดตามดีจัง และชอบตรงประโยคที่ว่า ไม่ชอบให้ให้ใครเรียกคุณนายเลย เพราะรู้สึกว่าเป็นคำนำหน้าที่ไม่ได้มาด้วยดีกรีของใบปริญญาที่เรียนจบมาค่ะ  เห็นด้วยอย่างแรง ใครเรียกพี่คุณนายนะ พี่เคืองประมาณว่า ชั้นมีตำแหน่งและคำนำหน้าของชั้นเองย่ะ ได้มาด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆๆ   5555 ปล.จะติดตามอ่านของคุณนายเปิ้ลนะจ๊ะ รวมเล่มด่วนๆๆ จากคุณ : แชรีน เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:15:10

ความคิดเห็นที่ 36 @คนดีที่รอคอย ขอบคุณมากค่ะ ติดตามอ่านตั้งแต่ปั่นต้นฉบับยังไม่เสร็จ จนลงรูปเลย เดือนหน้า แจกกิฟให้เป็นการขอบคุณย้อนหลังนะคะ @แชรีน งั้นต่อไป เปิ้ลคงต้องเรียนท่านนาแระ เพราะพี่นามีตำแหน่งและคำนำหน้าเป็นของตัวเอง.. /รวมเล่มเมื่อไหร่ อย่าลืมมาอุดหนุนเปิ้ลน๊า ค่าของเล่นอ้ายเสือต๊ะเค้า อิอิ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:23:37

ความคิดเห็นที่ 37 มาติดตามด้วยคนน๊า จากคุณ : แม่ข้าวหอม (nattakan_tan) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:27:32

ความคิดเห็นที่ 38 จบแย้ววเหรอ อยากอ่านอีกอ่ะ มีภาคต่อป่ะ รออยู่น๊าา จากคุณ : phemepheme (phemepheme) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:40:41

ความคิดเห็นที่ 39 ปีนี้ก็จะเรียนโทเหมือนกันค่ะ อิอิ แต่คนละสาขากับคุณเปิ้ลนะค่ะ ปล ลูกชายน่ารักมากค่ะ จากคุณ : i_am_pinny เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:04:26

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่ทราบว่าตอนนี้มีอัยการท่านไหนว่ายินดีรับคุณแม่ลูกหนึ่งพร้อมผัวติดไหมคะ อยาดได้แฟนอัยการอ่ะ 55+ จากคุณ : pafun.p เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:12:11

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านแล้วรู้สึกว่า ... เปิ้ลเป็นแบบอย่างของผู้หญิงยุคใหม่ ที่มีความฝันและพยายาม ทำให้ตัวเองไปถึงฝันนั้น มีชีวิตอยู่ในโลกของความจริงไม่ติงนัง ขอให้เป็นครอบครัวที่น่ารักและมีความสุขตลอดไปค่ะ ปล1.ลูกชายจั้มม่ำ แก้มยุ้ยน่าหอมจัง ปล2.พี่รักและชื่นชมคนหน้าเหลี่ยมๆ เห็นเขาว่ากันว่าโหงวเฮ้งดีนักแล 555 จากคุณ : แป้งสีฝุ่น เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 18:31:19

ความคิดเห็นที่ 42 สนุกมากเลย รออ่านต่อนะจ้ะ มาให้กำลังใจ จากคุณ : เขาหาว่าผมซึนเดเระ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:29:09

ความคิดเห็นที่ 43 @แม่ข้าวหอม (nattakan_tan) ขอบคุณคร่า ติดตามกันมาทุกระทู้เลยเนอะ.. รวมเล่มเมื่อไหร่ อย่าลืมมาอุดหนุนเปิ้ลน๊า @phemepheme เด๋วต่อให้จ้า.. แฟนคลับขอกันทั้งทาง FB whatapps กันเยอะ เปิ้ลก็ไม่ใช้คนบ้ายอน๊า แค่ยุขึ้นเท่านั้นเอง 555 @i_am_pinny ดีเลยค่ะ มีโอกาสบริหารเสน่ห์แล้ว จัดเต็มไปเลยค่ะ อิอิ @pafun.p ไม่ทันแล้วล่ะ เก็บเอาไว้ให้ฟองโฟมศึกษาเป็นวิทยาทานดีก่านะ @แป้งสีฝุ่น ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เคยแต่แว๊บไป แวบมาในห้องชานเรือน แต่แม่นเหมือนตาเห็นเลยค่ะ งี้ต้องขอผูกดวงกะแม่หมอแป้งหน่อยแล้ว @เขาหาว่าผมซึนเดเระ มาต่อแล้วจ้า.. ขอเรียบเรียงถ้อยคำนิดนึงน๊า.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:54:05

ความคิดเห็นที่ 44 ตอนแรก คิดว่าเล่าแค่นี้ น่าจะจบแล้ว เพราะพระเอก และนางเอกได้แต่งงานกันตอนจบ มีลูกชายที่น่ารักมาเป็นสักขีพยาน 1 คน ก็เลยเอาลิ้งค์ไปแปะให้เพื่อนๆ อ่าน กลับมาเพื่อนเข้าใจผิด คิดว่ามาเรียนโท และแต่งงาน เพราะหน้าที่การงาน และเงินของสามี ไม่ได้แต่งเพราะความรัก 555 คิดได้.. แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ว่ากัน เพราะตอนที่มาคบกับคุณแฟน ก็โดนข้อหานี้มาก่อนแล้ว จากแฟนเก่า เพื่อนสาวในห้องเรียนโท และพี่ๆ ที่เป็นหัวคะแนนให้กับบรรดาหนุ่มๆ ที่มาจีบค่ะ บางคน ก็ว่าระวังว่าจะโดนอัยการหลอก บ้างก็ว่าอัยการเจ้าชู้มีผู้หญิงเยอะ บ้างก็ว่าท่านเสี่ยไม่จริงใจ คิดจะมาหลอกบ้างล่ะ แต่ตอนนั้น เชื่อใจตัวเองมากกว่า เพราะเปิ้ลเคยเจอผู้ชายเลวๆ มาเยอะค่ะ แค่ผู้ชายเจ้าชู้ เป็นเรื่องเล็กของเปิ้ลมาก เปิ้ลเคยเจอกับผู้ชายออกแนวโรคจิต ที่เวลาดื่มเหล้าเมา แล้วโทรมาเซย์ฮัลโหลตอนดึกๆ พร้อมกับเสียง ..ซี้ดซ้าดๆ.. ประมาณว่ากำลังมีกิจกรรมอะไรกันซักอย่าง แต่ผู้ชายที่เปิ้ลเจอ แล้วรู้สึกเลวร้ายมาก คือ ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิง เคยมีเรื่องมีราว ขนาดแจ้งความเอาเรื่องกันมาแล้ว เพราะฉะนั้น ผู้ชายเจ้าชู้ เรื่องเล็กมากค่ะ อีกอย่าง ตอนที่รู้จักคุณแฟน คุณแฟนเป็นอัยการผู้ช่วย เงินเดือนแค่หมื่นห้าเอง เปิ้ลไม่มีเงินเดือนหรอกค่ะ แต่รายรับต่อเดือนมากกว่าคุณแฟนอีก (ปัจจุบันนี้ เทียบกันไม่ได้แล้วค่ะ คุณแฟนเงินเดือนเยอะขึ้นมาก) ที่หลวงให้เงินเดือนผู้พิพากษา และอัยการเยอะมาก เพราะไม่ต้องการให้กินสินบาทคาดสินบน ทำผิดให้เป็นถูก หรือทำดำให้เป็นขาว แม้ว่าเงินเดือนเยอะ แต่ภาระก็เยอะเป็นเงาตามตัว คุณแฟนเคยบ่นว่าจะใส่ซองทำบุญผ้าป่าสักซอง ใส่ 20 บาท 50 บาท เหมือนคนอื่นไม่ได้ เพราะต้องใส่ค่าตำแหน่งลงไปด้วย ดังนั้น ค่าสังคมในแต่ละเดือนจึงเยอะมากค่ะ คุณแฟนก็เลยอาศัยอยู่แบบเงียบๆ ไม่ค่อยอยากสนิทสนมกับใคร ถ้าจะไปดื่ม ไปเที่ยวที่ไหน ส่วนใหญ่ จะเป็นเพื่อนที่เป็นอัยการด้วยกัน หรือไปกับพี่ๆ ทนายที่ออฟฟิตเปิ้ลค่ะ.. เคยมีเพื่อนถามคุณแฟนว่า เปิ้ลเคยค้นกระเป๋า หรือเช็คเบอร์มือถือมั้ย?? คุณแฟนบอกว่าไม่เคย เพราะเปิ้ลรู้ว่าไม่มีตังค์ให้ค้น ส่วนมือถือ ไม่เคยเช็คเช่นกันค่ะ อย่างที่บอกแต่แรกว่า ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น มีความสุขมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่ เมื่อมีอะไรที่ผิดปกติ คุณแฟนจะเล่าให้ฟังก่อน ถ้าเล่าให้ฟังแล้ว ก็แล้วกันไป ถือว่าไม่มีอะไร ถ้ามีเค้าคงเก็บไว้เป็นความลับ ให้เปิ้ลจับได้ไปแล้ว เอ๊!! หรือว่าคุณแฟนเปิ้ลเนียนมากขนาดที่ยังจับไม่มั่น คั้นยังไม่ตายหรือเปล่าน๊า.. สำหรับข้อที่ว่าเลือกเพราะหน้าที่การงาน เงินเดือนที่คุณแฟนได้รับ ไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญเลยนะคะ คุณแฟนเป็นคนจิตใจดีมาก ดีจนมีความรู้สึกว่าดีเกินไปหรือเปล่า?? เวลามีใครมาขอความช่วยเหลือ ถ้าช่วยได้.. คุณแฟนจะช่วยตลอด สมกับเป็นข้าราชการที่ดี ต้องบริการประชาชนจริงๆ จนบางครั้ง ทนไม่ได้ ที่คุณแฟนโดนเอาเปรียบตลอด ทำให้ศรีภรรยาอย่างเปิ้ลต้องออกโรงอยู่บ่อยๆ จนคนรอบข้างคุณแฟน เอาไปลือกันว่า "ท่านเสี่ยมีเมียดุ" ด้วยความจิตใจดีนี่แหละ ทำให้ต้องยอมแพ้ในความดีของคุณแฟน เวลามีเพื่อนถาม ก็เลยตอบไปขำๆ ว่า "ชั้นขี้เกียจเรียนเนติฯ แล้วล่ะแก ชั้นได้แต่งงานกับอัยการแล้ว ถือว่าเรียนจบเนติฯ แถมใหญ่ว่าอัยการอีก" ซึ่งในความเป็นจริง ก็ยังเรียนอยู่นะคะ แต่ยังไม่จบ และตอนนี้ มีลูกด้วย ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย.. แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมในสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงคงไม่ได้เลือกผู้ชายเป็นคู่ครอง หรือเป็นพ่อของลูก เพราะความรักเพียงอย่างเดียว คงไม่มีใครที่จะทนกัดก้อนเกลือกิน ทานความรักเป็นอาหารแทนข้าวได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีความดีเสมอกัน อย่างที่พระท่านว่า หน้าที่การงานดี การเงินดี มีความมั่นคง รักครอบครัว เท่านี้ ก็น่าจะทำให้สังคมเล็กๆ มีความสุขได้แล้วนะคะ.. แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 23:02:55 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 22:50:14 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 22:32:20

ความคิดเห็นที่ 45 แม่เปิ้ลเล่าสนุก อ่านไปยิ้มไปค่ะ แต่เสียดายจริงๆบอกช้าไปตั้งเกือบ 10 ปีแหนะ อิอิ จากคุณ : แม่น้องออกัส (august1112) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 01:02:34

ความคิดเห็นที่ 46 รวมเล่มเมื่อไหร่ ขายดีติด Best Saler แน่นอนจ้า จากคุณ : น้ำเต้าหู้รสชาเขียว (น้ำเต้าหู้รสชาเขียว) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 11:19:04

ความคิดเห็นที่ 47 หนุกมากเรยพี่เปิ้ล เขียนดีอ่า แอบตามมาจาก whatsApp มาเขียนเมื่อไหร่ตามเค้าด้วยน๊า (ขอเปนแฟนคลับด้วยคน) จามาเกาะจอรออ่าน กิกิ จากคุณ : แม่น้องปันปัน (moon_panaun) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 12:56:11

ความคิดเห็นที่ 48 @แม่น้องออกัส ช้าไปสิบปีเลยหรอ?? ว้า!! ไม่เป็นไรๆ เก็บไว้ใช้กับออกัสก็ได้ เพราะเปิ้ลมีความเชื่อว่าแฟนเปิ้ลเค้าก็ใช้วิธีนี้หาภรรยาเหมือนกัน 555 @น้ำเต้าหู้รสชาเขียว อย่าลืมมาอุดหนุนกันน๊า.. ค่าของเล่นเสือต๊ะทั้งนั้นเลย.. @แม่น้องปันปัน ยินดีต้อนรับแฟนคลับคนใหม่จ้า.. จริงๆ เคยเขียนมา 2-3 กระทู้แระ.. เปิดตัวแบบเงียบๆ เก็บสะสมแฟนคลับเอาไว้เป็นกำลังใจที่จะเขียนต่อไปจ้า.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 14:45:29

ความคิดเห็นที่ 49 คุณเปิ้ลเขียนได้สนุกและมันส์มากๆๆๆๆๆเลยค่ะ จากคุณ : ankaton เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 00:39:59