ความคิดเห็นที่ 1 ปกติแล้ว เปิ้ลจะใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ คิดเอง ตัดสินใจเอง ลองผิด ลองถูกด้วยตัวเองมาตลอดชีวิต รู้ถูก ผิดด้วยตัวของตัวเอง เนื่องจากไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ออกแนวประมาณที่ใครๆ มักจะว่าเด็กเกเรว่า “อ้ายลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” อ่ะค่ะ ที่ใช้คำพูดนี้ได้ เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลามาสั่งสอนจริงๆ ค่ะ.. แต่เปิ้ลไม่ได้เกเรนะคะ เป็นคนค่อนไปทางเรียบร้อย พูดน้อย ต่อยหนัก ถ้าใครที่รู้จักเปิ้ล จะทราบดีกว่า ชีวิตส่วนตัว เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ชีวิตในการทำงานจะต่างออกไป ด้วยหน้าที่การงานที่จำต้องเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา.. หลายท่านอาจสงสัยว่าพ่อแม่เปิ้ลก็ยังอยู่ แยกทางกันหรือไร ถึงได้ไม่อยู่ด้วยกัน ชีวิตมีเหตุค่ะ ที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตอนเด็กๆ ตายายเป็นคนเลี้ยงมาตลอด เพราะพ่อแม่ต้องไปรับราชการใช้ทุนอยู่อีกอำเภอหนึ่ง จะได้เจอกันก็เป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ พอพ่อ-แม่มีโอกาสได้ย้ายกลับมารับราชการใกล้บ้าน ที่บ้านก็มีธุรกิจปั๊มน้ำมันขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง พ่อ-แม่ต้องไปเปิดปั๊มน้ำมันแต่เช้า ก่อนเปิ้ลตื่น และกลับมาถึงบ้านในเวลาที่เปิ้ลนอนแล้ว สรุปก็คือ ไม่เห็นหน้ากัน เจอกันเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เหมือนเดิม หลังจากปั๊มน้ำมันได้ปิดกิจการลงไป เปิ้ลก็ได้เข้ามาเรียนใน กทม.ตอน ม.1 และเรียนที่ กทม.มาตลอด จนถึงเวลานี้ มีครอบครัว มีบ้าน หน้าที่การงานอยู่ที่ กทม.ทั้งหมด ซึ่งพ่อ-แม่ก็ยังคงอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนเดิม เรื่องทั้งหมดที่จะเล่าในวันนี้ มีที่มีจากความไม่เข้าใจกัน เหมือนคนไม่เคยอยู่ด้วยกัน แต่วันหนึ่ง ที่เปิ้ลมีหลานชายคนแรกให้ทางบ้านแม่สามี และแม่ตัว ปัญหาหลายๆ อย่างจึงตามมา.. ซึ่งจริงๆ ปัญหาได้เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ด้วยความเป็นคนไม่คิดมาก และเป็นคนสุขนิยม คือ คิดอะไร ทำอะไรแล้วเป็นทุกข์ ก็จะพยายามเลี่ยง ไม่พบ ไม่ทำ ไม่เห็น ปิดตาไว้ข้างหนึ่ง จะได้ไม่ทุกข์ใจ เพราะเราคงไปบังคับใครต่อใครไม่ได้ แต่เราบังคับใจของตัวเองได้.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:01:05

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนเป็นแฟนกัน แม่สามี แม่สามีหวงลูกชายมาก เพราะแม่สามีเป็นคนจีน แฟนเป็นลูกชายคนโต แม่อยากให้เรียนกฎหมาย แม่อยากให้รับราชการ คุณแฟนทำทุกอย่างให้แม่สมปรารถนาได้ ดังนั้น คนที่จะมาเป็นตั่วซ้อของบ้าน ก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกับตั่วตี๋ของบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ด่านแรกของแม่สามี ที่รู้ว่าลูกชายมีแฟน ก็ให้แฟนมาถามว่าเป็นคนจีนหรือเปล่า?? เปิ้ลก็บอกไปว่ามีเชื้อจีนทางพ่อ แต่โตมากับครอบครัวคนไทย (ทางแม่) ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมจีน เปิ้ลผ่านด่านนี้ มาได้อย่างหวุดหวิด แม่ก็ให้คุณแฟนมาถามอีกว่าแซ่อะไร?? แซ่เดียวกันแต่งงานกันไม่ได้นะ แม้ว่าจะไม่ใช่ญาติกัน แล้วแซ่คุณแฟนก็เป็นตระกูลใหญ่ซะด้วย ในประเทศไทยมีคนใช้แซ่นี้กันเยอะมาก แต่รอดข้อหานี้มาได้แบบสบายๆ เพราะเปิ้ลให้คุณแฟนไปบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วง เราสองคนไม่ใช่แซ่เดียวกันแน่นอน เพราะแม่เธอเป็นแต้จิ๋ว แต่เปิ้ลเป็นจีนไหหลำ.. แม่ตัว หลังจากรู้ว่ามีชายหนุ่มอนาคตดี รับราชการ มีอาชีพที่มั่นคงมาจีบลูกสาว ก็ดูจะดีอกดีใจ ที่มีคนฝากผีฝากไข้ลูกสาวได้แล้ว ครั้งแรก ที่พาคุณแฟนไปบ้านพ่อแม่ แม่ถึงกับนั่งจับเข่าคุยกับคุณแฟน ว่าขอให้เข้าใจลูกสาวแม่ด้วย เพราะลูกสาวแม่มานงี่เง่า เอาแต่ใจ อารมณ์รุนแรง ไม่เห็นแก่หน้าใครว่าจะเป็นหมู หรือเป็นหมา อุ๊บส์!! เป็นหมู่หรือเป็นจ่าค่ะ.. พูดจาตรง โผงผาง ไม่น่ารัก ไม่น่าทะนุถนอม ไม่เข้าหา และอ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ ไม่อ่อนหวาน ทำกับข้าวไม่เป็น งานบ้านไม่ทำ และยังนอนตื่นสายอีกตะหาก เฮ้อ!! แม่ช้าน.. เอาข้อดีของลูกสาวมาประจานแบบไม่กลัวว่าจะขายไม่ออกกันเลย หลังจากคุณแฟนได้ฟังสรรพคุณแล้ว คุณแฟนตอบโต้กลับด้วยวิชานินจาฮาโตริ พูดไม่ได้เว้นวรรคให้แม่ได้ออกความเห็นเลย แม่ได้แต่ เอ่อ.. อ่า.. คือ.. ใจความที่คุณแฟนพูดกับแม่ทั้งหมด สรุปได้ว่า “แม่พูดถึงใครเนี่ย?? ใช่ลูกสาวแม่หรือเปล่า?? เพราะผู้หญิงที่ผมคบเป็นแฟนอยู่ด้วยตอนนี้ ไม่ใช่อย่างที่แม่พูดถึงนะ” อย่างที่บอกค่ะ ว่าไม่เคยอยู่ด้วยกัน คุณแฟนดูจะรู้จักนิสัยเปิ้ลมากกว่าแม่ด้วยซ้ำ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:03:14

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงเตรียมตัวจัดงานแต่งงาน แม่สามี ช่วงนั้น แม่สามีดูจะสร้างความประทับใจให้ลูกสะใภ้ได้ไม่น้อย เพราะลูกสะใภ้อยากกินอะไร ชอบทานอะไร แม่สามีจะจำได้ และจะพยายามสรรหามาให้กิน เรื่องงานแต่งงาน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย ขนาดที่จะแก้ไขกันไม่ได้ สิ่งที่เป็นปัญหามีเพียงอย่างเดียวก็คือ รูปแบบการจัดงานแต่งงาน ที่แม่สามีอ้างว่าจัดงานแต่งให้ลูกชายคนโต ต้องจัดเต็ม จัดหนัก เนื่องจากลูกชายคนรองแต่งงานออกไปก่อน และจัดงานแต่งโดยไม่รับซอง (แม่บอกว่าถ้าลูกชายคนโตแต่งทีหลังลูกชายคนรองต้องไม่รับซอง เป็นธรรมเนียมจีน เท็จจริงยังไง ไม่ทราบได้นะคะ) และต้องมีพิธีจีนด้วย ส่วนทางแม่ตัว ก็มีลูกสาวคนเดียว ใส่ซองช่วยงานไปเยอะ ต้องหาทุนคืนเหมือนกัน 555 สรุปว่าเราสองคนแก้ปัญหาด้วยการ จัดงานแต่งให้ทั้งสองครอบครัว โดยทางแม่สามีให้เกียรติแม่ตัวจัดงานก่อน โดยมีแห่ขันหมาก และทำบุญเลี้ยงพระในตอนเช้า กินเลี้ยงแต่งงานในตอนเย็น โดยแขกที่ไปงานจะมีเฉพาะแขกของพ่อแม่และเพื่อนของเจ้าสาวเท่านั้น ผ่านไปอีก 1 เดือน จัดงานแต่งอีกครั้ง มียกน้ำชาในตอนเช้า และกินเลี้ยงแต่งงานในตอนเย็น โดยแขกที่ไปงานเป็นแขกของพ่อแม่และเพื่อนของคุณแฟน ประธานในพิธีก็ของใครของมัน ต่างคนต่างจัด ซองใครซองคนนั้น ค่าใช้จ่ายก็ต่างคนต่างจ่าย ไม่มีตบตีแย่งชิงซองให้เป็นปัญหา แม่ตัว ช่วงนี้ ความเยอะเริ่มก่อตัว จะอย่างนั้น จะอย่างนี้ ซองใส่การ์ดแต่งงานซื้อแล้วเอาไปให้ บอกว่าใช้ปริ๊นเตอร์ที่บ้านพิมพ์ไม่ติด บอกให้ทางเราไปหาซื้อมาให้ใหม่ ค่าใช้จ่ายเรื่องขันหมากที่ฝ่ายเจ้าบ่าวต้องจ่าย ตกลงกันตั้งแต่วันที่ไปขอว่าเท่าไหร่ พอใกล้ถึงวัน กลัวจะไม่พอ พอถามว่าจะเอาเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ ไม่ได้ไปซื้อของเอง พอเปิ้ลบอกว่างั้นถ้าไม่พอก็ออกไปก่อน แม่ตัวก็บอกว่าไม่ได้ เพราะจะให้ป้าคนที่ซื้อของให้ออกได้ไง ตอนนั้น โมโหเหมือนกัน แล้วจะให้เอาไง?? แต่ในความเป็นจริง แม่ไปกับป้าที่ซื้อของนั่นแหละ.. แม่ตัวเป็นคนถือตังค์ ป้าเป็นคนเลือกของ สุดท้าย เงินที่ให้ไป เหลือๆ สินสอดก็เหมือนกัน เปิ้ลถามแม่ตรงๆ ว่าจะคืนให้คุณแฟนมั้ย?? ถ้าคืนให้ ก็จะจัดมาให้เยอะหน่อย เป็นหน้าเป็นตาทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แต่ถ้าไม่คืนให้ ก็จะจัดมาให้น้อยหน่อย แม่ตัวบอกว่าสินสอดเป็นเงินที่ฝ่ายชายให้พ่อแม่ผู้หญิง ไม่มีใครเค้าคืนให้หรอก.. งั้นคุณแฟนจะให้น้อยลงนะ ถ้าไม่คืนให้ แม่ตัวก็ไม่ยอม เพราะไม่สมหน้าสมตา สุดท้าย ก็ต้องยอมคืนให้ ไม่รู้ว่ากลัวไม่สมหน้าสมตา หรือลูกสาวชวนทะเลาะจนละเหี่ยใจเหมือนกัน มีอีกๆ แหวนแต่งงานของเจ้าบ่าว เปิ้ลอยากซื้อให้แฟนด้วย แต่ตอนนั้น ไม่ค่อยมีเงิน ก็เลยไปขอเงินแม่ แกถึงกับว้ากออกมาว่าเงินสินสอดก็ไม่เอาแล้ว จะให้ชั้นจ่ายค่าแหวนแต่งงานอีกหรือไง?? เปิ้ลก็เลยพูดกลับไปว่า “หรือจะให้คนเค้านินทาว่าแม้แต่แหวนแต่งงาน ผู้ชายยังต้องซื้อหมั้นตัวเองใช่มั้ย??” หลังจากนั้น อีกไม่กี่วัน ก็มียอดเงินโอนเข้าบัญชี พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ตามมาบอกว่า “ค่าแหวนหมั้น” เปิ้ลรู้จุดอ่อนแม่ตัว ว่าหน้าตาสำคัญมาก ในสามโลกต้องไม่มีเสียงนินทาแม่ตัวเด็ดขาด.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:06:05

ความคิดเห็นที่ 4 หลังวันแต่งงาน แม่สามี จริงๆ งานแต่งงานทางบ้านเจ้าบ่าวจัดงานทีหลังนะคะ แต่ขอเล่าก่อน เพราะให้เกียรติแม่สามีขึ้นเวทีชกก่อนตลอด สลับกันไปมา เดี๋ยวแม่ๆ ที่เข้ามาอ่านจะงงกันไปกันใหญ่ เช้าแรก ของคืนหลังจากงานเลี้ยงแต่งงาน แม่สามีเอาเงินก้อนหนึ่งมาให้ แล้วบอกกับเปิ้ลว่าเงินก้อนนี้ แม่ให้เอาไปเคลียค่าจัดงานที่โรงแรมนะ หลังจากที่แม่สามีเดินออกจากห้องไป เปิ้ลก็เลยถามแฟนว่า “ใช่เงินที่ตัวบอกเค้าว่าฝากแม่ไว้หรือเปล่า??” แฟนบอกว่า “ใช่” แม่สามีเริ่มเยอะแล้ว พูดให้เราเข้าใจว่าเงินที่ให้เป็นเงินของแม่สามีเอง ซึ่งงานแต่งงานครั้งนี้ แฟนหาเงินมาจัดงานเองทั้งหมด ไม่ได้รบกวนที่บ้านเลย แม่สามีก็เลยบอกตั้งแต่ก่อนถึงงานแต่งว่าซองที่ได้ในงาน แม่ให้แฟนไปตั้งตัวทั้งหมด รวมถึงเงินรับไหว้ด้วย แต่พอหลังจากเสร็จงาน แม่สามีใช้ให้ลูกชายคนรองแยกซองว่าเป็นซองของญาติ หรือแขกของแฟน  ซองของญาติแม่สามีเก็บไปหมด เหลือแต่ซองของแขกที่แฟนเชิญมาในงาน ตอนนั้น ก็รู้สึกแล้วว่า “อะไรกัน (ฟระ) คะ” แฟนได้แต่มาพูดกับเปิ้ลว่า “แบ่งๆ ให้แม่ไปบ้างนะ แม่จะได้มีเงินบ้าง” เปิ้ลก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า “แล้วแต่ตัวเอง งานบ้านตัวเองนี่” มีอีกอย่าง ที่มารู้ภายหลังจากแต่งงานไปแล้ว 1 ปี ตอนนั้น น้องสาวแฟนกลับมาอยู่เมืองไทย ช่วงแรก มาอยู่ที่บ้านของเราก่อน แล้วเปิ้ลท้องอ่อนๆ น้องสาวแฟนก็อาสาไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน ก็เลยมีโอกาสได้คุยกัน น้องสาวบอกว่าเงินที่แม่ให้แฟนมาซื้อทอง 10 บาทให้เรา (ทองสินสอด) เป็นเงินที่น้องสาวทำงานที่เมืองนอก และตั้งใจจะเก็บเงินก้อนมาตั้งตัวที่เมืองไทย แต่แม่โทรไปขอเงิน และถามว่าเฮียจะแต่งงาน จะช่วยงานซักเท่าไหร่ หลังจากน้องสาวโอนเงินมาให้ แม่ก็เอาเงินมาให้แฟน โดยบอกว่าเป็นเงินแม่ นอกจากนี้ แม่สามีไปคุยกับใครต่อใคร ว่างานแต่งงานครั้งนี้ แม่สามีออกเงินช่วยงานลูกชายคนโตไป 8 หมื่น จนน้องชายคุณแฟนมาถามว่า “เฮียให้แม่ช่วยออกเงินค่าอะไรตั้ง 8 หมื่น” คุณแฟนกับเปิ้ลถึงกับงง เพราะไม่ได้ให้แม่สามีออกค่าอะไรเลย แม่ตัว หลังจากจบงานแต่งงานกันไป เราต้องอยู่บ้านแม่ตัวต่ออีก 3 คืน แม่ตัวบอกว่าเป็นประเพณีที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องนอนในเรือนหอ 3 คืน ไม่ให้ไปค้างที่อื่น โดยใน 3 วันนี้ เปิ้ลกับแฟนก็ได้ยินเสียงต่างๆ จากคนรอบข้าง ว่าจัดงานได้ดี งานใหญ่โต แขกเหรื่อมากันมาก ที่บ้านเปิ้ลพ่อแม่อยู่ด้วยกันแค่ 2 คนค่ะ งานต่างๆ มีเพื่อนบ้านมาช่วย แต่งานบางอย่าง ต้องจ้างค่ะ พ่อแม่ 2 คนทำไม่ไหว ทางบ้านเปิ้ลก็เลยจ้างออแกไนซ์มาจัดงาน และสถานที่ให้ จึงไม่แปลกที่งานจะออกมา “เป๊ะ” มากๆ เรื่องฟังดูดีใช่มั้ยคะ?? มีแต่เสียงชื่นชม แต่หลังจากเสียงชื่นชมนี่สิ แม่ตอบกลับคำพูดชื่นชมนั้นกลับไปว่า “ไม่ใหญ่โตอะไรหรอก งานเล็กๆ เป็นคนไม่ชอบอะไรเลิศหรูอลังการ นี่จัดแค่พองามนะ ดอกไม้ในงานก็เอาแค่นี้ คุณแดน (ออแกไนซ์) เค้ายังถามอยู่เลยว่าได้มากกว่านี้นะ แต่แม่ไม่เอาหรอก ชอบงานเล็กๆ มากกว่า” งานเล็กตรงไหน โต๊ะจีน 200 โต๊ะ!!??!! และสถานที่จัดงาน เป็นศูนย์แสดงสินค้า OTOP ของจังหวัด ถ้าเทียบกับกรุงเทพ คงประมาณศูนย์สิริกิตติ์ ไบเทค อะไรประมาณนี้ แม่ก็พูดไปเรื่อย เปิ้ลก็กลัวแต่ว่าคนฟังเค้าจะหมั่นไส้แม่เอา จะเตือนก็ไม่ได้ เพราะแม่ตัวก็เป็นผู้หญิง 4 ระดับเหมือนกัน (งอน งอแง ง๊องแง๊ง และงี่เง่า) ดูระดับสุดท้าย จะมีปริมาณมากกว่าระดับอื่นๆ ด้วยซ้ำ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:11:40

ความคิดเห็นที่ 5 ของเราทั้งแม่ตัว และแม่สามี เป็นคนเรียบง่ายค่ะ ยอมรับการตัดสินใจของลูกๆ ทุกอย่าง ^^ จากคุณ : ตะวันเพลิง เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:13:59

ความคิดเห็นที่ 6 -----ขอโทษค่ะ ลืมเปลี่ยนสีคอมเม้น--- บ้านใหม่ ครอบครัวใหม่ แม่สามี หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว เราสองคนยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เนื่องจากบ้านที่ซื้อไว้ ยังทำไม่เสร็จ ก็เลยต้องอาศัยบ้านญาติที่เปิ้ลเรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็กอยู่กันไปก่อน ซึ่งตอนนั้น เปิ้ลอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว และอยู่คนเดียวต่อมาเรื่อยๆ หลังจากแต่งงานแล้ว เพราะคุณแฟนยังรับราชการอยู่ต่างจังหวัด พอบ้านเสร็จ เราสองคนมีความสุขกันมาก ที่จะได้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่กัน โดยแม่สามีบอกว่าจะขอซื้อตู้เย็นให้ อาอี๊บอกว่าจะซื้อเครื่องซักผ้าให้ (เราสองคนต้องซื้อของเข้าบ้านใหม่ทั้งหมด เพราะของที่มีอยู่เดิมเป็นของญาติ) แต่ตู้เย็นที่คุณแฟนอยากได้ เป็นตู้เย็น 2 ประตู มีที่กดน้ำ กดน้ำแข็งด้านหน้าประตู ซึ่งราคาแพงมาก หลายหมื่นทีเดียว แต่เราได้ส่วนลดจากงานแสดงสินค้า ส่วนลดจากบัตรเครดิต และซื้อภายใน 10 คนแรกของวันนั้น ซึ่งราคาก็ลดลงมามากพอสมควร แต่แม่สามีคงยังเห็นว่าแพงอยู่มาก ก็เลยพยายามเอาข้อเสียของการมีตู้เย็นใหญ่ๆ มาพูด ว่าไม่ดียังไง ซื้อตู้เย็นเล็กดีกว่า ราคาก็ถูก เปิ้ลก็พูดกับแฟนว่าเข้าใจว่าตู้เย็นที่แฟนอยากได้ ราคาแพง ถ้าแม่เห็นว่าแพง ก็ช่วยเท่าที่อยากช่วยละกัน แต่ขอร้องล่ะ ว่าอย่ามาพูดลักษณะว่าสิ่งที่เราอยากได้ไม่ดียังไง เพราะตู้เย็นที่แม่สามีใช้ อายุน่าจะขึ้นหลักสิบปีกว่าได้ และแม่ก็ไม่เคยใช้ตู้เย็น 2 ประตู รู้ได้ยังไง ว่าไม่ดีตรงไหน แต่สุดท้าย แม่สามีก็ให้เงินมาตามราคาที่เราซื้อของกันไป โดยทุกคนในบ้านบอกว่า “เงินแม่” แต่เปิ้ลเข้าไปเช็ค Inbox ของแฟน (ปกติ แฟนจะไม่เช็ค mail หรือ FB เลย เปิ้ลมีหน้าที่เช็คแทน และนำข้อความไปเล่าให้ฟัง) เห็นข้อความที่น้องชายแฟนส่งมาให้ บอกว่าเงินที่แม่ให้มา แม่รวบรวมเงินจากคนในบ้าน คนละหมื่นสองหมื่น แล้วเอามาให้แฟน ข้อความนี้ เปิ้ลไม่ได้เล่าให้แฟนฟัง เพราะกลัวว่าแฟนจะไม่สบายใจ เหมือนตอนที่แม่เอาเงินน้องสาวมาซื้อทอง 10 บาทให้ แม่ตัว แม่ตัวรู้ว่าแม่สามีซื้อตู้เย็น 2 ประตู และเครื่องซักผ้าให้ ราคาก็คงประมาณได้ว่าน่าจะสักเท่าไหร่?? อย่างที่บอกว่าหน้าตาแม่ตัวสำคัญมากในสามโลก ใครจะเอาไปติฉินนินทาไมได้ แม่ตัวจึงประกาศก้าวทันทีว่า “เงินขึ้นบ้านใหม่ แม่ช่วย 2 แสน” ถ้าไม่พอ ขอให้บอก 555 แต่เปิ้ลก็เอามาแต่นั้นนะ ไม่ได้ขอเพิ่มอีก ยกแรก แม่ตัว ปะทะแม่สามี ด้วยการเอาจำนวนเงินขึ้นบ้านใหม่มาข่มทันที หมดยกนี้ แม่ตัวคะแนนนำ 1-0 แต่เปิ้ลชอบนะ แข่งกันอย่างนี้ ครอบครัวเปิ้ลมีแต่ได้กับได้ แข่งกันเลย เยอะได้อีก 555 ปอลอ. เล่ามาถึงตรงนี้ อย่าคิดว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดนะคะ ต้องบอกกันก่อนว่า แม่สามีค้าขาย แม่ตัวรับราชการ แม่สามีต้องทำงานหาเงินเข้ากงสี เลี้ยงผู้คนมากมายในบ้าน ส่วนแม่ตัว ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ ลูกไม่มีให้เลี้ยงแล้ว เพราะยกให้คนอื่นไป พร้อมกับแถมเงินค่าสินสอดตั้งแต่วันแต่งงาน และกำชับไว้ด้วยว่าดีไม่ดียังไง ไม่รับคืน แม่ตัวจึงไม่มีภาระใดๆ ทั้งสิ้น การที่แม่สามีช่วยได้แค่นี้ เปิ้ลก็ซึ้งในความมีน้ำใจ ถึงแม่สามีจะไม่ให้ เปิ้ลก็ไม่ว่าอะไร เพราะเข้าใจถึงความจำเป็น แต่ถ้าแม่สามีพูดว่าให้ แต่สุดท้ายไม่ให้ เปิ้ลจะรู้สึกไม่ดีกับการผิดคำพูดของคนที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า  หรือที่มาของเงิน เป็นเหตุให้ลูกๆ หลานๆ ต้องลำบาก  เปิ้ลกับแฟนก็จะรู้สึกไม่ดี เพราะทุกคนในบ้าน กินใช้ด้วยเงินกงสี ต้องเก็บเล็กผสมน้อยจากเงินกงสีทีได้ ก่อนแต่งงาน แฟนบอกตลอดว่า ถ้าเปิ้ลอยากได้อะไร เราสองคนต้องช่วยกันนะ ที่บ้านไม่มีอะไรให้เสี่ย เสี่ยต้องสร้างเอง สิ่งที่มีอยู่ เสี่ยไม่เอา เสี่ยยกให้น้องๆ ทั้งหมด ซึ่งข้อนี้ เปิ้ลทราบดีอยู่แล้ว จึงไม่เรียกร้องใดๆ จากบ้านแม่สามีเลย.. แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 55 09:16:15 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:15:35

ความคิดเห็นที่ 7 @คุณตะวันเพลิง โชคดีมากๆ ค่ะ เปิ้ลคิดว่ามีอีกหลายครอบครัวนะคะ ที่โชคดีเช่นคุณ แต่ความโชคดีกว่า มาตกที่ครอบครัวเปิ้ลค่ะ.. 555 เยอะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:17:41

ความคิดเห็นที่ 8 ---ขอโทษค่ะ ลืมเปลี่ยนสีคอมเม้นอีกแล้ว--- หลานชายคนแรกของทั้งสองบ้าน แม่สามี แม่สามีดีใจมาก ที่เปิ้ลมีหลานชายคนโต ซึ่งเกิดจากลูกชายคนโตให้แม่สามี แม่สามีบอกตลอดว่า คนจีนถือว่า “หลานชายคนโต คือลูกชายคนเล็ก” ต้องปฏิบัติต่อหลานชายคนโต อย่างลูกชายคนเล็ก นั่นเท่ากับว่า ลูกชายเปิ้ล เป็นโซ้ยตี๋ของแม่สามี แม่สามีอยากได้หลานขาวๆ ตาโตๆ จมูกโด่งๆ ปากบางๆ ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่มีในบ้านฝั่งแม่สามีเลย คุณแฟนจำเป็นต้องเลือกแม่โคพันธุ์ดี มาตั้งท้อง เพื่อให้ได้สายพันธุ์อย่างที่แม่สามีต้องการ และลูกชายเปิ้ลก็หน้าตาอย่างนั้นซะด้วย จมูกโด่งเป็นสันมาตั้งแต่เกิด ชนิดที่ไม่ต้องลุ้นว่าโตขึ้นจะมีดั้งหรือไม่ เช้าวันแรก ที่เปิ้ลคลอดลูก แม่สามีรีบมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลทันที อยากเห็นหน้าอาโซ้ยตี๋ พร้อมกับเงินรับขวัญใส่ซองมาให้ บอกกันคร่าวๆ นะคะ ว่าหลักหมื่น แม่ตัว เช่นเดิมค่ะ เรื่องอะไรที่ไม่รู้ แม่ตัวต้องรู้ ถ้าซองใส่เอกสารราชการปิดผนึกมาและมีตราประทับสีแดงว่า “ลับ” แม่ตัวก็ต้องรู้ให้ได้ว่าในซองมีเอกสารอะไร เกี่ยวกับแม่ตัวหรือเปล่า?? ถ้าไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของใคร?? ต้องรู้ค่ะ แม่ตัวมาถามว่าแม่สามีให้เงินรับขวัญหลานเท่าไหร่?? เปิ้ลก็บอกไปตามความจริง เพราะคิดว่าไม่มีอะไร คนที่ถามก็แม่ตัว ไม่ใช่ใครอื่น คือ ตอนนั้น ยังไม่ค่อยได้ทำความรู้จักกับแม่ตัวค่ะ และเป็นคนไม่สังเกตในรายละเอียดด้วย ว่าที่มีแม่ตัวถามมีวัตถุประสงค์ ก็เลยบอกไปตรงๆ ว่าจำนวนเงินในซองมีเท่าไหร่?? ตอนนั้น แม่เข้าโครงการเกษียรก่อนกำหนดพอดี ก็เลยได้เงินก้อนมาจำนวนค่อนข้างมาก แม่ตัวก็ประกาศทันทีว่า “รับขวัญหลาน 1 แสนบาท” พร้อมกับทำบ้าน (ที่ต่างจังหวัด ) เป็นห้องกระจก ติดแอร์ให้หลานอยู่ เมื่อไปอยู่ที่บ้าน วันแรกที่หลานไปถึง จะทำบุญรับขวัญให้ด้วย พร้อมกับสร้อยทอง 1 เส้น แขวนเหรียญรัชกาลที่ 5 (เป็นเหรียญเก่า ซึ่งเป็นเงินจริงที่ใช้ในยุคนั้น) หุ้มทอง ยกสอง แม่ตัว ปะทะแม่สามี นำ 2-0 เป็นไงคะ แม่ตัว เยอะได้อีก.. ไม่รู้เรียกว่าข่มแม่สามีหรือเปล่า?? ปอลอ.ช่วงที่แม่สามีมาช่วยเลี้ยงหลานที่กรุงเทพฯ แม่สามีก็ชวนคุยเรื่องนั้น เรื่องนี้ จนแม่สามีถามว่า แม่ตัวได้เงินเกษียรเท่าไหร่?? ด้วยความที่ไม่คิดอะไร ก็พูดไปตามความจริงว่าน่าจะ 7 หลักกว่าๆ แต่ไม่รุ้ว่าเท่าไหร่กันแน่ ได้เงินก้อนมาคราวนี้ ไม่แบ่งลูกสาวเลย มีหลานให้แต่หลาน สงสัยลืมไปแล้วว่ามีลูก พอพูดจบแม่สามีถึงกับน้อยใจ พูดออกมาว่า “มีน้อยก็ให้ตามน้อย” ตอนนั้น รู้สึกไม่ดีเลย เปิ้ลไม่น่าบอกแม่สามี แต่แม่สามีไม่รู้นะคะ ว่าแม่ให้เท่าไหร่ แม่สามีคงเดาได้ว่าน่าจะเยอะพอดู ถึงได้พูดออกมาด้วยความน้อยใจแบบนั้น คืนนั้น ก็เลยเล่าให้แฟนฟัง แฟนบอกว่าแม่สามีเป็นคนที่เรื่องเงินจะเสียหน้าไม่ได้ เพราะเคยจนมาก่อน เคยโดนดูถูกมาก่อน พอมาถึงตอนนี้ จึงรู้สึกว่าจะเสียหน้าด้วยเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ส่วนแม่ตัวก็ข่มแม่สามีซะขนาดนั้น เฮ้อ!! แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 55 09:21:07 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:20:23

ความคิดเห็นที่ 9 มาแอบฟังเรื่องชาวบ้านค่ะ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:21:52

ความคิดเห็นที่ 10 เดือนแรกของหลานชายคนโต ในส่วนนี้ จะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก เพราะเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ในช่วงนี้ และทำให้เปิ้ลมองย้อนกลับไปในอดีต ว่าจริงๆ แล้ว แม่ตัว และแม่สามี เยอะ และแซบเว่อร์มาตลอด ไม่มีใครกินกันลง ทิ้งขาดไม่เกินช่วงตัว ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ เพราะต่างคนต่างอ้างในความรักที่มีต่อหลานชายคนโต แม่สามี ในช่วงก่อนคลอด เคยคุยกับแฟนว่าหลังคลอดแล้ว ใครจะมาช่วยเลี้ยงลูก ซึ่งแฟนบอกว่าจะให้แม่มาช่วยเลี้ยงก่อนในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้น จะเอายังไง ก็หาทางแก้ไขปัญหากันอีกครั้ง แต่พอเอาเข้าจริง แม่สามีมาอยู่ช่วยเลี้ยง 2 สัปดาห์ และบอกว่าถ้าจะให้ช่วยเลี้ยงหลาน ให้พาหลานไปส่งที่บ้านต่างจังหวัด จะช่วยเลี้ยงให้ ให้เปิ้ลส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปเป็นอาโซ้ยตี๋ของบ้านอาม่าได้อย่างไรกัน ในเมื่อแค่มาช่วยเลี้ยง ก็มีปัญหามากมายแล้ว วันหนึ่ง เอามือจับหน้าผากหลาน แล้วบอกว่าหลานไม่สบาย ตัวร้อน แสดงว่าต้องมีไข้แน่ๆ เปิ้ลก็ตกอกตกใจ เพราะไม่รู้ว่าอาการเด็กมีไข้ตัวร้อนเป็นยังไง แม่สามีต้องรู้แน่ๆ เพราะแม่เคยเลี้ยงลูกสาวของน้องสะใภ้มาก่อน เปิ้ลรีบโทรไปบอกให้แฟนกลับบ้าน พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เมื่อได้พบคุณหมอ ตรวจอาการ วัดไข้ คุณหมอบอกว่าที่ลูกชายตัวร้อน เกิดจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ ไม่ใช่เด็กมีไข้ ก็แหม.. จะไม่ให้ร้อนได้ไงคะ คุณแม่สามีห้ามไม่ให้อิแม่อยู่ในห้องแอร์ ห้ามเปิดพัดลมโดนตัว เพราะเป็นช่วงอยู่ในเดือน (คล้ายๆ เป็นการอยู่ไฟของคนจีนค่ะ) เวลาอาบน้ำให้ลูกก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้ เปิ้ลจะอาบน้ำให้ลูกชายเอง ตามแบบที่โรงพยาบาลสอนมา เปิ้ลก็นำกลับมาใช้เวลาอยู่บ้าน ลูกจะงอแงเวลาถอดเสื้อผ้า และจะเงียบเมื่อลงน้ำ ลูกชายชอบเล่นน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อแม่สามีมาช่วย เวลาอาบน้ำ ก็จะมาดัดแขน ดัดขา โดยจุ่มมือในน้ำอุ่น จับแขนขาลูกดัดไปมา เพื่อให้แขนขาตรง ลูกชายจะงอแงมาก และเอามือจุ่มน้ำอุ่นอีกครั้ง ดึงดั้งจมูกลูก น้ำที่ติดมือก็ทำท่าจะไหลเข้าตาลูก เด็กเล็กๆ ยังกระพริบตาเวลามีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาไม่เป็นเลย เปิ้ลก็เอาผ้าขนหนูมาเช็ดน้ำที่จะไหลเข้าตาลูก แม่สามีเห็น ก็ทำแบบเดิมอีก เปิ้ลก็เอาผ้าขนหนูเช็ดอีก ดูท่าทางแม่สามีไม่พอใจ เพราะเอาเรื่องนี้ ไปฟ้องแฟน แฟนก็บอกว่าหมอเค้าสอนมาแบบนี้.. จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกชายเป็นผื่นแดงที่ตัวเต็มไปหมด ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งมารู้ในภายหลังว่าลูกชายผิวบางเหมือนแม่ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม ลูกจะแพ้ ซึ่งในตอนแรก คุณหมอก็ลองให้งดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก่อน ถ้ายังไม่หาย ก็เปลี่ยนมางดตัวนี้ ถ้ายังไม่หายอีก ก็ลองงดตัวนี้ สรุปคือ เสื้อผ้าลูกลองซักด้วยน้ำเปล่า ไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เสื้อผ้าพ่อแม่ ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก และไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม แม่ไม่แต่งหน้า พ่อห้ามใส่น้ำหอม ประมาณนี้ค่ะ.. ส่วนลูกอาบน้ำเปล่าไปก่อนนะครับ.. เมื่อผื่นแดงหายไป คุณหมอให้ใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้อที่เหมาะกับเด็กผิวบางมาใช้ โดยแม่สามีถามว่า “คุณหมอให้มาหรอ??” คุณแฟนบอกว่า “ซื้อมา คุณหมอให้ใช้ตัวนี้” แม่สามีทำเสียงเลียนแบบว่า “คุณหมอให้ใช้ตัวนี้” ระหว่างวันที่แม่สามีช่วยเลี้ยงหลาน  เมื่อหลานหลับ แม่สามีก็จะรีบชักชวนทันที มาๆๆๆ มานอน ลูกหลับ ก็รีบมานอน เดี๋ยวลูกตื่น จะไม่ได้นอน ซึ่งในความเป็นจริง ระหว่างที่ลูกหลับ เปิ้ลต้องทำงานบ้านด้วย เช่น ทำความสะอาดบ้าน ล้างขวดนม ซักผ้าลูก เสร็จแล้ว ก็ปั๊มนม ปั๊มนมแม่นี่แหละ ตัวปัญหา เพราะแม่สามีมีความเชื่อว่า นมผงดีที่สุด กินแล้วขับถ่ายดี มีสารอาหารเยอะ กินแล้วเด็กอ้วนท้วนน่ารัก นมผงอร่อยกว่านมแม่ เพราะหวานมัน นมแม่ได้แต่มันอย่างเดียว ไม่อร่อย ระหว่างที่ปั๊มนมอยู่ แม่สามีก็ถามว่า “เจ็บมั้ย??” เปิ้ลก็ตอบไปว่าไม่เจ็บ ลูกเข้าเต้า เจ็บกว่าอีก เพราะลูกชายดูดเก่งมาก แล้วก็ดูดแรงมาก บางทีสะบัดหน้าทั้งที่ปากยังคาบเต้าแม่อยู่ด้วยซ้ำ แม่สามีบอก “ถ้าเจ็บ ก็ไม่ต้องไปปั๊มมัน กินนมผงสิ ดีนะ หลานแม่ก็กินนมผง (ลูกสาวน้องสะใภ้)” เปิ้ลก็ทำหูทวนลม ไม่ฟัง ยังคงเอาลูกเข้าเต้า ปั๊มนมกันต่อไป เวลาแม่สามีพูดเรื่องนมผง นมแม่ ให้ช้ำใจ เปิ้ลก็จะอ้างคำพูดของหมอ บอกว่าหมอบอกว่าอย่างนั้น อย่างนี้ หนักๆ เข้า แม่สามีพูดออกมาด้วยความเหลืออดว่า “อย่าไปเชื่อหมอมากนัก หมอมันติ๊งต๊อง” เอ่อ.. คุณแม่สามีคะ ถ้าไม่ให้อิชั้นเชื่อหมอแล้ว ให้ไปเชื่อตำรวจที่ไหนคะ?? การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ต้องเข้าใจกันก่อนนะคะว่า แม่สามีไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะลูกสาว ลูกชายทั้ง 3 คน ทุกคน โตมาด้วยนมผงตราหมี ที่กระป๋องเป็นรูปทรงกระบอกกลมๆ อ่ะค่ะ เปิ้ลเองก็ยอมรับว่าโตมาด้วยนมยี่ห้อนี้เหมือนกัน ส่วนนมแม่ แม่สามีบอกว่าเวลาเต้าคัดก็บีบออกให้หมูกิน.. 555 อยากเห็นหน้าหมูตัวนั้นจัง ว่าจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ขนาดไหน ขอเรื่องนมแม่อีกนิดนึงนะคะ หลังจากลูกโตขึ้น เปิ้ลไปๆ มาๆ ที่บ้านแม่สามี เพราะต้องพาลูกไปหาอาม่า ระหว่างที่อยู่ที่บ้านแม่สามี เปิ้ลก็จะเอาเครื่องปั๊มนมไปปั๊มให้ลูกกินด้วย ทุกคนในบ้านถามว่าปั๊มทิ้ง หรือปั๊มเอาไว้กิน.. พอบอกว่าปั๊มเอาไว้กิน ก็บอกว่ากินได้แค่ 6 เดือนนะ หลังจากนั้น นมแม่ไม่มีประโยชน์แล้ว เปิ้ลก็ไม่สนใจ ทำหูทวนลม ให้นมแม่มาจนลูกครบขวบ ช่วงใกล้ๆ ครบขวบ เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่สามีกลัวว่าอาโซ้ยตี๋จะไม่มีนมกิน ด้วยความเป็นห่วง ก็เลยพูดกับคนในบ้านว่าหลานชายจะไม่มีนมกิน ทำยังไงกันดี (บ้านเปิ้ลอยู่ในเขตน้ำท่วมค่ะ แต่หมู่บ้านน้ำไม่ท่วมนะคะ เพื่อนบ้านช่วยกันบลอคน้ำไว้ได้ ส่วนเปิ้ลมีลูกเล็ก จึงขอย้ายออกไปก่อน) น้องชายแฟนเอ่ยปากออกมาว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะยังไง เสือต๊ะก็มีนมกิน เพราะกินนมแม่.. หลังจากน้ำแห้งแล้ว ก็ย้ายกลับมาอยู่บ้าน และพาลูกไปบ้านแม่สามี เมื่อแม่สามีถามเรื่องนมแม่อีก เปิ้ลก็บอกว่าลูกหย่านมแล้ว ให้หย่าตอนครบขวบ แม่สามีบอกว่า “ดีแล้ว นมแม่ให้ไปนานๆ มีแต่น้ำเหลือง กับเลือดให้ลูกกิน ไม่มีประโยชน์” โอววววว.. มายกอด.. นี่ลูกกินน้ำเหลืองกับเลือดแม่หรือเนี่ย?? 555 ปัญหาอีกอย่างหนึ่ง ที่คับอกมาก แต่เปิ้ลทนได้ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ เกิดกับตัวเปิ้ลเอง ไม่เกี่ยวกับลูก ก็เลยทนได้ ปิดปากเงียบ ไม่เล่าให้แฟนฟัง แต่ถ้าเป็นเรื่องลูก เปิ้ลทนไม่ได้ และไม่ยอมให้แม่สามีเลี้ยงตามแนวทางของแก คงทราบกันดีนะคะ ว่าคนจีน พิธีกรรม ความเชื่อ เยอะมาก.. ปัญหาที่จะเล่าต่อไปนี้ คือ เรื่องอาหารการกิน แม่สามีเตรียมกับข้าวมาเต็มตู้เย็น 2 ประตู ชนิดที่อยู่ได้ 2 สัปดาห์ แบบเหลือๆ ส่วนกับข้าวที่เปิ้ลกิน ต้องเป็นเมนูสำหรับคนอยู่ในเดือน นั่นคือ ขิง ปลา ผัก ไก่สาวยังไม่เคยออกไข่ เน้นเลยนะคะ ว่าต้องเป็นไก่สาวที่ยังไม่เคยออกไข่ ปลาสลิดชั้นทอดให้เธอกิน เธอก็ต้องกินให้หมด ถ้าไม่หมด มื้อหน้าเก็บเอาไว้ จนกว่าเธอจะกินหมด ใครจะมาช่วยกินกับข้าวของเธอไม่ได้ ส่วนชั้นกับลูกชายกินกับข้าวใหม่ทุกวัน กับข้าวใหม่ เธอกินไม่ได้ เพราะของเก่า เธอยังเคลียไม่หมด เมนูไหนที่กินไม่ได้ แม่สามีจะเอามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว แล้วเอาจานมาปิดไว้ ให้รู้ว่า จานนี้ ลูกชายชั้นกินได้คนเดียว แต่ชั้นกลัวว่าเธอจะแอบกิน จึงต้องส่งเสียงกำชับไว้ด้วยว่า “เก็บไว้ให้เสี่ยกิน” ขอโทษนะคะ คุณแม่สามี กับข้าวที่อยู่ในชามที่คุณแม่สามีเอาจานมาปิดไม่ให้หนูกินเนี่ย กับข้าวบางอย่าง เป็นกับข้าวที่พ่อแม่ตัวซื้อมาให้หนูกินนะคะ.. คืนหนึ่ง หลังจากที่ลูกหลับแล้ว เราก็กินข้าวพร้อมกัน แม่ทำแกงจืดไว้หม้อหนึ่ง ตักใส่ถ้วยเล็กๆ และนำมาวางไว้ใกล้ตัว ระหว่างแม่สามีกับลูกชาย แฟนอยากให้เปิ้ลกินด้วย ก็เลยเลื่อนถ้วยเล็กๆ นั้นมาวางไว้ตรงกลาง แม่สามีพูดต่อหน้าแฟนว่า “ถ้วยนี้ อย่ากินเลยนะ ไม่ได้ใส่เห็ดหอม คนเพิ่งคลอดลูกกินเห็ดหอม ไม่ดี” ในเมื่ออ้ายแกงจืดที่แม่สามีทำไม่ได้ใส่เห็ดหอม แล้วทำไมหนูถึงกินไม่ได้คะ.. อยากจะถามกลับไปเหมือนกัน.. เย็นวันหนึ่ง เปิ้ลต้องพาลูกไปให้หมอดูอาการที่ผิวเป็นผื่นแดง ถามแม่สามีแล้ว แม่บอกว่าไม่ไป จะอยู่บ้าน เปิ้ลมีโอกาสได้นั่งรถไปกับสามี 2 คน คิดกลับไปมาหลายรอบ ว่าจะเล่าดีมั้ย?? ยังไง เค้าก็แม่ลูกกัน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อึดอัดมาก ไม่เคยอยู่ด้วยกันสองคนเลย แม่สามีอยู่ด้วยตลอด ขนาดเวลานอน ยังนอนเรียงสี่เลย (แม่สามีนอนด้วย) พอเปิ้ลเผลอหลับไป แม่สามีรีบเอาเรื่องที่เลี้ยงหลานไปเล่าให้แฟนฟัง ว่าเปิ้ลเลี้ยงลูกอย่างนั้น อย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง ซึ่งแฟนก็ดีใจหาย อธิบายกลับไปทุกครั้งในลักษณะที่เข้าข้างเปิ้ล ว่าที่เปิ้ลเลี้ยง ถูกต้องแล้ว จนกระทั่งขับรถกลับบ้าน แฟนถามขึ้นมาว่าเครียดมั้ย?? เป็นยังไงบ้าง?? เปิ้ลจึงพูดออกไปว่า “แม่อ่ะ เวลาตะเองอยู่ เค้าก็เป็นแม่ตะเอง แต่เวลาตะเองไม่อยู่ เค้าเป็นแม่ปั๊วชั้นนะ” แฟนก็หัวเราะ.. เพราะเข้าใจในความหมายที่เราสื่อ เรื่องพวกนี้ แฟนรู้มาบ้างแล้ว จากน้องสะใภ้ แต่อย่างว่าใครไม่เจอกับตัว ไม่รู้หรอก.. หลังจากนั้น น้องชาย น้องสะใภ้ก็โทรมาคุยกับแฟน แฟนก็เอาประโยคที่เปิ้ลพูดนี่แหละ เล่าให้น้องๆ ฟัง คนฟังถึงกับหัวเราะ เพราะเข้าใจหัวอกกันดี ปัญหาของแม่สามีมีอีกมาก บางเรื่อง เล็กๆ น้อยๆ ก็อยากให้ผ่านไป บอกแฟนบ้าง ไม่บอกบ้าง วิธีการบอก ก็คือส่ง SMS ไปบอก เพราะไม่มีเวลาที่จะคุยกันสองคนเลย แล้วแฟนจะมาบอกแม่สามีอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทำอย่างที่เปิ้ล SMS ไปบอก เรื่องเล็กน้อย เช่น ลูกถ่ายบ่อย ถ่ายออกมานิดเดียว เปิ้ลก็เปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้ลูก แม่สามีบอกว่ารอให้ถ่ายเต็มแผ่นก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน มันเปลือง.. คือ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป New born ที่ได้มาเกือบ 10 ห่อ มีแต่เพื่อนๆ เอามาให้ ไม่ได้ซื้อเลย ไม่รู้ว่าจะประหยัดไปทำไม ลูกชายเปิ้ลกินนมเก่งมาตั้งแต่เกิด แม่จะให้กินแค่นี้ แล้วบอกว่ากินเยอะแล้ว ให้นอนซะ แล้วก็พยายามกล่อมให้ลูกนอน ก็ในเมื่อลูกกินไม่อิ่ม ลูกนอนเดี๋ยวเดียวตื่น แม่สามีก็ว่าว่าลูกตื่นบ่อย ตื่นมากินอีกแล้ว เวลาปั๊มนมใส่ขวดให้ลูกกิน แม่สามีจะไม่ยกให้นมเต็มจุก ทำให้ลูกดูดอากาศเข้าไป แม่สามีบอกว่า เดี๋ยวลูกสำลัก ต้องให้กินแบบนี้ พอบอกว่าหมอให้ทำแบบนี้ แกก็ว่า “หมอติ๊งต๊อง” เด็กกินนมแม่ก็อย่างนี้แหละ ดูดเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้จักดูดให้มันเร็วๆ ก็แหม.. คุณแม่สามีคะ ลูกชายเปิ้ลไม่ต้องรีบไปค้าขายที่ไหน เปิ้ลเองก็มีเวลาให้ลูกดูดตามที่ลูกจะพอใจ จะให้ดูดเร็วไปไหนไม่ทราบ.. เทคนิคให้แฟนเข้าข้างภรรยา เมื่อภรรยาและแม่สามีมีปัญหากันค่ะ เปิ้ลทราบจากพี่ในออฟฟิตว่าจะมีปัญหากับแม่สามีตอนเลี้ยงหลาน บอกแฟนนะว่า “ถ้าเรามีปัญหากับแม่สามี ต้องเข้าข้างเรา” เพราะพี่ที่ออฟฟิตบอกว่า เวลาแฟนพี่กับแม่สามีมีปัญหากัน พี่ต้องเข้าข้างแฟน ไม่งั้นปัญหาไม่จบ แต่ถ้าไปบอกแฟนห้วนๆ แบบนี้ ดูทื่อๆ ไปสักหน่อย ตั้งแต่ตอนท้อง เปิ้ลก็คุยกับแฟนมาเรื่อยๆ ว่าจะเลี้ยงลูกกันแบบไหน เราสองคนต้องจูนความคิดให้ตรงกันก่อน แต่ต้องค่อยๆ คุยกันไปเรื่อยๆ นะคะ ใช้เวลาหน่อย เช่น ตกลงเรื่องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ครบขวบ ไม่ให้ลูกนอนเปล ลูกไม่สบาย ไม่เข้าโรงพยาลรัฐบาลเพราะคนป่วยเยอะ ได้รับการบริการช้า ขอเข้าโรงพยาบาลเอกชนแทน การซื้อของใช้ลูกต่างๆ เมื่อเราจูนแนวทางการเลี้ยงลูกได้พอสมควรแล้ว เราก็ค่อยๆ ถามว่าแม่สามีจะมีปัญหามั้ย ถ้าเราจะเลี้ยงลูกแบบนี้ แล้วถ้ามีปัญหา แฟนจะทำยังไง ตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า “ถ้าเค้าเกิดมีปัญหากับแม่ตะเองขึ้นมา ตะเองจะเข้าข้างเค้ามั้ย??” ระหว่างที่พูด ก็เอาหัวไปสีๆ ที่ไหล่แฟนด้วย พร้อมกับเงยหน้ามองหน้าแฟน ทำตาปิ๊งๆๆๆ พูดซ้ำอีกที “ตะเองจะเข้าข้างเค้ามั้ย??” อิอิ ลองดูนะคะ เปิ้ลทำมาแล้ว สำเร็จค่ะ.. เป็นการมัดมือชกแฟนให้เข้าข้างเปิ้ลไปในตัว จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:26:01

ความคิดเห็นที่ 11 @คุณคนดีที่รอคอย ไม่ต้องแอบฟังค่ะ มาปูเสื่อล้อมวงฟังได้เลย ยินดีมากๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:28:46

ความคิดเห็นที่ 12 -------------เดี๋ยวมาถึงตอนนี้แล้ว งานเข้า------------ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:37:25

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านถึงตรงนี้ จากคุณ : หญิงสินี เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:00:10

ความคิดเห็นที่ 14 ของเรา แม่สามีเยอะแบบน่ารัก รับได้ค่ะ แม่เราต่างหาก เยอะมากที่สุดในแปดโลก ไม่ขอลงรายละเอียดนะคะ เราท้อง3เดือนอยู่ เมื่อคืนนอนไม่หลับ ปวดหัวทั้งคืนเพราะแม่ตัวเองเลยค่ะ จากคุณ : Hermione Granger เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:04:10

ความคิดเห็นที่ 15 รออ่านด้วยคนก๊าบ จากคุณ : น้ำเต้าหู้รสชาเขียว (น้ำเต้าหู้รสชาเขียว) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:24:46

ความคิดเห็นที่ 16 แม่ตัว ในช่วงก่อนคลอด แม่ตัวประกาศมาตลอดว่าเข้าโครงการเกษียรก่อนกำหนดก็จริง แต่ไม่มาช่วยเลี้ยงหลานหรอกนะ ที่ออก เพราะสุขภาพไม่ดี ตอนนั้น ก็น้อยใจแม่ตัวเป็นที่สุด ว่าลูกตัวเองก็ให้ตายายเลี้ยง แถมหลานยังไม่เอาอีก แต่พอคิดอีกที ก็ลูกตัวเองยังไม่เลี้ยง นี่เป็นหลาน แม่ตัวจะเลี้ยงหรอ?? เมื่อหลานคลอดออกมาจริงๆ แม่ตัวก็ดูอยากจะมาช่วยเลี้ยง แต่วิธีการเลี้ยงของแม่ตัว คือ หลานหลับก็นั่งมอง หลานตื่นก็เรียกแม่ว่าหลานตื่นแล้ว หลานร้องไห้ ก็เรียกแม่ว่าหลานหิวนม ได้กลิ่นเหม็นๆ ก็เรียกแม่มาทำความสะอาด พูดง่ายๆ คือ มีหน้าที่เรียกอิแม่มานมาทำ ชั้นมีหน้าที่นั่งดู ครั้งหนึ่ง มีปัญหากัน ระหว่างที่กำลังล้างขวดนมลูกอยู่ แล้วลูกเกิดถ่ายออกมา แม่ก็เรียกเสียงดังลั่นบ้าน เปิ้ลก็บอกแม่ว่าช่วยทำความสะอาดให้หน่อย กำลังล้างขวดนมอยู่ แม่ตอบกลับมาว่า "เป็นแม่ก็มาทำสิ" เปิ้ลก็พูดอะไรไม่ออก ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดกันไป ปากก็มีบ่นว่าช่วยหน่อยก็ไม่ได้ แม่บอกว่า ตอนเปิ้ลเป็นเด็ก แม่ตัวทำมาเยอะแล้ว พอเราถามว่าแล้วทำไมไม่ช่วยกันบ้าง มีอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เรียกตลอด แม่ตัวให้คำตอบว่า ก็แม่มานอยู่ ก็ให้แม่มานมาทำ เออ!! ดีนะ.. แล้วจะมาอยู่ช่วยเลี้ยงกันทำไมเนี่ย?? ในเมื่อ อิแม่มานอยู่ ชั้นก็ต้องทำอยู่แล้ว งั้นชั้นเลี้ยงลูกคนเดียวก็ได้มั้ง?? แม่ตัวมาอยู่ แทนที่จะช่วยแบ่งเบากันไปบ้าง กลายเป็นว่าเพิ่มภาระให้อีก หลังจากนี้ จะเล่าให้ฟังค่ะ ว่ามีภาระอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง ครั้งหนึ่ง ลูกชายตัวดีหิวนม ร้อง แอ๊ะๆ ขอนมกิน เปิ้ลก็เอาลูกเข้าเต้า แม่ตัวก็เดินไปหยิบโยเกิร์ตมานั่งกินอยู่ใกล้ๆ พ่อลูกชายยังดูดนมไม่ทันอิ่มเลย หันไปเห็นแม่ตัวกินโยเกิร์ตหมดถ้วยพอดี นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว เปิ้ลก็เลยใช้มือถือถ่ายรูปส่งไปให้แฟนดู บอกว่าลูกชายยังดูดนมไม่ทันอิ่ม แม่ตัวกินโยเกิร์ตหลับไปก่อนแล้ว.. เปิ้ลว่าถ้าเปิ้ลเป็นแบบแม่ตัวก็ดีนะ จะถูกใจแม่สามีมาก มาๆๆๆ ลูกหลับแล้ว รีบมานอน นี่แม่ตัวหลับไปก่อนลูกชายดูดนมเสร็จซะอีก.. เฮ้อ!! ที่บ้านเปิ้ล จะอยู่ด้วยกันแค่ 2 คนกับแฟน ดังนั้น งานบ้านทุกๆ อย่าง จะต้องช่วยกันทำ ไม่ว่าจะทำความสะอาดบ้าน หุงข้าว ทำกับข้าว รีดผ้า ซักผ้า ซึ่งก่อนเปิ้ลท้อง หน้าที่รีดผ้า ซักผ้าเป็นของเปิ้ล แต่หลังจากนั้น ก็โอนสิทธิและหน้าที่ให้แฟนไปทำ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้โอนกลับมาเป็นของเปิ้ลเลยค่ะ แม่ตัวมาอยู่ที่บ้าน ก็มีปัญหามาก เพราะอยู่บ้านตัว ก็ไม่ได้ทำเอง พ่อเป็นคนทำให้ทุกอย่าง แม้แต่หุงข้าว ทำกับข้าว รีดผ้า ซักผ้า ทำสวน และอื่นๆ อีกมากมาย.. เมื่อมาอยู่ที่บ้านเรา ก็เลยไม่มีใครทำให้ ในช่วงแรก แม่ซักผ้าเอง (คือ เอาผ้าใส่ถังซักด้วยตัวเอง) และต้องรีดเองด้วย ในวันที่พ่อขับรถมาหาที่กรุงเทพฯ แม่ตัวก็บ่นว่าเหนื่อย ไม่มีเวลาซักผ้ารีดผ้า จะทำยังไงดี พ่อก็เลยเอาเสื้อผ้ากลับไปซักที่ต่างจังหวัด และนำเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ซัก รีดแล้ว พร้อมใส่มาให้ บางสัปดาห์ พ่ออาจจะมาช้า มาเรทไปบ้าง เสื้อผ้าไม่พอใส่ แม่ก็ต้องซักเอง รีดเองอีก ครั้งหนึ่ง เปิ้ลเลี้ยงลูกอยู่ชั้นล่าง (อยู่ในเดือน แม่สามีห้ามเดินขึ้นบันได) แม่ตัวซักผ้าแล้ว ต้องการจะใส่เสื้อตัวนี้ ก็เลยเดินขึ้นไปในห้องนอนเรา ซึ่งแฟนกำลังนั่งรีดผ้าอยู่ แล้วบอกว่า "เสี่ยรีดเสร็จแล้ว เรียกแม่ด้วยนะ" พอเสี่ยหันมา เห็นแม่ถือเสื้อมาด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไง แฟนก็เลยต้องรีดเสื้อตัวนั้นให้แม่ด้วย ช่วงนั้น ฝนหลงฤดูตกลงมา เปิ้ลเห็นว่าแฟนซักผ้าตากไว้นอกบ้าน ครั้นจะใช้แม่ไปเก็บผ้า ก็คงไม่งามนัก ก็เลยบอกแม่ว่าไปบอกเสี่ยให้หน่อย ว่าฝนตก ช่วยเก็บผ้าให้หน่อย แม่ตัวเดินขึ้นบันไดไปได้ไม่กี่ขั้น ก็หันหลังมาถามว่า "ให้แม่เก็บให้มั้ย??" พอเปิ้ลบอกว่า "ขึ้นไปบอกเสี่ย" แม่ตัวก็เดินขึ้นไปบอกเสี่ยในห้องนอน เสี่ยถึงกับเคือง ว่ามีน้ำใจเก็บผ้าให้หน่อยไม่ได้หรือไง เพราะเสี่ยกำลังรีดเสื้อให้แม่อยู่นั่นแหละ.. สุดท้าย แม่ไปจ้างคนในหมู่บ้าน ให้ซักผ้า รีดผ้าให้ คนที่แม่ไปจ้าง กลางวันจะออกไปทำงาน และกลับมารับจ้างซักผ้ารีดผ้าในตอนเย็น แม่เอาผ้าไปส่งได้วันเดียว อีกวันก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ว่าทำไม ถึงยังไม่เอาผ้ามาส่งอีก เอาไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว.. แค่วันเดียว ใครจะซักรีดให้ทันล่ะเนี่ย?? เรื่องกับข้าวกับปลาก็เช่นเดียวกัน อย่างที่บอกว่าแม่ตัวทำกับข้าวไม่เป็น แฟนก็เลยซื้อกับข้าวถุงมาเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าอยากกินอะไรก็แกะใส่จานแล้วเวฟทานได้เลย เปิ้ลมารู้จากพ่อทีหลัง ว่าแม่ตัวไปบ่นกับพ่อว่าเกิดมาไม่เคยต้องทำอะไรอย่างนี้ ลำบากมาก กับข้าวก็ต้องแกะใส่จานเวฟเอง.. พอแฟนทราบว่าแม่บ่นแบบนี้ ก็เลยถามเอาใจแม่ยายว่าอยากกินอะไร จะซื้อมาให้ แม่ตัวก็บอกว่าคิดไม่ออก อะไรก็ได้.. แฟนก็เลยมาถามเปิ้ลว่าแม่ชอบกินอะไรบ้าง เปิ้ลตอบไปว่าอย่าถามว่าชอบกินอะไรบ้าง ถามว่าไม่ชอบอะไรดีกว่า เคยดูเดี่ยวอุดมกันมั้ยคะ?? อาร์ตตัวแม่น่ะค่ะ "อะไรก็ได้ ง่ายๆ" แม่ไม่กินอาหารทะเล เพราะกินแล้วคัน (ซึ่งจริงๆ กินมาแทบค่อนชีวิต เพิ่งจะมาคันเอาตอนอายุมาก) ไม่กินอาหารมัน (เดี๋ยวอ้วน) ไม่กินของป่า ไม่กินปลาน้ำจืด วันหนึ่ง บอกเสี่ยว่าอยากกินปลาดุก กับสะเดาน้ำปลาหวาน เปิ้ลเห็นแม่ซัดปลาดุกเกือบหมดตัว แล้วมาบอกว่าไม่กินปลาน้ำจืด พอถามว่าไหนว่าไม่กินปลาน้ำจืด แม่บอกว่ายกเว้นปลาดุก อืมมมมม.. น่าจะจริง กฎหมายยังมีวรรคสองให้เป็นข้อยกเว้น หลังๆ กินกับข้าวถุงเบื่อ เปิ้ลก็เลยต้องกลับมาทำกับข้าวเหมือนเดิม นอกจากต้องเลี้ยงลูกเองแล้ว ยังต้องหากับข้าวกับปลาให้แม่กินด้วย ระหว่างที่ลูกหลับ เปิ้ลต้องทำงานบ้าน ส่วนแม่ตัวก็นอนหลับเป็นเพื่อนลูกชาย.. อีกเรื่องที่เป็นความหมั่นไส้แม่ตัวเป็นการส่วนตัว 555 ก็คือ เรื่องที่แม่ไปผ่าตัดขา เพราะกระดูกหัก หมอห้ามยกของหนัก แต่อยากอุ้มหลาน หลานก็ตัวหนักไม่ใช่น้อย (ตอนนั้น หลานหนักเกือบสิบโลแล้ว) พอถามว่าไหนหมอบอกว่าห้ามยกของหนัก แม่ตัวบอกว่าก็ต้องอุ้มกันบ้าง อ้อ.. มีอีกเรื่อง ตอนมาอยู่ช่วยเลี้ยงลูก อยากไปทำผมในร้านคนในหมู่บ้าน เดินออกไป 2 รอบแล้วร้านยังไม่เปิด แม่ตัวกลับมาบ่นกระปอดกระแปดว่าเดินจนเจ็บขาไปหมดแล้ว ซึ่งร้านทำผมในหมู่บ้าน ก็ไม่ได้ไกลมากนะคะ เปิ้ลว่าระยะทางน่าจะสั้นกว่าเวลาแม่เดินชอปปิ้งในห้างฯ ด้วยซ้ำ เวลาเดินชอปปิ้ง ไม่เคยเห็นบ่นว่าเจ็บขาซักครั้งเดียว พอเราถามว่าเดินห้างฯ ไม่เจ็บขาหรอ?? แม่ตัวก็ตอบว่า "มันก็มีเจ็บบ้าง" ก่อนแม่ตัวจะเกษียร แม่รับราชการ บางครั้ง มีงานของจังหวัด เช่น อาจจะต้องไปเดินเทิดพระเกียรติ จุดเทียนชัยถวายพระพร แม่จะอ้างว่า "ขาเจ็บ ยืนนานไม่ไหว" แต่เวลาพ่อพาไปเที่ยวป่า เที่ยวเขาตามต่างจังหวัด ก็ไม่เห็นมีบ่นว่า "ขาเจ็บ ยืนไม่ไหว" สักครั้ง.. แม่ๆ ในห้องชานเรือนคงทราบว่าคุณแม่หลังคลอด จะมีอาการเครียดหลังคลอดใช่มั้ยคะ?? ซึ่งเปิ้ลก็เป็น มีอาการไม่อยากคุยกับใคร ไม่ให้ใครมาอุ้มลูก หวงลูกเป็นหมาแม่ลูกอ่อนทีเดียว และอยากอยู่กับลูกแค่สองคน วันหนึ่ง อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ก็เลยอุ้มลูกขึ้นไปนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอนชั้นสอง แม่ตัวเห็นหายไปนอน พอเดินเข้ามาดู เห็นเปิ้ลนั่งอุ้มลูกร้องไห้ แม่ตัวก็ถามว่าเป็นอะไร พอเปิ้ลบอกไปว่า ไม่รู้ แม่ตัวก็โวยวายเป็นการใหญ่ ทำตาแดง น้ำตาซึม ว่าจะไม่รู้ได้ยังไงว่าร้องไห้เพราะอะไร มันต้องรู้สิ ถ้าไม่อยากให้แม่อยู่ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ แม่จะให้พ่อมารับกลับบ้าน เปิ้ลเองอาการกำลังกำเริบ แถมมาเจอแม่ตัวอาการระดับ 4 กำเริบอีก ก็เลยโทรบอกแฟน แฟนต้องมาอธิบายให้ฟัง ว่ามันเป็นอาการของผู้หญิงหลังคลอด จนตอนนี้ เปิ้ลมองย้อนกลับไปว่า แม่ก็เคยคลอดลูกมาก่อน ไม่รู้หรือไง ว่าเค้ามีอาการเครียดหลังคลอดกัน หรือว่าแม่เก็บเปิ้ลมาจากกองขยะ หรือโตมากับกระบอกไม้ไผ่หรือเปล่า?? แม่ถึงไม่รู้ ต้องมีคนคอยบอก คอยอธิบายตลอด ขนาดแฟนบอกขนาดนี้แล้ว แม่ตัวก็ยังไม่ค่อยจะยอมฟัง.. แถมระยะเวลาที่มาช่วยนั่งมองหลาน บางสัปดาห์ แม่ตัวให้พ่อมารับ เพราะรู้ว่าพ่อจะไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็อยากจะไปด้วย ให้เปิ้ลเลี้ยงลูกคนเดียว 1 เดือน จะเป็นแบบนี้ 1 ครั้ง และในช่วงที่เปิ้ลเลี้ยงลูกคนเดียวอยู่ที่บ้าน รู้สึกสบายใจกว่า กินได้ นอนหลับ นมไหนมาเทมา คุณแฟนเห็นว่าเปิ้ลดูมีความสุขกว่า ก็เลยทำการอันเชิญเจ้าคุณพ่อให้มารับคุณหญิงแม่กลับคฤหาสถ์ที่ต่างจังหวัดไป โดยไม่ต้องมาลงแรงเลี้ยงหลานให้เหนื่อย ลงเงินมาช่วยอย่างเดียวก็พอ.. แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 55 10:35:51 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:25:06

ความคิดเห็นที่ 17 @คุณ Hermione Granger ขอให้น้องสุขภาพแข็งแรง อย่าเครียดมากนะคะ จะส่งผลถึงตัวเล็กในท้องได้ อ่านเล่นขำๆ นะคะ อย่าได้คิดมาก.. ^^ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:27:35

ความคิดเห็นที่ 18 มาปูเสื่อรอด้วยคน "ชอบวิธีมัดมือชก" คุณสามีอ่ะ น่ารักดี ขอยืมไปใช้บ้างน๊าาา จากคุณ : Miso-Shoyu เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:39:01

ความคิดเห็นที่ 19 ณ ปัจจุบันนี้ แม่สามี เปิ้ลกับแฟน แต่งงานแล้ว แยกกันมาสร้างครอบครัวใหม่ มีพาหลานไปหาแม่สามี เดือนละครั้ง เวลาไปหา มักจะไม่มีปัญหาอะไรมากนัก คนไม่ได้อยู่ด้วยกัน นานๆ เจอกันที ก็จะมีแต่เรื่องดีๆ คุยกัน มีบ้างเป็นบางครั้ง ที่แม่สามีลองของ ด้วยความที่เปิ้ลเป็นคนไม่ค่อยพูด เวลาแม่สามีลองของมาที เปิ้ลจะใช้สายตามองจิก จนคนในบ้านเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกันทีเดียว ทุกคนในบ้านรู้ว่าเปิ้ลค่อนข้างดุ ยิ่งเวลาถามถึงพัฒนาการของลูก และไปเปรียบเทียบกับหลานที่เลี้ยงในบ้านแล้ว ก็แตกต่างกันริบลับ ต้องแก้ตัวให้หลานก่อนนะคะว่า หลานสาวโตมากับวิธีเลี้ยงของแม่สามี ในบ้าน แม่สามีคุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และน้องสะใภ้เป็นคนไม่มีปาก มีเสียงกับใคร หลานสาวก็เลยกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจไปสักหน่อย เพราะรู้ว่ามีแม่สามีคอยยกหางให้อยู่ ช่วงที่ลูกชายอายุ 8-9 เดือน เปิ้ลฝึกให้ลูกงดนมมื้อดึก ซึ่งหลานสาวอายุ 3 ขวบ ยังตื่นมากินนม คืนละ 3-4 รอบ แม่สามีก็ว่าเปิ้ลกับแฟนว่าใจร้าย ไม่ให้ลูกกินนม แต่ปัจจุบันนี้ ลูกชายเปิ้ลนอนยาว เว้นแต่ว่ามีฟันขึ้น จึงจะตื่นบ่อยหน่อย เพราะว่าปวดฟัน ลูกชายเปิ้ลครบขวบ กินข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดงได้สบาย อะไรที่กินไม่ได้ ชิ้นใหญ่เกินไป พอเปิ้ลเอามือไปรองไว้ใต้คาง ลูกก็จะคายออกมาให้ แต่แม่หลานสาวตอนนี้ 3 ขวบแล้ว ไปโรงเรียน ครูบอกว่ามื้อกลางวันไม่กินข้าว ซดแต่น้ำซุปแกงจืด อย่างมาก ก็มือข้าวในช้อนประมาณ 3-4 เม็ด กินได้ ไม่เกิน 5 คำ ก็ไม่กินแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแม่สามีไม่ให้กินหรือไม่ เปิ้ลสังเกตว่าเวลาเปิ้ลจะให้ลูกกินอะไร แม่สามีก็วี้ดว้ายตกใจ ร้องเสียงดังว่า "เดี๋ยวติดคอๆ " แต่ที่รู้สึกแย่มากที่สุด เป็นเรื่องที่เกิดกับน้องสะใภ้ แม่น้องสะใภ้เสีย คนที่บ้านโทรมาบอกตอน 3 ทุ่ม น้องสะใภ้ก็อยากกลับบ้านไปดูแม่ครั้งสุดท้าย ก่อนจะบรรจุลงโลง แต่แม่สามีบอกไม่ให้ไป ถึงไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ เปิ้ลฟังน้องสะใภ้พูดด้วยหน้าตาพูดไปยิ้มไป แต่เปิ้ลกลับรู้สึกโกธรแทนเอามากๆ แม่สามีอ้างว่าไปแล้ว ใครจะเลี้ยงลูก ใครจะไปส่ง ดึกๆ ดื่นๆ แล้ว อันตราย น้องสะใภ้เล่าว่าแม่สามีกลัวว่าหลานจะไปติดญาติฝั่งน้องสะใภ้ แล้วจะไม่รักแม่สามี ซึ่งน้องสะใภ้ก็บอกว่าไม่ได้คิดจะให้แฟนไปส่ง เพราะแฟนต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก น้องสะใภ้จะให้น้องชายมารับ แต่ก็ไม่วายที่แม่สามีจะไม่ให้ไป จนน้องสะใภ้เล่าความในใจให้ฟังว่า ถ้าจะเลิกกันเพราะเรื่องนี้ ก็จะขอขนเสื้อผ้าและลูกกลับบ้านในคืนนั้นเลย เพราะยอมไม่ได้ ที่แม่ตายทั้งคน กลับไม่ให้ไป สุดท้าย น้องสะใภ้ก็ได้กลับไปดูแม่เป็นครั้งสุดท้าย โดยน้องชายเป็นคนมารับไป เปิ้ลเล่าให้แฟนฟัง แล้วก็พูดตรงๆ ว่าแม่ตะเองทำไม่ถูกนะ แฟนบอกว่าถ้าแฟนอยู่ด้วยในคืนนั้น แฟนจะขับรถไปส่งน้องสะใภ้เอง และจะอยู่ด้วยเพื่อช่วยงาน เป็นตัวแทนของฝ่ายบ้านแฟน แต่ความจริงในเรื่องนี้ เปิ้ลมารู้หลังจากที่แม่น้องสะใภ้เสียชีวิตไปแล้ว 3 เดือน โดยไม่มีใครโทรมาบอกที่บ้านเราเลย.. แฟนเองก็ตกใจ ว่าทำไม ถึงไม่มีใครโทรมาบอก ยังไงเสีย.. คนที่ตาย ก็เป็นแม่ของน้องสะใภ้.. แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 55 11:14:50 จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:00:53

ความคิดเห็นที่ 20 @คุณ Miso-Shoyu ตามสบายเลย ไม่มีลิขสิทธิ์ค่ะ ได้ผลยังไง มาแชร์กันบ้างนะคะ ^^ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:03:13

ความคิดเห็นที่ 21 ้เรื่องตะแคงขวดนมแม่สามีก็เป็นค่ะ เหอๆ แต่โชคดีไปลูกเราดูดขวดแป๊บเดียวช่วงแรกๆ ตอนนี้ติดเต้าแล้วไม่ต้องห่วงเรื่องตะแคงเต้า 555 จากคุณ : ทาสเจ้าอ้วนดำ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:19:44

ความคิดเห็นที่ 22 คุณยังดีนะคะ แม่เราเองให้เงินแต่ไม่ค่อนช่วยเลี้ยง แม่สามีเงินไม่ให้ไม่เท่าไหร่ แถมไม่ช่วยเลี้ยง แต่ถึงเวลาอยากได้เงินสะใภ้ อยากนั่งรถยนต์หรู ๆ แถมเป็นกันทั้งโค ตะ ระ จากคุณ : ซ่าจังฮู้ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:19:50

ความคิดเห็นที่ 23 คุณสามีน่ารักมากค่ะ จากคุณ : by iPhone (juliko) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:20:29

ความคิดเห็นที่ 24 แวะมาชูป้ายไฟค่ะ ฟิ้วววววววว!!! จากคุณ : pafun.p เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:27:20

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้แม่สามีเราก็อยากได้รถเราไปให้ลูกสาวคนเล็กสุดรักสุดหวงเค้าใช้ (ตอนนี้ก็เอารถเราไปใช้อยุ่ประมาณอาทิตย์นึงแระ) คิดว่าเราอยุ่บ้านเลี้ยงลูก คงไม่ค่อยได้ใช้รถ ไม่ค่อยได้ไปไหน แต่แฟนเราเข้าใจเรา บอกว่ารถเราจะเอาไปได้ยังไง ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ(เน้น!!!จำเป็น!!!) ก็ให้มาเอารถเค้าไป แต่ยังไม่ได้คำตอบจากแม่สามีว่าจะเอายังไง -*- (น้องสามีเพิ่งเปลี่ยนงาน มาบรรจุเป็นข้าราชการในกองบินที่ลพบุรี บ้านอยุ่อุบล แต่เราอยุ่กรุงเทพนะคะ จิงๆลุกสาวเค้าใช้มอร์ไซก็ได้แค่ขับๆในกองบิน แต่กลัวลูกไม่สะดวกสบาย แต่ไม่นึกถึงคนอื่นๆ รถเราเราก็ซื้อเอง รถสามีสามีก็ซื้อเอง ทำไมไม่ให้ลูกสาวซื้อเอง หรือซื้อให้ไปเลย มารบกวนคนอื่นเค้าทำไม -*- แต่จริงๆแล้วเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทั้งมือถือ โน๊ตบุ๊ค พอไม่ได้ก็งอนนนนนน ) จากคุณ : ทาสเจ้าอ้วนดำ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:33:38

ความคิดเห็นที่ 26 แม่ตัว ตอนนี้ ก็ลอยตัวสมชื่อค่ะ (เพราะเป็นแม่ตัว) ไม่ต้องเลี้ยงหลาน ตอนนี้ พ่อก็เข้าโครงการเกษียรก่อนกำหนดตามแม่มาอีกคน วันๆ ไม่ต้องทำอะไร คิดแต่ว่าจะมีโปรแกรมไปเที่ยวไหนกันดี ซึ่งเปิ้ลว่าก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ ในช่วงบั้นปลายของชีวิตข้าราชการของพ่อแม่ มีเงินสักก้อน ใช้อย่างมีความสุข อยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้ ในวันที่ยังไปไหว เปิ้ลเห็นจากครอบครัวแฟน ว่าพ่อแม่ค้าขาย ทำงานหนักมาตลอดชีวิต ในวันที่ลูกสาว ลูกชาย 3 คน เป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวกันไปแล้ว เหลือเพียงลูกสาวคนเดียว แต่ก็ทำการงานมั่นคง มีเงินเหลือพอมาจุนเจือครอบครัวได้ ลูกๆ อยากพาพ่อแม่ไปหาความสุขบ้าง ไปเที่ยวกันบ้าง แต่ก็ไปไหวแล้ว เพราะสุขภาพแย่มาก นั่งรถนานๆ ไม่ไหว ในวันที่พ่อแม่ตัวยังพอมีแรงที่จะไปเที่ยวได้ เปิ้ลก็อยากให้ไป หาความสุขไว้ก่อนที่ร่างกายจะไปไม่ได้ แต่คนมีอายุยิ่งมาก ก็ยิ่งกลับไปเป็นเด็ก ยิ่งพ่อแม่ตัวแล้ว เป็นเด็กมาก เดี๋ยวนี้ เวลาจะพูดอะไรกับเปิ้ลแต่ละอย่าง พอหาเหตุผลมาคุยไม่ได้ ก็เอาสีข้างเข้าแถจนถลอกซะงั้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ พ่อแม่ตัวมาหาหลานที่กรุงเทพฯ (มาหาหลานเดือนละครั้ง) ระหว่างที่เปิ้ลกำลังทำครัวอยู่ พ่อก็มาถามเรื่องนั้น เรื่องนี้ แล้วก็ถามว่าเชงเม้งให้เปิ้ลพาหลานไปด้วยกัน พอเปิ้ลบอกว่าไม่อยากพาลูกไป เพราะฮวงซุ้ยอยู่กลางทุ่งนา อากาศร้อนมาก เดี๋ยวลูกไม่สบาย พ่อก็บอกว่างั้นก็ไปรอที่บ้านอารัตน์ก็ได้ ไม่ต้องไปที่ฮวงซุ้ย เปิ้ลก็บอกว่าไม่อยากไปนอนบ้านอารัตน์ บ้านอารัตน์สกปรก (บ้านหลังใหญ่มากนะคะ แต่ไม่มีคนทำความสะอาดบ้านหรือไงไม่ทราบ มีคราบดิน เหมือนเช็ดถูไม่สะอาดเป็นคราบ บนพื้นบ้านที่เป็นหินอ่อนอ่ะค่ะ) พ่อเห็นเปิ้ลปฏิเสธไม่ไป ก็เลยพูดออกมาว่า "พ่อก็แค่พูดให้ฟังเฉยๆ" อีกวันแฟนพาไปทานกลางวันที่ร้านอาหาร แต่ลูกชายหลับ เปิ้ลก็เลยนั่งเฝ้าลูกอยู่ในรถ ไม่ได้ลงไปกินด้วย กว่าลูกจะตื่น ก็กินกันจะอิ่มแล้ว พนักงานเอาเมนูมาให้สั่งอาหาร พอสั่งกุ้งแช่น้ำปลาไปจานเดียว กำลังจะเลือกเมนูอื่นให้ลูกกิน พ่อพูดขึ้นมาว่า "พ่ออิ่มแล้วนะ" ไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง เปิ้ลก็เลยยกเลิกกุ้งแช่น้ำปลา และสั่งขนมปังหน้ากุ้งมาให้ลูกกิน รอลูกกินข้าวก่อนไม่ได้ แต่นั่งรอหลานกินได้ ส่วนแม่ตัว เห็นบ่นว่าขาเจ็บอย่างนั้น อย่างนี้ เปิ้ลก็เลยสั่งรองเท้าสุขภาพยี่ห้อ FF มาให้ใส่ ซึ่งเปิ้ลใส่อยู่แล้วเห็นว่าดีจริง วันที่จะสั่งซื้อ ก็ส่งรูปไปให้ดูทางมือถือเป็นรุ่น frou สีชมพู (แม่ตัวชอบสีชมพู) แม่ก็ถามว่าไม่มีสีครีม หรือสีดำหรอ?? เปิ้ลก็ต้องไปบอกแม่ค้าว่าขอเปลี่ยนเป็นสีครีมแทน ซึ่งสีครีม แม่ค้าไม่มีสตอคของในเมืองไทย ต้องสั่งมาใหม่จากเมกา และถามว่าจะใส่ไซส์อะไร แม่บอกว่าเอาไซส์เดียวกับเปิ้ล สั่งไปเป็นที่เรียบร้อย แม่มาบอกขอเปลี่ยนให้เล็กว่าไซสืที่สั่ง 1 เบอร์ เปิ้ลก็ต้องไปบอกแม่ค้าอีกว่าขอเปลี่ยนได้มั้ย?? เกรงใจแม่ค้ามากๆ ไม่รู้ว่าแม่ค้าจะรู้หรือเปล่า ว่าคนเยอะ ไม่ใช่เปิ้ลนะคะ สุดท้าย คือเปลี่ยนไม่ได้ เมื่อของมาถึงเมืองไทย เปิ้ลให้แม่ค้าส่งรองเท้าไปให้แม่ตัวที่บ้านต่างจังหวัด แม่เปิดกล่องพัสดุออกมาดู แล้วโทรกลับมาถามเปิ้ลว่า "ทำไมไม่เหมือนของเปิ้ล" อ้าว!! ก็ตอนสั่ง ก็ส่งรูปไปให้ดูแล้ว ว่าเอารุ่นนี้มั้ย?? เมื่อ 2-3 วันนี้ แม่มาหาหลานที่กรุงเทพฯ เปิ้ลไม่เห็นแม่ใส่รองเท้ามา ก็เลยถามว่าทำไมไม่ใส่ แม่ให้คำตอบว่า "ใส่เหยียบดิน เหยียบทราย รองเท้าสกปรก" ถ้ารองเท้าไม่ใส่เหยียบดิน เหยียบทราบ แล้วจะให้ไปเหยียบพรมแดงที่ไหนกัน เฮ้อ!! เยอะได้อีก.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:34:05

ความคิดเห็นที่ 27 ---เดี๋ยวมาต่อนะคะ ใกล้จบแล้ว หัวหน้าเรียกค่ะ เซงมากมาย กำลังเมาท์เพลินเลย 555--- จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:36:31

ความคิดเห็นที่ 28 แม่สามีเราออกแนวหวานๆ อ่ะค่ะ ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรจากลูกชาย มีแต่พ่อสามีซะมากกว่าที่แซ่บเว่อร์ที่สุดในสามโลก เคยปะทะกับแม่เราหลายคราอยู่เหมือนกัน แพ้น็อกแม่เราทุกครั้งเพราะแม่เราจัดจ้านกว่ามาก ถึงขนาดบ่นอุบอิบกับเมียตัวเองว่า "แม่ม!! เถียงเก่งกันทั้งบ้าน ถึงว่าสิ เดี๋ยวนี้ไอ้(ชื่อสามีเรา)มันถึงได้เถียงเก่งไปด้วย" ซึ่งจริงๆ แล้วสามีเราเถียงเก่งมาแต่เกิดละ แต่พ่อสามีไม่ยอมรับเองอ่ะ ส่วนแม่ของเรา เรายกไว้บนหิ้งเลย ทุกคนในโลกผิดหมด แม่ถูกอยู่คนเดียว เถียงไปก็ไม่ชนะ ทุกคนเลยรูดซิปปากเก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า ไม่ทำให้แม่ต้องขุ่นข้องหมองใจด้วย บ้านก็จะสงบสุข และคนที่จะสุขีลั้นลาที่สุดคือพ่อเรา เพราะถ้า:-)อน พ่อจะซวยมาก ตื่นเช้ามาจะไม่มีข้าวกิน ไม่มีเสื้อผ้าเรียบๆ ใส่ น่าเห็นใจพ่อมาก เท่านี้ล่ะค่ะ บ่นถึงเบาๆ ก็พอ จากคุณ : i aM uNiQuE GaLaxY เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 12:00:17

ความคิดเห็นที่ 29 คิดให้มีความสุข ความสุขก็จะมา ก่อนนี้มีปัญหาเพระแม่ฉัน แม่เธอ ปัจจุบัน แทบไม่มีปัญหา เพราะว่า ไม่มีแม่ฉัน ไม่มีแม่เธอ  แต่เป็นแม่ของเรา ก่อนแบ่งแยกแม่ใคร คนที่จะลำบากใจสุดๆ คือคนกลางนะคะ จากคุณ : บ้านหลังน้อยกะเจ้าตูบ10ตัว เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 12:11:50

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนนี้ ไม่ว่าแม่ตัว หรือแม่สามี ก็สุขภาพไม่ดีทั้งคู่แล้วล่ะค่ะ.. อีกไม่นาน แม่สามีจะต้องเข้ารับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ส่วนแม่ตัวก็ต้องผ่าตัดเหมือนกัน เกี่ยวกับกระดูกทับเส้นประสาทค่ะ ถึงจะเยอะ จะแซ่บเวอร์กันขนาดไหน เปิ้ลก็อยากให้แม่ทั้งสองคนมีสุขภาพดี แข็งแรง และอยู่ให้ลูกหลานบ่นและคิดถึงไปอีกนานๆ ค่ะ.. ถ้าเพื่อนๆ ที่มี FB เปิ้ลจะทราบกันดีนะคะ ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เปิ้ลได้ขอลาออกจากสมาคมหัวอกลูกสะใภ้แล้ว เลิกบ่น เลิกเมาท์มอยแม่สามี เนื่องจากไม่ว่าจะแม่ตัว หรือแม่สามี เปิ้ลว่าทั้งเยอะ ทั้งแซ่บเวอร์พอกัน ไม่มีใครยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย.. กระทู้ครั้งนี้ จึงเป็นการบ่นด้วยความคิดถึงทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้าย จึงขอจัดหนัก จัดเต็ม ให้กับคุณแม่ที่รักทั้งสองคนค่ะ.. 555 ปอลอ. สำหรับเพื่อนๆ ที่แวะมาทักทาย กลับมาจากทานข้าวกลางวัน จะมาแจกกิฟ และเม้นคุยด้วยนะคะ ขอขอบคุณทุกๆ ท่านค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 12:30:06

ความคิดเห็นที่ 31 เราว่าครอบครัวแม่สามีคุณเปิ้ลนี่ก็ดูน่ารักดีนะ ดูเค้ารักพี่น้องกันดีมากเลย น่าอิจฉาจัง จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 12:45:44

ความคิดเห็นที่ 32 @คุณ ทาสเจ้าอ้วนดำ เปิ้ลว่าเรื่องแม่สามี แม่ๆ ในชานเรือน น่าจะเจอคล้ายๆ กัน ไม่ทิ้งกันมากเท่าไรค่ะ.. ^^ @คุณ ซ่าจังฮู้ เรื่องเงินเรื่องทองของแม่สามีเปิ้ลไม่ได้เลยค่ะ ใครจะมาดูถูกว่าแม่สามีไม่มีตังค์ไม่ได้ งี้ก็แสดงว่าเปิ้ลยังมีความโชคดีอยู่บ้างนะคะ @คุณ juliko คุณแฟนเป็นคนน่ารักจริงๆ ค่ะ.. ดีเสมอต้น เสมอปลายเลย.. @คุณ pafun.p ป้ายไฟ เหมือนแฟนคลับ the star งี้เปล่า?? 555 @คุณ i aM uNiQuE GaLaxY อ่านแม่ตัวของคุณแล้ว ก็นึกถึงแม่ตัวเองค่ะ.. เพราะแม่เปิ้ลชอบคิดว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเหมือนกัน 555 @คุณ บ้านหลังน้อยกะเจ้าตูบ10ตัว ขอบคุณค่ะ เพราะเปิ้ลก็พยายามจะทำให้โลกสงบสุขเช่นเดียวกันค่ะ.. ^^ @คุณคนดีที่รอยคอย จริงๆ ต้องชื่นชมแม่สามีนะคะ เพราะเลี้ยงลูกให้ได้ดีทั้ง 3 คนเลยค่ะ ถามว่าจริงๆ แล้วดีมั้ย?? แม่สามีดีนะคะ แต่เปิ้ลคงไปแย่งความรักของเค้ามา ก็เลยทำให้มีปัญหากันน่ะค่ะ.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 13:37:52

ความคิดเห็นที่ 33 แล้วบทสรุปล่ะครับ KunNaiPle กำลังอ่านเพลินๆเลย จากคุณ : Oga เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 13:44:03

ความคิดเห็นที่ 34 @คุณ Oga บทสรุปอยู่ใน คห.30 ค่ะ.. อยากทำให้โลกนี้ สงบสุข ก็ต้องทำใจ ว่าแม่ตัว และแม่สามีเยอะทั้งคู่ค่ะ คนอายุมากๆ คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากลูกหลานต้องทำความเข้าใจเอง.. จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 13:52:51

ความคิดเห็นที่ 35 ทนๆ กันไป บางคนนอกจากแม่ๆ แล้วยังมีญาติผู้ใหญ่อีกเพียบ  เฮ้อ จากคุณ : MMTaro เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 14:29:52

ความคิดเห็นที่ 36 เราโชคดีเรื่องแม่สามี แต่พี่สาวสามี"เยอะ"เว่อร์ ดีที่เราเหวี่ยงไปซะตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ตอนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ (คนละบ้าน) แม่เราย้ำสอนเสมอว่า ถ้าจะแต่งงานมีครอบครัวต้องหาทางแยกไปอยู่กันเอง เป็นครอบครัวของตัวเองจะได้ไม่มีปัญหากับทั้งญาติพี่น้องของสามีและญาติพี่น้องของตัวเอง ซึ่งโชคดีที่สามีคิดเหมือนกัน เฮ้ออออ รอดไป... จากคุณ : ไอติมสบู่ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 14:57:31

ความคิดเห็นที่ 37 ดิฉันก็มีเพื่อนคนรู้จักคนหนึ่ง ตอนนี้มีน้อง 2 ชาย กับกำลังอุ้มน่าจะเป็นหญิงนะ แต่ดูเหมือนสุดท้ายแล้วก็เข้ากับที่บ้านสามีไม่ได้เพราะเพื่อนดิฉัน:-)ะโครตเก่ง มันชอบด่าว่าสามีมันโง่ตามมันไม่ทัน โดยที่มันไม่รู้หรอกว่าเค้านะอ่านเกมส์มันออกหมดว่ามันทำอะไรบ้าง แต่เพราะสามีมันเคยรักมันมากเลยยอมหมด แต่ดูเหมือนตอนนี้น่าจะหย่ากันแล้วนะถาวรด้วย ดิฉันสงสารเพื่อนมาก เพราะกรรมที่มันก่อไว้ไม่รู้จักพออยากได้อยากเดียว แม่มันก็สอนว่าต้องจับคนรวยๆๆ พอเวลามันทำผิดมันก็โทษแต่คนอื่น ไม่เคยดูตัวมันเองซักครั้ง น่าสงสารจริงๆ ตอนนี้สามีเก่ามันกลายเป็นเจ้าของกิจการไปแล้ว และก็ไม่คิดจะเอามันกลับมาด้วย เพราะว่ามันอะ โง่ไปเชื่อว่าสามีเก่ามันมีเมียเก็บ ดิฉันล่ะสมน้ำหน้ามันจริงๆ อยู่กันมาตั้งเท่าไหร่แล้วสะเร่อไปเชื่อคนอื่นอีก ทางคณาญาติสามีก็เลยแบนเพื่อนดิฉันเลย ------------------------------------ KunNaiPle ก็ระวังอย่าไปผิดใจกับเสาหลักของบ้านนะ เดี๋ยวกลายเป็นแบบเพื่อนดิฉัน จากคุณ : GolxKax เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 16:00:57 A:171.5.97.67 X: TicketID:351179

ความคิดเห็นที่ 38 เราอ่านดูไม่เห็นมีอะไรน่าอึดอัดเลยค่ะ ถ้าเจอแบบแม่แฟนเรากับแม่เราเข้าไป จขกท ตายแน่ๆ จากคุณ : กิ่ง&อ๊อด เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 17:24:29

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านสนุกมาก เล่าได้เห็นภาพเลย รออ่านเรื่องต่อไปจ้า จากคุณ : น้ำเต้าหู้รสชาเขียว (น้ำเต้าหู้รสชาเขียว) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 18:12:14

ความคิดเห็นที่ 40 แวะมาอ่านจ้า เรื่องราวสนุกดีจัง น่าทำเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คขายนะเนี่ย แม่สามีของพี่ก็หวงลูกชายมากเหมือนกันวีรกรรมเยอะแยะ ไว้ว่างๆจะเม้าท์ให้ฟังจ้า จากคุณ : แป้งสีฝุ่น เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 18:21:56

ความคิดเห็นที่ 41 คุณเปิ้ลเขียนอ่านเพลินเลยค่ะ บ้านเรา แม่ตัว จะเยอะมากกกก ส่วนใหญ่เราจะปวดหัวเพราะแม่เรามากกว่าแม่สามี ประโยคหลักของแม่จะเริ่มด้วย ... ก็ใช่ชิ..... แล้วก็ตามด้วย ก็ฉันมันไม่สวยนี่ หรือ บ้านฉันไม่รวยเหมือนญาติพ่อแก ไม่ก็พวกแกเข้าข้างแต่พ่อแก ไม่เข้าใจฉันหรอก ถ้าแกมีปั๋วเป็นของตัวเอง แกก็ต้องทำอย่างฉัน อะไรทำนองนี้เวลาลูกๆมีเหตุผลที่ฟังขึ้นมากกว่า แล้วก็งอนตุ๊บป่อง กระทืบเท้าเสียงดังม่กๆ ทำหน้าหงิกๆเป็นชั่วโมง 5555 โอ้ยเยอะมากกก เรื่องนมแม่ เรื่องเลี้ยงลูกคุยทีไรเราได้เครียดทุกที เพราะแม่จะเชื่อโบราณเค้าว่า ( แม่เราฝากเราตามบ้านญาติ และจ้างเค้าเลี้ยงเราตลอดค่ะ สมัยเด็กๆ ก่อนเข้าอนุบาลจะเจอพ่อแม่แค่เสาร์อาทิตย์ กับน้องสาวเราก็จ้างเค้าเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆค่ะ) วีรกรรมแม่ เล่าเป็นเดือนไม่หมด ดีว่าแกไม่มีลูกชายไม่งั้นสะใภ้จะน่าสงสารมากๆ ข้อดีที่เราชอบมากกกคือเค้าทำกับข้าวอร่อยนะคะ อยากกินอะไรลูกๆต้องบอกว่าพ่ออยากกินถึงจะได้กิน 55555 แล้วก็ชมว่าอร่อยมากๆ เปิดร้านได้เลยนะต้องขายดีแน่ๆเลย แล้วเราก็จะได้ทานบ่อยๆค่ะ ส่วนแม่สามีน่ารักมากกก มีเหตุผล ใจดี อยากกินอะไร ชอบอะไรทำให้กิน หาให้กินเราเกรงใจมากๆ แถมบอกเราว่าท้องห้ามทำงานบ้าน ให้แฟนทำ แล้วสั่งลูกชายตัวเองห้ามให้เราทำเด็ดขาด อยากกินอะไรต้องหาให้กิน ก่อนแต่งก็บอกว่า งานบ้านห้ามทำเองหมดแล้วปล่อยให้ลูกชายเค้าสบาย ให้เค้าทำงานบ้านด้วย อย่างน้อยของๆตัวเองก็ต้องดูแลเอง อย่าให้เป็นภาระเรา 55555555 สิ่งที่แม่สามีบอกตรงกันข้ามกับแม่เราบอกเลยค่ะ เรานี่ขำกลิ้งอ่ะ เรากะสามีต้องแบ่งเวลา อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ไปกินข้าวสลับบ้านกันอยู่ค่ะ แต่ก็โทรกับทุกๆบ้านประจำ จะได้ไม่มีบ้านไหนน้อยใจใคร^^ จากคุณ : Chollaphin เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 21:47:14

ความคิดเห็นที่ 42 @คุณ MMTaro เปิ้ลยังโชคดีอยู่บ้างค่ะ ที่แยกมาอยู่กันเอง ถ้าแต่งเข้าบ้านใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ญาติๆ อีกเพียบเช่นกันค่ะ @คุณไอติมสบู่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ การแยกมาสร้างครอบครัวเอง ตัดปัญหาอะไรได้หลายๆ อย่าง เพราะน้องสะใภ้เปิ้ลแต่งเข้าบ้านแม่สามี ก็โดนสารพัดค่ะ เปิ้ลนี่ชิดซ้ายตกกระป๋อง ถือว่าเล็กน้อยมากค่ะ.. @คุณ GolxKax ขอบคุณค่ะ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามเลี่ยงๆ กันไป เพราะทุกวันนี้ ไม่อยากมีปัญหากับทั้งแม่ตัว และแม่สามีค่ะ.. แต่บางครั้ง ก็อดไม่ได้ ที่จะเคืองค่ะ.. @คุณกิ่ง&อ๊อด ว่างๆ แวะมาแชร์ประสบการณ์ให้อ่านบ้างนะคะ แม้ว่าจะเลิกเมาท์แม่สามีแล้ว แต่คงไม่ห้ามรับรู้เรื่องแม่สามีท่านอื่นๆ นะคะ ^^ @คุณน้ำเต้าหู้รสชาเขียว ขอบคุณค่ะ ติดตามมาอ่านกันทุกตอนเลยเนอะ แฟนพันธุ์แท้เลยนะคะเนี่ย @คุณแป้งสีฝุ่น ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาอ่าน ว่างๆ มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ถือซะว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อิอิ เลิกเมาท์ แต่ไม่ได้แปลว่าจะเลิกอ่านเรื่องของแม่สามีท่านอื่นซักหน่อย 555 @คุณ Chollaphin อ่านเรื่องแม่ตัว ของคุณแล้ว ท่าทางจะแซ่บไม่น้อยค่ะ แต่ยินดีด้วยนะคะ ที่แม่สามีคุณน่ารักมากๆ ค่ะ ขอให้มีครอบครัวที่น่ารักแบบนี้ ตลอดไปนะคะ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 22:24:57

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบวิธีการเขียนจังเลยค่ะ สนุกดี จากคุณ : prumjai เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 00:13:40

ความคิดเห็นที่ 44 เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : น้องจี๊ดจ๊าด. (จี๊ดจ๊าด-jamp) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 10:48:12

ความคิดเห็นที่ 45 ตามมาอ่านจนจบจนได้.....สนุกสนานตามเคย จากคุณ : Y-BOY เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 11:33:36

ความคิดเห็นที่ 46 สุดยอดเลยค่ะ ขอบอก จากคุณ : แม่น้องอิง อิง (ksaelor) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 15:32:25

ความคิดเห็นที่ 47 แม่ของเรา ย้ำว่าแม่ของตัวเอง ลักพาตัวลูกของเรา (หลานแท้ๆ ของแก) ตอนอายุ 3 ขวบไปเรียกค่าไถ่ 30000 หมื่นบาทจากดิฉัน และสามี ลงข่าวหน้าหนึ่งเลยตอนนั้น ติดหนี้คนอื่นไปทั่ว แล้วหนีไปตั้งรกรากที่อื่นๆ แล้วก็ทำซ้ำๆ อย่างนี้อีก ตอนนี้อายุ 58 แล้ว ก็ยังทำอยู่ มีแฟนใหม่อายุ 30 แม่สามี - ก็ดีค่ะ แต่อยู่คนละประเทศ เจอกันปีละครั้ง รักหลานมากมาย แม้พูดกันคนละภาษา จากคุณ : magill เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 16:45:23

ความคิดเห็นที่ 48 @คุณ prumjai ขอบคุณค่ะที่ชอบ เขียนแบบบ้านๆ มือสมัครเล่นน่ะค่ะ ผิดพลาดตรงไหน ขออภัยไว้ด้วย โอกาสหน้าขอแก้ตัวใหม่นะคะ @คุณจี๊ดจ๊าด-jamp ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆ @คุณ Y-BOY ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาอ่านจนจบเนอะ.. แม้ว่างานจะยุ่งมากมาย ^^ @คุณ ksaelor สุดยอดนี่คนไหนเอ่ย?? คนเขียน แม่ตัว หรือไม่สามีคะ?? 555 @คุณ magill แม่ตัวของคุณทำเอาเปิ้ลหัวใจหล่นเลยค่ะ ถ้าเกิดกับตัวเปิ้ลเอง หัวใจสลายแน่ๆ จากคุณ : KunNaiPle เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:25:27