ความคิดเห็นที่ 1 คุณเป็นลูกที่น่ารักมาก เป็นเรา เราก็จะปกป้องแม่ของเราแบบนี้เหมือนกัน จากคุณ : แม่กุ๊บกั๊บกับเก๋ากี้ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:19:55

ความคิดเห็นที่ 2 ให้หลานดูดน้ำหลังดูดนมเหมือนกัน โรยแป้งพอประมาณบนตัวหลานหลังอาบน้ำเหมือนกัน ใครมาว่าเราหรือแม่เราแบบนี้ มีโวยเหมือนกันค่ะ บางครั้งก็ยังคิดว่า เยอะไปเปล่า สารพัดข้อห้าม ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ห้ามกินน้ำ ห้ามกินกล้วย จากคุณ : อิมาอิซัง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:33:52

ความคิดเห็นที่ 3 จริง อย่างที่สุด ที่ จขกท เถียงไปแบบนี้ .... เราเลี้ยงลูกเอง เปิดตำรา เลยนะ เมื่อก่อนไม่เคยเชื่อแม่เลย ลืมนึกไปว่าแม่เลี้ยงลูกมา 5 คน ทุกคนแข็งแรงหมด . . จนกระทั้ง ลูกโตพอไป รร ได้ แต่ช่วงปิดเทอม ไม่มีใครดู ก็เลยเอาไปฝากยายเลี้ยง ผลตอบรับคือ ลูกไม่ป่วยเหมือนอยู่กับเรา ลูกกินเก่ง ลูกโตขึ้น แค่ 2เดือนก่า ๆ (ติดช่วงน้ำท่วมด้วย) ผิดจากที่เราเลี้ยง หน้ามือกับหลังมือ ค่ะ . . แล้วก็เริ่มสงสัยตัวเองว่า เอ .... แม่เราเค้า ปสก เยอะนี้นาทำไมไม่เชื่อแม่แต่แรกน๊าาาา . . ทุกวันนี้ท้องตัวเล็กอีกคนอยู่ ว่าจะ คลอดมา ยกให้แม่เลี้ยงเลย ... . เพราะแม่เราสิเก่งที่ซู๊ดดดดดดด ...... . . และรักหลานเราที่ซู๊ดดดดดดดด จากคุณ : ปายจัง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:35:19

ความคิดเห็นที่ 4 แจ่มค่ะ ยังไงก็แม่เรา มาว่ากันได้ไงนี่ หึๆ เราชอบประโยคนี้ที่สุด "แม่เลี้ยงหนูมาได้จนขนาดนี้...แม่เลี้ยงหลานไม่ตายหรอก!!" จริงค่ะ เราเองอะไรหย่อนกันได้ก็ทำไปค่ะ ไม่เป๊ะตามตำราทุกอย่างเหมือนกัน แค่ลูกแข็งแรงก็โอเคแล้ว จากคุณ : แม่หมูจอมซ่าส์ (+แม่หมูจอมซ่าส์+) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:36:22

ความคิดเห็นที่ 5 ย้อนแบบผู้ดีครับ เยี่ยมมาก .... แต่ไอ้ย้อนแบบนี้เนี่ย คนรับ ร้อนยิ่งกว่าด่าแบบหยาบคายนัก .... หากน้าสะใภ้คุณแค่ออกความเห็น ตามประสาคนเป็นแม่คน ก็คงไม่มีอะไรมาก .... แต่แบบนี้ เค๊าเรียกว่า (ขออภัยนะครับ) สาระแน นัก นะ เมิงงงง .... การเลี้ยงเด็กเนี่ย วิธีใครวิธีมัน จะมาเลี้ยงเหมือนกันได้ยังงัย หืม? เป็นน้าสะใภ้เนี่ย ผมถือว่าเป็นญาติ ห่างๆ ครับ ... และคำว่าญาติ ห่างๆ สำหรับผมแล้ว ผมถือว่าผมไม่นับรวมเป็นญาตินัก ... ถึงได้เรียกว่า ญาติ ห่างๆ (ไปห่างๆ) .... แม่ใคร ใครก็รัก และผมเอง เกลียดคนที่ดูถูกบุพการีบุพการีคนอื่นมากๆ ...... ไม่ว่าจะของตัว หรือของภรรยา .... ท่านเจ้าของกระทู้ ยังใจเย็น และใจดี .... หากเป็นผม มีตบปากตั้งแต่แหวแรกแล้วครับ .... หากข้อความไม่เหมาะสม ต้องกราบขออภัย ผมไม่ชอบจริงๆครับ ด้วยความเคารพ .... จากคุณ : พ่อน้องเปียโน (Songpop) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:00:49

ความคิดเห็นที่ 6 สะใจคะ ตอกกลับไปเลลยย แม่ใคร ใครก้รัก จากคุณ : plearnplearn เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:05:26

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนอยู่โรงพยาบาล เราเคยเชื่อหมอเหมือนกันค่ะ ว่าช่วง 6 เดือนแรก ให้ลูกกินแต่นมก็พอ ไม่ต้องกินน้ำ ลูกสาวเราตาขุ่นอยู่หลายเดือน พอแม่เราว่างมาดูหลาน แม่เราเห็นร้องเสียงดัง รีบเอาน้ำต้มสุกให้ลูกเรากินใหญ่เลยค่ะ ลูกเราดูดน้ำใหญ่เลย เหมือน กระหาย มาก ๆ ตั้งแต่นั้นพอเราเชื่อแม่เริ่มให้ลูกกินน้ำ ตาของลูกเราก็เริ่มใสขึ้นค่ะ อีกอย่างนึงที่เรากลัวคือเราไม่กล้าให้ลูกกินอะไรนอกจากนม ขนาดเห็นคนข้างบ้านเอาข้าวสุกมาบี้ ๆ ป้อนให้ลูกกินตั้งแต่อายุ 2-3 วัน เรายังถามเค้าเลยว่าน้องจะไม่เป็นไรเหรอ เห็นหมอเคยบอกว่ากระเพาะเด็กยังย่อยไม่ได้ เค้าบอกว่าแม่เลี้ยงเค้าก็แบบนี้ เค้าเลี้ยงลูกมาสามคนก็แบบนี้ ลูกก็แข็งแรงดีทุกคน เค้าบอกว่า ถ้าเด็กไม่มีอะไรลงท้องบ้าง เค้าก็จะร้องหิวตลอดเวลา เพราะแค่นมน่ะ ไม่อยู่ท้องหรอก  แล้วเค้าก็ป้อนแค่สองช้อนชาเล็ก ๆ พอลูกเราสองเดือนแม่สามีเรามาป้อนกล้วยบด ไม่น่าเชื่อ !!!  จากลูกสาวเราทั้งผอม ทั้งดำ เ-หี่ย-ว ไปหมด กลับเต่งตึง จ่ำม่ำ น่าฟัด ค่ะ แล้วก็แข็งแรงปกติดีตอนนี้ก็สามขวบกว่าแล้ว ของบางอย่าง เราว่า....เชื่อโบราณไว้บ้างก็ดีคะ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:11:40

ความคิดเห็นที่ 8 เจ้าของกระทู้อีคิวสูงมากๆ เราว่าบางเรื่องก็อย่าเยอะมากเลย  เรื่องทานน้ำหลังทานนม เราว่าไม่แปลกนะ แต่อย่าทานเยอะ จากคุณ : ม่ะบอกอ่ะ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:13:43

ความคิดเห็นที่ 9 อะไรที่ตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปก็ไม่ดี คุณทำถูกแล้วหละค่ะที่ปกป้องแม่ตัวเอง เป็นเราเราก็จะสวนเหมือนกัน แต่คงแรงกว่านี้ เราถือว่าคนที่จะสอนให้เราเลี้ยงลูกได้มีคนเดียวคือแม่เรา เพราะเราโตมาจนมีลูกได้ก็เพราะแม่ คนอื่นไม่ได้เลี้ยงเราไม่มีสิทธิยุ่ง สงสารคุณแม่ ท่านคงเสียใจ น้าสะใภ้แบบนี้วันหลังอย่าให้เข้าบ้านนะคะ จากคุณ : ramenjung เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:21:30

ความคิดเห็นที่ 10 ตอกกลับได้สุดยอดมากคะ^^ จากคุณ : สาวไฉไล เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:36:20

ความคิดเห็นที่ 11 ชื่นชมจขกท ค่ะ ชอบคห 5 จังเลยค่ะ เห็นด้วยอย่างแรง โดยเฉพาะ ญาติห่างๆ เนี่ย น่าจะรู้ว่าจะแนะนำก้อแค่ประมาณไหนพอ ป.ล. ชอบคุณพ่อน้องเปียโนตอบหลายกระทู้ สังเกตุว่า คำพูดอาจตรงไป แต่มองที่แก่นแล้ว เราว่ามันคือเรื่องจริงทั้งนั้น ^^ จากคุณ : cottongirl เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 01:20:53

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านชานเรือนมากไปหรือเปล่าคะคุณน้า วิชาการเยอะจัง เอิ้กๆๆ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 02:20:56

ความคิดเห็นที่ 13 งงอ่ะ สม้ยนี้เขาห้ามเด็กกินน้ำด้วยหรือ เมื่อก่อนเลี้ยงลูก ต้องให้เด็กดูดน้ำทุกครั้งหลังกินนม เพราะลิ้นจะเป็นฝ้า ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเนอะ แล้วถ้าต้องเลี้ยงหลาน จะเลี้ยงเป็นไม๊เนี่ย จากคุณ : แม่โบราณ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 04:55:44 A:115.87.169.224 X: TicketID:351200

ความคิดเห็นที่ 14 เราเป็นคนหนึ่งที่แคร์ความรู้สึกแม่มาก เพราะท่านอายุ เกือบ 70 ลงทุนลงแรงมาเลี้ยงลูกคนเล็กให้เรา มีหลายอย่างที่ท่านทำดูไม่ถูกต้องตามหลักการ  แต่เราไม่ได้คิดอะไร   คิดอย่างเดียวว่าท่านก็เลี้ยงเรามาจนโตทั้ง 3 คน เป็นเราๆก็ไม่ยอมที่คนอื่นมาบ่นว่าแม่เราแบบนี้ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 06:38:38

ความคิดเห็นที่ 15 ทาแป้งให้เด็ก กับให้ทานน้ำหลังทานนมผิดตรงไหน แม่เราเลี้ยงเรา พี่สะใภ้เราก็เลี้ยงหลาน 6 คนแบบนี้ ตอนนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาว แข็งแรง เรียนเก่ง หน้าที่การงานดีทุกคน จากคุณ : ต้าถุง เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 07:40:11

ความคิดเห็นที่ 16 งงอ่ะ.... ผิดยังไงเนี่ย แม่เรานะ ทาแป้งเอ่อ......เรียกกว่าคลุกแป้งดีกว่า เราดูจากรูปตอนเด็กๆ ของเรา ไม่มีรูปไหนที่เราไม่มีแป้งที่ตัวเลย ผลคืิอ ใครเห็นก็อยากจะอุ้มเรา อยากหอม อยากฟัด เพราะตัวหอม ลื่น ไม่เหนียวหนุบหนับ เหมือนเด็กคนอื่น ส่วนเรื่องกิน ทั้งน้ำ กล้วยบด ข้าวบด แม่เราสรรหามาให้กิน จนตัวเราขาวจั๊วะ อ้วนจ้ำม่ำ   คุณน้านี่เป็นไรมากเปล่าคะเนี่ย ? จากคุณ : แสงตะวัน ณ ยามเช้า เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 07:47:05

ความคิดเห็นที่ 17 บางครั้งก็ไม่เข้าใจนะบางคน ทำไมถึงซีเรียจจังกะเรื่องเอาน้ำให้ลูกอ่ะ จขกท น่ารักมากเลยค่ะ ป่านนี้น้าสะใภ้ตับแตกไปแล้วมั้งเนี่ย อิอิ จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 08:09:12

ความคิดเห็นที่ 18 ลูกเราก็กินน้ำหลังกินนมแม่ ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ก็ปกติดี เดินทางสายกลางบ้างเนอะ และเราไม่ชอบคนที่มาวิจารณ์คนอื่นในแง่ลบเรื่องเลี้ยงเด็กเลย ใครๆ ก็รักลูกหลานตัวเองนะ ไม่ใีครอยากทำสิ่งไม่ดีหรอก จริงปะค่ะ จากคุณ : pinkybird เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 08:32:18

ความคิดเห็นที่ 19 บางคนก็ตึงเกินเหตุ  ตำราจ๋า บางอย่างมันก็วิชาการไม่ได้หรอก ประสบการณ์จริงต่างหากที่เอามาใช้ได้ผลจริง เรื่องกินน้ำ เรื่องทาแป้ง เราไม่เคยเอามาซีเรียสเลย แต่โชคดีค่ะรอบข้างเราไม่เคยมีใครห้าม มีแต่บอกว่าทำเลยๆ ก็ดีหนิ ลูกก็สมบูรณ์น่ารักปกติดี ถ้าใครมาว่าแม่เราแบบนั้น เราก็ทำแบบเจ้าของกระทู้นั่นแหละค่ะ จากคุณ : มะปรางข้างรั้ว เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 08:35:00

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบ ๆ ของเรายังไม่เจอช๊อตถูกกระทำเยอะขนาดนี้  ถ้าได้เจอ...คงงัดแบบเดียวกับ จขกท. นี่แหล่ะคร๊า.... จากคุณ : Gookie เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 08:35:13

ความคิดเห็นที่ 21 ของเราแล้วแต่ยายอะ ^^ ทำได้ตามสบายเล้ย แหม ก็เลี้ยงมาตั้ง 3 คนไม่นับของญาติๆ อีก ^^ จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 08:42:26

ความคิดเห็นที่ 22 เพราะคุณแม่คุณ ใจเย็น ใจดีอย่างนี้นี่เอง  ถึงทำให้คุณใจเย็นไปด้วย คุณแม่คุณ และตัวคุณเอง  เป็นคนน่ารักมากๆค่ะ ^__^ จากคุณ : ann_g เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 08:43:47

ความคิดเห็นที่ 23 นี่ดีว่าเป็นน้าสะใภ้นะคะ ของเราเจอคนเป็นลูกน้องเรามาตำหนิเรา เขาเด็กกว่าเรากันประมาณ 5-10 ปีนะ หลายคนงัย   มาทักเรา อุ้ย ท้องเล็กจัง 6เดือน จริงหรือเปล่า อุ้ยบำรุงรึเปล่า คลอดเสร็จก็มีทักตลอด ห้ามอันนู้นห้ามอันนี้ เรานี่มีเคือง สุดท้ายเลยย้อนไปว่า นี่พวกหล่อนการที่พวกหล่อนมีลูกก่อนฉัน เลี้ยงก็ไม่ได้เลี้ยงเอง ส่งไปให้แม่เลี้ยงที่ต่างจังหวัด ถึงกับต้องทำตัวเป็นหมอสูติ หมอเด็ก กันเลยเหรอ หมอที่ฉันฝากครรภ์ด้วยเขายังว่าลูกฉันปกติเลย เลยเงียบกัน   แต่เงียบเป็นพักๆนะ ยังมีทักมาตลอด ไม่รู้จะอะไรนักหนา จากคุณ : CutieVicki เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:02:54

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าท่าน้าสะใภ้ จขกท จะจบสาระมานะคะ . สาระแนไม่เข้าเรื่อง เรื่องลูกเนี่ยไม่มีใครเป๊ะหรอกคะ วิธีแต่ละคนปรับได้กับเด็กบางคน ลูกใคร ใครก้อรักเลี้ยงแบบเราผิดตรงไหน จากคุณ : Many Name เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:08:13

ความคิดเห็นที่ 25 เราคิดว่าอะไรที่มันไม่ถูกต้องก็บอกกันดีๆก็ได้เนอะ เป็นเราก็มีเถียงเหมือนกัน คนเราถึงหวังดีก็ต้องมีจิตวิทยาในการพูด และคนที่ถูกบอก แต่ถ้าเราลองเปิดใจฟังบ้างมันอาจได้รับข้อมูลดีๆก็ได้ คือบางทีเคยไปเห็นครอบครัวทางพี่สะใภ้ที่เขาเลี้ยงหลานทางโน้น(ไม่ใช่หลานเรา)มาเหมือนกัน บางทีมันไม่ใช่การเลี้ยงที่ถูกเลย อย่างการปล่อยปละละเลยในอาหารการกิน ทำให้หลานอ้วน หรือ การไม่อบรมสั่งสอน จนทำให้หลานกลายเป็นเด็กโมโหร้ายเอาแต่ใจ กรี๊ดๆ ถามว่ามันถูกหรือเปล่า ถ้าเขาเลิกยึดติดแลหันมาหาความรู้ในการเลี้ยงเด็กที่ถูกวิธีบ้าง มันก็คงจะดี แต่นี่เขายึกติดไง แม่ฉันเลี้ยงมาเงี้ย ดังนั้นการเลี้ยงของแม่ฉันถูกต้องที่สุด เอาจริงๆแล้วมันไม่ใช่หรอก จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:21:14

ความคิดเห็นที่ 26 แรกๆเราก็ทำตามตำรานะคะ(บวกกับตามที่พี่สาวสามีบอกมาด้วยค่ะ) พอซัก 1 ขวบ ลูกเราอยากเที่ยวค่ะ ไปบ้านย่า บ้านยาย บ่อยๆ เราเห็นเค้าเลี้ยงแล้วก็ตามแบบนอกตำราค่ะ แต่เราเห็นได้ว่า จากสายตาและการกระทำ มันเกิดมาจากความรักค่ะ เลยยอมๆ และเราเองก็แอบทำตาม(แบบนอกตำรา)ในบางเรื่องด้วยค่ะ จากคุณ : แอนนี่-อัยย์จัง เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:25:07

ความคิดเห็นที่ 27 คุณแม่น่ารักมากค่ะ ไม่พูดอะไรเลยแต่เลี้ยงคุณให้พูดแบบผู้ดีมีสติได้ ขอชื่นชมค่ะ เห็นด้วยกับ จขกท. ว่า อย่าเยอะ เดินทางสายกลางดีกว่า เราก็เปิดตำราเลี้ยงคะพอเป็นไกด์แต่ให้ทำแบบตำราเด๊ะๆ ในทางปฏิบัติบางอย่างรู้สึกผิดธรรมชาติค่ะ หวังว่าได้ระบายแล้วคงหายอารมณ์เสียแล้วนะคะ เข้าใจเพราะตอนลูกเราเล็กๆเราก็เจอคนแบบนนี้เยอะแยะ จากคุณ : angkan111 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:27:08

ความคิดเห็นที่ 28 แม่ จขกท น่ารักมากครับ ไม่โกรธ แถมยังยินดีปรับปรุง หากมันจะไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นแม่ยายผม โดนสวน ตั้งแต่ เอาน้ำต้มสุกให้กินไปแล้ว จากคุณ : พ่อหมูลูกสอง (แม่ลูกหมู) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:31:28

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วโกรธแทน เป็นเราเจอแบบนั้นก็คงมีตอกกลับเหมือนกัน ส่วนตัวเรื่องหลักการเลี้ยงลูก เราไม่ค่อยซีเรียสมากนัก ว่าต้องทำตามหมอเป๊ะๆทุกอย่าง เราใช้วิธีแบบผสมผสานมากกว่า คือเอาทั้งตำราสมัยใหม่ มาบวกกับวิธีการเลี้ยงดั้งเดิมของแม่ เพื่อที่ว่าจะได้เลี้ยงลูกและหลานแบบสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องให้ลูกกินน้ำหลังกินนมแม่ เราก็ทำเพียงแต่จะไม่ได้ให้กินทุกครั้ง ให้จิบๆบ้างประปราย เพื่อตามใจแม่เพราะตอนแม่เลี้ยงลูก 3 คน แม่ก็ทำแบบนั้น ไม่ได้เคร่งว่าจะต้องงดกินเด็ดขาด ลูกเราก็แข็งแรงเติมโตดี ส่วนเรื่องอาหารเสริมที่ให้เริ่มกินตอน 6 เดือน แม่เราก็ยอมทำตามที่เราอยากได้เหมือนกัน เรียกว่าต่างคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ก็เลยทำให้เราแทบไม่เคยต้องถกเถียงกันเรื่องแนวทางการเลี้ยงลูก จากคุณ : Trippy เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:35:31

ความคิดเห็นที่ 30 น้าสะใภ้คือน้องสะใภ้ ของคุณแม่คุณใช่ไหมคะ  พวกสะใภ้ ๆ นี่แหละค่ะ ตัวดีนักเชียว ชอบจุ้นเรื่องคนอื่น ว่างงานเป็นไม่ได้ขอให้ได้จุ้น ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ชอบไปแขวะ ไปติ ไปรู้ดีไปหมดเรื่องของบ้านอื่น แต่บ้านตัวเองนี่เละเทะมาหลายรายแล้ว ถ้าสะใภ้นี่ไม่น่าถือว่าญาติ เรียกว่า ดอง ค่ะ ซึ่งถ้าเค้ามาดี เราดีกลับ ถ้ามาร้าย เราร้ายกลับ   จากประสบการณ์ เรามีปัญหามาก ๆ กับคู่สะใภ้ บางคนเรียก เพื่อนสะใภ้ แต่เราถือว่าไม่ใช่เพื่อน ถ้ามาทำอวดดีใส่เรา ตราบใดที่เราไม่ได้ไปบ้านเค้า ถือว่าเราไม่ผิด แต่ถ้าเค้ามาบ้านเราแล้วมาทำเป็นรู้ดี ทำเป็นใหญ่ ทำเป็นข่มเรา เราเอาหนักค่ะ ทุกวันนี้ยังมีปัญหาไม่จบเลย แต่เราไม่เคยไปบ้านเค้านะ เพราะรู้ว่ามันขี้อิจฉาคนอื่น ถ้าต่อไปลูกเรา ปกป้องเราอย่างนี้ เรารักที่สุดเลยล่ะค่ะ คุณเป็นคนที่รู้จักคุณแม่คุณ รักคุณแม่คุณ ปกป้องคุณแม่คุณ จงภูมิใจเถอะค่ะ จากคุณ : Cupid MOMO เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:39:58

ความคิดเห็นที่ 31 วิธีใครวิธีมันค่ะ อย่าล้ำเส้นกัน เป็นเราๆก็คงว่ากลับไปเหมือนกันค่ะ คนแบบนี้ต้องมีคนตอกกลับซะบ้างค่ะ จะได้รู้ว่าเค้าพ่นอะไรออกมา จากคุณ : TweetY (jenet68) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:08:01

ความคิดเห็นที่ 32 แต่เรื่องที่น้าสะใภ้คุณบอก มันก็มีประโยชน์สำหรับลูกคุณนะคะ ลูกคุณกี่เดือนแล้วอ่ะคะถ้ายังไม่ถึง6เดือนกินนมแม่อย่างเดียวก็ไม่จำเป็นต้องกินน้ำตามเพราะในนมแม่มีน้ำพอเพียงสำหรับลูกอยู่แล้ว แต่ถ้านมขวดก็อีเรื่องนึง เรื่องทาแป้งอีกแป้งฝุ่นชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันเหมือนฝุ่นที่เค้าไม่ให้ทาก็เพราะอาจจะทำให้ลูกคุณเป็นภูมิแพ้ได้ น้าสะใภ้คุณเค้าอาจหวังดี แต่เค้าพูดแรงไปบ่นว่าแม่คุณ คุณอาจจะโกรธเป็นธรรมดาอยู่แล้วเราเข้าใจ แต่ก็ฟังไว้บ้างก็ดีเพราะมันก็มีประโยชน์กับลูกคุณนะคะ (ถ้าข้อความเราไม่ถูกใจจขกทหรือใครๆ เราต้องขอโทษด้วยนะคะ) จากคุณ : boxlada (boxlada) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:10:46

ความคิดเห็นที่ 33 เลี้ยงลูกไม่จำเป็นต้องเปะๆหรอกน้อ เลี้ยงลูกอ่ะ ไม่ต้องตามตำรา เลี้ยงตามสัญชาติญาณของคนเป็นแม่ดีที่สุด แม่ จขกท.ใจเย็นจัง ถ้าเป็นเราจะว่ายิ่งกว่านี้อีก มาว่าแม่เราได้ จากคุณ : Fairybox เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:11:28

ความคิดเห็นที่ 34 สะใจ จขกท.ค่ะ เยี่ยม ๆ เอากิฟท์ไปเลย แม่เราก็เลี้ยงลูกเราเหมือนเลี้ยงเรา ตอนแรกเราอ่านข้อมูลจากในเน็ทก็เครียดเหมือนกัน แม่เรา...เลี้ยงลูกเราแทบจะตรงข้ามกะเน็ทหมดเลย (แต่ก็คิด...เราก็โตมาได้นี่หว่า อ้วนน่าฟัดจะตาย 555) สุดท้าย เบิร์ด ๆ เลยแม่ เอาไงก็เอากัน เพราะแม่เลี้ยงนี่ หนูทำงานตามสบายแม่เลย แต่ตอนนี้ขออย่างเดียว งดทีวี (กันทั้งบ้าน) เพราะลูกเราคุณหมอบอกว่าเป็น ออฯ แม่เราก็เถียงใจขาด หลานช้านนนนนไม่เป็น แต่ก็งดนะคะทีวีอ่ะ ดูเฉพาะเวลาลูกเราหลับแล้วเท่านั้น จากคุณ : am molly เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:19:23

ความคิดเห็นที่ 35 น้าสะใภ้คุณพลาดไปหน่อยค่ะ ที่พูดจาไม่น่าฟัง นอกจากไม่อยากฟังแล้ว ยังไม่อยากทำตามอีก .. แต่ยังไงก็เก็บมาพิจารณานิดนะคะ อย่าให้อคติและความโมโห บดบังสิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์กับลูกค่ะ จากคุณ : ปานิปานิ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:25:51

ความคิดเห็นที่ 36 บางที...น้าสะใภ้อาจจะหวังดี แต่พูดไม่ดีก็ได้นะคะ อย่างคห 32 บอกนั่นแหละ เด็กแรกเกิด-6 เดือน หากกินนมแม่ ไม่จำเป็นต้องดูดน้ำตามหลังจากอิ่มนม  เพราะเพิ่มโอกาสท้องเสีย  และทำให้กระเพาะถูกแทนที่ด้วยน้ำมากเกินไป  แต่ถ้ากังวลเรื่องลิ้นเป็นฝ้าก็ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดลิ้นหลังดูดนมก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องทาแป้ง  เค้าคงหมายถึงการโรยแป้งโดยตรงที่ตัวเด็ก(มั้ง) เพราะจะทำให้ฝุ่นแป้งฟุ้งกระจาย เข้าจมูก เข้าตาเด็กเข้าสะดือได้  ควรเทลงบนฝ่ามือแล้วทาให้เนียนๆกับมือ แล้วค่อยทาที่ตัวเด็ก ให้ตัวลื่นก็พอ  เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อนที่ขาหนีบ ซอกพับต่างซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดงได้ค่ะ จากคุณ : Anonym เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:26:36

ความคิดเห็นที่ 37 น้าสะใภ้ พลาดที่เป็นคนพูดจาน้ำเสียงและคำพูดไม่เหมาะแค่นั้น บางอย่างประยุกต์ใช้ผสมปนเปกันไป ก็ไม่เสียหาย แต่ต่อไปก็อย่าไปพูดคุยด้วยก็จะทำให้อารมณ์ดีขึ้นมากกว่าเยอะค่ะ จากคุณ : Anna เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:38:51 A:223.207.52.130 X: TicketID:258789

ความคิดเห็นที่ 38 ...แม่จขกท.ก็น่ารักดีนะ มีการถามด้วยว่าอยากให้เลี้ยงหลานแบบไหน ค่อยสบายใจหน่อย เราว่าญาติจขกท.แกแรง แต่ดูเหมือนเค๊าจะมีเหตุผลเหมือนกันนะ เพราะส่วนตัว สิ่งที่เจอในชีวิตจริง มีเด็กหลายคนที่ตกอยู่ในสภาพพ่อแม่รังแกฉันเพราะพ่อแม่รู้เท่าไม่ถึงการ์ณ"ไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะเป็นแบบนี้"ก็เยอะ ที่เกือบตายเพราะพ่อแม่ตัวเองนี่...ไม่ใช่ประสบการ์ณที่ดีหรอกนะ จากคุณ : abstract เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:44:28 A:58.8.53.76 X: TicketID:071021

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแล้วคิดถึงแม่ขึ้นมาเลยค่ะ แม่เราเสียไป 5 ปีแล้ว แม่เราเลี้ยงลูก 5 คนเหมือนกัน ตอนเลี้ยงหลาน (ลูกน้องสาว) ก็เลี้ยงดีมากๆ ตัวหอมทั้งวันเลย แถมใจเย็นด้วย รักหลานยังกับแก้วตาดวงใจเลย เสียดาย ลูกเราสองคนไม่มีใครมีโอกาสได้เห็นยาย ยายก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหลาน เพราะเสียตอนเราท้องลูกสาวคนโตได้เดือนนึง ถ้าแม่ยังอยู่นะ เราคงมีที่ปรึกษาที่ดีที่สุดในโลก รักลูกเราที่สุดในโลกเลยล่ะค่ะ ตอนนี้เลี้ยงเด็กน้อยสองคนเหนื่อยๆ คิดถึงแม่ขึ้นมาเลยทีเดียว T_T  รักแม่ที่สุดในสามโลกเลยค่ะ จากคุณ : คุณแม่ธรรมดา เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:04:49

ความคิดเห็นที่ 40 หลานเรากินนม ไม่กินน้ำตาม โตมา กินน้ำยากมากกก ไม่ยอมกิน จนคอแห้ง ไอเรื้อรัง กลุ้มใจมากมาย จากคุณ : tomkapla เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:10:22

ความคิดเห็นที่ 41 ชื่นชมแม่จขกท.นะคะที่ ใจเย็นและยอมรับฟังคนอื่น ท่านน่านับถือมากขึ้น จากคุณ : ~ FoxiLiciOuz ~ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:18:42

ความคิดเห็นที่ 42 น่าเบื่อเนอะ อิพวกเป๊ะๆตามเค้า(หมอ ?)ว่ามา แล้วมาเจ๋อ ทาแป้งไม่ได้ เข้าปอด นู่นนี่........................โอ๊ะอิแม่ก็ทาเบาๆซะวะคะ ชั้นก็ทาลูกชั้นจนทั่วแล้วไง ผื่นผด ลอกเปื่อยอะไรเคยคุกคามลูกชั้นมั๊ยย่ะเห็นแต่พวกนางวิ่งหายาทาผดผ้าอ้อมกันให้ควั๊ก เชอะ ห้ามกินน้ำ...................ก็เข้าใจว่าหมอห้ามเพราะอะไร แต่หัดยืดหยุ่นเป็นบ้าง คิดหน่ะคิดคิดบ้าง ร้อนจนปากลอกแห้ง แกไม่คิดจะให้ลูกจิบน้ำมั่งหรือไง จิบไปนี่จะชัก หรืแกนนำหมู่บ้านมาประท้วงหน้าบ้าน โอ๊ยเพลีย จากคุณ : *แอ๊ปเปิ้ล รสพีช* เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:23:40

ความคิดเห็นที่ 43 จขกท. สุดยอดมากๆ ครับ ตอบแบบเนิบๆ แต่คนฟังจี๊ดไปถึงทรวง จากคุณ : TVIC_1408 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:28:56

ความคิดเห็นที่ 44 จัดหนักไปเลยค่ะ แม่เรา เราว่าได้คนเดียว อ้าวว!!!!! จากคุณ : Jarunya.b เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:30:55

ความคิดเห็นที่ 45 เราก็โกรธแทน จขกท นะ ถ้าเป็นเราคงพูดแรงกว่านี้ แต่ดีแล้วค่ีะที่ จขกท พูดแบบนี้ เราก็เลี้ยงลูกแบบนี้เหมือนกัน จากคุณ : แม่น้องไทม์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:39:45

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบค่ะ ^^ จากคุณ : MyGoodSong เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:43:31

ความคิดเห็นที่ 47 แม่คุณเลี้ยงลูกได้เก่งมากเลยครับ เห็นได้จาก การควบคุมอารมณ์ของคุณและแม่คุณ ไม่ด่าเปิง ไม่ตอบโต้ แถมแม่คุณยังถามคุณอีกว่าที่พี่สะใภ้ว่านั่นมันจริงหรือเปล่า ซ้ำยังตอบโต้นิ่มๆ ..แต่แสบยิ่งกว่าด่าแบบแม่ค้าปากตลาด สุดยอดเลยล่ะแบบนี้ เพราะเป็นผมคงไม่สามารถออกมาในรูปแบบนี้แน่นอน ต้องย้อนถามว่า แม่คุณเลี้ยงลูกยังไง ให้ EQ ดีอย่างนี้ จากคุณ : สุขแท้เบายิ่ง เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:48:52

ความคิดเห็นที่ 48 น้าสะใภ้พูดแรงไปจนทำให้คุณโกรธคุณทำถูกแล้วที่ปกป้องแม่ แต่ก็นำสิ่งที่เค้าพูดมาพิจารณาด้วยนะคะ เพราะลูกเรามีเสียงครืดคราดเวลานอน พอเราปรึกษาหมอ หมอให้งดทาแป้ง จัดห้องให้ไม่มีฝุ่น (เอาม่านไปซัก) ลูกเราก็หายใจไม่มีเสียงครืดเลยค่ะ คือเกือบจะเป็นภูมิแพ้ไปแล้วล่ะ แต่เราแก้ไขทัน ส่วนน้ำ ตัวเราก็ไม่ให้ลูกทานน้ำนะคะ เพราะลูกกินนมแม่ น้ำจะล้างนมแม่ที่เคลือบในปากลูกออกไป   แต่ถ้านมวัวหรือนมอื่นๆ ควรทานน้ำตามค่ะ จากคุณ : Lily of the Valley เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:51:59

ความคิดเห็นที่ 49 ต้องถามน้าสะใภ้แล้วล่ะ ว่าแม่เค้าเลี้ยงมายังไง ให้มาด่าผู้ใหญ่ฉอดๆ แบบนี้ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:53:35

ความคิดเห็นที่ 50 ชอบ ๆ อะ จากคุณ : น้องจี๊ดจ๊าด.. (จี๊ดจ๊าด-jamp) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:01:02

ความคิดเห็นที่ 51 เพิ่งได้รับรู้ความรักที่แม่มีให้เรา ก็ตอนที่เราท้องเจ้าตัวเล็กนี่ละค่ะ ทีแรกท้องก็ยังไม่กล้าบอกแม่นะคะ กลัวว่าแม่จะว่ายังไง พี่ที่รู้จักกันก็บอกว่า บอกไปเหอะ เค้าต้องดีใจแน่ๆ เลยตัดสินใจบอกค่ะ แน่นอน แม่ดีใจมาก หลานคนแรกด้วย ตั้งแต่ท้อง ก็รับรู้ได้ ว่าแม่รักเรามากแค่ไหน ตอนท้องแรกๆแม่ก็ถามตลอด อะไรยังไง เป็นไงบ้าง เราก็บอกไป เพราะเราก็เพิ่งท้องแรก แม่บอกว่า บอกแล้ว ว่าอย่าดื้อกับแม่ เห็นมั๊ยล่ะ อุ้มท้อง มันเหนื่อยอย่างงี้แหละ รักแม่จังเลย... จากคุณ : ณัฐญาดา (maccmacc2010) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:01:08

ความคิดเห็นที่ 52 บางคนก็นะ ข้อมูลเยอะ แล้วดั๊นทำตัวเป็นคลังข้อมูลเคลื่อนที่ ติเค้าไปเรื่อย แต่ว่าคนอื่น บางทีเราก็เป็นนะ เจ้าหลานชายโดนโรยแป้งกลบจุ๊ดจู่ เราเลยบอกไปแนวว่ามันไม่น่าจะดีนะบลาๆ สุดท้ายก็โดนสวนมา สมัยก่อนยังเลี้ยงมาได้จนโต สมัยนี้เรื่องมาก อืมม ก็จริงอ่ะนะ จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:05:55

ความคิดเห็นที่ 53 จริงๆเราก็ไม่เคยให้ลูกกินน้ำก่อนอายุ 6 เดือนนะคะ เหตุผลเพราะว่าเดี๋ยวลูกอิ่ม แล้วจะกินนมแม่ได้น้อย เราก็จะปวดเต้านม แค่นั้นเองค่ะ เราบอกพ่อแม่เราและพ่อแม่สามีให้ทำตามด้วย จริงๆก็รู้ว่าพ่อสามีแอบป้อนน้ำให้หลานบ้าง แต่เราเข้าใจค่ะ บางทีก็ต้องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่บ้าง ส่วนเรื่องทาแป้ง  ทราบมาว่าแป้งคือฝุ่น เราเลยไม่ทาแป้งให้ลูก แต่ถ้าวันไหนย่าอาบน้ำให้ย่าจะจับคลุกแป้งเลยแหละค่ะ แค่รอให้น้ำมันเดือดก็หย่อนลงไปทอดได้เลย 55 แต่เราไม่เคยไปสะระแนการเลี้ยงลูกของคนอื่นหรอกนะคะ จะให้คนอื่นมาเชื่อเหมือนที่เราเชื่อมันทำไม่ได้หรอก และที่น้าคุณจขกท.ทำมันไม่สุภาพอย่างแรงเลยค่ะ จากคุณ : เอม (นางมารร้ายกะนายแสนดี) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:13:37

ความคิดเห็นที่ 54 อันนี้ ตามประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆนะครับ อ่านแล้วได้ ฉุกคิดแน่ครับ อยากแบ่งปันเพราะเจอเรื่องทานน้ำต้มสุกนี่ล่ะครับ ปัจจุบัน ลูกสาวคนแรกผมอายุ 8 เดือนกว่าแล้วครับ และผมนี่ล่ะเป็นคนที่ทำตามแพทย์มาเป๊ะๆ ทั้งตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ฉีดวัคซีนที่สำคัญทั้งผมและแฟน คุมกำเนิดรอวัคซีนครบ ตรวจเลือดซ้ำ ว่าภูมิขึ้นเรียบร้อยไหม จึงจะปล่อยให้มีน้อง พอถึงคลอดออกมาก็ฟังหมอเป๊ะๆ กางตำราอ่านเลี้ยง หวังว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตามสไตล์ความคิดของพ่อแม่มือใหม่ยุคนี้ทุกๆท่านที่คิดแบบนี้กัน ช่วง 2 เดือนแรก แฟนกลับไปพักฟื้นที่บ้านคุณแม่แฟน เลี้ยงไปคุณแม่แฟนก็มาแบบเดียวกันนี้เลยครับ คือ ทานนมแม่เสร็จจะให้ทานน้ำต้มสุกตาม ด้วยความดื้อรั้นของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ก็พยายามอธิบายให้คุณแม่แฟนฟัง และไม่ยอมให้ทานน้ำต้มสุก แต่ผมกับแฟนพูดดีนะครับ ไม่ได้เป็นเหมือนกรณี จขกท. 555 ผลปรากฏว่า น้ำนมที่คุณแม่มีให้นั้น "ไม่เพียงพอ" ต่อความต้องการของน้อง และน้องก็ไม่ได้รับน้ำต้มสุกเพิ่ม ทำให้น้องเกิดอาการตัวเหลือง เมื่อพาไปหาหมอตอน 1.5 เดือน คุณหมอตรวจเลือดพบค่าผิดปกติของตับสูงมาก (เนื่องจากน้องได้รับน้ำไม่เพียงพอที่จะไปช่วยขับสารเหลืองออกมาเป็นเวลานาน) ตอนถามประวัติผมกับแฟนผมก็ให้ประวัติไปว่าทำอะไร วางแผนอย่างไรกับการมีลูกคนนี้มาบ้าง ทำให้คุณหมอคิดไปว่าไม่ใช่น่าจะเกิดจากตับอักเสบ เนื่งจากคุณพ่อคุณแม่เตรียมพร้อมมาและไม่เป็นพาหะหรือมีใครเป็นตับอักเสบทั้งสองคน ตอนนั้นคุณหมอจึงสงสัยว่าจะเป็นโรคท่อน้ำดีตีบ (Biliary Artesia) ซึ่งมีอาการคล้ายแบบนี้ ส่งไป อัลตราซาวน์ และ ฉีดสีน้องเข้าเครื่องแสกน ทุกอย่างผลออกมาบ่งว่าน่าจะเป็นโรคนี้แน่ ซึ่งต้องผ่าตัดและมีโอกาสหายขาดน้อยมาก (กรณี รุนแรงอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนตับ)  ผมกับแฟนนี่ เศร้า หม่นหมองสุดๆ แต่พอผ่าตัดออกมาปรากฏว่าเป็นตับอักเสบธรรมดา ไม่ได้เป็นโรคท่อน้ำดีตีบตามที่เข้าใจตั้งแต่ต้น สามารถทานยาหายได้ ทุกวันนี้ น้องกลับมาปกติ ค่าตับก็ปกติดีแล้ว แต่ที่ยังแก้ไม่หายคือ ยังไม่ยอมทานน้ำต้มสุก ผมกับแฟนยังต้อง หาน้ำผึ้ง ผสมน้ำผลไม้บ้าง เพื่อให้น้องยอมทานน้ำ นี่ย้อนคิดกลับไปนะครับ ถ้าผมกับแฟนรู้จักรับฟังผู้ใหญ่ในบ้านเราบ้าง ลูกผมคงไม่ต้องเจ็บตัว และ มีสุขภาพแข็งแรงไม่ต้องไปหาหมอเลยก็ได้ ทุกวันนี้ ผมกับแฟนก็ต้องยอมรับ ก้มหน้ารับไปเพราะเป็นผู้ผิดอย่างแท้จริง 55 กับคำพูดที่ว่า ชอบมาเถียงผู้ใหญ่ ทีเอ็งแม่ยังเลี้ยงมาจนโตได้ ให้กินน้ำต้มสุกนี่ล่ะ แล้วทำไมแม่จะเลี้ยงลูกเอ็งให้กินมั่งไม่ได้ ป.ล.1 แต่ผมกับแฟนก็ยังแอบคิดแย้งว่ากรณีนี้ ถ้าคุณแม่มีน้ำนมมากเพียงพอก็คงไม่เกิดขึ้น ป.ล.2 แต่ถ้ามีลูกอีกคราวหน้าจะให้ทานแล้วครับ เพราะถ้าไม่ให้ทานน้ำต้มสุกนี่ โตขึ้นมาบังคับให้ทานน้ำยากมาก ทานข้าวบด ทานอะไร เสร็จสรรพ น้องไม่เคยยอมทานน้ำเลย สรุปยังไง พ่อกับแม่ของเรา ก็รักลูกของเราไม่น้อยไปกว่าเราแน่นอนครับ ดังนั้นสิ่งที่ท่านทำย่อมเกิดจากความปรารถนาดีล้วนๆ ดังนั้นเราคิดอะไรทำอะไร ก็อย่าลืมมองจุดประสงค์ความตั้งใจข้อนี้ไปด้วยนะครับ บางอย่างอาจคิดไม่ตรงกัน แต่พอเมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว เราจะได้คุยกันและยอมรับฟังความคิดที่ต่างออกไป และเป็นประโยชน์บ้างครับ อีดิท นิดนึง อาการลูกผมคล้ายความเห็นที่ 7 ครับ แต่ผมยังดื้อไม่ยอมให้ทานน้ำ แต่ไปหาหมอแทน แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 12:25:41 จากคุณ : น้ำตาลแมว คือ แมวสีน้ำตาล เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:18:24

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องน้ำให้ลูกกินบ้างเถอะค่ะ ลูกเราตอนเล็ก ๆ เราไม่ให้กินน้ำ เชื่อตำรา ผลคือตอนนี้ลูกไม่ยอมดื่มน้ำเลย ต้องบังคับขู่เข็นบนเหนื่อย ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย อย่าตึงเกินไปเลยค่ะ จากคุณ : anana เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:36:00

ความคิดเห็นที่ 56 เราไม่ว่าใครค่ะ เรื่องเลี้ยงลูกเห็นด้วยว่าโบราณเค้าเลี้ยงกันมาแบบนั้น เดี๋ยวนี้อาจจะมีการเลี้ยงตามวิชาการใหม่ เราก็ไม่ว่าของเก่า  แต่เราก็ไม่ทำตามค่ะ พวกญาติๆ จะบอกให้ทำนั่นนี่ เรื่องน้ำก็มีค่ะ แต่เราก็มึนค่ะ แล้วแต่แนวใครแนวมันค่ะ จากคุณ : แม่ยายซ่าหริ่ม เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:38:25

ความคิดเห็นที่ 57 แม่น่ารักอะ ลูกก็น่ารัก จากคุณ : petit poney เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:39:24

ความคิดเห็นที่ 58 ***เราไม่รู้ว่าใครจะเลี้ยงลูกยังไง จะเป๊ะตามแพทย์ขนาดไหน เวลาไปหาหมอ หมอบอกนั่น นู้น นี้มา เราจะปฏิบัติตามอย่างดีเลยนะคะ แต่สามีย้อนกลับมา "อย่าไปเชื่อหมอมากนัก ผั_ เขาก็ยังไม่มีเลย จะรู้ไปกว่าเราได้ไงอะ" แอร๊ย~~~ อีแม่มันงงเลย เราก็เลี้ยงแบบที่แม่เลี้ยงมาเหมือนกันคะ แต่แม่เราแอบเลี้ยงหลานดีเกิน จากคุณ : คุณแม่ไฮเทค สู้เพื่อลูก เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:06:10

ความคิดเห็นที่ 59 เราเหมือนกับคห.7เลยค่ะ จากคุณ : คนธรรมดาบินไม่ได้ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:09:51

ความคิดเห็นที่ 60 เราไม่เคยเลี้ยงตามตำราหมอเลยค่ะ หมอเคยสั่งเด็กห้ามกินน้ำนะจนถึง 6 เดือน แม่เราหรอป้อนนมลูกเราเสร็จฟาดด้วยน้ำตามเลยค่ะ เหตุผลล้างคอ หมอบอกห้ามทาแป้งนะ ฝุ่นเยอะจะเป็นภูมิแพ้ แม่เราอีกตามเคย โรยทั้งตัวเลยค่ะหอมฟรุ้งเลย นึกแล้วคิดถึงลูกจังเลย หมอสั่งอีก เวลาไม่สบายเช็ดตัวอย่างเดียวไข้ก็ลด ไม่จำเป็นต้องกิน เราจัดการเองเลย ก็เช็ดแล้วไข้ไม่ลดไม่หายทำได้ละไข้ขึ้นต้อง 40 เลยให้กิน บางครั้ง บางอย่าง หมอสั่งก็ต้องดูเหตุผลด้วยค่ะ จากคุณ : nong ot เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:12:39

ความคิดเห็นที่ 61 คุณ น้ำตาลแมว คือ แมวสีน้ำตาล อ่านข้อความคุณแล้วรู้สึกใจหาย เหมือน เสียวสันหลังวาบน่ะค่ะ ขอให้น้องแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ไว ๆ นะคะ เราเชื่อค่ะ ว่าถึงพ่อแม่จะทำอะไรผิดไปบ้าง แต่ถ้าทำด้วยเจตนาดี ทำด้วยความรัก ความรักจะต้องหล่อเลี้ยงให้น้องมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจได้ค่ะ อย่าโทษตัวเองไปเลยนะคะ.... จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:14:42

ความคิดเห็นที่ 62 เป็นเรานะคนอื่นเลี้ยงลูกผิดๆโง่ๆยังไง เราก็ไม่พูดอะไรหรอก พูดไปเค้าก็ไม่เชื่อไม่พัฒนา แถมโดนเงามาด่าลับหลังอีก จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:23:55

ความคิดเห็นที่ 63 ลูกคนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ ที่จะต้องเลี้ยงตามตำราเป๊ะ ๆ   อย่างที่โบราณบอกจริงๆ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด  บางครั้งรู้มากไปมันก็ไม่ดี สมัยใหม่ ห้ามโน่น ห้ามนี่  คนโบราณเค้าเลี้ยงของเค้ามาโดยไม่ต้องมีตำราเค้ายังเลี้ยงกันจนโตไม่เห็นจะมีอะไรเลย เบื่อพวกตำราเป๊ะเหมือนกัน จากคุณ : แฟน (นู๋แอนนี่) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:30:55

ความคิดเห็นที่ 64 คุณแม่เลี้ยงลูกมาตั้ง 5 คน ประสบการณ์เพียบ ส่วนคุณหมอบางคนไม่มีลูกด้วยซ้ำ แค่ตรวจเด็กมา แค่ไม่กี่พันคนเอง จากคุณ : ENNUI เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:31:54

ความคิดเห็นที่ 65 หุหุ แอบสะใจนิดๆ จากคุณ : กิ่งท้อ...บนยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 14:27:25

ความคิดเห็นที่ 66 ตอนแรกๆ เราก็ไม่ให้ลูกทานน้ำค่ะเพราะหมอบอกมา จนแม่เรามาหาเจอลูกตัวเหลืองจับหยอดน้ำ คือหยอดนะคะเล็กน้อยหลังมื้อนม สรุปหายเหลืองค่ะ จนตอนนี้ลูก 2.5 เดือนหลังมื้อนม ตอนเค้าตื่น หรือสังเกตุเห็นปากเค้าแห้งๆ เราก็จะหยอดน้ำให้เค้าค่ะ จากคุณ : RaTTyBiTTeR เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 14:44:12

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่มีลูกนะคะ   แต่เห็นจากลูกของพี่สาวค่ะ  ชอบทำตามตำราหรือว่า เชื่อหมอเหมือนกัน มีอยู่วันนึงเห็นคุณแม่ (ยายของหลาน) เดินหน้าบึ้งกลับมา เลยถามว่ามีอะไรเหรอคะแม่ แม่บอก ไม่รู้สิ แม่แก่ไปแล้วมั๊ง..สมัยใหม่นี้เค้าเลี้ยงลูกกันยังไง  อาบน้ำก็ไม่ให้อาบน้ำอุ่น แล้วก็อย่างโน้นอย่างนี้ บลาๆๆ ..... คือประมาณว่า พี่สาวพี่เขย เค้าจะเลี้ยงตามคำพูดของหมอ มากกว่า คนแก่ที่เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมา แม่ก็บ่นๆ ว่า ก็แม่เลี้ยงลูกมาแบบนี้ เลี้ยงลูกของน้องชายมา แบบนี้ ทำไมสมัยใหม่เขาเลี้ยงกันอีกแบบเหรอ..?? เราก็ไม่ทราบหรอกค่ะ เพราะว่าไม่มีลูกอ่ะ เฮ้อ..อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงตอนนั้นจริงๆ สงสารแม่อ่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 14:54:34

ความคิดเห็นที่ 68 รู้สึกว่าจะเรื่องน้ำอะไรนี่ด้วยมั๊ง  เพราะว่า เจ้าหลานตัวน้อยลูกพี่สาวอ่ะ จำได้ว่า ตัวเหลือง ต้องจับเข้าโรงพยาบาลเหมือนกันค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 14:58:02

ความคิดเห็นที่ 69 ดีใจแทนคุณแม่ จขกท จังค่ะ ที่คุณปกป้อง เป็นเราเราก็ไม่ให้ใครมาว่าแบบนี้เหมือนกันค่ะ เด็กนมแม่ ที่แม่ๆไม่ได้ให้กินน้ำเลย ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ระวังเดี๋ยวจะไข้ขึ้นกับร่างกายขาดน้ำนะคะ ปกติลูกเราไม่ชอบกินน้ำเลย แต่ช่วงนี้ให้กินก็ยังกินได้บ่อยๆค่ะ คงเพราะร้อนมาก คอแห้ง จากคุณ : mamalovezen (lovechairs) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 15:06:20

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นด้วยกับ จขกท ที่สุดเลยค่ะ เราก็ฟังคำแนะนำจากแม่ เราไม่กล้าเล่าในห้องชานเรือน เพราะกลัวโดนคนอื่นบ่นเหมือนกัน แม่เราแนะนำให้หลานดื่มน้ำส้มคั้นตั้งแต่ 2 เดือนแล้วค่ะ 3 เดือนก็ป้อนกล้วยละ ตอนนี้ 4 เดือนก็ทานข้าวบดเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นหลานอ้วนท้วนสมบูรณ์ ส่วนน้ำนี่ก็พยามยามป้อนมาตลอดเพิ่งมาทานตอนหลัง อาบน้ำก็ทาแป้งทุกครั้งค่ะ เพราะเราก็โตมาแบบนี้เหมือนกัน จากคุณ : KandaAor เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 15:26:08

ความคิดเห็นที่ 71 เราก็เชื่อแม่ค่ะ เพราะแม่เราเลี้ยง ลูกๆก็โตมาแข็งแรงดี แต่ไอ้เลียงตามตำราสมัยนี้ โตไปจะเป็นไงยังไม่รู้ เพราะยังไม่โตกัน555 คิดไรง่ายๆแบบนี้แหละ ไม่เครียด จากคุณ : miniaibon เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 15:32:50

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนลูกผมเกิด หมอบอกว่าไม่ให้กินน้ำ เพราะลูกผมตัวเหลือง แต่แม่บอกว่า เอ็งน่ะ แม่ก็ให้กิน สรุป ผมเลยให้ลูกกินน้ำต้มสุก หายตัวเหลืองเลย จากคุณ : เมาฟรีออริจินั่ล เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 15:36:59

ความคิดเห็นที่ 73 ลูกเราให้แม่เลี้ยงค่ะ ปล่อยเลย แล้วแต่แม่เลย เพราะแม่เราเลี้ยงจนเราโต มาขนาดนี้ ถ้ามันผิด ก็คงผิดตั้งแต่เราแล้วล่ะ เคยมีคนว่า:-)ั้นงี้เหมือนกัน อย่าทำหลานงั้นสิ อย่างี้สิ แม่เราเป็นคนไม่ยอมคนค่ะ สวนไปเต็ม ๆ ว่า ก็เรื่องของกรู กรูก็เลี้ยงลูกกรูมาแบบนี้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าแบบนี้มันผิด ลูกกรู(เรา)ก็คงตายไปตั้งแต่แบเบาะแล้ว!! จบเลยค่ะ หน้าหงาย เต็ม ๆ ตอนแรกหมอก็ห้ามใม่ให้ลูกเรากินน้ำค่ะ แม่เราจัดตั้งแต่นอนโรงพบาบาล เลย อิอิ จากคุณ : DEERICH เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 16:11:58

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นด้วยกับ จขกทครับ พี่สาวผมเป็นพยาบาลก็เห็นแกเลี้ยงลูกสองคนก็ให้กินนมแล้วก็กินน้ำนะ แกบอกว่าเด็กจะได้ท้องไม่เสีย แกก็บอกผมว่ายายเราแม่เราเลี้ยงลูกมาเป็นขโยงไม่เห็นเป็นอะไรสักคน เออ ก็จริงนะ จากคุณ : DKR เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 16:25:18

ความคิดเห็นที่ 75 อยากเข้ามาบอกว่า แม่ของเราก็เลี้ยงแบบแม่เจ้าของกระทู้เหมือนกัน แต่เราก็ไม่เคยว่าอะไรแม่เลย แถมยังแซวตลกๆกับแม่อีกว่า กระทะร้อนแล้วเอา ต้นหอม(ชื่อเล่นลูกสาวเราเอง)ไปทอดได้แล้วแม่ 5555 แบบว่าคุณยายทาแป้งขาวเว่อร์มากก ก็ตามใจคนเลี้ยงเราเองก็โตมาได้เพราะแม่ก็เลี้ยงแบบนี้ สบายหายห่วง จากคุณ : jokeryamer เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 16:40:59

ความคิดเห็นที่ 76 555+ อ่านแล้วก็มองมา ถ้าที่ให้นมนั้นเป้นนมขวด (นมผงชง) แล้วละก้อการให้น้ำตามเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะถ้าไม่ให้น้ำตามนานๆ ลิ้นเป็นฟ้า ลิ้นแตก ลำบากตัวน้อยแน่นอนครับ พอดีนาผมเคยเลี้ยงหลานไม่ให้กนน้ำจน ลิ้นแตก ลำบากเลยครับ เรื่องแป้ง สงสัยกลัวเป็นภูมิแพ้ แต่ผมวา่การเลี้ยงลูกไม่เว่อเกินนี่ดีแล้วครับ   ไม่ต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด กลัวไปซะหมด เด็กไม่แข็งแรงพอดี 555 (ตามความคิดผมนะครับ) ตอนนี้ ลูกผมก็ 3เดือน เดี๋ยวจะเริ่มยัดกล้วยแล้ว เพราะ พอนั่งได้นิดหน่อยแล้ว 55 จะได้แน่นๆ กับเค้าซํกที เห็นปากแจ้บๆ แล้ว ^^ ออเห็นมีกระทู้นึงบอกว่าเชื่อโบราณบ้างก็ดี ดีจริงๆครับ ผมก็เชื่อ ในบางสิ่งที่พิสูจน์ได้ แล้วอันไหนที่เชื่อแล้วไม่เสียหาย หรือทำแล้วไม่เดือดร้อนผมก็เชื่อปรกติครับ จะได้ไม่เคืองกันภายในรอบครัว ^^ จากคุณ : rucasBay เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 16:44:05

ความคิดเห็นที่ 77 เอิ่ม..ขอโทษนะครับ ใครช่วยตอบที ผมเป็นหมอยังไม่รู้เลยว่า ทำไมห้ามทาแป้งหลังอาบน้ำ (ไม่ได้ประชดนะครับ) กลัวสำลักควันแป้ง?  ..กลัวเป็นภูมิแพ้?..หรือกลัวเปลือง? อาบน้ำให้หลานที ผมก็โปะแป้ง แทบจะทอดกรอบได้ทุกที ^^" จากคุณ : tpipe เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 18:00:19

ความคิดเห็นที่ 78 อิอิ เอามั่งๆๆ จะได้รู้ซะว่า คุณแม่ฉันใครอย่าแตะ นะยะ เก่งมากๆ ค่ะ จากคุณ : แม่ไอเดีย-ไอคิว (skw_dy) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 19:42:37

ความคิดเห็นที่ 79 เราเลี้ยงลูกตามตำราเป๊ะค่ะ ลูกเราก็แข็งแรงดี ไม่มีภาวะตัวเหลือง ตอนนี้ 7 เดือนแล้วให้กินน้ำ ก็กินได้ตามปกติค่ะ แค่ขอมาส่งเสียงหน่อย เพราะเห็นมีแต่คนบอกว่าให้กินน้ำด้วยก็แข็งแรงดี หรือบ้างก็ว่า กินน้ำแล้วตัวไม่เหลือง หรือบ้างก็ ไม่ให้กินน้ำแต่แรกแล้วมีปัญหาไม่ยอมกินน้ำ แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร น่าจะได้จากการรวบรวมข้อมูลที่เป็นปริมาณมากในลักษณะของการวิจัยค่ะ อะไรทำแล้วสบายใจ ไม่เกิดอันตรายก็ทำไปเถิดค่ะ เรื่องกินน้ำ เราเองไม่ได้ต่อต้านอะไร แต่ในเมื่อเราเรียนมาแบบนี้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มีมาแบบนี้ เราก็เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ดหละ แล้วเราก็จะสอนคุณแม่ๆที่ผ่านมือเราไปได้ด้วยความมั่นใจแน่นอน เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ชื่อว่า เป็นหมอที่มีลูกมาแล้ว ไม่ให้ใครมาตอกหน้าได้แน่ว่าไม่เคยเลี้ยงลูกยังจะมาสอนคนอื่น แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 20:07:03 จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:05:32

ความคิดเห็นที่ 80 อ้อ แต่เรื่องการวิจารณ์การเลี้ยงลูกของคนอื่น เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากๆจริงๆ เราเองไปเยี่ยมเพื่อนหมอที่มีลูกเล็กๆเหมือนกัน เห็นเค้าใช่รถหัดเดิน เราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ เพราะเราเองก็เคยใช้ ทั้งๆที่รู้เนี่ยแหละว่าหมอเด็กเค้าไม่ให้ใช้ คือบางคนเค้าก็รู้ เค้าก็อ่านมาเหมือนๆกัน ถ้าเลือกที่จะใช้แล้ว และมันเป็นเรื่องไม่ร้ายแรงอะไรก็ถือว่าเค้าเลือกแล้วน่ะนะ อย่างเรื่องกินน้ำ คนที่คลอดที่รพ.ทุกคนก็เคยได้รับคำสอนมาว่าไม่ให้กินน้ำเหมือนๆกัน ถือว่ารับทราบแล้ว ถ้าเลือกที่จะให้กิน ก็เรื่องของเค้านะเราว่า ดีไม่ดีในอนาคต อาจจะมีเปลี่ยนแปลง มีการค้นพบใหม่ๆ บอกว่ากินน้ำดีกว่าไม่กินน้ำ ถึงตอนนั้น แม่ๆรุ่นนี้อาจจะได้ทะเลาะกับลูกสาว เพราะลูกสาวบอกว่าหมอให้ลูกกินน้ำบ้าง ส่วนแม่(ยาย)ก็จะบอกว่า สมัยชั้นหมอไม่ให้กินน้ำ เดี๋ยวตัวเหลือง ชั้นก็เลี้ยงพวกแกมาได้ไม่ให้กินน้ำซักหยด!!! อย่างเรื่อง เด็กทารกนอนที่นอนของตัวเอง ตอนนี้เราก็เริ่มเห็นกระะแสงานวิจัยที่ว่า เด็กนอนกับแม่จะมีการหลับที่สนิทกว่า (มีอะไรๆดีกว่าหลายอย่างแต่จำไม่ได้ละ) ต่อไปการนอนเตียงเดียวกับแม่อาจจะบูมขึ้นมาก็ได้ จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:15:43

ความคิดเห็นที่ 81 ดีใจที่เห็นกระทู้แบบนี้ เห็นใจคนแก่ที่อยากเลี้ยงหลานนะคะ ที่เขาเลี้ยงเรามากับที่เรารับรู้มาบางทีมันไม่เหมือนกัน แต่หลายอย่างมันก็ไม่ได้ถึงกับคอขาดบาดตายก็ให้คนแก่เขาเลี้ยงหลานไปเถอะค่ะ ถ้าอะไรที่มันไม่ร้ายแรง เราก็ไม่ห้ามนะ เขาเลี้ยงเรา เลี้ยงสามีเรามาได้จนป่านนี้ ก็คงไม่มีอะไรอันตรายหรอก แต่ถ้าอะไรที่มันอันตรายหรือหมอห้ามสำหรับลูกของเรา อธิบายเขา เขาก็คงเข้าใจอ่ะค่ะ จากคุณ : alya เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:22:01

ความคิดเห็นที่ 82 ลูกเราก็นมแม่ล้วน แค่แอบชอบดูดน้ำนิดหน่อยค่ะ  คิดว่าเค้าคงเหนียวๆ คอ หลังทานนมอ่ะ ไม่ได้ดูดมากมายจนแทนนมไปเลยซักหน่อย คงไม่เป็นไรมั้ง แต่ทาแป้ง เราไม่ค่อยชอบทา เพราะลูกผิวแห้ง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเป็น จขกท แต่เราบังเอิญคิดเหมือนคุณน้าก็ตาม วันนั้นเราก็เข้าข้างแม่เราอยู่ดี ก็เรารักแม่อ่ะ 5555 จากคุณ : แม่น้องเพชร เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:35:37

ความคิดเห็นที่ 83 บอกไปเลย นู่กลัวลูกนู่เหมือนน้า เลยไม่เลี้ยงแบบที่น้าบอกไง จากคุณ : fakefairy-lovely เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:48:57

ความคิดเห็นที่ 84 เราก็เคยเจอจ้า แต่เราไม่สนใจถ้าใครว่าแม่เรา เราจะจัดให้หนักเลย แม่เราก็เลี้ยงเรามาโตลูกของเรา เราจัดการเองได้จ้า คุณจขกทนี่สุดยอดเลยจ้า^^ จากคุณ : poompinky เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:59:52

ความคิดเห็นที่ 85 แวะมาโหวต กับให้กิท์ฟ ตั้งแต่เช้า ว่าจะไม่ร่วมแสดงความคิดเห็น...(กลัวค้างคาใจจนนอนไม่หลับ)... เราเล่นอยู่ห้องชานเรือนตั้งแต่ เริ่มท้องต้นน้ำ ตอนนี้ต้นน้ำจะ 5 ขวบแล้ว บอกตามตรงว่า กระทู้ที่เราไม่อยากแสดงความคิดเห็นที่สุดคือ กระทู้การเลี้ยงลูก กับ กระทู้ดูแลครรภ์ เพราะเราเชื่อว่า แต่ละคนมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน และความคิดต่าง บางครั้ง(ก็ถูก/ผิด) อาจน่ามาซึ่ง...มาม่า ไวไว เราฝากท้องลูกทั้งสองคน กับสูติฯ ที่เป็นผู้หญิง ซึ่งตอนเราท้องลูกคนแรก คุณหมอกำลังท้องลูกคนที่สอง...จึงได้รับคำแนะนำต่างๆ ตามประสา คนมีประสบการณ์ตรง กับคนกำลังเป็นแม่มือใหม่ พอสมควร ได้รับคำแนะนำกระทั่ง การทานอาหารเสริมบำรุงครรภ์ การทานสิ่งที่ ไม่ควรทาน (แต่เราอยาก) เช่น น้ำอัดลม กาแฟ   ตัวคุณหมอ ก็ให้คุณแม่ช่วยเลี้ยงลูกอีกต่างหาก หลังคลอดก็ไ่ม่เคยห้ามอะไร พอคลอดแล้ว คนที่เลี้ยงลูกให้เราแบบ คุณแม่ full time คือ แม่สามี (ซึ่งตอนนี้เลี้ยงยัยลูกสาวจอมซนต่ออีกคน) เพราะเราลาคลอดได้แค่ 30 วัน คุณสามีออกราชการตลอดๆ เราอยู่กันตามประสา แม่ ย่า หลาน มานานจนชินแล้ว อะไรแม่ปั๋ว ว่าดี ก็ดีตาม อะไรดูเยอะไป ใช้วิธีให้ แม่ย่าเข้าไปคุยกะหมอเด็กเอง..(เวลาพาลูกไปหาหมอ)  เลยโอเค ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ลูกชายกลายเป็นเด็กบ้านนอกคอกนา ตัวดำ เนื่องจากไม่อยากให้ลูกติดเกมส์ ดูทีวี เรียนพิเศษ ตามประสาเด็กเมือง เลยส่งไปเรียนวิชาชีวิต ที่บ้านสวนกับคุณตาคุณยาย..จะเลี้ยงด้วยวิธีไหน สุดแต่ตายาย จะกรุณา... (จริงๆแล้ว ที่ส่งไปเพราะย่าคนเดียวรับมือไม่ไหวค่ะ...555) จากคุณ : แม่ต้นน้ำ-ต้นหนาว (แม่ต้นหอม) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 21:01:44

ความคิดเห็นที่ 86 อ่า แต่ว่าถ้าจะให้กินกล้วย รอ 4 เดือนดีกว่านะคะ คือเด็กบางคน กินแล้วก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่เด็กบางคน กินแล้วก็ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ เพราะบางครั้งลำไส้เด็กยังไม่พัฒนาพอ รอ 4 เดือนดีกว่าค่ะคุณพ่อคุณแม่ กันเหนียว --- ส่วนเรื่องน้ำ เราให้กินตั้งกะกลับมาบ้านได้ 2 อาทิตย์ จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 21:04:33

ความคิดเห็นที่ 87 เรายังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูก แต่ถ้าใครมาว่าแม่เราปาวๆ แบบนี้ คงไม่ได้กลับไปเปล่าๆ แน่ค่ะ ฝากกิฟต์เป็นกำลังใจให้คุณแม่ด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : ตรามาร~ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 21:19:58

ความคิดเห็นที่ 88 เราเคยเถียงคุณแม่เรื่องทฤษฎี เลี้ยงลูก เราเชื่อตามตำรา ทั้งเมืองนอก เมืองไทย เช่น ทานนมแม่อย่างเดียวไม่ต้องทานน้ำตาม ผลคือ ลูกตัวเหลือง ต้องทานน้ำ+ ตากแดด ถึงจะหาย หลังจากนั้นเราก็เลยให้ทานน้ำหลังจากทานนมตลอด แม้ว่าจะเป็นนมแม่ก็ตาม เพราะเราเลี้ยงลูกในห้องแอร์ตลอดวัน มีออกไปเดินข้างนอกบ้านก็ช่วงเช้า เย็น ซึ่งอากาศก็ค่อนข้างร้อน แถมลูกเราผิวแห้งต้องทาโลชั่นตั้งแต่เด็กค่ะ + ใช้สบู่สำหรับผิวแห้ง + แพ้ง่าย นอกจากนี้แล้วลูกเราก็ยังทานนมแม่เก่งมาก เรียกว่าคุณหมอแนะนำให้ยืดเวลาทานนมออกค่ะ เพราะน้ำหนักค่อนข้างมากในช่วง 2-3 เดือน ดังนั้นการทานน้ำก็ไม่ทำให้ลูกเราทานนมไม่พอค่ะ (กรณีเรานี่ลูกทานนมแม่พอเพียงค่ะ เพราะปั๊มใส่ขวด จดบันทึกตลอดเวลา ว่าทานตอนกี่โมง มื้อละกี่ออนซ์ ทฤษฏีเป๊ะๆ) คุณแม่คนที่คลอดพร้อมเรา เศร้ากว่าเราเยอะ เพราะให้ลูกทานนมแม่จากอก โดยไม่ปั๊มปรากฏว่า ลูกดูดแรง + กัด ด้วย ทำให้เต้านมอักเสบ อาการหนักจนต้องหยุดให้นมตอนไม่ครบเดือน เพราะยังไงก็พยายามจะไม่นมผงค่ะ (แต่พอมีน้องคนที่สอง ก็มีเครื่องปั๊มนมเป็นอุปกรณ์เสริม ค่ะ ช่วงไหนน้องดูด + กัดแรง ก็ใช้เครื่องปั๊มนม ช่วย หรือพักให้หายก่อน ก็เลยให้นมได้ถึงปีค่ะ) แต่ของเราใช้เครื่องปั๊มช่วยเลยให้นม ถึง 6 เดือนค่ะ แต่ถ้าช่วงไหนไม่พอ ก็มีให้นมกระป๋องเสริม เช่น วันละ 1 มื้อ ลูกเราก็ไม่เคยป่วยเลยค่ะ เริ่มเป็นหวัดครั้งแรกก็ตอนสองขวบกว่าๆ ค่ะ ก่อนหน้านั้นไม่เคยเข้า รพ. หรือทานยาเลย ลูกเราซึ่งใช้ขวดนมช่วง 6 เดือน ก่อนขวบนึงก็เปลี่ยนเป็นแก้วหัดดื่มทั้งหลาย ก็ไม่มีอาการติดจุก หรือ ดูดนิ้ว นอนหลับได้ยาวๆ ตั้งแต่ขวบนึง (พี่สาว ซึ่งแต่งงานไปกับคุณหมอ คลอดที่ อังกฤษ ยิ่งกว่าเราอีก ให้นมแม่อย่างเดียว ปรากฏว่า ทราบอีกทีคือ ลูกขาดอาหาร เนื่องจากนมแม่ไม่พอ และเจ้าตัวไม่ทราบ เพราะ ให้ทานจากหน้าอก -- สามีเป็นคุณหมอเชี่ยวชาญเรื่องโรคมะเร็งค่ะ ยังไม่ทราบเลยว่าลูกตัวเองขาดอาหาร) แต่เรื่องทาแป้งเราไม่มีความเห็นนะคะ เพราะลูกผิวแห้ง ก็เลยไม่ได้ทาแป้งค่ะ ตอนนอน เราไม่ให้ลูกนอนคว่ำเลย กลัวว่าจะเกิดการนอนหลับตาย เหมือน case ในต่างประเทศ เราจับลูกนอนตะแคงตลอดไม่เคยนอนหงาย มารู้ตัวอีกที ตอนลูกสาวที่ตอนแรกเกิด หัวทุยสวย หัวเริ่มหายทุยตอน 3 เดือน แล้วหน้าก็บานๆ ต้องโทรมาปรึกษาคุณแม่ โชคดีที่ลูกพลิกตัวได้แต่ไม่ค่อยพลิก หลังจากน้ัน จับนอนคว่ำตลอด หัวก็เริ่มทุยสวยงาม กระดูกที่หน้าก็ได้รูปขึ้น (พึ่งมานึกออกว่า กรณีของลูกเรา มีคนเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืน โดยเฉพาะกลางวัน มีคนเฝ้าตลอดเวลา 2 คน ไม่เคยนอนคนเดียวเลย มีคนคอยดูแลว่าไม่มีอะไรมาปิดจมูกเขาได้ และก็คอยเฝ้าจับท่านอนให้พลิกหน้าไปมา ไม่มีอวัยวะส่วนไหนถูกทับเป็นระยะเวลานานๆ ฟูกก็แน่น ผ้าห่มก็ไม่ค่อยใช้ ถ้าเกิดอาการผิดปกติก็ทราบได้ทันที) ตอนนี้ตั้งครรภ์คนที่สอง กะว่าจะไม่เลี้ยงลูกตามทฤษฎีเป๊ะๆ แล้วค่ะ เหนื่อยและเครียดมากเกินไป คราวนี้จะเลี้ยงให้สบายๆ ขึ้นค่ะ แต่เรื่องให้ทานนมแม่เนี่ย ท้องนี้ก็ว่าจะกัดฟันให้ได้ 1 ปีค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ค่ะ (แก้ไขคำผิดค่ะ) แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 22:48:10 แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 22:24:55 แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 22:23:30 จากคุณ : la mesa (La Mesa) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 22:19:12

ความคิดเห็นที่ 89 เค้าคงหวังดีคะ แต่ถ้าพูดจาไม่ค่อยดีอันนี้รับไม่ได้คะ จากคุณ : deepai เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 23:29:27

ความคิดเห็นที่ 90 เป็นเราก็ปรี๊ดเหมือนกันค่ะ... ด่าเราอ่ะ ด่าได้ แต่ด่าบุพการี ต่อให้ใครหน้าไหน อิชั้นก็มิยอมมมเจ้าค่า!!!!!! จากคุณ : หนูน้ำแข็งใส เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 01:37:13

ความคิดเห็นที่ 91 เจยอมาคล้ายๆกัน ต่างกันแค่ คนที่มาพูดใส่ ไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพื่อนสามี ใช่ค่ะ เขียนไม่ผิด เพื่อนสามี เค้ามั่นใจว่าเค้ารุ้สรรพสิ่งบนโลกนี้ เพราะเค้ามีลูก1คน ร่ายตามตำราเป๊ะ จะทำอะไรยังไง จนแม่เรายังรำคาญ สุดท้ายตอนนี้ เรา ดีด ไอ้ตัวแบบนี้ออกจากชีวิตครอบครัวเราแล้วค่ะ รำคาญ จากคุณ : sakurasato เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 06:17:20

ความคิดเห็นที่ 92 เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ทาแป้งให้ลูกค่ะ เพราะเราเป็นภูมิแพ้....... แต่นั้นแหละแม่เราก็แอบทาให้หลานทุกครั้งที่มีโอกาสอาบน้ำให้ แม่บอกว่าหลานจะได้ขาวๆนวลๆ เราก็ได้แค่บอกว่า แล้วแต่แม่แล้วกันแต่ถ้าหนูอาบให้เองหนูก็ไม่ทาหรอกฝุ่นเยอะ แม่ก็จะขำๆๆๆๆๆๆๆแล้วบอกว่าแม่เลี้ยงหนูแม่ก็ทาแบบนี้ เราเลยแซวแม่ไปว่าก็โป๊ะเป็นหมูตกถังแป้งขนาดนี้ไงโตมาเจอฝุ่นไม่ได้เลยจามตลอดไม่เคยชนะเลย แม่ขำซะอีก........ จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 12:24:26

ความคิดเห็นที่ 93 ผมว่าประเด็นของเรื่องนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ประเด็น 1. ที่น้าสะใภ้พูดไม่ดี ตะคอก ดูถูกแม่ของคุณนั้น มันไม่ถูกต้อง ไม่สมควรแน่นอน การที่คุณได้ตอกกลับไปบ้าน ก็เป็นการสมควรแล้ว ผมสนับสนุน ใครก็จะมาว่าแม่ผมแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน 2. แต่ก็ไม่ใช่ว่าสิ่งที่น้าสะใภ้คุณพูดจะไม่มีสาระเอาซะเลย เท่าที่ได้ปรึกษากับกุมารแพทย์ และเข้าร่วมการสัมมนาตามร.พ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ของผมสรุปว่า - การที่กุมารแพทย์ไม่แนะนำให้เด็กดื่มน้ำในหกเดือนแรก เพราะต้องการให้เด็กดื่มนมแม่ให้เยอะที่สุด เพราะในน้ำนมแม่มีน้ำประกอบอยู่ด้วย 90% และจากการดื่มนมแม่ ไม่ใช่เด็กจะได้แต่คุณค่าทางอาหารจากน้ำนมอย่างเดียว ความผูกพันระหว่างแม่ลูกก็ตอนนี้แหละครับ - การที่ไม่แนะนำให้ทาแป้ง ก็เพราะผงแป้งจะเข้าไปในระบบหายใจได้ ปอดเด็กยังไม่แข็งแรง อาจจะมีโทษได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีนี้จะตายตัว ย่อมต้องปรับเปลี่ยนไปตามอาการและเหตุการณ์ของเด็กนะครับ ผมเห็นความเห็นข้างบนบอก นมแม่มีน้อย และไม่กินน้ำด้วย แน่นอนครับ น้ำที่เข้าไปในร่างกายเด็กก็ย่อมน้อยไปด้วย ก็ต้องมีการชดเชยกันไป เช่นดื่มนมผงเข้าไปด้วย เพื่อให้ชดเชยกันไป กระจกย่อมมีหลายด้านครับ ต้องมองให้ครบทุกมิติ ตอนแรกว่าจะอ่านอย่างเดียว แต่เห็นประเด็นมันเริ่มเบี่ยงเบนไป จากคุณ : NattKrist เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 13:41:03 A:110.77.138.173 X: TicketID:352014

ความคิดเห็นที่ 94 งี้แหล่ะค่ะ หมอพูดแต่พูดไม่หมด บอกแต่ว่า ถ้าให้ทานนมแม่ อย่าให้ทานน้ำ (มาก) เพราะเด๋วน้องอิ่มน้ำ จะพาลไม่ทานนมแม่ แล้วรู้อยู่ เด็กนมแม่ นน.จะขึ้นตามเกณฑ์ ไม่ได้ทะลุทะลึ่งพรวดพราดเหมือนเด็กที่กินนมผง (บางคน) ส่วนตัวเดินทางสายกลาง เพราะลูกคนแรก ให้กินนมจากเต้าแม่ล้วนๆ ไม่แตะน้ำเลยจน 6 เดือน ตอนนี้ 3.6 ขวบแล้ว ก็แข็งแรงดี แต่ลูกคนเล็ก ด้วยความที่เค้าตัวใหญ่และกินดุมาก + กับตัวเราเองเวลาดูแลตัวเองก็น้อย (ควงลูกคนโตและคนเล็ก เพียงลำพัง) จะให้มาบำรงบำรุงน้ำนมก็ไม่ค่อยมีเวลา ผลคือ น้ำนมแม่หด ลูกดูด ไม่อิ่มก็ต้องเสริมนมผงไปด้วยประการฉะนี้ และเราให้กินน้ำทุกครั้งหลังกินนมผง ...เพราะลิ้นจะขาว แล้วเค้าไม่ยอมให้เราเช็ดลิ้น (ถ้านมแม่ ลิ้นขาวไม่เป็นไร เพราะในนมแม่มีแบคทีเรียป้องกันเชื้อราบนลิ้น ซึ่งต่างจากนมผงตรงนี้) เราบอกหมอที่ดูแล เค้าก็บอกว่า ทานได้ น้ำไม่อันตราย เพียงแต่แค่กลัวว่าจะกินน้ำจนอิ่มก็เท่านั้น ... แต่กรณีเรา หมอบอกว่าให้ลูกดูดน้ำแยะหน่อยก็ดี เพราะตอนนี้ 4 เดือน หนักเท่าเด็กขวบไปแล้ว กร๊ากกก โฮๆๆ เอิ๊กกๆๆๆๆ ส่วนเรื่องแป้ง ... เค้าไม่ให้โรยแป้งลงบนตัวเด็กโดยตรงตะหากค่ะ ไม่ได้ห้ามทาแป้ง เพราะถ้าโรยลงตรงๆบนตัว ฝุ่นแป้งจะฟุ้งเข้าจมูกเด็ก ทำให้บางคนระคายเคืองจนไอ หรือจามได้ แต่ถ้าเราเทแป้งลงฝ่ามือ ลูบๆให้เรียบร้อยแล้วค่อยทาตัวเด็ก แบบนี้ไม่มีปัญหาอ่ะค่า ปล. คห จากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆนะค๊า ถ้าไม่ตรงใจผู้ใด ต้องขออภัยจ้า ^^ จากคุณ : wanakamol เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 14:23:46

ความคิดเห็นที่ 95 วิธี ใคร วิธีมัน นะ ลูก ใคร ใคร ก็ รัก ยิ่ง แม่ เรา เรา ยิ่ง รัก ใหญ่ จริงๆ ถ้าจะบอก จะกล่าว ก็พูดกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้คำพูดแบบนี้เลย แต่ เราว่า คุณแม่ ท่านก็ ไม่เห็นทำอะไรผิดน๊า เรา เห็น แม่เรา ก็เลี้ยงน้องเรามา แบบนี้ ก็แข็งแรงดี ไม่เหมือน ลูกอา เรา เลี้ยง อย่างกะไข่ในหิน อันนั้น ก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ ขวบปีแรก เข้าออก โรงพยาบาล จนอ่วม มีอีกความเชื่อที่เรา โคตรจะฮา ******************************************** ตอนแม่ท้องน้องเรา อา บอกแม่ว่า ห้ามกินของดำทั้งหลาย ให้กิน แต่ ข้าว กับ นมตราหมี ลูกออกมาจะตัวขาวจั๊ว อีกอย่างให้กิน แต่ของแพงๆ หมู เห็ดเป็ดไก่ อะไรก็ได้ที่แพงๆ ลูกออกมา จะ แก้มแดง ตัวอ้วนพี เหมือนเด็กสมบูรณ์อะ (เกี่ยวกันตรงไหน) ตอนนั้น อาก็ท้องอยู่เหมือนกัน อาก็ตามสูตรที่ว่ามา ส่วนแม่เรา เปล่าเลยคะ ทานข้าวเสร็จ ตามด้วยผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนมากจะเป็นกล้วยน้ำหว้า ที่บ้านปลูก!! เน้นทานผัก ผลไม้ และอาหารให้ครบ 5 หมู่ พอคลอดน้องออกมา โห้ ตัวขาวจั๊วะ ปากแดง คิ้วดก ผมดำ น้ำหนักแรกคลอด 4 โล ส่วนลูกอา ไม่อยากบรรยายอะ เอาเป็นว่า ตรงกันข้ามกะน้องเราทุกอย่าง จากคุณ : กรุงเก่าของเราแต่ก่อน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 15:21:32

ความคิดเห็นที่ 96 ของเรานี่ตัวเหลืองทั้งคู่ คนแรก ช่วงเดือนแรกกินนมแม่อย่างเดียว หมอเด็กๆ บอกว่าไม่ต้องกินน้ำนะคะ แต่อาการตัวเหลืองไม่ดีขึ้นและเป็นมากขึ้น ครบเดือน ตรวจอีกครั้งยังเหลือง หมออายุมากบอกว่า กินน้ำได้ ไม่เสียหายอะไร ขับสารเหลืองได้ด้วย พอท้องสอง เหลืองอีก คราวนี้ไม่ต้องบอก ให้กินเลย แต่เวลาหมอถามบอกเปล๊าาา ไม่ได้ให้กินคร้าาาา บอกว่าให้กินได้ไงล่ะ หมอเค้ามาตามทฤษฎี เดี๋ยวโดนดุ เค้ามีแต่จะส่องไฟเรื่อยๆ ไม่เอาอะ สงสารลูก กินน้ำ ตากแดดอ่อนๆ ตอนเช้า แป๊บเดียวก็ดีขึ้นแล้ววว จากคุณ : แม่พี่เหนือกะน้องหนุน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 18:26:53 A:124.122.161.213 X: TicketID:350520

ความคิดเห็นที่ 97 จะเลี้ยงลูกอย่างไรก็สุดเเล้วเเต่วิธีที่ตนถนัดหรือเห็นเเล้วว่าสมควรดีกว่าค่ะ สิ่งหนึ่งทีสำคัญ คือเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีเเละให้ความรักเเก่ลูกมากๆสำคัญที่สุดเเล้ว จากคุณ : Fishy Mango (Fishy Mango) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 21:22:21

ความคิดเห็นที่ 98 เราก้อให้ลูกดื่มน้ำต้มสุกตามเหมือนกัน แป้งเราก็โรยตัวให้ลูกตอนหน้าร้อน้หมือนกัน (แม่สามีเห็นแล้วก็ตกใจ โอววว ฝรั่งบ้านนอกไม่เคยเห็น) เราก็บอกแม่สามีไปว่า หน้าหนาวเราจะเชื่อเค้า แต่ถ้าหน้า รัอน แม่จะรู้ดีกว่าแม่ชั้นได้ไง เรามาจากเมืองร้อนนนนนน นะ อย่าลืม ใครจะเลี้ยงยังไง เราไม่เคยว่า เราก็เชื่อแม่ เราเลี้ยงลูก เราอย่างที่แม่เลี้ยงเรามา เพราะเราโตมาจนได้ดีทุกวันนี้ ก้อเพราะแม่คนเดียวล้วนๆ รักแม่มากค่ะ ปล. คุณแม่ของจขกท.ใจเย็น น่ารักมาก เป็นแม่เรา โดนตอก กลับแบบจัดเต็มสไตล์คุณนายไปตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว จากคุณ : Annachen (Annachen) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 00:36:15

ความคิดเห็นที่ 99 เราว่า  ไม่จำเป็นต้องทำตามตำราเป๊ะ  แต่ไม่ใช่ว่าจะค้านทุกเรื่องนะคะ อย่างเราให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียว ก็ไม่ได้ให้กินน้ำตามเลย ลูกเราก็เลี้ยงง่าย อารมณ์ดี โตขึ้นมาชอบกินน้ำมาก ดูดหลอดได้ตั้งแต่ 5 เดือน ดื่มจากแก้วได้ตอนเก้าเดือน ไม่เอาขวดนมเลย ส่วนบ้านไหนให้ลูกกินนมขวด หมอเราก็บอกให้ลูกกินน้ำตามได้นิดหน่อย เพราะนมผงโมเลกุลใหญ่กว่านมแม่ ย่อยยากต้องดิ่มน้ำตามจะได้ช่วยการขับถ่ายด้วย สำหรับเรื่องแป้ง  เราว่าขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการเลี้ยงมากกว่าค่ะ คนที่เลี้ยงลูกในสภาพอากาศเปิด ระบายได้ดี ไม่ได้ทาแป้งในห้องแอร์ หรือให้ลูกอยู่ห้องแอร์ตลอดเวลาก็น่าจะทาได้ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนใครที่ให้ลูกอยู่ในห้องแอร์ก็ควรระวังเรื่องการทาแป้งนิดนึง ลูกเราบังเอิญอ้วนมากตอนเด็กๆ ทาแป้งไม่ได้ ยิ่งตามข้อพับเนี่ยห้ามเลย เพราะผดจะถามหาทันที เนื่องจากมันยิ่งทำให้อับชื้นค่ะ สำหรับคุณเราว่าคุณทำถูกแล้วค่ะ ที่เถียงน้าสะใภ้แทนแม่ แต่เราว่าคำเตือน หรือบางอย่างก็ควรฟังไว้บ้าง อาจจะไม่ดีไปทั้งหมด แต่อย่าเพิ่งอคติไปทั้งหมดเช่นกันค่ะ อย่างที่บอกว่า เดินทางสายกลางดีที่สุด แต่ทางสายกลางก็ย่อมไม่ถูกมองด้วยอคติด้วยนะคะ ขอโทษนะคะ อาจจะไม่ถูกใจบางคน แต่อยากเตือนด้วยความหหวังดีค่ะ จากคุณ : ooheuy เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 06:48:57

ความคิดเห็นที่ 100 เคยคิดค่ะ คิดว่าถ้ามีลูกจะให้แม่เลี้ยง ^^ ไม่ใช่จะใช้แม่นะคะ แต่เพราะมั่นใจว่าแม่เลี้ยงได้ดีที่สุด เพราะถ้าแม่เลี้ยงเรามาได้ดีขนาดนี้ แม่จะเลี้ยงหลานไม่ได้หรอ แม่เราเป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน จากคุณ : ตัวเล็กฟันเหล็กรักเด็กใส่แว่น เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 20:38:02

ความคิดเห็นที่ 101 ไม่ค่อยได้ตอบกระทู้เลยค่ะ แต่อ่านเป็นพักๆ เพียงแต่กระทู้นี้อ่านแล้วมันชื่นใจจัง คุณยาย แม่ของเรา ไม่ค่อยได้มีโอกาสเลี้ยงเราในช่วงที่เป็นทารก เพราะที่บ้านมีอาม่าสองคนที่เป็นแม่แบบมืออาชีพ ในขณะที่แม่ของเราผ่าคลอดซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นเคสใหญ่ที่ต้องพักผ่อนเยอะ พอพักได้ครบเดือนกว่าๆ ก็ต้องกลับไปทำงาน การเลี้ยงลูกจึงเป็นหน้าที่ของอาม่าโดยส่วนใหญ่ แต่ทันทีที่เรามีลูก แม่เราก็เข้ามาและช่วยเหลือทุกอย่าง อะไรที่เขาไม่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำเด็ก เปลี่ยนผ้าอ้อม ให้นม ทำอาหารทารก หรือป้อนข้าวหลาน ก็ลงมือช่วยทำทุกอย่างด้วยความสนุกและมีความสุข (ราวกับหลานคือตุ๊กตาตัวน้อยๆ) เราเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่วิตกกังวลเลย ทั้งๆ ที่รู้ว่าแม่นั้นเลี้ยงเด็กทารกไม่เป็น แต่...อ้อมแขนของแม่ดูแข็งแรงยามที่อุ้มลูกสาวลูกชายของเรา สายตาของแม่...ดูอ่อนโยนและใจเย็นเวลาป้อนข้าวป้อนนม รอยยิ้มของแม่...ดูอบอุ่นเหมือนหลานตัวน้อยๆ ทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึง เราจำได้ว่าตั้งแต่ลูกเกิดจนตอนนี้คนโตเจ็ดขวบแล้ว เราแทบไม่เคยมีปัญหากับแม่ในเรื่องการเลี้ยงลูก เราโชคดีที่แม่เป็นคนกลางเก่ากลางใหม่ อะไรที่ดีแบบโบราณเขาก็จะคอยมาบอกมาสอน (ถึงแม้ในช่วงนั้นเขาจะไม่ได้ลงมือทำ) แต่อะไรที่ใหม่ๆ เขาก็พร้อมจะเรียนรู้ไปกับเรา เมื่อลูกโตมา เราพูดได้เต็มปากว่า เด็กๆ รักคุณยาย(และแน่นอนคุณตา) ของพวกเขามาก เราเคยถามลูกว่า ถ้าวันนึงเกิดแม่กับพ่อตายไปก่อนที่จะแก่ หนูจะอยู่กับใคร ลูกๆ ตอบโดยไม่ลังเลเลย อยู่กับคุณยายค่ะ เรารู้สึกปลื้มมากที่ลูกสาวลูกชายมีคุณยายที่เป็นเหมือนแม่คนที่สองของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไร แม่ของเราก็เยี่ยมที่สุดแล้ว จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 22:22:50

ความคิดเห็นที่ 102 คุณน้าไม่มีจิตวิทยา หรือจังหวะ กาลเทศะ ฯลฯ ในการพูด พูดแบบนี้ทำให้ข้อมูลดีๆฟังดูไม่ดีไปด้วยอย่างน่าเสียดาย จขกท.รักแม่ น่ารักนะเนี่ย เป็นแม่ปลื้มแย่เลยค่ะ จากคุณ : joymacy (joymacy) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 22:41:15

ความคิดเห็นที่ 103 คลิกlike ค่ะ ชอบมาก อ่านแล้วเข้าใจ ไม่เคยทำแบบนี้นะคะ แต่แม่สามีเลี้ยงหลานแบบไม่ค่อยถูกวิธีเหมือนกัน แต่ของแบบนี้ไม่มีถูกเปะ และผิดหมดหรอกค่ะ วิธีของใครของมัน บ้านเราใช้วิธีรอมชอมค่ะ ถ้าไม่ได้คอขาดบาดตาย ก็ไม่เป็นไรค่ะ จะทาแป้งป้อนกล้วยป้อนนมน้ำ ทุกอย่างคือหวังดีกะลูกเราค่ะ รักสามีแล้วต้องรักครอบครัวเค้าด้วย ถ้ามันผิดมากไปหรือคิดว่าไม่ดีมาก ๆ ก็ค่อย ๆบอกค่ะ ไม่ใช้วิธีหักหาญ จะทำให้ทุกคนรักเรา รักลูก และโตขึ้นลูกเราก็จะรู้จักวิทีเข้าสังคมชั้นเลิศด้วยค่ะ จากคุณ : แม่พอใจ (ped2000) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 23:20:58

ความคิดเห็นที่ 104 อ่านแล้วนึกถึงแม่ตัวเอง เลี้ยงลูกได้แบบว่าอึดมาก ยันลูกโตทุกวันนี้ก็อย่างอึดทุกคน เชื้อแม่แรงมากกกกกก แต่แม่เป็นคนยอมคน ดีกับเค้าไปทั่วทุกหนแห่ง ก็เลยโดนคนอื่นรุมบ่อยๆ  จขกท.น่ารักมาก ปกป้องแม่ รักแม่กันเยอะๆนะคร้า จากคุณ : nanzy-nan เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 23:25:02

ความคิดเห็นที่ 105 เราเป็น จขกท. เราก็ทำแบบนี้แหละ เผลอจะตอกให้หงายกว่านี้อีก แม่ใครใครก็รัก ลูกใคร หลานใคร ใครก็รัก คุณแม่ของ จขกท. ทำทุกอย่างกับหลานก็เพราะรัก...ความรักที่ยายมีให้หลานแม้จะทำอะไรผิดๆถูกๆไปบ้าง แต่มันก็มาจากความรัก จากคุณ : MYLifePlusUP เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 00:32:31

ความคิดเห็นที่ 106 อีกอย่างหนึ่งที่เราเชื่อ(ส่วนบุคคลในครอบครัว)  คือ.. คลอดเสร็จ  ป้อนน้ำลูกได้ เพราะพยาบาลพาลูกไปเจาะเลือดทุกวันจนน่าสงสาร เค้าบอกว่าลูกตัวเหลือง วันแล้ววันเล่า (เกือบ 10 วัน) แม่เราพูดว่าไม่เหลืองได้ไง น้ำไม่ให้กิน เห็นหลานแปะสำลีมาทุกวันทนไม่ไหว ให้กินน้ำเลย  วันรุ่งขึ้น ตัวหายเหลืองเลยได้ออกจากรพ.  5555+ บางอย่างอย่าเยอะ เดินทางสายกลางเถอะชาวโลก แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 55 07:00:47 จากคุณ : HelloMuay เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 06:59:32

ความคิดเห็นที่ 107 "การป้อนน้ำไม่ช่วยลดอาการเหลือง ส่วนการงดนมแม่ จะต้องพิจารณาถึงสาเหตุและระดับของสารสีเหลืองในทารกแต่ละราย สารสีเหลืองพวกนี้ ไม่ละลายในน้ำ ต่อให้กินน้ำมากแค่ไหน ก็ไม่ช่วย" ข้อมูลจากศูนย์นมแม่ค่ะ ---------------------------- ลูกตัวเหลือง บางคนก็บอกให้ป้อนน้ำ บางคนก็ให้งดนมแม่ จะเชื่อใครดี เขียนโดย พญ.ปิยาภรณ์ บวรกีรติขจร    TUESDAY, 12 FEBRUARY 2008 ลูกตัวเหลือง  การป้อนน้ำไม่ช่วยลดอาการเหลือง ส่วนการงดนมแม่ จะต้องพิจารณาถึงสาเหตุและระดับของสารสีเหลืองในทารกแต่ละราย สารสีเหลืองพวกนี้ ไม่ละลายในน้ำ ต่อให้กินน้ำมากแค่ไหน ก็ไม่ช่วย ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดมีหลายสาเหตุ  เช่นกรุ๊บเลือดแม่ – ลูกไม่เข้ากัน ภาวะพร่องเอนซัยม์ G6PD และอื่นๆ   สำหรับภาวะตัวเหลืองที่สัมพันธ์กับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มี 2 ชนิด คือ    1. Inadequate breastfeeding  jaundice  ภาวะตัวเหลืองจากการที่ได้นมแม่ไม่พอ พบได้ในช่วงอายุ 2 – 4 วันแรก เกิดจากการที่ลูกได้นมแม่ไม่เพียงพอ ทำให้ขับขี้เทาและสารสีเหลืองออกทางอุจจาระได้ช้า  ป้องกันได้โดยให้ดูดนมแม่บ่อยๆ  (อย่างน้อย 8 มื้อต่อวัน) 2. Breastmilk  jaundice  มักพบหลังลูกอายุ 5 วัน สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบ  มีบางสมมุติฐานที่เชื่อว่าสารบางชนิดในนมแม่อาจรบกวนกระบวนการขับสารสีเหลือง เช่นโดยการยับยั้งเอนซัยม์ที่ช่วยในกระบวนการนี้ โดยทั่วไปภาวะนี้ไม่เป็นอันตรายในทารกครบกำหนด สามารถให้ลูกกินนมแม่ต่อไปได้ โดยไม่ต้องงด  ระดับสารตัวเหลืองจะขึ้นสูงสุดระหว่าง 10 – 21 วัน แล้วค่อยๆ ลดลงจนหายไปเองในสัปดาห์ที่ 3 แต่บางรายอาการเหลืองอาจยังมีเล็กน้อยจนถึงเดือนที่ 3 ในกรณีที่ระดับของสารสีเหลืองสูงมากจนอาจเป็นอันตราย คุณหมออาจให้ส่องไฟร่วมกับงดนมแม่ 1 วัน หลังจากนั้นเริ่มนมแม่ใหม่ ลูกจะไม่กลับมาตัวเหลืองเพิ่ม แต่ระหว่างนี้ขอให้คณแม่บีบนมออกบ่อยๆ อย่าให้นมคัด และในการให้นมอื่นระหว่างงดนมแม่ ก็ขอให้ป้อนนมลูกด้วยถ้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกติดจุกนมจนไม่ยอมกลับมาดูดนมแม่อีก   จากคุณ : janistar เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 08:52:45

ความคิดเห็นที่ 108 เราเลี้ยงลูกอิงตำราค่ะ เพราะตำรามีหลักฐานทางวิชาการ แต่ไม่สักแต่ว่าเชื่อไปทุกตำรา บางตำราเขียนมั่วก็เยอะ ไม่มีการค้นคว้าอัพเดทข้อมูลก็เยอะค่ะ อ่านเยอะๆ อ่านแล้วคิด วิเคราะห์ แล้วนำมาใช้ให้เหมาะกับลูกค่ะ เรื่องกินน้ำ เราก็ไม่ให้กินค่ะ 6 เดือนแรก เพราะทราบเหตุผลดี ลูกเราก็สดใสดีนะคะ ตัวไม่เหลือง ผิวไม่แห้ง มีแต่คนชมว่าผิวสวย นวลเนียน ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เกิด เราไม่เคยให้เค้าสัมผัสแป้งเลย บางทีเชํ่อโบราณ หรือตำรา ก็ต้องมีสติค่ะ คิดก่อน แล้วค่อยเชื่อ อะไรมีผลดีต่อลูกเรา เราก็ทำค่ะ แต่ถ้าอ่านเจอ หรือมีใครบอกค้านเราก็กลับมาคิด หาข้อมูลเพิ่ม แล้วค่อยปรับใช้ค่ะ ไม่เชื่อใครทันที เราเป็นคนเชื่อคนยาก จากคุณ : janistar เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 08:59:42

ความคิดเห็นที่ 109 อ่านแล้วถูกใจจังค่ะ โหวดดดด จากคุณ : BiglittleBird เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 11:09:20

ความคิดเห็นที่ 110 ขออนุญาตจขกท.นะคะ เห็นคุยแต่เรื่องน้ำ ขอแบ่งปันเรื่องแป้งบ้างนะคะ พอดีไปเจอข้อมูลมาค่ะว่าแป้งฝุ่นบางยี่ห้อผลิตจากทัลคัม เป็นสารอนินทรีย์ ไม่สามารถย่อยสลายในร่างกายได้ ฝุ่นแป้งที่ฟุ้งกระจาย แล้วหายใจเข้าปอด สะสมมากเข้าจะไปจับกันเป็นก้อน ทำให้เด็กมีปัญหาในการหายใจ อาจถึงขั้นปอดอักเสบ มีผลวิจัยว่าทัลคัมอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้และทางเดินหายใจ ในอเมริกาห้ามใช้แร่ชนิดนี้ผลิตแป้งแล้วค่ะ แต่ของไทย เราไม่รู้ แหะแหะ เอามาจากนสพ.พิมพ์ไทย 17ก.พ.55 น.9 จ้า จากคุณ : อยากเป็นแม่มดตาหวาน เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 11:46:35

ความคิดเห็นที่ 111 เรื่องไม่ให้ลูกทานน้ำ แล้วโตมาลูกทานน้ำยาก เราว่าแล้วแต่คนนะคะ ลูกเราเป็นเด็กนมแม่ล้วน ไม่ทานน้ำเปล่าตามเลย จน 6 เดือน ถึงได้เริ่มอาหารเสริม 1 ช้อน กับน้ำ 1 ช้อน แล้วก็เพิ่มไปตามอายุ ปัจจุบัน 5 ขวบแล้วค่ะ ดื่มน้ำเก่งอย่างกะอูฐ เทน้ำให้ทีซดโฮกๆ หมดเป็นแก้วๆ สุขภาพแข็งแรงค่ะ เราว่าแล้วแต่คนมากกว่าค่ะ .... เห็นกระทู้นี้เริ่มเบี่ยงประเด็นไปเป็นเรื่องการเลี้ยงลูก อันนี้ถูกอันนี้ไม่ดี อ่านไปอ่านมาบางความเห็นเขียนเหมือนจะว่าคนที่เลี้ยงลูกโดยวิธีไม่เหมือนตัวเองไม่มีหัวคิดซะงั้น ... เอิ่ม ... เห็นเด็กบางคน ถูกเลี้ยงด้วยนมข้นหวานละลายน้ำ ปล่อยเล่นคลุกทรายคลุกดิน ยังโตมาได้เลยค่ะ แต่ในฐานะที่เรามีโอกาสได้รับข้อมูลมากกว่า การที่แต่ละคนพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมาไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกตินะคะ .. ต้องยอมรับความต่างบ้างค่ะ .. ให้เกียรติการตัดสินใจของคนอื่นบ้างนะคะ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 55 14:02:31 จากคุณ : ปานิปานิ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 14:01:58

ความคิดเห็นที่ 112 มองได้ คิดได้ แต่อย่าว่าใครเลยค่ะ เหมือนเราตอนมีลูกคนแรก เห่อมาก พี่ป้าน้าอา บอกว่า อย่าซื้อข้าวของเยอะ อันนี้ไม่จำเป็น อันนู้น รออีกหน่อย แต่เราไม่ฟังหรอกค่ะแต่ไม่ได้เถียงนะคะ น้าๆป้าๆก็บอกดีๆค่ะ พอตอนนี้เวลาอยากแนะนำเรื่องลูกเราก็พูดกลางๆ เพราะคิดถึงตัวเองตอนมีลูกใหม่ๆ มันหน้ามืดค่ะอะไรก็อยากซื้อไปหมด ส่วนเรื่องเลี้ยงลูกไม่ซีเรียสค่ะ น้ำก็ให้ดูดแป้งก็ทาบ้าง ไม่สิคะ เราว่าทาแป้งแล้วสบายตัวดีดูจากเราเองค่ะ แต่ก็ทาอย่างที่เค้าแนะนำค่ะ ลูบๆเอานิดหน่อย จนเค้าโตค่อยทาเยอะขึ้น จขกท น่ารักค่ะที่ช่วยคุณแม่ แม่เราก็คล้ายกันค่ะ จะถามตลอดว่าทำแบบนี้ได้มั้ย แม่บอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยรไป วิธีเลี้ยงก็เปลี่ยน แต่ก็ไม่ควรวิจารณ์ใครขนาดนั้นเนอะ จากคุณ : chuchu_shepshep เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:18:17

ความคิดเห็นที่ 113 ดื่มน้ำหลังดื่มนมผิดตรงไหน ถ้าเป็นนมผงต้องให้เด็กดื่มน้ำตามค่ะ  แต่ถ้าเป็นนมแม่ไมดื่มก็ไม้เป็นไร ทาแป้งหลังอาบน้ำผิดด้วยหรือ ก็แค่อย่าโรยแป้งบนตัวเด็กโดยตรง เพราะแป้งจะไปจับเป็นก้อน ตาบข้อพับทำให้เกิดแบคทีเรียได้ และเด็กอาจจะผิวหนังเปื่อย ก็แค่เทแป้งใส่มือเรา แล้วถูกับมือแล้วค่อยไปลูบที่ตัวลูก ทำไมน้าสะใภ้คุณ จขกท ต้องไปว่าคุณแม่อย่างนั่น จากคุณ : ธาราแนบภูผา เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 21:26:43