ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ คห.1 แร๊งส์ จากคุณ : โมลลาโย เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 10:42:51

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าถ่อยได้ไหมคะ ! จากคุณ : mama_Tourpool เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 12:32:37

ความคิดเห็นที่ 4 คห.ที่ 1 เป็นไรมากมั้ย? จากคุณ : tuntang เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 12:59:15

ความคิดเห็นที่ 5 คห. 1 จากคุณ : minkexotic เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 12:59:18

ความคิดเห็นที่ 6 คห.1 สิ่งที่คุณพิมพ์ออกมา มันส่อให้เห็นเลยค่ะว่า san...... คุณเป็นยังไง ไปที่อื่นเถอะค่ะ ห้องนี้มีแต่สิ่งจรรโลงใจ และสิ่งดีๆที่แม่ๆพ่อๆเค้ามอบให้กันค่ะ ขอบคุณ จขกท.มากๆนะคะ จากคุณ : แม่น้องลูคัสโซ่ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:11:08

ความคิดเห็นที่ 7 ทุรศคคห.ที่ 1 มากอ่ะ จากคุณ : ระรินดา เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:17:50

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนแรกเลื่อนลงมากะว่า จขกท. อาจมีเนื้อหาเพิ่มเติม ดันเจอ คห. 1 .............เล่นเอาอึ่งไป อ่านหัวข้อป่ะค่ะ เขาบอกเอาไว้สอนลูกค่ะ ไม่ได้โลกสวย แต่เกรียนๆกากๆ เนี่ยแรงนะจ๊ะ ไปห้องอื่นเถอะค่ะ..... คุณไม่เบื่อก็เรื่องของคุณใช้ถ้อยคำได้ส่อถึงสัน...มากๆ ทำเอาคนที่เขาจะมาแชร์ มาอ่านเรื่องดีๆต้องสะดุด  ถ้าโตพอที่จะเปิดคอม เข้าเน็ต สมัครบัตรผ่าน โพสข้อความ ก็น่าจะเอาสมองตรองซักนิดก่อนจะโพสอะไร ใช้ว่าจะโพสเอามันส์ คนอื่นเขาอ่านเรื่องดีๆกัน แล้วมาเจอถ้อยคำถ่...ยๆ แล้วมันเสียอารมณ์รู้ป่ะ หรือว่าโรคจิตหว่า โพสเพื่อให้คนด่า แล้วมีความสุข นับ1-10 ก่อน  เฮ้อ คนเรา.........ถึงว่าสมัยนี้สังคมมีแต่แย่ลงๆ เพราะมีคนประเภทนายอยู่เยอะนี่เอง จากคุณ : Pim_siMi เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:18:39

ความคิดเห็นที่ 9 ใจเย็นๆค่ะแม่ๆ เดี๋ยวก็เปิดเทอมแล้วนะ ใจเย็นๆ เดี๋ยวเกรียนก็ไปแล้ว จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:39:14

ความคิดเห็นที่ 10 เค้าคือใครอ่ะ ใครสืบที จากคุณ : tanlan เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:45:32

ความคิดเห็นที่ 11 ขำ คห 1 เกรียนได้อีก มองเป็นเรื่องขำๆแล้วกันนะคะ จะได้ไม่เครียดกัน จากคุณ : BiglittleBird เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 14:20:53

ความคิดเห็นที่ 12 มาไม่ทันคห 1 เกิดอะไรขึ้น จากคุณ : ai_chun เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 15:30:34

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ทันอ่ะ จากคุณ : น้องกรณ์ขอบอก เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 15:48:52

ความคิดเห็นที่ 14 คห 1 นี่เค้าเกรียนทุกกระทู้ค่ะ แถมถนัดแต่พิมหยาบๆด้วยนะ เปิดเทอมแล้วแต่มีเวลาเกรียน สงสัยคงไม่ได้เรียนอ่ะค่ะ เผลอๆเด็กแว๊นหนีเมียมาเล่นเกมเล่นเนตอ่ะแหละ จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 16:51:51

ความคิดเห็นที่ 15 ใครที่สงสัยว่า คห 1 พิมอ่ะไร พี่แกพิมประมาณว่า '' ผมก็เอาอยู่ หลายๆครั้งด้วยไม่เห็นจะเบื่อเลย '' ประมาณนี้แหละค่ะ เพิ่มข้อความ บัครผ่าน TicketID:329545 นะคะ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 55 16:56:39 จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 16:52:44

ความคิดเห็นที่ 16 มาไม่ทัน คห.1 แต่ถ้าโดนแม่ๆ ดุซะขนาดนี้ก็คงแรงใช้ได้อ่ะ จากคุณ : far_sexy1 เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 17:02:13

ความคิดเห็นที่ 17 แจ้งลบเลยค่ะ ช่วยๆกันแจ้งไปหลายๆคน เดี๋ยวทีมงานเห็นจะได้ลบซะ ไม่เสียลูกกะตาอ่าน เราแจ้งไปล่ะคนหนึ่ง อ่านแล้ว อารมณ์เสีย ปล. อันนี้เป็นคำสอนของเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งของห้องชานเรือนของเรานี่ล่ะ ที่เค้าเอาไว้สอนลูกสาวเค้า เราชอบมาก กะว่าลูกโตขึ้นจะเอาไว้เล่าให้ลูกสาวฟังเหมือนกัน .....คุณทาสเทวี ถ้าเราจำไม่ผิดนะค่ะ จากคุณ : love me do เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 17:04:19

ความคิดเห็นที่ 18 นิทานเรื่องนี้ดีมากๆๆๆเลยค่ะ มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน อยากกดไลค์ให้ร้อยครั้งค่ะ จากคุณ : ผักบุ้งฮาเฮ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 17:04:47

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มี แบบ สอนให้ผู้ชาย รักนวลสงวนตัว อย่าเสียตัวก่อนแต่งงานแบบนี้บ้างเหรอครับ ? >_<' เหมือนเน้นกันแต่สอน ลูกผู้หญิง อยากเน้นให้สอนลูกผู้ชาย มากๆด้วย คงต้องรู้จักสอนลูกชายให้รู้สำนึกว่า ถ้าเค้าไปทำอะไรกับผู้หญิง 1 คน จะมีคนสูญเสียถึงกี่คนตามมา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของ ญ คนนั้น หรือแม้แต่ตัวของเค้าเอง สักวันถ้าเขาโตขึ้น ต้องแต่งงานมีครอบครัว มีลูก จะสามารถพูดหรือสอนลูกเค้าได้อย่างภาคภูมิไม๊ว่า ชีวิตของพ่อนั้น ผ่านอะไรมาบ้าง หรือ พอมีลูกสาว ก็หวงแบบ ไม่เป็นเหตุเป็นผล เพราะตัวเองไปทำ ผู้หญิงคนอื่นไว้เยอะ พ่อๆแม่ๆคนไหน มีคำสอนดีๆ สำหรับ ลูกชาย ในเรื่องแบบนี้บ้างครับ แนะนำกันด้วยครับ จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 19:19:02

ความคิดเห็นที่ 20 แต่เราได้ยินอีกเรื่องค่ะ เป็นเรื่อง "แบงค์ 100" วันหนึ่งในชั่วโมงเรียนยามบ่าย คุณครูท่านหนึ่งหยิบแบงค์ร้อยขึ้นมาชู แล้วถามเด็กทั้งชั้นว่า "ใครอยากได้แบงค์ใบนี้บ้าง" นักเรียนยกมือพรึ่บทั้งห้อง ครูเห็นอย่างนั้นเลยขยำแบงค์ซะยับยู่ยี่ แล้วชูขึ้นถามอีกครั้ง "ใครยังอยากได้แบงค์ใบนี้อีกบ้่าง ครูจะยกให้" เด็กยังยืนยันยกมือพรึ่บทั้งชั้น ครูเลยเอาใหม่ ทีนี้จัดหนัก โยนแบงค์ลงพื้น กระทืบตึ้บๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ สาแก่ใจแล้วคุณครูก็ยกขึ้นชูถามอีกครั้ง "เอาล่ะ ทีนี้ใครยังอยากได้แบงค์ใบนี้อีกไหม คราวนี้ครูยกให้จริงๆ" เด็กๆก็ยังยกมือพรึ่บตามเดิม ครูเห็นว่าพอจะชัดเจนแล้ว เลยกล่าวว่า "พวกเธอเห็นไหม ของมีค่า ยังไงมันก็ยังมีค่าอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะโดนขยี้แหลกยับเยินยู่ยี่หรือโดนเหยียบย่ำจนสกปรกมอมแมมแค่ไหน ถ้าคุณค่าในตัวยังคงเดิม ก็ยังจะมีคุณค่าเช่นเดิม" คนเราอย่ายอมให้การกระทำของผู้อื่นมาตัดสินคุณค่าของเราค่ะ คนอื่นทำร้ายเราได้ แต่ทำลายคุณค่าไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 55 20:51:33 จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 20:39:54

ความคิดเห็นที่ 21 มาไม่ทันเด็กเกรียน ความเห็น 1 อ่ะ จากคุณ : TK_Chananchida เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 21:13:01

ความคิดเห็นที่ 22 จขกท. เองคะ มาไม่ทันคห.1 เหมือนกัน เราอ่านเจอในเฟสเพื่อนๆเอามาแชร์ เราเห็นว่าเหมาะกับเพื่อนๆห้องชานเรือนไว้สอนลูกๆกัน คะเลยนำมาแชร์ เพิ่งรู้เหมือนกันคะ ว่าต้นฉบับมาจากคุณทาสเทวี  ขออนุญาตคุณทาสเทวีด้วยนะคะ ส่วนคห.1 ช่างเค้าเถอะคะ สงสัยช่วงนี้อากาศร้อนเกิน จากคุณ : แม่น้องบีบี เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 21:20:14

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้หญิงบางคนมีความคิดว่าถ้าถูกข่มขืนจะฆ่าตัวตายเลยนะคะ อาจเป็นเพราะเราให้ความสำคัญตรงนี้มากเกินไป ควรจะสอนลูกควบคู่ไปด้วยค่ะว่า "แต่เราจะสอนให้ลูกเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ เข้าใจถึงวัยเจริญพันธุ์ เพราะอะไร ทำไม ลูกถึงต้องรู้สึกมีความต้องการทางเพศ ทำไม ลูกจะต้องระวังตัวต่อเพศตรงข้าม เราจะสอนให้ลูกรู้จักวางตัว และวิธีปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสม" และที่สำคัญ จะสอนให้ลูก "ตระหนักถึงคุณค่าในตัวเอง" จะไม่สอนให้ลูกเอา ความสาวของตัวเอง มาเล่นกับ "ความอยาก" ของคนแบบนี้หรอก เครดิต จากคุณแพรเพลง บาง คห ก็ด่าความเห็นของคุณแพรเพลง ซะรุนแรง แต่เราว่ามันมีเหตุผลนะคะ เป็นของสำคัญก็จริง แต่ควรสอนให้ถูกวิธีค่ะ จากคุณ : Immathin เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 21:36:32

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านๆ มาเหมือนจะเข้าใจไปอย่างนึง แต่อ่าน คห.23 แล้วงงอีก ทำให้อยากได้อ่าน คห.1 มากขึ้น นานาจิตตังค่ะ จากคุณ : kafapapaya เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:00:02

ความคิดเห็นที่ 25 อ๋อไม่ใช่ค่ะคุณ kafapapaya มีกระทู้เนื้อความแบบนี้ขึ้นกระทู้แนะนำห้องสยามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คอมเม้นนี้มาจากกระทู้นั้นค่ะ จากคุณ : Immathin เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:02:34

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับ23ค่ะ ที่บ้านเราก็สอนมาอย่างจขกทโพสเช่นกัน และเข้มงวดมากเสียด้วย อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันเวลาผ่านไปเรามีความคิดว่า ถ้าเราเจอคนเลวๆมันก็จะเป็นเช่นนั้น แต่ผู้ชายดีๆผู้ชายที่รักเรา เค้าไม่คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ คือ แค่สมมุติอ่ะว่าเกิดไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ดูรักเราอยากแต่งกับเรา เค้าคงไม่มาจดจ่อกับเรื่องนี้ หรือถ้ารอได้จนแต่งกันแล้วอย่างไรแต่งไปได้แล้วก็เบื่อได้เหมือนกันถ้าคนมันจะเบื่อ ก็เหมือนเป็นบททดสอบน่ะ ทั้งนี้ไม่ได้เห็นด้วยเรื่องนี้ในวัยที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่อยากให้มันกลายเป็นสาระหรือค่านิยมที่นำมาวัดคุณค่าของลูกผู้หญิงเท่าไหร่ค่ะ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:02:41

ความคิดเห็นที่ 27 ได้แนวคิดดีๆจังเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : benjy_bio เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 00:02:56

ความคิดเห็นที่ 28 คุณค่าของคนมีมากเกินกว่าแค่"ช่วงล่าง" อย่าไปใส่ใจกับมัน เลิกตีค่าแทนแล้วปล่อยให้เจ้าของตัดสินใจเอง จากคุณ : East Carraway เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 01:53:06 A:124.120.1.60 X: TicketID:103123

ความคิดเห็นที่ 29 ขออนุญาตแสดงมุมมองส่วนตัวกับประเด็นเรื่องพรหมจรรย์ค่ะ   ตัวเราเป็นเด็ก  ตจว   พอม.5ก็เอนท์ติดม.ในกรุงเทพ   ต้องมาอยู่หอ   ก่อนมาแม่ก็พาไปให้ป้าสอน  ป้าให้สาบานว่าจะไม่คบกับผู้ชาย  ไม่มีแฟน  ห้ามมีความรักในระหว่างเรียน ให้รักษาตัวเองให้ดี (ความหมายที่ป้าพูดอ้อมๆคือ  อย่ามีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ให้รักษาพรหมจรรย์ไว้ให้สามี)   ซึ่งเราก็สาบานค่ะ   เพราะจริงๆแม่ก็ปลูกฝังมาตลอด  พอเข้ามาเรียนในกรุงเทพก็ตั้งใจเรียน  คุยกับผู้ชายจริงๆน้อยครั้งมาก   ส่วนหนึ่งเพราะเราเรียนโรงเรียนสตรีล้้วนเลยไม่คุ้นกับผู้ชายอยู่แล้ว  แล้วยิ่งถูกปลูกฝังมาให้ระวังเรื่องเพศตรงข้ามมากๆ  ทำให้เรายึดถือกับเรื่องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนวันแต่งงานอย่างมาก   วันนึงเมื่อเราเรียนจบ  มีงานทำ  เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว  เราก็เริ่มมองหาความรัก ผู้ชายคนนึงที่ไ้ด้เจอ  ค่อนข้างถูกใจในหลายๆอย่าง   ก็เริ่มเดทกัน ระยะนึง แต่ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟน สิ่งที่เกิดคือ เค้าืขืนใจเรา  (ขอให้คำว่าขืนใจ เพราะสภาพเราหลังจากนั้นแย่ค่ะ  ติดเชื้อในช่องคลอด  ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ  เลือดไหลเยอะมาก  ระบมไปหมด   สภาพเราตอนนั้นทำให้เราหลอนกับการมีพสพไปอีกนานเลย)   จากนั้นเค้าก็หายไป3สัปดาห์ปล่อยให้เราอยู่กับความรู้สึก " อยากตายค่ะ "   ความรู้สึกตอนนั้นคือ โลกทั้งโลกมันมืดไปหมด  ไม่คิดเลยว่าชีวิตตัวเองจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้   ยิ่งพอคิดถึงคำสอนแม่และป้าว่าให้รักษาความบริสุทธิ์ไว้ให้ดี  ไว้ให้สามีในวันแต่งงาน      มันกดดันเราอย่างมาก   เหมือนตายทั้งเป็น(ลืมบอก  แม่เราเสียตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย บอกตามตรงตอนนั้นถ้าเิกิดเรื่องแล้วแม่ยังอยู่  เรายังนึกไม่ออกเลยว่า  เราจะทุกข์ทรมานแค่ไหนที่ไม่สามารถรักษาตัวไว้ได้ตามที่แม่สอน)      ตอนนั้นร้องไห้ทุกวัน ร้องอยู่เป็นอาทิตย์กว่าจะเริ่มทำใจได้ว่า  เสียตัวไปแล้ว  หลังจากนี้เราจะทำยังไงดี   พอเค้าติดต่อมา  สิ่งที่เราทำได้คือ  ยอมคบกับเค้าต่อค่ะ  เพื่อบรรเทาความรู้สึกผิด  ว่าอย่างน้อยเราก็เสียให้กับคนที่เราจะได้แต่งงานด้วยในอนาคต   คือคบแล้วกระโดดเลยค่ะ  จากยังไม่ทันเป็นแฟน  มาเป็นตั้งเป้าว่าต้องแต่งงานกับคนๆนี้ให้ได้     แต่ก็คบแบบลุ่มๆดอนๆ  ตัวเราก็ไม่เชิงรักแต่ผูกติดด้วยเงื่อนไข  แต่พอคบๆไปก็พัฒนาเป็นความรัก    ตัวเค้าก็มีปัญหาตลอด เรื่องผู้หญิงอื่น   แต่เราก็อดทนค่ะ  ทนอย่างเดียว     คบๆเลิกๆ  ความสัมพันธ์ต่อเนื่องมาจน8ปี  เป็น8ปี ที่ทุกข์มากกว่าสุข  ลึกๆเราก็รู้สึกผิดตลอดว่ามีพสพ ก่อนแต่งงาน    ครั้นจะถามหาการแต่งงานกับแฟนที่คบเลย  เราก็ลังเล  เพราะลึกๆรู้สึกไม่มั่นใจตลอดว่าเค้าจะเหมาะเป็นคู่ชีวิตเรามั้ย  หลายๆอย่างมันขัดกันมาก   จนวันนึงเกิดปัญหาเรื่องผู้หญิงอีกครั้ง  เป็นครั้งที่หนักมาก  เราทนไม่ได้   และบอกตัวเองว่า   ***ช่างมันกะอีแค่ความบริสุทธิ์  ไม่จิ้นแล้วไง  เสียให้ผู้ชายหมาๆไป  มันไม่เคยเห็นค่า มีแต่ทำร้ายใจเราตลอดมา    ถึงไม่จิ้น  แต่เราก็มั่นใจว่าเรามีดีอย่างอื่นอีกมากมาย  ถ้าู้ผู้ชายที่จะเข้ามาใหม่  ติดกับเรื่องเราไม่จิ้น  จนมองข้ามสิ่งดีๆอย่างอื่นของเราไป  เราก็ไม่เอามันหรอก   หรือถ้าหาไม่ไ้ด้  ก็อยู่คนเดียว    ทนมาตั้ง8ปีแล้ว   พอกันที***     เราตัดสินใจเลิกกับแฟนเก่าไปเมื่อปีที่แล้ว   พร้อมๆกับความรู้สึกโล่งค่ะ  เหมือนปลดปล่อยตัวเองได้  ไม่ต้องติดอยู่กับห่วงผูกคอ   ห่วงของประเพณี ความเชื่อ และบรรทัดฐานของสังคม ว่าผู้หญิงที่ดีต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนวันแต่งงาน  ถ้าไม่แล้ว ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี  ไม่เหมาะจะเป็นแม่ของลูก หลังจากนั้น1เืดือนเราก็มีแฟนใหม่ค่ะ ^^ เป็นพี่ที่รู้จักกันมาก่อน  คุยกันถูกคอ  เราก็ชอบในนิสัย มุมมอง ความคิด  หลายๆอย่างแต่ในฐานะพี่ชาย   (ส่วนพี่เค้าชอบเราแต่เพราะเราเปิดตัวว่ามีแฟนแล้วเค้าก็เลยนิ่งๆ) จนพอเรามีปัญหาเค้าก็เข้ามาเป็นกำลังใจให้  เราเลยสอยมาเป็นแฟนซะ   แฟนเก่าเราไม่ได้เลือก  มาด้วยสถานการณ์บังคับ  แฟนใหม่เราขอเลือกที่ถูกใจล่ะ   แล้วเราก็คุยกับเค้าแต่แรกว่า   อย่างที่รู้เรามีแฟนมาก่อน (ซึ่งเค้าก็รู้จัก)   เราไม่จิ้นแล้วนะ  รับได้มั้ย  ถ้ารับได้ก็คบ  รับไม่ได้ก็ไม่ต้องคบ  (ที่สำคัญเรามีปัญหาเรื่องการมีพสพด้วย  เพราะเมื่อก่อนกับแฟนเก่า อาจเพราะมีโดยไม่อยากมี  พอคบกัน ก็เลยมีแบบที่เราไม่ค่อยมีความสุขนัก  จนกลายเป็นหมดอารมณ์  ไม่อยากมีพสพ  ก็มาค่อยๆแก้กับแฟนใหม่เรา  ทุกวันนี้แฮปปี้ดีค่ะ ^^) ก็คบกันมาได้เกือบปีแระ ^^  เวลาที่มีความสุขมันผ่านเร็วจริงๆ  ช่วงนี้เริ่มยุ่ง เพราะเริ่มทำเรือนหอและเตรียมงานแต่งจะจัดในอีกไม่กี่เดือนแล้ว   เพราะงั้น  ขอทิ้งท้ายไว้ว่า  การปลูกฝังให้ลูกสาวรักษานวลสงวนตัว  รักษาพรหมจรรย์  รักษาความบริสุทธิ์ไว้จนวันแต่งงาน เป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ  เพียงแต่ว่า  กรุณาสอนต่อท้ายไปด้วยว่า  หากวันนึงเกิดพลาดพลั้ง เสียตัวไปโดยไม่ได้ตั้งใจ    ก็อย่าได้คิดว่าตัวเองสูญเสียคุณค่าในตัวเองไป    อย่าเอาการเสียพรหมจรรย์แค่ครั้งเดียวมาตัดสินอนาคต   ผู้หญิงที่บริสุทธิ์กับผู้หญิงไม่บริสุทธิ์  คุณค่าและศักดิ์ศรีเท่ากัน   จะต่างกันก็อยู่ที่ความคิดของตัวเองเท่านั้น       ไม่เช่นนั้นวันนึงคำสอนของคุณอาจจะกลายเป็นสิ่งโหดร้ายกับลูกค่ะ ------------ สิ่งที่บอกกล่าวข้างต้นเป็นแค่มุมมองส่วนตัวจากประสบการณ์ชีวิตนะคะ    อาจไม่ตรงใจใครหลายๆคนต้องขออภัยด้วย จากคุณ : สาวน้อยกระป๋องแป้ง เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 14:51:35

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วคิดถึงเพลงนึง เก่าแล้วแต่แต่งไว้ดีพอสมควรครับ เข้ากับเรื่องนี้ เพราะหลายคนนั้น โดนขืนใจ ชำเรา คุณค่าไม่หายหรอกครับ เพราะว่าคุณรักษาตัวเองดีมาตลอด แต่ถ้าหลงลืมวัฒนธรรม และค่านิยมอันดีงามในการรักนวลสงวนตัวไปแล้วล่ะก็คุณค่าก็อาจจะจางไปเพราะว่า.......... จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:16:10

ความคิดเห็นที่ 31 อึ้งเนอะ ผู้หญิงบางคนมีความคิดว่าถ้าถูกข่มขืนจะฆ่าตัวตายเลยนะคะ ไม่รู้พ่อแม่สอนลูกยังไง เเค่ความบริสุทธิ์ มันทำให้เราต้องทำบาปขนาดนั้นเลยเหรอ เราเป็นพ่อแม่ เเล้วมีลูกฆ่าตัวตายเพราะโดนข่มขืน เราจะโกรธลูกมาก ว่าเราสอนให้ลูกไม่เห็นคุณค่าของตัวเองได้ขนาดนั้นเลยเหรอ คนโดนรถชน ขาขาดทั้งสองข้าง เขายังอยู่ต่อไปได้ นี่เเค่โดนชน เยื้อพรหมจรรย์ขาด ถึงกับอยู่ไม่ได้ เฮ้อ ช่างเถอะ ความคิดคนอื่นเปลี่ยนไม่ได้นี่เนอะ เเต่ที่เเน่ๆ ลูกเรา ผู้ชาย ถ้ารับผิดชอบตัวเองได้ รับผิดชอบผู้หญิงได้เเล้ว อยากทำอะไร ก็ตามสบาย เเต่ถ้ายังรับผิดชอบอะไรไม่ได้สักอย่าง เกิดอะไรขึ้น ก็เป็นกรรมเขาเองเเล้วเเหละ ผูกเอง ก็เเก้เอง เเม่จะเป็นกำลังใจให้ เเต่ไม่ช่วยนะเออ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 23:17:51

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ 23 สอนให้เข้าใจธรรมชาติ และไม่ยึดติดกับค่านิยมวัฒนธรรมอะไรจนเกินพอดี จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 07:54:43

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่าน จากคุณ : น้องจี๊ดจ๊าด.. (จี๊ดจ๊าด-jamp) เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 09:59:14

ความคิดเห็นที่ 34 จะเก็บไว้ อยากให้ลูกสาวได้อ่านจริงๆค่ะ จากคุณ : The Inspire Star เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 11:39:59

ความคิดเห็นที่ 35 ดีจัง จากคุณ : oilchung เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 11:56:07

ความคิดเห็นที่ 36 นึกออกละ ตอนเรายังเด็กอยู่อนุบาล เคยมีผู้ใหญ่พยายามเล่นมุกนี้ "อยากรู้ไหมมีอะไรอยู่ในมือ" เรา "อะไรเหรอ" ผู้ใหญ่ทำท่าหลอกล่อโยกมือซ้ายขวา "อยากรู้ไหม อยากรู้ไหมๆล่ะ" เรา "อืม...อยากรู้(ก็ได้)" ผู้ใหญ่ "อยากรู้ก็เอามือเขกพื้นสิ" เรา "เขกพื้น? ไม่รู้จัก" ผู้ใหญ่เรียกเพื่อนมาเขกให้ดู ดังโป๊กๆๆ ทำท่าเหมือนดีดมะกอกแต่คว่ำมือไปกระแทกพื้น "ทำสิ 3 ที" เรา หน้ามุ่ย -*- คิดว่าเขกก็เจ็บสิ ยิ่งกว่านั้นคือหวงมือมากกลัวเสียโฉม อุตส่าห์ทาครีมทาแป้งมาอย่างดีทุกวันเรื่องอะไร "เจ็บไม่ใช่เหรอ ทำไปทำไม" ผู้ใหญ่ ^ ^; "ก็อยากรู้ไหมล่ะ อยากรู้ก็เขกก่อน 1ที(สังเกตว่าจำนวนลดลง)" เราชักรำคาญ "แบมือเลยสิคะจะได้ไม่ต้องเขก" ผู้ใหญ่ "ไม่ได้ๆ อันนี้ต้องเขกพื้นก่อน" เรา "แบมือก่อน" ผู้ใหญ่ "เขกพื้นก่อน" เรา "แบมือก็ไม่ต้องเขกแล้ว" ผู้ใหญ่คงจะท้อ ถามเพื่อนว่า "เฮ้ย หรือกูจะเฉลยเลยดีวะ" เพื่อนให้กำลังใจ "กูเล่นมา 10 คนแล้ว เด็กที่ไหนก็อยากรู้ทั้งนั้นแหละ" การหลอกล่อของผู้ใหญ่เลยแอดวานซ์มากขึ้น มีการเปลี่ยนกำมือเป็นซ้ายทีขวาที บางทีอ้อมหลัง บางทีกำทั้งสองมือแล้วหายไปซ่อนบ้างล่ะ หรือส่งต่อให้เพื่อนบ้างล่ะ น่ารำคาญเป็นบ้า "อยากรู้ไหม อยากรู้ก็เขกพื้นก่อน" เราเดินหนีซะเลย "ไม่อยากรู้ !!" ผู้ใหญ่คนอื่นฮาครืนนน ไม่นานก็ได้รู้อยู่ดีว่ามีอะไรอยู่ในมือ เพราะเด็กคนอื่นมาติดกับ เราคิดว่าของไร้สาระแล้วยังมาหลอกให้เขกพื้นอีก บ้าบอ เลยตราหน้าผู้ใหญ่คนนี้เอาไว้เลย เอาไปฟ้องพี่สาวด้วย ตอนหลังเจอกันอีกก็เดินหนีตลอด เพิ่งรู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร ย้อนกลับไปนึกดูแล้วฮาดี >U< ก๊าก ระวังอย่าเจอเด็กแบบเราแล้วกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 55 01:38:23 จากคุณ : sineseta เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 01:31:59

ความคิดเห็นที่ 37 ขอเพิ่มเติมอีกมุมมองสำหรับผู้ชายนะคะ อยู่ต่างประเทศ ก็ควรสอนลูกชายให้รู้จักคิดพิจารณาก่อนมีพสพ เหมือนกันนะคะ ต้องให้ตัวเองพร้อมรับผิดชอบทุกๆ อย่างที่จะตามมา เช่น ถ้าไม่แน่ใจในตัวผู้หญิง ก็ต้องป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ฟังแค่ฝ่ายหญิงบอกว่ากินยาแล้ว ป้องกันแล้ว ปลอดภัย ก็เชื่อและไม่ป้องกันตัวเอง ผู้ชายหลายคนพลาดเพราะความสนุก ความอยากเพียงชั่ววูบ แต่ผลที่ตามมาทำลายความสุขทั้งชีวิต ผู้หญิงท้อง แน่นอนว่าต้องรับผิดชอบเด็กอยู่แล้ว หนีไปไหนก็ไม่ได้ ไม่ควรหนีด้วย ต้องรับผลที่เกิดขึ้น แต่หากไม่ได้รักแม่เด็กด้วย แค่ลองคบสนุกๆ คราวนี้หละเจ้ากรรมนายเวรตัวเป็นๆ เกิดแล้ว โดยปกติ เด็กจะอยู่กับแม่ หากผู้เป็นพ่อไม่แต่งงานกับแม่เด็ก แล้วมีครอบครัวใหม่กับคนที่ตัวเองรัก ปัญหาสารพัดพิษจากแม่เด็กที่เกิดจากความไม่ตั้งใจจะตามมา เป็นเหมือนฝันร้ายไปตลอด จะปัดก้นหนีไม่รับผิดชอบก็ทำไม่ได้ จะเอาแต่เด็กมา ก็ไม่ได้ เพราะแม่เขามีสิทธิ์โดยชอบธรรม ปัญหาเก่าที่สร้างไว้ จะตามหลอกหลอนไปตลอดชีวิต ในสังคมฝรั่ง ผู้หญิงที่จับผู้ชายเพื่อความสบาย มีอยู่จริง มีลูกชายก็ต้องสอนให้เขาระวังด้วย ถ้าไม่ได้ชอบ ไม่ได้รัก ก็อย่าจิ้มไปทั่ว ผู้ชายก็รักนวลสงวนตัวได้ ไม่งั้นก็จะเป็นอย่างที่ว่ามา จากคุณ : Benim เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 02:24:24

ความคิดเห็นที่ 38 แต่ผมคิดว่า การที่รักนวลสงวนตัวให้มีค่า จนมีคนอยากจะได้มากๆนั้น พอได้มาแล้ว ตัวเรากลับทำให้ค่าของตัวเราตกต่ำกว่าเดิม จนเค้าไม่อยากได้ไว้แล้ว เหมือน ซื้อมือถือยี่ห้อดัง สภาพดี สวยงาม ราคาแพง แต่เอามาใช้งานจริงกับไม่ได้เรื่อง สุดท้ายก็ต้องทิ้งไปหาเครื่องอื่นที่ตอบสนองได้ดีกว่า ความต้องการคนเรามักจะไม่สิ้นสุด ยิ่งเป็นคนประเภท ทะเยอทะยาน ใฝ่สูง แล้วละก็...ไม่มีอะไรพอดีกับเค้าได้เลย เป็นคนเรา ไม่ควรจะมีค่าแค่ตอนเปิดตัว แต่พอพ้นช่วงนั้นแล้ว ก็หมดค่า มันทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 16:48:35

ความคิดเห็นที่ 39 คห 37 คะ เราอ่านเรานึกถึงเคสนึงเลยค่ะ อยู่ตปท เรามีเพื่อนผู้ชายหลากหลาย ผู้ชายจอมสร้างภาพ นี่มีเยอะนะคะ ถ้าไม่ได้รู้จักฮีแบบ ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กัน จนเห็นนิสัยกันจนชินตาทุกๆวัน อย่า ได้พยายาม เชื่อในคำพูด ทุกคำ ที่ฮีได้เปล่งออกมาเลยค่ะ ไอ้ที่ทำผู้ญท้องแล้วบอก ไม่รักแม่เด็ก จะเอาแต่ลูกไม่เอาแม่ แม่เด็กไม่ดี บลาบลา แล้วคนนอกอ่ะ ฟังที่ผู้ชายบอกก็เชื่อเอาๆ ไปอยู่ไปรู้ไปเห็น ไหมว่าเหตุการณ์มันเกิดมาได้ไง สนิทชิดเชื้อพอหรือยัง ผู้ชายที่พูดดีเข้าตัว แล้วปัสวะให้ผู้ญอ่ะ มีอยู่จริง ในตปท นี่ล่ะ อย่าคิดว่าในสังคมฝรั่ง มีแต่ผู้ญ จ้องจะจับผู้ชาย ผู้ชายที่จ้องจะจับผู้ ญ แล้วไปบอกใครต่อใครว่าผู้ญ จ้องจะจับ ทั้งๆที่ตัวเองมีแต่เปลือก กับหนี้  พูดให้ตัวเองดูดี น่ะมีมากมาย ส่วนรายละเอียดที่ คห 37 พิมพ์ มันคล้ายๆกับเคสนึงที่เราได้รู้จักจริงๆ มันคล้ายในส่วนที่ พูดให้คนอื่นฟังแบบนี้เลย ว่าผู้ญจะจับบ้างล่ะ นู่นนั่นนี่บ้างล่ะ หูยยยย ทำไมคนที่ฟังๆ ก่อนเชื่อไม่ไปสืบเสาะความจริงก่อนเน้อ ทั้งที่เรื่องจริงนี่ตรงข้าม เกือบทั้งหมด ถามว่ารู้จักสนิทชิดเชื้อดีพอไหม. ขอตอบว่า รู้ดีกว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้า ฮีจะรู้จักซะอีก ขนาดฮีโกหก แม่ฮี แม่ฮียังคงเชื่อ ในคำพูดฮี อย่างมั่นอกมั่นใจ เราว่าทั้ง ญ และ ช ตปท ต่างหากควรระวัง ไม่ใช่แต่ผู้ช ควรระวัง ..  ผู้ช สมัยนี้น่ากลัว จ้องจับผู้ญ เยอะแยะ เรามีลูกสาว ผู้ช ที่จะเข้ามาสนิทกับลูกเรา จะต้องผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจากเราก่อน .. ปล. กระทู้ จขกท ดีมากเลย เราจะเอาไว้เล่นกับลูกสาวเราเช่นกันค่ะ จากคุณ : omelet-t เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 04:00:32

ความคิดเห็นที่ 40 39 ดิฉันกล่าวถึงความจริงอีกมุมหนึ่ง ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่จริง ไม่ได้ฟังจากปากผู้ชาย ไม่ได้เชื่อใครง่ายๆ แต่เห็นผลที่เกิดขึ้นจริง คนนึงตายไปแล้ว คนนึงยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองคนเป็นพี่ชายสามีดิฉันเอง แต่สองคนยอมแต่งงานเพราะเห็นแก่ลูก พี่ชายคนแรก ได้ลูกคนโตมาโดยที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนเอง ทราบได้อย่างไร ตอนลูกป่วย ต้องให้เลือด รู้ตอนนี้ค่ะ ไม่ได้มานั่งเดาหรือฟังคำโกหกใคร ผู้ชายวัยคะนองที่พลาดแล้วผู้หญิงเกิดท้อง ตัวเขารับผิดชอบทั้งหมด อยู่และทำเพื่อลูกก็มีอยู่จริง แล้วอีกด้านนึงที่คุณเล่ามา ว่าผู้ชายโกหก ห่วยๆ อยากปัดความรับผิดชอบ อยากจับผู้หญิง มันก็มีอยู่จริงอีกเช่นกัน และหากบังเอิญดิฉันได้ฟังนาย หรือ นางคนใดมาเล่าให้ฟังว่าได้แต่งงานเพราะผู้หญิงหรือผู้ชายจับ ตำหนิอีกฝ่ายสารพัด ดิฉันจะไม่ทนฟังจนจบหรอก คนที่มาตำหนิอีกฝ่ายย่อมไม่ใช่คนดีเท่าไรเช่นกัน เรื่องแบบนี้ใช้เวลาพิสูจน์และเห็นกันได้ชัดเจนมาก เคสที่คุณเล่ามาดิฉันก็เชื่อว่าคุณเห็นแบบนั้นจริงๆ คำเหรียญที่ว่ามีสองด้านยังใช้ไม่ได้กับชีวิตจริงคนเรา เพราะมันมีหลายมิติกว่านั้น จากคุณ : Benim เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 07:09:17

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่ได้แปลว่า หลังแต่งแล้ว มีอะไรกันแล้วจะไม่เบื่อนี่ครับ ถ้าพูดกันตรงๆตามเนื้อผ้าของเจ้าของกระทู้ เพราะ จะช้าจะเร็ว ถ้าจะเบื่อ มันก็เบื่อง่ะ จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 13:13:11

ความคิดเห็นที่ 42 เราว่าอย่างน้อยมันก็สกรีนคนได้ระดับหนึ่งเลย ว่ารักจริงหวังแต่ง หรือแค่หวังฟันแล้วชิ่ง จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 22:00:16

ความคิดเห็นที่ 43 มีก่อนเบื่อก่อน มีที่หลังเบื่อที่หลัง จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 23:46:33

ความคิดเห็นที่ 44 มีลูกสาว. อีกนานกว่าจะมีเรื่องนี้ให้คิด ค่อยึิดไปทีละเรื่องทีละปัญหา. ไม่ร้องรีบร้อนไปก็ได้ครับเพราะว่าปัจุบันนี้ไปงานแต่งงานเจ้าสาว15. เจ้าบ่าว14. พ่อเจ้าบ่าวมานั่งบ่นใฟ้ฟังว่าเสียดายลูกยังเด็กเกินไป.  แล้วอีกนับสิบปีที่ลูกจะโต (ตอนนี้4เดือน). ปัญหานี้คงไม่เหมือนในอดีตครับ. สิ่งยั่งมีเยอะ ติดมือกันทุกคน.ถึงเวลาว่ากันอีกที จากคุณ : ออร์แกน (djorgan) เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 00:48:30

ความคิดเห็นที่ 45 มีลูกชายค่ะ  วางแผนไว้หลายเรื่อง   คิดเป็นสองเท่าของแม่ทั่วไป เพราะเราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว   จะพยายามสอนทีละน้อยค่ะ ให้ลูกให้เกียรติเพศแม่ จากคุณ : หมอเมืองเหนือ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 02:54:51

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าผมแย้ง ผมจะโดนยำไหมเนี่ย ในความเห็นของผม ปัญหาจริงๆ คือ การพิจารณาผู้ชายว่าเป็นคนดีหรือไม่ และปัญหาก็ไม่ได้อยู่ที่ไม่ควรมีแฟนก่อนเรียนจบหรือหลังเรียนจบ ตรงนั้นไม่สำคัญ เพราะ บางคนก็เจอแฟนดีๆสมัยเรียน ถ้ารอจนเรียนจบก็อาจไม่เจอคนดีแบบนั้น แต่สำคัญที่ต้องสอนลูกสาว ให้ดูคนดีๆ ให้เป็น  เช่น 1.อย่าเห็นแก่เงินหรือเพียงทรัพย์สินที่ผู้ชายมอบให้ เพราะเขาก็มักหวังประโยชน์จากเราด้วย (เจอบ่อยมาก ที่คบเพราะผู้ชายมีรถขับ) 2.อย่าคบกับคนที่พูดไม่เพราะ ทั้งกับเพื่อนฝูงด้วย เพราะเวลามีลูกจะสอนลูกให้พูดเพราะได้อย่างไร (หลายคนมักเข้าใจผิดว่า การพูดหยาบๆ เเสดงถึงความจริงใจ แต่ที่จริงไม่เกี่ยวกันเลย) 3.เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้หรือไม่ ลองหาหนังสือดีๆให้ผู้ชายอ่าน ถ้าของดียังไม่ชอบก็หวังหาความเจริญได้ยาก แบบนี้บอกลูกอย่าไปคบ 4.มีความรับผิดชอบในการเีรียนหรือการทำงาน หรือไม่ ถ้าชอบชวนเราโดดเรียนหรือโดดงาน แล้วจะฝากชีวิตกับคนประเภทนี้อย่างไร 5.อย่าเห็นแก่หน้าตาอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้ไม่จีรังยั่งยืน ุเรื่องง่ายๆ จากที่ยกตัวอย่างมานี้ ส่วนใหญ่ก็รู้กันดี  แต่มันจะปล่อยให้ฮอร์โมนทางเพศชักพาเราไป จนลืมใช้เหตุผลในการกลั่นกรองคนดีๆ ให้เข้ามาในชีวิตเรา ผมยืนยัน ว่าผู้ชายดีๆ ยังมีอีกเยอะ  และตัวเราก็ต้องพัฒนาตัวเองให้คู่ควรที่คนดีๆ จะเข้ามาจีบด้วยเช่นกัน จากคุณ : ดินสอปากกา เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 03:02:01

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นในห้องสยามทีแล้ว ค้านไปทีแล้ว สมัยก่อนผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวก็เพราะต้องการให้เด็กรู้ว่าพ่อคือใคร สมัยนี้ยาคุมมี รู้อะไรตั้งเยอะ จะเน้นอะไรไปมากมาย เราไม่ได้ต้องการให้สังคมไทยฟรีเซ็กซ์ เราแค่คิดว่ามันเป็นการตีราคาของผู้หญิงที่ช่องคลอดเป็นหลัก ซึ่งเราว่ามันไม่จำเป็น ผู้หญิงมีค่าน้อยแค่นั้นหรือ? ถ้าหากไม่ติดโรค ไม่แพร่เชื้อโรคให้ผู้อื่น ไม่ท้องโดยไม่พร้อม ไม่ผิดศีล5 อยากมีเพศสัมพันธ์ก็มีไปเถอะ สมัยนี้ผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวได้ ไม่แต่งงานก็ได้ ทำไมต้องให้เรื่องเพศมากำหนดชีวิต? ทำไมต้องให้ครั้งแรกกับสามี? ทำไมต้องรักษาความบริสุทธิ์ถึงวันแต่งงาน? ต้องเอาใจผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ? ผู้หญิงทุ่มให้ผู้ชายแล้วได้อะไรกลับมา สังคมสมัยโบราณคงพอจะให้คำตอบพวกเราได้ ได้นรก ได้การกดขี่ ได้การแบ่งชั้นวรรณะ ฯลฯ ไม่เข้าใจว่าทำไมยังมีอยู่ จริงๆถ้าผู้หญิงเลี้ยงลูกเองได้ ไม่มีสามีเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ สังคมลักษณะนี้ผู้หญิงไม่ถูกรังแก เพศแม่ได้รับการยกย่องจากลูกอย่างสูง เพราะไม่มีพ่อมาเป็นคู่แข่ง อิอิ ส่วนผู้ชายที่เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว แล้วอยากได้หญิงบริสุทธิ์ เราว่าพวกมันเห็นแก่ตัว ทุเรศในสายตาเราด้วยซ้ำ อ่านบทความกระทู้นี้ บอกตรงๆมันไม่ใช่คติสอนใจอะไร แต่ทำให้เกลียดผู้ชายมากเท่านั้นเอง จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 21:39:23