ความคิดเห็นที่ 1 ขอพูดถึงเรื่องธาลัสซีเมียง่ายๆเบื้องต้นก่อนนะคะ .. โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Thalassaemia) ธาลัสซีเมียเกิดจากความผิดปกติของยีนที่มีหน้าที่สังเคราะห์สายโกลบิน ทำให้การสร้างสายโกลบินชนิดใดชนิดหนึ่งทำได้น้อยลงหรือไม่ได้เลย เนื่องจากสายโกลบินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฮีโมโกลบิน (hemoglobin, Hb) ที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง เมื่อสร้างสายโกลบินได้น้อยลง จะส่งผลให้การสร้างฮีโมโกลบินปกติทำได้น้อยลง และเกิดภาวะไม่สมดุลของการสังเคราะห์สายโกลบินแต่ละชนิด เม็ดเลือดแดงมีลักษณะผิดปกติและแตกง่าย ผู้ป่วยจะมีอาการซีดเรื้อรัง เหลือง มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูก ตับและม้ามโต อาการของผู้เป็นโรค มีอาการซีด ตาขาวสีเหลือง ตับโต ม้ามโต ใบหน้าจะเปลี่ยน จมูกแบน กะโหลกศีรษะหนา โหนกแก้มสูง คางและกระดูกขากรรไกรกว้างใหญ่ ฟันบนยื่น กระดูกเปราะ หักง่าย ผิวหนังดำคล้ำ ร่างกายเติบโตช้า และมีอายุสั้นกว่าคนปกติ ความรุนแรงของโรค โรคธาลัสซีเมียแบ่งได้หลายชนิด บางชนิดรุนแรงมากทำให้เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอดไม่เกิน 1 วัน บางชนิดทำให้ผู้ป่วยซีดมากต้องได้รับเลือดเป็นประจำ บางชนิดแทบไม่มีอาการผิดปกติเพียงแต่ซีดเล็กน้อย ผู้ที่มียีนแฝง(พาหะ) คือ ผู้ที่มียีนธาลัสซีเมียแฝงอยู่ บุคคลที่มียีนแฝงจะมีลักษณะและสุขภาพดีเหมือนคนทั่วไป แต่สามารถถ่ายทอดโรคนี้ต่อให้ลูกได้ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:16:16

ความคิดเห็นที่ 2 แบ่งธาลัสซีเมียได้เป็น  2 กลุ่มใหญ่ตามชนิดของยีนที่สร้างสายโกลบินเป็น 1. แอลฟ่า ธาลัสซีเมีย (α-thalassemia) >> รุนแรงมาก 2. เบต้า ธาลัสซีเมีย (β -thalassemia) >> มี 2 ชนิด คือ  เบต้าศูนย์ β0 และเบต้าบวก β+ ชนิดของโรคธาลัสซีเมียรุนแรง 1.Hb Bart’s hydrops (เกิดจากความผิดปกติสายแอลฟ่า) เป็นโรคธาลัสซีเมียที่มีอาการรุนแรงที่สุด  คือ ตาย 100% ผู้ป่วยเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาขณะคลอด หรือหลังคลอดไม่เกิน24 ชม. ทารกจะมีอาการบวมซีด ตับ ม้ามโต ปอดฝ่อเล็ก หัวใจโต รกมีขนาดใหญ่ ส่วนแม่จะมีปัญหาภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ มีอาการครรภ์เป็นพิษ ความดันสูง บวม อาจมีอาการคลอดผิดปกติ และมีการตกเลือดหลังคลอด 2.β – thalassemia major (เกิดจากความผิดปกติสายเบต้า) จัดเป็นโรคธาลัสซีเมียที่มีอาการรุนแรง รองจาก HbBart’s hydrop ผู้ป่วยกลุ่มนี้แรกเกิดจะปกติ เริ่มมีอากรซีดในขวบปีแรก ผู้ป่วยจะซีด ตัวเหลือง ท้องป่อง ตับและม้ามโต กระดูกใบหน้าเปลี่ยน จมูกแบน โหนกแก้มสูง คางและขากรรไกรค้าง ฟันบนยื่น กระดูกบางเปราะหักง่าย ตัวเล็ก และมักมีปัญหาโรคติดเชื้อ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการเลือดจางเรื้อรัง จำเป็นต้องได้รับเลือดเป็นประจำ นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ คือเหล็กเกิน เนื่องจากในเลือดมีธาตุเหล็กมาก เหล็กจะไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ เช่นตับ หัวใจทำให้อวัยวะเหล่านั้นทำงานผิดไป 3.β – thal / Hb E disease ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการเช่นเดียวกัน แต่มีความรุนแรงแตกต่างกัน บางรายมีอาการเลือดจางเรื้อรังรุนแรง แต่บางรายมีเพียงอาการซีดเล็กน้อยขึ้นกับชนิดของยีนที่เป็นสาเหตุของความผิดปกติ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:18:28

ความคิดเห็นที่ 3 ทีนี้มาเข้าเรื่องของเราต่อค่ะ ตอนนั้นก็เลยไปฝากครรภ์ที่ รพ.ราชวิถี (พี่สาวแนะนำมาค่ะ) ตอนนั้นอายุครรภ์ 8 สัปดาห์ ไปคลินิกนอกเวลา หรือที่เค้าเรียกว่าฝากพิเศษ ตอนนั้นเราไม่ได้เจาะจงคุณหมอท่านไหน แต่พอคุณหมอคนที่ตรวจทราบว่าเราและแฟนเป็นธาลัสซีเมีย เลยส่งเราไปให้ อ.หมออีกท่านนึงค่ะ ที่ถนัดด้านธาลัสซีเมียโดยเฉพาะ นัดมาอีกทีตอน 12 สัปดาห์ ตอนนั้นคุณหมอบอกว่า ผลเลือดที่เรามีไม่ละเอียดพอ แต่เราและสามีมีความเสี่ยง เลยอยากให้ตรวจเลือดอีกครั้ง เพื่อดูว่าเป็นสายเบต้าชนิดไหน เลยเจาะเลือดเรากะสามี ส่งตรวจแบบละเอียดที่ศูนย์ธาลัสซีเมีย ของ รพ.ศิริราช และเราถูกจัดประเภทอยู่ในกลุ่มครรภ์เสี่ยงสูง คุณหมอก็ให้ไปที่คลินิกครรภ์เสี่ยงสูงของราชวิถีด้วย แต่อันนั้นจะเป็นเวลาราชการค่ะ แต่เป็นคุณหมอคนเดียวกันกับที่เราฝากครรภ์ค่ะ คุณหมออยู่ 2 ที่ สรุปคือ เหมือนเราหาหมอ 2 ที่ ทั้งที่ฝากพิเศษ คือ ฝากครรภ์ปกติ และคลินิกครรภ์เสี่ยงสูง เรื่องธาลัสซีเมียค่ะ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:21:13

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนนั้นคุณหมอก็นัดเราไปเจาะเลือดที่ราชวิถีนี่แหละค่ะ แต่เจาะเสร็จก็ต้องเอาเลือดไปส่งเองที่ศิริราช โชคดีมากที่ทางศูนย์  มีโครงการวิจัยสำหรับคู่ที่ลูกมีโอกาสเป็นธาลัสซีเมียรุนแรงอยู่ เราเลยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย นอกจากต้องไปเจาะเลือดตอนเช้า และนำเลือดไปส่งที่ศิริราชเองตอนบ่ายค่ะ รอผลเลือดประมาณ 3 สัปดาห์ คุณพยาบาลก็โทรมานัดให้ไปฟังผล ตอนนั้นอายุครรภ์ประมาณ 17  สัปดาห์แล้วค่ะ ตอนไปฟังผลร่าเริงดีค่ะ ไม่คิดว่าจะร้ายแรงมาก พอไปฟัง... เครียดเลยค่ะ ปรากฎว่าผลเลือดที่ออกมา เราเป็นพาหะ >> เบต้าศูนย์ /ปกติ >> β0 /  Normal   ส่วนสามีเป็นโรค!! >>  เบต้าศูนย์ / ฮีโมโกลบินอี >> β0 / Hb E งานเข้าเลยค่ะทีนี้... จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:23:56

ความคิดเห็นที่ 5 จากการวินิจฉัย ลูกมีความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นโรค 50% และเป็นพาหะ 50% (ดูตามภาพประกอบนะคะ) ซึ่งในกรณีที่ผลออกมาเป็น เบต้าเมเจอร์ >> อันนี้รุนแรงมาก ยังไงเด็กก็ตาย ส่วนถ้าออกมาเป็น B/HbE  จิงๆเคสนี้ก็อันตราย แต่ความรุนแรงต่างกันไป คุณหมอบอกไม่ได้ว่าอาการจะเป็นแบบไหน ดูอย่างคุณพ่อสิ (สามี) ก็ไม่มีอาการอะไร .... แต่ก็เป็นส่วนน้อย  เฮ้ออ ถ้าออกมาเป็นพาหะ ก็สบายใจได้ค่ะ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:27:09

ความคิดเห็นที่ 6 ทีนี้ คุณหมอแนะนำให้เจาะเลือดสายสะดือลูกออกมาตรวจ เพื่อดูว่าลูกเป็นชนิดไหนค่ะ ....ซึ่งถ้าผลออกมาเป็นโรค ทางคุณหมอก็แนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ T_T... แต่ก็แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจนะคะ ถ้าสมมติ ลูกออกมายังไงก็จะเลี้ยง ยอมรับได้ถ้าเป็นโรค ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ก็โอเคไม่ต้องเจาะ ก็ฝากครรภ์ต่อไปปกติค่ะ ทีนี้ คุณหมอก็ให้ตัดสินใจและปรึกษากันว่าจะเอายังไง จะเจาะเลือดลูกออกมาดูมั้ย แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงในโอกาสที่อาจจะแท้งจากการเจาะได้ 1% ค่ะ ตอนนั้นฟังแล้วน้ำตาจะไหล เครียดก็เครียด .. แต่ก็โอเค สุดท้ายเราตัดสินใจเจาะค่ะ การจะเจาะต้องรอเวลาที่เหมาะสมค่ะ คืออายุครรภ์ 18-20 วีค คุณหมอนัดให้มาเจาะอีกครั้ง ตอน 19 วีค ค่ะ... จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:31:29

ความคิดเห็นที่ 7 การเจาะเลือดสายสะดือ มีลักษณะและวิธีการคล้ายการเจาะน้ำคร่ำค่ะ ทาง รพ. นัดให้มา 8 โมง ดูวีดีโอก่อนการเจาะ (เราว่ายิ่งดูยิ่งน่ากลัว) เซ็นต์ใบยินยอมต่างๆค่ะ เพิ่มเติมข้อมูลนิดนึงค่ะ การเจาะเลือดทารกจากสายสะดือ (cordocentesis) เป็นการตรวจเลือดทารกโดยตรง เนื่องจากเลือดที่ไหลเวียนในสายสะดือ เป็นเลือดของทารก โดยในการเจาะเลือดจากสายสะดือ จะต้องอาศัยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ แสดงตำแหน่งสายสะดือที่เหมาะสมในการเจาะ ฉีดยาชา แล้วแทงเข็มที่มีแกนในผ่านทางหน้าท้อง โดยเทคนิคปลอดเชื้อ และต้องเห็นตำแหน่งปลายเข็มโดยตลอดด้วยเครื่องตรวจอัลตร้าซาวนด์ เมื่อปลายเข็มอยู่ในหลอดเลือดสายสะดือ ก็ถอดแกนในของเข็มออก ต่อเข็มเข้ากับกระบอกฉีดยาขนาดเล็กแล้วดูดเลือดทารก เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อไป ข้อแทรกซ้อนของการเจาะเลือดจากสายสะดือ พบได้สูงกว่าการเจาะเนื้อรก หรือการเจาะน้ำคร่ำ โดยพบได้ตั้งแต่เลือดออกมากจนเป็นอันตรายต่อทารก หรือเลือดออกเป็นลิ่มเลือดกดสายสะดือ ซึ่งอาจรุนแรงจนทารกเสียชีวิตได้ หรือการมีอัตราการเต้นของหัวใจทารกช้าลง ( มักเป็นชั่วคราว ) เนื่องจากมีการรบกวนต่อหลอดเลือดในสายสะดือ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:40:42

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : Beenzaa เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:45:52 A:203.151.53.110 X: TicketID:310960

ความคิดเห็นที่ 9 ทีนี้ พอดูวีดีโอ เซนต์เอกสารต่างๆเสร็จ ก็รอคุณหมอมาค่ะ ตื่นเต้นและกลัวมาก ปกติไม่ถูกกะโรงพยาบาลค่ะ ไม่ค่อยป่วย และกลัวเลือดกลัวเข็ม กลัวนู่นนี่ไปหมดค่ะ พอคุณหมอมา ก็ให้เตรียมตัว ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เอาเราขึ้นเตียง (ไม่อนุญาตให้สามีเข้ามาที่ห้องเจาะด้วยค่ะ) ตอนแรกคุณหมอก็จะซาวด์ ตรวจดูเด็กก่อนว่าปกติดีมั้ย บอกเราว่า ลูกปกติดีนะ ชี้ให้เราดูว่าสายสะดืออยู่ตรงไหน เดี๋ยวคุณหมอจะเอาเข็มเจาะมาตรงนี้ แล้วดูดเลือดออกไปนะ อะไรประมาณนั้นค่ะ ปล. คุณหมอเป็น อ.หมอ ผู้หญิงใจดีๆ ตรวจละเอียดและน่ารักมากค่ะ .. คือคุณหมอที่เราฝากครรภ์ด้วยนั่นแหละ จากนั้นก็ปิดตา ให้เอาแขนวางเหนือศีรษะ มีพยาบาลมาคอยดู มีหมออีกคนมาช่วยจับเครื่องซาวด์ .. ส่วน อ.หมอ เป็นคนเจาะค่ะ แล้วก็ซาวด์หาตำแหน่งสายสะดือ แล้วฉีดยาชาที่หน้าท้องค่ะ (เจ็บมากกก น้ำตาไหล) แล้วก็ไม่เจ็บละค่ะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของคุณหมอ 2 คนแทน .. หาตำแหน่งที่เอาเข็มเจาะและดูดเลือดออกมาอยู่ซักพัก ประมาณ 10 นาที ก็เสร็จค่ะ จากนั้นก็ให้นอนพักประมาณครึ่ง ชม. ก็กลับได้ และเหมือนเดิมค่ะ เอาเลือดลูกไปส่งที่ศิริราช .. และไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ตอนนี้รออย่างเดียวค่ะ รอฟังผลเลือดค่ะ .. ถ้าผลเลือดมา คุณพยาบาลจะโทรมานัดอีกที จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:53:46

ความคิดเห็นที่ 10 มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ จากคุณ : Mishu เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:59:47

ความคิดเห็นที่ 11 ลืมเล่าค่ะ พอเจาะเลือดเสร็จ คุณหมอจะซาวด์ให้ดูอีกรอบว่าลูกปกติดีนะ เมื่อกี๊เจาะเลือดตรงนี้ ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้วนะ ไรงี้ค่ะ ระหว่างรอผลเลือด ตอนนั้นกลัวมาก ไปไหว้พระเยอะมาก.. ขอให้ผลออกมาเป็นแค่พาหะ คือถ้าผลเลือดออกมาเป็นโรค เราคงทำใจลำบาก เพราะตอนนี้ 20 วีคแล้ว เห็นแขน ขา นิ้ว อวัยวะทุกอย่าง ปกติสมบูรณ์ดี ...................... ผ่านไป 3 สัปดาห์ .. ผลเลือดก็มาค่ะ คุณพยาบาลโทรนัดให้ไปฟังผลตามเคย ไปรอคุณหมอ ตื่นเต้นและกลัวมากค่ะ สุดท้าย เราโชคดีมากค่ะ ที่ผลเลือดลูกออกมาเป็นพาหะชนิดเบต้า (β/Normal) คือเป็นเหมือนเราค่ะ แต่ลูกเอาเบต้าชนิดของพ่อเค้ามา ^___^ เฮ้อออออ โล่งค่ะ .. ตอนนี้ก็ตั้งครรภ์ปกติต่อไป .. ตอนนี้อายุครรภ์ 28 วีค ละค่ะ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:05:15

ความคิดเห็นที่ 12 มาเล่าให้ทุกคนฟัง เผื่อจะมีใครต้องเจาะเลือดตรวจแบบเรา หรือเจาะน้ำคร่ำ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและสุขภาพของคุณแม่แต่ละคนด้วยค่ะ แต่ต้องเตรียมทำใจ และยอมรับผลที่จะออกมาด้วยนะคะ สุดท้ายนี้ ขอให้คุณแม่และคุณลูก ทุกๆคน สุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์กันนะคะ เราก็ดูแลเจ้าตัวน้อยในท้องต่อไป  ตอนนี้ดิ้นเก่งมากกก อีก 12 วีค.. จะได้เห็นหน้ากันแล้วค่ะ ^___^ จากคุณ : แม่ยาหยี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:13:56

ความคิดเห็นที่ 13 เราเป็นพาหะเหมือนกันค่ะ แต่สามีไม่เป็น เลยไม่ต้องตรวจต่อ จขกท โชคดีมาก ๆ เลยค่ะ ขอให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกสุขภาพแข็งแรงนะคะ จากคุณ : ธรรมดาไม่เป็น เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:16:44

ความคิดเห็นที่ 14 ขอให้ลูกแข็งแรงและปลอดภัยนะคะ ภาวนาคะ จากคุณ : คนชอบตู่ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:20:03

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้วยิ้มตอนจบค่ะ ยินดีด้วยค่ะ อายุครรภ์เท่ากันเลย จากคุณ : ultraoui เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:20:54

ความคิดเห็นที่ 16 ก่อนอื่น ขอยินดีด้วยนะคะ จขกท. ที่ลูกปลอดภัยเป็นแค่พาหะเท่านั้น เรากำลังจะแต่งงานค่ะ ซึ่งเราเคยตรวจเจอว่า เกร็ดเลือดต่ำไปนิดนึง และฮีโมลโกลบินแตกตัวง่ายผิดปกติ และมีรูปร่างผิดปกติค่ะ และตรวจหาธาลัสซีเมียไปขั้นหนึ่งแล้ว (สายแอลฟา) ซึ่งผลออกมาว่า เราไม่ได้สายแอลฟาค่ะ แต่ยังไม่ได้ตรวจซ้ำ ว่าสายเบต้าจะเป็นหรือไม่ ในขณะที่แฟนเรา ในครอบครัวก็มีประวัติเป็นพาหะค่ะ (พี่ชายเค้า) เราเข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ ว่าบีบรัดหัวใจเวลาลุ้นผลเลือดมากๆ เพราะขนาดเรายังไม่ได้ทำการตรวจ เรายังคิดไปสารพัดเลยค่ะ ว่าถ้าเกิดเรากับแฟนไม่สามารถมีลูกได้ จะทำยังไง หรือถ้ามีลูกได้จะปกติมั้ย เพราะเราทั้งคู่อยากมีลูกมากๆค่ะ ได้อ่านสิ่งที่จขกท.เล่าแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจ ว่าอย่างน้อยเทคโนโลยีสมัยนี้ก็ก้าวล้ำไปมาก ทำให้สิ่งที่ยากกลายเป็นง่ายขึ้นได้ ขอให้คุณแม่และคุณลูกสุขภาพแข็งแรงทั้งคู่นะคะ จากคุณ : mookiebear เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:32:48

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนตรวจเลือดเราและสามีก็เป็นพาหะเหมือนกันคะ จำไม่ว่าเป็นชนิดไหน แต่โชคดีที่เป็นพาหะคนละชนิดกัน หมอบอกจึงไม่ส่งผลกับเจ้าตัวเล็กในท้อง  ตอนแรกก็แอบกังวลเหมือนกัน ข้อมูลของ จขกท ให้ความรู้ได้มาเลย ขอให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยทั้งคุณแม่คุณลูกนะคะ จากคุณ : เจ้าซื่อบื้อ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 18:30:18

ความคิดเห็นที่ 18 ยินดีด้วยนะคะกับเจ้าหนูน้อย^^ จากคุณ : Imphamog เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 18:33:43

ความคิดเห็นที่ 19 ยินดีกับผลที่ออกมาด้วยนะคะ จากคุณ : Love@Home เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:21:39

ความคิดเห็นที่ 20 ยินดีด้วยนะคะ อยากให้ช่วยกันกดโหวตกระทู้ กระทู้ให้ข้อมูล ให้ทางเลือกเเบบนี้เป็นประโยชน์มาก คนจำนวนไม่น้อย ชอบคิดว่าเรื่องไกลตัว หรือเรื่องยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องกังวล หรือบางทีไม่มีความรู้ ไม่มีเหตุบังเอิญให้ต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้เสียผลประโยชน์ไปโดยไม่รู้ตัว ชีวิตเด็กคนหนึ่ง ถ้าเลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยง ไม่อยากให้มาเสี่ยง ถ้ามีอะไรสุดวิสัยจะได้หาทางเเก้ไขหรือป้องกัน ถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มจะได้เอามาเสริมบางจุดที่เจ้าของกระทู้เขียนตกหล่น จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:55:33

ความคิดเห็นที่ 21 ยินดีด้วยนะคะ จากคุณ : สลัดผักรวม เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:19:00

ความคิดเห็นที่ 22 ก่อนอื่นดีใจกับ จขกท ด้วยค่ะ ขนาดอ่านยังลุ้นตามเลยค่ะ ฝากถึงคนที่ยังไม่มีลูกนะคะนี่แหละค่ะเหตุผลที่ควรตรวจก่อนตั้งครรภ์ เราไม่เป็นแต่มีสองเคสจะมาแบ่งปัน(เพื่อนเราทั้งคู่) เคสแรกเป็นภาหะทั้งคู่ค่ะ แต่หมอตรวจแล้วว่าไม่อันตราย แต่เค้ามาทราบตอนท้องแล้วเหมือนกันนะคะ ทำเอาใจหายใจคว่ำกันไปเลย ช่วงลุ้นผลเครียดกันมากเลย เคสสอง  ท้องแล้วตรวจเช่นกันค่ะ พาหะทั้งคู่ แต่โชคร้ายค่ะ สรุปคือคุณหมอแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์เพราะน้องเป็นเต็มๆเลยค่ะ ตอนแรกเพื่อนเราไม่ยอมท่าเดียว  แต่ที่สุดแล้วก็ตัดสินใจทำค่ะเพราะคุณหมอได้บอกถึงสภาพร่างกาย ความทุกข์ทรมานที่เด็กจะได้รับหลังคลอด เพื่อนเราเองก็มีเพื่อนที่เป็นโรคนี้ เพื่อนเราเล่าว่าที่ตัดสินใจทำเพราะคำพูดที่เพื่อนที่ป่วยพูดด้วยแหละค่ะ ว่าทำไมเค้าต้องเกิดมาเป็นโรคนี้  ให้เค้าเกิดมาทำไม  เค้าทรมานทั้งร่างกายทั้งใจ เราฟังแล้วก็น้ำตาซึมเลยค่ะ  อันนี้ฟังเพื่อนเล่าความหลังนะคะ  ทุกวันนี้ทั้งคู่ก็เลยอยู่กันสองคนค่ะไม่มีลูก แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 00:22:03 จากคุณ : It's not easy to be me... เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:19:40

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านแล้วลุ้นไปด้วยค่า ดีใจด้วยนะคะ จากคุณ : แตงกวาจิ้มน้ำพริก เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:25:04

ความคิดเห็นที่ 24 ดีใจด้วยค่ะ ของเราเองก็พาหะอัลฟ่า แฟนเราฮีโมโกลบินอี คุณหมอที่จุฬาก็ซาวด์ดูทุกเดือน จนประมาณ 30 สัปดาห์แล้ว ก็สรุปว่าเด็กไม่มีอาการโรคธารัสซีเมียค่ะ คุณหมอว่าถ้าแสดงอาการของโรค คือเด็กในครรภ์มีภาวะส่อว่า ตับ ปอด หัวใจโต ก็จะเจาะเลือดสายสะดือตรวจซึ่งโชคดีที่ไม่มีอาการก็เลยไม่ต้องตรวจเลือดสายสะดือค่ะ จากคุณ : chanktechnic เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 14:20:23

ความคิดเห็นที่ 25 ยินดีกับผลตรวจด้วยนะคะ จากคุณ : รักหวางหลุง เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 15:59:29

ความคิดเห็นที่ 26 ยีนดีด้วยคะ เราพาหะ EA แฟนเป็นโรค EE ไม่แสดงอาการ โชคดีไปคะ จากคุณ : viviblue เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:54:00

ความคิดเห็นที่ 27 ยินดีด้วยนะค่ะที่ลูกไม่เป็นอะไร เราก็กำล้งจะปล่อยมีลุก ยังไม่ได้ไปตรวจอะไรเลย จะเสี่ยงไหมค่ะ จากคุณ : Banana-pg เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 14:43:23