**ผ่านมา17ปี แม่เราบิดเบือนความจริงเรื่องน้องลูกครึ่งที่รับมาเลี้ยง**
|
|
เราจะพาย้อนเวลากลับไปเมื่อ 17 ปีก่อนนะ แม่เราทำธุรกิจร้านอาหาร&บาร์อยู่ที่หัวหิน
วันนั้นผู้คนเค้าบอกกันว่าผู้หญิง(แม่เรารู้จักกับเธอ) ที่ท้องกับฝรั่ง เธอคลอดแล้วนะ เด็กอยู่ที่ รพ.หัวหิน ที่สำคัญ... ผู้หญิงแม่ของน้องแสดงออกเลยว่าไม่อยากเลี้ยง เพราะแฟนฝรั่งของเธอได้กลับไปเมืิองนอกแล้ว
พอแม่เราได้ยิน ก็รีบไปดูหน้าน้องที่รพ. แม่เรารู้สึกรักและเอ็นดูทันที ก็เลยบอกกับผู้หญิงไปว่าขอรับเลี้ยงเป็นแม่ได้ไหม
ผู้หญิงแม่ของน้องก็ยกให้แม่เราทันที โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้ใดๆสักนิด ไงดีอ่ะ -เรียกว่ายกให้ง่ายๆเลยล่ะ- แม่เราจึงขอให้ผู้ชายที่รู้จักกัน(เป็นเพื่อนบ้าน)มาเซ็นรับเป็นพ่อ โดยที่แม่เราเซ็นรับเป็นแม่(ประมาณว่าแม่เราเป็นคนคลอดน้องเอง) และน้องก็ใช้นามสกุลแม่เรา
ที่่ต้องให้เพื่อนบ้านมาเซ็นรับเป็นพ่อก็เพราะว่า แม่เราหย่ากับพ่อเราตั้งแต่เรา5ขวบแล้ว อีกอย่างตอนนั้นแม่เรากำลังคบหาดูใจอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งเค้าเป็นตำรวจท่องเที่ยว ยศ ร.ต.อ. มีหน้ามีตาอยู่ที่หัวหินและชะอำ แม่เราก็เลยไม่อยากไปรบกวนให้เขามาเซ็นเป็นพ่อให้
อยู่รพ.แค่สามวัน แม่เราก็พาน้องกลับมาเลี้ยงที่บ้าน แม่เรารักน้องมาก เราเองก็รักน้องมาก เพราะน้องหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู เลี้ยงง่าย ไม่ขี้แย ไม่งอแงเลย
ส่วนแฟนแม่ (เราขออนุญาตเรียกว่าลุงผู้กองนะ) พอแกเห็นน้องก็รักและเอ็นดูน้องมากๆเช่นกัน แถมแกยังแอบโกรธแม่เราด้วยว่าทำไมวันนั้นไม่บอกให้เขาไปเซ็นรับเป็นพ่อ...
เราขอเรียกน้องว่าเจนนิเฟอร์นะ น้องเป็นเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรง เวลาเราป้อนข้าวน้อง พาอุ้มเดินเล่น ก็มีแต่คนแซวว่า เราเหมือนคนใช้มากกว่าง่ะ...แต่เราก็ไม่มีเวลาได้เลี้ยงน้องเต็มที่หรอกนะ เพราะเราต้องไปอยู่บ้านปู่กับย่าที่กทม.เนื่องจากต้องไปเรียนหนังสือ ทำให้ได้เจอหน้าน้องแค่วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ที่ได้กลับมาบ้านแม่
แต่แล้ววันหนึ่งเรากลับมา ก็ไม่เจอน้องเจนนิเฟอร์ แม่บอกว่า ฝากน้องไปอยู่บ้านคนรับเลี้ยงเด็ก พอแม่เราว่างๆก็จะไปรับกลับ
เพราะแม่กำลังขยายบาร์-ร้านอาหารฝรั่ง เลยทำให้ไม่มีเวลาดูแลน้อง และลุงผู้กองเองก็ต้องย้ายไปอยู่ เกาะพีพี ห่างแม่เราออกไปอีก
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งน้องต้องเขาอนุบาล คนที่รับเลี้ยงก็ดูมีทีท่าแปลกๆเหมือนว่าอยากจะรับน้องเจนนิเฟอร์เป็นลูกเพราะเห็นบอกว่าจะให้น้องไปเรียนที่นั่น.. ที่นี่.. ให้อยู่กับแกตลอด บอกกับแม่เราว่าไม่ต้องจ้างเลี้ยงก็ได้ เขาเต็มใจเลี้ยงให้ ซะงั้น...
แม่เราก็เลยปรึกษากับน้าชาย (น้องแท้ๆของแม่เรา) ว่าไม่มีเวลาดูแลน้องเจนนิเฟอร์เลย น้าชายก็เลยรับอาสารับน้องเจนนิเฟอร์เป็นลูำกบุญธรรมและให้ไปอยู่ด้วยกันตอนเข้าอนุบาล
น้าชายเราเป็นทหาร น้าสะใภ้ทำงานเป็น จนท.สาธารณสุข ทั้งคู่ เป็ีนคนใจเย็น ใจดี แต่ว่าเขามีลูกด้วยกันแล้วสองคน และลูกของน้าเรา ก็รักน้องเจนนิเฟอร์มากๆด้วยเหมือนกัน
ว่าไป น้องเจนนิเฟอร์เป็นเด็กที่โชคดีมาก ถ้าแม่เราไม่รับมา ไม่รุ้ว่าป่านนี้จะเป็นไงมั่ง
เราเองก็เรียนหนังสือ นานๆจะได้เจอกับน้องเจนนิเฟอร์สักครั้ง ตั้งแต่ไปอยู่กับน้าชายและน้าสะใภ้
เมื่อตอนที่แม่เราเลี้ยง น้องเจนนิเฟอร์ก็จะเรียกแม่เราว่า หม่ามี๊ พอไปอยู่กับน้าชาย และน้าสะใภ้ ก็จะเรียกว่าท่านทั้งสองว่า พ่อกับแม่ และเมื่อมาเจอแม่เราอีกครั้ง น้าชายก็ให้เรียกแม่เราว่าป้า...
ที่เราเล่ามาทั้งหมด มันคือ เหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว
ณ ปัจจุบัน นี้ น้องเราโต เป็นสาววัยรุ่น เรียนอยู่ชั้น มัธยมปลาย อายุ 17 ย่าง 18 เธอรู้เรื่องรู้ราว และสงสัยตัวเองมาตลอดว่า ...
ทำไม พ่อกับแม่ ผิวสีแบบคนเอเซียปกติ คือไม่ขาวจั๊วะแบบเธอ พี่น้องหน้าตาก็ไม่เห็นเหมือนเธอ
แล้วสีผมอีกล่ะ-เธอโดนคุณครูฝ่ายปกครองดุ เพราะเข้าใจว่าเธอไปแอบย้อมผมเป็นสีน้ำตาล
เธอไปไหน ใครก็เรียกเธอว่า ฝรั่ง สุดท้ายเธอถามความจริงกับน้าสะใภ้
น้าสะใภ้ตอบว่าเธอเป็นลูกของเขาแน่นอน 100 % แต่เธอก็ไม่เชื่อนะ เพราะน้อง เคยหลุดกับเราว่าพ่อแม่เธอน่าจะเป็นฝรั่งมากกว่าคนไทย
และน้องก็แอบเก็บความสงสัยไว้ว่า แล้วทำไมรูปตอนแรกเกิดของเธอจึงมักจะมี แต่แม่เราอุ้ม,แม่เราอาบน้ำ ,มีลุงผู้กอง ...
เรื่องนี้เราเคยคิดมาเสมอว่า สักวันน้องเจนนิเฟอร์ต้องมาถามแม่เราแน่นอนว่าเธอเป็นใคร
แล้ววันนั้นก็มาถึง คือ เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมานี่เอง
แม่เราตัดสินใจเล่าให้น้องฟัง แต่เล่าแบบ บิดเบือนว่า แม่เราเป็นแม่แท้ๆของน้อง และพ่อน้องก็เป็นฝรั่งจริงๆชื่อ ปีเตอร์ แต่ตายไปแล้ว(ขอเล่าเพิ่มนะคะ หลังจากที่แม่เลิกกับพ่อของเรา แม่เราแต่งงานใหม่คะ แต่งงานที่ต่างประเทศกับฝรั่งชื่อปีเตอร์จริงแต่ปัจจุบันยังไม่ตายนะคะ /ที่เลิกกันเพราะปีเตอร์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ แม่เราทนไม่ไหว จากนั้นแม่เราก็เป็นโสด จนได้มาเจอกับลุงผู้กองนี่แหละค่ะ)
นี่แหละัค่ะ ประ้เด็น ว่าแม่เราบิดเบือนความจริงกับน้อง และเราก็ไม่เห็นด้วยเลยค่ะ นี่เรายังไม่ได้คุยกับน้องนะคะ
รู้แค่ว่าน้องร้องไห้ ... แม่เราก็บอกน้องว่าให้รักพ่อกับแม่มากๆ(น้าชายกับน้าสะใภ้) แต่เราเองที่ไม่สบายใจ เพราะแม่เราก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของน้อง ปีเตอร์ก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆของน้อง (ซึ่งแน่นอนอาจจะมีคนหวังดีประสงค์ร้ายเล่าให้น้องฟัง)ฉะนั้น ถ้าน้องรู้ความจริงแบบนี้อีก เราว่าน้องจะต้องแย่กันไปใหญ่แน่เลยค่ะ
แม่ๆท่านใดมีความเห็นหรือมีประสบการณ์คล้ายๆกันแบบนี้ สามารถแนะนำกันมาได้เลยนะคะ ขอขอบคุณมากๆค่ะ
เราเป็นห่วงความรู้สึกของน้องมาก เพราะตั้งแต่น้องเจนนิเฟอร์เริ่มโตรู้เรื่อง เราเห็นว่าน้องนิสัยแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆคือ ดื้อเงียบมาก ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า เป็นคนเฉยๆ ฉลาดลึกมากเลยค่ะ นี่ล่ะที่เรากังวล
จากคุณ |
:
ตู้เก็บหนังสือ
|
เขียนเมื่อ |
:
27 เม.ย. 55 23:07:33
|
|
|
|