ความคิดเห็นที่ 1 เราเลยจับมานั่งซักไซ้ไล่เรียง ได้ความว่า เพื่อนลูกไปได้เสียกะแฟนตอนช่วงงานลอยกระทง คือเด็กคนนี้พ่อแม่หวงมาก ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับเพื่อน  นอกจากไปโรงเรียน   พอมารู้ว่าลูกตัวเองคบกับเด็กผู้ชาย เลยยิ่งคุมมากขึ้น  ไม่ให้ออกไปไหนเลย นอกจากไปกับพ่อแม่ แต่เด็กสองคนนี่ก็แอบเจอกันบ่อยๆ  โดยที่ลูกสาวเราก็เคยเตือนว่า อย่าไปเต็มที่นัก เดี๋ยวพลาดพลั้งจะมาเสียใจทีหลังฝ่ายเด็กผู้ชายรู้ก็เลยให้เด็กคนนี้ห่างๆจากลูกสาวเรา  จนวันลอยกระทง   เด็กผู้หญิงคนนี้โทรมาชวนลูกสาวเราไปทำกระทงกันที่บ้าน มีเพื่อนอีกหลายคน แต่ลูกเรารู้ว่าผู้ชายคนนั้น ก็จะไปด้วย(แอบๆ) ลูกเราเลยไม่ไป เพื่อนก็มาเล่าให้ฟังว่า วันนั้นไปทำกระทง เสร็จเกือบ5 โมง พอดี พ่อแม่ของเด็กคนนี้ เป็นกรรมการ และเจ้าหน้าที่ การประกวดนางนพมาศ ก็เลยออกไปที่งานตั้งแต่4 โมง เด็กผู้หญิงได้ที ก็รีบชวนแฟนมา  มาถึงก็นั่งคุยกะเพื่อนๆ แป๊บเดียว แล้วชวนกันขึ้นไปเอาของบนห้อง หายกันไปพักหนึ่ง ก็กลับกันลงมา เพื่อนๆ ก็แค่คิดว่าไปคุยจู๋จี๋ กันนิดๆหน่อยๆ   ที่เราเล่ารายละเอียดตรงนี้ คืออยากจะบอกว่า บางที่เราคิดว่า เราป้องกัน ระวังอย่างดีแล้ว มันก็ยังหาโอกาสกันจนได้ นั่นแหล่ะ จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:18:02

ความคิดเห็นที่ 2 มาต่อที่เรื่องตรวจท้อง  เรากับลูกก็ไปซื้อให้นะ สงสารเด็ก  อีกสองวันลูกก็มาบอกว่า "เพื่อนท้อง" เรางี้มือเย็นเลย นึกถึงตัวเอง เมื่อก่อน แม่เราคงรู้สึกจี๊ดกว่านี้มั้ง นี่ขนาดแค่ลูกคนอื่นนะเนี่ย  เราถามลูกว่า แล้วเพื่อนว่าไง ลูกบอกว่ามันทำอะไรไม่ถูก ส่วนแฟนมันก็ขอเวลาคิดก่อน แล้วค่อยมาตกลงกัน  เราก็ให้ลูกเราไปบอกเพื่อน ว่าให้ใจเย็นๆ คุยกับแฟน แล้วก็บอกพ่อแม่  อย่าเพิ่งไปเล่าให้คนอื่นรู้อีก  มันจะไปกันใหญ่ เดี๋ยวจะมีคนช่วยคิดหลายคนเกิน จากนั้นลูกเราก็เงียบไปเป็นอาทิตย์เลย แต่เราก็ไม่ถามนะ  เดี๋ยวเสียภาพพจน์ (ทั้งที่อยากรู้มากกกกก 55)  จนถึงวันจ่าย(ตรุษจีน)  เด็กผู้หญิงก็นัด เจอลูกเราที่ตลาด เพราะเค้าออกมาซื้อของกับญาติ ก็ได้ความว่า ไม่ได้บอกแม่ ไม่กล้า เพราะรู้ว่าแม่ไม่ยอมแน่  (แม่เป็นอาจารย์ สอน ระดับมหาลัย ส่วนพ่อก็รับราชการ ขอสงวนอาชีพค่ะ)   ส่วนผู้ชายก็ไม่กล้าบอกพ่อแม่เหมือนกัน เพราะเกเรมาหลายเรื่องแล้ว  สรุปว่าจะไม่เอาไว้  หายาขับเลือดมากิน ประมาณว่าเล่าให้ลูกเราฟังแล้วไปช่วยซื้อให้ยาให้  ยื่นเงินให้ลูกสาวเราสองพัน บอกค่ายา ถ้าเหลือถือว่า เป็นค่าน้ำมันรถ  ลูกเราบอกไม่รับเลย  ไม่อยากช่วยทำบาป  รับไม่ได้กับทางออกแบบนี้  ไปหาคนอื่นเถอะ  เพื่อนก็บอกว่า  แล้วจะให้ทำยังไง  ถ้าปล่อยให้เกิดแล้วใครจะเลี้ยง  ไม่รู้จะได้เรียนต่อมั๊ย  แล้วถ้าเอาไว้แล้วพ่อมันไม่ยอมรับเลี้ยง เด็กจะโตมาเป็นยังไง  ลูกเราก็เลยตอบว่า ก็โตมาอย่างGU นี่แหล่ะ  แม่GU ก็ท้องตอนเรียน พ่อก็ไม่ได้ช่วยเลี้ยงดู แม่GU เลี้ยง GU คนเดียวยังโตมาเป็นเพื่อนกะเมิงได้เลย จำไม่ได้เหรอ(ขออภัยที่หยาบคายนะ คือมันได้อารมณ์ว่า ลูกเรารู้สึกยังไง) จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:29:13

ความคิดเห็นที่ 3 อ้าว!รีบโพสต์ลืมเปลี่ยนสีอีกแหล่ะ จิ้มดีดก็อย่างนี้แหล่ะ ก้มๆเงยๆ ตาเริ่มลาย หลังจากนั้น ลูกเราก็ไม่ได้คุยกะเพื่อนคนนี้อีกเลย เพราะเป็นช่วงสอบปลายภาค และเด็กผู้ชายก็มาหาเรื่องลูกเราด้วย หาว่าลูกเราไปยุ่งเรื่องมัน  ทำให้แฟนมันไม่เชื่อฟัง เพราะมันจะให้เอาเด็กออก แต่เด็กผู้หญิงยังลังเล ไม่ยอมตกลง   จนกระทั่งปิดเทอม ลูกเราขึ้นมาเรียนพิเศษ ที่กรุงเทพฯ  ได้ 5 วัน เพื่อนคนนี้ก็หนีขึ้นมาหา คือมาแต่ตัวกับเงิน เสื้อผ้าของใช้ไม่ได้เอาซักอย่าง ลูกเราต้องพาไปซื้อใหม่  ถามได้ความว่า  ตัวเองแพ้ท้องมาก จนแม่เริ่มมอง พอแม่เรียกไปคาดคั้น และให้ตรวจฉี่ กันต่อหน้า เพื่อนก็เลยหนีขึ้นมาหาลูกสาวเรา  เพราะเพื่อนคนอื่นยังไม่มีใครรู้ บอกว่าจะมาทำแท้ง เพราะอยู่ไม่ได้แล้ว แพ้ท้องทุกวัน ผู้ชายก็คอยแต่หลบหน้า บอกว่ายังหาทางออกดีดีไม่ได้ นอกจากทางนี้ทางเดียว จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:41:47

ความคิดเห็นที่ 4 นั่งอ่านแล้วน้ำตาซึม เราไม่ได้มีประสบการณ์แบบนี้ เพียงแต่คิดสงสารเด็กที่อยู่ในท้อง ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลใจให้น้องคนนี้เปลี่ยนใจ ไม่ทำบาปอันใหญ่หลวงนี้ เราอยู่อเมริกา เวลาได้ยินข่าวประเภทคลอดลูกแล้วเอาไปทิ้ง หรือทำร้ายจนเสียชีวิต ก็คิดว่า ทำไมเมืองไทยไม่มีกฏหมายคุ้มครองตรงนี้ อย่างที่อเมริกา ถ้าหากว่าผู้หญิงคลอดลูกแล้วไม่สามารถเลี้ยงดู ก็สามารถเอาเด็กไปให้ที่สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง หรือ โรงพยาบาล โดยที่เค้าจะไม่ถามคำถามอะไรทั้งสิ้น (no question asked) แล้วเค้าก็จะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลเด็ก แต่ก็คือไม่สามารถกลับมาติดต่อเด็กได้อีกเลยนะค่ะ  หรือไม่ เค้าก็มีพวก adoption agency ก็คือเราสามารถยกลูกให้คนอื่นได้ กรณีนี้ก็ไม่สามารถติดต่อเด็กได้อีกเลยเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องทำแท๊งค์ เอาใจช่วยให้น้องเลือกและตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกนะค่ะ บอกพ่อแม่เถอะ อย่างมากก็โดนดุโดนตี จากคุณ : Jake & Toby เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:55:31

ความคิดเห็นที่ 5 จากการที่น้องโดนแม่คาดคั้นแล้วหนีมา แม่น้องคงก็คงจะพอเดาได้แล้วล่ะค่ะ เราวาไหนๆลูกคุณ จขกท ก็ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้แล้ว และตอนนี้เพื่อนก็มาพักอยู่กับลูกคุณ คุณก็น่าจะลองช่วยติดต่อทางบ้านเขาดีไหมคะ  ตอนนี้น่าจะท้องได้หลายเดือนแล้ว ยังไงก็ต้องให่พ่อแม่เขารับรู้ได้แล้วค่ะ ทิ้งไว้นานถ้าเด็กไปทำแท้งก็เป็นอันตรายกับทั้งแม่และเด็กในท้อง เผลอๆคุณกับลูกสาวจะโดนหางเลขไปด้วย การเลี้ยงลูกนี่ยากจังเลยนะคะ ปล่อยมากก็ไม่ดี คุมมากก็ไม่ดี แล้วก็ไม่รู้ว่าความพอดีของแต่ละคนมันอยู่ที่จุดไหน จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 01:23:44

ความคิดเห็นที่ 6 บ้านเราน่าจะมีเหมือนอเมริกานะคะ น้องจะได้ทำเหมือนจูโน่ ถ้าเลี้ยงเองไม่ได้ยกให้คนที่เค้ามีความพร้อมไป ไม่ต้องทำบาป จากคุณ : mkjap เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 01:59:43

ความคิดเห็นที่ 7 ตั้งใจทำโดนจังๆไม่เห็นมีซักที น่าสงสารเด็กในท้องอุตส่าห์เลือกมาเกิดแล้วแท้ๆ จากคุณ : ETHNOMUSIC เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 02:40:17

ความคิดเห็นที่ 8 Ghf จากคุณ : Jhjfgfggx (การินช่า) เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 03:45:27

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านแล้วอึ้งเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้หาทางออกที่ดีได้นะคะ ตอนที่ถ้าอยู่ กทม. แล้ว สามารถติดต่อบ้านพักฉุกเฉินของสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี แถว ๆ ทุ่งสีกัน ดอนเมือง ได้ค่ะ เบอร์โทรลองหาในเน็ตดูค่ะ จากคุณ : a whispering star เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 07:11:44

ความคิดเห็นที่ 10 ฝากบอกน้องว่าถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ให้อีเมล์มาด่วนที่ info@womenhealth.or.th เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาค่ะ จากคุณ : tan เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 08:38:52 A:27.55.10.244 X: TicketID:141265

ความคิดเห็นที่ 11 มีลูกผู้หญิงตอนนี้อยู่ม.4 ก็กลัวเรื่องนี่มากที่สุด พยายามสอนขอให้ลูกเรียนจบมีงานทำก่อน ค่อยคิดเรื่องรักๆใคร่ๆพวกนี้ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 08:53:06

ความคิดเห็นที่ 12 ฝนตกค่ะ เน็ตง่อยเลย ลูกเราก็โทรมาบอกว่า เพื่อนเครียดมากข่าวปลาไม่ยอมกิน นั่งซึมทั้งวัน ก็เลยโทรไปคุยกับผู้ชาย แต่ไม่ยอมรับสาย เราก็เลยขอคุยกับเด็ก เด็กบอกว่า แม่รู้เรื่องแล้ว แต่ไม่บอกว่าจะให้ทำยังไง มีแต่ด่าอย่างเดียว เราก็บอกให้เด็กใจเย็นๆ กินข้าวซะก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที เราก็ไม่รู้ทำไง คือมันเป็นปัญหาส่วนตัวของครอบครัวเค้านะ เข้าไปจุ้นจ้านมากก็ไม่ได้ ได้แต่ภาวนา ให้เด็กกับแม่ได้คุยกันดีดี ช่วยกันหาทางออก  แล้วเย็นนั้นคำภาวนาก็เป็นจริง  แม่เด็กมาหาเราที่บ้าน 555 งานเข้าแล้วคุณเอ๋ย.. มาถึงก็ถามว่ารู้เรื่องเค้าแล้วใช่มั๊ย  ทำไมเรากับลูกช่วยกันปิดเค้า  ต่อว่าเราหลายคำเลยค่ะ  แต่เราไม่โต้ตอบ เพราะเราอยากจะช่วยเด็ก ถ้าทะเลาะกัน เดี๋ยวคุยกันไม่รู้เรื่อง (แต่คันปากน่าดูเลย จขกท) จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 10:15:40

ความคิดเห็นที่ 13 พอเหนื่อยก็เลยได้นั่งคุยดีดี ว่าโกรธลูกมาก เพราะเป็นลูกสาวคนเดียว ตามใจทุกอย่างแต่ทำไมทำตัวอย่างนี้ แกบอกว่าอายชาวบ้าน และญาติพี่น้อง (ทั้งพ่อและแม่เด็ก ตระกูลใหญ่ทั้งคู่ พี่น้องก็ทำงานราชการกันเยอะ) แล้วจะให้ทำยังไงปล่อยไว้ ก็ตัดอนาคตเด็ก แล้วก็เงียบไป เราเลยถามว่า แล้วถ้าไปเอาออกหล่ะ คุณฆ่าหลานคุณลงหรือ.. คราวนี้แกก็ได้แต่ร้องไห้ เราเองก็ตัดสินปัญหาแทนเค้าไม่ได้  เราบอกว่า ตามลูกกลับมาก่อนได้มั๊ย  มาคุยกันดีๆ คุณจะตัดสินปัญหายังไง ก็อยู่ที่คุณ เพราะสำหรับเราแล้ว เรามีทางออกเดียว คือ เอาเด็กไว้แล้วมากันเรื่องเรียนอีกที แม่เด็กก็ได้แต่พูดว่า เอาไว้ไม่ได้แน่ พ่อของเพื่อนลูกเรายังไม่รู้  รายนั้นเป็นคนเจ้าระเบียบมาก รักษาหน้าเป็นที่หนึ่ง คงรับไม่ได้หรอก เราก็บอกให้ลองไปคุยกับพ่อก่อน บางทีอาจไม่เลวร้ายอย่างดีคิด  ยังไงก็ลูกคุณ หลานคุณนะ... วันรุ่งขึ้นแม่เด็กโทรมาบอกว่าขอให้ลูกเราพาลูกเค้ากลับมาหน่อย แกโทรไปแล้วลูกไม่ยอมคุยด้วย เลยคุยกับลูกเราว่า มาส่งเพื่อนได้มั๊ย พ่อเค้ารู้แล้ว ให้ลงมาคุยแก้ปัญหากัน เด็กก็ยอมกลับ แต่ขอกลับกับลูกเราด้วย ลูกเราเลยให้แม่เด็กโทรมาขออนุญาตเรา เราก็ตกลงไป ไหนก็คิดจะช่วยแล้วก็ช่วยต่อก็แล้วกัน จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 10:35:40

ความคิดเห็นที่ 14 ติดตามและให้กำลังใจค่ะ :) จากคุณ : ร้องไห้ในวันที่สายไป เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 10:48:41

ความคิดเห็นที่ 15 แต่พอมาถึงกลับไมใช่อย่างที่คิด พ่อเด็กรับไม่ได้  ทั้งด่าทั้งตีเด็ก  บังคับพาไปบ้านฝ่ายชาย เด็กก็กลัวว่า ถ้าฝ่ายโน้นไม่ยอมรับ พ่อจะยิ่งโกรธ เพราะติดต่อไม่ได้เลย เด็กแอบเขียนจดหมายฝากญาติข้างบ้านมาให้ลูกสาวเรา  เล่าให้ฟังว่าพ่อจะให้เอาเด็กออกและจะส่งเพื่อนลูกไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด เด็กเลยบอกลูกเราว่าจะหนีออกจากบ้าน ทีนี้ทำไงหล่ะ ห่วงเด็กจัง ก็เลยโทรไปเลียบเคียงถามแม่เด็กว่าเป็นไง แม่เด็กตอบกลับสั้นๆ เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็วางหูไป อ้าว..แล้วยังไงเนี่ย  ถ้าบอกไป เด็กก็อาจจะโดนหนักกว่านี้ ถ้าไม่บอกเด็กก็ไม่รู้จะหาออกยังไง   คุณลูกสาวบอกว่า แม่เราไปลุยบ้าน ไอผู้ชายมั๊ยแม่ เรื่องมันต้องรับผิดชอบเต็มๆ อย่าปล่อยให้มันลอยนวลนะแม่ เราก็บอก เฮ้ย..มันทำเพื่อนหล่อนท้องนะเฟ้ย ไม่ใช่หล่อน จะให้แม่ไปยุ่งได้ยังไง  พ่อแม่เค้าเองยังไม่ไปเลย หาหัวใส่หัวทำไมวะ  ลูกเราบอกว่า เค้าออกหน้าเอง แต่ให้แม่ไปเป็นเพื่อนหน่อย เกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวหนีไม่ทัน 55 เราก็..ไปก็ไปวะ นึกถึงอารมณ์ตอนเป็นวัยรุ่นเลย 555 จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 11:02:43

ความคิดเห็นที่ 16 น่าสงสารเด็ก แต่นั่นแหละคะ เป็นเราคงช๊อคก่อน สติจะมา แต่เราว่า จขกท ถ้าไม่อยากเจ๊บตัวมาก พูดกับพ่อแม่น้องคนนั้น สักครั้งสุดท้าย เถอะคะเค้าจะฟังไม่ฟังเรื่องของเค้า พูดมากไป ก้อเจ็บตัวคะดีไม่ดี โดนด่าอีกต่างหาก จากคุณ : Many Name เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 11:40:07

ความคิดเห็นที่ 17 มารออ่านค่ะ เหมือนเรื่องจบแล้ว จขกท ถึงเล่าให้ฟัง ถ้าเราเป็น จขกท เราคงช่วยสุดตัว อาจจะรับน้องมาอยู่ด้วย จนกว่าพ่อแม่น้องจะเย็นลงจนรับได้ หรือจนกว่าน้องจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 11:52:07 A:125.25.58.66 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนแรก ผู้ชายก็หลบๆนะ ไม่ยอมออกมา ฝากบอกน้องชายว่าไม่สบาย ลุกเราเลย ส่งข้อความไปว่า ถ้าไม่ออดมาเจอ จะบอกพ่อแม่เรื่องทำเพื่อนท้อง ก็รีบตาลีตาเหลือกออกมาหา ลุกเราก็เล่าให้ฟังว่าเพื่อน เจออะไรบ้าง ตอนนี้คิดยังไง ผู้ชายก็บอกว่า ไม่รู้จะทำไงดี ไม่กล้าบอกพ่อแม่  เพราะตัวเองก็เพิ่งโดนภาคฑัณฑ์ เรื่องหนีโรงเรียน เมื่อเดือนที่แล้ว พ่อก็คาดโทษไว้ ถ้ามีเรื่องอะไรอีก จะขายบิ๊กไบค์กะไอโฟน ก็เลยกลัว ลูกเราบอกถ้าไม่บอก จะบอกเอง ลูกเรากลัวเพื่อนคิดสั้น เพราะตอนอยู่กรุงเทพ ก็คิดจะกระโดด หอพักลูกเราทีนึงแล้ว ลูกเราก็ลากเพื่อนผู้ชาย ไปหาพ่อกะแม่ ในบ้าน แล้วก็คุยกัน เราเป็นท่านผู้ชมอยู่ข้างนอก เห็นแม่เค้าร้องไห้นะ  แต่พ่อนี่ซึมๆ ลุกขึ้นไปบนบ้าน พอซักพัก ก็ออกมา บอกเราว่า ให้เราไปเป็นเพื่อนเค้าหน่อย เค้าจะไปบ้านผู้หญิง จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 11:53:08

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเรามีเพื่อนแบบลูกสาวเจ้าของกระทู้ เรารักเพื่อนตายเลย สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก * นี่ซิเพื่อนแท้ คุณแม่ก็สุดยอดมากกกกกกกกกเป็น 2 เท่าที่เลี้ยงน้องให้เป็นคนที่มีความคิดแบบนี้ได้ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 12:41:36 จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 11:55:20

ความคิดเห็นที่ 20 คิดเหมือน คห.19 เลย สมควรได้รับเพื่อนดีเด่นแห่งปีค่ะ...( ดีใจแทน จขกท.มีลูกสาวที่นิสัยดีน่ารัก ) ย้อนกลับกันถ้าเรามีเพื่อนแบบลูก จขกท.เราก็คงไม่กล้าทำถึงขนาดนี้ อย่างมากก็ให้กำลังและเป็นที่ปรึกษาเท่านั้น จากคุณ : ผู้หญิงไม่ร้ายถ้าผู้ชายไม่เลว เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 12:07:26

ความคิดเห็นที่ 21 รออ่านต่อคร้า จากคุณ : สายป่านหัวใจ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 12:16:41

ความคิดเห็นที่ 22 ตอนแรกก็กังวลนะ ว่าเรายุ่งมาไปรึป่าว  แต่ลูกเราบอกว่า ไปเป็นกรรมการเถอะแม่ เพราะพ่อผู้หญิงที่โหดมาก  มีอยู่ครั้งหนึ้ง ทำงานกลุ่มในโรงเรียน วันเสาร์ ลูกสาวกลับเลท พอมาตาม เจอลูกกำลังนั่งตอกไม้ทำฉากกับเพื่อนผู้ชาย สองคน ทั้งที่เพื่อนอีกหลายคนก็อยู่แถวน้ัน ครูก็อยู่ พอเดินเข้าไปด่า แล้วลากลูกออกมาเลย ไปก็ไป..พอไปถึงบ้าน แม่เด็กตกใจมาก รีบออกมาบอกว่า อย่าเจอกันตอนนี้เลย พ่อเด็กผู้หญิงยังโกรธอยู่ พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง แต่ฝ่ายชายขอร้องให้เชิญมาคุยกัน ฝ่ายเค้ายอมรับทุกอย่าง และจะมาขอรับผิดชอบด้วย พ่อผู้หญิงออกมาพบ พอเจอหน้าผู้ชาย แกเดินปรี่เข้ามาต่อยเลย เราก็ อิ๋บอ๋ายแล้วตู จะได้คุยมั๊ยเนี่ย หันไปมองพ่อผู้ชาย แกนั่งหลับคา คงกำลังทำใจ แต่ทีเดียวจบค่ะ จากนั้นก็มาคุยกัน สรุปว่าฝ่ายหญิงจะไม่เอาไว้ เพราะไม่อยากให้ลูกเสียเวลา เสียอนาคต ให้เลิกติดต่อกันเด็ดขาด ฝ่ายชายขอรอให้คลอดก่อนได้มั๊ย ถ้าไม่รับ ฝ่ายชายจะเลี้ยงไว้เอง แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม อ้างว่า ลูกเสียอนาคต และฝ่ายเค้าเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า ให้จบแค่นี้ คือจะวนเวียนอยู่แบบนี้ ลูกสาวเราทนไม่ไหว ไปกระทุ้งหลังผู้ชาย" เมิงพูดบ้างสิ ลูกเมิงเมียเมิงนะโว้ย ทำเองต้องแก้เอง แมนหน่อยเมิง" จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 12:50:38

ความคิดเห็นที่ 23 อืม จริงงง :)) เพื่อนจขกท น่ารักมากนะ ^^ ---- ปสก ตัวเองไม่เคยหรอก แต่ว่าเพื่อนในกลุ่มเรา ก้อนะ จัดกับแฟนตั้งแต่มอต้น สมัยเด็กนี่อึ้ง ช็อค แต่พอโตมาก็รู้สึกปกตินะ มันก็คบกับแฟนคนเดิมเนี่ยแหละ คบกันเรื่อยๆ ตั้งแต่มอต้นจนถึงปี 3 เทอมสอง กินยาคุมมาตลอดตั้งแต่เด็ก ปรากฏ พลาดได้ไงไม่รู้ ท้องเฉยเลย คือแบบ มาพลาดตอนจะเรียนจบเนี่ยนะ สุดๆ อ่ะ แล้วเพื่อนเราเป็นลูกสาวคนเดียว หลานสาวคนเดียวด้วย .. เรามารู้เรื่องที่หลังยังเป็นห่วงเพื่อนเลย แต่เพื่อนเราคนนี้กลับทำในสิ่งที่เราบอกตรงๆ ว่าเราเสียความรู้สึกมาก เพราะคุณเธอไม่ยอมปรึกษาเพื่อนในกลุ่มเลยสักคน .. ปล่อยให้ "เพื่อนสนิทกลุ่มเดียว" ของเธอ .. มารู้เรื่องแบบแอบได้ยินเธอคุยกับเพื่อนที่ทำงานอะ ทั้งที่ความจริง พวกเราทุกคนไม่เคยคิดจะว่า จะตอกย้ำ หรืออะไรก็ตามแต่เลยนะ เห็นใจมันทุกคน แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันนะ .. มันก็ยอมรับว่ามันไม่กล้าบอกพวกเราจริงๆ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนเด็กในท้อง พ่อแม่ผู้หญิงช็อกไปเลย .. ส่วนฝ่ายชายก็ไม่ว่าอะไร เพราะเรียนจบแล้ว สุดท้ายก็เลยแต่งงาน เลือกดรอปเรียนไว้ก่อน ยังไงๆ เด็กในท้องก็ลูกก็หลาน ใครจะไปฆ่าลง ต่อให้เกิดมาจากความไม่พร้อมก็เถอะนะ เราเองยังเห่อหลานที่กำลังจะเกิดมาเลยอ่ะ ไม่ได้คิดในมุมว่าแม่มันเรียนไม่จบพ่อไม่ทำท้องงู้นงี้ คือลืมไปเลย มองข้ามไปเลยอ่ะ จากคุณ : ร้องไห้ในวันที่สายไป เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 12:50:52

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่รู้จะเดาถูกหรือเปล่า คาดว่าพ่อของน้องคนที่ท้องรับราชการทหาร (อาจจะเดาผิด) หลังไมค์มาเฉลยก็ได้นะเจ้าของกระทู้ ที่เราเดาแบบนั้นเพราะมีเหตุผล เราเลยเดาแบบนี้ จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:14:00

ความคิดเห็นที่ 25 ตัวต้นเหตุ ก็เลยเข้าไปกราบเท้าพ่อผู้หญิง  ขอโทษและขอโอกาส ให้ตัวเองรับผิดชอบ แต่พ่อผู้หญิงไม่ยอมอย่างเดียว บอกว่า หนังสือก็เรียนยังไม่จบ แล้วได้ข่าวว่าเกเรด้วย คนแบบนี้จะเป็นพ่อของลูก ยังไง ก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก ที่นี้ตัวยุ่งของเรา (ยุ่งจริงจริง)ก็หันไปทางเพื่อนผู้หญิงบ้าง ส่งซิกให้พูดบ้าง ผู้หญิงก็เลยขอพ่อ แต่พ่อยังไม่ยอม ยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่เอาออก ก็ออกไปจากบ้านนี้ เค้าไม่เลี้ยงไว้แล้ว ทะเลาะกันใหญ่โตเลยที่นี้ กรรมการทำไงดีหล่ะ  เราก็เลยบอกให้ฟังลูก ว่าเค้าจะเอายังไง ต้องเค้าแก้ปัญหาด้วยกัน  เด็กทั้งสองตกลงว่าจะไปอยู่ด้วยกัน รอให้คลอดเสร็จ แล้วมาว่ากันอีกที เปิดเทอมก็จะไปคุยกับอาจารย์เรื่องหยุดเรียน พ่อเค้าก็เลยไล่ให้ไปเก็บเสื้อผ้า ให้กลับไปพร้อมกับฝ่ายชาย แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่บ้านอีก แล้วก็พากันยกขบวนกลับ โดยพาเด็กผู้หญิงมาอยู่ด้วย ตอนออกมาจากบ้าน พ่อเด็กไม่หันมามองเลย แต่เราแอบเห็นว่าแกตาแดงๆ คงเจ็บปวดใจเหมือนกัน ส่วนแม่ก็เอาแต่ร้องไห้ ตั้งแต่เข้าบ้านมาจนกลับ แม่เด็กผู้หญิงไม่พูดอะไรเลยซักคำ (เรื่องของเค้า แต่เราขัดใจค่ะ เฮ้อ! จะให้คนอื่นมาคิดเหมือนเราเป๊ะ มันคงเป็นไปไม่ได้เนอะ) ลูกเราก็ไปอยู่เป็นเพื่อน 3 วัน แล้วก็กลับกรุงเทพ จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:15:43

ความคิดเห็นที่ 26 เอาใจช่วยสุดๆ งานนี้  สาธุ ขอให้พ่อแม่น้องผู้หญิงให้อภัยลูก ให้เวลาพ่อแม่กลับไปนอนเอามือก่ายหน้าผากสักพักใหญ่ๆ (แอบเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าเรื่องนี้ พ่อจะใจอ่อนยอมให้อภัยลูกแล้วก็ยอมรับหลาน แต่ต้องใช้เวลา) จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:27:09

ความคิดเห็นที่ 27 นั่นสิ เราเกาะติดหน้าจอ เอาใจช่วยสุดๆ อ่ะ >< ----------------------- ขอแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ :) เราว่าถ้ามองในระยะยาวแล้วเนี่ย เราไม่เห็นด้วยเลยกับการให้น้องไปอยู่ด้วยกัน หรือให้ฝ่ายชายรับผิดชอบ บอกตรงๆ ว่าน้องผู้ชายไม่น่ามีความรับผิดชอบมากพอนะจากความเห็นเรา อย่าลืมว่าถ้าให้น้องผู้ชายรับผิดชอบ นั่นคือชีวิตน้องผู้หญิงต้องแขวนไว้กับคนๆ นี้ตลอดทั้งชีวิตเลยเหรอ ไม่เวิร์กม้างงงงงงง?? คิดง่ายๆ ว่าอย่างน้อยถ้ามีความแมน ความเป็นลูกผู้ชาย (ซึ่งเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่ควรมีเนี่ยยยย) กล้าทำต้องกล้ารับ โอเคแรกๆ อาจตกใจ แต่ผ่านไปจะต้องกล้าเผชิญหน้า ไม่ใช่ให้ความทุกข์ทั้งหมดตกอยู่กับฝ่ายหญิงนะ คือแบบ นี่ถึงขั้นไปบ้านแล้วยังไม่กล้าออกมาพูด ถ้าลูกจขกท ไม่ทำแบบนั้นก็คงไม่ออกมา รวมถึง ตอนคุยกับที่บ้านฝ่ายหญิง ถ้าไม่กระตุ้นก็คงไม่พูด คือน้องไม่สามารถคิดเองได้จากสามัญสำนึกตัวเองอ่ะ แค่นี้ยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับการดูแลเมียกับลูก เป็นเรา เราจะเลือกให้แยกๆ กันไป ลูกหลานคนเดียว เลี้ยงได้ ส่งไปคลอดที่บ้านนอกก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนยังโอเคกว่าอีกสำหรับเรา .. คหสต. นะ แต่อย่างว่าแหละ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้เป็นเค้า เราก็ตัดสินไม่ได้หรอก :( แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 13:46:06 จากคุณ : ร้องไห้ในวันที่สายไป เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:30:51

ความคิดเห็นที่ 28 เราสงสารเด็กนะ ลูกเราไปเป็นเพื่อนตอนฝากท้อง หมอบอกว่า แม่เด็กเครียดมาก กลัวจะเป็นโรคซึมเศร้า ทานยาลำบาก พยายามเอาใจใส่มากๆ เด็กในท้องจะได้มีสุภาพแข็งแรง นน.แม่ลดลงกว่าเดิม  ส่วนแม่ของเด็กผู้หญิงก็ได้แต่โทรถามอาการ  ไม่กล้าไปหาลูก ตอนเชงเม้ง เราไปเจอกันที่สุสาน พ่อหันมามองเราด้วยหางตา  เราก็แหม หมั่นไส้หว่ะ 555 ลูกทั้งคน ใจดำจริง แต่อย่างที่บอก แต่ละคนก็แตกต่างกันไป ทั้งนิสัย และความคิด ใจเขา ใจเรา เหมือนกันซะที่ไหน  แม่เด็กเดินมาถามเราว่า ลูกเค้าเป็นไงบ้าง ผอมมากมั๊ย เค้าได้แต่โทรไมได้ไปหาเลย เราก็บอกทำไมไม่ไป เด็กต้องการกำลังใจจากพ่อแม่ตัวเองที่สุดแล้ว ถึงจะอยู่กับสามีก็เถอะ ยังไงมันก็ลูก มันไปฆ่าคน ไปขายยา มันก็ลูก แค่มันท้องตอนเรียน ไมได้ไปทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแค่นี้  ถึงกับจะตัดขาด กันเลยเหรอ  อันนี้เราพูดดังๆ เผื่อพ่อเค้าด้วย   คือเรากับเค้า ห่างกันหลายปีอยู่ พอดีเรามีลูกไวไปหน่อยค่ะ อิอิ เลยไม่ค่อยกล้าเข้าไปพูดตรงๆ  แกเลยเดินมาบอก "คุณไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอก คุณมองโลกแบบง่ายๆ" จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:31:14

ความคิดเห็นที่ 29 หวังไว้มาก ก็เจ็บมาก  เฮ้อ จากคุณ : usdank เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:38:36

ความคิดเห็นที่ 30 คุณแม่และน้องน่ารักมากค่ะ ดีใจด้วยนะคะที่คุณมีลูกที่เก่งมีความคิดดียิ่งกว่าผู้ใหญ่หลายๆคน ขอเอาใจช่วยเพื่อนน้องด้วยนะคะ อย่างน้อยก็ถือว่าเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนคุณพ่อคงกำลังผิดหวังและเสียใจเพราะนั่นก็ลูกสาวสุดหวง หน้าที่การงานก็คงอยู่ในระดับสูง ความอับอายมันก็ต้องมีแน่นอน และความที่เป็นผู้ชาย   ก็เลยไม่สามารถฟูมฟายเหมือนผู้หญิงได้ ความโกรธก็เลยลดลงช้ากว่า อาจจะต้องให้เวลาท่านสักพัก รอให้ใจเย็นลงก่อน บางทีต่อไปได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็กอาจจะใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเลย จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:47:49

ความคิดเห็นที่ 31 เราก็บอก ทำไมต้องมองให้มันยาก ชีวิตนึง ไม่รู้ว่าจะสั้นหรือยาว ถ้าพรุ่งนี้เป็นคุณที่ลงไปนอนใน หลุมนั่น ลองถามตัวเองดูว่า คุณมีเรื่องอะไรที่ยังไมได้ทำอีกกี่เรื่อง อยากจะบอกอะไร  อยากจะกอดใคร  อยากจะทำอะไร หรืออาจเป็นคนที่คุณ อยากจะทำอะไรให้เค้า เป้นคนที่นอนอยู่ตรงนี้ ที่เรามาไหว้เนี่ย ถ้าเค้าไม่อยู่แล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร กับสิ่งที่คุณจะให้    พูดเองเราก็น้ำตาไหลเองนะ เราก็มีสิ่งที่มันสายไปอยู่ในใจเรามากมาย วันที่ 10 ที่ผ่านมา ลูกเรากลับมาบ้าน พาเพื่อนคนนี้มาหาเรา  หน้าตาดูดี มีน้ำมีนวลขึ้นเยอะ เด็กบอกว่า แม่มาหาทุกวัน ทำกับข้าวมาให้กิน เอารูปตอนเด็กๆมาให้ดู มีความสุขขึ้นเยอะ ส่วนพ่อยังเงียบๆอยู่  แต่ก็จะไม่ไปคิดมากแล้ว จะดูแลตัวเอง และลูกให้ดีที่สุดก็พอ ให้คลอดก่อนแล้วจะมาคุยกันอีกที   เมื่อสงกรานต์ ลูกมาเล่าให้ฟังว่า แม่เพื่อนให้เพื่อนกับแฟน ไปรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ที่บ้านยาย และแนะนำแฟนเพื่อนให้รู้จักกับญาติๆ ฝ่ายแม่  ส่วนพ่อเหมือนเดิมยังเงียบอยู่และไม่ไปบ้านยายด้วย เราคิดว่าคงจะเป็นไปในทิศทางที่ดีนะ ต้องใช้เวลา  เพราะเมื่อวานเราแอบเห็น พ่อเด็กผู้หญิง จอดรถแอบข้างทาง หน้าบ้านเรา คงมาดูลูกค่ะ  เพราะเพื่อนๆลูกมาจัดงานเลี้ยงที่บ้าน (เด็กขอจัดงานเปิดตัว 555) จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:49:33

ความคิดเห็นที่ 32 5 5 5 ท่าทางจะจบด้วยดี ลุ้นสุดตัวจริงๆ ขอให้น้องเขามีความสุข แม่เข้าใจแบบนี้สบายไป 108 อย่าง ถึงจะผิด จะพลาดยังไงพ่อแม่ก็เป็นที่พึ่งของลูกๆ แต่บางอย่างต้องใช้เวลา แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 13:54:47 จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:53:26

ความคิดเห็นที่ 33 รอต่อ ขอให้จบลงด้วยดี จากคุณ : สายป่านหัวใจ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 13:57:12

ความคิดเห็นที่ 34 เราว่าลึกๆพ่อก็ใจอ่อนแล้วล่ะ ไม่อย่านั้นท่านคงห้ามไม่ให้แม่มายุ่งเกี่ยวถามไถ่ข่าวคราวจากคุณหรอก อีดอย่างถ้าโกรธชนิดตัดเป็นตัดตายท่านคงไม่คุยกับคุณหรอก ถ้าอยู่ใกล้ๆก็อยากจะบอกท่านว่า โลกน่ะมันไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย ทุกอย่าเกิดขึ้น มีอยู่ และดับไป เพียงแต่เราทำให้มันยากขึ้นเพราะเราไปยึดติดกับมันเอง ลูกน่ะยังไงก็ได้เป็นลูกอยู่ดี ไม่มีวันเปลี่ยน ได้หลานเพิ่มมาอีกคน ดีกว่าเสียทั้งลูกทั้งหลานนะคะ การที่ลูกท้องในวัยเรียน กับ การที่ให้ลูกไปทำแท้ง เราว่าอันหลังเสียชื่อเสียง น่าอับอายกว่าอันแรกอีกนะ ที่สำคัญคือเป็นบาปติดตัวไปจนตาย คนที่เขาเป็นมิตรแท้เขาก็เข้าใจเห็นใจเรา ส่วนใครจะนินทาก็อย่าได้แคร์ จะพูดไปได้สักกี่วัน จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 14:02:24

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เล่าสู่กันฟัง พ่อแม่ที่พร้อมจะให้อภัยลูก จะทำให้ลูกก้าวข้ามปัญหาไปได้ ถึงจะต้องเสียใจมากก็ตาม ส่วนเจ้าของกระทู้กับลูกสาว ยกนิ้วให้จริงๆ สุดยอดดดดดดดดดดดดดดด มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลี้ยงลูกได้ดีมากๆ มีความคิดความอ่านเป็นเหตุ เป็นผล การตัดสินใจไม่ธรรมดา มากกว่าผู้ใหญ่บางคน ทั้งที่อายุยังน้อย ต้องขอชมจริงๆ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 17:48:31 แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 14:20:32 จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 14:18:30

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านแล้วร้องไห้ค่ะ จากคุณ : รถคุณปู่ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 19:35:37

ความคิดเห็นที่ 37 คือที่เราเอามาเล่าสู่กันฟัง เพราะลูกเราได้บอกว่า เพื่อนคนนี้ โตมายังไง มาเปรียบกับลูกเราแล้ว เด็กมองโลกยังไง เด็กคนนี้ ได้รับแต่สิ่งดีๆ มาตลอด ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ อาหารการกิน แต่เด็กจะไม่ได้ออกมาเที่ยวกับเพื่อนเลย นอกจากมาทำรายงาน โดยมีพ่อหรือแม่มานั่งรอ  มีบ้างที่เด็กๆ มีไปต่อตามร้านไอติม หรือตามห้าง เด็กคนนี้ก็ได้ไปบ้างในบางครั้ง ถ้าเป็นคุณแม่มานั่งรอ ถ้าเป็นพ่อ หมดสิทธิ์   ลูกเรา เราไปรับไปส่ง จะไปต่อที่ไหน ให้โทรบอก เราไปรับกลับทุกครั้ง  ดูหนัง ฟังเพลงอะไร เราก็ปล่อย  แต่หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น หรือนิยายรักๆใคร่นี่เราห้ามเลย  เราบอกว่าเหตุผล  เดี๋ยวน้องอยากลอง อยากเลียนแบบ เพราะในโลกของความเป็นจริง มันไม่เหมือนในหนังสือเสมอไป และโชคดีที่ลูกเราไม่ชอบดูละครเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเราไม่เปิดให้ดู ตั้งแต่เด็ก แกเลยติดนิสัยมาจนโต ซึ่งลูกเราทุกๆคนก็เหมือนกัน  เราไม่ให้ดูละครหลังข่าว  ตอนเย็นอาจมีบ้าง แต่เลือกเรื่องที่จะดู  แต่ส่วนมากดู รายการอื่นๆ หรือดูข่าวไปเลย ส่วนเด็กคนนี้ บอกลูกเราว่า ที่พลาดไปเพราะ เค้าอยากลอง อ่านหนังสือ ดูซีรี่ย์  อยากมีแฟน  อยากมีคนมาเอาใจ  มารักเหมือนในละคร  เหมือนหนังสือที่เธออ่าน อยากลองกอด ลองจูบ ว่ามันจะมีความรู้สึก เหมือนที่ในหนังสือบรรยายมั๊ย อีกอย่างเวลาเด็กมีปัญหาอยากจะปรึกษาพ่อแม่  จะโดนแก้ไขแบบตัดปัญหากันไปเลย  ไม่ถามถึงเหตุผลที่มาที่ไปของเรื่อง อย่างเช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง เด็กคนนี้ มีปัญหาเรื่องงานกลุ่ม ว่าไม่ค่อยให้ความร่วมมือ  เพื่อนๆก็เลยพากัน boycott แก พอไปปรึกษาพ่อแม่ พ่อมาโรงเรียน เรียกเพื่อนกลุ่มนั้นไปต่อว่า ตำหนิคุณครูที่ให้งาน ประมาณ ให้เด็กทำงานโครงงานยากๆ เกินความสามารถเด็ก ประมาณนี้ ซึ่งที่จริงแล้ว แกไม่ยอมให้ลูกมาช่วยทำต่างหาก ตอนเย็น สี่โมงก็มารอรับลูกแล้ว ออดยังไม่ดังด้วยซ้ำ เราไม่ใช่ว่าการเลี้ยงลูกแบบนี้ ไม่ดี แต่บางครั้ง บางเรื่อง คือต้องปล่อยให้เด็กได้คิด ได้ตัดสินใจเองบ้าง เราถามลูกทุกวัน วันนี้มีอะไร แกก็เล่าบ้าง ไม่เล่าบ้าง เชื่อไม่เชื่อ ก็เก็บไว้ในใจ เพราะเราต้องเป็นคนที่ลูกไว้ใจที่สุด ถ้าคุณไม่ฟัง ไม่ถาม ไม่เชื่อ ในสิ่งที่แกบอก ต่อไปลูกก็คงไม่เล่าอะไรให้เราฟังอีกแล้ว เพราะแกคิดว่า เล่าไปก็เท่านั้น วันไหนขี้เกียจ ถามก็จะมาเล่าให้ฟังเอง ยังมีบ่นด้วย ว่าวันนี้ไม่สนใจกันเลย เราทำให้ลูกเคยชิน  แล้วแกจะไม่รู้สึกรำคาญที่เราถาม อย่างเรื่องแฟน ลูกก็บอก ว่าคนโน้นคนนี้ มาแซวๆบ้าง หน้าตาอย่างนี้ นิสัยอย่างนี้  ให้เราดูเฟซด้วย เราก็อือๆ ทำแบบไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ลับหลังนี่ส่องทุกวัน แอบแอดไปด้วย 555 สมัยนี้ในความคิดเรา จะมาเลี้ยงลูกให้อยู่ในกรอบ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว มันมีสิ่งต่างๆ ที่เหนือการควบคุมของเรา ทั้งสื่อในโลกออนไลน์ มือถือ สิ่งเหล่านี้ มันทำให้เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ลูกเรา คิดอะไร ทำอะไร พูดง่ายqคือตามลูกไม่ทัน  เมื่อเราไม่ทันเขา  เราต้องทำให้ลูกหันมารอเราบ้าง อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นมา  ที่หนักก็กลายเป็นเบา ขอบคุณทุกความคิดเห็น และคำชม อย่างน้อยเราก็รู้สึกดี ที่เราคิดว่าเราได้เลี้ยงลูกมาถูกทางแล้ว  จากที่โดนคนรอบข้าง ต่อว่าเราว่าเลี้ยงลูกตามใจเกินไป ลูกเราจะเสียคน เราเจ็บมากกับคำคำนี้   แต่เราก็ไม่เคยไปกดดันลูก จะบอกลูกเสมอว่า" ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ นะลูก" จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 20:26:03

ความคิดเห็นที่ 38 ขอโทษนะคะ ที่มาช้า พลาดกระทู้ดี ๆ แบบนี้ได้ไงเนี่ีย เรามัวแต่ไปลุยกระทู้เมียหลวง เมียน้อย ยังกะว่าต่อไปจะไม่เข้าไปละ เข้าไปละเครียดยังกะตัวเองเลย ชื่นชมมาก ๆ เลยค่ะ จขกท. เพราะมีคนที่ไม่นิ่งดูดายปบบจขกท. นี่ค่ะ เด็กถึงได้มีอนาคตค่ะ ขอบคุณแทนน้องคนนั้นและเด็กน้อยในทอ้งด้วยนะคะ จากคุณ : mimis เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 22:06:42

ความคิดเห็นที่ 39 มาปรบมือให้ จขกท คะ ^^ จากคุณ : parichat_05 เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 23:06:00

ความคิดเห็นที่ 40 จขกท. เป็นแม่ที่นิสัยทันสมัยและทันโลกมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วทำให้เราคิดถึงแม่เลย แม่เราก็เลี้ยงเรา คล้ายๆกันกับที่ จขกท. เลี้ยงลูก แต่แม่เราเล่นเฟสไม่เป็นนะคะ 5555+ ดีใจแทนที่ีมีลูกสาวน่ารักแบบนี้ค่ะ และก็ขอชื่นชมที่ จขกท. เป็นคนที่ใจกว้างและมองโลกในแง่ดีมากๆ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 04:37:23

ความคิดเห็นที่ 41 หากมีเหตูกับผู้ชายอยู่บ้านนั้นไม่ได้อีกต่อไป ไปหาแม่ชีศันสนีย์ที่เสถียรธรรมสถานนะคะ ท่านช่วยได้ ธรรมะจะช่วยให้แม่มีหัวใจที่แข็งแรง เพื่อลูกจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง เอาใจช่วยน้องเค้านะคะ ยังเด็กนัก ต้องเจออะไรๆอีกมาก โชคดีของน้องที่เพื่อนอย่างลูกสาวคุณและมีแม่แบบคุณอีก1คน จากคุณ : อัญประกาศ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 12:46:56

ความคิดเห็นที่ 42 ลูกสาว จขกท. นี่ เพื่อนแท้สุดๆ  จากคุณ : TVIC_1408 (TVIC_1408) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 12:47:14

ความคิดเห็นที่ 43 ลูกสาว จขกท. เท่มาก เจ๋งสุดๆ จากคุณ : ลูฟี่คุง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 12:55:02

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วได้มุมมองอีกแง่ ในแบบของคนนอก และความรู้สึกของเด็กดีค่ะ ถ้าคนเป็นพ่อแม่ มาเล่าเรื่องแบบนี้ ของลูกตัวเอง ก็คงได้แง่มุมอีกแบบ...แล้วก็ต้องกลับไปคิดนะ ว่าเลี้ยงลูกมายังไง บางทีเลี้ยงได้แต่ตัวหรือเปล่า เราสร้างภูมิคุ้มกันให้เค้าได้แค่ไหน  แล้วถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ทางออกแบบไหน ถึงจะดีที่สุดสำหรับครอบครัวและตัวเด็กเอง ถ้าเป็นเด็กเจ้าตัวเรื่องมาเล่า เรื่องก็จะเป็นอีกแบบนึง ความหนักหนาทุกข์ใจ ไหนจะผู้ชายไม่ยอมรับ ไหนจะโดนแม่ด่า ไหนจะไม่มีที่พึ่งและทางออก จะหันหน้าไปพึ่งใคร จะตัดสินใจอย่างไง ทุกคนในครอบครัวและคนรอบข้าง เป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ที่จะผลักดันให้ บทสรุปของเรื่องออกมา ว่าจะแก้ปัญหากันยังไง จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 12:55:31

ความคิดเห็นที่ 45 เราก็มีลูกสาว ขอบคุณสำหรับแง่คิดค่ะ เราถูกเลี้ยงแบบตามใจมาก ตัวเราค่อนข้างเอาแต่ใจแบบงี่เง่าเลย กังวลมาก กับการเลี้ยงลูก จากคุณ : แม่หนูไอวี่ (พ่อศรีเรือนคับผม) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 13:18:14

ความคิดเห็นที่ 46 โอ้ว..... ลูกสาวเจ้าของกระทู้ และเจ้าของกระทู้เป็นคนดีมากเลยค่ะ   เข้ามาอ่านเรื่องแบบนี้ก็เข้าใจเนอะว่าสังคมมันเปลี่ยนไปเยอะ มีลูกผู้หญิงก็ต้องสอนต้องคอยห่วงคอยระวังเวลาไปไหน กลัวไปหมด แต่ก็นะจะไปคอยดูแลเค้าตลอดได้ยังไง ก็ได้แต่สอนไปให้เค้าอยู่ด้วยตัวเองได้และก็ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ขอบคุณที่เอาเรื่องมาเล่าให้ฟังค่ะ จากคุณ : กลมเหมือนซาลาเปา เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 13:57:23

ความคิดเห็นที่ 47 การเลี้ยงดูลูกนี่ มีผลกับเด็กมาก ๆ เลยนะคะ ดีใจที่เด็กคนนั้น มี จขกท. ช่วยดูแลให้ ดีใจแทนพ่อแม่เด็กด้วย ที่น้องไม่ยอมเอาเด็กออก แม้น้องเค้าจะต้องเจอกับปัญหาที่จะตามมาอีกเยอะ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องสังคม เป็นกำลังใจให้น้องนะคะ จากคุณ : triyapa เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 14:04:52

ความคิดเห็นที่ 48 สงสารน้องจังเลย ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้วคะ เราว่าต่อไปครอบครัวน้องคงจะมาขอบคุณลูกคุณแน่เลยที่ช่วยทำให้เรื่องจบลงแบบนี้ จากคุณ : kiss*sa น่ารัก เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 14:15:05

ความคิดเห็นที่ 49 คุณแม่เลี้ยงลูกได้ดีมาก ขอให้กุศลที่ช่วยเพื่อนทำให้คุณลูกมีชีวิตที่สดใสดีงามนะคะ จากคุณ : i-tim เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 14:23:36

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามาอีกที ขึ้นโหวตแล้ว ดีใจนะคะ ที่มีคนสนใจและเข้าใจเรา จขกท.จะโดนต่อว่า เรื่องการเลี้ยงลูก มาตลอด คนรอบข้างมักจะบอกว่า เลี้ยงอย่างนี้ ลูกจะเสียคน  ระวังจะเหมือนแม่ (ท้องตอนเรียน) เราพยายามจะบอกว่า คุณจะเลี้ยงยังไงก็ได้ แต่ขอให้ลูกกับเราเข้าใจซึ่งกันและกัน  ยามลูกมีปัญหา พ่อแม่ขอเป็นคนแรกที่รับรู้ ไม่ใช่เพื่อน อย่างเด็กสมัยนี้กำลังเป็น เราไม่ใช่คนเก่ง แต่เราเลี้ยงลูก จากประสบการณ์ ของเราเอง เราจะนึกอยู่เสมอว่า ถ้าเราเป้นลูกเราในตอนนี้ จะรู้สึกยังไง บางครั้งลูกเล่าเรื่อง ในความรู้สึกเราคิดว่า อะไรหนักหนาวะ  ไร้สาระจังวะ แต่เราไม่เคยแสดงออก ให้ลูกรู้ เพราะเค้าคือเด็ก เค้าอยากเล่าก็เล่า เค้าไม่คิดหรอกว่า เล่าไป แม่จะรู้สึกเหมือนกับเค้า เราไม่รู้อะไรคือตึง อะไรคือหย่อน  เรารู้แต่ว่า เรารักลูก เชื่อใจลูก เอาลูกเป็นที่ตั้ง อย่าเอาความคิด  วางไว้กับความรู้สึก หรือความคิดเห็นของคนอื่น  แต่มันไม่ใช่การปิดหูปิดตาตัวเองนะ  เพื่อนลูกบางคนมาคุยกับเรา บอกว่า แม่ชอบเชื่อคนข้างบ้าน เวลาเค้ามาบอกอะไรเชื่อหมด  ไม่เคยฟังลูก พอลูกพูดก็หาว่าลูกโกหก  เป็นอย่างนี้ ต่อไป คุณก็จะไม่ได้ความจริงจากลูกเลย เพื่อนลูกอีกคนก็บอกว่า เวลาเค้าเล่าอะไรให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จะพูดว่า ไร้สาระ เอาเวลาไปคิดเรื่องเรียนเถอะ  บ่อยครั้งเข้า ก็กลายเป็นว่า ไม่อยากบอก ไม่อยากพูดด้วย ฟังเค้าซักนิดเถอะค่ะ  ก่อนที่คุณจะไม่ได้ยินคำพูดอะไรจากลูกเลย จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 14:50:05

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาอ่านคะ ชอบนะคะ... จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 15:35:41

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องจบในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอนค่ะ   เราว่าเราเข้าใจพ่อน้องผู้หญิงนะ มันยากจริงๆที่จะทำใจปุ๊บปั๊บกับความเปลี่ยนแปลง ความเสียใจที่ถาโถมมาอย่างไม่ทันตั้งตัว บางคนรับได้ เข้าใจโลกเข้าใจและยอมรับมัน แต่บางคนมันยากจริงๆ แม้จะรู้นี่แหละว่าสิ่งที่ทำมันผิด แต่ใจมันก็ยังไม่ยอมอยู่ดี ของแบบนี้ต้องให้เวลา จขกท เลี้ยงลูกเก่งมากค่ะ  เราเชื่อเรื่องการคุยการถามลูกคุยให้ลูกสบายใจ คุยให้ลูกผ่อนคลายนะ   เราก็ใช้วิธิคุยกับลูกเหมือนกันค่ะ  จนตอนนี้ลูกสาวจะมีอะไรก็มาเล่า เอาเรื่องที่โรงเรียนมาเล่าโดยเราไม่ต้องถาม ไม่ต้องจี้ เขาติดเป็นนิสัยไปแล้ว แม้ตอนนี้จะแค่อนุบาลก็เถอะ ^_^ จากคุณ : มะปรางข้างรั้ว เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 15:47:31

ความคิดเห็นที่ 53 เรามีหลานสาวตัวน้อยคนหนึ่ง วัย 5ขวบครึ่ง คิดมากมายว่าจะเลี้ยงเค้ายังไง(แม่เค้า และยายเค้าให้สิทธิเราเต็มที่) เราคิดๆแล้วเรา จะเลี้ยงคล้ายๆแนว จขกท เราจะเลี้ยงเค้าให้เค้าไว้ใจเราที่สุด ให้เค้ารู้สึกว่าไม่มีปัญหาไหนที่ใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับได้ แนวๆว่าให้เค้าพูดกับเราได้ทุกเรื่อง เรื่องเรียน เค้าเรียนดีค่ะ แต่เราจะไม่ให้เค้าเครียดมากกับการที่เค้าต้องสอบได้ที่1ตลอด(ตอนนี้เค้าได้ที่1) เราต้องการแค่ให้เค้ามีความสุขที่เค้าได้ไปเรียน ไม่ใช่เครียดทุกครั้งที่ต้องเรียน แต่ก็ไม่ปล่อยนะคะ เราจะบอกเค้าเสมอว่า เค้าเก่งแบบนี้น่ารักแค่ไหน^^ ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง เราคงต้องเป็นป้าที่รับได้ทุกสถานการณ์ ตอนนี้ได้แค่พยายามปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้เค้าได้จำ ให้อยากทำตาม แค่อยากจะบอกว่าชื่นชม จขกท กับลูกสาวค่ะ^^ จากคุณ : hyejin เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:06:53

ความคิดเห็นที่ 54 ยิ่งปิด ยิ่งห้าม ยิ่งอยากรู้ ยิ่งอยากลอง จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:08:00

ความคิดเห็นที่ 55 เจ้าของกระทู้ ท้องตอนเรียนตอนปีไหนหรืออายุเท่าไรเอย (ขอโทษที่ถาม) ผมก็อารมเดียวกับเจ้าของกระทู้เลยแฟนท้องตอนผมอายุ 21 ได้ เรียน ปี 3 เดือยจะจบละอีก 1 เทอม อิอิ ตอนแรกๆฝ่ายผู้หญิงก็ทำตัวไม่ถูก จะให้เอาออก บ่นโน้นบ่นนี้อยู่นั้นละครับ  แต่ฝ่ายผมไม่ปฏิเสธอะไรเลยนะครับ ผมพูดกะแฟนเสมอ ถ้าแฟน(พ่อแม่แฟน)ไม่เอา เอามาให้ผมหลังจากนั้นก็แล้วแต่ แต่ขอลูกใว้ เออแต่แฟนผมรักลูกมากๆ แต่พ่อแม่เขาตอนแรกรับไม่ได้อะไรประมาณนี้ แต่ผมกับแฟนก็ได้แต่งงานกันนะ ทุกวันนี้พ่อแม่ยายพี่น้องฝ่ายหญิงตื่นเต้นกว่าผมอีก ได้หลานชายคนแรกของบ้าน เหอกันใหญ่ จะตั้งชื่อโน้นชื่อนี้กันใหญ่ คือไงอะ เรื่องแบบนิตอนแรกก็ไม่มีใครรับกันได้หรอก แต่ลองเปิดใจกันดีกว่า ท้องก็ไปเรียนได้ ท้องก็เรียนจบได้นิ ตอนี้ผมก็ต้องไปเรียนเก็บอีก 7 วิชา ส่วนแม่ผมเรียนจบพอดีเลย อะไรมันจะโชคดีขนาดนั้น 555 ตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้น เห็นหมอบอกออกเดือนสิงหา ลุ้นให้ออกวันแม่เลย 12 สิงหา อิอิ จากคุณ : Honza_Like a ku เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:29:23

ความคิดเห็นที่ 56 พี่คะ ลูกพี่แมนมากกกกกกกกก .... คนเราผิดพลาดกันได้ แต่เราจะแก้ไขความผิดพลาดนั้นอย่างไรต่างหาก น้องเจ้าของเรื่องยังดีกว่าอีกหลายคนที่ไม่สามารถหาทางออกในปัญหาของตัวเองได้ จากคุณ : ตัวเล็กฟันเหล็กรักเด็กใส่แว่น เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:42:01

ความคิดเห็นที่ 57 ยังไม่ได้อ่าน แต่จะบอกว่า คิดถึงล็อคอินนี้ค่ะ เอิ้กๆๆ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 17:18:08

ความคิดเห็นที่ 58 คุณแม่กับคุณลูกเป็นสุดยอดเพื่อนอ่ะค่ะ "ใจ"มากๆ จากคุณ : หมูอ้วนกับคุณลุงปลาทอง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 17:45:39

ความคิดเห็นที่ 59 ดีจังค่ะที่ปัญหามันแก้ได้ อันที่จริงในมุมมองของคนโสดอย่างเรา  มองว่าที่พ่อแม่โกรธด่าน่ะ  เพราะมีอัตตา  มีสังคม  ห่วงลูกรักลูกน่ะ มีแน่ๆ  แต่อารมณ์ที่มันมาก่อนคือ  โกรธ  อายเพื่อนบ้าน  อายญาติ   คือความอาย  ความโกรธมันจะมาก่อนอะค่ะ   ดีนะที่ จขกท เตือนสติเค้าไว้ได้ สุดท้ายความรักลูกของเค้า ก็จะทำให้เค้าให้อภัยได้ แต่ในขณะเดียวกัน  ให้อภัย แต่ก็ต้องสอนเด็กทั้งสองคน ให้รู้จักทำงาน รับผิดชอบชีวิต รับผิดชอบสิ่งที่ได้ทำลงไปด้วย ไม่ใช่ว่าคลอดแล้วเรียนต่อ  ลอยตัว ให้พ่อแม่เลี้ยงเหนื่อย  เด็กทั้งสองคน ต้องมีส่วนร่วมในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปตอนนี้ด้วย ^ ^  มีลูกนี่ยากจริงๆ ค่ะ  นี่แหละทำให้เราตั้งใจว่าจะไม่มี 55555+ จากคุณ : เซียวลี้ปวยตอ มิเคยพลาดเป้า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 18:17:29

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณมากค่ะที่มาแชร์ให้ฟัง จะเก็บไว้สอนลูกสาวตอนโตบ้าง (ตอนนี้เพิ่งขวบหน่อยๆเอง ถึงตอนนั้นไม่รู้โลกจะไปไวขนาดไหนแล้ว) จากคุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 18:30:41

ความคิดเห็นที่ 61 จขกท. เป็นคุณแม่ที่น่ารักมากค่ะ เลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ ลูกก็น่ารักและมีความคิด จขกท. เล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือได้ดีด้วยค่ะ เรื่องนี้คงต้องอาศัยเวลาให้พ่อของฝ่ายหญิงทำใจสักพัก เวลาน่าจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น จากคุณ : tarn_1980 เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 18:33:02

ความคิดเห็นที่ 62 ว้าวว ยาวจัง เดี๋ยวแวะมาอ่านต่อนะคะ ตอนนี้มีลูกสาววัยกำลังจะหัดเดิน  ถ้าลูกโตขึ้นเป็นทอมเป็นดี้ เรายังจะดีใจกว่า เฮ้ออออออ จากคุณ : มิสพรหล้า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 18:48:14

ความคิดเห็นที่ 63 เป็นคุณแม่คุณลูกที่มีความคิดดีมากๆเลยค่ะ ขอชื่นชม^_^ จากคุณ : akimboii เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 19:12:04

ความคิดเห็นที่ 64 ขออนุโมทนา สาธุทั้งคุณแม่ คุณลูกครับ จากคุณ : DBM999 เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 20:20:18

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณ จขกท. นะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ มีประโยชน์มาก เหมาะกับกระทู้แนะนำค่ะ เราขอแชร์เรื่องสั้นๆนิดนึงค่ะ - เพื่อนเราก็ท้องตอนเรียนม.ต้น ค่ะ เขาเก็บเด็กไว้ คลอดและเลี้ยงเอง ดรอปเรียน ฝ่ายชายไม่มีส่วนช่วยใดๆ พออยู่ตัว ก็กลับมาเรียนต่อจนจบ ปัจจุบันเป็นคุณครูสอนเด็กประถม ลูกศิษย์รักและนับถือมาก แค่อยากจะบอกว่า ชีวิตยังไปต่อได้ อย่าคิดอะไรโง่ๆแล้วกัน ^^ ฝากให้กำลังใจน้องผู้หญิงคนนั้นด้วยนะคะ จากคุณ : benjy_bio เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 21:24:17

ความคิดเห็นที่ 66 มาอ่านตอนจบแล้ว ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี ขอให้ลูกของน้องผู้หญิงคนนั้น เกิดมามีสุขภาพที่แข็งแรงค่ะ คุณ จขกท.กับลูกสาวเป็นคนที่ดีมากๆ เลยค่ะ ขอชื่นชมจากใจ จากคุณ : คุณหนูสายรุ้ง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 21:39:35

ความคิดเห็นที่ 67 ชื่มชมเสียงสาธุให้คุณลูกเเละคุณเเม่ที่ดีอย่างนี้ครับ สาธุครับ ดีเเล้วครับ จากคุณ : รักที่คุณมี รักษาไว้ให้ดี (monton UFO) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 21:55:18

ความคิดเห็นที่ 68 แม่น่ารักมากค่ะ :) จากคุณ : kornaka เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 22:28:23

ความคิดเห็นที่ 69 จขกท. สุดยอดจริงๆ ขอชม ชอบในความมีน้ำใจ เป็นห่วงแล้วคอยช่วยเหลือไปถึงเพื่อนลูกด้วย (ทั้งที่บางสถานการณ์มันน่าหวาดเสียวอยู่) แล้วอย่าลืมมาอัพเดทข่าวเพื่อนลูกให้ฟังบ้างนะคะ ถ้าทุกคนมีน้ำใจอย่างคุณจขกท. โลกจะน่าอยู่ขึ้นมาก จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 22:42:00

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องราว ดูน่าจะไปในทิศทางที่ดี   หวังว่าเด็กน้อย 2 คนนี้ จะสร้างครอบครัวด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งค่ะ ปล. แอบจินตนาการ คุณลูกสาว แอบกิ๊กกับน้องผู้หญิงมั้ยนี่ จากคุณ : lingaor เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 23:10:37

ความคิดเห็นที่ 71 อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ การช่วยเหลือของคุณและลูกสาว ทำให้เด็กน้อยตาดำๆคนนึงไม่ต้องตายตั้งแต่อยู่ในท้อง ทำให้พ่อแม่เด็กวัยรุ่นคู่นี้และคนรอบข้างของเขาไม่ต้องทำบาป ถึงแม้อนาคตหลังจากเขาเกิดมาแล้วหนทางจะไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ ก็ได้แต่หวังว่าปู่ย่าตายายพอเห็นหน้าหลานจะใจอ่อนลงนะคะ ยังไงก็ลูกหลานตัวเองนี่เนอะ ขอบคุณจขกทที่มาเล่าให้ฟังนะคะ เรื่องแบบนี้มีเยอะ มองตัวแสบที่บ้านเห็นแล้วก็ปวดหัวจะเลี้ยงลูกลิงยังไงดีเนี่ย เฮ้อ... จากคุณ : k.lover เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 00:16:58

ความคิดเห็นที่ 72 จบสวย จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 00:37:09

ความคิดเห็นที่ 73 น่ารักทั้งคุณแม่และคุณลูกเลยค่ะ จากคุณ : ถึงอ้วนก็รัก เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 08:12:47

ความคิดเห็นที่ 74 จขกท เป็นคนจิตใจดีมากค่ะ เป็นคนฉลาดและเก่ง นำเอาข้อบกพร่องในอดีต คือท้องตั้งแต่เรียน มาปรับใช้กับอนาคต คือปรับใช้กับการเลี้ยงลูก สอนลูก สอนเพื่อนลูก สอนพ่อแม่ของเพื่อนลูก เราว่าคุณเป็นแม่แห่งปีเลยทีเดียว จากคุณ : ต้าถุง เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 09:17:48

ความคิดเห็นที่ 75 เลี้ยงลูกได้เป็นเด็กดีมากๆค่ะ จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 09:24:40

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านแล้ว นึกถึงและมองตัวเอง ด้วยว่าเราเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ของเพื่อนลูกคุณ จขกท. หรือป่าว แล้วเราเลี้ยงลูกแบบ จขกท. หรือป่าว เพื่อที่จะได้มาปรับถ้าเราตึงเกินไปจะได้หย่อน หรือหย่อนไป จะได้ดึงๆ ไว้บ้าง ต้องขอบคุณมากกกกกก ที่นำมาบอกเล่าให้ฟัง เพราะเหมือนเรื่องพวกนี้ไกลตัว แต่จริงๆ แล้วมันใกล้นิดเดียวเอง เสียดายกิฟท์หมดแล้ว ไม่งั้นจะกดให้เลยคะ งั้นขอ ละกันนะ จากคุณ : beebeemom เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 09:36:27

ความคิดเห็นที่ 77 ผมชอบที่ลูกสาวของคุณ จขกท.ทำนะ เป็นคนที่รักเพื่อนและเป็นห่วงเพื่อนอย่างจริงใจดีครับ ส่วน จขกท.ก็เป็นแม่ที่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเป็นไป ทันสมัยมากครับ ผมเองก็มีลูกสาวครับ ลูกคนเดียวด้วยกำลังวัยรุ่นเลยละครับ อยากรู้อยากเห็นอยากทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองทำได้แบบที่วัยรุ่นทั่วไปเค้าเป็นกัน ซึ่งเรื่องบางอย่างผมรับไม่ได้ที่รับไม่ได้ไม่ใช่อะไรนะครับ เพราะความเป็นห่วงและหวงด้วยครับ 555 แหม..ก็ลูกสาวคนเดียวนิ ไม่หวงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่ส่วนใหญ่ลูกผมเค้าจะปรึกษากับแม่เค้าครับ แม่เค้าค่อนข้างจะรับฟังและสนิทกับลูกมาก เล่นกันเหมือนเพื่อนทุกวันนี้ยังนอนด้วยกัน (สามคนพ่อแม่ลูก) มีอะไรเค้าจะปรึกษาแม่ ถ้าเป็นเรื่องที่แม่เค้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ผมซีเรียสก็จะบอกให้ลูกมาคุยกับผม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ขอไปเที่ยวกับเพื่อนแบบไปในกรุงเทพ หรืออย่างวันนี้ก็ขอหยุดเรียนซัมเมอร์เพื่อไปเล่นงานวันไหลที่บางแสน ส่วนมากแล้วถ้าแม่เค้าโอเคผมก็ไม่ค่อยจะขัดคอครับปล่อยให้เค้าเจออะไรบ้างเพิ่มภูมิต้านทางให้กับชีวิตครับ เล่ามาเพื่อแชร์ๆกันครับ อย่าไปกดดันเด็กให้มากนัก เพราะถ้าแม้กระทั่งที่บ้านที่เค้าคิดว่าเป็นที่ที่เค้าพึ่งพิงปรึกษาได้ แต่กลับทำไม่ได้ น่ากลัวมากนะครับ ต้องทำให้เค้าไว้ใจเราครับ ต้องทำให้เค้ารู้ว่าเค้าสามารถคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่องครับ แล้วเราจะไม่สูญเสียลูกครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 11:02:29 จากคุณ : คนขำๆ (คนขำๆ) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:01:42

ความคิดเห็นที่ 78 มาเก็บข้อมูลไว้เป็นแนวทางในการสอนลูกสาว(ในอนาคต)ค่ะ ^^ จากคุณ : fierce_1983 เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:28:23

ความคิดเห็นที่ 79 เลี้ยงลูกไม่ใช่แค่เลี้ยงด้วยฐานะพ่อแม่ลูก แต่ต้องเลี้ยงแบบเพื่อนด้วย ที่มีความไว้ใจ ความเชื่อใจ การให้กำลังใจความเข้าใจกันและกัน ต้องตามยุคสมัยของลูกให้ทัน จะได้คุยกันรู้เรื่อง คอยมาปรึกษาถามไถ่กัน แบบนี้จะดีกว่าให้เค้าคอยอยู่ในกรอบที่มีแต่ระเบียบแบบแผนที่เคร่งครัด เลี้ยงแบบกลางๆไม่เคร่งและไม่หย่อนเกินไป ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่แบบก้าวก่ายชีวิตเค้านะคะ ให้อิสระเค้าในบางเรื่องด้วย จากคุณ : nating เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:33:32

ความคิดเห็นที่ 80 เจอเคสคล้ายๆกับเราเลยคะ ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณืให้ฟังนะคะ จากคุณ : taochiu เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:42:23

ความคิดเห็นที่ 81 คุณจจขกท และลูกสาวน่ารักจังค่ะ ^^ จากคุณ : Fierce cat เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:42:58

ความคิดเห็นที่ 82 หนูเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ มาเรียนไกลพ่อกับแม่นับพันกิโลเลยทีเดียว วันนึง หนูโทรไปบอกแม่ว่า หนู : แม่... หนูท้อง แม่ : (แม่เงียบไปนานมาก สงสัยคงจะช้อคอยู่) หนู : ท้องอืดดดดดดดดดดดดดดด 5555 แม่ : $^%^()_%!@$#%^ หนูไม่มีแฟน ไม่มีเรื่องอะไระพวกนี้ จนพ่อกับแม่ถึงกับบ่นว่า ชาตินี้จะได้ลูกเขยกันเขาไหมเนี่ย... จากคุณ : sharon_vineyard เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:45:02

ความคิดเห็นที่ 83 เข้ามาเพื่อขอบคุณเจ้าของกระทู้ และทุกความเห็น ที่เป็นความคิดดีๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีประโยชน์จริงๆนะ ไว้เป็นกรณีตัวอย่าง ไว้เป็นแนวทาง แนวคิด สำหรับการป้องปราม หรือสำหรับการแก้ปัญหาได้เหมือนกันนะคะ จากคุณ : คำนาง (คำนาง) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 13:01:31

ความคิดเห็นที่ 84 ติดตามทุกทู้เลบยค่ะ ชอบแนวคิดและการเลี้ยงลูกของจขกท ค่ะ เราเล่าให้พ่อเค้าฟังถึงทู้ก่อนที่ น้องโดนหาเรื่องและให้เค้าอ่านทู้นี้บ้าง เพราะเรากลัวว่าเค้าจะเป็นเหมือนพ่อเพื่อนน้องค่ะ แบบเข้มสุดๆน่ะ เห็นตัวอย่างเยอะเลย เด็กที่พ่อแม่ไม่ดูแล หรือดูแลดีเกินไปก็ไม่รู้ นี่หลานสาวพ่อซ่าหริ่มประมาณมอสอง  ท้องใกล้คลอดแล้ว มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มีเพราะไม่เคยใส่ใจลูก ให้เป็นภาระป้าๆ น่าสงสารทั้งเกกำพร้าที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่และลูกที่พ่อแม่ไม่ฟังค่ะ จากคุณ : แม่ยายซ่าหริ่ม เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 13:53:21

ความคิดเห็นที่ 85 ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดีค่ะ จากคุณ : แจง เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:08:08 A:202.12.97.114 X: TicketID:355913

ความคิดเห็นที่ 86 มีหลังไมค์มาถาม สถานะลูกเราค่ะ 5555 ตอนนี้แกเป็นดี้ค่ะ  เมื่อก่อนก็เป็นผู้หญิงบ้าง ทอมบ้าง    เราก็ปวดหัวนะ  แต่ก็ปล่อยๆไป ซุ่มดูลูกตลอดอยู่แล้ว  เราขอแค่ตั้งใจเรียน อย่าให้มีปัญหาเรื่องผู้ชาย  อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน (ยกเว้นแม่) 555 แค่นั้นพอ เมื่อเช้า เพื่อนโทรมาชวนลูกเราไปเป็นเพื่อนเยี่ยมพ่อเค้า ไม่สบายนอนอยู่ที่บ้าน  ตอนเที่ยงกลับมาหน้าเหลือสองนิ้วเลย เล่าให้ฟังว่า  พ่อไปถึง พ่อเค้ายืนอยู่หน้าบ้านพอดี  ไล่ตะเพิดลูกสาวกับแฟน ไม่ให้เข้าไปในบ้าน  เรียกลูกเราไปสั่งฝากว่า  ถ้าไม่เลิกกับผู้ชายก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้าน  เพื่อนลูกกลับไปบ้าน ร้องไห้จนเป็นลมไปเลย  ลูกเราอยู่ดูแลเพิ่งกลับมา ลูกถาม ทำไงดีแม่ เราก็บอกไม่ทำไง ก็ให้ไอผู้ชายมันทำตัวดีๆ ดูแลลูกเมีย ตั้งใจเรียนหนังสือ  ให้พ่อแม่เค้าเห็นคุณค่าในตัวผู้ชาย   ต่อไปมันคงจะดีขึ้นเองแหล่ะลูก  เรื่องอย่างนี้ มันต้องใช้เวลา จะมาให้ จบแบบง่ายๆแบบนี้ไม่ได้หรอก ถ้าเป็นแม่นะ ไม่ต่อยหรอก ถีบหน้าหงายเลย ลูกเราทั้งคน โดนกระทำย่ำยี ถึงจะเกิดจากความยินยอมพร้อมใจกันก็เถอะ   ถ้าไม่ท้องหล่ะ  ก็แอบลักกินขโมยกินกันอยู่อย่างนี้  จนเบื่อแล้วก็ทิ้ง ถึงตอนนั้น ลูกเราจะเจ็บปวดแค่ไหน  ผู้หญิงมีค่าก็ตรงนี้นะลูก แม้จะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต  แต่อย่างน้อยมันก็ไม่มาทำร้ายอนาคตของเราในภายภาคหน้า  ต่อไปเราต้องเจออะไรอีกมากมาย ทั้งดีและไม่ดี บางที อดีตที่เลวร้าย อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้  ซึ่งเราย้อนกลับไปแก้ไขมันไม่ได้เลย  ทำวันนี้ให้ดีที่สุดนะลูก จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:50:41

ความคิดเห็นที่ 87 http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N11807517/N11807517.html มีถามว่า เราเป็นมายังไงถึงสอนลูกได้ดี ก็เลยเอามาแปะให้ค่ะ อ่านขำขำนะคะ แก้ไขค่ะ แปะผิด^^ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 14:59:25 จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:57:52

ความคิดเห็นที่ 88 555 "ถ้าเป็นแม่นะ ไม่ต่อยหรอก ถีบหน้าหงายเลย" อันนี้ถูกใจเพราะอยากทำเหมือนกัน คุณแม่วัยรุ่นจัง ลูกเป็นดี้ เป็นทอมก็รับได้ จากคุณ : shimoho เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:15:36

ความคิดเห็นที่ 89 กระทู้ปล้นกีบจริงๆ   ต้องใ้ช้เวลาจริงๆ แต่ฝ่ายชายจะทำได้มากน้อย ต้องแสดงให้เห็น(แล้วจะทำได้ไม่เนี่ย ผู้ชายยังห่วงบิ๊กไบกับไอโฟนอยู่เลย)  * พ่อเราสอนเมื่อตอนเรา ม.ต้น ตอนนั้นรับฟังแบบงง พ่อพูดมาว่า จำ 3 ข้อนี้ไว้นะ 1. ถ้าท้องก่อนแต่ง หรือท้องไม่มีพ่อ อย่าเอาเด็กออก  2. ถ้าโตขึ้นมีปัญหาชีวิตอย่าฆ่าตัวตาย ให้กลับมาบ้านมีพ่อแม่รออยู่ 3. ถ้าเกิดมีอะไรจะเข้ามาทำร้ายให้ถึงชีวิต ถ้าฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ตายได้ ให้ฆ่าให้ตายก่อนที่จะโดนฆ่า คดีเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน ตอนนั้งฟัง พ่อพูด 1. 2. 3. แบบนี้จริงๆ  เราไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นพ่อกำลังจะสอนอะไร แต่พอโตขึ้นมาก็ถึงบางอ้อทุกข้อ แต่ 3 ข้อนั้นไม่มีถากเข้ามาในชีวิตเลยสักข้อ  จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:21:40

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณทุกท่านที่โหวดกระทู้ ให้เราได้อ่านกระทู้ดีๆ นะคะ ขอบคุณ จขกท ที่เล่าเรื่องดีๆ แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กันคะ จากคุณ : lady_ugly เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:27:41

ความคิดเห็นที่ 91 คุณ shimoho เราก็ปวดหัวเหมือนค่ะ แต่ทำไงได้ อยากลองก็ ให้แกลองเป็นดู พอเป็นดี้ ก็แต่งตัวซะหวานเจี๊ยบ  พอมาเป็นทอม She ก็ไปซอยผมซะสั้นจู๋ แม่มันยังต๊กกะใจเลย ต้องไปฝ่ายปกครองอีกแล้วตู (แต่รอดจ้า พอดีแกเป็นเด็กเรียนทำชื่อเสีย เอ๊ย! ชื่อเสียงให้โรงเรียนมาบ้าง อิอิ) ใช่ค่ะคุณ m4cool ตอนลูกบอก ยังอยากจะกระทืบไอผู้ชายเลย แม่ม..ห่วงบิ๊กไบค์ กะไอโฟน  เฮ้อ ไม่รู้จะจบยังไงเหมือนกันเนี่ย กรรม จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:30:03

ความคิดเห็นที่ 92 เคยได้ยินไหมครับ เลี้ยงได้แต่ตัว ผิดชอบชั่วดียังไงเด็กต้องรู้จักคิดและช่วยคุณพ่อคุณแม่บ้าง เค้าตามดูไม่ได้ 24 ชม นะครับ จากคุณ : trinitybank เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:36:07

ความคิดเห็นที่ 93 อ่านแล้วเข้าใจค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นให้เราเห็นเยอะมากกกก แต่ชอบ จขกท. และลูกสาวมากเลยคะ ดูช่วยเต็มที่มากเลย ชื่นชมมากๆ ส่วนพ่อแม่ ของฝ่ายน้องผู้หญิง เราก็เข้าใจเขานะคะ แต่แบบลูกก็ทำผิดไปแล้วด้วย แต่ดูแล้วเค้าก็เบาๆ ลง ถ้าน้องผู้ชายทำตัวดี ชนะใจพ่อเค้าได้ก็คงเยี่ยมมาก แต่ตอนนี้ยังไงมันก็ก็โกรธอ่ะคะ และก็คงจะให้อภัยได้ยากอยู่ ลูกสาวเค้าทั้งคนอ่ะนะ ส่วนตัวอ่านแล้ว เราก็แอบไม่ปลาบน้องผู้ชายนะ เหมือนความคิดยังเด็กอยู่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย สะดุด ตรงคำว่า ถ้ามีเรื่องอีกพ่อจะขาย บิ๊กไบค์กะไอโฟน เอิ่มมม คือ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีอิบิ๊กไบค์กะไอโฟน นีมรึงงอยู่ไม่ได้ใช่ป่ะ โกรธอ่ะ (ขออภัยถ้าไม่สุภาพ) คือยังไง ฝ่าย ญ ก็เสียหายกว่าฝ่ายชายมากมาย เรื่องนี้เราว่าคนเป็นพ่อแม่ควรจะเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้ลูกๆ ฟังกันนะคะ มีประโยชน์มากๆเลย คือทำยังไงดีให้เด็กๆ เค้ารู้สึกเกรงกลัวต่อความผิดพลาด ให้เห็นถึงผลเสียที่ตามมา ของการชิงสุกก่อนห่าม อ่ะคะ บางทีเด็กสมัยก็คุมยากจริงๆ เทคโนโลยี ลู่ทางการจะเสียคนนี่มีเยอะแยะมากมายกว่าสมัยก่อนมากก คิดแล้วก็กังวลใจ พ่อแม่ต้องตามลูกให้ทันจริงๆค่ะ ปล. น้องสาวเราก็เป็นดี้ค่ะ สมัย ม.ต้นมันก็คบผู้ชายปกติ แต่แม่ก็หวงมากก ห่วงมาก กลัวจะเสียคน กลัวพลาดแล้วท้องแบบเรื่องที่ จขกท.เล่า อยากให้เรียนจบก่อนค่อยมาคิด อะไรแบบนั้น พอขึ้นม.ปลาย น้องเลยมาคบทอมแทน แม่ก็ปวดหัวเครียดอีก อยู่พักใหญ่ๆ ช่วง 2-3 ปีแรก ที่มันคบกันอ่ะแหละค่ะ ก็ได้แต่คิดและทำใจว่า เออ มันไปคบผู้หญิงก็ยังดีกว่าท้องตอนเรียนเอาหลานมาให้เลี้ยง ก่อนวัยอันควร 555+ แล้วพอมันเบื่อมันก็คงเลิกกันไปเอง สรุปจนตอนนี้น้องมันคบกับแฟนที่เป็นทอม มา 9 ปีแล้ว ก็ช่างมันแล้วค่ะ แค่มันเป็นคนดี หาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอแล้ว จากคุณ : +++Sunying+++ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:54:42

ความคิดเห็นที่ 94 อ่านแล้วคิดถึงน้องสาวของเพื่อน ท้องตอนปวช 2 โดน รร. บังคับให้ออกตอนนี้ไปอยู่บ้านผู้ชายแล้วโดนดขกสับ น่าสงสารมาก จนลูกเข้า รร. ถึงได้กลับไปเรียบ กศน. ล่าสุดที่ได้คุยกันเห็นวางแผนจะออกมาอยู่เองกับลูกแล้ว เพราะสังคมบ้านสามี มันแย่มากจริงๆ จะว่าไป รอบๆ ตัว มีเด็กที่ยังไม่ถึง 18 แล้วท้องโดยไม่ตั้งใจ เยอะเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : saengchot เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 17:56:43

ความคิดเห็นที่ 95 เลี้ยงลูกได้น่ารักมาก อ่านแล้วก็ขำลูกสาวจขกท. แสบดี รักเพื่อนมากเลย น่ารักจัง ถ้าใครมีเพื่อนแบบนี้ รักตายเลย กล้าแสดงออก โดนก็หลายช๊อตก็ไม่ทิ้งเพื่อน จากคุณ : checgo (ji-ju) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 18:43:54

ความคิดเห็นที่ 96 สุดยอดค่ะ มีเพื่อนเอากระทู้ไปแชร์ในเฟส เลยได้อ่าน อ่านถึงตรงที่บอกว่าเช็คผ่านเฟสบุ้คแล้วนึกถึงแม่ตัวเองเลย แม่เราชอบทำฟอร์มไม่อยากรู้ แต่ลับหลัง แอบดู เช็คข้อมูลละเอียด 555+ ถ้ามีคนจีบพี่สาว จะไปตะล่อมถามจากน้องสาว ถ้ามีคนจีบน้องสาว จะไปตะล่อมเอาข้อมูลจากพี่สาว (เสร็จแล้วพี่น้องก็มาแชร์กันอีกที ว่าแม่ถามอะไรบ้าง) เราว่าเป็นทอมเป็นดี้ก็ปลอดภัยกว่าผู้ชายนะคะ เดี๋ยวโตขึ้นก็เปลี่ยนเอง เราเรียน​ญ ล้วน ก็เห็นเป็นดี้กันครึ่งโรงเรียน เพราะมันเป็นแฟชั่น ส่วนใหญ่เลิกเป็นกันตอนจบม.ต้น จากคุณ : คานเหล็กกล้าทาแล็กเกอร์ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:55:12

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณ จขกท นะคะ มีประโยชน์มากคะ ถูกใจ คห86 89 มาก ขอเก็บไปสอนลูกนะคะ  อนุโมทนา กับทุกึนที่ไม่ฆ่า สาธุ จากคุณ : แม่ลูกลิงสามตัว (tawejin) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:09:48

ความคิดเห็นที่ 98 ทำไมคนท้องตอนไม่พร้อมช่างเยอะขนาดนี้ ไอ้คนที่อยากมีลูกก็ไม่มีซะที ก่อนอื่น คงต้องสอนลูกให้รู้จักถุงยาง...เฮ้อ จะห้ามก็คงยาก ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าไหม จากคุณ : Rada Nene เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 00:04:38

ความคิดเห็นที่ 99 เป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายนะคะ เชื่อเถอะว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นจริงๆ จริงๆนะ :) เห็นกระทู้แนวนี้บ่อยๆนะ อยากแชร์บ้างเผื่อเป็นประโยชน์สักเล็กน้อยก็ยังดี     ขอออกตัวแรงเลยว่าน้องก็ท้องตั้งแต่เรียนเหมือนกันค่ะ(ขออนุญาตแทนตัวเองว่าน้อง เนื่องจากติดเรียกแทนตัวเองแบบนี้ไปแล่วว ..แล้วก็คิดว่าเป็นน้องในชานเรือนเหมือนกันเพราะอายุใกล้เบญจเพสเองแต่ลูกชาย 3 ขวบละ)แต่สามารถเรียนจบตามหลักสูตรป.ตรี4ปี เกรดเฉลี่ยสวยงาม แล้วก็จบก่อนเพื่อนบางคนซะอีกเพราะมันโดนรีไทร์ ไม่ตั้งใจเรียน ผิดกับเราที่คิดว่า ท้องแล้วไงไม่เห็นแคร์สื่อ วันนี้แม่จะเสียใจยังไงก็เสียใจไปก่อนนะแม่ เวลาผ่านไปคอยดูเถอะแม่จะติดหลานงอมแงม นี่ก็ลูกนั่นก็หลาน ตอนนั้นคิดแบบนี้จริงๆ แม่เสียใจที่ลูกพลาดไป แต่ที่ลูกเคยบอกไว้ว่าจะเอาใบปริญญามาให้แม่ลูกก็ทำได้แม่จะต้องภูมิใจ.. เพราะเวลานั้นน้องไม่อยากแคร์ใครนอกจากลูกในท้องกับคิดจะสร้างอนาคต แฟนดรอปทำงานเก็บเงิน ช่วงนั้นที่บ้านจะสภาพจิตใจยังไงตัวเราเองพยายามทำตัวไม่อยากรับรู้เราสิที่สภาพจิตใจแย่กว่า ..ที่ผ่านมาได้ก็เพราะเวลาจะเป็นเครื่องเยียวยาทุกสิ่ง ตัวน้อยๆนี่แหละที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม สู้ๆนะ หาข้อมูลเกี่ยวกับแม่และเด็ก ก็หามันในบ้านชานเรือนนี่แหละค่ะ เป็นสมาชิกชานเรือนตั้งแต่เริ่มมีน้องเหมือนกัน ทำตัวเองให้มีความสุขนะคะ ...อยากบอกเพื่อนลูกสาวจขกท.ว่าเวลาเท่านั้นค่ะ อดทนรออีกสักหน่อยนะคะ จากคุณ : มี๊ตาลกะข้าวตู (มาธวิมาดา) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 01:34:43

ความคิดเห็นที่ 100 แอบเซ็งพ่อน้องผู้หญิงจังเลย รู้สึกสงสารน้องเค้ามากค่ะ คือ แค่รู้ว่าท้องโดยที่เรียนไม่จบก็คงมึนๆ งงๆ กับชีวิตแล้ว พอตัดสินใจรับสารภาพสิ่งที่ได้รับกลับมามันเหมือนยิ่งซ้ำเติมกันเลยอ่ะ  จริงๆ คงต้องรวบรวมความกล้ามากที่จะบอกด้วย ลองเอาเรื่องนี้ไปถามคุณสามีดู เค้าก็เคืองเหมือนกัน มีแอบจิกว่าทำไมคุณพ่อน้องไม่นึกถึงตอนตัวเองเป็นวัยรุ่นบ้าง ก็คงเคยมีช่วงเวลาที่อยากรู้อยากลอง มีสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไปเหมือนกัน  (แอบดีใจเล็กน้อยที่เค้าคิดแบบนี้) แต่น้องเค้าโชคดีนะคะ ที่มีเพื่อนดีๆ แบบลูกสาว จขกท. และลูกสาว จขกท. ก็โชคดีที่มีแม่ที่เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ^^ จากคุณ : lovenaming เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 09:40:45

ความคิดเห็นที่ 101 อ่านถึงคห.15แล้วทนไม่ไหว ขอเลื่อนมาเม้นท์ก่อนว่า "คุณกับลูกสาวคุณแมนมากกกกกกกกกกก"  จากคุณ : แจ๋ว อู่70 เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:40:49

ความคิดเห็นที่ 102 ยังไงพ่อลูกกันก็ตัดไม่ขาด สักวันนึงพ่อน้องที่ท้องก็คงให้อภัยแหละค่ะ ลูกหลานทั้งคน อ่านดูชีวิตเหมือนละครเลยแหะ ไม่คิดว่าจะมีขึ้นจริง ที่พ่อห่วงหน้าตาชื่อเสียงมากกว่าลูกตัวเอง เฮ้อ!!! ลูกคุณเป็นเพื่อนที่ีดีจริงๆ นี่แหละเพื่อนตายไม่ใช่เพื่อนกินเที่ยวไปวันๆ หายากจริง คุณ จขกท ก็เป็นแม่ที่ดีค่ะ อยู่ข้างลูกตลอด ทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาของลูกคุณเลย เยี่ยมมากค่ะ จากคุณ : ซ่าไม่ซ่าถามย่าดู เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:47:41

ความคิดเห็นที่ 103 อ่านคห.31แล้วซึ้ง น้ำตาคลอเลยค่ะ เชื่อว่า ฝ่ายพ่อน่าจะใจอ่อนลงมากแล้วจริงๆ แต่ยังถือทิฐิอยู่ ไ่ม่รู้สิ ถ้าเห็นแก่ความสุขความสบายใจของลูก น่าจะยอมรับและเปิดใจนะ ไม่ได้สนับสนุนว่าท้องในวัยเรียนแล้วดีนะคะ แต่เมื่อพลาดมาแล้วอ่ะ ก็ต้องรับสิเนอะ เด็กที่เิกิดมาไม่ผิดไรหนิ ไปเอาออกน่าอาย ขายหน้ากว่าอีก จากคุณ : แจ๋ว อู่70 เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 14:00:40

ความคิดเห็นที่ 104 สักวัน ถ้าได้เห็นหน้าหลานตัวเล็กๆๆ อาจอ่อนลงมาได้ เห็นมาหลายคนแล้ว .. ภาวนา ขอให้เด็ก 2 คน ได้ทางออก ที่ดี ที่สุด นะค่ะ .. จากคุณ : pan2551 เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 14:52:43

ความคิดเห็นที่ 105 โห เราเก็บทุกเม็ดเลย การสอนลูกของคุณเราจะก๊อบปี้เลย ยอดอ่ะ จากคุณ : จันทร์เจ้าฉาย เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 15:41:58

ความคิดเห็นที่ 106 คุณและลูกสาวเท่มากเลยค่ะ เป้นคนดีจริงๆ ยินดีที่ได้อ่านมากๆเลยค่ะ คุณสั่งสอนและดุแลได้ดีมากกก น้องลูกสาวก้น่ารักมาก มีความคิดดี รู้จัก)ฏิเสธสิ่งที่ไม่สมควรไม่ดี รักเพื่อนในทางที่ดีมากค่ะ เก่งค่ะ คุณได้ทำความดีที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ รักษาชีวตคน 2 คนไว้ได้ แล้วในอนาคตครอบครัวน้องคนนั้นต้องมาขอบคุณแน่ๆค่ะ เลี้ยงลุกนี่ยากจริงๆนะค่ะ ได้รู้แบบนี้ไม่อยากแต่งงานมีลุกเลย กลัวว่าจะดุแลได้ไม่ดีพอ โลกเรามันมีสิ่งล่อหูล่อตาไปทางไมาดีเยอะเหลือเกิน จากคุณ : ใบข้าวสีเขียว เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 17:25:26

ความคิดเห็นที่ 107 ยอมรับว่าสุดยอดครับ สอนลูกได้ดีมากๆ เป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน ยอมรับและฟังความคิดเห็นของลูก และยังเป็นคนดีมากๆด้วยครับ จากคุณ : Monsterpom (MonsterPom) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 19:27:15

ความคิดเห็นที่ 108 กระทู้ที่ดีมาก ลูกสาวของ จขกท และจขกท แน่มากเลย จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 23:04:27

ความคิดเห็นที่ 109 ขอแจมบ้าง หลังจากอ่านมาจนจบ เรื่องดี้ เรื่องทอม ของเด็กวัยนี้  เป็นเรื่องแฟชั่นจริงๆค่ะ   ตอบในฐานะที่ครั้งหนึ่ง ตัวเองก็เคยเป็นดี้ กับเค้ามาแล้ว  ช่วงเรียนม.ต้น  โรงเรียนหญิงล้วน ซึ่งเป็นวัยช่วงที่อยากลองมีความรักค่ะ  เห็นตัวอย่างเพื่อนในห้อง ต่างห้องมีกัน โดนยุจากเพื่อนๆบ้าง เลยทำให้ใจเอียงๆไปเป็นดี้ สักระยะหนึ่ง  พ่อแม่ พี่น้องเรา ก้ไม่ว่าอะไร ได้แต่ดูๆ เท่านั้น  แต่หลังจากจบแยกย้ายไปต่อมหาลัย ห่างๆกันไป  เริ่มเจอะเจอผู้ชาย ก็กลับมาใจตรงๆเหมือนเดิมค่ะ ^^ ณ ปัจจุบันนี้ เกือบยี่สิบปีผ่านไป (ว้า แก่จัง) เพื่อนทอมทั้งหลายก็มีแต่งงานมีลูกแล้วบ้าง โสดอยู่ก็มีบ้างจ้า ^^ จากคุณ : armsin เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 23:54:23

ความคิดเห็นที่ 110 สุดยอดอะ จากคุณ : น้องจี๊ดจ๊าด.. (จี๊ดจ๊าด-jamp) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 11:24:27

ความคิดเห็นที่ 111 สุดยอดมากค่ะ มาคอนเฟิร์มว่า "ความไว้ใจ" มีผลมาก ๆ ค่ะ เป็นคนนึงที่อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น เจอบ้างที่มีเรื่องผู้ใหญ่ ๆ ซึ่งเรากับน้องสาวอ่านแล้วกลับไม่ชอบ ไม่ได้อยากลองเลยค่ะ มีแฟนแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เตือนบ้าง แต่ไม่ได้ตามจิก บอกตรง ๆ ว่าคำว่า "ชั้นไม่ได้ไว้ใจเค้ามากนักหรอกนะ แต่ชั้นไว้ใจเธอ" ของแม่มันทำให้ไม่อยากไปทำอะไรแบบนั้นเลยจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : ยูหยู่ยู่ยู้หยูว์ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:20:50

ความคิดเห็นที่ 112 กีบหมดขอโหวตแทน กระทู้ดีๆอีกกระทู้นึง จากคุณ : ดีแอน เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:43:13

ความคิดเห็นที่ 113 เห็นด้วยกับ จขกท.นะคะ เรื่องห้ามอ่านนิยายการ์ตูนรักๆ ใคร่ๆ อะไรอย่างงี้น่ะค่ะ เราดูละครแล้วก็แบบว่าอะนะมันก็ละครชวนฝันจริงๆ ถ้าชีวิตจริงไปทำแบบนั้นนี่มันก็จบไม่สวยแน่น่ะ ตอนนี้หลานเรายังเด็กอยู่เวลาเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีก็จะบอกไปเลย เรื่องที่เป็นด้านมืดของสังคมน่ะ บอกว่าไม่ให้เค้าทำตามนะมันตัวอย่างไม่ดี ทำแล้วมันจะมีผลเสียแบบนี้ๆ ดูเอา ไม่อยากให้เค้ามองโลกสวยงามจนเกินไป ตอนนี้ก็ค่อยบอกไปเรื่อยๆ ที่เหลือถ้าโตแล้วก็ไปคิดเอาเองแล้วกัน ถือว่าเราติดอาวุธทางปัญญาให้แล้วนะคะ จากคุณ : แมวบนหลังคา เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 16:53:26

ความคิดเห็นที่ 114 พ่อแม่ฝ่ายชายโอเคเลยค่ะ รับผิดชอบเต็มที่ แล้วก็ลูกสาวคุณก็สุดยอดเลย จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 18:01:37

ความคิดเห็นที่ 115 ได้อ่านเรื่องของคุณ คล้ายๆกับหลานของผม ซึ่งตอนนี้ ผมทำหน้าที่เป็น "พ่อ" ครั้งแรกที่รู้ มันโกรธมาก อยากจะฆ่าให้ตายตกกันไป เพราะผมเชื่อมั่นว่า ผมได้สอนทุกอย่างแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่แคล้ว และสุดท้ายก็เหมือนกับที่ผมได้พูดกับหลานผมไว้ทุกเสต็บ ผม ถึงจะไม่ใช่พ่อ แต่ก็ทำหน้าที่นี้ ขอบอกไว้เลยว่า ความเสียใจ ที่พ่อมีให้ลูกสาว มันไม่น้อยเลย เจ็บขนาดไหน ไม่มีพ่อคนไหนในโลก จะไม่โกรธ เมื่อลูกสาวตัวเอง ที่ประคบประหงม ราวกับ "นางฟ้า" ตัวน้อยๆ ต้องเปื้อน  "มลทิน"  ในช่วงเวลาที่ไม่ควร ทุกวันนี้ ผมมองหลานผม ที่ไม่ใช่คนเดิมเสียแล้ว มันคงไม่ง่ายนะครับที่จะหายโกรธ ถ้าอย่างงั้น มันง่ายไป ไม่ใช่ว่า ลูกทำผิด แค่ขอโทษ แล้วมันจะหาย แม้สักวัน ที่ผมจะหายโกรธ แต่ก็ไม่เหมือนเดิม "ไม่มีวันเหมือนเดิม" จากคุณ : ปีศาจขาว เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 19:43:52

ความคิดเห็นที่ 116 เข้าใจคุณนะคะ คุณปีศาจขาว  มันเจ็บปวดมากถ้าได้เจอแบบนี้  เราถึงได้ตั้งหัวกระทู้ว่า พ่อแม่น้ำตาตกใน แม่ผู้หญิงโทรมาคุยกับเรา บอกว่าพ่อเครียด และเงียบมาก  เค้าทำใจยอมรับไม่ได้เลย ที่ลูกเป็นอย่างนี้  คงเป็นความรู้สึกเดียวกับคุณ ปีศาจขาว  "ใจเค้า ใจเรานะคะ " สำหรับเราคิดว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ต้องยอมรับและ ประคองต่อไปให้ดีที่สุด  แต่ในใจเราก็คงเจ็บปวดเหมือนๆกัน  เพียงแต่เราต้องสลัดความรู้สึกแบบนี้ออกไปให้ได้  เพราะมันเป็นเหมือนหนามจะคอยทิ่มแทงใจเราอยู่ตลอดเวลา หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งค่ะ ต้องอยู่กับปัญหาให้ได้ "พูดง่าย แต่ก็ทำไม่ยากนะคะ " เราบอกแม่ไปว่า เราก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจของพ่อเค้าล้วนๆ จะทุกข์จะสุขอยู่ที่ใจของเราเอง  เค้าก็อายุมากกว่า อย่าให้ถึงกับใช้คำว่าสอนกันเลยนะ   ลูกของเราเองก็มีหลายเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ แต่เราผ่านมาได้เพราะเราพยามยามอย่าคิดว่ามันเป็นทุกข์ เกิดปัญหาตรงไหน แก้ตรงนั้น  บอกแล้วชิวิตคนเราไม่แน่นอน วันนี้อยู่แต่พรุ่งนี้ไม่รู้  ต้องใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด เราเคยเพิกเฉยในบางเรื่อง  แล้วเราก็มักจะมาคิดทีหลังว่า ทำไมตอนนั้นไม่ทำ ไม่ช่วย ไม่พูด  พอผ่านไปแล้ว มันก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แล้วมาโมโหตัวเองทุกที ก็เลยคิดว่าต่อไป ถ้าเจออะไร ที่เราพอช่วยได้โดยไม่ไปละเมิดสิทธิส่วนตัวของใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน  เราก็จะช่วย เท่าที่เราจะช่วยได้  เราไม่อยากให้เค้ามาเสียใจทีหลัง เหมือนกับที่เราเคยเจอ จากคุณ : ไม่อยากอยู่เฉยเฉย เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 21:01:14

ความคิดเห็นที่ 117 3 คำสั้นๆ "ซุปเปอร์มัม" >>>> Super Mom <<<< สุดยอดคุณแม่     จากคุณ : Pinkwinter เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 22:31:52