ความคิดเห็นที่ 1 รออ่าน จากคุณ : สาวไฉไล เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 13:42:35

ความคิดเห็นที่ 2 F5 รอค่า อิอิ จากคุณ : แม่รักพราวด์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 13:44:59

ความคิดเห็นที่ 3 เราก็ดูต้นไม้ ใกล้ๆรถนั่นล่ะค่ะ เค้าขายกัน ตรงทางเท้า เราก็ดูไป มองรถไป  เด็กๆ ก็มองดูเรา ใจเราห่วงแต่ คนกลาง ว่าจะลงมาจากรถ และห่วงคนอื่นจะขึ้นรถ เราด้วย ส่วนพ่อเค้าเดินอย่างสบายใจ เพราะเค้าเคยชินกับการทิ้งเราแม่-ลูกไว้นรถ แต่บังเอิญสิ่งที่เราถามหามันอยู่ด้านในร้าน เราจึงต้องเดินไปดู เราเข้าไปแป๊บเดียว ซัก 2 นาที  ได้ยินเสียงป้าคนนึงเรียก ลูกๆ นั่นรถลูกใช่มั้ย?? รถวิ่งออกมา ด้วยความตกใจ เกิดอะไรขึ้นคะ ป้าบอกว่า มีเด็กหมุนพวงมาลัยแล้วเร่งเครื่องรถ แกตกใจ เลย ตวาดไปบอกให้หยุดเล่น จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 13:57:33

ความคิดเห็นที่ 4 เราตกใจมาก พ่อเค้าด้วย เดินหน้าซีดมา มองหน้าเราด้วยสายตากล่าวหา เอาแล้ว ไอลิง เรา หันไปมองหน้ารถ ม่าย.. มีลิงซักตัว ลิงหายไปไหน . . . เปิดประตูรถออกมา กระจุกแอบ...กันอยู่ ที่พื้นรถ ด้านหลัง (ลืมบอก เด็กๆ ทั้ง 3 คน นั่งด้านหลัง ค่ะ) จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:01:18

ความคิดเห็นที่ 5 โถ . ขอคั่นนะคะ กรุณาอย่าทำอย่างนี้อีกเลย ลองคิดนะคะเกิดไปเจอโจร (เครื่องก็ติดอยู่) มันขับรถคุณไปได้ง่าย ๆ รถช่างมันเหอะค่ะ ลูกนั่นแหล่ะที่สำคัญ มันเอาไปหมดเลย ทำไงล่ะทีนี้ จากคุณ : rainswatch เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:01:28

ความคิดเห็นที่ 6 ท่าทางจะรู้ตัวกัน ทั้งคู่ เราถามไปใครทำ บอกมานะ แน่นอน เราจ้องไปที่คนน้อง คนน้องยื่นหน้าเสีย ส่ายหน้า ชี้ไปที่พี่ คนพี่ ก็ชี้น้อง   เราถามซ้ำ บอกมา... คนน้องทำท่าจะร้อง  คนพี่ยกมือขึ้นมา เราไม่เชื่อนะ เราถามซ้ำว่าจริงเหรอ หรือว่าช่วยน้อง ป้าเค้าบอกว่า คนนี้ล่ะ มุนพวมาลัยเป็นการใหญ่ คนน้องยืน(บนเบาะ) กำกับข้างหลัง ... อ้าว !!! ..... จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:05:13

ความคิดเห็นที่ 7 เราซีดดดด มากค่ะ โหยยย เป็นลูกเหรอ  ลูกอายุ 9 ขวบแล้ว ลูกที่แม่ไว้ใจให้ดูแล น้องตลอด เราขึ้นรถ นั่งอบรมอยู่ในรถ ว่า ลูก แม่สั่งนักสั่งหนา ไห้รถ ทำไมถึง เล่น ?? แม่ไม่เคยเห็นลูกเล่น ลูกไม่เคยเล่นไม่ใช่เหรอ??? ลูกตอบเสียงเบาๆ เคยเล่นครับ แม่ อึ้ง อีก ครั้ง เล่นตอนไหน?? ก็ตอนพ่อไปไซท์ งาน น่ะ พ่อให้ผมอยู่ในรถ  ผมเบ่อ ก็เลยเล่น แต่ผมไม่ได้เล่นเกียร์นะ ไม่ได้กดไป ตัวD มันก้อยู่แค่ตัว P โอ้....  แม่เจ้า จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:11:01

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบคุณ rainswatch นะคะ เราไม่ได้แก้ตัวนะคะ  แต่เราอยู่บ้านนอกค่ะ บริเวณนั้น ค่อนข้างจะไม่มีใครสัญจร อยู่แล้ว เราเลยไม่กังวลเรื่องนี้มาก แต่เราก็ไม่ไว้ใจซะทีเดียว ที่เราหันมอง เราไม่ได้ห่วงรถหาย เราห่วงใครจะเอาลูกไปมากกว่า  ที่ให้เค้าอยู่ในรถก็เพราะกลัวจะร้อนค่ะ แค่เราเลินเล่อ อย่าเพิ่งตัดสินว่าเราห่วงรถมากกว่าลูกสิคะ T-T   (แค่นี้ก็เศร้าใจ จะแย่แล้วค่ะ) จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:14:47

ความคิดเห็นที่ 9 โอแม้เจ้า..ดีนะคะที่ไม่เกิดอะไรที่น่ากลัวกว่านี้ เราก็มีลูกวัยกำลังซนเหมือนกัน ขอบคุณคะที่มาแชร์ กัน จากคุณ : ดอกน้ำค้าง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:16:22

ความคิดเห็นที่ 10 เนื่องจาก มันเป็นปิดเทอม  ช่วงที่ไม่ได้เรียนsummer ก่อนหน้านี้ จึงต้องมาการพาลูกไปที่ทำงาน ส่วนใหญ่ลูกจะอยู่กับเรา แต่มีบางวันที่เรา วุ่นจริงๆ ก็จะฝากพ่อเค้า พ่อเค้าไปไซท์บ้าง อยู่ออฟฟิตบ้าง ไซท์งาน เค้าเราก็เคยไป มันก็โล่งๆ ไม่มีอะไรอันตราย เราก็เลยคิดว่า คนโตพาไปก็ไม่ลำบากอะไร มีที่ให้นั่งให้เดินสบายๆ แต่คนเล็กเราก็ไม่เคยให้ไป เพราะคนนี้วิ่งอย่างเดียว เดินไม่เป็น คราวนี้ เรื่องก็เลยตกอยู่ที่พ่อเค้าแทน ว่าทำไมถึงปล่อยลูกไว้ในรถ จนเค้าเบื่อ และ อุตริ คิดวิธีเล่นแผลง ๆ .........  จากนั้นเราก็คุยกันยาวเลย ค่ะ.......... แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 14:20:38 จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:18:36

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ จขกท เราไม่ได้มีเจตนาจะว่าคุณค่ะ เราหมายถึงว่า ถ้าเกิดกรณีโจรมันขับรถไป รถไม่สำคัญหรอกชั่งมันเถอะ แต่ลูกนี่สิ จะตามคืนยังไง ค่ะ ตัวเราก็เคยประมาทแบบนี้ค่ะ ติดเครื่องไว้ แล้วลูกนอนหลับอยู่บนรถ ลูกยังเล็กอะค่ะ อายุแค่  2 เดือน .. นอนไม่รู้เรื่องหรอก สามีเราลงไปสั่งส้มตำ เราก็ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง เห็นว่าลูกนอน ก็ตามลงไป เราก็โดนสามีดุประมาณนี้แหล่ะค่ะ ถ้าเกิดมันมีโจรขี่มอไซค์ผ่านมา มันเห็นเครื่องติดไว้ คนเราหน้ามืดอะค่ะ ขับไปเฉยเลย เราจะตามยังไง จากคุณ : rainswatch เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:25:57

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องนี้เราทั้ง 2 คน ผิด ทุกกรณี จึงเอามาเล่าให้ฟังกัน  เป็นข้อเตือนใจ ใชคดีที่ไม่เกิดเรื่องร้ายๆ  แค่คิดว่า ถ้าเกิดรถมันพ่ง ออกไปจะเป็นยังไง เราคงตายดับลงตรงนั้น  ถึงวันนี้ก็ยังไม่หยุดโทษตัวเอง *** โชคดี มากๆ แต่โชคดีไม่ได้มีทุกวัน *** เรา สองคนผัวเมีย เลี้ยงลูกกันแค่ 2 คน ลูก 3 คน ไปไหนก็หอบหิ้วกันไป ไม่มีใครให้ฝาก ไม่มีใครให้พึ่ง เราเองก็ทำเต็มกำลัง แม่คนนึง จะพึงมี  แต่บางทีก็ผิดพลาดโดยง่าย เราใจหาย ไปอยู่ตาตาตุ่ม แทบจะร้องไห้ แต่เราก็ต้องยอมรับและพยายามปรับปรุงตัว เรายังต้องเลี้ยงดูสั่งสอนกันต่อไป ค่ะ ---------------------------------------- ขอบคุณที่รับฟังเรานะคะ จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:26:08

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณที่มาเตือนกันนะคะ เราก็ชอบทิ้งลูก 3 ขวบครึ่ง กับ เกือบ 8 ขวบไว้บนรถ ติดเครื่อง เปิดเพลง เปิดแอร์ไว้ให้ พอดีทางผ่านกลับจากโรงเรียน บางครั้งจะมีตลาดนัด เราจะแวะซื้อกับข้าว ขนมต่างๆ กลับบ้าน ด้วยความที่รู้สึกว่าคนในตลาดเยอะ แล้วเดินเบียดเสียด กลัวลูกจะร้อน แล้วเดินซื้อของลำบาก ไหนจะหิ้วของ ไหนจะห่วงจูงลูกอีก 2 คน ก่อนหน้านี้ท้องคนที่สามด้วย ทุกครั้งที่แวะซื้อของ ก็เลยให้เค้ารอในรถตลอด สามีก็บ่นประจำ ว่าไม่อยากให้ทิ้งลูกไว้ที่รถ คราวนี้คงจะต้องไปไหน ไปกันซะที จากคุณ : เลนส์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:27:38

ความคิดเห็นที่ 14 เคยเหมือนกันค่ะ คิดว่าแป๊บเดียวไม่เป็นไร ซึ่งก็แป๊บเดียวจริงๆเพราะจอดหน้าร้านเช่า CD แล้ววิ่งลงไปเอา cd ไปหย่อนหน้าร้าน ลูกสาว 3 ขวบ นั่ง booster seat คาดเข็มขัดด้วยนะ แต่เค้าเห็นคนแต่งตัวโพกหัว แล้วเค้ากลัว ร้องหาแม่ แล้วปลดเข็มขัด ปลดล๊อค เปิดประตูรถ วิ่งลงมาหาแม่ มันใช้เวลาไม่ถึงนาทีเลยนะ เหตุการณ์ทั้งหมดน่ะ โชคดีที่เป็นบ้านนอกต่างจังหวัด รถไม่เยอะ ไม่งั้น ไม่อยากจะคิด หลังจากนั้น ไม่เคยคิดจะให้ลูกอยู่บนรถคนเดียวอีกเลย จากคุณ : Jarunya.b เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:30:31

ความคิดเห็นที่ 15 มาเพิ่มเติมนิดนะคะ เราไม่ได้ชะล่าใจเรื่องโจรซะทีเดียวนะค เราเพิงนึกได้ ตอนลงจากรถ เราสั่งคนพี่ให้ล๊อครถเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ขนาดนั้นเราก็ยังหันมองเป็นระยะ ช่วงเวลาที่จอดรถทั้งหมด ราว 5 -10 นาที  น่าจะได้ค่ะ แต่ที่ละสายตา ไม่เกิน 1-2 นาที ค่ะ จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:37:53

ความคิดเห็นที่ 16 โห อันตรายนะคะ จขกท ยังไงเชื่อว่า จขกท คงมีบทเรียนแล้วล่ะ เรื่องโจรมาเอาทั้งลูกทั้งรถไปนี่ก็แย่แล้ว ที่แย่อีกเรื่องก็คือ เกิดน้องๆเข้าเกียร์ได้ เร่งคัยเร่งแล้วรถพุ่งไปชนลูกใครที่กำลังเดินกับพ่อหรือกับแม่ แล้วเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหรือเสียชีวิตเลยนี่ก็แย่ไม่ต่างกันนะคะ เรานี่ถ้าจะไปไหนจริงๆ เรายอมหอบลูกไปด้วยค่ะ ไม่ว่าเค้าจะหลับหรือไม่ยอมลงก็ตาม จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:40:12

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นอุธาหรณ์ที่ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณที่เอามาแชร์ เราก็เคยทิ้งลูกไว้ในรถ แต่อยู่ในสายตาตลอด ลงไปสั่งกาแฟเย็น ยื่นหัวเข้าไปสั่งในร้าน แต่ตัวเราอยู่ข้างนอกยืนติดรถตลอดค่ะ เรากลัวคนมาลักลูกไปค่ะ เสพข่าวเรื่องลักเด็กเยอะ   อุบัติเหตุแบบลูกจขกท.ยังไม่กลัวเพราะลูกเรายังเล็กมากเล่นไม่เป็น แต่พอได้ยินแบบนี้ก็ต้องระวังเผื่ออนาคตละค่ะ เราเคยได้ยินเรื่องนึงมีพ่อ ไปกับลูกสองคน ทิ้งลูกไว้ในรถแล้วลงไปซื้อของข้างทาง แต่เด็กก็คือเด็ก เขาเห็นพ่อโบกมือให้ จริงๆพ่อบอกว่า รอในรถนั่นแหละอย่าซน  ...เขานึกว่าพ่อเรียก จึงเปิดประตูวิ่งออกมาข้ามมาฝั่งที่พ่อยืนอยู่ โดนสิบล้อ......ขอโทษนะคะเรื่องเสียวนิด แต่ฟังแล้วมันแบบว่าน่ากลัวและน่าระวังเป็นอย่างมากเลยค่ะ จากคุณ : CutieVicki เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:57:03

ความคิดเห็นที่ 18 หน้ากลัวจริงๆ เลยอ่ะ ...ใจหายแว๊บเลย จากคุณ : occ26 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:59:24

ความคิดเห็นที่ 19 โชคดีค่ะ ที่ไม่เกิดเหตุร้ายแรง ผ่านแล้ว แก้ไขไม่ได้ แค่ว่า ต่อไปอย่าทำอีก เป็นพอ  ^_^ จากคุณ : :+:+ น้ำแข็งใส ใส่โซดา +:+: เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:29:07

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วใจหายแทนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่นำมาเล่าสู่กันฟัง จากคุณ : Vodka-tonic เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:32:28

ความคิดเห็นที่ 21 เเปลกใจมากว่า หลายคนกลัวลูกร้อน เเต่ไม่กลัวลูกสูดควันคาร์บอนมอนน็อกไซด์ จากท่อไอเสียที่รถปล่อยออกมา มีข่าวบ่อยนะคะ เรื่องคนจอดรถเปิดเเอร์นอน คนอื่นมาพบอีกทีเป็นศพเเล้ว นี่อาจจะไม่นาน เเต่บางทีเราลืมตัว ของเพลินตา ทำให้เดินนานเกินกว่าที่จะเป็น เด็กสูดเข้าไปไม่อันตรายมาก เเต่ก็ต้องเข้าร่างกายบ้างเเเหละ เเล้วยังเรืืองลูกใส่เกียรทำให้รถพุ่งอีก เด็กน่ะ เราไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะโตขนาดไหน มีงานวิจัยต่างประเทศว่า กว่าเด็กจะมีสติพอในการขับรถเเละตัดสินใจในการใช้รถ อายุต้องประมาณ ๒๑หรือ ๒๒ ปี ดิฉันจำไม่ได้เเน่ เพียงเเต่กฏหมายหลายประเทศให้อายุ ๑๖มีใบขับขี่ได้ หรือต้อง ๑๘ในบางประเทศ อย่าคิดว่าดิฉันตำหนิคุณนะ เพราะคุณคงได้รับบทเรียนเเละเสียใจมากอยู่เเล้ว เพียงเเต่อยากเเชร์ จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:59:20

ความคิดเห็นที่ 22 เราไม่เคยทิ้งตัวเล็กไว้ในรถคนเดียวค่ะ เพราะซนมาก เหมือนคนกลางของคุณแอนอะ แล้วเคยเจอกะตัวเอง เลยไม่กล้าแม้แต่จะคิดค่ะ ^^ แต่เราเคยช่วยเด็กที่แม่เค้าทิ้งไว้ในรถคนเดียวอะ แล้วเด็กไม่รู้เรื่อง แล้วแม่เค้าล๊อครถไว้อะ เด็กร้องไห้สุดๆ เลย สัก 2-3 ขวบได้อะ แล้วทิ้งไว้เกือบ 20 นาทีที่เราโทรหาพวกร่วมด้วยช่วยกันอะ จนต้องตามตำรวจมา มาช่วยกันงัดกระจกรถเอาเด็กออกมาก่อน กว่าแม่จะมา เฮ้อ เป็นชั่วโมงเลย ยังนึกอยู่เลย ทำไมทิ้งลูกอยู่ในรถคนเดียวได้ลงคอ ^^! จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:59:31

ความคิดเห็นที่ 23 ปล. ลูกคนโต อย่าไปโทษเขาเลยค่ะ มีโอกาสให้ปรับความเข้าใจ เขาอาจน้อยใจที่คุณมองเขาอย่างผิดหวัง เด็กรู้ได้นะคะ อย่าให้ติดใจเขาไปจนโต เเม่สามีดิฉันพูดเสมอว่า ไม่ใช้ให้หลานอายุ ๑๗ทำอะไรที่ไม่สมควรตามวัย เพราะมันไม่ใช่เรื่องจะเอาความรับผิดชอบของเราไปให้เขา มีอะไรเกิดขี้น เราได้เเต่เสียใจเเละโทษตัวเอง โทษคุณสองคนเองดีเเล้ว (อันนี้ดิฉันเสริมคำพูดคุณนะ) จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:02:52

ความคิดเห็นที่ 24 คห 22 แล้วแม่เค้ามา ตกใจไหม ทำหน้ายังไงคะ จากคุณ : CutieVicki เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:09:35

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วจี๊ด ไม่อยากจะซ้ำเติมนะคะ แต่...... คุณแม่คาดหวังให้น้องที่อายุแค่ 9 ขวบดูแลน้องตั้ง 2 คน ที่ขนาดตัวคุณพ่อคุณแม่เองยังบ่นว่าดูไม่ไหวเลยเนี่ยนะคะ อย่าไปว่าน้องเลยค่ะ งานนี้โทษใครอื่นไม่ได้ค่ะ นอกจากพ่อแม่เท่านั้น จากคุณ : อ้อมแม่น้องวิน เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:21:55

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่อยากให้คิดกันว่า "แค่แป๊บเดียวเอง ไม่เป้นไรหรอก"  วันนี้อาจไม่เป็น แต่วันหน้าไม่แน่นะคะ  กันไว้ก่อน ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าคะ เพราะอะไรมันเกิดขึ้น มันแป๊บเดียวจริงๆอย่างที่คุณว่าไว้นั่นแหล่ะคะ  นี่ถ้าคุณอยู่เมกา ผิดกม.นะคะกับการปล่อยให้เด็กๆอยู่ในรถ หรือ ในบ้านเพียงลำพัง อาจฟังดูเข้มงวดไปไหม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเด็กๆจริงๆคะ จากคุณ : Mrs Nikodem เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:22:47

ความคิดเห็นที่ 27 ขอเตือนนะคะ เรื่องทิ้งเด็กไว้ในรถ http://www.dailynews.co.th/article/822/21309 เตือนทิ้งเด็กไว้ในรถ ระวังช็อคร้อน ถึงตาย!!! อันตรายจากความประมาท อากาศร้อนจัดทิ้งลูกน้อยไว้ในรถ เทียบเท่าเตาอบ เสี่ยงเสียชีวิต ข่าวพาดหัวกรณีเด็กน้อยวัยกำลังน่ารักถูกทิ้งไว้ในรถแค่พักเดียวเพราะผู้เป็นพ่อแม่ออกไปทำธุระแล้วกลับมาลูกน้อยก็นอนหมดลมหายใจในสภาพที่สุดทรมาน หรือจะเป็นการทิ้งสัตว์เลี้ยงพวกหมาแมวไว้ในรถจนหมดลมหายใจและตายคาที่ เป็นเรื่องสำคัญที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เผยความอันตรายประการหนึ่งของการลืมชีวิตไว้ในรถ ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็มีอันตรายมหาศาล เนื่องจากความร้อนจากในรถเปรียบได้กับเตาอบเพราะเป็นปรากฏการณ์เรือนกระจกที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อเวลาผ่านไป ไม่กี่นาทีก็ทำให้พลาสติกละลายได้ ดังนั้นความตายในรถเกิดได้จาก “ความร้อน” หาใช่การขาดอากาศ และตายจากร้อนนี่ทรมานมาก เพราะในเด็กและสัตว์นั้นจะเกิดภาวะ “ช็อคร้อน (Heat stroke)” ได้ง่าย ทำให้เป็นลมตาย ชักเกร็ง น้ำลายฟูมปาก อย่างไรก็ตาม นพ.กฤษดา แนะหลักป้องกันช็อคร้อนจนเสียชีวิตคารถ เริ่มจาก “ใช้รถยนต์เพื่อขับขี่เป็นหลัก” ขอให้คิดว่าการใช้อยู่อาศัยและนอนหลับแทนบ้านนั้นเป็นวัตถุประสงค์รอง ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าถึงอย่างไรรถยนต์ทั่วไปไม่ได้ทำไว้ให้ใช้เป็นที่พักอาศัย “อย่าทิ้งลูกหรือสัตว์เลี้ยงไว้ลำพังในรถไม่ว่ากรณีใดๆ” เพราะในเด็กเล็กหรือสัตว์ที่ไม่รู้เรื่องอาจเผลอไปกดปุ่มล็อครถอัตโนมัติเองแล้วทำให้ไม่มีใครเข้าไปช่วยได้ แต่หากจำเป็นจริงๆ “ลดกระจก” ให้ลดกระจกลงมาข้างละนิดเพื่อระบายอากาศและความร้อน แล้วก็ต้องแน่ใจว่าคนที่อยู่ในรถมีวุฒิภาวะเพียงพอ นอกจากนี้ “อย่าทิ้งของกินไว้ในรถที่ร้อนจัด” โดยเฉพาะขวดน้ำพลาสติกและขนมที่บูดเสียง่าย ในรถที่มีความร้อนสูงจะทำละลายเคมีพิษในพลาสติกออกมา (Xenoestrogens) เมื่อเวลารับประทานเข้าไปจะได้เต็มๆ อีกยั้ง “อย่าติดฟิล์มกรองแสงให้มืดนัก” เผื่อมีคนผ่านมาจะได้เห็นเหตุฉุกเฉินและเข้ามาช่วยได้ทัน ดังนั้นเวลาติดฟิล์มรถยนต์นอกจากคิดเพียงเรื่องความเย็นสบายและความเป็นส่วนตัว ขอให้นึกถึงกรณีฉุกเฉินไว้ด้วย และ “รู้วิธีปฐมพยาบาล” เมื่อเกิดอันตรายขึ้นแล้ว วิธีปฐมพยาบาลในกรณีที่ช็อคจากความร้อน(Heat stroke)คือ เปิดหน้าต่างและทำให้อากาศรอบข้างระบายถ่ายเทได้ดีที่สุด คลายชุดให้หลวมแล้วหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดใบหน้า, ศีรษะ(โดยเฉพาะในเด็ก) และตามหลอดเลือดใหญ่ อย่าง ซอกคอ, แขนและขา อย่าป้อนน้ำในขณะยังไม่ได้สติดี เพราะจะยิ่งทำให้มีอันตรายจากการสำลักมากขึ้นนั่นเอง จากคุณ : อ้อมแม่น้องวิน เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:28:04

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วก็นี่ข่าวเด็กที่โดนทิ้งติดอยู่ในรถ อ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ค่ะ คำเตือน ใจไม่แข็งอย่าอ่านค่ะ เศร้ามากๆๆๆๆๆ ให้ลูกนอนแอร์รถ แม่ดร.เผลอ ขาดอากาศดับ http://www.thairath.co.th/content/region/83192 สลด! ลืมเด็กไว้ในรถ จนโดนแดดเผาดับอนาจ http://talk.mthai.com/topic/25344 หน้าต่างรถหนีบเด็กตาย http://hilight.kapook.com/view/14517 สุดสลด! พ่อขี้ลืมทิ้งลูกในรถ 5 ชม.ทำลูกดับ http://hilight.kapook.com/view/59062 จากคุณ : อ้อมแม่น้องวิน เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:44:29

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นกำลังใจให้คุณแอนมนพั๊นซ์ คราวนี้คงเป็นบทเรียนที่จำไปตลอดชีวิตแล้ว ขนาดเราขับรถจอดยังต้องใส่เกียร์ว่าง ลูกเราลงจากรถ เรายังต้องเป็นคนเปิดประตูเอง ส่วนเรื่องเล่นพวงมาลัย เราอนุญาิตเป็นบางครั้ง แต่ครั้งที่อนุญาต คือจะมีพ่อ หรือตานั่งอยู่ (เด็กนั่งตัก) และไม่ได้ให้เล่นบ่อยๆ เพราะกลัวลูกจะเคยชินค่ะ จากคุณ : สักวัน ความดีต้องปรากฏ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:22:08

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณที่มาแชร์ ไม่เคยคิดจะทิ้งลูกไว้ในรถเลยค่ะ หอบหิ้วไปด้วยกันเหนื่อยแต่ก็สบายใจกว่า จากคุณ : k.lover เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:28:21

ความคิดเห็นที่ 31 คห28ข่าวทุกข่าวเราเองก็เคยอ่านมาก่อนหน้า และนั่นทำให้เรากลัวสุดชีวิตเรื่องรถกับเด็ก ไม่ว่าทิ้งไว้ในรถ ลงรถแล้วโดยรถทับ ไม่ว่ากรณีใด เราจะป้องกันทุกทางไม่ให้เกิดขึ้น เพราะเราคงทำใจไม่ได้แน่นอนถ้าเกิดอุบัติเหตุแบบข่าว คงมีชีิวตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่นอน บอกตรงๆ ไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยเรื่องทิ้งลูกไว้แล้วไปทำธุระ จะสุดวิสัยอย่างไรแย่สุดคือเอาลูกลงไปด้วยกันค่ะ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:52:52

ความคิดเห็นที่ 32 1 หรือ 2 นาที หรือเพียง 1 วินาทีก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ ข่าวหรืออุบัติเหตุที่ออกในทีวีไม่มีหรอกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ใช้เวลานานถึง 20 นาที มีแต่เกิดทันทีทันใด หรือพริบตาเดียวทั้งนั้น อย่าให้วัวหายแล้วล้อมคอกเลย จากคุณ : zhinza เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:38:21

ความคิดเห็นที่ 33 รถสมัยนี้ ส่วนใหญ่เป็นแบบปุ่มอัตโนมัติแทบทั้งนั้น ปุ่มนั่นปุ่มนี่เยอะแยะไปหมด เด็ก ๆ คงอยากจะอดใจที่จะไม่กดเล่นไม่ได้  ส่วนตัวแล้วกลัวอเรื่องลูกจะไปโดนเกียร์ (auto) มาก ๆ ค่ะ เพราะรถสมัยนี้แค่เข้าเกียร์ว่าง ก็พุ่งแล้ว เคยคิดจะทิ้งลูกไว้ในรถเหมือนกัน (แค่แป๊บเดียวนะคะ) เพราะความที่กลัวลูกจะร้อนเพราะแดดนี่แหละ แต่คิดไปคิดมา กลัวโน่นกลัวนี่ ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต ตัวอย่างก็มีออกเยอะแยะ โชคดีนะคะที่ครั้งนี้ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น เป็นกำลังให้คุณแม่นะคะ อย่าคิดมากเลยค่ะ คิดว่าเป็นอุทาธรณ์ในครั้งต่อไปละกันนะคะ จากคุณ : แม่เจ้าจ้อย เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:49:11

ความคิดเห็นที่ 34 เราหัดให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่ 1 เดือน เป็นแบบตะกร้า เวลาไปไหนถอดออกจากรถหิ้วไปด้วย พอโตจนถึง 5 ขวบแล้ว ก็ยังนั่งอยู่ แต่เปลี่ยนคาร์ซีทไปตามวัย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราจะไม่ทิ้งลูกไว้ในรถเลย มีบ้าง เช่น จอดริมถนน เดินลงไป 3 ก้าว กดเงิน แต่เราจะเปิดกระจกรถครึ่งนึง ไม่ใช่ด้านที่ลูกนั่งนะค่ะ ใส่เบรกมือ ล็อครถด้วย ลูกนั่งคาร์ซีท ลุกมาซนไม่ได้ หลับปุ๋ย...ติดกับคาร์ซีทนั่นแหละ ไม่เคยให้คลาดสายตาเลย เพราะเธอก็ซนใช่เล่นอยู่ ตอนนี้ลูกชาย 5 ขวบแล้ว จูงไปด้วยทุกที่ ลูกเราก็อดทน เดินตลาด ช่วยแม่หิ้วของด้วย ตัวติดกับแม่ เคยมีแถวบ้าน ติดเครื่องรถยนต์ไว้ แล้วลงไปซื้อของ เสร็จโจรทันที ขับรถหนีไปเลยค่ะ เด็กยังไร้เดียงสา อย่าไว้ใจค่ะ พริบตาเดียว เกิดอะไรขึ้นมา คนเป็นแม่หัวใจสลายค่ะ จากคุณ : สกุลลัน (สกุลลัน) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 23:00:02

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคำวิจารณ์และติติงนะคะ ---------------------- ตอบ อ้อมแม่น้องวิน นะคะ งานนี้เราไม่ได้โทษลูกเลย และเราว่าอย่าพูดกันเรื่องประเด็นนี้เลย เราไม่ได้มาตั้งกระทู้ถามหาคนผิด  เพราะคนผิดคือเราอยู่แล้ว เราโทษตัวเองตลอดมาอยุ่แล้ว ที่เราตกใจมาก มันเป็นแค่การงุนงง คิดไม่ถึงของเราเท่านั้น เพราะเราบอกไปแล้วว่า เราสอนลูกเรื่องพวกนี้ตลอดเวลา เราเลยงงว่า มันเกิดขึ้นกับคนโตได้ยังไง เราไม่เคยให้ลูกเล่นอะไร ที่เสี่ยงอันตราย เพราะคำสั่งเราค่อนข้างจะเด็ดขาด แต่เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องสอนต้องดุลูกว่าเล่นไม่ได้นะ -------------------------------------- ส่วนเรื่องทิ้งลูก ในรถตามลำพัง นั้นแทบจะไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ได้บอกว่าไม่เคยนะคะ แต่อย่างที่บอกเรา 2 คนเลี้ยง เด็ก 3 คน บางครั้งมันต้องเกิด เหตุสุดวิสัย ซึ่งเราว่า ถ้าใครตกสถานะเดียวกับเราต้องเข้าใจ ครั้งนี้ เพราะเราจอดรถชิดกับร้านมาก  รถสัญจรแทนไม่มี และคิดว่าแป๊บเดียว เลยชะล่าใจ --------------------------- เรื่องเกียร์นั้น  ขนาดเรานั่งในรถพ่อเค้าระวังตัวดึงเบรคมือ ตลอดเวลาอยู่แล้ว ------------------------------ ส่วนเรื่องที่ ส่ง link มานั้น เราและแม่ๆ ในนี้ขอขอบคุณมากค่ะ เราเองก็มีข้อมูลส่วนนี้มานานแล้วและระวังเรื่องนี้อยู่ตลอด แต่ก็ยังไม่วาย --------------------- เราอยากจะให้ สิ่งที่เกิดกับเรา เป็นอุทาหรณ์  ว่า บางทีคุณคิดว่าคุณระวังดี แล้ว แต่มันอาจจะยังมีบางอย่างนอกเหนือการคาดการณ์ ของคุณ เราเชื่อว่าต้องมีคนที่เคยทำแบบเราแวะเข้ามาอ่าน เพราะเราเคยเห็นอยู่บ่อยๆ เราหวังว่า เรื่องของเราจะเป็นประโยชน์ต่อคนเหล่านั้น ไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ไม่เคยทำแบบเรา มันก็ดีอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องเราอาจจะไม่เป็นประโยชน์ ---------------------------------- และขอบคุณมากๆ สำหรับคำขอบคุณและปลอบใจของหลายๆ ท่าน ส่วนนึงเราก็ต้องการการปลอบใจค่ะ  ซึ่งคุณแม่ในนี้ก็มีให้กันเสมอ เพราะหากเกิดอะไรร้ายๆ คนที่เสียใจที่สุดก็คือ เราสองคน แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 09:11:49 จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 09:09:01

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ แอนมนพั๊นซ์ เราเข้าใจนะคะว่าคุณต้องการเล่าเพื่อเตือนคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ) คือตอนอ่านถึงคคห.ที่ 7 บรรทัดที่ 2-3 เข้าใจว่าคุณแม่ไปพูดกับน้องคนโตแบบนั้น เลยไม่อยากจะให้โทษน้องน่ะค่ะ คิดว่าน้องคงจะเสียใจมากแน่ อารมณ์ห่วงความรู้สึกน้องมากกว่าห่วงความรู้สึกแม่น่ะค่ะ ถ้าไม่ได้โทษน้องก็ดีแล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ขอโทษด้วยค่ะที่เข้าใจผิด จากคุณ : อ้อมแม่น้องวิน เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 09:30:33

ความคิดเห็นที่ 37 แอนไม่ได้พูดกับเค้าแบบนั้น นะคะ มันเป็นคำที่แอนคิดในใจค่ะ ขอบคุณ มากๆ ค่ะที่เข้าใจแอน แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 09:57:31 จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 09:56:37

ความคิดเห็นที่ 38 เราไม่เคยทิ้งลูกไว้เลย แค่ลงไป7 11 แค่นาทีเดียวต้องถอดเข็มขัดกันหมดก็ต้องทำ จากคุณ : ติ๊กตอก เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:53:04

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านเคสที่โพสต์โดยอ้อมแม่น้องวินแล้ว รู้สึกชื่นชมที่ยังมีคนที่อ่านข่าว ประเด็นของสังคมไทยทุกวันนี้ คนไม่อ่าน ไม่รับรู้ ข่าวสาร เลยเกิดเหตุสลดต่างๆมากมาย บางเคส ซ้ำซากจริงๆ และไม่น่าเชื่อว่า มีคนไม่รู้ว่า การเปิดแอร์นอนในรถ ทำให้เสียชีวิตได้ เพราะก๊าซคาร์บอนฯ จะเข้ามาในรถ Amazing!!!! เรื่องที่สอง คือ ความประมาท คือ หนทางแห่งความตาย ประโยคนี้ ยังเป็นจริงอยู่เสมอ คนบางคนมีโอกาสแก้ตัว แต่...บางคนไม่มีโอกาส ขอให้อย่าตั้งในความประมาทกันอีกเลยค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลาย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:44:58 จากคุณ : 2nd Ave. เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:44:08

ความคิดเห็นที่ 40 นอกจากกลัวลูกจะมีอันตรายต่างๆตามที่ว่ามาแล้ว แม่ๆอย่าลืมคิดให้หนักๆว่าหากเราทิ้งลูกไว้ในรถสักแป๊บ ลงรถไปทำอะไร หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา เช่น เกิดอุบัติเหตุกับเราแล้วเราเป็นอะไรไป หมดสติ มีคนพาเราไปโรงพยาบาล อีกนานแค่ไหนจะมีคนรู้ว่าลูกเราอยู่ในรถ เราแค่นึกๆก็หวาดเสียวแล้ว ลูกถูกทิ้งไว้ในรถคนเดียวจน...อะไรเกิดขึ้น เมื่อไหร่ไม่รุ้ได้เลยนะนั่น จากคุณ : ดาวเหนือเมื่อฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 15:57:21

ความคิดเห็นที่ 41 ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะคุณแม่ จากคุณ : รัก_ประจำทาง เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 09:42:03