อ่านแล้วชอบคห.นี้มาก ประทับใจมากๆเลยครับ
ความคิดเห็นที่ 29
ที่จำได้แม่นและประทับใจจนถึงวันนี้ ตั้งใจว่าจะต้องสอนลูกแบบนี้มั่ง
คือวันนั้นไปดูอเมริกันฟุตบอลค่ะ แข่งกับอีกมหาวิทยาลัยนึง
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยคู่แข่งไม้เบื่อไม้เมาเป็นสงครามระหว่างรัฐก็ว่าได้
(เค้าเรียกอย่างงั้นจริงๆนะ แข่งกันทีไรทำข่าวเรียกว่า border war)
สรุปว่าวันนั้นทีมเราแพ้ ก็เดินหงอยๆกันออกมาจากสนามหน้าเหี่ยวกันหมด
มีตาหนูคนนึงอายุไม่น่าจะเกิน 5-6 ขวบ เศร้าจัด เดินร้องไห้ผิดหวังสุดๆ
คนพ่อก็จับมือลูกแล้วก็บอกว่าเห็นมั้ยลูก อีกทีมเค้าตั้งใจกว่าเรา เค้่าฮึดสู้กว่าเรา
เราแพ้คราวนี้ไม่เป็นไร คราวหน้าถ้าเราใจสู้เหมือนเค้าเราต้องชนะแน่ๆ
เด็กผู้ชายก็เช็ดน้ำตาป้อยๆพยักหน้าบอกพ่อว่า it's just a game
คือเราประทับใจมากเลยล่ะค่ะ
ที่พ่อเค้าใช้โอกาสสอนให้ลูกเค้ารู้จักน้ำใจนักกีฬารู้จักแพ้รู้จักชนะ
แล้วในขณะเดียวกันก็สอนให้ลูกชายเป็นคนใจสู้ มีความพยายามไปด้วย
เราชอบวัฒนธรรมแบบนี้นะ ที่พ่อแม่พาลูกจูงหลานมาดูกีฬากันทุกอาทิตย์
ครอบครัวก็ได้ใช้เวลาร่วมกันในวันหยุด และมีโอกาสสอนลูกไปในตัวด้วย
จากคุณ : NAJ
ผมเจอห้องศุภชลาศัยของเรา มักมีคนชอบบ่นว่ากรรมการลำเอียงบ้างละ
ทีมตรงข้ามเล่นโกงบ้างละ แฟนๆในสนามรบกวนสมาธิบ้างละ
ไม่เห็นมีใครบอกแบบคุรพ่อของตาหนูเลยว่า "เพราะเขาตั้งใจมากกว่าเรา ฮึดสู้มากกว่าเรา เขาถึงชนะ เราจึงต้องพยายามต่อไปนะ"
อย่างไรก็ตาม แม้ที่บ้านผม พ่อแม่จะเลี้ยงแบบฝรั่งมาตั้งแต่เด็ก ทั้งๆที่พ่อแม่เป็นคนการศึกษาน้อย(จบมัธยมต้นกับมัธยมปลาย)
จนผมรู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่มากๆ แต่ผมชอบการเลี้ยงดูแบบญี่ปุ่นมากกว่าฝรั่งครับ
เด็กๆของเขาสุภาพ น่ารัก มีวินัย อ่อนโยนแบบตะวันออก แต่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ดีมาก