คิดสวนกระแสกับคนอื่นๆ
ขอโทษ จขกท. ไว้ก่อน เราอยากพูดตรงๆเพื่อประโยชน์ของคุณและครอบครัวนะคะ (ถ้ามีแต่อวยกัน มันจะไม่สามารถแก้ปัญาได้)
ลองรับฟังความเห็นที่แตกต่างบ้างนะคะ
---
เราอ่านเรื่องราวในห้องศาลาฯ กับ ชานเรือน มาก็หลายเรื่อง
เรารู้สึกได้เลยว่า คนสองคนมา spark กัน ปิ๊งกัน รักกัน จนแต่งงานกัน ก็เพราะมีนิสัยเหมือนๆกัน
ดูจากลักษณะ คุณก็ไม่ยอม เขาก็ไม่ยอม
คุณจับล้อแม็กซ์ให้แฟนไม่ได้.. แน่นอนว่า แฟนก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา
แต่ในระหว่างที่แฟนโกรธเนี่ย.. แฟนคุณเองก็ไม่ได้คิดที่จะยับยั้งอารมณ์โกรธเลย
ตัวคุณเองก็ไม่คิดที่จะขอโทษเขา
คล้ายๆว่า.. ต่างคนต่างๆไม่ยอมกัน
ถ้าแฟนคุณเป็นคนใจเย็น รักเมียมากกว่ารักรถ เขาก็ต้องระงับความโกรธลงให้ได้ (พ่อเรายังทำได้เลย ไม่เคยโกรธแม่เลย)
ในขณะเดียวกัน ตัวคุณเองควรเข้าใจด้วยว่า คุณไปทำของที่เขารักมันเสียหาย เขาก็ต้องโกรธเป็นเรื่องธรรมดาและคุณก็ควรจะขอโทษเขา ไม่ใช่ไปตะหวาดๆเขาตอนที่เขากำลังขับรถ
เราว่า คุณกับแฟนเนี่ย พอๆกัน
แต่คุณก็ทำถูกแล้วล่ะค่ะ ที่เป็นฝ่ายไปขอโทษเขาในภายหลัง
ถ้าคุณหรือแฟน คิดจะมีครอบครัวที่อบอุ่นนะ เราแนะนำเลยว่า ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายเย็น เพราะถ้าแข็งทั้งสองคนมันก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนที่ผ่านๆมาแหละ
และถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องเป็นฝ่ายเย็นทั้งสองคน
คุณกับแฟน น่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลองศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าอ่ะค่ะ
ธรรมะสอนไว้หมด อารมณ์คืออะไร มาได้อย่างไร มนุษย์เราสมควรโกรธไหม??
คือคนที่เขาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ เขาจะอารมณ์เย็นกว่าคนทั่วไปนะ เพราะเขาสังเกตุอารมณ์ตัวเอง ว่ามาได้อย่างไร และควรกำจัดอย่างไร
แต่เราว่า คุณกับแฟน เป็นคนที่จัดการกับอารมณ์ไม่ได้เลย "ทั้งคู่"
แล้วถ้าคุณไปโทษแฟนฝ่ายเดียว มันจะเกิดการทะเลาะกันบ่อยๆ
หรือถ้าแฟนโทษคุณฝ่ายเดียว ก็จะทะเลาะกันบ่อยๆ
แล้วถ้ายิ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็โทษกันและกัน ยิ่งทะเลาะกันใหญ่โตเลยทีนี้
มันต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นคนจัดการกับอารมณ์ร้ายๆเหล่านั้น
หรือ.... "ทั้งสองฝ่าย ช่วยกันจัดการ" แล้วครอบครัวคุณจะมีความสุขมากๆค่ะ
อย่าโกรธเลยนะ ถือซะว่าฟังความเห็นที่แตกต่าง ถูกผิดประการใด อย่างน้อยๆเราจะได้สำรวจตัวเองอีกรอบว่า เป็นอย่างที่เขาว่ามาไหม ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป แต่ถ้าใช่ ก็ควรจะปรับปรุงตัวเอง