|
อันนี้เป็นเคสกฏหมายที่น่าสนใจ เอามาฝากเจ้าของกระทู้ค่ะ
เผื่อจะเป็นประโยชน์...
-------------------------------------------------------------------
" เป็นกิ๊กกับสามีคนอื่น ระวังโดนเอาคืน "
มีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ให้กับสาว ๆ ที่ชอบไปเป็นชู้ หรือที่ภาษาสมัยนี้เรียกกันว่า "กิ๊ก" กับสามีคนอื่น ให้ระวังตัวกันไว้ เพราะถึงคราวภรรยาตัวจริงรู้เข้า อาจจะไม่ได้แค่เสียใจ แต่จะเสียเงินโดยไม่รู้ตัว นางกุ้ง กับนายปลาได้สมรสกันตามกฎหมายและมีบุตรคนหนึ่ง นายปลาทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอฝาง ส่วนนางกุ้งเองก็เป็นครูที่เป็นที่รู้จักกันดีในอำเภอฝาง
ช่วงต้นปี 2551 นางสาวปูก็เข้ามาเป็นพนักงานธนาคารคนใหม่ ที่ธนาคารแห่งเดียวกับที่นายปลาทำงานอยู่ ทั้งสองจึงได้รู้จักกันในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ตลอดเวลาที่นางสาวปู ทำงานที่ธนาคาร ก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันดีกับ นายปลา ไปไหนมาไหนด้วยกันตามลำพังสองต่อสองบ่อยครั้ง และแม้บางครั้งมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆไปสังสรรค์ด้วย ทั้งสองก็ยังคงทำตัวใกล้ชิดกันจนออกนอกหน้า
จนเป็นที่กล่าวขวัญ นินทา ของเพื่อนร่วมงานที่ทำงานและผู้ที่ได้พบเห็นทั่วไป ซึ่งแม้แต่เพื่อนครูโรงเรียนเดียวกันของนางกุ้งเองก็ยังเคยพบเห็นนายปลากับนางสาวปูไปเที่ยวกันสองต่อสองในลักษณะที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน
ต่อมาช่วงเดือนพฤศจิกายน 2551 ทางธนาคารที่นายปลาทำงานอยู่ได้จัดสัมมนากันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งพนักงานหลายคนในธนาคารก็ได้เข้าร่วมการสัมมนานี้ รวมถึงนายปลา และนางสาวปู โดยนายปลาพักห้องเดียวกับนายก้อง ส่วนนางสาวปูก็พักร่วมกับนางสาวนก
ในระหว่างการสัมมนานายปลาก็ไปเปิดห้องพักอีกห้องหนึ่งให้นายก้อง โดยบอกกับนายก้องว่าให้นายก้องไปพักในห้องดังกล่าวส่วนห้องที่ทางธนาคารจัดไว้ให้นั้น นายปลาจะแอบพานางสาวปูมาพักด้วย โดยเรื่องดังกล่าวก็เป็นที่รู้กันแค่ 4 คน นายปลา นายก้อง นางสาวปู และนางสาวนก และพนักงานในรีสอร์ทเท่านั้น ดังนั้นเวลา 2 คืนที่พักที่รีสอร์ท นายปลา กับ นางสาวปู ก็พักห้องเดียวกันและมีเพศสัมพันธ์กันอย่างลับๆ แต่เมื่อกลับจากการสัมมนาเรื่องนี้ก็เป็นที่พูดคุยนินทากันในหมู่เพื่อนร่วมงานที่ธนาคารและแพร่ไปจนถึงหูของนางกุ้งภรรยา เมื่อนางกุ้งรู้เข้าก็โกรธมาก กลับมาบ้านก็คาดคั้นเอาความจริงจากนายปลา โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมรับจะหย่าขาดจากนายปลา นายปลาก็เกรงจะเกิดปัญหาครอบครัวซึ่งกระทบถึงลูกด้วยจึงยอมรับกับนางกุ้งถึงเรื่องที่ตนทำลงไปที่รีสอร์ท
ต่อมานางกุ้งก็ตกลงปลงใจที่จะฟ้องนางสาวปูเพื่อเรียกค่าทดแทน ในฐานที่มาทำชู้กับสามีตนโดยบังคับให้นายปลาไปเป็นพยานเบิกความในศาลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามความเป็นจริง เมื่อนางกุ้งยื่นฟ้องนางสาวปูต่อศาล โดยกล่าวหาว่านางสาวปูแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามีของนางกุ้ง เรียกค่าทดแทน 100,000 บาท
นางสาวปูให้การต่อสู้ว่า ตนรู้จักกับนายปลาในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงานทำงานอยู่ที่เดียวกันและไม่ได้ไปมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวโดยเปิดเผยกับนายปลาเลย
นายปลาเองเป็นผู้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนก่อน รวมทั้งนางกุ้งก็ไม่ได้ฟ้องหย่านายปลา นางกุ้งจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากตนได้
ท่านผู้อ่านคิดว่ากรณีนี้นางกุ้งจะฟ้องเรียกค่าทดแทนอย่างใดๆจากนางสาวปู กิ๊กของสามีตนได้หรือไม่
ตามเรื่องที่ได้กล่าวมาเป็นกรณีที่นางกุ้งงภริยานายปลาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนางสาวปูที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีนางกุ้งในทำนองชู้สาว
ตาม ปพพ. มาตร 1523 วรรคสอง ได้ให้สิทธิแก่สามีหรือภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ใน 2 กรณี คือ เมื่อมีการฟ้องหย่า โดยมีเหตุหย่าตามมาตรา 1516 (1) คือสามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายก็สามารถฟ้องหย่าได้และเรียกค่าทดแทนได้ ตามมาตรา 1523 วรรคแรก
เท่ากับการเรียกค่าทดแทนในกรณีนี้ต้องมีการฟ้องหย่าด้วยเหตุมีชู้เป็นหลัก ส่วนกรณีของนางกุ้งนี้จะไปเข้าในลักษณะที่เรียกค่าทดแทนได้ในกรณีที่ 2 นี้คือ
เป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 1523 วรรคสองโดยตรง คือแม้ไม่ได้ฟ้องหย่านายปลา นางกุ้งก็เรียกค่าทดแทนจากนางสาวปูได้
ถ้านางสาวปู ได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีนางกุ้งในทำนองชู้สาวจริง
เมื่อนางกุ้งมีนายปลามาเบิกความเป็นพยานประกอบกับพยานหลักฐานและพฤติการณ์อื่น
จึงรับฟังได้ว่านางสาวปูมีพฤติการณ์ไปรับประทานอาหารกับนายปลาร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นโดยแสดงออกถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นพิเศษ
และการพักอยู่รีสอร์ทห้องเดียวกัน มีเพศสัมพันธ์กัน โดยมีเพียงเพื่อนร่วมห้องของทั้งสองกับพนักงานรีสอร์ทเท่านั้นที่รู้เรื่องดังกล่าวก็เป็นการแสดงอย่างเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันแล้ว นางกุ้งจึงเรียกร้องเอาค่าทดแทนจากนางสาวปูได้ การที่นายปลาไปยุ่งเกี่ยวกับนางสาวปูโดยสมัครใจหรือเป็นผู้ชักชวนนาสาวปูเองหรือไม่นั้น ไม่มีผลทำให้นางสาวปูไม่ต้องชดใช้ค่าทดแทน
ด้วยเจตนาของกฎหมายที่มุ่งจะปกป้องสิทธิของของนางกุ้งที่เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นหลัก
จึงเป็นสิทธิของฝ่ายเดียวของนางกุ้งที่ถูกนางสาวปูก้าวล่วง นางสาวปูมีหน้าที่ที่จะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสามีของนางกุ้งในทางชู้สาว หรือชายอื่นที่มีภริยาตามกฎหมายแล้ว
ข้อต่อสู้ของนางสาวปูจึงฟังไม่ขึ้นและต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่นางกุ้ง (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 4818/2551)
------------------------------------------------------------------------
ที่มา
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000109686
ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ
มีหลายคดีที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับปัญหาครอบครัวทั้งไทยและเทศ
เผื่อได้แนวทางดี ๆ ในการแก้ปัญหาค่ะ
จากคุณ |
:
แม่โอ๋เรนเจอร์
|
เขียนเมื่อ |
:
31 พ.ค. 55 12:04:19
|
|
|
|
|