Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อยากเล่าค่ะ เป็นคติสอนใจ คนที่คิดเป็น "มือที่สาม" กระทู้จากห้องสยาม ติดต่อทีมงาน

จากห้องสยาม ก็ไม่ทราบว่าเรื่องจะไปต่อยังไงนะคะ ลองอ่านกันดูค่ะ  

http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F12186407/F12186407.html#1

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดกับครอบครัวเราเองค่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับมือที่สาม มือที่สามที่ว่านั้นเป็นพี่สาวเราเอง ลังเลใจว่าจะเล่าดีไม่ดี แต่รู้สึกอึดอัด อยากระบาย และเป็นเรื่องที่ช่วยเตือนสติกับใครหลายๆคน ที่กำลังคิดจะเป็นมือที่สามได้นะคะ

เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณ10ปีที่แล้วพี่สาวเราเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง จนได้รู้จักกับหัวหน้างานซึ่งมีอายุมากกว่าพี่เราประมาณ 6ปี ตั้งแต่ที่พี่สาวเข้ามาทำงานที่นี่ พี่เค้ามักจะรับโทรศัพท์จากหัวหน้าคนนี้บ่อยๆค่ะ เราสังเกตุอย่างห่างๆ เรารู้สึกว่าเค้า 2คนเหมือนจะชอบๆกันค่ะ หลังจากทำงานที่นั่นได้ 2 ปี หัวหน้างานคนนั้นย้ายบริษัทค่ะ อีกประมาณ3เดือนต่อมาพี่เราย้ายบริษัทบ้างซึ่งบริษัทใหม่ ก็คือที่เดียวกับหัวหน้าคนนั้นค่ะ การคุยโทรยังเหมือนเดิม โทรคุยกันบ่อยมากกว่าเดิม ที่เพิ่มขึ้นคือการไปรับ-ส่งระหว่างที่ทำงาน ไปบ้าน นานเข้าหัวหน้าคนนั้นก็เข้ามาในบ้านเรา สวัสดี-พูดคุยกับพ่อแม่เรา .... ดูๆไปแล้วก็เหมือนคนจีบๆกันธรรมดาทั่วไป เข้าตามตรอกออกตามประตู แต่มันไม่ใช่ค่ะ เพราะหัวหน้าคนนั้นจากที่เราเจออายุค่อนข้างเยอะแล้วเหมือนกันค่ะ มากกว่าพี่เรา6ปี พ่อแม่และเราเองคุยกันว่า ยังไม่มีเมียเหรอ ยังไม่แต่งงานเหรอ? ซึ่งแม่ก็เข้าไปคุยกับพี่สาวตรงๆค่ะ หัวหน้าแต่งงานรึยัง ได้คำตอบจากพี่สาวเราว่า แต่งงานแล้วค่ะ มีลูกเล็กๆ2คน แม่เราถามคำถามกับพี่ไปว่า แล้วคิดยังไงกับเค้า คบกันแบบไหน พี่สาวเรายืนยันกับแม่ว่า คบกันแบบพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน....

แต่แม่เราไม่เชื่อค่ะ พฤติกรรมมันฟ้องนี่คะ นานวันยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น และที่เราสังเกตุได้อีกอย่างคือ หัวหน้าคนนั้น หลังจากมาส่งพี่สาวเราที่บ้านแล้ว ระหว่างขับรถเค้าจะโทรมาคุยกับพี่เราจนกว่าจะถึงบ้านค่ะ พอถึงบ้านปุ๊บจะขอวางปัีบ พี่สาวเราก็เออออ ไปกับเค้าด้วย เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมด ทุกครั้งที่เห้นเราจะบอกแม่ทุกครั้ง บอกแม่ว่าปล่อยอย่างนี้ไม่ได้นะ เราแอนตี้มากเรื่องแบบนี้ แม่เองก็รับรู้การกระทำของพี่มาตลอด เรารู้ว่าแม่เสียใจ บางครั้งแอบเห็นแม่ร้องไห้ แม่ก็เลยตกลงจะนัดหัวหน้าคนนั้น พี่สาวเราและ "หมอดู" ที่หัวหน้าคนนั้นนับถือมาก มาเจอกันที่บ้าน หัวหน้าคนนั้นบอกกับแม่เราว่า เค้ากับพี่สาวเรามีเวรมีกรรมต่อกัน เค้าเองรักพี่สาวเรามาก เค้าบอกว่าเค้าอยู่กับภรรยาเค้าที่บ้านจริง มีลูกด้วยกันจริงแต่เค้าหมดรักภรรยาเค้าไปตั้งนานแล้ว เค้าบอกว่าเค้ากับภรรยาคุยกันเรื่องหย่ากันไว้ แต่ยังตกลงกันไม่ได้ โดยพฤติกรรมไม่ได้มีอะไรกันแล้ว เค้าบอกภรรยาเค้าร้ายมาก เงินเดือนของเค้าแทบทุกบาท ภรรยาเค้าเอาไปหมด(ยึดเอทีเอ็มไว้) ลูกๆเค้าก็จะแยกกันอยู่ คนเล็กจะติดแม่ คนโตอยู่กับพ่อ มีการมาขู่แม่เราอีกว่า อย่าให้ภรรยาเค้ารู้เรื่องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพี่สาวเรากับตัวเค้าแย่แน่ เค้าเชื่อว่าภรรยาเค้าจะไปโวยวายที่บริษัท และอาจจะตามมาโวยวายที่บ้านเราด้วย(ซึ่งมาคิดดูทีหลัง เหตุการณ์ที่เค้าเล่าขัดแย้งกันมากกก คิดเรื่องหย่าไว้แล้ว แยกกันอยู่แต่ยึดบัตรเอทีเอ็มไว้ได้ไง แถมยังกลัวภรรยาขึ้นสมองขนาดนี้) ส่วนหมอดูคนนั้นบอกแม่เราว่า เค้า2คนเป็นคู่กัน แยกกันยังไงก็ไม่ได้ มีเวรมีกรรมต่อกัน และบอกอีกว่า หัวหน้าคนนั้นจะขอพี่สาวเราแต่งงานและจะหย่ากับผู้หญิงคนนั้นในภายใน1ปี พี่สาวเราและตัวหัวหน้าคนนั้นร้องไห้ บอกกับแม่เราว่าเค้า2คนรักกันจริงๆ และจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง...

ในที่สุดเค้า2คนก็แต่งงานกันค่ะ (แม่มาบอกเราทีหลังว่า แม่ไม่น่ายอม แม่รู้สึกผิด รู้สึกอาย ไม่น่าเชื่อคนง่าย แม่คิดว่าเค้าจะหย่ากับภรรยาอยู่ก่อนแล้วจริงๆ และไม่น่าใจอ่อนเลย) หลังจากแต่งงาน ทุกๆอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิมค่ะ โทรคุยกัน มารับ-ส่งที่ทำงาน แต่เค้าไม่มาค้างบ้านเราค่ะ กลัวภรรยาเค้ารู้ ประมาณ1-2เดือน จะแอบมาค้างที่บ้าน1-2วัน หรือช่วงเวลามีเทศกาล ก้จะมาค้างทีนึง พฤติกรรมเหมือนพี่เราเป็นเมียน้อยอ่ะค่ะ เวลาเค้ามาค้างบรรยากาศที่บ้านจะ มาคุ ค่ะ ทุกคนแยกย้ายไปที่ห้องตัวเอง กินข้าวด้วยอารมณ์แบบ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม่ร้องไห้บ่อยมาก แม่โทษตัวเองว่าผิดที่ยอมให้เค้าสองคนคบกัน แต่งงานกัน แม่บอกเราว่ามันเป็นบาปค่ะ เหมือนสนับสนุนให้ลูกตัวเองทำบาป เราก็ได้แต่ปลอบใจแม่ ไม่รู้จะทำไง เหมือนเค้าทั้ง2คนมึนๆกันทั้งคู่ ไม่รู้สึกว่าผิด หรือบาป อะไรเลย

แต่เราเชื่อเรื่องเวรกรรมค่ะ เพราะหลังจากที่พี่สาวเราแต่งงาน พี่สาวเราต้องผ่าตัดมดลูก2ครั้ง มีอาการปวดทรมานก่อนจะผ่าตัด หลังผ่าตัดมีอาการแพ้ยา อาเจียนแทบจะหมดแรง ต่อมาเกิดเป็นฝีเม็ดใหญ่บริเวณใกล้ๆช่องคลอด ต้องผ่าตัดอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ป่วยบ่อยค่ะ หนักบ้างเบาบ้าง ซึ่งการป่วยแต่ละครั้ง หัวหน้าคนนั้น จะรู้ทีหลังเสมอ พ่อกับแม่เราเป็นคนพาพี่ไปส่งรพ.เองทุกครั้ง หาคนเฝ้าไข้เอง หัวหน้าคนนั้น เค้าจะแวะมารพ.ประมาณครึ่งชัวโมงแล้วก็ขอตัวกลับค่ะ ส่วนเรื่องหน้าที่การงานของพี่สาว ก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ โดนให้ออกจากบริษัท หางานใหม่ก็ยาก ต้องเปลี่ยนงานบ่อยมาก ถึงมันจะพิสูจน์ไม่ได้ว่า มันเป็นเรื่องเวรกรรมรึไม่ แต่ส่วนตัวแล้วเราเชื่อค่ะ หลังจากแต่งงานผ่านไป3ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น สุขภาพจิตพ่อแม่เราแย่ลงทุกวัน สุขภาพก็แย่ตาม พวกเราตกลงที่จะมานั่งคุยกันว่า เราจะต้องเด็ดขาดกับผู้ชายคนนั้นและพี่สาวเราเองค่ะ ปล่อยให้เป้นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แม่เรายื่นคำขาดกับพี่สาวเรา ให้บอกเลิกผู้ชายคนนั้น ให้เค้ากลับไปหาครอบครัวของเค้า ให้ยุติความสัมพันธ์แบบสามี-ภรรยา (แบบผิดๆ) แม่บอกว่า ตั้งแต่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แม่รู้สึกผิดมาตลอดที่ยอมให้คบกัน แต่งงานกัน และฝ่ายชายก็หลอกแม่ โกหกแม่เรื่องหย่า (พอจะมาทราบเรื่องทีหลังว่าเป้นแค่ข้ออ้างค่ะ เค้าไม่ได้ตกลงที่จะหย่ากันตามที่ฝ่ายชายอ้างเลย) แม่บอกว่ามันเป้นบาปกรรม ซึ่งตอนนี้กำลังได้รับผลกรรมนั้นอยู่ แม่อยากให้จบเพียงเท่านี้ แม่จะอโหสิให้ และขอให้ผู้หญิงคนนั้น(ภรรยาของเค้า) อโสิให้แม่ด้วย พี่สาวเราตกลงค่ะ เค้าบอกเค้าเลือกพ่อแม่ เค้ายอมที่จะเลิกกับผู้ชายคนนั้น (ส่วนตัวเราคิดว่ามันง่ายจัง แต่ก็ขอรอดูต่อไป) ผู้ชายคนนั้นพอรู้ว่าพี่สาวบอกเลิก ก็ร้องไห้ค่ะ ร้องหนักมาก แต่ก็ยอมโดยดี (นี่ก็ง่ายไปมั้ย) แถมวันรุ่งขึ้นก็มาขอขมาพ่อแม่เรา ขอให้อโหสิกรรมให้กับทุกๆเรื่องที่ทำไป ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เค้ามาขอขมาพ่อแม่เราค่ะ

เมื่อสักครู่เรานั่งคุยกับพี่สาว เราว่าเลิกๆไปเถอะ มันบาป คบกันแล้ว ไม่มีใครสบายใจซักคน ทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ ตัวเราก็บาป พี่สาวก็รับฟัง เราก็บอกว่าผู้ชายคนนั้นเห็นแก่ตัวมากนะ คนๆเดียวทำให้คนเป็นทุกข์ได้ตั้งหลายคน ส่วนตัวพี่เองก็บาป ถ้าไม่ไปเล่นด้วยกับเค้าก็คงไม่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พี่สาวเราก็บอกว่า อย่าไปว่าเค้าเลย บางทีพี่สาวอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดก็ได้.... ระหว่างคุยกัน ผู้ชายคนนั้นเค้าโทรมาค่ะ เราก็เอ๊ะ ก็เพิ่งบอกเลิก ขอขมาพ่อแม่กันไป โทรมาทำไม แต่พี่สาวเราไม่รับค่ะ อาจเป็นเพราะอยู่กับเราด้วย รึป่าวไม่ทราบ

หลังจากนี้เรื่องจะเป็นยังไงต่อไป เราไม่รู้ค่ะ เค้าจะเลิกกันจริงๆ หรือแอบติดต่อกัน บอกตรงๆว่าเราเหนื่อยกับเรื่องนี้มากๆ บางที่เราเกลียดพี่สาวตัวเองมาก ไม่อยากมองหน้า บางทีก็สงสาร เราอยากให้พี่สาวเราคิดได้ และออกห่างจากผู้ชายพรรค์นั้นไปไกลๆ อยากจะชวนเค้าไปนั่งสมาธิ ทำบุญ หวังว่าคงจะช่วยให้พี่สาวเราคิดได้ ไม่ทำอะไรผิดๆอีกต่อไป...

ปล.เรื่องจะยาวนิดนึงนะคะ ใช้เวลาพิมพ์นานมาก พิมพ์ผิด ใช้คำไม่ถูกต้อง ก็ขอโทษนะคะ หรือเรื่องยาวไปเล่าน่าเบื่อก็ขอโทษด้วย ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องของเรา ออกความเห็นได้นะคะ เราอยากให้พี่สาวเราคิดได้จริงๆซักทีอ่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

จากคุณ : สงสาร...ใคร?

จากคุณ : beermania
เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:31:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com