Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ครบปีแล้ว กับการตัดสินใจให้ตัวเองกับลูก เป็นทางที่เราเลือกเอง ติดต่อทีมงาน

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ตัดสินใจบอกอดีตสามีว่า ลูกที่เกิดมาเดือนกว่าคนนี้ไม่ใช่ลูกเค้า
นั่งกอดลูกร้องไห้ ถูกไล่ออกจากบ้าน ยอมรับชะตากรรม ไม่มีงานทำ หางานทำ
กลับไปทำงานเก่าทั้ง ๆ ที่ไม่อยาก เพราะกลัวจะไปเจอคนที่ทำให้ชีวิตเราตกต่ำแบบนี้
เสียบ้าน เสียเงิน เสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำสร้างร่วมกันมา เพื่อลูกของเรา

ปรากฎดันเกิดเป็นลูกของมันกะเราคนเดียว มันเลยเป็นเช่นนี้ อุ้มลูกออกจากบ้าน
พร้อมข้าวของของลูกและตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ เงินไม่มี ไปอ้อนวอนขอพี่สาวอาศัยอยู่สักพัก
จนกว่าจะหางานได้ มีเงินพอจะไปเช่าห้องอยู่กับลูก แฟนพี่สาว อนุญาตให้อยู่ได้ 2 เดือน
ครบเมื่อไหร่ก็ย้ายออก ห้ามเกินเด็ดขาด ดังนั้นเรารีบเก็บเงินให้ได้ภายใน 2 เดือน

ยากเหมือนกันนะ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ มดลูกไม่เข้าที่ ไปยกของหนัก เลือดทะลัก
ปวดท้อง กัดฟัน อดทน ทำงานเก็บเงิน เจ็บไม่ได้ ป่วยไม่ได้ ลูกแค่ 2 เดือน
เครียดไม่ได้ด้วย ทำงานไป เจ็บนมไป หาที่ปั้มนม ปั้มนมในรถ เอาไปให้ลูก
เครียดแล้วนมไม่ไหล นอนไม่ค่อยหลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ ลูกป่วยบ้าง

กลับไปทำที่เก่าได้เดือนกว่า ทนไม่ไหว เพราะมันตอกย้ำ จะไม่เครียดก็ไม่ได้
หางานใหม่ ก็หาไม่ได้ สับสน ทำงานได้เงินมา ครึ่งนึงก็ต้องไปจ่ายให้คนเลี้ยงลูก
อีกครึ่งก็ต้องเอาไปใช้กับลูก ไหนจะค่าหมอ ค่าผ้าอ้อม ค่าน้ำมันรถไปทำงาน

ครบ 2 เดือน ถูกเด้งออก ไม่มีที่ไป ดีที่สามีเก่าใจเย็นลง ให้อาศัยอยู่ได้
จากแต่ก่อนบ้านเป็นชื่อเรา เราดาวน์ครึ่งนึง ช่วยกันผ่อนมา3 ปี หยุดทำงานช่วงท้อง
ไม่มีรายได้มาช่วยเค้าผ่อนมาปีนึง จนคลอดลูกและบอกความจริงเค้า
เค้าให้เซ็นยกบ้านให้เค้า อะไร ๆ ก็ยอมเค้าหมด เราพลาดไปเอง แต่เราไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแบบนี้
ความซวยมันตกที่เรา ไม่โทษใคร ไม่อ้อนวอนให้เค้าให้อภัย ยอมรับผิดทุกกรณี
เงินในบัญชีที่ร่วมกันเก็บ ก็ไม่เอาสักแดง ก็แล้วแต่เค้าจะกรุณา ให้ก็เอา ไม่ให้ก็ไม่ขอ

โชคดีที่มีหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกบ้าง ให้อาหารฟรีมาบ้าง
ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องกินไปได้ดี เพราะให้นมแม่ล้วน เค้าเลยบำรุงให้เราฟรี ๆ

ขอร้องพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองให้ช่วยให้ที่พักหน่อย ให้เห็นแก่ลูกเราหน่อย
ถ้าไม่ติดลูก ตัวเราคนเดียวเราจะไม่มายุ่งวุ่นวายเลย เราไปไหนก็ได้ อยู่ยังไงก็ได้
เราไม่กลัวลำบากอยู่แล้ว แต่เราห่วงลูก อากาศหนาวติดลบ เราไม่มีที่ซุกหัวนอน
เพราะถ้าสามีเก่า ไล่เราขึ้นมายามเค้าไม่พอใจ (เพราะตอนนั้น เค้าขู่ตลอด)
เราไม่ชอบให้ใครมาขู่ คือไล่เราเราก็ไป ไม่กลับให้เห็นเลย

ขอพี่สาว ยัง ๆ พี่สาวก็ไม่ให้อยู่ แต่ก็บอกว่า จะหา shelter ให้
เคยเห็น shelter ในเมืองที่อยู่ มีแต่พวก homeless กับพวกติดยา และพวกขายบริการ
แล้วจะให้เรากับลูกไปอยู่ shelter แบบนั้นใช่มั้ยเนี้ย
พี่สาวบอกว่า แล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ ถ้าเธอมีทางไปก็ไปสิ ไม่มีทางไปจะมาเลือกมากไม่ได้หรอก
(เออ จริงของมัน) แต่ยังไงก็ไม่ให้ลูกไปอยู่แบบนั้นหรอก แค่ไม่กี่เดือนเอง ภูมิคุ้มกันก็ไม่มี

โทรไปหาแม่ที่เมืองไทย แม่ก็บอกว่า พี่สาวโทรมาคุยแล้ว แม่บอกอย่าไปสร้างปัญหาให้ครอบครัวเค้า
เราก็นะ อืมม แต่เห็นแก่ตัวนิด เราเดือดร้อนจริง ๆ นะ เราไม่มีใครเลย เหลือแค่เรากับลูก
พี่สาวเป็นญาติเราคนเดียวที่นี่ ถ้าเดือดร้อนไม่ไปหาเค้าแล้วจะไปหาหมาแมวที่ไหน
แม่บอกว่า งั้นก็กลับเมืองไทย (พูดง่ายนะ ออกมาตัวเปล่า ๆ เงินก็ไม่มี ทำงานหาเงินก็ได้ใช้ไปวัน ๆ)
ค่าตั๋วกลับเมืองไทยช่วงนั้นเกือบ $3000

กัดฟัน ทำงาน อดทนมาก แล้วก็พยายามเก็บเงิน เคยต้องนอนในรถกับลูก กลัวลูกหนาว
พันลูกซะเป็นก้อน ลูกนอนหลับสบาย แต่ไอ้แม่มันหนาวจะตายอยู่แล้ว ขาแข็ง นิ้วเท้าชาไปเลย
ไม่มีแม้แต่เงินเติมน้ำมันคิดดู ต้องประหยัดน้ำมันด้วย

ทำงานไปสักพัก เริ่มไม่ไหวแล้ว สุขภาพจิตเสีย ทำงานแล้วระแวงตลอดว่า จะไปเจอคู่กรณีเมื่อไหร่
ทั้งกลัว ทั้งเกลียด ทั้งโมโห แต่ไม่อยากให้มันรู้ว่า เพราะมันถึงได้เกิดลูกขึ้น ไม่อยากให้มันรู้อะไรเลย
ทนไม่ไหว เลยขอลาออกจากงาน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีงานทำ สมัครงานหลายที่ เงียบไปหมด
เอารถไปตีราคาว่ารถที่ขับอยู่เนี้ยราคาเท่าไหร่ จะกลับเมืองไทยแล้ว ไม่เอาแล้ว

ติดต่อเรื่อง ทำอะไรเองคนเดียว เก็บข้าวของ แล้วไปเจอสร้อยทองที่เคยใส่ติดตัวมาจากเมืองไทย
เอาวะ ไม่ต้องขายรถแล้ว อย่างน้อยก็ยังพาลูกไปหาหมอ หรือหางานทำต่อได้
ได้เงินมา ติดต่อหาตั๋ว ราคาตั๋วลงมากว่าครึ่ง กลับพร้อมลูกเสีย $1500

ณ วันที่จองตั๋วเสร็จ พร้อมจ่ายเงิน วางหูโทรศัพท์เรื่องจองตั๋วปั้บ มีอีกสายเข้ามาทันที
เบอร์แปลก ก็เลยรับ เค้าถามว่า ที่มาสมัครงานไว้ 2-3 เดือนก่อนน่ะ ยังต้องการจะทำอยู่อีกมั้ย
(เวรกรรม ทำไมตั้งนาน เพิ่งมาโทรเอาตอนจ่ายตังค์ค่าตั๋วกลับเมืองไทยไปแล้วล่ะท่าน)
ก็บอกเค้าว่าต้องการทำ ต้องการมาก ๆ แต่ว่าถ้าเธอรอชั้นได้นะ ชั้นเพิ่งเดินเรื่องกลับประเทศไป
ถ้ารอชั้นได้ 1 เดือน ชั้นจะกลับมา เค้าขอให้เข้าไปคุย แล้วเซ็นเอกสาร สรุป เค้ารอ

กลับมาบ้าน เพื่อนสมัยทำงานโทรมาว่าตอนนี้ทำงานอยู่อีกที่นึง ต้องการให้เราไปทำงานกับเค้า
เราก็บอกไปอีกว่าเราจะกลับเมืองไทย 1 เดือน ถ้ารอเราได้ เราจะกลับไปทำกับเค้า
(เผื่อคนใดคนหนึ่งรอไม่ได้ ถ้ารอได้หมด ทำ 2 งานไปเลย รวย)
เพื่อนบอกว่าจะรอ วันนั้นทั้งวัน นั่งขำคนเดียว โชคชะตานะ มันทำให้เราจากที่มี 100 เหลือ 0
จากที่เราตัดสินใจยอมแพ้ที่จะอยู่สู้ที่นี่แล้ว กลับมีอะไรมาดึงรั้งเราไว้อีก
เหมือนจะบอกว่า ไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอกนะ

พอพี่สาวรู้ว่าจะกลับเมืองไทยจริง ๆ ก็ถามว่าจะกลับไปเลยหรือกลับไปพักผ่อนเฉย ๆ
ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่เลย ทิ้งทุกอย่างแล้ว ไม่มีไรต้องห่วงแล้วนิ
แต่พอดีมีโทรศัพท์จากงานที่ไปสมัครไว้โทรมาแบบนั้น เราเปลี่ยนแผนแทบจะทันใด แต่ไม่ได้บอกพี่สาว
บอกว่า ก็คงกลับไปเลย ไม่อยู่แล้ว ไม่มีที่อยู่ เงินไม่มี งานไม่มี จะให้ทำไร
กลับไปตายรังดีกว่า ขอไปเร่ิมต้นใหม่ที่เมืองไทย เครียดด้วย ตั้งตัวได้เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาใหม่

พี่สาวเต้นเป็นเจ้าเข้า ไม่ย๊อมมม ไม่ยอม
(เพราะที่ผ่านมา เราดูแลลูกให้เค้าแทบจะทุกวัน เวลาเค้าทำโอที เราดูให้เค้าฟรี ๆ ทำกับข้าวให้ด้วย)
คราวนี้เรียกสามีมาด่าต่อหน้าเราว่า เราเป็นน้องคนเดียวของเค้า เราเดือดร้อนงั้นงู้นงี้
เธอให้สามีเธอบอกเราว่า ให้เรามาอยู่ที่บ้านนานแค่ไหนก็ได้
ได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว

ถ้าตอนเราเดือนร้อนจริง ๆ สิ้นไร้ไม้ตอก ต้องการความช่วยเหลือมาก ๆ
เธอผลักไสเรากับลูกตัวน้อย ๆ ให้ไปอยู่ร่วมกับพวกติดยา ค้าบริการ
แล้วตอนนี้เราหาทางออกของเราได้แล้ว เธอมาเสนอช่วยเหลือแบบนี้
มัน.....มันบอกไม่ถูกหว่ะ ตอนต้องการจริง ๆ ทำไมไม่ช่วย
ตอนนี้มันไม่ซาบซึ้งแล้วอะ

ก็บอกพี่สาวไปว่า มาพูดตอนนี้ไม่มีประโยชน์ไรแล้ว ซื้อตั๋วแล้ว ตัดสินใจแล้ว
พี่สาวพูดทุกอย่างให้เรากลับมา นั่นนู่นนี่ เราก็เลยเออๆๆๆ กลับมาแหละ (รำคาญ)

เดินทาง พาลูกกลับเมืองไทยตอนลูกได้ 6 เดือนครึ่ง ระหว่างอยู่เมืองไทย พี่สาวโทรมาตลอด
บอกเหงาบ้าง ไรบ้าง เราก็เออ ๆ ออ ๆ ไป เดี๋ยวก็กลับ ไม่ต้องกลัว
พักผ่อน พักสมอง ตั้งหลักใหม่ที่เมืองไทย ปรับเปลี่ยนอารมณ์
ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่เมืองไทย ที่รู้เรื่อง ต่างก็เป็นกำลังใจ
บางคนก็นับถือน้ำใจกับการตัดสินใจของเราครั้งนี้ มีแต่คนบอกว่า ดีแล้ว
ไม่มีใครที่เจอแบบเรา จะกล้าทำแบบเราหรอก (เค้าว่ามา)

ลูกเป็นที่รักของตากับยาย ลุงป้า อาเจกอาอี๊ อาโกว อาเหล่าม่า "ตัวลำ ๆ อั๊วไม่ชอก แต่อียิ้ง ๆ ลี ๆ แบกนี้ อั๊วชอก"
รู้อยู่แล้วว่าอาม่าจะมาแบบนี้ ไม่ชอบคนตัวดำ เลยฝึกลูกมาอย่างดีว่า ถ้าอาม่าบอกว่า ตัวลำ ๆ
ลูกยิ้มใส่เลยนะลูก ยิ้มไปกว้าง ๆ (ดีที่ลูกยิ้มเก่ง) อาม่าเลยให้เงินรับขวัญมาก้อนนึง แต่อาม่าไม่รู้เรื่องราว
เดี๋ยวอาม่าเป็นลม

ที่เมืองไทยญาติบางคนที่รู้เรื่องราว บ้างก็นินทา บ้างก็รังเกียจ ขนาดเด็กไม่รู้เรื่อง
ยังรังเกียจเลย ไม่จับ ไม่อุ้ม เดินหนีก็มี เราก็เฉย ๆ เราจำ ไม่อาฆาต
ได้เรียนรู้เพื่อนแท้ ยามเราตกต่ำแบบนี้แหละ ใครบ้างที่อยู่เคียงข้างเรา ใครบ้างที่ทิ้งเรา
เพื่อนที่นู่นบ้างคน ลบเราออกจาเฟซทันทีที่ข่าวกระจาย พี่สาวเราเองเป็นคนกระจายข่าว
ส่วนฝ่ายอดีตสามีก็ไม่แพ้กัน แม่สามีเอาไปประกาศซะทั่วเลย (ตอนนั้นแม่สามีเค้ามาพอดี)

ถึงเวลากลับ ก่อนหน้านี้ สามีเก่าโทรมาว่ามีจม.จากศาลต้องไปขึ้นศาลพร้อมกัน
วันขึ้นศาลก็ 2 วันหลังจากเรากลับไปถึงที่นู่น กลับไปถึงสนามบิน คราวนี้ทั้งพี่สาว
ทั้งสามีเก่า มารับพร้อมกันเลย เราก็กลับไปพร้อมกับสามีเก่า เค้าก็ดูดีใจที่เรากลับมา
เพราะขับรถหลง ทั้ง ๆ ที่ีมี gps แถมแกดูล่ก ๆ หาบัตรจอดรถไม่เจองี้ ลืมนั่น ลืมนี่
ก็อยู่กันมา 10 ปี ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่านั่นน่ะอาการอะไร

10 ที่อยู่ด้วยกัน ก็ดูแลเค้ามาตลอด โกรธกัน แม้เค้าเป็นฝ่ายผิด เราก็ง้อเค้าตลอด
แต่งานนี้ เราผิด สะเพร่า ไม่ระวังตัว ทำให้เกิดเรื่อง เราก็ไม่อ้อนวอนอะไรเค้าเลย
เราได้แต่ขอโทษ เราคิดดีแล้ว คิดนานมากที่จะบอกความจริงนี้กับเค้า
เราโกหกเค้าไม่ได้หรอก อยู่กันมาตั้งนาน วัดใจกันไปเลย เค้ารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนยังไง
มีชู้รึ ?? ถ้าเค้าจะคิดว่าเรามีชู้ นอกใจ ก็สุดแล้วแต่เค้า แต่เราบอกความจริงอยู่นี่
เชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อ เราก็ไม่อธิบายอะไรให้มากมาย เพื่อให้เค้าเชื่อ

เพราะยังไง ๆ ผลลัพธ์ที่ออกมา มันเกินกว่าที่คนคนนึงจะรับได้อยู่แล้ว อันนี้เรารู้ดี
ถึงไม่ได้อ้อนวอนมากมาย ได้แต่ขอโทษ และยอมทุกอย่างแบบนี้ไง
เงินไม่เอา บ้านไม่เอา อะไรก็ไม่เอา ไอ้ที่ร่วมสร้างกันมา 10 ปี ยกให้ไปหมดเลย ไม่เอาเลย
ขอไปสร้างใหม่เองกับลูก

ครบปีแล้วที่บอกความจริงเค้า
ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ด้วยกัน บ้านเป็นของเค้า เค้าให้อยู่ไปก่อน จนกว่า......
วันที่พ่อแม่เค้าจะบินมาเยี่ยมที่นี่ (มาปีละครั้ง ครั้งละเดือน) ถึงวันนั้น เราต้องออกกับลูกไป
พี่สาวเราก็ให้ที่พักเราแล้ว เราออกก็ไปอยู่บ้านพี่สาวได้ คราวนี้ไม่มีปัญหาแล้ว

ปีนี้จริง ๆ พ่อเค้าจะมา แต่ว่าอดีตสามีติดสอบ พ่อเค้าเลยไม่มา พ่อเค้ามาได้ช่วงปิดเทอม
เราก็เรื่อย ๆ มาหรือไม่มาก็ไม่เดือดร้อน เรากับลูกอยู่ตัวแล้ว ให้อยู่ไหนก็ไป ขอให้มีที่อยู่
ให้ลูกได้อยู่ดี ๆ หน่อย ไม่ใช่ให้ไปอยู่ร่วมกับพวกติดยา ขายบริการก็พอ
งานที่บอกว่ารอเรา เค้าก็รอเราจริง ๆ ส่วนงานของเพื่อน ไม่ได้รอ รอไม่ไหว

ทุกวันนี้..อยู่บ้านที่ร่วมกันสร้างกับเค้านี่แหละ ใช้ชีวิตเกือบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง
ลูกมีห้องนอนของตัวเอง ห้องนอนที่เราเตรียมไว้สำหรับลูกของอดีตสามีกับเรา
ตอนนี้ลูกขวบครึ่งแล้วค่ะ เรากับสามีหย่ากันเรียบร้อย ไม่มีสมบัติให้แบ่ง ยกให้เค้าหมด

เงินทองหาใหม่เอง เก็บใหม่เอง มีเงินฝากให้ลูกได้ $3000 แล้ว
แต่ก่อนมีเงินที่เก็บไว้กับสามีเก่า เพื่อจะให้ลูกได้เกือบ $20,000 ยกให้เค้าหมดไปแล้ว ไม่เอา
เก็บใหม่ให้ลูกหมดเลย แม่เก็บเองคนเดียว

จะลูกใครแม่ไม่สน หนูลูกแม่คนเดียว ใครไม่ต้องการ ใครไม่รัก ใครรังเกียจ ก็ช่างหัวมัน
แม่รักหนูที่สุด แม่ดีใจมากที่แม่ได้มีหนู แม่ไม่สนว่าจะได้หนูมาแบบไหน
แม่สนแค่ว่า ตอนนี้แม่มีหนูเป็นที่รักของแม่คนเดียว หนูคือทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่มี
แม่ทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อมีหนู แม่ขอแค่ให้หนูเป็นคนดีก็พอ (สิ่งเลว ๆ ที่เกิดกับแม่ อย่าให้หนูได้เจอเลยนะลูก)

อีสเตอร์ปีก่อน เศร้ามาก อีสเตอร์ปีนี้ มีความสุขประสาแม่ลูกค่ะ

จากคุณ : Single Mom
เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 08:34:16 A:74.104.27.67 X: TicketID:119129




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com