ความคิดเห็นที่ 1 เงินที่โป๊ะถ้าเอาไปฝากได้ดอกน้อยกว่า ก็ควรเอาไปโป๊ะดีกว่า แต่ดอกเบี้ยบ้านมักจะต่ำ คนจึงนิยมโป๊ะน้อยแล้วเอาเงินไปใช้อย่างอืนเช่น ลงทุนในหุ้นหรือเอาไว้ซื้อรถ จากคุณ : ~Nk~ เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 23:41:10

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาเห็นด้วยกับความเห็น 1 ค่ะ เพราะเราก็คำนวนมาแต่แรกแล้วว่าดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้จึงค่อย ๆ ผ่อน ไม่คิดจะจ่ายให้หมดเร็ว ๆ แต่ถ้าดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่าก็รีบจ่ายเถอะค่ะ จากคุณ : Tj เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 23:58:40 A:110.49.226.231 X: TicketID:351500

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็นเคสปกติ ครอบครัวที่มีลูก ต้องการมีประกันเผื่อพ่อหรือแม่เสียชีวิต ความเสี่ยงพอรับไดั ความสำคัญน่าจะเป็น จ่ายค่าประกันแบบไม่มีเงินคืน > LTF > (RMF) > โปะบ้าน > ค่าประกันแบบสะสมทรัพย์ เท่าสิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ > ซื้อกองทุน RMF นี่หลายคนบอกไม่ชอบซื้อ เพราะเอาเงินไปดองนาน ก็ถือเป็น option แล้วกัน ส่วนตัวแล้ว คิดว่าจำเป็นต้องซื้อ เพราะเป็นการออมเงินที่ได้ดอกผล ได้สิทธิลดหย่อน และ มีวินัยมากที่สุด ทั่วไปแล้วดีกว่าประกันแบบสะสมทรัพย์ ถ้าไม่มีลูก ก็ตัด ประกันแบบไม่มีเงินคืนไป โปะบ้าน ดอกเบี้ยตอนนี้ประมาณ 6-7% ส่วนซื้อ LTF, RMF คุณได้คืนมาแน่ๆปีที่ซื้อ 10-30% ยังไม่รวมดอกผลอีก จากคุณ : อวิรุืทธ์ เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 00:15:23

ความคิดเห็นที่ 4 โปะโลดค่ะ เราหาเงินได้เรายังรีบโปะเลย เพราะเห็นดอกเบี้ยทีต้องจ่ายเมื่อเทียบกับเงินที่เอาไปตัดเงินต้นแล้วมันปวดใจค่ะ จากคุณ : แครอทม่วง เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 00:38:37

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ต้องคิดมากเลยค่ะ ถ้ามีหนี้ให้รีบจ่ายหนี้ก่อนทันที ไม่ว่าจะหนี้อะไรก็ตาม จ่ายเร็ว หลุดเร็ว ก็เป็นอิสระ เรื่องการออมนั้นครอบครัวเราออม 30% ของรายได้ทั้งหมด ใช้อีก 30% ส่วนที่เหลือ 40% เอาไปลงทุนค่ะ รายได้ระดับคุณนี้ หากจะออมนี่สบายๆ เลยนะ ตอนเราเรียนจบใหม่ๆ ได้เงินไม่ถึงหมื่น เจ็ดพันกว่าบาทด้วยซ้ำไป เจียดๆ เก็บเล็กผสมน้อยแล้วทำเป็นลืม ยังเก็บได้เยอะเลย ปัจจุบันนี้รายได้มากขึ้น แต่ก็ไม่เคยใช้มากกว่าเงินเดือนครั้งแรกในชีวิต ส่วนต่างแอบงกนิดนึงค่ะ เก็บทุกบาททุกสตางค์ บ้าน รถ ซื้อเงินสดทุกอย่าง ไม่เน้นหน้าตา ปลูกหลังเล็กๆ แค่พออยู่ ส่วนรถก็คันพอดีตัว อิอิ... จากคุณ : สายลมที่คิดถึง เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 01:30:27

ความคิดเห็นที่ 6 เราโปะบ้างไม่โปะบ้างแล้วแต่จังหวะคะ งงมั้ย ครอบครัวเรากู้บ้านสองหลังเหมือนกัน จ่ายประมาณ 37000 ต่อเดือน ช่วงแรกโปะเยอะมาก ไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย เพราะดอกเบี้ยมันเยอะมาก แล้วเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ช่วงที่เป็นหนี้เยอะๆ มันมีความกังวลใจอยู่ในตัว ไม่ค่อยมีกำลังใจทำอย่างอื่น (ดอกเบี้ย 2-7%) พอเงินต้นเหลือน้อย คือเงินลงทุน เงินเก็บที่มีพอโปะ แฟนหรือเราตกงานคนนึงก็ยังสามารถผ่อนและเลี้ยงครอบครัวได้ ประกอบกับดอกเบี้ยขาลงเอาไปลงทุนอย่างอื่นคุ้มกว่า เราก็เลิกจ่ายคะ เอาไปทำอย่างอื่น ตามนี้ - ซื้อ LTF อันนี้ผลตอบแทนประมาณ 10% ต่อปี แต่ถ้าจังหวะดีๆ ก็ได้มากกว่านี้มาก แต่ต้องเข้าใจว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เข้าจังหวะไม่ดี อาจจะขาดทุนมากกว่าแบบที่เงินที่ได้คืนภาษีมายังไม่คุ้ม (คือเราจำเป็นต้องซื้อเพราะโดนภาษีกัน 20%-30% เสียดายเงินคะ) อันนี้ต้องลง 5 ปีปฎิทิน สภาพคล่องน้อยคะ จากคุณ : รอยทราย (cwan_t) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 08:26:08

ความคิดเห็นที่ 7 ออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมาต่อนะ จากคุณ : cwan_t เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 08:27:45

ความคิดเห็นที่ 8 ลืมบอกค่ะ เรากู้โดยใช้สวัสดิการของที่ทำงาน ดอกเบี้ยเงินกู้เลยถูกกว่าดอกเบี้ยเงินฝากมาก เราเลยออมเงินสดไว้ หากมีอะไรเกิดขึ้น เช่น ประสบอุบัติเหตุจนพิการต้องออกจากงาน ก็จะเอาเงินก้อนนี้มาจ่ายค่าบ้านละใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ในระหว่างนี้หากมีการลงทุนที่น่าสนใจกแบ่งเงินไปลงทุน (แต่เราลงทุนไม่เก่ง ส่วนใหญ่ก็เก็บเงินไว้) เรื่องที่คุณบอกว่าน้องชายมีแผนรีไทร์ตัวเองไปทำไร่ที่ต่างจังหวัด เราเองก็เคยมีแผนจะไปทำสวนที่ต่างจังหวัด แต่ยังไม่รีไทร์นะคะ อายุยังไม่ถึง ตอนนี้เราเองก็มีสวนที่ต่างจังหวัดแล้ว เป็นสวนเล็ก ๆ แต่การทำสวนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยทำมาก่อน มันต้องอาศัยแรงกายและแรงใจอย่างมาก ทั้งยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับพืชชนิดนั้นด้วย แต่ถึงหนื่อยเราก็ะมีความสุข เจ้าของกระทู้ลองวางแผน ศึกษาข้อมูลและสังเกตความชอบของตัวเองก่อนตัดสินใจนะคะ จากคุณ : Tj เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 09:21:25 A:110.49.235.217 X: TicketID:351500

ความคิดเห็นที่ 9 ตามหลักการ ควรหาวิธีจัดการหนี้ก่อน ไม่ว่าเป็นหนี้อะไร  เพราะดอกเบี้ยที่จ่าย แต่ละเดือน เราสามารถนำกลับมาออมได้  ถ้าเราไมมีหนี้ พอไม่มีหนี้ ก็จะได้จัดการ เก็บออมได้จริง  ๆ   การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ จากคุณ : nuning trang เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 11:13:03

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้ากู้กับแบงค์ ไม่ใช่สวัสดิการ  โปะดีกว่าคะ ดีกว่าฝากแบงค์ แต่อย่าเอาเงินเก็บโปะหมด สัก 50% ของเงินเก็บ 10% ควรเหลือไว้ให้มีสภาพคล่องบ้าง เผื่อจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียนลูก จิปาถะ ของที่เราอยากได้นอกจากในชีวิตประจำวัน เช่นเที่ยวพักผ่อนพิเศษ 10%เจียดส่วนหนึ่งซื้อ LTF ไว้หักภาษีและถือเป็นการฝากเงินด้วย บางรอบได้เกือบ40% ถึงเวลาก็ได้เป็นก้อนออกมา ส่วนต่างเอามาโปะบ้านได้อีก 10%อีกส่วนไม่ต้องมาก ซื้อหุ้นที่มีปันผล ถือยาวเผื่อมีกำไรส่วนต่าง  เน้นหุ้นพื้นฐานดีนะคะ เข้าให้ถูกจังหวะด้วยคะ 5% ซื้อสลากออมสินหรืออื่นๆ เผื่อฟลุคได้รางวัลบ้าง ถ้าไม่ถูกเลยถือว่าฝากให้ลูก 15% ออมในแบงค์ ฝากประจำ10% และอีก5% แบบออมทรัพย์ เผื่อฉุกเฉินในการการใช้ก็ถอนมาใช้ได้ง่าย อย่าให้ตึงตัวก่อนไป ความเห็นส่วนตัวนะคะ จากคุณ : meeny เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 11:39:21

ความคิดเห็นที่ 11 คุณแม่ลองไปถามที่ห้องสินธรอีกทางดูนะคะเพื่อมุมมองที่หลากหลายคะ ^^ จากคุณ : Princess Moo เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 11:39:47

ความคิดเห็นที่ 12 .....ระหว่างโปะบ้านไปเรื่อยๆ กับเลิกโปะเป็นเก็บเงินแทน...... ......................................................................................................... จขกท ต้องลองเปรียบเทียบดูนะคะว่า ถ้าไม่โป๊ะบ้านแล้ว เงินที่มีอยู่จะเอาไปทำอะไร แต่ถ้าจะเอาเงินที่จะโป๊ะบ้านออมโดยฝากธนาคาร ไปโป๊ะบ้านดีกว่าค่ะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 12:22:08

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับเรา การไม่เป็นหนี้คือคนรวย  เราเลือกที่จะมีเงินเก็บน้อยแต่ไม่เป็นหนี้ ดีกว่ามีเงินเก็บก้อนโตแต่มีหนี้ก้อนโตกว่ารออยู่ เราพยายามไม่เป็นหนี้ ตอนซื้อบ้านหลังแรกได้แค่ทาวเฮาส์ เพราะมีกำลังเท่านั้น อยู่มาอีก 2 ปี เก็บเงินพอซื้อบ้านเดี่ยวได้ก็ขยับขยายบวกกับลูกเริ่มเดินได้อยากให้เค้ามีที่วิ่งเล่นบ้าง แต่ก็เป็นบ้านเดี่ยวชานเมืองหลังเล็ก ๆ เพราะกำลังเรามีเท่านี้ รถคันแรกจำเป็นต้องผ่อนเพราะตอนนั้นจำเป็นต้องมีรถกระบะใช้ (ใช้รถเก่งของที่บ้านแฟนอยู่) แต่ก็ดาวน์ให้เย๊อะที่สุด ผ่อน 2 ปีจบ  หลังจากนั้นไม่เคยซื้ออะไรเงินผ่อนเลย ถ้าไม่มีก็ไม่ซื้อ จากคุณ : น้องก้าวที่รัก เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 14:19:47

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อคะ อันนี้แล้วแต่มุมมองคนนะคะ ไม่มีหนี้ก็ดีคะ แต่บางทีมีหนี้ก็ดีคะ ทำให้เรามีเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า (บางครั้งรอเก็บเงินซื้อก็ไม่ทันเงินเฟ้อ) แต่ต้องดูความถนัดของจขกท.และเวลาที่เรามีประกอบกันด้วยคะ แต่ถ้าไม่จ่ายหนี้แล้วเอาไปลงเงินฝากไม่คุ้มคะ) สรุปเราลงทุนตามนี้เลยคะ 1. ระยะสั้น ก้อนนี้ส่วนมากเป็นเงินที่จะต้องจ่ายแต่ยังไม่ได้ใช้ หรือเป็นการลงทุนที่สามารถถอนหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายใน 1-3 วันเผื่อฉุกเฉินคะ เราฝาก TMB ME ซื้อหุ้นสหกรณ์ ก้อนนี้ได้ผลตอบแทน ~3% - 6% ++ คะ เราจะไม่มีเงินเหลือเยอะในบช.ออมทรัพย์  จะใช้แล้วค่อยหมุนมาคะ 2. ระยะกลาง ซื้อ LTF ซื้อหุ้นคะ อันนี้ความเสี่ยงสูง ส่วนมากเราจะลงกองที่ได้ผลตอบแทนเยอะๆ ต้องดูจังหวะการเข้าคะ ผลตอบแทน 10% ++ (อันนี้แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคลนะคะ บางครั้งก็ได้ 5% ได้ 20% ได้ 50% ติดดอยคอยรักก็มีคะ) 3. ระยะยาว ซื้อประกันออมทรัพย์ ซื้อบ้านปล่อยเช่า ซื้อที่ดิน บ้าน (ไม่รวมบ้านที่อยู่อาศัยนะคะ) ผลตอบแทนก็ 6% - 100%++ ซื้อบ้านและที่ดินขึ้นกับความสามารถในการดูทำเลและดวงด้วยส่วนหนึ่งคะ เราเคยซื้อ 2 เดือน มีคนมาขอซื้อต่อได้กำไร 5 แสน (ลงเงินไปยังไม่ถึงกำไรเลย เพราะที่เหลือกู้คะ แต่สรุปไม่ได้ขายคะ เพราะหักภาษี ค่านายหน้าแล้วเหลือแค่ 1 แสน แฟนเราโลภมากอยากได้ก้อนใหญ่กว่านั้น) ทีนี้เงินกู้เรา ดอกถูกคะ กู้สวัสดิการทั้งสองหลัง ดอก 2%++ - 3%++ แถมยังเอาไปหักภาษีได้อีก เท่ากับเสียดอกจริงแค่ 1%++ - 2%++ เราคิดว่าก้อนนี้เป็นเงินเดือนส่วนเพิ่มที่ที่ทำงานช่วยเราจ่าย ลงทุนที่อื่นแล้วมีส่วนต่างตั้งเยอะ ก็ไม่รีบผ่อนคะ จขกท.ลองดูคะว่าสถานการณ์การเงินตัวเองเป็นยังไง ความสามารถตัวเองเป็นยังไง แล้วตัดสินใจคะ เงื่อนไขแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะตอบว่าควรโปะ หรือไม่โปะ ไม่มีคำตอบไหนถูกหรอกคะ ครั้งแรกที่เราเป็นหนึ้เรากังวลใจมาก นอนไม่หลับ ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่เป็นหนี้บ่อยๆ ก็ชินคะ แค่รู้ว่าจะหมุนเงินกลับมายังไง บริหารความเสี่ยงยังไงไม่ให้เสี่ยงเกินถ้ามีเหตุสุดวิสัย แค่นี้ก็มีความสุขเหมือนเดิมคะ จากคุณ : :D (cwan_t) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 19:19:24

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่มีความเห็นเรื่องการลงทุน แต่อยากให้เปลี่ยนวิธีการโปะค่าบ้าน จากเดิม 7000 กับ 23000 ที่จ่าย 20000 กับ 40000 ให้โปะไปที่ 7000 ก่อน แล้วรีไฟแนนซ์ 23000 พอหลัง 7000 หมอ ค่อยโปะหลัง 23000 เราคาดว่าบ้านหลังที่ต้องจ่าย 7000 ยอดหนี้เหลือไม่ถึงล้าน รีไฟแนนซ์ไปคุ้ม หลายที่ไม่ให้รีแล้วด้วย ถ้าโปะหลังนี้เดือนล่ะ 37000 ไม่ถึง 3 ปีหลังนี้ก็หมดแล้ว หลัง 23000 ระหว่างนี้รีไฟแนนซ์ไปแบงค์ที่ดอกถูกๆ อย่างออมสินให้ดอกเบี้ย fix rate ที่ 3.75% 3 ปี แทนที่ต้องจ่ายปีล่ะประมาณ 7% ถ้าเปลี่ยนมาโปะแบบนี้ ไม่เกิน 7 ปี หนี้บ้านน่าจะหมดค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 20:45:34 A:125.25.235.175 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ คุยกับคุณพ่อบ้านแล้วว่าจะไปตัดบ้านหลังแรกก่อนค่ะ เหลือแค่ 3 แสน แล้วเงินที่เราเคยผ่อนให้เราเก็บค่ะ กะเอาว่าจะเก็บเพิ่มจากเดิมได้สัก 3 หมื่นบาทต่อเดือน ส่วนคุณพ่อบ้านจะยังผ่อนบ้านหลังที่สองแบบโปะไปเรื่อยๆค่ะ เค้าอยากให้บ้านหมดเร็วๆอ่ะค่ะ ส่วนการลงทุนอาจซื้อLTF และฝากประจำที่ดอกเบี้ยค่อนข้างดีอ่ะค่ะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (Piggy_Momy) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 23:01:26

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนตัวไม่โปะ ถ้ามีแผนการลงทุนอย่างอื่นค่ะ เพราะค่าเงินมันตกลงทุกวันๆๆๆ 10000 นึงวันนี้ อีก 10 ปี เป็นแค่เงินหยิบมือ แล้วจะรีบจ่ายไปทำไมคะ แต่ถ้าไม่ได้มีแผนการอย่างอื่น ก็โปะไป เถอะค่ะ ลองเอาเงินมาซื้อแล้วปล่อยเช่าอีกซักที่ไหมคะ เราทำอยู่ มีคนเช่ามันก็รันผ่อนตัวของมันเองไปเรื่อยๆ ด้วยค่ะ ราคาดี อยากขายเอากำไรก็ทำได้ ปล. ส่วนตัวไม่ชอบลงทุนซื้อประกันค่ะ ชอบซื้ออสังหาฯ ซื้อทองมากกว่า จับต้องได้ อิ่มอุ่นใจค่ะ จากคุณ : Annachen เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:57:27

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ค่อยเข้าใจ จขกทอ่ะค่ะ เราเข้าใจว่าคำว่าโปะเนี่ย..คือจ่ายทีเดียวแล้วหมดหนี้เลยไม่ใช่หรอ อีกอย่าง ดอกเบี้ยบ้านก็เอามาลดหย่อนภาษีได้ด้วย รายได้ขนาดนี้ น่าจะเสียภาษีเอาเรื่องอยู่ แล้วก็งงตรงที่ว่า เอาไปโปะแบบนี้ เค้าจะลดดอกเบี้ยให้หรอคะ พอดีไม่เคยกู้เงินซื้อบ้าน เราเข้าใจว่า เวลาเอาไปโปะเพื่อปิดหนี้ หลังจากสามปีไปแล้ว เค้าจะมีส่วนลดดอกเบี้ยให้ด้วย อันนี้ถาม ธอส.มาอ่ะจ้า โปะแบบนี้มันแปลกๆ ถ้าเป็นเรา เราจะเอาเงินส่วนที่โปะรายเดือนไปลงทุนอย่างอื่นให้มันเป็นก้อนใหญ่ๆก้อนเดียว แล้วค่อยไปตุ้บใส่หนี้ที่เหลืออยู่ เพราะดอกเบี้ยบ้านยังไงมันก็ใช้ลดภาษีได้อยู่แล้ว ประโยชน์ในตัวเองก็มีอยู่ เคยลองคำนวณผลตอบแทนจากการทำประกันมั้ยคะ   ถ้าทำประกันออมทรัพย์แบบได้เงินคืนทุกปี ผลตอบแทนแท้จริง(เฉลี่ย)ไม่หนีเงินฝากออมทรัพย์เท่าไหร่ค่ะ ของเราซื้อประกันแบบชำระครบอายุ 90 ปี ทุนประกันหนึ่งล้านบาท (ตายก่อนอายุ 90 ได้ 1 ล้าน หรืออยู่จนอายุครบ 90 ปีได้ 1 ล้าน) ค่าเบี้ยต่อปีต่างกันหลักหมื่นเลย (ลองดูของบ.สิงโตสีส้มๆนะคะ เบี้ยไม่แพง) แล้วเอาเงินส่วนที่ซื้อประกันออมทรัพย์ไปลงทุนอย่างอื่น จากคุณ : มิสพรหล้า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:17:46

ความคิดเห็นที่ 19 แนะนำนะคะ วันที่ 17 - 20 พค  จะมีงาน money expo ที่เมืองทอง ลองชวนคุณสามีไปเดินดู หาที่ปรึกษาการลงทุนดีๆซักคน หรือลองปรึกษาสอบถาม จนท.ของบริษัทต่างๆ ดู   ในงานน่าจะมีข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจอยู่เยอะเลยค่ะ ปล.ส่วนตัวแล้วคิดว่าหนทางที่จขกท จะทำให้เงินงอกเงยมีเยอะมากค่ะ จากคุณ : มิสพรหล้า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:24:38