Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลี้ยงลูกแบบนี้ แม่ไม่สั่งสอน ติดต่อทีมงาน

ดิฉันมาเมืองไทยขั่วคราว มีเวลาว่างจึงไปลงเรียนฟรีแถวที่พัก ซึ่งเป็นโปรแกรมของกทม.เพื่อเยาวชนและคนสูงวัย... ดิฉันไปเรียนดนตรีขิม

เมื่อวานนี้เป็นวันแรกสำหรับดิฉัน.. มีเด็กๆและผู้ใหญ่อีกสามคนรวมดิฉันไปตีขิม แต่เขาไปเรียนกันก่อนแล้ว

มีแม่คนหนึ่งพาลูกวัยประถมไปเรียนดนตรี และมีลูกชายอายุสี่ขวบไปด้วย (พาลูกชายไปครั้งแรก) ตัวแม่เองเรียนตีขิมด้วย

เครื่องดนตรีขิมที่มีให้เรียน "ส่วนหนึ่งชำรุด" และไม่มีคนซ่อม

แม่เด็กได้นำเครื่องดนตรีขิมให้ลูกชายสี่ขวบของเธอ "ตีเล่น" ในช่วงที่ครูกำลังสอนพวกเรา

ลูกชายเธอตีขิมแรงแบบสนุก แม่เด็กไม่บอกให้ลูกเธอรู้จักระวังในการตี ปล่อยให้เด็กเอาไม้ตีขิมตีๆฟาดๆไปบนเอ็นจนขาดชำรุดเล่นไม่ได้ เธอไม่สนใจ

จากนั้นเด็กหมดความสนใจเพราะขิมเอ็นขาด... เด็กจึงไปหาเครื่องดนตรีอื่นเล่น คือคียบอร์ดที่ตั้งหลายตัวบนเวที

เด็กยืนบนเก้าอี้เพื่อจะได้เอามือฟาดตีบนคีย์ แต่เพราะไม่ได้เสียบปลั๊ก เด็กจึงแค่จะยืนเล่นบนเก้าอี้ ซึ่งถ้าล้มก็จะไปล้มลงคีย์บอร์ดทำให้เครือ่งดนตรีโค่นลงจากเวทีพังเสียหายได้ และเด็กจะเจ็บตัวด้วย

แม่เด็กไม่สนใจปล่อยให้เด็กเล่นๆไป แต่ดิฉันเห็นว่า "เลยเถิดแล้ว เด็กมีแต่หาของเล่นโดยแม่เด็กไม่อธิบายให้ระวังในการเล่นดนตรี มันไม่ใช่ของเล่น เด็กจึงไม่ระวัง

ดิฉันบอกเด็กให้ลงจากเก้าอี้ แม่เด็กถึงเรียกลูกเขาให้ลง แต่เด็กไม่ยอมต้องการเล่นคียบอร์ด

ต่อมาเด็กเบื่อไปหาอย่างอื่นเล่น ไปเอาฉิ่งของครูตีเล่น แต่ช่วงฝึกตีขิม เสียงฉิ่งมันสวนทางกับการตีขิม ...เสียสมาธิมาก เพราะต้องพยายามจับเสียงตีขิมให้ได้ แต่เสียงฉิ่งดังแหลมๆสวนทางกัน


ต่อมาเด็กเบื่อจึงไปนั่งกับพี่สาวเขาที่เล่นตีขิมอีกตัว... เด็กเอามือฟาดๆไปบนขิม และพี่สาวไม่ห้าม (มันไม่ใช่ขิมของเขา มันของฟรี) ดิฉันเห็นแบบนั้นก็กังวลว่าจะไม่มีขิมดีๆให้เล่นอีกแน่นอนคราวหน้า เพราะขิมชำรุดไปแล้วหนึ่งตัวจากฝีมือเด็ก... ดิฉันจึงบอกให้เด็กพี่สาวว่า ให้บอกน้องชายเขา ให้ระวังการเล่นขิม ให้เบาๆมือ

พี่สาวเขาเฉยๆไม่สนใจ แต่แม่เขาเรียกลูกเขาไปนั่งใกล้ๆเธอ และเธอให้ลูกชายเล่นขิมอีกตัวที่ดี ส่วนเธอไปเล่นอีกอัน... ลุกชายเธอเบือ่ จึงเอาที่ขันเอ็นเอาไปขันๆให้เอ็นมันตึง และเอาที่ขันไปหักเล่น... ดิฉันเห็นแบบนั้นจึงบอกแม่เด็กให้กรุณาช่วยกันดูแลเครือ่งดนตรีขิม เพราะว่า ลูกชายเธอทำขิมชำรุดเอ็นชาดไปแล้ว และนี่กำลังจะทำลายขิมอีกตัว

แม่เธอเคืองดิฉัน... เธอโต้กลับมาว่า ลูกชายเธอเล่นไม่เป็นไร และครูไม่ห้าม แล้วดิฉันเป้นใครมาบอกให้ลุกเธอไม่เล่นขิม เขาอยากจะเล่นอะไรให้เล่นไป.. ดิฉันโต้ไปอย่างสุภาพชนว่า "ขิมไม่ใช่ของเล่นนะคะ กรุณาช่วยรักษาขิม กทม.ให้เรียนฟรีก็จริงแต่ทางกทม. ต้องซื้อเครือ่งดนตรีมาแพง เพื่อให้คนเรียนฟรี ก็ควรช่วยกันรักษาของ"

แม่เด็กโต้มาว่า "ดิฉันไม่มีลูกน่ะสิ ถึงได้ปัญญาอ่อน" ไม่ให้เด็กเล่นขิม... ดิฉันโต้กลับไปอย่างสุภาพว่า "ดิฉันมีลูกสองคนโตแล้ว และดิฉันสั่งสอนเขาให้รู้จักเล่นแบบรักษาของไม่ใช่ทำลายของ"  

แม่เด็กโต้ข้ามมาแบบแถข้างๆคูๆว่า "ลูกเขาอยากเรียนดนตรี ก็ให้เขาเล่นไปเถอะ ครูยังไม่ห้ามเลย และดิฉันเป็นใคร"

ดิฉันโต้กลับว่า "ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มาเรียนดนตรี และต้องการมีขิมดีๆใช้เรียนคราวหน้า แต่ขิมที่เหลือๆบนชั้นชำรุดไปครึ่งหนึ่งแล้ว คราวหน้าก็จะต้องแย่งกันใช้ขิมที่ยังดีมีไม่กี่ตัวแล้ว"

ดิฉันบอกแม่ไปว่า "ไม่ต้องการพูดกับเขา ในเมือ่พูดกันไม่เข้าใจ ฉันขอจบตรงนี้"


แม่เด็กโวยวายอ้างว่า ลูกชายอยากเรียนดนตรี เล่นตะเกียบที่บ้าน เลยมาให้เล่นขิมที่นี่แทน

แต่แม่เด็กไม่สั่งสอนลุกเขาเลยค่ะ เขาให้เด็กเล่นขิมเหมือนของเล่น เอาไม้ตีขิมฟาดแรงๆบนขิมจนเอ็นขาด แม่เขาก็เฉย

ที่ครูไม่พูดเพราะครูไม่กล้าพูด และครูเองก็ถูกจ้างมาสอนด้วยค่าจ้างต่ำ เขาไม่สนใจหรอกว่า เครื่องดนตรีจะมีใช้หรือไม่

หลังจากเลิกเรียน ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมากระซิบบอกว่า... ดิฉันต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะคนที่มาเรียนฟรีที่นี่ส่วนมากมาจากครอบครัวที่มีปัญหา ยากจน ไม่ไดรับการศึกษาสูง ที่บ้านเขาไม่มีของดีใช้ จึงมาใช้ฟรีและไม่สนใจว่าจะพังหรือไม่ เขาถึงขนลูกๆมาเล่น... ส่วนครูเองถูกจ้างมาให้สอนก็สอนๆให้จบๆไป


ดิฉันเสียดายเครื่องดนตรีราคาแพง ต้องมาถูกใช้เป็น "ของเล่น" แบบนั้น


เพิ่มเติม.. หลังจากเลิกเรียนผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกำลังแกะเอาลูกอมกิน... เด็กชายนั้นยืนมมองด้วยความอยากกิน พูดกับผู้ใหญ่ห้วนๆว่า "อะไรน่ะ อยากกิน"  ผู้ใหญ่ท่านนั้นถามว่า "เอาไหม" เด็กพยักหน้า ดิฉันรู้จักผู้ใหญ่ท่านนั้นจึงกระซิบบอกว่า เมื่อเด็กรับไปให้บอกเด็กด้วยให้พูด "ขอบคุณ" เป็นการสอนมารยาทเด็กไปในตัว (ตอนนั้นแม่เด็กกำลังไปเก็บขิมไว้ที่ชั้น)

ผู้ใหญ่ท่านนั้นบอกให้เด็กพูดขอบคุณ และไหว้เมื่อรับลูกอมไป... เป็นการช่วยกันสอนมารยาทเด็กไปในตัว ไม่ใช่แค่ให้เด็กกิน ถ้าไม่บอก เด็กก็จะคิดว่า อยากได้อะไรก็จะบอกว่า เอาๆ

การที่เด็กยืนมมองคนอื่นกิน อยากกินก็จะเอา แบบนั้นแม่เด็กควรสอนให้เด็กไม่ไปยืนมองคนอื่นกิน และไม่ไปขอขนมจากคนแปลกหน้า


เพิ่มเติมนะคะว่า..
ที่จริงแม่เด็กโวยวายมากกว่าที่ดิฉันนำมาลงในกระทู้ เขานั่งฝั่งตรงข้ามดิฉันที่นั่งเป็นครึ่งวงกลม แม่เด็กมาสาย และพอมาถึงเขาจะนั่งตรงไหนเขาก็บอกให้คนที่นั่งถัดไปให้เขยิบๆไป เพราะเขาอยากนั่งตรงจุดนั้นๆ แต่ท่านผู้ใหญ่ที่นั่งเขาไม่เขยิบ

มีไปฝึกเรียนกัน ผู้ใหญ่สามคน นอกนั้นเด็กๆ

แม่เด็กโวยวายพูดพล่ามไม่หยุด และหลังเลิกเรียนเขาเอาดิฉันไปนินทาให้ผู้ดูแลฟัง ซึ่งตัวผู้ดูแลเองเป็นชาวบ้านคนหนึ่งไม่ต่างไปจากเขา รวมถึงคนงานด้วยไม่ดูแลทำความสะอาดพื้นห้องเรียน ที่ครูต้องไปถูพื้นเอง ผู้ดูแลเพียงต้องการให้ทางกทม.ให้งบมากขึ้น ก็ถ่ายรูปแต่มุมมองสร้างภาพ เพื่อทำเรื่องส่งกทม. เผื่อกทม.จะได้เพิ่มงบให้

ดิฉันมีความคิดที่จะร้องเรียนไปยังทางกทม. ที่รับผิดชอบ ให้มีการดูแลบำรุงอุปกรณ์ของใช้.. สังเกตดูแล้วว่าไม่มีใครอยากจะช่วยๆกันดูแลอุปกรณ์ของใช้ ได้ใช้ฟรีๆแล้วก็ไป หาสามัญสำนึกในเรื่องช่วยกันรักษาของส่วนรวมนั้นแทบไม่มี

แก้ไขตกหล่น และเพิ่มเติม


เพิ่มเติมล่าสุด เมษายน ๑๑

เรียนทุกท่าน...

ดิฉันได้ไปร้องเรียนกับผู้ดูแลแล้วค่ะ หมายถึงมีผู้ดูแลสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งท่านนี้ขอบคุณที่ดิฉันแจ้งร้องเรียน และจะนำเสนอผู้อำนวยการ เพื่อปรับปรุงให้มีกฏระเบียบในการฝึกดนตรี และอายุของผู้ไปฝึกดนตรี... เพราะว่าเครื่องดนตรีชำรุดเยอะ


ผู้ดูแลได้ตั้งข้อสงสัยว่า "ทำไม ครูสอนดนตรีถึงไม่พูดอะไร เมื่อเด็กทำเครื่องดนตรีขิมชำรุด และทำไมครูถึงไม่ซ่อมเครื่องดนตรีชิมที่ชำรุดหลายตัว ในเมื่อมีลวดทองเหลืองให้ซ่อมแล้ว"

ผู้ดูแลจะพิจารณาครูสอน จะไปพูดกับครูสอน ที่ทำไมถึงปล่อยให้มีการโต้เถียงกันในเรื่องของการใช้เครือ่งดนตรี ที่ครูควรเป็นผู้บอกกับคนฝึกเรียนให้ช่วยกันดูแลเครื่องดนตรี ไม่ใช่เพิกเฉยไม่ทำอะไร


**ขออภัยที่ดิฉันเข้าใจผิดว่าเป็นเส้นเอ็น**


เมื่อวานนี้ดิฉันไปเรียนลีลาศ ครูสอนลีลาศท่านให้ดิฉันเป็นผู้ช่วยดูแลการฝึกซ้อมลีลาศของเด็ก ที่วันนี้จะมีงานฉลองเทศกาลสงกรานต์ จะมีการลีลาสโชว์ของเยาวชน ดิฉันอาสาช่วยคุณครูเพื่อช่วยผ่อนเบาในเรือ่งจิปาถะ คุมดูเด็กให้ตั้งใจฝึกซ้อม... ให้กำลังใจเด็กๆให้ฮึดเต้น ไม่ใช่เต้นกันอย่างเนือยๆ... เด็กไทยส่วนมากนี่ต้องกระตุ้นนะคะ ดิฉันพูดให้กำลังใจกระตุ้นชมเด็กๆให้ตั้งใจฝึกซ้อม คือต้องให้เขาเห็นว่าเขาสำคัญ ทำเพื่อตัวเองจะได้ภูมิใจ... คุณครูท่านชอบใจ ที่ดิฉันพูดสอนเด็กให้เป็นคนกล้าแสดงออกในสิ่งที่ควรกล้า


***ขอบคุณทุกท่านค่ะที่มาร่วมแสดงความเห็น***

แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 04:25:46

แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 11:13:21

แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 01:35:27

แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 01:22:10

จากคุณ : JidNince
เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 01:21:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com