|
ก่อนอื่นขอแสดงความเห็นใจคุณแม่นะครับที่น้องได้ทำผิดพลาดไป และขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ด้วยเช่นกันครับ อยากขอแชร์ประสบการณ์ของเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหา'ลัย เพราะมีบางอย่างในเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน เผื่อจะมีแง่คิดช่วยคุณแม่มองปัญหาได้รอบด้านขึ้นครับ
(ขออนุญาตใช้นามแฝง)พีเป็นเพื่อนสนิทของผมในกลุ่มเพื่อนหลายๆ คนที่ไปเฮฮากันตามประสาชีวิตนศ.มหา'ลัย กินเที่ยว(แต่ไม่ใช่เที่ยวกลางคืน) พีเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ คมเข้ม หน้าตาถือว่าค่อนข้างดี แต่เป็นผู้ชายนิ่งๆ และค่อนข้างติดเกม ถ้าเสาร์-อาทิตย์หาตัวไม่เจอให้ไปตามที่ร้านเกมหลังมอ (สมัยนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเพจเจอร์--->โทรศัพท์มือถือ)
เรื่องเราวเกิดเมื่อไหร่ เพื่อนในกลุ่มแทบไม่มีใครรู้ ความมาแตกเอาช่วงหลังจากกลับจากฝึกงาน(แยกย้ายกันไปคนละจังหวัดทั่วประเทศ)เมื่อตอนเพื่อนอีกคนในกลุ่มมากระซิบกับผม ว่า "อาเพ้ง เดี๋ยวเย็นนี้ไปเยี่ยมลูกไอ้พีกัน" ผมขำแล้วพูดพลางหัวเราะ "เมิงอย่ามาอำ อยากไปกินข้าวก็บอก อย่ากวน!" แต่เพื่อนผมมันย้ำอีกว่า "จริงๆ นะ" เฮ้ยย,,งานเข้า ตกลงคืนนั้นไปเยี่ยมหลาน ไปกันแค่สองคนก่อนเพื่อดูสถานการณ์ หลังจากเข้าไปดูหลานเสร็จก็ออกมานั่งคุยกับพี ผมเลยถามขึ้นว่า "เรื่องมันไปยังงัยมายังงัย? แล้วหลังจากนี้จะจัดการเรื่องเลี้ยงหลานยังงัย ยังต้องเรียนอีกตั้งปีนึงนะ(ปีสี่)" พีเลยเริ่มเล่าให้ฟังว่า เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่ย้ายออกมาอยู่หอนอก แล้วด้วยความที่หอพักอยู่ไกล เพื่อนๆ ที่เคยไปมาหาสู่ตอนอยู่หอในก็เริ่มขี้เกียจไปหา(เพราะทุกคนอยู่หอในกันหมด) เลยใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เช้าเข้ามาเรียน เย็นกลับหอ เล่นเกมบ้าง บลาๆๆ จนมาเจอพี่คนนี้เพราะเค้าอยู่ห้องใกล้ๆ แล้วเข้ามาทำความรู้จัก(สมมติว่าชื่อพี่อ้อย) ฟังจากที่เพื่อนเล่า พี่อ้อยอายุมากกว่าพีหลายปี เรียนจบทำงานแล้วเป็นผู้ช่วยพยาบาลในโรงพยาบาลของมหา'ลัยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของพี ความสนิท ความเหงา การขาดการไปมาหาสู่กับเพื่อนๆ และอาจจะด้วยเหตุผลร้อยแปดที่ผมเองคาดเดาไม่ถูก ทำให้ทั้งสองคนมีอะไรเกินเลยต่อกัน ผมเลยแทรกขึ้นว่า "แล้วไม่รู้จักป้องกันวะ?" พีตอบ "แค่ครั้งเดียวเองอาเพ้ง" "เราไม่คิดว่าจะติด" ผมกับเพื่อนอีกคนเลยปรึกษากันกับพีว่าควรจะทำยังงัยต่อไปดี แล้วเสนอพีว่าอย่างน้อยเราเป็นผู้ชาย น่าจะเซ็นต์รับรองบุตรนะ เป็นการแสดงความรับผิดชอบ หรือถ้าเค้าจะจดทะเบียนด้วย เราก็คงต้องยอมเพราะเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พีตอบว่าตอนนี้รับผิดชอบทุกอย่าง แต่พี่เค้าไม่ยอมจดทะเบียนสมรสด้วย(แต่ไม่ให้เหตุผล)
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็ชวนเพื่อนในรุ่นไปเยี่ยมหลานด้วยความเต็มใจของพี เพื่อนๆ ต่างแปลกใจระคนดีใจที่จะได้เห็นหลานคนแรกของรุ่น แต่ที่พวกผมยังหนักใจกันอยู่คือจะเลี้ยงหลานยังงัย เพราะยังต้องเรียนไปด้วย สุดท้ายพีเลยตัดสินใจที่จะสารภาพกับที่บ้าน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ทางบ้านจะยอมรับ ในครั้งแรกพ่อของพีโกรธจนแทบจะตัดพ่อตัดลูก ส่วนแม่พีจากที่เคยใจดีแล้วรักลูกชายคนสุดท้องคนนี้มากก็เปลี่ยนเป็นมึนตึง เหลือพี่สาวของพีที่พอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้พร้อมทั้งเสนอให้พีไปทำงานที่เยอรมันหลังเรียนจบ ส่วนหลานทางนี้จะหาทางเลี้ยงดูเอง แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะพี่อ้อยไม่ยอมให้เอาลูกไปไหน เค้ายืนยันว่าเค้าจะเลี้ยงเอง(ทั้งๆ ที่เค้าก็ไม่ได้ทำงานผู้ช่วยพยาบาลแล้ว และเหตุผลต่างๆ ที่พวกผมไม่อาจเข้าใจได้) ระหว่างเรียนปีสี่ ขณะที่เพื่อนๆ เร่งทำprojectจบ พีดูจะเหงาๆ ซึมๆ ไปบางช่วง แต่ต่างคนต่างต้องเร่งงานให้เสร็จ จึงทำได้เพียงถามไถ่ข่าวคราวและไปเล่นกับหลานในบางครั้ง หลังเรียนจบ พีไม่ได้ไปทำงานที่เยอรมันตามที่วางแผนเอาไว้ แต่กลับต้องไปขับรถเร่ขายผ้าห่มนวม-ที่นอน ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ช่วงนี้ต่างคนต่างแยกย้ายไปเริ่มทำงานตามที่ต่างๆ ผมเองก็ไปเรียนที่เชียงใหม่เลยได้แต่โทรคุยกับเพื่อนที่ต่อโทที่มหา'ลัย ได้ความว่าหลังจากหลานอายุได้ขวบกว่าๆ เกือบสองขวบ แม่ของพีเริ่มใจอ่อนอยากเห็นหน้าหลาน พอได้แวะมาเยี่ยมเลยปรึกษากับที่บ้านว่าจะรับหลานกลับไปเลี้ยง แล้วให้กลับมาอยู่กับพี่อ้อยเป็นครั้งคราว ซึ่งทางพี่อ้อยก็ยอม เพราะเค้าเองก็ดูแลลูกได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำงานก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทางพีก็เห็นด้วยเพราะหลานเริ่มโต ไหนจะต้องเข้าเรียน ไหนจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม สุดท้ายพีก็เอาหลานไปฝากให้คุณย่าเลี้ยง ส่วนพีก็ไปทำงานกับพี่ที่รู้จักกัน
เรื่องนี้ฟังดูเหมือนจะจบลงค่อนข้างดี แต่จากมุมมองของผม เป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่อนาคตของเพื่อนแทนที่จะได้เรียนจบ อาจจะเรียนต่อหรือได้ทำงานในหน่วยงานหรือบริษัทที่ดีๆ เป็นนักวิจัยหรือนักวิชาการ แต่กลับต้องมาทำงานเป็นลูกจ้างจนทุกวันนี้ เชื่อว่าถ้าย้อนกลับไปได้เพื่อนผมคงรู้จักหักห้ามใจ หรือป้องกันมากกว่านี้ ตัวผมมองว่าความใกล้ชิดระหว่างชายหนุ่ม-หญิงสาวเป็นปัจจัยที่มีผลอย่างมากครับ อยากฝากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกชาย-ลูกสาวให้คอยอบรมตักเตือนกันให้ดี อย่าคิดว่าลูกมันโตแล้ว ตัดสินใจได้แล้วหรือทำอะไรลงไปให้รับผิดชอบเอง เพราะเรื่องบางเรื่องมันเหลือมือที่เด็กบางคนจะคิดจะตัดสินใจได้เองครับ,,
Ps.ขออภัยที่เล่ายาวไปหน่อยครับ >.<
จากคุณ |
:
Vive L'Amour
|
เขียนเมื่อ |
:
1 มี.ค. 55 21:21:13
|
|
|
|
|