ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากเรากับสามี เคยเรียนด้วยกันตอนประถม สามีเป็นเด็กเรียบร้อย เราก็ชอบแกล้ง ชอบแหย่ ตอนเรียนโดนเราแกล้งประจำ แต่ก็ไม่เคยโกรธ เราก็ได้ใจ แกล้งได้แกล้งเอา สนุกค่ะ สนุกสนานตามประสาเด็ก จนจบประถม ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเรียน เพื่อน ๆ ส่วนมากก็จะเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอรวมถึงสามีเราด้วย แต่เราไปเรียนในตัวเมืองจังหวัด จนจบ ม. 6 เช้าไปเรียน เย็นกลับบ้าน ไม่ได้มีโอกาสเจอเพื่อนเก่า ๆ เลย ทำให้เรากับเพื่อน ๆ รวมทั้งสามี ห่าง ๆ กันไป จนกลายเป็นว่า เราไม่มีเพื่อนแถวบ้านเลย บางทีเจอแต่ไม่กล้าทัก กลัวเค้าจำเราไม่ได้ รวมทั้งสามี ตั้งแต่จบมาก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ทั้ง ๆ ที่บ้านเรากับเค้า อยู่ห่างกันแค่ 1 กิโล แต่เราก็ไม่รู้ว่านี่คือบ้านเค้านะ นี่คือบ้านเพื่อนเรานะ เพราะไม่เคยไปบ้านเพื่อน ไม่เคยไปไหนเอง พ่อแม่รับส่งตลอด จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 21:36:12

ความคิดเห็นที่ 2 พอจบ ม. 6 เราก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ระหว่างเรียนก็มีแฟนค่ะ จนจบมหา’ลัย จบปุ๊บก็แต่งปั๊บ (ตอนนั้นอายุ เพิ่งจะ 20 เองค่ะ) อยู่กันมีลูกสาวหนึ่งคน มีลูกตอนอายุ 22  อยู่กันได้สักพัก เราก็เลิกกับอดีตสามี ตอนนั้นลูกได้สองขวบ (ตอนนี้สิบขวบแล้วค่ะ เป็นสาวละ) เลิกกันด้วยความรู้สึกเฉย ๆ ค่ะ  ไม่ได้มีใครใหม่ทั้งสองฝ่าย เป็นเพื่อนกัน รู้สึกว่ามันไม่มีความรู้สึกชู้สาวต่อกันแล้ว ส่วนลูกก็มาอยู่กับเรา เราก็กลับมาอยู่บ้าน เพราะพอมีลูกเราก็ออกจากงานมาเลี้ยงลูกเต็มตัวค่ะ ตั้งใจว่าต้องเลี้ยงเอง จนเค้าเข้าเรียนถึงจะกลับไปทำงานใหม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่กับลูก 24 ชม. เป็นเวลาสามปี พอลูกเข้าเรียน เราก็เปิดธุรกิจอยู่ที่บ้าน ตอนเลิกกับอดีตฯ ใหม่ ๆ เค้าก็แวะเวียนมาหาลูกบ้างค่ะ แล้วอยู่ ๆ เค้าก็หายไปเลย จนตอนนี้เราก็ไม่รู้ ว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เมื่อครั้งล่าสุดตอนลูกสาวได้ห้าขวบ เราพาเค้าไปหาย่า ปรากฏว่าเค้าขายบ้าน ย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นแล้วอะ ก็เลยไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง โทรติดต่อไม่ได้ เพราะรู้ว่าเค้าเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ เค้าก็ให้เบอร์มาเป็นนามบัตรนี่ล่ะ เราทำหายไป แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่ได้อะไรมากมาย ก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ แล้วชีวิตเราก็ต้องเปลี่ยน เมื่อเรามาเจอสามีคนปัจจุบัน หรือเรียกได้ว่ารักครั้งแรก ที่เราเรียกได้เต็มปากว่านี่คือความรักจริง ๆ ซึ่งเราก็ไม่เคยรู้สึกกับอดีตสามีแบบนี้มาก่อน เค้าคนนี้ คนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเราไปมากมาย แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 21:43:12 จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 21:42:35

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากที่ลูกเข้าเรียน เราก็มีเวลาเยอะขึ้น ได้ออกไปไหนมาไหน ยิ่งแม่เราเค้าก็ยิ่งเห่อหลาน รักหลานปานจะกลืน อาสาไปรับไปส่งหลานที่โรงเรียน เพราะเราก็ต้องดูแลธุรกิจเราด้วย ยายกับตาก็ว่าง เลยรับอาสาแทน แล้วเย็นวันหนึ่ง ออกไปซื้อของ เจอคนรู้จักเค้าก็ทักว่า เย็นนี้ทำไรกิน ตามประสาคำทักทายสามัญ เราก็บอกว่า ไม่รู้สิ นึกไม่ออก สงสัยไม่พ้นร้านอาหารเจ้าประจำ เค้าก็บอกว่ามีร้านเปิดใหม่นะ เปิดมาได้สักพักละ เคยไปหรือยัง อยู่เยื้อง ๆ กับโรงเรียนลูกสาวเรานั่นล่ะ เราก็ อ๋อ เห็นแล้วล่ะ เราก็ว่าจะแวะ ๆ ก็ยังไม่เคยได้ไปสักที ได้ความดังนั้น ก็เลยเปลี่ยนแผน เย็นนี้ลองพาลูกไปกินดีกว่า พอปิดร้าน เราก็พาลูกไป  แว่บแรกที่เห็นเจ้าของร้าน เราก็ว่าคุ้น ๆ แต่ไม่กล้าทัก จนกินเสร็จ กลับบ้านก็ไม่ได้คิดอะไร อีกวันชวนเพื่อนไปกิน เจ้าของร้านเค้าก็คอยมองเราตลอด เราก็รู้สึกว่ามีคนมอง เราก็หันไปสบตา ทันใดนั้นในใจก็เหมือนรู้แจ้ง จำได้แล้วว่าคนคนนี้คือใคร เค้าคือ ต. (นามสมมติ) เพื่อนสมัยประถมที่เราชอบแกล้งนี่เอง แต่เราก็ยังไม่กล้าทักนะเราก็กลัวเค้าจำเราไม่ได้ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 21:51:00

ความคิดเห็นที่ 4 สักพักพอ ต. มาเสิร์ฟอาหาร เค้าก็ถามเราว่าใช้ อ. หรือเปล่า เราก็ตอบว่าใช่ เค้าก็ถามว่าจำเค้าได้มั้ย เราก็บอกว่าจำได้ เค้าก็ว่า อ้าว... จำได้แล้วก็ไม่ทักกันเลยนะ เราก็ตอบไปว่า ไม่กล้าทักอะ กลัวจำกันไม่ได้ เค้าก็บอกว่า เห็นครั้งแรกเค้าก็จำได้แล้วเค้าไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้หรอก แล้วเค้าก็ขอตัวไปทำงานต่อ เพราะลูกค้าเยอะมากกกกก ร้านเค้าขายดีมาก ขายดีจนน่าอิจฉา กินเสร็จเราเรียกเก็บตังค์ จะกลับบ้าน เค้าก็อาสามาเก็บเอง แล้วก็ขอเบอร์โทรเรา เราก็ให้ไป ไม่ได้คิดไรมาก วันรุ่งขึ้น เค้าก็โทรมา โทรมาตั้งแต่แปดโมง ซึ่งเราก็กำลังยุ่ง ๆ กับการเปิดร้านอยู่ เพราะต้องจัดของ เรียงของ เราก็ขอวางสาย แล้วจะโทรกลับไป แล้วเราก็ลืม จนเค้าโทรมาตอนเที่ยง ถามว่ากินข้าวหรือยัง เราเอะใจนึกขึ้นได้ว่าจะโทรกลับไป เลยขอโทษเค้า เค้าก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร งั้นมื้อเที่ยงเราเลี้ยงข้าวเค้าแล้วกัน (หน้าด้านแฮะ) แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ตอบไปว่า เลี้ยงอะเลี้ยงได้ แต่ว่าออกไปข้างนอกไม่ได้น่ะสิ ต้องอยู่ร้าน เฝ้าร้าน วันนี้ไม่มีใครอยู่ เค้าก็ถามว่าร้านอยู่ตรงไหน พอเราบอกพิกัดไปว่าอยู่ตรงไหน เค้าก็ร้องขึ้นมาว่า โธ่เอ๊ยย อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ไม่รู้มาก่อนว่าบ้านนี้เป็นบ้านเรา เราก็บอกว่า ก็นั่นน่ะสิ บ้านคุณก็อยู่ห่างกันแค่นี้เองเนอะ แต่กลับไม่เคยเจอกันเลย จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 22:00:44

ความคิดเห็นที่ 5 พอวางสายไปสักพัก เค้าก็มาถึง ซื้อของกินนู้นนี่นั่นมาให้ เยอะแยะมากมาย สรุปมื้อนั้นเค้าก็เป็นคนเลี้ยงอยู่ดี ฮ่าๆๆ กินไป คุยไป สักพักเค้าก็ขอตัวกลับ เพราะต้องเตรียมตัวไปขายของที่บ้านต่อ เราก็โอเค ไว้คุยกันใหม่ ตอนนั้นเราก็ดีใจนะ ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคน เพราะที่นี่เราแทบไม่มีเพื่อนเลย หลังจากนั้นเค้าก็โทรมาอยู่เรื่อย ๆ เราก็คุยไปแบบไม่ได้คิดอะไร เค้าก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะจีบเรา จนวันนึง เค้าก็ชวนเราไปที่ร้าน บอกว่าวันนี้จะมีเพื่อนสมัยประถมมากินกันที่นี่ เค้าก็พูดชื่อมา ห้าหรือหกคนนี่ล่ะ ที่พูดมาทั้งหมดนั้นเราจำได้แค่คนเดียว (น่าคบมั๊ยเนี้ย) เราก็โอเค ตอบตกลง ปิดร้านเสร็จเราก็ไปร้านเค้า ก็นั่งกิน นั่งคุยรำลึกความหลังกัน สนุกสนาน จำได้บ้างจำไม่ได้บ้าง จนสี่ทุ่มเราเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว เราก็ขอตัวกลับ เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวขับรถกลับเป็นเพื่อน เพาะเราขี่มอ’ไซค์มา ดึกแล้วอันตราย (ตอนแรกจะขี่จักรยานด้วยซ้ำ เพราะใกล้นิดเดียวกะจะออกกำลังกายไปในตัว) เราก็โอเค ก็ดีเหมือนกัน เค้าก็บอกให้เพื่อน ๆ รอ อยู่ที่ร้านก่อน เรากับเค้าก็ขับตีคู่กันมา พอถึงบ้านเค้าก็บอกว่า เดี๋ยวเคลียร์อะไรเสร็จจะโทรมานะ นอนดึกมั้ย เราก็บอกว่า อย่าให้เกินเที่ยงคืนแล้วกัน เค้าก็โอเค พอห้าทุ่มเค้าก็โทรมา ชวนคุยนู้นนี่นั่น ตามประสา คุยได้ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง เราก็ขอตัวเพราะเริ่มง่วง วางสายไป สักพักก็มีข้อความเข้ามาว่า “หลับฝันดีนะ” จากเค้า เราก็ยังเฉย ๆ อยู่ ไม่ได้คิดอะไร เพราะเค้าก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรบ่งบอกว่าจะจีบ แต่หน้าตาเค้าอะ มันดูเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ตาหวาน ยิ้มหวาน เราก็พอมองออกว่าเค้าเป็นคนหน้าตาอย่างนี้ ไม่ได้คิดว่าจะจีบหรอก ก็คิดไปว่าบุคลิกหน้าตาเค้าเป็นอย่างนี้เอง แต่เราคิดผิด... จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 22:10:29

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : ปรารถนาดี เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 22:22:29

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท.หนีไปดูเดอะสตาร์แล้วหรือเปล่า...เค้ารออยู่นะ จากคุณ : ning_nk เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 22:41:34

ความคิดเห็นที่ 8 ค้างอีกกระทู้ เฮ้ออออออ -__-" จากคุณ : MOnKEy_PrAi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 00:32:03

ความคิดเห็นที่ 9 รออ่านน้า จากคุณ : แฟนหนูชื่อจัมโบ้ (nin2122) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:21:11

ความคิดเห็นที่ 10 ขอโทษด้วยค่ะ พอดีบ้านเรารับสัญญาณเน็ตจากบ้านพ่อค่ะ ถ้าพ่อเค้าเลิกเล่นเน็ต หรือเข้านอนเค้าก็จะปิดเลยค่ะ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:31:39

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากวันนั้นเค้าก็ส่งข้อความมาก่อนนอนเสมอ การพูดจาก็เริ่มหวานขึ้น ชวนไปนู้นไปนี่ เราก็ไป แล้วเราก็พลาดท่าไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเป็นแฟนกันแล้ว -_-"  กับลูกสาวเรา เค้าก็เข้ากันได้ดีค่ะ แต่เราไม่ได้บอกลูกว่าเป็นแฟนใหม่แม่ เรายังไม่อยากให้เค้าได้รับรู้ค่ะ จนทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้บอกลูก แต่ก็คิดว่าเค้าก็น่าจะพอมองออกน่ะ อ้อ สามีเราเค้าก็เป็นพ่อหม้ายค่ะ ลูกสาวเค้าอายุมากกว่าลูกเราหนึ่งปี แต่ลูกอยู่กับแม่ เลิกกันเพราะอะไร เราก็ไม่เคยถามเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า และเป็นอดีต พอคบกันได้ประมาณสามเดือนเค้าก็มาสารภาพว่า เค้าแอบชอบเราตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เราน่ารัก (เค้าบอกมางี้อะ) ก่อนบอกเค้าถามเราว่า เคยดูหนังเรื่องความจำสั้นแต่รักฉันยาวมั้ย เราก็บอกเคย ก็ถามกลับไปว่าทำไม เค้าก็บอกว่า เปล่าไม่มีอะไร หนังเค้าดีนะนู้นนี่นั้น เราก็อืม ก็ดี เคยดู แต่ก็ไม่ได้จำรายละเอียด อะไรมากนัก แล้วเค้าก็จะรำลึกความหลังอันประทับใจให้เราฟังเรื่อย แต่ในความทรงจำเราอะ ไม่ได้มีอะไรไปกว่า เค้าคือเด็กน้อยน่าสงสาร ที่ถูกเราแกล้ง บางทีเราก็แกล้งจนเค้าร้องไห้ วันนึงหลังเลิกเรียน เราเคยหลอกพาไปหลังโรงเรียน (เป็นโรงเรียนวัดค่ะ) ให้เค้ารอเราอยู่ที่ป่าช้า เราแกล้งบอกว่าเดี๋ยวไปหาซื้อขนมก่อน แล้วเราก็ทิ้งเค้าไว้คนเดียว เค้าก็รอเราอยู่นั่น ไม่ไปไหน จนพ่อแม่เค้ามารับกลับบ้าน พ่อแม่หาเค้าไม่เจอ ก็เลยเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต แต่เค้าก็ไม่ได้ฟ้องครู หรือพ่อแม่เค้านะ ว่าเราหลอกเค้าไป เค้าก็ไม่รู้ว่าเราหลอก เค้าก็นึกว่าเราไปแล้วยังไม่กลับมา เลยรอ แต่เรื่องที่เค้ารำลึกให้ฟัง เป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ไม่เคยได้สังเกต มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก เค้าก็แค่แอบมองเรา แอบเชยชมเรา เวลาเราทำนู้น ทำนี่ เราเป็นนักเรียนกิจกรรม เป็นดรัมเมเยอร์ เป็นนางรำ เป็นอะไรต่อมิอะไรที่โรงเรียนจะยัดเยียดให้เราไปแสดง เค้าก็จะตามไปดู ไปชม ไปให้กำลังใจ ส่วนเราเหรอ ไม่รู้เรื่องหรอก เวลาครูให้จับกลุ่มทำงาน เค้าก็จะพยายามมาอยู่กลุ่มเดียวกับเรา เราก็นึกตาม เออจริงนะ เวลามีงานกลุ่ม เค้าจะมาอยู่กลุ่มเดียวกับเราตลอดเลย จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:45:56

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วเค้าก็สารภาพว่า ตอนจบประถมน่ะ เค้าตามหาเราตลอดเลยนะ ทุกวันหยุด จะขี่จักรยานออกตามหา ตระเวนไปตามหมู่บ้าน ขี่ไปเรื่อย จนขึ้น ม. 2 เค้าก็เลิกตาม เพราะติดหญิง ฮ่าๆๆ คือมีแฟนนั่นล่ะ (แก่แดดอะ) แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ลืมเราเลย ก็เรียนไป คบคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย แต่เราก็อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเค้ามาตลอด มันก็เหมือนที่หลาย ๆ คนก็จะมี "แฟนฉัน" ในสมัยเด็กนั่นล่ะ จนมาตอนนี้ มันเหมือนปาฏิหาริย์ ที่เราได้กลับมาเจอกันอีก แล้วก็ได้คบกัน ฟังดังนั้น ก็ซึ้งดิ ซึ้งอะ ซึ่งต่างคนก็ต่างมีครอบครัวกันไปแล้ว แต่ก็มีอันต้องเลิกรา เค้าบอกว่า เราเป็นรักแรกที่ถูกลืม แล้วก็เป็นรักปัจจุบันที่จะเป็นรักสุดท้ายตลอดไป แต่สัจจะธรรมคือ ทุกสิ่งล้วนไม่จีรัง และไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:55:36

ความคิดเห็นที่ 13 กรำ เจอกระทู้สดอีกแล้ว เพี้ยงขอให้ จบนะครับ จากคุณ : ชินจัง..ชักจะชินแล้ว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:58:21

ความคิดเห็นที่ 14 ระหว่างที่คบกัน ก็มีข่าวคราวมาให้ได้ยินเรื่อย ๆ ว่า ต. เจ้าชู้นะ ทิ้งผู้หญิงมาเยอะแยะมากมาย ต. เป็นอย่างนี้นะ อย่างนั้นนะ เราก็เชื่อนะ ไม่ใช่ไม่เชื่อ ไม่ได้รักไม่ลืมหูลืมตา แต่เราถือว่ามันคืออดีต เรามองที่ปัจจุบัน ตราบใดที่เค้ายังดีกับเรา ตราบใดที่เค้ายังไม่ออกลาย เราก็จะไม่เอาตรงนี้มาเป็นประเด็นให้ต้องทะเลาะ หรือระแวงคอยจับผิดกัน ณ ตอนนี้ เค้าไม่เคยหลอกเรา เค้าไม่ได้ทำอย่างนั้นกับเรา เค้าอาจจะไม่ดีกับคนอื่น แต่กับเรา เค้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราเลยเลือกจะไม่สนใจ และทุกคนย่อมมีอดีต ระหว่างที่คบกัน พ่อแม่ของเค้าก็รับรู้เรื่องราวระหว่างเรากับเค้าทุกเรื่อง เค้าเล่าให้แม่เค้าฟังทุกเรื่อง เค้ากับแม่สนิทกันมาก พ่อแม่เค้าก็ดีกับเรามาก ๆ เราก็พาเค้าไปให้พ่อแม่เรารับรู้ว่าคบกันนะ อะไรยังไง ระหว่างนี้ก็ไป ๆ มา ๆ บ้านกันแล้ว ปิดร้านเราก็ไปช่วยเค้าตลอด พอเค้าเลิกร้านก็ขับรถตามมาส่งเรา เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเมื่อกันยาปีที่แล้ว ก็คุยว่าจะแต่งงานกัน แต่ก็มีอันต้องพับเสื่อไปก่อน แต่เค้าก็ถามว่า จดทะเบียนก่อนมั๊ย เราจะได้มั่นใจ เราก็บอกว่าไม่เป็นไร มันไม่สำคัญหรอกทะเบียนสมรสน่ะ แล้วก็คุยว่า งั้นก็อยู่ด้วยกันเลยนะ เราก็อือ ยังไงก็ได้ แต่เราก็บอกว่า เค้าไม่ไปอยู่บ้านคุณนะ เพราะยังไงเค้าก็ต้องอยู่กับลูก แล้วบ้านคุณมันไม่สะดวก คือเค้าเป็นครอบครัวใหญ่ น้องชายเค้าแต่งงาน มีลูกอีกสองคน น้องสาว กับน้องเขยก็อยู่รวมกันที่บ้านนี้ รวมแล้วทั้งบ้านอยู่กันทั้งหมดสิบคน (ย่าเค้าอยู่ที่นี่ด้วย) คนเยอะเราไม่ชอบ แต่ไม่ใช่ว่าเราเข้ากับเค้าไม่ได้นะ เราเข้าได้กับทุกคนในบ้านเค้า ทุกคนโอเคกับเราหมด แต่เราพวกโลกส่วนตัวสูง ที่บ้านเรา มันส่วนตัว เพราะมีบ้านสองหลัง บ้านพ่อแม่ กับบ้านเรา ที่เปิดเป็นร้านไปในตัว ส่วนลูกสาวเรานอนกับตายาย เราก็เลยนอนบ้านนี้คนเดียว สามีเราเค้าก็มานอนกับเราที่บ้าน พ่อแม่ก็รับรู้นะคะ ไม่ได้ว่าอะไร เราไปนอนบ้านเค้าบ้างเวลาที่เลิกร้านแล้วเหนื่อยก็จะนอนที่บ้านเค้าเลย แต่ส่วนมากจะกลับมานอนบ้านเรามากกว่า เพราะเราก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเปิดร้านด้วย จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:07:40

ความคิดเห็นที่ 15 จบแน่ค่ะ ฟันเฟิร์ม จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:08:35

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากเค้าเก็บร้านแล้วเนี้ย เค้าก็ไม่ได้มานอนที่บ้านกับเราเลยนะคะ มาส่งเราแล้วเค้าก็จะกลับไปบ้านก่อน เพื่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อ ไปเล่นสนุ๊กบ้าง นั่งกินเหล้าต่อที่ร้านบ้าง เล่นไพ่บ้าง ไปต่อร้านอื่นบ้าง เที่ยวบ้าง เป็นกิจกรรมอย่างนี้ประจำทุกวัน จะกลับมาบ้านเที่ยงคืน ตีหนึ่งบ้าง ตีสองบ้าง ซึ่งเราบอกว่า ถ้าเกินเที่ยงคืน หรือเที่ยงคืนครึ่ง ก็ไปนอนบ้านคุณนะ ถ้านอนที่นี่ต้องตื่นแต่เช้า เราไม่อยากปลุกอยากให้นอนเต็มอิ่ม เพราะเราต้องรีบตื่นมาเปิดร้านแต่เช้า ถ้าเราเปิดร้านแล้วยังปล่อยให้เค้านอนอยู่ มันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับลูกเราด้วย ให้เค้ากลับไปนอนบ้านดีกว่า จะตื่นตอนไหนก็ได้ตามสบาย ซึ่งปกติเค้าก็ตื่นหลังสิบโมงไปนั่นล่ะค่ะ เราไม่เคยซีเรียสเรื่องไลฟ์สไตล์ของเค้า  เพราะเค้าเป็นอย่างนี้ก่อนมาคบเรา เราไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใคร แล้วเราก็เห็นว่ามันไม่ได้กระทบอะไร กับความสัมพันธ์ของเรา เราเป็นคนไม่ตีกรอบอะไรให้ใคร เป็นอย่างนี้เรื่อยมา และแล้วหายนะก็มาถึงค่ะ ช่วงหลัง ๆ มานี่ เค้าก็เริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่เดือนมกรา เราเริ่มระแคะระคาย ไม่ใช่ว่ามีใครมาพูดอะไรนะคะ แต่คนเราคบกัน นอนด้วยกัน มีอะไรกัน เราจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปค่ะ แต่การกระทำเค้าไม่เปลี่ยนนะคะ ก็ยังใส่ใจ ดูแล ปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนคือ เค้าเริ่มกลับดึกขึ้น ปกติจะกลับมานอนกับเราเกือบทุกวัน ถึงแม้ว่า จะตีหนึ่ง ตีสอง หรือดึกมากแค่ไหน เค้าก็ยังอยากมานอนกับเรา ต่อให้ตื่นเช้าแค่ไหนเค้าก็จะมา ซึ่งเราก็เคยบอกแล้วว่า ไม่เป็นไร นอนบ้านก็ได้ เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ตั้งแต่มกรามา เค้าก็ไม่ค่อยได้มานอนกับเราค่ะ จะนอนบ้านตลอด แล้วก็กลับดึกมากกว่าเดิม ตีสาม ตีสี่ บางวันก็กลับเช้าบ้าง สายบ้าง ไปจนถึงเที่ยง อาทิตย์นึงจะมานอนกับเราแค่วันสองวัน พอหลัง ๆ กลางเดือนไปแล้ว ก็แทบจะไม่มาเลย เราก็ถาม ๆ ไปว่า มีกิ๊กเปล่าเนี้ย น้ำเสียงเฮฮาปกติ ไม่ได้ขึงขังอะไร เค้าก็บอกว่า แล้วมีได้เปล่าล่ะ เราก็บอกว่า มีได้ ใครจะไปว่าอะไรคุณได้ ตัวคุณ หัวใจคุณ ไม่มีใครบังคับได้ แต่ขอให้บอกตรง ๆ เราแมนพอ เราไปเอง คนไม่รักแล้วจะอยู่ทำไม เค้าว่าเราคิดมาก มีที่ไหนกัน ไอ้ตอนที่พูดเนี้ย เราพูดแบบแมน ๆ จริง ๆ นะ คิดว่า มันคงจะง่ายอย่างที่พูด แล้วด้วยนิสัยเรา ก็แมน ๆ อย่างนี้มาตลอด แต่เอาเข้าจริง คนละเรื่องเลย แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร ไม่ได้ซัก ไม่ได้คาดคั้นอะไรต่อมากมาย จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:22:26

ความคิดเห็นที่ 17 จนวันนึง เค้ากลับมานอน แล้วเรามีอะไรกัน แต่ว่ามันไม่เหมือนเดิม คือเค้าไม่เสร็จ น้ำมันไม่ยอมออกอะ เราก็คิดว่ามันผิดปกติ เพราะคนเราไม่ได้มีอะไรกันตั้งหลายวัน เป็นสัปดาห์ มันต้องอัดอั้นสิ แล้วเรื่องเซ็กซ์นี่ก็ใช่ว่าเราจะไร้เดียงสา เราก็ถามว่าเป็นอะไรทำไมไม่เสร็จ เค้าก็บอกว่า สงสัยกินเหล้าเยอะมั้ง แล้วเค้าก็ไม่เสร็จแบบนี้อีกหลายครั้ง บางทีเราขย่มอยู่ดี ๆ เค้าก็หลับไปเฉยเลย เราก็แบบเฮ้ย ไรวะ เราก็นั่งงง อยู่บนตัวเค้านั่นล่ะ แล้วก็ปลุกมาถามว่า เหนื่อยไรมาเนี้ย พักนี้เป็นอะไร ทำไมเป็นแบบนี้บ่อยจัง เค้าก็ว่า เหนื่อยมั่ง พักผ่อนน้อยมั่ง สารพัดเหตุผล ตอนนั้นเราก็เริ่มคิดแล้วล่ะ ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ ซึ่งตลอดที่คบกัน เราไม่เคยว่านะถ้าจะไปพลาดพลั้งกับใคร อะไรยังไง แต่ขออย่างเดียวคือ อย่าเอามาเป็นตัวเป็นตน เที่ยวแล้วจบ มีอะไรแล้วจบ ก็จบกัน แต่อย่าให้รู้ก็จะดีมาก แต่เค้าก็ไม่เคยมีให้รู้ หรือมีให้ระแคะระคาย แล้วจนมีครั้งนึง มันผิดปกติมาก เพราะทุกครั้งเวลาเรามีอะไรกัน เค้าจะปล่อยข้างในตลอด เพราะเราฉีดยาคุม แต่ครั้งนั้น ก่อนเสร็จเค้าถามเราว่า ปล่อยข้างในนะ เรานี่หยุดกึกเลย นิ่งเลย เค้าถามเราว่าเป็นอะไร ทำไมอยู่ดี ๆ ก็หยุดนิ่ง เราบอกว่า ทุกครั้งที่มีอะไรกัน เค้าไม่เคยถามเราเลย ไม่เคยถามสักครั้ง เพราะเราก็บอกว่า เราฉีดยาคุมไว้นะ (แต่เราตรวจเลือดทุกสามเดือนนะคะ ทั้งเราและสามี) พอมาครั้งนี้ เรามั่นใจเลยว่าเค้าต้องมีความลับอะไรกับเราแน่ เราไม่เคยพลาดกับเซนส์ของเราเองด้วย จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:35:11

ความคิดเห็นที่ 18 ตั้งแต่นั้นมา เวลาเค้าหลับ เราก็จะแอบเอาโทรศัพท์เค้ามาเช็ค มาดูเบอร์ ดูข้อความ ดูโน่นดูนี่ แล้วจะมีอยู่หนึ่งเบอร์ ที่มีการติดต่อกันบ่อยมาก เช้า สาย บ่าย เย็น (ก่อนห้าโมง) และข้ามไปจนดึก (หลังสี่ทุ่มนู้น) เพราะช่วงที่ไม่ได้ติดต่อ ต้องขายของ แล้วก็อยู่กับเราด้วย เราก็เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ ยังไม่มีอะไร แล้วอีกวันเค้ากลับมาเร็วค่ะ แค่สี่ห้าทุ่ม ก็กลับมานอนแล้ว เราก็คิดว่า อืม กลับมาเวลานี้ จะติดต่อกับทางนั้นยังไงนะ พอเค้าหลับก็เอาโทรศัพท์มาดูอีก ทีนี้เค้าปิดเครื่องค่ะ เราก็เลยเปิดเครื่อง พอเปิดมาก็มีข้อความมาว่าหมายเลยนั้น หมายเลขนี้ มีการติดต่อเข้ามา แล้วก็มีเบอร์ต้องสงสัยอยู่ในนั้นด้วย สักพัก เบอร์ต้องสงสัย (ขอเรียกว่า ป.) ก็โทรเข้ามาค่ะ เพราะจะมีข้อความไปแจ้งว่า เบอร์นี้สามารถติดต่อได้แล้ว เราก็รับสาย ปลายสายอึ้งไปสักพัก แล้วก็ถามว่า ป.   “นั้นแฟนพี่ ต. เหรอ” เรา  “ใช่ค่ะ” เรา  “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ พี่ ต. หลับแล้ว ฝากไว้ได้นะ” ป.   “ไม่มีอะไรค่ะ พอดีพี่เค้าโทรมาแล้วไม่ได้รับ โทรกลับก็ปิดเครื่องไป      พอเห็นเปิดเครื่องก็เลยโทรมา ก็จะถามว่ามีธุระอะไร” เรา  “น้องคะ ต้องขอโทษนะถ้าพี่จะถามตรง ๆ น้องเป็นใครคะ      เป็นอะไรกับพี่ ต. หรือเปล่า เพราะพี่เห็นว่าโทรคุยกันบ่อยมาก” ป.   “พี่ไปถามพี่ ต. ดีกว่า” เรา  “ถามแล้ว แต่เค้าบอกว่า ไม่มีอะไร เป็นเด็กที่ร้านอาหารของเพื่อน       เพราะโทรไปเบอร์เพื่อนแล้วไม่ค่อยรับสาย เลยโทรเบอร์น้องแทน” (คือเราเคยเห็นเบอร์นี้โทรเข้ามาครั้งนึงค่ะ ก่อนเกิดเรื่อง เค้าวางโทรศัพท์ไว้ แต่เราไม่ได้รับให้ ก็เรียกเค้ามารับเอง ก็ถามว่าใคร เค้าบอกเด็กที่ร้านเพื่อน เราก็เฉย ๆ ไม่ได้อะไรต่อ เพราะเค้าจะชอบไปสุ่มหัวที่ร้านเพื่อนบ่อย ๆ หลังจากเลิกร้าน ไปกินเหล้า ไปเล่นไพ่กันที่นี่) ป.   “อ๋อ อืม ใช่ค่ะ พี่ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก ถ้าพี่ไม่สบายใจ      หนูบอกเค้าก็ได้ว่าไม่ต้องโทรมาเบอร์หนูแล้ว” เรา  “ไม่ต้องหรอกค่ะ ถึงพี่ ต. จะชอบหนู แต่คนเราตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก        เค้าอยากโทรก็ให้โทรไปพี่ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนของเรา        พี่ไม่อยากให้ใครต้องมีปัญหากันเพราะการที่พี่คิดไปเอง” ป.   “พี่วางใจได้เลย หนูไม่ได้มีอะไรกับพี่เค้าหรอก ไม่ต้องคิดมาก” เรา  “โอเคค่ะ งั้นพี่ต้องขอโทษน้องด้วยแล้วกัน ที่รบกวน” ป.   “ไม่เป็นไรค่ะ แล้วพี่จะบอกพี่ ต. หรือเปล่า ว่าเราคุยกัน” เรา  “ถ้าหนูจะบอก ก็ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่ว่า แต่พี่เห็นว่ามันไม่มีอะไร ก็คงไม่บอก       แต่ถ้าเค้าเห็นรายการโทร แล้วถามพี่ พี่ก็จะบอกตามความจริงน่ะ” ป.   “งั้นหนูไม่บอกหรอกค่ะ พี่ก็ไม่ได้ระรานอะไรหนู พี่ก็พูดดี ๆ กับหนู       พี่สบายใจได้นะ หนูกับพี่เค้าไม่มีอะไรกันจริง ๆ” เรา  “ค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะ” จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:43:57

ความคิดเห็นที่ 19 พอจบการสนทนา เราก็เชื่อนะ ว่าเค้าไม่มีอะไรกันจริง ๆ เชื่อเลยล่ะ เบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์ต้องสงสัยอีกต่อไป แล้วเราก็อยู่ในความเคลือบแคลงต่อไป แต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นให้ทะเลาะ ไม่ได้เอามาขบคิดให้ปวดหัว ชีวิตก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนวันที่ 27 ก.พ. เป็นวันสอบของลูกสาวเรา แล้ววันนั้นลูกสาวไม่สบาย พ่อเลยบอกให้เราไปลากับครูประจำชั้น (ปกติพ่อเป็นคนไปส่งหลานเรียนค่ะ) แต่สักพักลูกสาวบอกว่า หนูไปไหวแล้ว หนูดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ เราก็บอกงั้นเดี๋ยวแม่ไปส่งแล้วขึ้นไปหาคุณครูเป็นเพื่อน เพราะหนูไปสาย คุณครูจะได้ไม่ว่าอะไรหนู แม่จะได้ฝากให้ดูหนูด้วย หลังจากส่งลูกเสร็จ เราก็คิดว่า ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ร้านก็ยังไม่ได้เปิด ขับรถเลยไปดูต้นไม้ดีกว่า ซึ่งร้านต้นไม้ร้านนี้จะมีทางเข้าสองทาง ทางนึงรถยนต์จะทะลุไปถึงร้านนี้ไม่ได้ ต้องขับอ้อมซอยไปอีก แต่มอ’ไซค์สามารถเข้าไปได้ และบังเอิญว่า วันนั้น เราเอามอ’ไซค์ไป เราก็เลยขับไปทางนี้ซึ่งร้อยวันพันปี เราไม่เคยเข้าทางนี้เลย เพราะปกติจะเอารถยนต์มาตลอด แล้วเราก็จะบ้าซื้อเยอะแยะมากมาย แต่ครั้งนี้ก็คิดไปว่า เออ ขับไปดูก่อน ไปเลือกไว้ก่อน แล้วค่อยกลับไปเอารถยนต์มาขน คือปกติด้วยนิสัยเรา เราจะไม่ชอบทำอะไรซ้ำซ้อนหลายรอบ แต่ครั้งนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้เราขับเลยไปทั้งที่ก็รู้ว่า ยังไงก็ซื้อกลับมาไม่ได้ เพราะคงไม่มีปัญญาหอบกลับมาแน่ แล้วเราก็ขับไปอีกทางที่รถยนต์เข้าไม่ได้ เพราะวิวดี ขับเล่นไปเรื่อย ๆ ก่อนถึงร้านต้นไม้ จะมีโรงแรมอยู่แถว ๆ ปากทาง เราขับผ่านก็หันไปมอง เพราะเค้าทาสีฉูดฉาดสะดุดตาดี ทันใดนั้น เราก็เหลือบไปเห็นรถคันนึง คุ้น ๆ เหมือนรถสามีเรา แต่ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดจะย้อนกลับมาดู ก็คิดในใจว่า เดี๋ยวดูต้นไม้เสร็จ ขากลับค่อยดูให้ชัด ๆ ไปถึงเจ้าของร้านต้นไม้ไม่อยู่ ดูต้นไม้อยู่สักพักก็เลยกลับ แล้วก็แจ็คพ็อตค่ะ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:50:58

ความคิดเห็นที่ 20 รถคันนั้นยังจอดอยู่ ทะเบียนชัดเจน รถสามีเรานี่หว่า (เมื่อคืนไม่ได้มานอนกับเราค่ะ) เราจอดรถ แล้วกดโทรศัพท์ทันที ความรู้สึกตอนนั้นมันสับสนไปหมดค่ะ มันคืออะไร แล้วมันยังไง กดโทรศัพท์แบบมือไม้สั่น สักพักเค้าก็รับเสียงงัวเงีย เรา   “คุณอยู่ไหน” สามี  “อยู่บ้าน ยังไม่ตื่นเลย” เรา   “อยู่บ้านเหรอ แล้วทำไมรถคุณมาจอดที่โรงแรม...นี้ล่ะ” เค้าตกใจค่ะ สามี  “คุณอยู่ไหน” เรา   “ก็คุณอยู่ไหน เค้าก็อยู่ที่นั่นแหล่ะ” สามี  “แล้วคุณรู้ได้ยังไง ใครบอกคุณ” เรา   “แล้วคุณนอนกับใครล่ะ คนที่คุณนอนด้วยนั่นแหล่ะเป็นคนโทรมาบอก” สามี  “เอาดี ๆ ใครบอกคุณ” เรา   “ก็บอกไปแล้วไงคนที่คุณนอนด้วยนั่นแหล่ะบอกเค้า” (อำค่ะ) สามี “เค้าไม่ได้มานอนกับใคร เค้าไปกินร้านเพื่อนแล้วเมาขับกลับไม่ไหว        เลยมาเปิดห้องนอน” (ตอ... มาก ๆ ค่ะ คือจะบอกว่า จากร้านเพื่อนน่ะ ขับรถกลับบ้านยังง่ายกว่า ใกล้กว่าขับมาโรงแรมเสียอีก ทางมาโรงแรมโค้งไป โค้งมา แถมเปลี่ยวอีกต่างหาก ตอนกลางคืนทางเส้นนี้มืดมาก) เรา “เหตุผลฟังไม่ขึ้นค่ะ ลงมาคุยกันดีกว่า” จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:01:16

ความคิดเห็นที่ 21 รออ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : น้อยหน่าพาเพลิน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:04:45

ความคิดเห็นที่ 22 สักพักเค้าก็ลงมา แล้วสวนกับแม่บ้านของโรงแรม แม่บ้านทักเค้าค่ะ ทักว่า อ้าว ต. กลับแล้วเหรอ ยังไม่เที่ยงเลย (โห นี่สามีฉันมาบ่อยจนซี้กับแม่บ้านโรงแรมเลยเหรอเนี้ยยยย) เราก็ขับรถตามกันมา จนถึงบ้านเค้า เราก็แยกกลับบ้านเรา แล้วเค้าก็บอกว่า เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะไปหา ไปคุยกันให้รู้เรื่อง เราถึงบ้านเราก็โทรหาเค้าเลยค่ะ ว่าอะไรยังไง เค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้ไปกับใคร เราก็ถามว่า คุณเห็นเค้ามีเขาอยู่บนหัวใช่มั๊ย เค้าก็เลยยอมสารภาพ ว่าเค้ามีอีกคน คบมาได้ประมาณเดือนกว่า ๆ ย้อนกลับไปก็ช่วงที่เราเริ่มสงสัยเค้าพอดี เป็นไงเซนส์ของผู้หญิง แม่นมั้ยล่ะ นี่ขนาดไม่มีหลักฐานทางวัตถุนะเนี้ย เราก็ถามต่อว่าจะเอายังไง เค้าก็บอกว่า ยังไงเค้าก็ไม่เลิกกับคุณ เค้าไม่ยอมให้คุณเลิกเด็ดขาด เราก็บอกว่า งั้นคุณก็ต้องเลิกกับทางนั้น เค้าก็บอกว่า ยังเลิกไม่ได้ เรานี่เจ็บสุด ๆ เลยค่ะ เจ็บแบบ ร้องไห้น้ำตาทะลักเลย เราไม่เคยอ่อนแอแบบนี้มาก่อน เค้าก็ไม่เคยเห็นเราเป็นแบบนี้มาก่อน เค้าตกใจ เรียกเราใหญ่ คุณ คุณ คุณเป็นอะไร คุณ คุณ เราก็เอาแต่ร้องๆๆๆๆ แล้วเราก็วางสาย แล้วเค้าก็โทรกลับมา ถามว่า คุณเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม (โห นี่ฉันคนนะเว้ย ฉันมีหัวใจ มีความรู้สึกนะเว้ย) เราก็ตอกกลับไปว่า นอกจากคุณเห็นว่าเค้ามีเขา แล้วคุณยังเห็นว่าเค้ามีนอ อยู่บนหน้าด้วยใช่มั๊ย เค้าก็คนนะ มีความรู้สึก เสียใจเป็น เจ็บเป็น เสียใจก็ต้องร้องไห้ คุณคิดว่าเค้าจะทนทานถึงขนาดมีนอบนหน้าได้เลยใช่มั้ย เค้าก็เงียบ แล้วถามกลับว่า แล้วจะเอายังไง ในใจตอนนั้นก็คิดว่าจะเลิกอย่างเดียวค่ะ เรารับไม่ได้ ถ้าจะต้องมีลำดับในการอยู่ด้วยกัน เพราะเค้าก็ยืนยันว่ายังเลิกกับทางนั้นไม่ได้ แต่เค้าก็บอกว่า ยังไงเค้าก็เลือกเรา เค้ารักเรา แต่เราบอกตรง ๆ ว่าความรู้สึกตอนนั้นคือ มันจุกไปหมด นี่เราฝันไปหรือยังไง มันพลิกล็อคอะไรอย่างนี้ เราก็บอกเค้าไปว่า คุณกลับไปทบทวนดูเอาแล้วกัน ว่าคุณต้องการอะไร แล้วก็โทรมาบอกเค้า (เชื่อมั้ยคะ ณ วินาทีนั้น เราก็ไม่ได้นึกถึงน้อง ป. เลย ไม่สงสัยอะไรเลยสักนิด ยังไงก็คิดว่าน้องเค้าไม่เกี่ยว) จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:05:03

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : kiyomi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:08:33

ความคิดเห็นที่ 24 พอวางสายเค้าก็หายไปสักสองชั่วโมงได้ แล้วก็โทรกลับมา พ่อเจ้าประคุณเอ๊ยยย เค้าโทรกลับมาแบบว่า เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอะ ถามว่ากินข้าวยัง ออกไปกินข้าวขาหมูกันมั้ย (เราชอบข้าวขาหมูค่ะ) เรานี่แบบเหวออะ เฮ้ย ฉันตามอารมณ์คุณไม่ทันอะ ฉันยังค้างอยู่เลย แอบไปหลับมา แล้วคิดว่ามันเป็นความฝันหรือไงวะ เราก็ตอบแบบอึน ๆ บอกว่าคงจะกินลงหรอกนะ เค้าก็บอกว่า คุณอย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอกนะ พอ ๆ ไม่ต้องคิด เราก็แบบ เออ ดีเนอะ มันง่ายขนาดนั้นเลย เราก็บอกว่า เอาอย่างนี้นะ เค้าจะให้โอกาสคุณ ให้โอกาสนะ ไม่ได้ให้อภัย เค้าก็บอกว่า ขอบคุณนะ แต่ต้องให้เวลาเค้าด้วยนะ หลังจากนั้นเราก็งี่เง่า ๆ กันตลอด เพราะเราจะคอยถามคอยเหน็บเค้าอยู่เรื่อย เค้าก็บอกว่า แล้วถ้าเค้าไปถามคนนั้นล่ะ ว่ายอมเป็นเมียน้อยได้มั๊ย ถ้าเค้ายอมคุณจะว่ายังไง เรางี้อึ้งอะ เฮ้ย กล้าพูดอย่างนี้เลยเหรอ เราก็ถามกลับว่า คนนั้นรู้ใช่มั้ยว่าคุณมีเค้าอยู่ เค้าก็ตอบว่า รู้ เค้ารู้ตลอด แล้วก็ไม่เคยมาตอแยอะไรคุณเลย คนนั้นเค้ายอมคุณนะรู้มั้ย เค้าดีนะ เราอึ้งคูณสอง ตอบกลับไปว่า คนดีเหรอ ถ้าจะเป็นคนดี เค้าต้องโดนคุณหลอก ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่นี่รู้หมด รู้ว่าคุณมีเค้า แล้วยังยอม อืม คนดีเหรอ อย่างนี้เรียกว่าดีไม่จริงหรือเปล่า สามีเราเค้าก็เงียบไป เราก็บอกเค้าว่า เราจะอดทนสักพักนะ ที่อดทน ไม่ใช่ยอมรับได้ แต่อดทนเพราะรักคุณ แต่คุณต้องทำให้เค้าเห็นว่า มันไม่มีอะไร ก่อนที่เค้าจะหมดความอดทน (ไม่ได้บอกว่าให้อภัย มันก็เหมือนให้อภัยไปแล้วล่ะ) แล้วเราก็จบการสนทนา (ตั้งแต่วันที่รู้ความจริง เค้าก็ไม่ได้มานอนบ้านเราอีกเลย เจ็บมั้ยล่ะ เหมือนกับว่า รู้แล้วนิ เค้าคงโล่งใจน่าดู) จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:11:41

ความคิดเห็นที่ 25 สามีคุณคงคิดว่าคุณจะยอมเค้าแน่ๆเลย คงดีใจที่ฝ่ายนุ้นเค้าจะยอมเป็นน้อย และคิดว่าคุณคงจะยอมเป็นหลวงอีกคน ผู้ชายก็งี้แหละ เห็นแก่ตัว อยากเก็บไว้ทั้ง 2 คน รักให้ตายแค่ไหนก็อย่าไปยอมนะคะ โกรธแทนจริงๆค่ะ จากคุณ : kiyomi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:15:52

ความคิดเห็นที่ 26 วันรุ่งขึ้นเราตัดสินใจไปดูหมอดู เราเข้าใจแล้วว่า คนที่หาที่พึ่งทางใจไม่ได้ แล้วต้องพึ่งพาหมอดูมันเป็นยังไง และนี่คือเหตุผลอีกข้อที่เรายอมอดทน มาจนทุกวันนี้ เราจะมีหมอดูที่เราดูประจำอยู่หนึ่งคน เราไม่เคยไปดูเรื่องความรักอะไรเลย ทุกครั้งที่ดูเราจะดูเรื่องงานตลอด ว่าจะลงทุนทำนี่เพิ่มดีมั๊ย ไปเปิดสาขาที่นี่ฮวงจุ้ยเป็นยังไง ที่ตรงนี้โอเคหรือเปล่า ที่ดูก็เพื่อเป็นแนวทาง เพราะทุกอย่างมันคือการลงทุน ตัดสินใจพลาดก็เท่ากับเราสูญเงินไปฟรี ๆ แล้วที่ผ่านมาเค้าก็ดูแม่นมาตลอด ไม่เคยพลาด แต่ครั้งนี้เราตั้งใจไปดูเรื่องความรัก ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยสนใจที่จะถามเค้าเลย ตอนนั้นเราขาดความมั่นใจ มันมีทางออก แต่ไม่อยากออก มันสับสน ว่าเอาไงดี เรามีศักดิ์ศรี หาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งใคร แต่ใจเราก็รักเค้ามาก ไม่เคยเตรียมใจเรื่องนี้เลย จะให้เลิกไปเลยเหรอ มันบอกไม่ถูก พอบอกว่ามาดูเรื่องความรักหมอดูก็ออกจะงง ๆ อยู่เหมือนกัน เค้าก็ให้เราอธิษฐานถึงคนรักของเรา แล้วก็ให้สับไพ่ เลือกไพ่ขึ้นมา ระหว่างที่หมอดูเปิดไพ่ เราก็ตื่นเต้นนะ เราก็ไม่เคยศึกษา แล้วก็ไม่รู้ความหมายของไพ่หรอกว่าแต่ละรูปหมายความว่ายังไง จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:20:43

ความคิดเห็นที่ 27 คิดถึงลูกสาวกับคุณพ่อคุณแม่ พวกท่านคงเสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณ ปกป้องตัวเองนะคะ จากคุณ : เป็นกำลังใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:24:30 A:49.48.145.55 X: TicketID:248564

ความคิดเห็นที่ 28 ขอตัวไปทานข้าวก่อนนะคะ วันนี้เค้าสัญญากับลูกสาวเราว่าจะพาไปทานข้าวมันไก่ ลูกสาวเรากับเค้าชอบข้าวมันไก่เหมือนกันค่ะ แต่เราชอบขาหมู ฮ่าๆๆ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:26:07

ความคิดเห็นที่ 29 รอฟังนะคะ จากคุณ : ลมพัดใบไม้ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:04:18

ความคิดเห็นที่ 30 มาแล้วค่ะ เราไม่ได้ไปกับพวกเค้าหรอกค่ะ เค้าพาหลาน ๆ และลูกสาวเราไปค่ะ ตอนแรกว่าจะไปด้วย แต่เห็นว่าเดี๋ยวเด็ก ๆ จะไปว่ายน้ำกันต่อ ไม่อยากให้เค้าขับรถวนมาส่ง เราเลยหาข้าวที่บ้านทานแทน จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:34:14

ความคิดเห็นที่ 31 เปิดไพ่ใบแรกหมอดูก็พูดมาว่า มาดูเพราะมีมือที่สามใช่มั๊ย เราอึ้งนิดนึงแล้วก็ตอบไปว่าค่ะ แล้วหมอดูก็พูดว่าสามีเรายังรักเรานะ เค้ายังไม่ได้ปันใจไปให้ใคร เพราะดูแล้วเป็นคนที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ไม่มีรายละเอียดอะไร พี่อยากให้เราอดทนนะ เพราะคนที่จะไปไม่ใช่สามีเรา แต่เป็นเราเองที่จะไป แล้วก็ผลักเค้าออกไป แล้วหมอดูก็บอกว่า พี่พูดไปอย่าน้อยใจนะ คือสามีเราอะ เป็นคนมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะกับเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน สังเกตดูว่า เค้าเป็นคนมีเพื่อนเยอะมาก คนรายล้อมเต็มไปหมด (เราก็คิดตาม เออจริงอะ เพื่อนเยอะมากกกก แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนกินหรือเปล่านี่สิ ฮ่าๆๆ ) อยู่ด้วยกันเรื่องการงาน การเงินรุ่งเรืองดี แต่จะมีปัญหาเรื่องผู้หญิง จุกจิกกวนใจตลอด เพราะถึงเค้าไม่เข้าหา ก็จะมีผู้หญิงเข้ามาหาเค้าเอง มันเป็นวัฎจักรอยู่อย่างนี้ แต่ความดีของเรานี่แหล่ะ ที่จะทำให้เค้าไม่ไปไหน มันอยู่ที่เรานะ ว่าเราจะทนหรือเปล่า เพราะเราเป็นคนทิฐิสูง หมอดูก็พูดไปตามไพ่ นู้นนี่นั่น ใจความสำคัญก็ประมาณนี้ ฟังดังนั้นก็เลยตัดสินใจเออ เอาไงดีวะ ลองดูสักตั้ง แล้วอีกวันเราก็ลองชวนสามีไปดูดวง เค้าก็ยอมไปนะ เค้าก็เหมือนคนสับสนอะ รักพี่เสียดายน้องประมาณนี้ เค้าก็ไปดู แต่เราไม่ได้บอกว่าเราไปดูมาแล้ว หมอดูก็มีจรรยาบรรณ ไม่ได้พูดอะไร ไพ่ใบแรกเลยเปิดขึ้นมา หมอดูบอกว่า พี่ทำหน้าที่ของพี่นะ พี่ดูตามไพ่ พี่พูดตรง ๆ ติก็คือติ ชมก็คือชม เป็นแฟนกันใช่มั๊ย ฟังแล้วก็เอาไปคุยกันด้วยเหตุผลนะ อย่าทะเลาะกัน แล้วเค้าก็พูดไปตามไพ่ว่า เรามีผู้หญิงอีกคนเข้ามานะ แต่พี่ไม่เรียกว่าเป็นความรัก จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ พี่ไม่รู้ว่าเราคบกับคนนั้นแบบไหน เพราะพี่มองไม่เห็นอนาคตกับผู้หญิงคนนี้ มันเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ยังไงก็ไม่เกินปีนี้ (เราคิดในใจ โห ดูวันที่ 9 มีนา กว่าจะสิ้นปี ฉันคงสิ้นใจ แดดิ้นตายก่อนแน่) จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:38:43

ความคิดเห็นที่ 32 ไพ่ใบต่อไป เป็นไพ่ของเรา เค้าบอกว่า ผู้หญิงคนนี้น่ะ หันมาทางเรา เค้าแบกรับความรู้สึกของเค้าไว้เยอะแยะมากมายเลยนะ แต่เค้าแสดงออกว่าเค้าไม่เป็นอะไร ไม่เคยพูด ไม่เคยเอ่ยปากให้ใคร ๆ รู้ ว่าข้างในน่ะมันชอกช้ำแค่ไหน ภายนอกกับภายในมันคนละเรื่องเลยนะ อีกอย่างที่พี่อยากบอกคือ ระหว่างเราสองคนน่ะ มันจะมีปัญหาเรื่องไม่มีเวลาให้กัน เค้าน้อยใจนะ แต่เค้าไม่แสดงออก แล้วเค้าก็เป็นคนคิดมาก เก็บกดกับเราเยอะ (น้ำตาเริ่มคลอเบ้า) มันโดนอะ มันโดน เราก็ไม่รู้หรอกนะว่า หมอดูเค้าสงสารเรา เลยพูดไปอย่างนั้นหรือเปล่า ในเรื่องของมือที่สาม แต่เรื่องเวลานี่ เราก็น้อยใจเค้ามาตลอดเลยนะ ที่ไปกับเพื่อนไม่เว้นแต่ละวัน ย้ำว่าทุกวันจริง ๆ นะ แต่เราก็ไม่เคยบ่นอะไร เก็บไว้ ๆ ไม่ปริปากไรมาก แต่ก็มีตัดพ้อบ้างนาน ๆ ครั้ง ภายนอกนะ เรานี่โคตรแมนอะ ไม่ใช่คนห้าวนะ แต่เราจะมีเหตุ มีผลตลอด ไม่เคยโวยวาย ไม่เคยระบายแสดงความอ่อนแอ ฟูมฟายอะไร ดูแลเอาใจใส่เค้าทุกอย่าง เป็นคนอ่อนหวาน แต่เข้มแข็ง (เข้าใจใช่มั๊ยอะ) เข้มแข็งตลอด ๆ หมอดูก็พูด ๆ ไปเรื่อย แล้วก็บอกกับสามีเราว่า เราเป็นคนฉลาด พี่บอกตรง ๆ นะ ไม่ได้เข้าข้าง แต่พี่ไม่อยากให้เราเสียเค้าไป คนที่นั่งข้าง ๆ เราเนี้ย เรารู้อยู่แล้ว ว่าอะไรดีสำหรับเรา แล้วเราก็รู้อยู่แล้ว ว่าเราต้องการอะไร ไพ่ใบนี้ก็บอกว่าเราสองคนคือครอบครัว คนที่เราหันหน้าไปเจอเวลาเรามีปัญหา คนที่หันหน้าไปแล้วเค้าไม่เคยปฏิเสธเราแม้แต่ครั้งเดียว (ไหลแล้วค่ะ น้ำตาไหลแล้ว ฮ่าๆๆ) แล้วคนที่หาทางออกให้เราทุกครั้งก็เป็นเค้า (หมอดูรู้ได้ไงอะ ???) ผู้หญิงคนนี้เค้าเป็นมากกว่าคนรักนะ (สามีเคยบอกว่า เราเหมือนแม่คนที่สองของเค้าเลยนะ ความหมายเริ่มกระจ่างวันนี้ล่ะ ฮ่าๆๆ) แล้วหมอดูก็เตือนมาอีกว่า ไพ่ใบนี้เป็นไพ่ของการเลิกรา หย่าร้าง พี่อยากให้เราระวัง อย่าร้อนใส่กัน พยายามประคับประครองกันไว้ ถ้าเราพ้นปีนี้ไปได้เราก็จะมีครอบครัวที่มีความสุข เพราะไพ่มันสัมพันธ์กับมือที่สาม ระยะเวลาของการปะทะมันจะควบคู่กันไป จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:53:32

ความคิดเห็นที่ 33 ดูเสร็จ กลับมาขึ้นรถ สามีเค้าก็ดึงเราเข้ามากอด บอกขอโทษ เค้ารู้ว่าเค้าผิด เค้ารู้สึกตัวตลอด เค้าละอายใจ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ไม่รู้ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เราเลยตอบแทนเค้าไปว่า “เพราะความไม่รู้จักพอไง” เค้าก็เลยกอดเราแน่นขึ้น สักพักก็ปล่อย แล้วเค้าก็บอกว่า เค้าขอเวลา ขอเวลาอีกหน่อยนะ เพราะทางบ้านผู้หญิง เค้าก็รู้ว่าไปคบกับลูกสาวเค้า (ไอ้ผู้ชายเซ็งกะบ๊วยเอ๊ยยย นี่ผูกปมแน่นขนาดนี้เลยเหรอวะเนี้ย) เราก็นิ่ง แล้วบอกว่า เค้าไม่รับปากนะ ว่ามันจะถึงสิ้นปีนี้มั้ย เค้าไม่รู้จะเป็นคนดีที่ถูกกระทำไปได้อีกนานแค่ไหน คนที่ต้องทนคือเค้าคนเดียว ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ มันมีคนอยู่สามคน แต่คนที่เจ็บมันคือเค้า คนที่รับผลการกระทำของคนเลว ๆ อีกสองคน คือคนดีคนนี้ สามีเราเค้าก็เงียบ เราก็เงียบ จนถึงบ้าน พอจอดรถ เค้าก็บอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเค้าให้คุณตัดสินใจ คนผิดอย่างเค้าไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร เราก็ตอบไปว่า ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วก็บอกเค้าไปว่า ในระหว่างที่เค้ายังทนอยู่ เค้าขอให้คุณทำยังไงก็ได้ ไม่ให้เค้ารับรู้ถึงการมีตัวตนของผู้หญิงคนนั้น คุณทำได้มั้ย เค้าก็ตอบตกลง จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:59:34

ความคิดเห็นที่ 34 เจ็บไปด้วยเลย  งานนี้ จากคุณ : ลมพัดใบไม้ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:01:07

ความคิดเห็นที่ 35 รออ่านอยู่น้า จากคุณ : ย่างกล้วย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:24:45

ความคิดเห็นที่ 36 แต่ยังไงก็ต้องระวังให้ดีนะคะ หากญาติผู้หญิงรู้กันถึงขนาดนั้น ระวังจะเป็นเหมือนกับกระทู้หนึ่งที่ผ่านมา และยิ่งคุณทั้งสองเป็นเจ้าของกิจการ การการเงินมั่นคง กลัวว่าหากทางญาติผู้หญิงอีกคนไม่ยอมขึ้นมา จะเอาเรื่องเอาราว เรียกร้องค่าเสียหายสำหรับลูกสาวเค้า หากไม่ยอมกันขึ้นมา ก็จะกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นโรงขึ้นศาล วุ่นวายกันไปใหญ่ อีกอย่างอย่าให้เรื่องนี้ยืดเยื้อมากนะคะ เห็นใจลูกสาวคุณเอง หากผู้ชายคนนี้ยังทำแบบนี้ อีกหน่อยคนก็รู้ทั่วเมือง เกิดเอามาล้อลูกสาวคุณ พ่อเลี้ยงมีกิ๊ก จะทำให้ทุกข์ใจกันไปใหญ่ และให้แน่ใจยังไงว่า เลิกจากคนนี้จะมีคนใหม่อีกมั้ย เราว่าเชื่อใจยากค่ะ คนไม่รู้จักพอ ยังไงก็หยุดยาก พวกเสน่ห์แรง จิตใจอ่อนปลวกเปียก เป็นเราคงรับไม่ได้ค่ะ ต่อให้หมอดูบอกว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะเจริญรุ่งเรือง แต่มีเรื่องแบบนี้เข้ามาบ่อย ๆ ก็ทำให้จิตตก จะพาลเอาการงานไม่เดิน การเงินไม่คล่องได้นะคะ จากคุณ : Lilla Mamma เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:34:05

ความคิดเห็นที่ 37 ลุ้นค่ะ.. ขอเวลา.. รบกวนแซวกลับคุณสามีด้วยนะคะ ว่า.. คุณเวลาบอกว่าไม่ให้ ไม่ต้องขอ มีคนขอเวลามาเยอะแล้ว ตอนนี้เวลาหมดแล้ว เวลาไม่ช่วยอะไร..รีบจัดการให้เรียบร้อยเถอะค่ะ จะได้ไม่ยืดย้วย แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 14:39:40 จากคุณ : SOPHY1959 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:38:42

ความคิดเห็นที่ 38 นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็มีปากเสียงกันเป็นระยะ ๆ เราจะทะเลาะกันก็ต่อเมื่อ วันที่เค้าไม่ได้กลับมานอนบ้าน เรารู้เพราะหลังเที่ยงคืนไป เค้าจะไม่โทรมา โทรไปก็ไม่รับ บางทีก็ปิดเครื่อง เค้าจะโทรมาอีกทีก็ตอนหลังสิบโมง นั่นคือเค้าเพิ่งกลับมาบ้าน บางวันเราก็แอบขับรถไปดูที่โรงแรม ก็จะเจอรถเค้าจอดอยู่ เราก็ถามว่าทำไมไม่ไปนอนกกกันที่อื่น มาที่นี่กันอีกทำไม เค้าก็ว่าเราหาเรื่องเอง ไปดูเอง จะไปทำไม มันก็จริงอย่างที่เค้าว่า เราหาเรื่องเองแท้ ๆ แต่ทุกครั้งพอเราใส่เค้าจนพอใจ ระบายจนหนำใจ สักพักเค้าก็จะโทรกลับมา ว่าอารมณ์ดีแล้วหรือยัง พอใจหรือยัง แล้วก็ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้เราอารมณ์ดี เป็นอย่างนี้เรี่อยมา ไม่รู้ใครชินใคร เค้าก็เหมือนจะรู้ ว่าวันไหนที่เค้าไม่กลับบ้าน ก็จะต้องเจออะไรบ้าง คงเตรียมตัวตั้งรับไว้ตลอด เค้าเลยไม่เคยโกรธ หรือรำคาญเรา เวลาเราองค์ลง แล้วสถานการณ์ก็กลับมาพลิกล็อคอีกครั้ง เมื่อวันนึง หลังจากเก็บร้านเสร็จแล้ว เค้าก็มาส่งเราตามปกติ แต่วันนั้นเค้าต้องไปงานบวชน้องชายเพื่อนต่อ (คืองานเลี้ยงเลิกแล้วล่ะ เพราะมันสี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่ไปสังสรรค์กับเพื่อนไง) เราก็ไม่อะไร กำลังจะเอารถเข้าบ้าน นึกขึ้นได้ว่ายาสีฟันหมดก็เลยขับรถไปซื้อที่ 7-11 เพราะร้านค้าปิดหมดแล้ว ซื้อเสร็จ กำลังจะขับกลับ เห็นรถคันนึงแว่บ ๆ ผ่านหน้าเราไป ในใจก็คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ แต่มีผู้หญิงซ้อนท้ายมาด้วย เอาล่ะสิ สก๊อยซ์เข้าสิงเราทันที เรารีบบิดตาม (ไม่เคยขับมอ’ไซค์เร็วเกิน 40 เลยจริง ๆ ) โชคดีที่เค้าติดไฟแดง เราเลยตามทัน ถ้าไม่ติดไฟแดงนะ งานบวชเพื่อนต้องกระเจิงแน่ ๆ เพราะเรากะว่าถ้าไม่ทัน ฉันไปแน่ พอถึงไฟแดง เราขับไปประกบทันที เค้าหันมาเห็นเรา แล้วก็ทำหน้าเหวอ ผู้หญิงที่นั่งมาด้วย นี่นิ่งมาก ไม่เห็นรู้สึกอะไร เราถามว่า ทำไมทำอย่างนี้ ทำไมต้องพาคนนี้ไปงานด้วย เค้าก็บอกว่า น้องเค้าเป็นโคโยตี้ (ที่งานจะมีพวกรถเครื่องเสียงมากันน่ะค่ะ เพราะเพื่อนเค้าเป็นพวกแต่งรถแล้วก็จะมีโคโยตี้ประจำรถทุกคัน เหมือนงานมอเตอร์โชว์อะ) เพื่อนมันโทรมาบอกให้แวะรับมาให้หน่อย เราก็หันไปมองผู้หญิงคนนั้น ก็เป็นแบบไงดีอะ เราไม่ใช่คนดูถูกคนนะคะ แต่ว่าน้องเค้าคนละเรื่อง คนละโลกกับเราเลย คือแต่งตัวจัด ๆ หน่อย แบบเด็กเที่ยวกลางคืนอะค่ะ หัวแดง แต่งหน้าจัด กางเกงขาสั้นแบบติงนังเลย ถึงกระนั้นน้องคนนั้นก็ยังนั่งนิ่ง ไม่กระดิกสะทกสะท้านอะไร เราก็ถามว่า เป็นโคโยตี้ แล้วทำไมต้องนั่งกอดคุณด้วย น้องเค้าก็ผละออก แบบว่า เพิ่งนึกได้อะ พอไฟเขียว เราก็ขับไปจอดเข้าข้างทาง เค้าก็บอกว่า คุณกลับบ้านไปก่อน เดี๋ยวถึงงานเค้าโทรไป เราก็บอกว่า ไม่กลับ ก็ไปพร้อมกันหมดนี่ล่ะ (คือพูดไปงั้นอะ ให้ไปจริง ๆ ไม่ไปหรอก เดี๋ยวงานเค้าล่ม ไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนด้วย) เค้าก็บอกว่า จะไปได้ไง งานแตกกันพอดี เราก็บอกว่า แล้วทำไมน้องคนนี้ไปได้ ทำไมเค้าไปไม่ได้ เค้าก็บอกว่า น้องมันต้องไปเต้น ไปร้องเพลง รับปากเพื่อนไว้แล้วว่าจะหาเด็กไปเต้นที่รถให้ แล้วก็ร้องเพลงที่งานด้วย เราก็ไม่รู้พื้นเพของน้องเค้าหรอกนะ ว่าเป็นยังไง แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราเป็นน้องเค้าเราก็คงน้อยใจเหมือนกัน ที่บอกว่าเค้าเป็นโคโยตี้ ซึ่งเราก็ไม่เคยดูถูกอาชีพพวกนี้หรอกนะ ไม่เคยรังเกียจหรือเหยียดหยาม แต่เชื่อเถอะว่า สังคมเราส่วนมากมักไม่ค่อยให้เกียรติผู้ที่ทำงานอาชีพแบบนี้ แต่ ณ ตอนนั้น เราสงสารตัวเองมากกว่า ที่สามีบอกให้เรากลับบ้านไปคนเดียว โดยที่เค้าเลือกไปกับคนอื่น เราก็บอกว่าคุณเลือกอย่างนี้ใช่มั๊ย นี่เค้าถือว่าคุณเลือกแล้วนะ เราหันไปมองหน้าน้องคนนั้น แล้วถามว่า ใช่ที่เราคุยกันหรือเปล่า เด็กมันก็พยักหน้ายอมรับ เราไม่อะไรต่อ หันไปมองหน้าสามีเรา แล้วเราก็ขับรถกลับบ้านแบบรู้ตอนอวสานแล้วอะ เราปล่อยละ เค้าทำถึงขนาดนี้ เค้าเลือกที่จะไปกับคนนั้น แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 14:56:18 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 14:55:48 จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:51:11

ความคิดเห็นที่ 39 เจ็บจริงๆ ค่ะ จากคุณ : ลมพัดใบไม้ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:57:50

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าเป็นเราจะบอกทิ้งท้ายว่า "ไปสนุกกันให้พอนะอย่ากลับมาให้ฉันหน้าอีกขอให้โชคดีมีความสุขกับสิ่งที่เลือก"                      ..จบพอกันที จะทนไปเพื่ออะไร.. แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:01:53 จากคุณ : ผู้หญิงไม่ร้ายถ้าผู้ชายไม่เลว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:00:25

ความคิดเห็นที่ 41 พอถึงบ้านสักพักเค้าก็โทรมา บอกว่าถึงงานแล้วนะ แล้วก็ถามเราว่า คุณเชื่อหมอดูมั้ย เราก็เงียบ เค้าก็ต่อมาว่า เค้าบอกแล้วไง เค้าขอเวลา เราก็บอกเค้าไปว่า แต่นี่มันเกินไป ถึงขั้นพากันออกหน้าออกตา คุณให้เกียรติเค้าบ้างหรือเปล่า คุณคิดอะไรของคุณ คุณพาน้องเค้าไป คุณคิดมั๊ยว่าคนอื่นก็จะดูถูกน้องเค้าด้วย เพราะคนทุกคนที่นั่น รู้จักคุณ รู้จักเค้า แล้วก็รู้ว่าน้องเค้าไปในฐานะอะไร คุณไม่ให้เกียรติเค้ายังไม่พอ ยังเอาน้องเค้าไปให้คนอื่นดูถูกเหยียดหยามด้วย เค้าว่าครั้งนี้ มันเกินไป เกินไปจริง ๆ พูดจบ เราก็วางสาย ปิดเครื่อง แล้วก็มารู้ทีหลังจากเพื่อนเค้าว่า วันนั้นเค้าเมามาก น้อง ป. (จากนี้ไปเรียกน้อง ป. นะคะ เพราะรู้ความจริงละ) ก็เมา เมาเละเทะกันทั้งคู่ เพื่อนเค้าต้องพามาส่งบ้าน เรื่อง น้อง ป. เพื่อนเค้าทุกคนรู้หมดแต่ไม่มีใครกล้าบอกเรา และก็ไม่คิดจะบอก เพราะเค้าก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ชาย แล้วก็คิดว่า สามีเราก็ไม่ได้จริงจังอะไรด้วย หลังจากวันนั้นเราตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ต้องเลิก เค้าทำถึงขนาดนี้ แต่จนแล้วจนรอด เค้าก็มาง้อพูดจาหว่านล้อมต่าง ๆ นานา ด้วยความที่ยังรักเค้ามาก เราก็ใจอ่อน สามวันดี สี่วันทะเลาะ เราก็พยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่คิดอะไร เพราะเค้าก็ทำทุกอย่างปกติเหมือนเดิม ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ต่างคนก็ต่างไม่พูดถึงอีกฝ่าย แต่บางทีจิตเราก็ปรุงแต่งมันไปเอง เราจะเป็นคนหาเรื่อง ขุดคุ้ยมันขึ้นมาเอง แล้วก็ไปลงที่เค้า เป็นอย่างนี้ประจำ ทะเลาะกันทุกครั้งที่เค้าไม่ได้กลับบ้าน ถามว่าตอนนี้ความเข้มแข็งของเรามันก็มี เพราะเราต้องปั้นหน้าต่อหน้าพ่อแม่เรา พ่อแม่เค้า ลูกเรา และคนอื่น ๆ อีก ทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความอ่อนแอในใจของเรามันนำทางอยู่ ถ้าเราไม่ไปดูหมอดู เราก็คงเลิกกับเค้าไปนานแล้ว เหมือนตอนนี้เราเอาคำของหมอดูเป็นที่ยึดเหนี่ยว เราอยากจะลองทนอย่างที่หมอดูบอก เราไม่กล้าบอกใคร เราเล่าให้เพื่อนเราฟังอยู่สองคน โชคดีที่ว่าเราไม่มีเพื่อนที่นี่ เค้าก็คงรู้ว่าเราไม่มีเพื่อนแถวบ้าน ก็เลยกล้าพากันไปไหนต่อไป เพราะคงไม่มีใคร คาบข่าวมาบอกเราแน่นอน คนรู้จักก็เป็นเพียงคนนอก ที่ไม่มีใครกล้ายุ่งเรื่องครอบครัว เค้าก็เลยได้ใจ แล้วเค้าก็จะพากันออกแต่ตอนกลางคืนดึกดื่นไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:15:29 จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:10:35

ความคิดเห็นที่ 42 จุกในอก อ่านแล้วอยากร้องไห้มากเลยค่ะ ความรักทำให้ผู้หญิงทนได้ทุกอย่างจริงๆ คุณรักผุ้ชายคนนี้ ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ให้เค้าย่ำยี ดูถูกศักดิ์ศรีขนาดนี้เลยเหรอคะ คุณมีลูกสาวที่น่ารัก มีพ่อแม่  ที่รักคุณมาก คุณมองไม่เห็นความรักนี้เหรอคะ มองไปข้างหน้า ถ้าลูกสาวเจอผู้ชายแบบที่ คุณ จขกท. เจออยู่ คุณจะให้อภัยผู้ชายคนนี้มั้ยคะ คุณเชื่อหมอดู เพราะว่า มันทำให้คุณสบายใจ แต่ตอนนี้ คุณสบายใจมั้ยคะ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:30:45 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:29:25 จากคุณ : MOnKEy_PrAi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:27:47

ความคิดเห็นที่ 43 เพื่อนเราบอกว่า ให้เรานิ่ง ตอนนี้เค้ากำลังหลงของใหม่ เราก็บอกว่า เราพยายามแล้ว คือถ้าเค้ากลับบ้าน เราก็คงไม่ทะเลาะกันบ่อย แล้วเราก็คงไม่คิดมากเท่านี้ เพราะเวลาที่เค้าอยู่กับอีกคน เราจะติดต่ออะไรเค้าไม่ได้เลย แต่ถ้าเค้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน เค้าจะโทรหาเรา รายงานเราตลอดเวลา เราจะรู้ว่า เวลานี้เค้าจะโทรมา เค้าจะไปไหน เค้ากลับบ้านแล้ว เค้าจะโทรมาตลอด แต่พอเค้าอยู่กับอีกคน การติดต่อจะขาดหายไป มันเลยทำให้เรารู้สึก ทำให้เราคิดมาก เราเคยบอกเค้าว่า ในเมื่อทางนั้นรู้ว่าคุณมีเค้าอยู่แล้ว มันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร ถ้าคุณจะโทรหา หรือเค้าโทรไป เค้าก็บอกว่า ทีเวลาเค้าอยู่กับคุณเค้าก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ทางนั้นเลยนะ แล้วเค้าก็เข้าใจด้วย เราถึงกับอึ้ง อึ้งกับความรู้สึกว่า นี่เค้าให้เราสองคนอยู่ในสถานะที่ทัดเทียมกันเลยเหรอ เรามีภาษีดีกว่าก็ตรงที่บ้านเค้ายอมรับเรา ญาติพี่น้องเค้าทุกคนรักเราหมด แล้วก็รักลูกเราด้วย ลูกเรากับหลาน ๆ เค้าก็สนิทกัน ชวนกันไปเล่นเป็นประจำ เวลาครอบครัวน้องเค้าพาลูกไปไหน ก็จะแวะมาชวน มารับลูกเราไปด้วย เรากลายเป็นคนหนึ่งของครอบครัวเค้าแล้ว แล้วเค้าก็ยืนยันว่า ยังไงทางนั้นก็ไม่มีวันได้เข้ามาบ้านเค้า และก็จะไม่ใครได้เข้ามาอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะดีใจนะ ดีใจ ภูมิใจ แต่ตอนนี้ เรากลับมีความรู้สึกว่า มันเหมือนของเล่นที่เอาไว้ปลอบเด็กที่กำลังงอแง แต่วันนี้เราเริ่มเหนื่อย เราไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงเลิกกัน เรากับเค้าก็ต้องเจอกันอยู่ดี เพราะเรามีภาระที่ยังต้องทำร่วมกันอยู่ ถ้าเลิกกันแล้วต่างคนต่างไป ไม่ต้องมาเจอกันอีก มันก็คงจะดีกว่า เราจะทำใจได้ง่ายกว่า ทุกวันนี้ เรามีทางออก แต่ทำยังไงมันก็ยังไม่ถึงทางออกสักที... เราก็พยายามคิดว่า ชาติที่แล้วเราคงไปแย่งเค้ามา เราเลยต้องมาชดใช้กรรม อยู่ทุกวันนี้ หรืออีกนัยนึง มันก็คือเวรกรรม ที่เราเคยไปแกล้งเค้าเมื่อสมัยเรียนประถม เราเลยมาถูกเค้าเอาคืนบ้าง แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:33:23 จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:30:38

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่ค่ะ อย่าโทษเวรโทษกรรมนะคะ คำพระท่านสอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน..เวรกรรมมีจริง แต่เราไม่ควรคิดว่าทุกสิ่งเกิดจากเวรกรรมค่ะ คุณจขกท.. เข้มแข็งมากค่ะ ที่อดทนได้ถึงทุกวันนี้ เรื่องแบบนี้เกิดกับใครก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เราอ่านกระทู้ของคุณแม่ท่านหนึ่ง ...เรายังนึกชมเธอเลยค่ะ เธอเด็ดเดี่ยวมาก ไม่มีใจอ่อน ให้กับคำอ้อนวอน อ่อนหวานใดๆ แม้แต่น้อย และทุกวันนี้เธอก็มีความสุขดี ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับผู้ชายคนนั้นอีกเลย... ... เป็นกำลังใจให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้นะคะ จากคุณ : ลมพัดใบไม้ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:39:42

ความคิดเห็นที่ 45 ใช่ค่ะ เรารู้ตัวเสมอว่าคนที่รักเราที่สุดคือลูกของเรา พ่อแม่ของเรา เราไม่เคยทำให้ลูกเรารู้สึกน้อยใจ หรือละเลยเค้า เพราะเรารู้ว่า เราคือทุกอย่างของลูก ลูกเรามีเราคนเดียว โลกทั้งใบของเค้ามีแต่เรา เค้าเป็นเด็กที่รักแม่มาก ปกป้องแม่ตลอด เราเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่สบายบ่อย เค้าก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ เค้าทำอย่างนี้ตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร รู้แต่ว่าแม่ไม่สบาย แม่ลุกไม่ไหว แม่เคยทำให้เค้าอย่างนี้ เวลาเค้าไม่สบายเหมือนกัน เค้าเลยทำให้แม่บ้าง เด็กก็คิดแค่นั้นไปตามประสาเด็ก แต่คนเป็นแม่ก็ซึ้งเหลือหลาย จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:42:52

ความคิดเห็นที่ 46 อืม...ตอนนี้ต้องถามตัวคุณเองแล้วค่ะว่า จะเลือกเจ็บแบบไหน เจ็บแบบนาน นานนนนนนนนนนนนนน ไปเรื่อย ๆ ( มีความหวังกับคำของหมอดู ว่าผ่านปีนี้ไป เค้าจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็ไม่รู้จะจริงไม๊ หรือเลิกกับคนนี้แล้ว จะมีมาใหม่อีกไม๊ เพราะเค้าจับจุดคุณได้แล้ว ว่าถึงคุณจะเสียใจ แต่คุณก็ยอม... ) หรือเจ็บแบบหนัก แต่ครั้งเดียวจบ ตกลังกับเค้าเลยค่ะ ว่าให้โอกาสถึงเมื่อไหร่ ให้โอกาสตัวเองในการทำใจด้วย แล้วตัดใจจบไปเลย เสียใจหนัก ๆ ครั้งเดียว ไม่ต้องมานั่งร้องไห้บ่อย ๆ หมอดูก็ช่วยคุณไม่ได้ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากใจคุณเอง ถามใจคุณเองว่าการที่ไม่มีเค้า เจ็บเหมือนกันแต่หนเดียว กับการที่มีเค้าแล้วทำให้คุณเจ็บเรื่อย ๆ คุณมีความสุขกับแบบไหนมากกว่ากัน เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : มะกลิ้งมะดึง (มะกลึ้งมะดึง) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:45:06

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความเห็นค่ะ วันนี้เราจะเริ่มค่ะ นี่คือสาเหตุที่เราตัดสินใจตั้งกระทู้ เพราะเราจะเริ่มต้นใหม่ เราอยากระบาย อยากยกอะไร ๆ ที่มันหนักออกไป เราจะไม่ไปหาเค้า ไม่ไปช่วยเค้า เราอยากรู้ความอดทนของตัวเองค่ะ ว่าจะทนได้สักเท่าไหร่ เราคิดว่าเราน่าจะเข้มแข็งพอ แล้วคิดว่าเราคงได้กำลังใจมากพอ อย่างน้อย ๆ เรามองหน้าลูกแล้วเราก็รู้ว่า สุดท้าย เราก็มีกันสองคนแม่ลูก เย็นนี้จะพาลูกไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาค่ะ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน หากิจกรรมทำในเวลาที่เราเคยไปช่วยเค้าขายของ แต่เราก็ยังรับโทรศัพท์เค้าอยู่นะคะ แต่จะไม่โทรไป เราก็อยากดูใจเค้าด้วยค่ะ สุดท้าย ถ้าเราจะเป็นคู่กันจริง พ้นปีนี้ไปแล้วเรากับเค้ายังคงรักกันอยู่ อาจจะมีข่าวดีก็ได้ค่ะ ยี่สิบปีที่จากกันไป ยังโคจรกลับมาเจอกันใหม่ได้ นี่อีกไม่กี่เดือน ถ้าวงโคจรของเรายังหมุนวนรอบกันอยู่ ก็ต้องให้มันเป็นไปค่ะ วันนี้ขอตัวก่อนนะคะ ป่านนี้เด็กแสบคงแต่งตัวเสร็จแล้ว บอกว่าจะออกจากบ้านสี่โมง หันไปดูนาฬิกา ได้เวลาพอดีเลยค่ะ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:56:59

ความคิดเห็นที่ 48 ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึงนะคะ  ไม่ได้มีเจตนาจะยุแยงให้เลิกแต่อย่างใด เพียงแต่นึกถึงพี่สาวเราน่ะค่ะ   สามีเค้าเปลี่ยนไป กลับบ้านดึก หวงโทรศัพท์ ไม่ค่อยใส่ใจ  และตามประสาผู้หญิงเราที่เซนส์แรง  พี่เราสังหรณ์ใจว่าสามีคงมีผู้หญิงคนอื่น  สืบจนรู้ชืื่อผู้หญิงละ  แต่ไม่ได้ทำอะไรค่ะ  ...เพราะเค้าไปดูหมอมา  หมอดูบอกว่าผ่านปีนี้ไปได้ (ปี2554 นะคะ) จะหมดปัญหาเรื่องนี้  อยู่ที่พี่สาวเราละ ว่าจะทนไหวมั้ย  ให้นิ่งๆ ทำใจสบายๆ เดี๋ยวจะดีเอง ตอนที่ไปดูนี่ประมาณเดือน เม.ย - พ.ค. นะคะ  อีกนานมากกว่าจะหมดปี  แต่พี่สาวเราแย่แล้ว  เดินร้องไห้ นั่งร้องไห้ นอนร้องไห้  เราทำงานที่เดียวกัน เห็นเดินร้องไห้กลางที่ทำงาน เราต้องเดินไปกอด  ร้องไห้ไปด้วยกัน  เจ็บกันทั้งบ้านค่ะ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะทน  สุดท้าย  ทนถึงปีไม่ไหวค่ะ  เราเองยังขอร้องให้พี่สาวกลับมาอยู่บ้าน เราเห็นพี่สาวทุกข์ขนาดนั้นไม่ไหว แม่เราไม่ต้องพูดถึง หม่นหมองที่สุด  พอพี่สาวเลิกนะคะ  ตอนนี้สดใสมาก  สวยขึ้นอีกเป็นกอง  และชีวิตก็ดำเนินต่อไปแบบที่มันควรจะเป็น เราแค่อยากบอกว่า  เอาความสุขตัวเองเป็นที่ตั้งนะคะ  เพราะเราไม่รู้หรอกว่า ปีหน้ามันจะดีขึ้นจริงมั้ย แล้วกว่าจะถึงตอนนั้น  ใจคุณจะเป็นอย่างไร  ความชัดเจนสำคัญค่ะ เค้าควรต้องปรับปรุงตัว  เพื่อแก้ไขและแก้ตัวที่ทำผิดไป  หากเค้ารักและแคร์คุณ  เค้าควรเลิกตั้งแต่ที่คุณรู้เรื่อง  ไม่ใช่ให้คุณทนกับความผิดที่คุณไม่ได้ก่อ  ส่วนตัวคุณเอง... เราขออนุญาตพูดคำนี้นะคะ  ทำใจให้เข้มแข็ง และ... ดาบในมือน่ะค่ะ  เงื้อแล้วต้องฟันนะคะ  เดี๋ยวมันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จากคุณ : ใบพายสีส้ม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:58:00

ความคิดเห็นที่ 49 แวะมาเล่าเรื่องตัวเองอีกที ตัวเรา แม่เรา คนรอบข้าง ชอบไปหาหมอดูมาก จนทุกวันนี้ มีปัญหา ตั้งแต่การงาน ความรัก ก็ไปหาหมอดู ส่วนเรานั้น อยู่ดีๆก็เลิกไปเองเฉยเลย ไม่ใช่ลบหลู่ ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ดีก็ตัวเรา ชั่วก็ตัวเรา สุขก็ตัวเรา ทุกข์ก็ตัวเรา หมอดูไม่ได้ช่วยอะไร เราได้ข้อสรุปที่ว่า... หมอดูที่แม่น คือ หมอดูที่ทำนายถูกใจ ตรงใจ คนไปดู ลองสังเกตสิคะ อันไหนที่ไม่ตรงใจ ไม่ถูกใจ เราจะคิดละว่าไม่แม่น คุณลองคิดดูนะ วันที่คุณอ่อนแอที่สุด มือที่คุณยกขึ้นเช็ดน้ำตา ไม่ใช่มือของหมอดูนะ แต่เป็นมือของคุณเอง สู้ๆค่ะ แล้วมันจะผ่านไป เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : MOnKEy_PrAi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:07:24

ความคิดเห็นที่ 50 แต่พอเค้าอยู่กับอีกคน การติดต่อจะขาดหายไป มันเลยทำให้เรารู้สึก ทำให้เราคิดมาก เราเคยบอกเค้าว่า ในเมื่อทางนั้นรู้ว่าคุณมีเค้าอยู่แล้ว มันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร ถ้าคุณจะโทรหา หรือเค้าโทรไป เค้าก็บอกว่า ทีเวลาเค้าอยู่กับคุณเค้าก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ทางนั้นเลยนะ แล้วเค้าก็เข้าใจด้วย เราถึงกับอึ้ง อึ้งกับความรู้สึกว่า นี่เค้าให้เราสองคนอยู่ในสถานะที่ทัดเทียมกันเลยเหรอ อ่านแล้วรู้สึกเลยค่ะว่า เค้าเห็นคุณเป็นของตายสำหรับเค้าไปแล้วละค่ะ คือ คิดว่ายังไงคุณก็ไม่กล้าทิ้งเค้าค่ะ เค้าเลยยังคบกับผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร แถมยังยกยอผญคนนั้นเหมือนกับว่า ทีคนนู้นเค้าไม่เห้นว่าอะไรเลย ทำไมเราไม่เป็นอย่างเค้าบ้าง บอกตรงๆนะคะ เค้าไม่เห็นค่าของคุณแล้วค่ะ แล้วคุณยังมองเห็นค่าของตัวเองรึป่าว ถ้ายังเห็น พยายามเอาใจออกห่างเค้าให้เร็วที่สุด จะให้ตัดใจทันทีทันใด เรารู้ว่าคงยากมาก แต่ให้ค่อยๆพยายามทีละนิด คิดถึงลูกให้มาก คิดถึงคุณค่าของตัวเอง คิดถึงพ่อแม่ แต่ไม่ต้องฝืนใจ คล้ายๆกับทำใจ (แต่ไม่ใช่ยอมเค้านะคะ) ทำเหมือนกับปลงแล้วอ่ะ เราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เช่น ถ้าเค้าไม่กลับบ้านก็ช่างเค้า ปล่อยไป ถ้าเค้ากลับมาดีด้วย ก็ดีตามปกติ แต่อย่าให้ใจเค้าไปทั้งหมด แต่ก็เตรียมใจไว้ว่าเดี๋ยวเค้าก็ไปอีก ถ้าเค้าไปก็ช่างเค้า แล้วคุณก็จะค่อยๆหมดรักเค้าไปเอง เพราะถ้าคุณยิ่งฝืน ยังอยากให้เค้ากลับบ้านทุกวัน หรือทำตามใจคุณ คุณจะยิ่งคิดถึงเค้ากับผู้หญิงคนนั้นมันจะยิ่งทำให้คุณร้อน แล้วจะยิ่งทรมานมากขึ้น ไม่รู้สิ เราเคยใช้วิธีนี้ แล้วรู้สึกว่า พอเรารักตัวเองมากขึ้น ให้ความสำคัญเค้าลดลง ถ้าเค้ายังรักเราอยู่ เค้าจะเห็นค่าแล้วกลับมาหาเรา แต่ถ้าเค้ายังไม่เห็นค่าของเรา เราก็จะเป็นฝ่ายหมดใจกับเค้าไปเอง จากคุณ : kiyomi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:15:26

ความคิดเห็นที่ 51 อย่ามัวคิดถึงอนาคตอันสวยหรูที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยค่ะ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า ถ้าปันจุบันมันเจ็บมาก ปางตายขนาดนี้ ก็ต้องหาทางเอาเข็มที่ทิ่มใจเราออก สามีคุณเค้าจับจุดอ่อนคุณได้แล้วล่ะ ทุกวันนี้คงหัวเราะสบายใจสุดๆ มีเมียออกนอกหน้าได้สองคนพร้อมๆ กัน คงจะยืดในกลุ่มเพื่อนว่าฉันแน่ ฉันเจ๋ง ผู้ชายแย่ๆ ก็อย่างนี้ คู่ชีวิตอย่าเอามาแค่ทำให้ฐานะดี การงานดี คู่ชีวิตคือคนที่ต้องรักษาและประคับประคองความรู้สึกของอีกฝ่ายถึงจะถูก เพราะถ้าจะอยู่ทนว่าอยู่ด้วยกันแล้วฉันจะรุ่งเรือง เอ่อ...นะเหมือนการทำธุรกิจยังไงไม่รู้ ขาดทุนหัวใจ เป็นกำลังใจให้ค่ะ มีลูกสาว คิดถึงลูกสาวให้เยอะๆ จากคุณ : อิมาอิซัง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:23:34

ความคิดเห็นที่ 52 จขกท.คะ ถ้าหัวกระทู้คือคำถาม ให้คนอ่านเรื่องราวแล้วตอบคำถาม ตามหัวกระทู้ เราขอตอบตามโจทย์ที่คุณถามนะคะ   เราว่า  โง่   ค่ะ  (ขอโทษถ้าตอบตรง) แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  ด้วยสถานะหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ที่คุณเล่ามา   คุณเป็นต่อมากกกกกค่ะ   แต่คุณเลือกแก้ปัญหาแบบเป็นรอง     คุณจะเจ็บแบบนี้ไปถึง เมื่อไหร่คะรอจนกว่าสามีคุณจะเบื่อผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ   คุณมีสิ่งที่มีที่สุดยิ่งกว่าสิ่งใดในตอนนี้ คือลูกคุณค่ะ คิดถึงลูกเยอะๆนะคะ  เชื่อว่าถ้าแม่มีความสุข ลูกก็จะสุขด้วยค่ะ  เอาใจช่วยในพ้นกรรมเร็วๆค่ะ จากคุณ : กัปกัลป์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:56:07

ความคิดเห็นที่ 53 มาให้กำลังใจ จขกท.ค่ะ ไม่ว่าใครจะพูดยังไง แนะนำยังไง ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของคุณเอง แต่ขอให้คุณใช้สติและคิดถึงลูกมากๆเท่านั้นคะ จากคุณ : นางเอกนอกจอ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:10:33

ความคิดเห็นที่ 54 เลิกเถอะค่ะ. เค้าไม่แคร์คุณซักนิด เข้มแข็งนะคะ จากคุณ : กำลังใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:16:43 A:49.228.100.221 X: TicketID:248564

ความคิดเห็นที่ 55 เราว่านะ คุณกำลัง งมงาย แล้วเอาความงมงายของคุณมาเป็นข้ออ้างให้คุณมีเหตุผลกับตัวเองว่า "ฉันไม่เลิกกับเค้า เพราะหมอดูบอกว่าอย่างนี้" ไหนๆ คุณก็งมงายแล้ว ทำไมไม่ฟังที่หมอดูเค้าบอกว่า ผู้ชายจะไม่เป็นฝ่ายไป คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายถอยห่างเค้าไปเอง แต่ดันไปฟังแต่เรื่องที่ ปลายปีนี้เค้าจะเลิกกับคนนั้นแล้วกลับมาหาคุณ ขออนุญาตนะคะ เราเคยไปดูหมอดูเพื่อแก้ปัญหาชีวิตรักเหมือนกัน หมอดูคนนี้แม่นมากกกกกก เค้าพูดเหมือนที่เค้าพูดกับคุณเลยค่ะ ไอที่ว่ายังไงผู้ชายก็รักเรา ส่วนกิ้กแค่ของเล่น เดี๋ยวเบื่อก็กลับมา เราก็ทนเชื่ออยู่เกือบเดือน พอสติมา เริ่มคิดได่ ดวงคนเรามันแค่ 10% อีก 90% อยู่ที่การกระทำ แล้วผู้ชายเฮงซวยแบบนี้จะเก็บเอามาทำสามีทำซากอะไร คิดได้ปุ้บ เราโทรไปหากิ้กเค้า แล้วขอสายแฟนเรา(เบอร์ตัวเองปิดเครื่องไว้) "เลิกกันเหอะ เดี๋ยวเค้าเก็บเสื้อผ้าตะเองใส่กระเป๋าไว้ให้ ตะเองย้ายไปนอนห้องข้างบนละกัน ห้องข้างล่างเค้าขอ" จากนั้นมา เค้าก็มีทิฐิ บวกกับเห็นเราเป็นของตาย อยู่บ้านเค้ายังไงเราก็ไม่ไปไหนจากเค้าหรอก ส่วนเรา ก็แค่รอเวลา จัดการเรื่องธุระกับการงานส่วนตัวให้เรียบร้อย จากนั้น 2 เดือนถัดมา เราก็เคลียร์ชีวิตตัวเองออกจากเชียงใหม่ได้ แล้วกลับมาอยู่บ้านเราที่กรุงเทพ แฮปปี้เอ็นดิ้งค่ะ ดีนะ ที่แค่อยู่กันก่อนแต่ง แล้วจะแต่ง เห็นสันดาน ซะก่อนจะซวยไปกว่านี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ 5 ปีมาแล้ว เราแต่งงานใหม่ เจอคนที่ดีกว่า มีสติในการเลือกคู่ชีวิตมากขึ้น ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า และเรากำลังจะมีทายาทน้อยๆ ด้วยกัน ฉะนั้น ........เชื่อตัวเอง ดีที่สุด อย่ารอจนถึงเราที่เราทนกันไม่ได้ ใจเค้าไปหาคนอื่นแล้วครั้งนึง ถ้ามันจะมีครั้งที่สอง ที่สามคงไม่แปลดค่ะ........ ขอให้ไปถึงทางออกได้ไวๆ นะคะ อย่ามัวแต่แวะข้างทางเลยค่ะ สู้ๆ จากคุณ : ซุปกระดูกหมู เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:33:36

ความคิดเห็นที่ 56 ให้คุณนึกถึงลูกเยอะๆ ยิ่งลูกสาวโตขึ้นเป็นสาว ถ้าเป็นดิฉันห่วงลูกค่ะ พ่อเลี้ยงอยู่กับลูกดิฉันก็ไม่ไว้ใจ คุณมีลูกที่น่ารัก กิจการมั่นคง จะสนอะไรกับความรักที่ทำร้ายคุณ ไม่อยากให้ยึดติดกับพรหมลิขิต เวรกรรมอะไรก็แล้วแต่ คนจะเจอยังไงก็เจอ มีพี่ที่รู้จักคนนึงชอบดูดวง ดูเรื่องความรัก การงานบ่อยๆ ต้นเดือนได้คุยกัน พี่เค้าเล่าว่า พี่ไม่ได้ดูดวงแล้ว บางครั้งสิ่งที่หมอดูบอกทำให้เรายึดติดกับคำพูดที่เค้าบอก ตอนนี้พี่ทำบุญ เข้าวัด รู้สึกสบายใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ขอให้เรามีสติให้มาก เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : whiskey เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:36:54 A:125.25.229.107 X: TicketID:310130

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นกำลังใจให้ เเละเอาใจช่วย จขกท. สำหรับทุกๆการตัดสินใจของคุณค่ะ จากคุณ : อเมริกัน เกิร์ล เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:52:00

ความคิดเห็นที่ 58 โชคดีวันนี้ได้มาแลแห้งลงชื่อไว้ก่อนนะ เป็นกำลังใจให้ก่อนเลยคะ เดี๋ยวเก็บรายละเอียดอีกที จากคุณ : สายหนึ่งอยุธยา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:32:35

ความคิดเห็นที่ 59 ขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ เราว่าคุณโง่มากเลยคะ จากคุณ : befunwarn เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:35:32

ความคิดเห็นที่ 60 คุณจขกท เหมือนเรา ณ ปัจจุบันมากอ่ะค่ะ สามีของเราก็มีเรื่้องแบบนี้สด ๆ ร้อน ๆ เคยขึ้นกระทู้ด้วย  เขาพูดเหมือนกัน คือ ขอเวลา  เราก็บอกเค้าไปนะ ว่าการที่เธอขอเวลาของเธอ เหมือนเธอกำลังขอเวลาให้ฉันตายไปอย่างช้า ๆ เขาก็แบบบอกว่ารักเราจิง ๆ ยังไงก็ไม่ทิ้งเรากับลูกแน่นอน  (คือ สามีเราพูดเหมือนสามีจขกทเลย) แล้วเขาก็ยังคงติดต่อกันอยู่  ยังคุย แมสเสส กันอยู่  เราก็แบบ  ว่าถ้าเธอรักฉันจิง ๆ ทำไมไม่เลิกกับผญ คนนั้น นี่หรอ คนที่ปากบอกว่ารักกัน แต่ยังทำให้ฉันเจ็บอยู่ จากที่เรามองหน้าเขานะ  เรารู้ว่าเขายังรักเราอยู่  แต่ หัวใจเขาเหมือนกำลังได้ของเล่นอันใหม่อ่ะ  ของเล่้นที่ใหม่  สด  ทุกอย่างยังคงเป็นสีชมพู  พูดเพราะ  พูดที่รักกันทุกคำ  ส่งคำว่าคิดถึงกันทุกคำ  แต่กับเราเนี่ยเราพูดไม่เป็น  เราแบบเป็นคนตรง ๆ ผู้ชายชอบคำพูดหวาน ๆ ไง แต่เราไม่ จากคุณ : mama_gaga เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 22:47:05

ความคิดเห็นที่ 61 เราตอนแรก ก็คิดเหมือนกันว่าจะไป ยังไงก็เลิก ลูกเพิ่งได้ 2 เดือน หัวใจเทอทำได้ไงว่ะ   ลูกผู้หญิงด้วย   เราเจ็บเหมือนกัน เจ็บแบบฆ่าคนได้เลยอ่ะ  เราเหนื่อยมากนะ  คือเราเคยคุยผญคนนั้นด้วยนะ  ขอบอกว่ามันเจ็บเข้าไปถึงกระดูกเลย  ไม่รู้ว่ามีใครอยากฟังไหม ถ้าอยากฟัง เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แต่นะตอนนี้นะ เราหาธรรมะอย่างเดียวเลยอ่ะ ใครว่าเราโง่เรายอมเลยอ่ะ จิง ๆ เราก็รู้ด้วยว่า ณ ตอนนี้ เราโง่เหมือนควายเลยอ่ะ คือเราพยายามอ่านธรรมะน่ะ   อ่านให้มันเค้าไปถึงเซเลบรั่มเลยอ่ะ  คือตอนนี้ เราทำใจยอมรับสภาพอย่างเดียว เรายอมรับกับตัวเองก่อนว่าเราบกพร่องตรงไหน หรือเปล่า    เราแก้ไขที่ตัวเราก่อน ณ ตอนนี้ลูกเรา 2 คนแล้ว  คือเราพ่อแม่แยกกันอยู่  เราไม่โทษพ่อแม่นะ  แต่คือบางทีเราก็คิดอ่ะว่า อยากไปหาพ่อ  แต่ก็อยากเจอแม่พร้อมกัน เราไม่อยากให้ลูกเราคิดแบบเรา เพระาลูกเรายังเล็ก คิดเองไม่ได้  เราเลยยอมเลิกคิด  ทั้ง ๆ ที่ใจคิดมากตลดเวลา จากคุณ : mama_gaga เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 22:55:14

ความคิดเห็นที่ 62 ณ ตอนนี้ เราทำหน้าที่ดีทุกอย่างไม่บกพร่อง  ให้อภัยเค้า  แต่ก็ยังคิดถึงผญ คนนั้น  คำหวานที่เค้าเคยส่งหากัน   ให้มองที่ใจเรา  ไม่มีใครทำร้ายเราได้  นอกจากตัวเราเอง  คิดถึงลูกเยอะ ๆ  เรากะว่าให้เค้าโตพอรู้เรื่องก่อน  ถ้าเกิดแบบนี้อีก เิราคงบอกลูก ให้ ลูกตัดสินใจ   คนเป็นแม่ยอมได้ทุกอย่างเพิ่อลูกจิง ๆ นะค่ะ  ยอมโง่ ในสายตาคนอื่น  ยอมโดนสวมเขา  ยอมโดนด่าว่าเป็นควาย จากคุณ : mama_gaga เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:01:19

ความคิดเห็นที่ 63 เราเชื่อเสมอว่าความรักเป็นสิ่งดี เป็นสิ่งสวยงาม ถ้าเป็นกรณีคุณตามความเห็นเรานะคะ เราว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รักคุณ จริงๆค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าหากความเห็นเราแรงเกินไป เราไม่อยากเพศเดียวกัน โดนทำร้ายด้วยคำว่ารักอีกแล้วค่ะ คนที่รักกันย่อมไม่หักหาญน้ำใจของกันและกันค่ะ จากคุณ : issie's mom เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:08:40 A:110.171.1.97 X: TicketID:203003

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณทุก ๆ ความเห็น ทุก ๆ กำลังใจมาก ๆ ค่ะ เราไม่โกรธ ไม่ถือค่ะ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ จะว่ากันแรง ๆ เราน้อมรับทุกความเห็น ทุกคำติ ทุกกำลังใจ เราเห็นบางท่านก็มีปัญหาเหมือนกับเรา เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ วันนี้ดึกมากแล้วค่ะ นอนหลับฝันดีทุกท่านนะคะ พรุ่งนี้จะเข้ามาคุยใหม่ เพราะอีกสักพักพ่อคงจะเลิกเล่นแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวเน็ตตัดไปแล้วจะค้างคาอีก จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:31:48

ความคิดเห็นที่ 65 เชื่อตัวเอง และความรู้สึกทุกข์/สุขของตัวเอง ณ ปัจจุบันไว้ค่ะ อย่าไปโหยหาอดีต  อย่าไปคาดหวังกับอนาคต อยู่กับปัจจุบัน  ถ้าเป็นเรานะ คงเลือกทาง เจ็บแต่จบค่ะ ออกไปจากความสัมพันธ์อย่างนี้ซะเถิด   ๒๐ ปี เขายังอยู่อย่างไม่มีคุณได้ ขนาดที่เขาบอกว่าเป็นรักแรก และทุกวันนี้  เขายังเลือกอยู่กับ ญ ทั้ง ๒ คน ผู้หญิงเจ็บทั้ง ๒ ฝ่าย  แต่อีโก้ของผู้ชายคงเพิ่มขึ้นอีกมาก แม้ว่ายาก แต่อยากให้ตัดใจค่ะ   ลองถามตัวเอง ว่า ณ ทุกวันนี้ ทำไมยัง "รัก" เขาอยู่ หรือเป็นแค่ความเคยชินในชีวิตประจำวัน จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 00:03:36

ความคิดเห็นที่ 66 ทุกวันนี้ที่คบกับแฟนก็เพราะเชื่อหมอดูเหมือนกันค่ะ หมอดูบอกว่าเค้าคือเนื้อคู่ของเรา ก็หลงใหลได้ปลื้มไป แต่ทุกวันนี้เค้ายังไม่เคยลืมแฟนเก่าเค้าเลยค่ะ ก็ต้องเจ็บ ร้องไห้ เสียใจ และอดทนอยู่คนเดียว มานั่งคิด ... ไม่น่าไปดูดวงเล้ย ไม่งั้นนะ คงสบายใจไปนานละ จากคุณ : thaicoalkaew เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 00:57:00

ความคิดเห็นที่ 67 เปิดใจให้ฟังเลย จากคน..เคย..เจ้าชู้..นะคะ เราจะคิดเสมอว่าคน ที่รอเราอยู่บ้านคือของตาย ยังไง ก็ไม่หนีเราไปไหน กิ๊ก คือคนที่เราอยู่ด้วยแล้วหัวใจพองโต ซู่ซ่า แต่สำหรับเรา พอเราเจอสามีคนนี้ของเรา เราก็ยังไม่เลิกสัน ดานเจ้าชู้ (ก่อนแต่งแต่อยู่ด้วยกันแล้ว) ทำให้เค้าเจ็บ  แต่รู้อะไรมั้ย ว่า ทำไมเราถึงเลิกเจ้าชู้....เพราะเรารักสามีคนนี้จริงๆไง ....ถ้าเรา รักใครจริง เราจะไม่แคร์ความรู้สึกกิ๊กเลย คือถ้าตัวจริงจับได้ร้องไห้ แค่นั้นกิ๊กต้องหายไปจากชีวิต ทันที เดี๋ยวนั้น ไม่ขอต่อเวลาอะไร เพราะ เรารักตัวจริงมากกว่า... ถ้าเลิกกับกิ๊กไม่ได้..ในตอนที่ตัวจริงจับได้อย่างสามี จขกท. เราคิดว่า ไม่ใช่แล้วนะรักไม่จริงแล้วละ(อย่าหาว่าเราแรงเลย เรามันเจ้าชู้มาก่อนเราดูออก) ถ้าคนรักจริงและแค่หลงผิดชั่วครั้งชั่วคราว จะสามารถเลิกกับกิ๊กได้ทันที สิ่งที่อยากบอก ไม่ได้ยุให้คนเลิกกันนะคะ แต่ถ้าสามี จขกท.ยังกับกิ๊กยากอย่างนี้แล้วต่อไปแน่ใจได้แค่ไหนว่าจะไม่นอกใจอีก   ...คนนี้ขอเวลาถึงสิ้นปี....คนต่อไปจะขอเวลาอีกกี่ปี ...........ด้วยความเคารพ จากคนเคยเจ้าชู้........... แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 03:47:21 จากคุณ : จุมพิตสะท้านภพ (jilvalntine) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 03:46:12

ความคิดเห็นที่ 68 เราว่า "งมงาย" เพราะจะได้หาเหตุผลที่จะยอมให้เค้า... เราไม่รู้จักแฟนคุณนะ แต่พอหมดคนนี้เค้าก็มีคนใหม่สิ แล้วยิ่งคุณถามเค้าแล้ว แล้วเค้าบอก ขอเวลา...wrong answer ม๊ากมากคะ ถ้าเป็นเรา (เคยทำมาแล้วกับแฟนเก่า และก็จะทำอีกถ้าสามีคิดจะมีคนใหม่) เลือกให้ เลือกให้คนสองคนได้ไปอยู่ด้วยกัน แล้วยิ่งคุณมีอิสระทางการเงินนะ ยิ่งไม่มีอะไรจะเสียเปรียบ ทนอยู่กับความเจ็บปวดทำไม เชื่อสิ ลูกสาวคุณก็จะรู้สึกได้ แม่เคลียด ลูกก็เคลียดคะ แต่เจ็บนะ เจ็บแน่ แต่ไม่ทรมาน...โชคดีนะคะ จากคุณ : lonely pig เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 06:28:47

ความคิดเห็นที่ 69 เราจะพยายามค่ะ เราต้องออกมาจากวงจรอุบาทว์ให้ได้ เมื่อวานเราไมได้ไปช่วยเค้าขายของ บอกว่าจะพาลูกไปเที่ยว เค้าก็เหมือนรู้สึกได้ค่ะ ถามว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรอยากบอกมั้ย คือเราไม่ค่อยพาลูกออกจากบ้านตอนเย็นน่ะค่ะ ถ้าจะพาไปก็คือไปร้านเค้ากับเรา พาไปเล่นกับหลาน ๆ เค้า แต่เมื่อวานพากันไปตลาดน้ำอัมพวา เค้าก็งงค่ะ เพราะกว่าจะกลับก็คงค่ำมืดดึกดื่น เราเคยบอกกับเค้าค่ะ ว่าไม่อยากพาลูกออกไปไหนตอนกลางคืนกับเราสองคน เรากลัวว่าถ้ามีเหตุอะไร เราจะไม่สามารถปกป้องลูกได้ แต่เมื่อวานกลับพาไป เพราะเราชวนคนอื่น ๆ แล้วก็ไม่มีใครว่าง พ่อกับแม่ก็ไปงานเลี้ยงรุ่น เลยต้องไปเพราะรับปากลูกไว้แล้ว เรากลับมาถึงก็ไม่โทรหาเค้า เค้าก็ยิ่งแปลกใจ เพราะปกติ เราจะโทรรายงานเค้าตลอด ว่าอยู่ที่ไหน ถึงไหนแล้ว แต่เมื่อวานเราไม่โทร ออกจากบ้านก็ไม่โทร ไปถึงนู้นก็ไม่โทร กลับมาบ้านก็ไม่โทร เค้าก็เหมือนจะร้อนรน ว่าเราเป็นอะไร รีบโทรมาแต่เช้า เราก็บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไรหรอก เค้าแค่อยากให้โอกาสตัวเองบ้าง ที่ผ่านมา เค้าเป็นฝ่ายวิ่งตามคุณตลอด ยิ่งตามคุณก็ยิ่งห่าง เค้าเหนื่อย เค้าก็แค่อยากพัก เค้าก็เงียบไปสักพัก เราก็เลยขอวางสาย เพราะเราไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เค้ารีบพูดกลับมาทันทีว่า คุณรอเค้าได้มั้ย รอในที่ของคุณก็ได้ เราตอบไปว่า เพื่ออะไร ในเมื่อคุณให้เค้ารอ ก็เท่ากับว่า ยังไงคุณก็ต้องเลิกกับทางนั้น แล้วทำไมเลิกกันตอนนี้ไม่ได้ คุณจะมาตอกย้ำความเจ็บช้ำให้เค้าอีกทำไม คุณจะทำให้มันยืดเยื้อทำไม ไม่ใช่แค่เค้า ที่รออย่างลม ๆ แล้ง ๆ ไหนจะทางนั้นอีก คุณไปให้ความหวังเค้า ไปปิดโอกาสเค้า คุณปล่อยเค้าไป เค้าจะได้ไปเจอหนทางที่ดีกว่า เพราะเค้าเชื่อว่าคุณคงไม่ได้บอกกับทางนั้นหรอก ว่าวันนึงคุณกับน้องเค้าก็ต้องเลิกกันนะ วันนึงคุณต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวนะ สันดานคนเห็นแก่ตัว คนไม่รู้จักพอ มันต้องเอาดีเข้าตัวอยู่แล้ว เราจบการสนทนากันเพียงเท่านี้ แล้วเราก็รู้ว่า อีกสักพัก เค้าก็จะโทรมาอีก ก็จะง้อเราอีกเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเริ่มก้าวไปได้หนึ่งก้าวแล้ว เราจะพยายามก้าวต่อไป จนกว่าจะถึงทางออก เรารู้ว่ามันยาก เรารู้ว่าการก้าวไปข้างหน้า มันยากกว่าการถอยหลังกลับมา แต่เราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่มาแชร์เรื่องราว มาให้กำลังใจ และออกความเห็น เราขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 11:18:36

ความคิดเห็นที่ 70 เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ   ขอให้หาทางออกกับปัญหานี้ให้ได้ เชื่อว่า คุณต้องทำได้ค่ะ นึกถึงพ่อแม่และลูกสาวให้มาก  เพราะคนเหล่านี้ต่างหาก คือ รักแท้ที่คุณรัก และรักคุณที่สุด จากคุณ : IPC เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 11:50:29

ความคิดเห็นที่ 71 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ คหที่ 50  และทุกๆ คหที่ให้ความเห็น  ความรักเป็นสิ่งที่งมงาย  ตัวเราก็ประสบปัญหาแบบนี้เหมือนกัน  เค้าเลือกที่จะไม่เลิกกับ ผญ คนนั้น  เลี้ยงดูอย่างดี และแม่ ผญ ก็เห็นดีเห็นงามด้วย  บอกลูกสาวมีดวงเป็นเมียน้อยเขา รับได้ไม่เป็นไร  แต่เรารับไม่ได้ ตอนเรารู้เรื่องเราขอแยกอยู่กับเค้า  เค้ายอม ในขณะที่เขาบอกเสมอว่าเขารักลูกมาก  ลูกคือที่สุดของชีวิต  แต่เขากลับทำแบบนี้  เรายิ่งโง่กว่า ยอมทุกอย่างแม้กระทั่งเขาสร้างหนี้ เราตามใช้ อยากเรียนต่อ เราหาเงินให้  พอจบแล้วมีใหม่เลย  ไม่เคยรู้สึกกับความทุกข์ของเราที่ต้องเป็นหนี้แทนเขา  แต่เจ้าของกระทู้ยังดีมีเพื่อน มีพ่อแม่ให้ปรึกษา  แต่เราไม่มีใครเลย  ไม่มีเพื่อน  ไม่มีพ่อแม่  เรารู้สึกว่าเราโล่งมากเมื่อบอกขอแยกทาง  แต่ทางผู้ใหญ่บอกว่าเราต้องอดทนเพื่อลูก เลิกไม่ได้  ตอนนั้นรู้สึกสับสนมาก  แต่ยอมอยู่ต่อตามผู้ใหญ่เพื่อลูก  แรกๆๆก็ทำตัวดีอยู่ แต่ไปเรื่อยๆๆลายออก โกหกทุกอย่าง  ไม่สนใจความรู้สึกเราถ้าอยากจะได้อะไร  เรารู้สึกเสียใจ รู้สึกตัดสินใจผิด  ถ้าเราเลิกกับเขาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว  ชีวิตเราคงดีกว่านี้  ไม่ต้องทนทุกข์  เครียดเมื่อจับได้ว่าเขาโกหกเรา  ตอนนี้ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี  ลูกก็โตขึ้นทุกวัน เราไม่เคยเที่ยวสำมะเรเทเมา  เลิกงานก็กลับบ้าน วันหยุดก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก  ไปไหนก็จะไปทั้งครอบครัว (นี่คือการปฏิบัติตัวของเรา)  ไม่มีการไปเที่ยวกับเพื่อน  หรือเลิกงานไปเที่ยว สังสรรค์กับเพื่อน  อะไรก็ครอบครัว  อะไรก็ลูก  จนปัจจุบันเราไม่มีเพื่อนร่วมงาน  เพื่อนเรียน  เพราะไม่เคยไปสังสรรค์กับเขา  ใครชวนไปไหนก็จะปฎิเสธเพราะต้องรีบกลับบ้านไปดูแลลูก  ดูแลสามี  แต่ผลที่ได้รับ..... เราลืมบอกไปว่าก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้น  เรารู้สึกว่าทางญาติสามีรับเราดี  มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา  แต่พอมีเรื่องขึ้นมา ญาติสามีรุมกันประณามเรา (ลับหลัง)ว่า เป็นเพราะว่าเราสามีถึงต้องไปมีใหม่  เราทุกข์มาก  เพราะเราปลูกบ้านอยู่ในรั้วเดียวกันกับญาติสามี  แม่สามีเวลามีเรื่องก็จะมองว่าเราเป็นสะใภ้  คอยมาขอคำปรึกษาขอความช่วยเหลือจากเรา  แต่พอไม่มีอะไรก็มองไม่เห็นหัวเรา  บอกแต่เป็นเรื่องของสามีภรรยาช่วยอะไรไม่ได้  แต่ถ้าเขาช่วยเราสามีก็จะไม่เตลิดแบบนี้  แต่ที่ทุกคนแสดงออกเหมือนสนับสนุนเขา  ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไร  แล้วกลับปฎิบัติตัวมากขึ้นทุกวัน  ผญ ก็ไม่สนใจว่าจะเป็นน้อยอยู่ได้อย่างมีความสุข  ก็แน่นอนล่ะ  มีผู้ชายหน้าโง่คอยปรนเปรอ  อยากได้อะไรก็หาให้  แพงเท่าไหร่ก็ให้   จริงๆ เราอยากจะบอกว่า  ผช คนนี้ในอดีตก็เคยประสบปัญหา พ่อมีเมียน้อยทิ้งให้แม่กับเขาและพี่น้องต้องอยู่กันตามลำพัง  อดอยาก  โดยพ่อได้สร้างวีรกรรมความเห็นแก่ตัวไว้เยอะมาก  แล้วเขาก็เกลียดเมียน้อยของพ่อเขามาก  คอยด่าว่าอยู่เสมอ  เราค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าเราตัดสินใจแต่งงานกับเขาแล้ว  จะไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น  แต่เขากลับทำแบบพ่อเขาและยิ่งเลวกว่าพ่อเขา   เรามีความรู้สึกเหมือนเขาทำเหมือนพวกรับน้องใหม่ตามมหาวิทยาลัยอย่างไรอย่างนั้น  เขาได้รับความทุกข์มากขนาดไหน  เขาก็จะทำให้ลูกเมียเขามีความทูกข์มากกว่าที่เขาได้รับอย่างไรอย่างนั้น เรารู้สึกโชคดีที่ได้เจอกระทู้นี้  เจอเพื่อนร่วมชะตากรรม  ได้ระบายออกมาบ้าง  เพราะจะมีคนเข้าใจความรู้สึกของเรา  ตอนนี้เรามีความรู้สึกอยากเลิกมาก  แต่ยังหาทางออกไม่เจอ จากคุณ : ดช.สอง (ดช.สอง) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 12:01:24

ความคิดเห็นที่ 72 เป็นกำลังใจให้อีกครั้งค่ะ คุณทำถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ ตอนนี้เค้าก็คงเริ่มรู็สึกแล้วว่า คุณไม่ใช่เบี้ยล่างเค้า ไม่ใช่ของตายสำหรับเค้า ค่อยๆทำแบบนี้ทีละนิด รู้ว่ายากค่ะ แต่คนอย่างคุณเราเชื่อว่้าต้องทำได้อยู่แล้ว ก่อนที่จะมีเค้า คุณก็อยู่กับลูก 2 คน มาได้ตั้งนาน ลองนึกถึงวันที่เค้ายังไม่เข้ามาในชีวิตคุณ คุณทำอะไรบ้าง อยู่กันยังไง ก็อยู่แบบนั้นแหละค่ะ และไม่ต้องคาดหวังว่าเค้าจะกลับมาง้อคุณ หรือเลิกกับฝ่ายนุ้น พยายามคิดว่า ไม่ต้องมาง้อชั้นนะ อยู่กับอีกฝ่ายให้เยอะๆนะ อยากไปก็ไปซะนะ แล้วซักวันใจคุณจะเริ่มเป็นอิสระจากเค้าค่ะ ตอนนี้ก็รอดูสิว่า เค้าจะสำนึกได้ก่อน หรือคุณจขกท.จะหมดใจกับเค้าซะก่อน สู้ๆค่ะ จากคุณ : kiyomi เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 14:16:10

ความคิดเห็นที่ 73 นี่เลยค่ะ  วาทะแห่งปีสำหรับคนที่เจอปัญหาเหมือนจขกท. ... ดาบในมือน่ะค่ะ  เงื้อแล้วต้องฟันนะคะ  เดี๋ยวมันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จากคุณ     : ใบพายสีส้ม เยี่ยมมากค่ะ จากคุณ : ดอกหญ้าสีม่วง เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 19:56:14

ความคิดเห็นที่ 74 วันนี้เราผ่านมาได้อีกวันแล้วค่ะ เมื่อเย็นพาลูกไปว่ายน้ำมาค่ะ ไปรับเพื่อน ๆ เค้าด้วย เราก็นั่งดูเค้าเล่นกัน แต่ลูกเราก็ถามค่ะ ว่าแม่ไม่ไปช่วยลุง ต. ขายของเหรอ หนูไปช่วยด้วยก็ได้ จะได้เล่นกับหลาน ๆ เค้าด้วย เราก็บอกลูกไปว่า ลุง ต. ได้ลูกจ้างมาใหม่ตั้งหลายคน ไม่มีงานให้แม่ทำแล้ว ลูกเราก็ยิ้มกว้างเลยค่ะ แล้วบอกกับเราว่า ดีจัง แม่จะได้ไม่เหนื่อย แค่ที่บ้านเราแม่ก็เหนื่อยแย่แล้ว ตอนเย็นก็ต้องไปช่วยลุง ต. อีก หนูรู้ว่าแม่เหนื่อย แต่แม่เก่ง แล้วก็ยักคิ้วให้เรา (ลูกสาวเค้าชอบถามค่ะ ว่าแม่ทำอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมแม่ทำแบบนี้ได้ แล้วเราก็จะตอบว่า ก็แม่เก่งไง แต่จริง ๆ แม่อ่อนแอสุด ๆ เลยลูกเอ๊ยยย) จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 23:58:25

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ  ตอนนี้คุณเข้มแข็งขึ้นแล้วจริงๆค่ะ  จากคุณ : -ทำเป็นเล่นไป- เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 00:51:29

ความคิดเห็นที่ 76 ลูกสาว คุณ จขกท. น่ารักมากเลยค่ะ จากคุณ : MOnKEy_PrAi เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 01:39:35

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ RUJA เริ่มต้นปรับตัว  ปรับชีวิตใหม่แบบนี้ดีแล้วค่ะ อยู่กับคนเห็นแก่ตัว  โดยเฉพาะเรื่องนี้  อยู่ไปก็มีแต่ทุกข์ใจค่ะ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ค่ะ  เชื่อสิ  คุณไม่อ่อนแอหรอก   นึกถึงลูกและพ่อแม่ให้มาก  จะเข้มแข็งและลุกขึ้นมายืนด้วยตัวเองได้  จริงๆ ค่ะ เรื่องหมอดู  เราคิดต่าง  เราไม่เคยเชื่อใครเลยค่ะ  เราเชื่อตัวเอง   เชื่อในวิจารณญาณของตัวเอง  หากได้คิดทบทวนหลายรอบ  อย่างรอบคอบแล้ว   ถูกหรือผิดเรารับได้ทุกกรณีเลยค่ะ   เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : ดอกหญ้าสีม่วง เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 09:43:45

ความคิดเห็นที่ 78 แวะเข้ามาอีกครั้งค่ะ คุณ จขกท. เลือกทางเดินที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและลูกสาวแล้วค่ะ เราอยากเล่าเรื่องเพื่อนเราบ้าง เธอโทรมาปรึกษา "สามีมีเมียน้อย" แล้วส่ง เมล์ต่างๆ ที่สามีกับเมียน้อย เขียนหากัน รูปภาพโป้ๆ ของเมียน้อยที่ส่งมา ภาพเขาสองคนไปเที่ยวกัน  มาให้เราดู เธอเสียใจมาก บอกว่า ยังไงต้องเลิกให้ได้ ถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างไร เราก็ตอบว่า เราก็คงต้องเลิก เพราะทำกันถึงขนาดนี้ คำว่า "รัก"มันไม่มีความหมายเลย เธอบอกว่า เธอจะเลิก....เวลาผ่านไปไม่กี่วัน ตลอดเวลาที่เธอคุยเรื่องนี้กับสามี กับชู้  เธอจะมาเล่าให้เราฟังตลอด แต่ละคนก็แรงๆ ใส่กัน...ด่ากันไปด่ากันมา...ทั้งทางโทรศัพท์ และ อีเมล์ แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้คือ ...ผู้ชายตัวต้นเหตุ  ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ผ่านไปไม่นาน เธอหายไปสักพัก แล้วโทรมาบอกเราว่า "เราตัดสินใจแล้ว เราให้อภัยเขา เขาขอโอกาส" เราตอบเพื่อนว่า "ไม่เป็นไร มันคือครอบครัวของเธอ สิทธิ์ในการตัดสินใจเป็นของเธอ แต่ต่อนี้ไป ก็ต้องทำใจยอมรับสิงที่จะเกิดตามมาให้ได้นะ...เราก็ยังอยู่ข้างเพื่อนเสมอ" สองสัปดาห์ต่อมา เพื่อนโทรมาร้องห่มร้องไห้อีก.."จับได้ว่า เขายังคุยกันอยู่ เขาเปลี่ยนอีเมล์..แล้วยังคุยกัน หวานกัน......" แล้วก็ส่งภาพต่างๆ ที่ผู้หญิงส่งมาให้เราดูอีกรอบ ... และทุกวันนี้ เธอก็อยู่แบบระแวง และคอยจับผิดสามีตลอดเวลา .... ความรัก..ยากนักที่เราจะเข้าใจ... ยิ้มให้กำลงใจคุณ จขกท. อีกรอบนะคะ.... คนที่รักกัน เขาไม่ทำกันแบบนี้  ใช่ใหมคะ จากคุณ : ลมพัดใบไม้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:16:41

ความคิดเห็นที่ 79 ลูกสาวน่ารักจัง เป็นกำลังใจให้อีกแรงนะคะ ทำให้สำเร็จนะคะ เจ็บแต่จบ ดีกว่าเจ็บตลอดไปนะคะ :) จากคุณ : กระต่ายเป้าหลง เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 19:27:48

ความคิดเห็นที่ 80 เคยมีคนบอกนู๋มาว่า "โชคชะตาของเราจะเปลี่ยนไปในทุกๆวัน ตามการกระทำของเราในแต่ละวัน" อนาคตไม่มีอะไรที่แน่นอนค่ะ จขกท.เก่งขนาดนี้ เข้มแข็งขนาดนี้ แถมยังฉลาดอีก ฉลาดจะเลือกค่ะ เลือกในสิ่งที่เชื่อ แล้วทำมันอย่างมีความสุขนะคะ เป็นกำลังใจให้... จากคุณ : Judith.N เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 20:10:28

ความคิดเห็นที่ 81 ถ้าเราเจออย่างเพื่อนคุณลมพัดใบไม้ เราคงตัดสินใจได้เดี๋ยวนั้นเลยค่ะ แล้วเราก็จะไม่ตอบโต้ด้วย คิดซะว่าอยู่คนละวรรณะกัน ไม่คู่ควรที่จะไปสัมผัสค่ะ เพราะเราเชื่อว่าถ้าเราตอบโต้ หรือเต้นตามเค้า เค้าก็ยิ่งได้ใจค่ะ เค้ากล้าทำขนาดนี้ ด่าหยาบคายขนาดไหนก็ไม่รู้สึกหรอกค่ะ ผู้หญิงประเภทนี้อะ อย่างตอนที่เราไปเจอสามีเรากับอีกคน (ตอนที่ติดไฟแดง) สามีเราเค้ายังกลัวเลยว่าเราจะไปทำอะไรน้องเค้า แต่เราไม่ค่ะ เรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็ผิด ผิดที่มาไม่ถูกเวลา ผิดที่มาช้าไป แต่ที่ผิดที่สุด คือสามีเราเอง แล้วเราก็คิดว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกอะไร เค้าก็คงไม่ยอมเป็นเมียน้อยหรอก เพราะฉะนั้น ด่าไปก็เปล่าประโยชน์ค่ะ ไม่รู้ว่าหยิกไปที่หน้า เค้าจะยังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ทั้งสามี ทั้งเพื่อนเราก็งงค่ะ ถามเราว่า เรานิ่งขนาดนั้นได้ไง เพื่อนเราบอกเลยว่า ถ้าเป็นฉันนะ ได้เห็นเลือดกันตรงนั้นแล้ว เราก็หัวเราะไปกับเพื่อน แต่เราบอกสามีไปว่า พ่อแม่สอนมาให้เป็นผู้ดี ผู้ดีในที่นี้คือผู้ที่ปฏิบัติดี ไม่ใช่ผู้ที่เหยียดหยามคนอื่น เพราะคิดว่าตัวดี ตอนนี้เราเข้มแข็งขึ้นมากแล้วค่ะ แต่เราก็ยังรับโทรศัพท์เค้าอยู่นะคะ เค้าก็ยังโทรมาปกติ เราก็คุยปกติ คุยด้วยความเป็นมิตร ไม่หาเรื่องเค้าแล้วค่ะ แต่เราก็บอกเค้าว่า ที่ทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าหมดรักนะ แต่เราต้องรักตัวเองก่อน ที่ผ่านมาเราแค่ขาดสติ และสับสน  เค้าก็เข้าใจค่ะ ไม่เซ้าซี้อะไร แล้วก็มีแหล่งข่าวมาบอกเราว่า (เพื่อนของเค้านั่นแหล่ะ) ตั้งแต่เราห่างออกมา เค้ากับน้องคนนั้นก็ทะเลาะกันบ่อยค่ะ เราก็ไม่ได้ถามอะไร ไม่อยากรู้ ไม่ได้สะใจ หรือดีใจที่เค้าทะเลาะกัน ก็ได้แต่บอกไปว่า ไม่ต้องมาบอก หรือมาเล่าอะไรหรอก เราไม่อยากรับรู้เรื่องของใคร เรารู้ค่ะว่าเพื่อนของเค้าหวังดี อยากให้เรากลับมารักกัน เพื่อน ๆ เค้าไม่มีใครอยากให้เราเลิกกัน ความรักของเราเป็นเรื่องอนาคตค่ะ เราบอกไม่ได้ว่าจะจบแบบไหน แต่ตอนนี้เราขออยู่กับปัจจุบันค่ะ ปัจจุบันที่มีลูกสาวแก่นเซี้ยวให้ปากเปียกปากแฉะ ปัจจุบันที่มีพ่อแม่ให้เคารพรัก และคอยเลี้ยงหลานแบบตามใจสุด ๆ จากคุณ : RUJA เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 15:58:01

ความคิดเห็นที่ 82 เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้หลังจากนี้ไป ชีวิตมีแต่ความสุชนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : FBlock เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 19:05:32