ก่อนจะอธิบายต่อไป อยากขอร้อง เพื่อนๆคะ ใครชอบแนวไหน ก็สอนกันไปแนวนั้นเถอะค่ั หลักการ วิธีการ มันมีเยอะแยะมากมาย สิ่งใดที่ไม่ชอบ ไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องทำ แต่อย่าไปว่าคนอื่นแรงๆเลยนะคะ คนที่ชอบวิธีที่คุณไม่ชอบยังมี นานาจิตตังนะคะ
ตั่งแต่มาห้องนี้ ได้พบกับวิธีการสอนสมัยใหม่มากมาย มีที่เราชอบบ้างไม่ชอบบ้าง แต่ไม่เคยด่าใครที่ชอบแนวนั้นเลย เคารพการตัดสินใจของผู้อื่นเสมอ บางอย่างก็เพิ่งมาเห็น มาได้ยินในนี้นี่แหละ ล้าหลังเน๊อะ ยังอยากอยู่ห้องชานเรือนต่อนะคะ เรื่องอื่นๆเพื่อนๆก้อแนะนำให้กำลังใจกันอบอุ่นมากกก (เพิ่งเห็นกระทู้คลิปนี้นี่แหละ แรง น่ากลัว)
เรามาว่ากันด้วยหลักวิธีการสอนล้วนๆเลยนะคะ ตัวเองไม่เคยร้จัก แนวชิจิดะ ยึดแต่แนวทางของ Glenn ดั้งเดิมค่ะ ที่เอามาจากมาดาม Montessori อีกที สาเหตุที่ไม่ได้ตามดูวิธีการอื่นๆ เพราะว่า พอใจกับวิธีการนี้แล้วที่แม่สอนเรามา ที่เราสอนลูกเรามา เราก็พอใจ ก็ทำแค่นี้ ไม่ชอบการวิ่งตามกระแส ไปอันนั้นที อันนี่ที สุดท้ายไม่รู้อะไรแน่
เล่าความเดิมก่อน เพื่อเพื่อนๆคนไหนยังไม่ทราบ ดั้งเดิมเลยนี่ เมื่่อ 40 -50 ปีมาแล้ว วิธีการแบบนี้ เอาไว้ใช้สอนเด็กที่สมองได้รับการกระทบกระเทือน เด็กที่มีพัฒนาการช้า ซิ่งเป็นกลุ่มเด็กที่มาดาม Montessori ชาวอีตาลี ต้องการช่วยเหลือ แล้วพบว่า เด็กเหล่านี้ก็สามารถพัฒนาได้นะ Glenn เองก็ไปดูงานที่นั่น นำวิธีการมาประยุกต์ใช้ พร้อมกับ การเพิ่มความมั่นใจว่า ของบางอย่าง ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี ได้ผลดีกว่า เด็กรับได้มากกว่า ให้เด็กที่พิการทางสมองทำดู เด็กเหล่านั้นยังอ่านได้ เด็กสมองดีๆ ต้องทำได้ดีกว่าแน่นอน และถัดมา ก้อมีทางเอเซียรวบรวมงานความน่าทึ่งของสมองเด็กน้อยออกมา ว่า Ibuka
ยุคเริ่มต้นนั้น Glenn สอนอ่านค่ะ
การอ่านในที่นี้ คือ อ่านได้ในลักษณะ ท่องจำ ก่อนจะพัฒนามาอ่านได้เอง
เล่าจากประสบการณ์ตรงที่เห็นแม่สอนเรา เห็นแม่สอนน้อง และสอนลูกตัวเอง มันก็เหมือนการสอนเด็กท่องจำ ก ไก่ หรือ abc เพียงแต่เราไม่ได้ให้จำตัวอักษร เราให้ทำทั้งคำ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวเด็กก่อน เพราะเด็กเล็กก็ยังมีคำศัพท์ในสมองไม่มาก พ่อ แม่ นก หมา ป้า ยาย นม ขา แขน อะไรก็ว่าไป ตามแต่ใจแม่ๆ ลูกแต่ละบ้านมีคำศัพท์ไม่เหมือนกัน ทำเป็นเซ็ต เซ็ตละ 5 คำ ชูป้ายที่เขียนคำๆนั้นตัวใหญ่ๆ พร้อมออกเสียง แล้วเอาป้ายลง จบ แต่ต้องทำทุกๆวัน ทำตอนเด็กอารมณ์ดี ทำให้เด็กสนุก ห้ามบังคับ หากเด็กเบื่อ ไม่อยาก กรุณาหยุด ให้เด็กรู้สึกว่า นี่คือการเล่นเกมส์อย่างนีง แล้วเราก็ค่อยๆเพิ่มเซ็ตกันไป เมื่อไหร่ ยังไง แล้วแต่เด็ก อันนั้ไม่ได้มีบอกไว้ตายตัว แต่คิอ เมื่อเด็กพอใจ สนใจ เราก็เพิ่มอีกสักเซ็ต รายละเอียดครงนี้ขอข้ามไป
จะเห็นว่า ในแต่ละวันที่ทำ วัันใช้เวลาน้อยมากๆๆ เน้นแค่ทำทุกวัน
เด็กจะบันทึกคำๆนี้ไว้เป็นรูปภาพ จากการทำซ้ำๆ เห็นป้าย MAMA เด็กจำรูป MAMA แล้วรู้ว่ารูปนี้ อ่านว่า มาม่า นั้นคือ แม่ของเค้า รูปต่อไป OPA รูปนี้ อ่านว่า โอปา นั่นคือ คุณปู่ เด็กเริ้มโยงแบบนี้ก่อน ทำไปทำมาเรื่อยๆ วันดีคืนดี เห็นคำว่า PAMA เค้าก็จะไปชี้และอ่านให้เราฟังได้ว่า พามา ในสมองเด็ก
เค้าวิเคราะห์จากการท่องจำว่า PA ออกเสียงว่า ปา MA ออกเสียงว่า มา โดยที่ลูกยังไม่รู้หรอกว่า นี่ คือ ตัว พี นี่คือตัว อา นี่คือตัว เอ็ม และในลักษณะเดียวกัน เด็กก็เริ่มจำ แพทเทิร์น คำ แล้วมาวิเคราะห์เอง เป็น ความเข้าใจในภาษา จนสามารถอ่านได้ในที่สุด
บางทีจากทำที่มีแพทเทิร์นง่ายๆ ไปสู่อันที่ยากขึ้น บางทีก็แล้วแต่ว่าเด็กชอบรูปไหนน่ะค่ะ ลูกสาวก้อข้ามไปข้ามมา บางทีอ่านอันที่เราว่ายากได้ก่อนด้วยซ้ำ เลยคิดว่า มาจากความชอบ
เมื่อมาถึงตรงนี้ ถามเด็กตอนนี้ว่ารู้เหรอว่ามันตัวอะไร คิดว่าแล้วแต่อายุเด็กค่ะ แล้วแต่พ่อแม่ด้วย อย่าลืมว่า การฝึกนี้แค่เศษเสี้ยวของวัน เวลาที่เหลือเราก็เหมือนคนอื่นๆ มีร้องเพลง abc บ้างแน่นอน บางคนก็เลยตอบได้ เด็กบางคนจะเริ่มถามเลยว่า นี่คือตัวอะไร ถ้าถามลูกสาวตัวเองตอนนั้น 2 ขวบกว่าคงตอบได้เป็นบางอักษรเท่านั้น แหละนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการที่เธออ่านได้ เธออ่านได้ดีกว่า ไปซุปเปอร์ อ่านชื่อสินค้าได้ ชื่อร้านได้ เน้น ตัวโตๆ สีพื้นตัดกับตัวหนังสือ
อีกที่สั้นๆเพื่อความเข้าใจ คำตัวอย่าง OTTO
เด็กเห็น คำว่า OTTO เป็น รูป เรียนว่า รูปนั้น เรียกว่าอะไร เชื่อมรูปนั้น กับ ของจริง (หมาที่บ้าน)
เด็กจำรูปแม่นแล้ว เริ่มลงรายละเอียด เค้าวิเคราะห์เห็นว่า รูปนั้น มี 2 ส่วน ส่วนแรก OT ส่่วนที่สอง TO
เด็กเริ่มนำไปใช้ เวลาเห็นคำว่า TO ที่ไหน เค้าจะออกเสียงได้ เช่นไปร้านถ่ายรูปกะแม่ FOTO
น้องเคยเห็นคำว่า FO ละยัง ถ้าเคย จะอ่านได้ละค่ะ FO-TO บางทีอ่ารได้แค่ส่วนเดียวก็มี
เทียบกับการสอนแบบคุณแม่น้องในคลิป
จุดบนกระดาษ หน้าตาอย่างนี้ แม่เรียกรูปนั้นว่า เจ็ด เชื่่อม รูปนั้น กับเสียงเรียก เจ็ด
พอเห็นภาพรึยังคะ เด็กไม่ได้เข้าใจการนับ เด็กไม่ได้เข้าใจว่า 7 คืออะไร เด็กไม่ต้องนับ
เด็กจำรูปแบบของภาพค่ะ
เมื่อจำ จุดกับเสียงเจ็ดได้แล้ว ต่อมาก็สอนนั้นเชื่อม เสียง เจ็ด เข้ากับ เลข 7
มันจะออกมาได้เป็น รูปจุดใบนี้ ตือ เสียงเจ็ด คือ อีกรูปนึง เป็นเซ็ตเดียวกัน
ทำไมใช้จุด
การที่เราใช้จุดนั้น เพราะมันมีการเรียงระเบียบแถว เหมือนลูกเต๋า มันมีแพทเทิร์นของมันในตัว
การวางจุด 7 มันได้ไม่กี่แบบ วาง 4-3 มองอีกมุม มันคือ 3-3-1 อีกมุม คือ 2-2-2-1 เราไม่ต้องวางเรียง
เป๊ะมาก ยื่นมุมไหน เด็กก็ยังสามารถทราบได้ เพราะสำหรับเด็ก มันคือ ภาพคล้าย 7 เค้าก็ยังตอบว่า 7 เหมือนลายมือไงคะ ไม่ใช่ทุกคนเขียนเลข 7 เหมือนกัน แต่เราก็รู้ว่ามันเป็นเลข 7
ทำไมต้องแฟลช
เด็กชอบสิ่งเคลื่อนไหวเร็วๆค่ะ สั้นๆ เร๊วๆ เด็กชอบดูโฆษณาที่สุด ภาพเปลียนไว แต่ละภาพมีการเปลี่ยนแปลงมาก สีสันฉูดฉาด สั้นๆ แต่เร้าใจ มันดึงความสนใจ และ สมาธิได้ดีกว่าค่ะ
เรื่องการบวก การลบนี่ เป็นการสังเกตของเราจากลูกล้วนๆนะคะ
ย้ำ ไม่ได้สอนแบบน้องในคลิป แต่หลักการเดียวกัน คิดว่าวิธีคิดต้องเหมือนกันแน่ๆ เพราะไม่ว่าจะ
ดูยังไง มันคือ แนว เกล็นน ดีดีนั่นเอง
เดี๋ยวมาต่อให้ค่ะ