ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าเจ้าเพื่อนของเราเป็นคนรักสวยรักงาม  แต่งงานมาได้พักหนึ่งก็วางแผนจะมีลูก   แต่ระหว่างนั้นเธอก็ยังเสริมสวย  เข้าคลีนิคเสริมความงามเป็นระยะๆ  และก็ฉีดสารเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวเป็นประจำ  แต่ที่เจ้าตัวไม่รู้ก็คือตอนนั้นเธอตั้งครรภ์ได้อ่อนๆแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็ท้องได้ 2 เดือน  ก็ไม่มีอะไร  แพ้ท้อง  ฝากครรภ์ไปตามเรื่องตามราว แต่พอ 8 เดือน ไปซาวด์  คุณหมอบอกว่าไตของน้องทำงานได้ไม่เต็มที่   คลอดออกมาต้องขอดูการทำงานของไตอีกที  ว่าซีเรียสขนาดต้องผ่าตัดหรือไม่  แต่ใจคุณหมออยากให้รอจนน้องโตหน่อยดีกว่า จากคุณ : จขกท (miss indian) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 21:58:53

ความคิดเห็นที่ 2 คุณหมอนัดผ่าตอน 37 วีค  ตอนคุยกันเราก็นึกในใจว่าทำไมรีบผ่าจัง  น่าจะรอให้น้องโตอีกหน่อย พอคลอดออกมา  คุณหมอตรวจพบว่า  นอกจากจะไตข้างขวาทำงานแค่ 34 %  แล้ว  น้องยังมีฟันล่าง 1 ซี่  และลิ้นหัวใจปิดไม่สนิทด้วย จากคุณ : จขกท (miss indian) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 21:59:35

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อไปนี้คืออาการของน้องตามที่คุณหมอตรวจเป็นระยะๆ ค่ะ หลังคลอดในส่วนของไต  คุณหมอขอรอดูไปก่อน  ส่วนฟันให้ถอนเลย  เพราะจะทำให้ดูดนมลำบาก 15 วันหลังจากกลับบ้าน  คุณแม่พาลูกไปหาหมออีกครั้ง  หลังพบว่าแผลจากการถอนฟันเป็นหนอง  และชอบสำลักนม 1 อาทิตย์ต่อมา  เจ้าตัวเล็กไข้ขึ้นเป็นระยะๆ ประมาณ 1 เดือนหลังคลอด  ไปตรวจตา และผิวหนังอักเสบ ตรวจไปตรวจมาหมอจับเอ็กซเรย์ปอดและให้นอนโรงพยาบาล เพราะเจอภาพในปอดมีรอยเปื้อน จากอาการสำลักนมทุกครั้งที่กินและกินได้น้อยลง......หมอให้นอนดูอาการและให้นมทางสายยาง และรอตรวจเรื่องการดูดกลืนอีกที ระหว่างอยู่รพ.ต้องโดนดูดเสมหะทางสายยาง  สวนปัสสาวะ  ใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะออกซิเจนในร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์ และยังมีปัญหากินนมได้น้อย  ระหว่างนั้นยังโดนเอกซเรย์ปอดเป็นระยะๆเนื่องมาจากการสำลักนม จากคุณ : จขกท (miss indian) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:00:54

ความคิดเห็นที่ 4 ตรวจไปตรวจมา  พบว่าน้องแพ้นมวัว และเกิดการติดเชื้อในปอด  ต้องให้ยาฆ่าเชื้ออีก 7-10 วันตามอาการ ระหว่างนั้นหมอยังหาสาเหตุของการสำลักนมไม่ได้  วางแผนจะใส่เครื่องมือลงไปทางคอแล้วรอดูปฏิกริยา 24 ชม.  แต่สุดท้ายก็ต้องเลื่อนไปเพราะอาการอักเสบที่ปอดไม่ดีขึ้นแถมลามไปที่ปอดอีกข้าง 2 วันต่อมาน้องไข้ขึ้นสูง  หมอคิดว่าน่าจะมาจากการติดเชื้อในกระแสเลือด  ต้องสวนปัสสาวะไปตรวจและเจาะเลือด  ผลปรากฏว่าเลือดจางต้องให้เลือดเสริม 1 สัปดาห์ต่อมา น้องต้องย้ายไปห้องผู้ป่วยติดเชื้อ เพราะผลเอกซเรย์ปอดพบว่าปอดแฟบมากขึ้นและไข้ขึ้นสูง หลังจากอยู่ห้องปลอดเชื้อได้พักหนึ่ง  คุณหมอก็ให้งดน้ำและอาหารเพื่อ CT Scan บริเวณโพรงจมู หาสาเหตุอาการสำลัก ก่อนจะเข้าอุโมงค์  พยาบาลหาเส้นเลือดอยู่เกือบชั่วโมงเพราะโดนมาหลายแผลแล้ว  กว่าจะหาที่ฉีดยาสลบได้  ฉีดไป 4 เข็มก็ยังไม่สลบ  เลยต้องเลื่อนการ scan ออกไปอีกครั้ง สุดท้ายการสแกนครั้งที่สองเป็นผลสำเร็จ  หมอกำลังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผล  ตอนนี้ยังคงต้องให้เลือดเป็นระยะๆ เพราะเลือดจาง อาการล่าสุดคุณหมอกำลังลองถอดเครื่องช่วยหายใจว่าประมาณออกซิเจนจะปกติหรือไม่ ตอนนี้เพื่อนๆทุกคนได้แต่ภาวนาให้น้องแข็งแรงไวๆ จากคุณ : จขกท (miss indian) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:02:24

ความคิดเห็นที่ 5 จนถึงตอนนี้น้องก็เข้ารพ.ไปเดือนกว่าๆแล้ว  คุณหมอยังรอดูอาการอยู่ เรื่องนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสารเคมีที่ร่างกายของแม่รับเข้าไปตอนตั้งครรภ์อ่อนๆรึเปล่า   ยังคงเป็นที่สงสัย  เราเป็นแม่เหมือนกันฟังแล้วก็ใจหาย อยากจะมาเล่าแชร์กันสำหรับแม่ๆที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ หรือเตรียมตัวตั้งครรภ์  วางแผนเถอะค่ะ และเตรียมร่างกายของคุณให้พร้อมสำหรับการให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ตอนท้องเราคิดอยู่เสมอว่า  การเตรียมตัวและดูแลตัวเองของเราจะส่งผลต่อร่างกาย ของลูก  ซึ่งเค้าจะต้องอยู่กับร่างกายนั้นต่อไปอีกอย่างน้อย 60 ปี   เพราะฉะนั้นแค่ 10 เดือนที่ต้องอดทน เป็นต้นทุนที่เราสร้างได้ ไม่มากมายสำหรับลูกของเรานะคะ  ฝากไว้สำหรับแม่ๆค่ะ จากคุณ : จขกท (miss indian) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:05:34

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปันค่ะ ^____^ จากคุณ : Tj เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:15:33 A:110.49.233.231 X: TicketID:351500

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นกำลังใจให้น้องนะคะ ขอให้น้องหายเร็วๆ กลับมาแข็งแรงๆนะคะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : ผักบุ้งฮาเฮ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:16:29

ความคิดเห็นที่ 8 ขอให้น้องหายไวๆนะค่า จากคุณ : Harutoaki เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:33:21

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบคำว่า "ต้นทุนที่เราสร้างได้" ให้กับลูก ทุกวันนี้ เราก็อยู่กับชีวิตที่ไม่ครบ 32 เพราะแม่ชอบทานยาแก้หวัดบ่อยตอนท้อง เข้าใจซึ้งกับคำว่า "ครบ 32" จริงๆค่ะ พอเรามาท้องเอง บำรุงเต็มที่ ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นอย่างเรา ผลที่ออกมาคุ้มจริงๆค่ะ ^^ จากคุณ : อยากกินลาเต้เย็นๆ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:46:38

ความคิดเห็นที่ 10 ฟังแล้วใจหายจริง ๆ ค่ะ สงสารน้องอ่ะ ขอให้น้องหายไวไวนะคะ ของเราก็รู้สึกผิดมาก เพราะก่อนท้อง เราไม่รู้ตัวเลย มีเมนส์แบบว่าล้างหัวเด็กมาด้วย เราก็นึกว่า ปจด ปกติ เราดูดบุหรี่เยอะอ่ะ น้ำหนักลงเอา ๆ ก็ไม่คิดว่าท้อง จนเกือบสามเดือนถึงได้เทส รู้สึกผิดเรื่องบุหรี่กับลูกมาก ๆ จากคุณ : rainswatch เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 01:15:41

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณที่ช่วยเตือนกันนะคะ เราเป็นอีกคนที่ไม่กล้ากินวิตตามินเสริม พวกผิวขาว ผิวใส ไม่ไปคลินิคผิวหนัง จะกินยาต้องนั่งอ่านฉลากให้จบก่อนค่อยกิน นอยค่ะ จากคุณ : NatMoshi เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 02:05:33

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านจบ หัวใจทรุด สงสารน้องมาก ภาวนาให้หายเร็วๆนะคะ และแข็งแรง ไวๆ จากคุณ : Eye blue Busch เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 03:33:38

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องนี้ หมอยังหาสาเหตุไม่ได้ ดิฉันไมฟันธงนะ เเต่จะบอกว่า ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงที่ไม่กินยาคุม หรือคุมโดยวิธีอื่น เเต่มีเพศสัมพันธ์ (กรณีความสัมพันธ์ถาวร) เเล้วกินยาหรือทายา ไม่ระวังเลย จะหาว่าดิฉันตำหนิก็ได้ คือถ้าไม่คุมกำเนิด มันก็มีเปอร์เซ้นต์ตั้งท้องอยู่เเล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนมีลูกยากหรือง่าย นอกจากจะเป็นหมันก็อีกเรื่อง หรือคุมเเล้วเเต่ผิดพลาดนั่นอีกประเด็นนะ พอตั้งครรภ์ก็วิตก ว่าจะมีผลต่อเด็กหรือเปล่า เเล้วบอกตรงๆ เมืองไทยไปหาหมอผิวหนัง ไปหาคลีนิคเสริมความงาม ลูกค้าหรือผู้บริโภค เเทบไม่มีสิทธ์รับรู้เรื่องตัวยา หรือผลข้างเคียงของยาเลย เขาไม่บอกชื่อ ไม่เเจงรายละเอียด จะมีกี่สถาบันที่บอกลูกค้าอย่างเเจ่มเเจ้ง มีสัญญาให้เซ้นต์เป็นรายลักษณ์อักษร ถ้าอยากสวย ช่วยคุมกำเนิดเถอะค่ะ หรือถ้าเเต่งงาน ไม่คุม ก็ช่วยระวังสักนิดก่อนทำอะไรกับร่างกายตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องของดิฉัน เเต่รู้สึกเพียงเเต่ว่ามันเป็นเรื่องป้องกันได้ ดิฉันไม่ใช่เเม่ที่ดี บอกได้เลย เเต่ตอนท้องเป็นฝี หมอผ่าสดๆไม่ฉีดยาชามาเเล้วค่ะ เจ็บน้ำตาร่วง เพราะเเลกกับสุขภาพลูกที่มองไม่เห็นนี่เเหละ จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 03:38:56

ความคิดเห็นที่ 14 เราโหวตให้ค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่ควรรู้ และควรปฏิบัติจริง ๆ จากคุณ : newoasis2 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 08:31:36

ความคิดเห็นที่ 15 เราจะระวังเรื่องนี้ตลอดค่ะ ขนาดครีมที่มีส่วนผสมสำหรับช่วยให้ผิวขาวขึ้นเรายังไม่กล้าทาเลย ทาแต่ครีมกันแดด ขนาดอาหารเสริมลดน้ำหนักที่เคยทานอยู่พอคิดจะเปิดอู่ก็เลิกทันทีเลยเหมือนกัน สิ่งที่เราไม่รู้นี่เราควรระวังไว้ก่อนเป็นดีค่ะ จากคุณ : dareem เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 09:27:52

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นกำลังใจให้น้องหายไวๆ นะคะ เราเองตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงตอนนี้ 20wk แล้วสิวขึ้นทั้งหน้า ทั้งตัว ขี้เหร่มาก เพื่อลูกจึงยอมไม่ทาครีมหรือรักษาสิวเลย ปล่อยให้ขี้เหร่แบบนี้แหละ TT อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนเปลี่ยนทำให้สิวขึ้น คงต้องอดทนต่้อไปจนคลอด จากคุณ : กะแจงกะตั้น เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 10:36:56

ความคิดเห็นที่ 17 น่าสงสารน้องมากเลยค่ะ แค่ลูกเราโดนเจาะหาเส้นเลือดหลายเข็มยังเจ็บแทนเลย แล้วน้องยังเล็กอยู่แท้ไ จากคุณ : Konba_naruK เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:01:13

ความคิดเห็นที่ 18 น้องน่าสงสารมาก ขอให้น้องหายไวๆ   และขอให้สุขภาพ ร่างกายแข็งแรงนะคะ จากคุณ : อิมซังกุง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:36:03

ความคิดเห็นที่ 19 ขอให้น้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นโดยเร็วนะคะ จากคุณ : คนใหม่คนเดิม เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:53:38

ความคิดเห็นที่ 20 หน้ากลัวจังเลยค่ะ เราก็ท้องอยู่เหมือนกัน จากคุณ : อ้อมใจ (aomjai_ka) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 12:39:32

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วใจหาย สงสารจังยังเล็กอยู่เลย แต่ต้องมาเจ็บตัวมากมายขนาดนี้ หายเร็วๆ สุขภาพแข็งแรงนะคะ จากคุณ : คนธรรมดาบินไม่ได้ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 12:39:44

ความคิดเห็นที่ 22 เรานี่วางแผนจะมีลูก ก็ระวังเรื่องยา เรื่องAHA คาเฟอีนตลอดนะคะ พอเดือนไหนไม่ท้องค่อยกลับมากินโค้กกินกาแฟให้สะใจ แล้วพอช่วงมีโอกาสที่จะท้องได้ก็งดไว้ก่อน แล้วพบว่าไม่ท้องก็ค่อยวนลูปกินโค้กกินกาแฟใหม่ ไม่อยากให้ลูกพลาดค่ะ จากคุณ : Cuddle เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 12:43:57

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านแล้วน้ำตาร่วง น้องยังเด็กมากๆแต่โดนเจาะนั่นนี่ฉีดอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ตัวแค่นั้นต้องถอนฟัน โอ้วว เราเห็นด้วยกับ #13   ถ้ายังมีเพศสัมพันธ์ก็ให้คุมกำเนิดก่อนเถอะ อย่าคิดว่าไม่มาหรอกท้องยาก ฯลฯ เพราะในชีวิตประจำวัน มันมีแต่พิษทั้งนั้น เกิดลูกติดท้องขึ้นมา ก็ต้องมานั่งกังวลอีกว่าตัวเองเพิ่งกินยาชนิดนั้นมา ไปเสริมนี่มา ไปฉีดมา จะเป็นอะไรกับลูกมั้ย มันมีอยู่แล้วค่ะผลกระทบ ทุกสิ่งอย่างที่ร่างกายเรารับ มาอยู่ในเลือด ในน้ำเหลือง แล้วคิดเหรอว่าลูกจะไม่ได้รับ แต่จะมากน้อยหรือไม่แค่นั้นเอง เวลาเห็นกระทู้แม่ๆบอกว่า ท้องอยู่ทำสีผมได้มั้ย ยืดได้มั้ย ฯลฯ บอกตรงๆว่าเซรงงงงนะ  จะสวยก็รอให้ลูกออกมาก่อนได้มั้ย มันไม่คุ้มเลยกับเอาไปเสี่ยง แค่ไม่กี่เดือนเองอดทนหน่อยเถอะ เวลาทำสีหรือยืดผมช่างทำผมให้ยังปิดปากปิดจมูกซะมิด ส่วนคนโดนทำก็ปวดหัวเพราะสี กลิ่นน้ำยาจะแย่   แล้วตัวอ่อนที่ยังไม่ภูมิคุ้มกันอะไรเลยน่ะ ไม่มึนอ้วกแตกอ้วกแตนเหรอ ไม่รู้สิ จะหาว่าเราหัวโบราณก็ได้ แต่พวกน้ำยา สารเคมี สิ่งแปลกปลอมทั้งหลายแหล่ แม้ไม่ได้กินเข้าไปตรงๆ แต่แค่สูดเข้าไป ผลกระทบมันมีแน่ๆ กรณีนี้ขอให้น้องปลอดภัยนะคะ ถ้าเราเป็นแม่น้องคงเสียใจมากๆ หากผลออกมามีส่วนทำให้น้องต้องเป็นแบบนี้เพราะสารเคมีที่แม่รับไปเอง จากคุณ : มะปรางข้างรั้ว เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 13:23:13

ความคิดเห็นที่ 24 ที่ทำงานเก่าเคยมีเคสว่า  มีพนักงานผู้หญิงระดับซุปคนนึง ทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี  แล้วขณะนั้นเธอท้องได้ประมาณ 4-5 เดือน  และกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับ line ที่เธอทำ  เธอทำอีท่าไหนไม่รู้  ดันเติมน้ำลงในกรดที่อยู่ใน tank   ผลคือระเบิดตูมอย่างแรงควันขาวแบบขโมงๆๆๆอย่างมาก แล้วเธอก็ไม่รู้ทำยังไง เลยวิ่งถือไอ้ tank นั้นนะ ออกมาจากline แล้วก็สูดมันไปตลอด  เห็นว่าลูกที่คลอดออกมากลายเป็นเด็กไม่สมบูรณ์ไปเลยค่ะ จากคุณ : LadyYuna เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 14:11:22

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วปวดใจ ขอให้น้องหายเป็นปกติไวๆด้วยเถิด จากคุณ : Wanna be เทพีบ้านไพร เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 14:16:50

ความคิดเห็นที่ 26 หมอสรุปได้แล้วรึยังคะ ว่าเพราะอะไร จากคุณ : JingleJ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 14:32:43

ความคิดเห็นที่ 27 เพาะสาเหตุนี้แหละค่ะ ทำให้ไม่กล้ากินยาแก้ปวด ทั้งที่ปวดหัวมา 3 วันแล้ว เพราะกำลังท้องได้ เดือนกว่าๆ จากคุณ : แม่น้องอิค (แม่น้องอิค) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 15:11:40

ความคิดเห็นที่ 28 ยาเกือบทุกชนิด มีพิษต่อทารกในครรภ์ แม้กระทั่งวิตามินเกินขนาด สามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้ตามเวปไซด์ จากคุณ : MindLife เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:05:58

ความคิดเห็นที่ 29 รบกวนถามแม่ๆ ค่ะว่า ถ้าเตรียมตัวตั้งท้อง หรือ กำลังท้องอยู่ ยังแต่งหน้าได้เหมือนเดิมมั้ยคะ แล้วพวกสกินแคร์ต่างๆ ยังใช้ได้เหมือนเดิมมั้ยคะ จากคุณ : annaphat เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:30:23

ความคิดเห็นที่ 30 ขอให้น้องหายเร็วๆนะคะ จากคุณ : ลมทะเลพัดโชย (oilname) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:46:16

ความคิดเห็นที่ 31 ขอให้น้องหายป่วยเร็วๆนะคะ จากคุณ : กุโบ๊ส เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:59:22

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยกับคุณมะปรางค่ะ เราเคยเห็นคุณแม่ไปทำสีผมทั้งที่ท้องอ่อนๆอยู่ เรายังถามเขาเลยค่ะว่าไม่กลัวไป impact กับลูกในท้องเหรอ ? ทางที่ดี ถ้าอยากให้น้องเขาเกิดมาแบบแข็งแรง เลี่ยงเคมีได้ก็เลี่ยงนะคะ ตอนเราท้อง แค่แต้มสิวยังไม่กล้าเลยค่ะ พอกผงชูชีพเอา ผม เล็บก็ตัดสั้นตลอด สารอาหารจะได้ไม่ต้องแบ่งไปเลี้ยงส่วนอื่นเยอะ จากคุณ : จอมมารหน้าโฉด เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 17:05:41 A:119.42.64.140 X: TicketID:311188

ความคิดเห็นที่ 33 ขอสอบถามเพิ่มเติมค่ะว่า ได้มีการเจาะน้ำคร่ำหรือไม่ แล้วผลออกมาเป็นอย่างไรบ้าง แล้วอาการตอนตั้งท้องเป็นอย่างไรบ้าง คือว่า อาการบางอย่างมันอาจจะมาจากการที่แม่เป็นเบาหวาน หรือเป็นโรคอย่างอื่นแทรกซ้อนน่ะค่ะ ที่นี้ เรื่องฟันเนี่ยะ ไม่ทราบว่า คุณหมอทราบก่อนหรือภายหลัง หรือว่า คุณแม่ทานยาแคลเซียม จากคุณ : อ้วนเอย (อ้วนเอย) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 17:22:22

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องฟันไม่น่าจะเกี่ยวกับกินแคลเซียม ปรกติก็เจอได้ในเด็กแรกเกิดค่ะ จากคุณ : แม่ต้นเองจ้า (แก้มบุ๋มสี่อัน) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 17:36:57

ความคิดเห็นที่ 35 กว่าจะเกิดมาครบสมบูรณ์แข็งแรง มันยากกกกกนะ และต้องโชคดีมากๆ เวลาเห็นคนที่เกิดมาพร้อมทุกอย่าง อาจจะสวยน้อยไป หล่อน้อยไปบ้าง ทำปู้ยี่ปู้ยำร่างกายตนเอง ทำได้ทุกอย่าง อัดวิตามิน ฉีดสารอันตราย ใส่ของอันตราย "อย่างไม่รู้จักพอ" ได้แต่ถอนหายใจ หรือหลายคนที่ เสเพล กินดื่ม สูบบุหรี่ ต่างๆนานา ที่ทำร้ายอวัยวะดีๆ ที่พ่อแม่ให้มา ได้เเต่เสียดาย จากคุณ : พี่น้องที่เคารพ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 19:20:47

ความคิดเห็นที่ 36 *เอามือทาบอก * คุณพระ!! อธิษฐานให้เด็กอาการดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ ^/\^ ฝากไปเป็นกำลังใจให้ครอบครัวเด็กด้วย ปล. ขอบคุณ คุณ จขกท ที่เอามาแชร์ค่ะ ^^ จากคุณ : มองด้วยตา...หาไม่เจอ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 19:25:56

ความคิดเห็นที่ 37 สงสารน้องใจ...ตัวแค่นั้นโดนอะไรเยอะแยะไปหมดเลย ขอให้น้องหายเป็นปกติไวๆนะคะ แค่ลูกเราตัวเหลืองต้องส่องไฟเรายังร้องไห้สงสารลูกจะแย่ นี่เจอสารพัด ถ้าเราเป็นแม่คงเป็นลมล้มพับแน่ๆ จากคุณ : =Le 29 juin= เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:36:33

ความคิดเห็นที่ 38 ขอให้น้องแข็งแรง หายไวๆ นะคะ จากคุณ : mik2005 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:38:04

ความคิดเห็นที่ 39 ขอให้น้องอาการดีขึ้น หายโดยเร็ววันนะคะ เราเองยังไม่มีลูก แต่ตั้งแต่คิดว่าจะมีน้อง ก็ลดละเลิกเรื่องโกรกผม เลเซอร์ โบท๊อค ยาทาสิว แม้แต่กาแฟ มาม่า น้ำอัดลม ยังเลิกเลย เพราะกลัวว่าถ้ารู้ว่าท้องแต่ทำทุกอย่างที่บอกมาข้างต้นไปแล้ว ตัวเองจะเครียดกังวลใจ จะอันตรายถึงลูกอีก เพื่อความสบายใจก็เลิกไปก่อน จากคุณ : ต้าถุง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:45:47

ความคิดเห็นที่ 40 จริงๆ ของพวกนี้ผมไม่เข้าใจว่า ต่อให้ไม่มีลูก ก็มีคนกล้าเอาสุขภาพตัวเองไปเสียงกับสารแปลกปลอมพวกนี้ได้ยังไง? แฟนผมก็รักสวยรักงามสุดๆ คนนึง ออกจากบ้านไม่แต่งตัวดีๆ ไม่แต่งหน้าทำผมไม่ได้เลย แต่อย่างนึงที่ผมไม่ห่วงเลยคือ เธอจะไม่ยอมเอาสุขภาพไปเสี่ยงกับความสวยงามแบบปลอมๆเลยไม่แต่นิดเดียว ถ้าจะสวยก็สวยแบบธรรมชาติ ออกกำลัง ทานอาหารดีๆ บำรุงด้วยสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ด้วยสารเคมีหรือพลาสติก ไม่ห่วงลูก ก็คิดถึงสุขภาพของตัวเองที่ต้องอยู่ไปอีกทั้งชีวิตก็ยังดี จากคุณ : Baritone เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 23:27:29

ความคิดเห็นที่ 41 ขอให้น้องแข็งแรง ปลอดภัยนะลูกนะ จากคุณ : Pongchan เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 23:34:07

ความคิดเห็นที่ 42 สงสารเด็ก เฮ้อ จากคุณ : กุ้ยช่ายขาวหมูกรอบ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 00:10:03

ความคิดเห็นที่ 43 Vote ให้ จะได้มีว่าที่คุณแม่มาเห็น ได้อ่านแล้วสงสารเด็กจริง ๆ โดยส่วนครอบครัว เราให้ความสำคัญกับเรื่องก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังจากคลอดแล้ว ก่อนตั้งครรภ์: ต้องเตรียมกินโฟเลต ฉีดยาป้องกันหัดเยอรมัน ระหว่างตั้งครรภ์: ช่วงไตรมาสแรกที่เด็กกำลังสร้างอวัยวะ ลด/ละ/เลิกการใช้สารเคมีแทบทุกอย่างครีมต่าง ๆ / ยา / รวมถึงการล้างห้องน้ำต่าง ๆ ด้วยเพราะคิดว่าต้องมีการสูดดมสารเคมีเหล่านั้น หลังคลอด: ถึงตอนนี้ก็ยังลด/ละ การโดนสารเคมีต่าง ๆ อยู่เพราะยังต้องให้นมลูก เราคิดเสมอว่าสมัยก่อนคนเป็นโรคต่าง ๆ น้อยเพราะวิถีชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับธรรมชาติไม่ค่อยมีสารปรุงแต่ง ไม่เหมือนปัจจุบันทุกอย่างรอบตัวเป็นสารสังเคราะห์/สารเคมีเกือบทั้งนั้น อะไรที่งดได้เรางดไปก่อน ไม่เสี่ยง ขอให้น้องปลอดภัยและแข็งแรงขึ้นโดยเร็ววันนะคะ จากคุณ : Bluefriday เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 04:46:22

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาอ่านกรัทู้แล้วนอยมากมายวันนี้เพิ่งตรวจเจอแล้วก่อนหน้านี้ทุกอย่างเลยง่ะ ลูกจะเป็นไรไมนิ จากคุณ : นู๋ชอบBs เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 16:27:07

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองค่ะ ใกล้ ๆ บ้านเรา มี 2 ผัว-เมีย อาชีพรับซื้อ/เก็บของเก่าขาย เค้ามาสร้างเพิงอยู่กัน 2 คน อยู่ ๆ ไป ฝ่ายภรรยาเกิดท้องขึ้นมา แต่ก็ยังเก็บของเก่าและตกเย็นมาก็ทำการเผาขยะกันเกือบทุกวัน จนกระทั่งลูกคลอดออกมา ปรากฏว่าเด็กเป็นโรคหัวใจ ตัวเล็กนิดเดียว และพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ จนเด็กอายุได้ประมาณเกือบ 2-3ขวบก็ไปผ่าตัดหัวใจ  หลังจากผ่าตัดเด็กอยู่ได้อีก ไม่เกิน 6 เดือน ก็เสียชีวิต ส่วนตัวเราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสารต่าง ๆ ที่แม่เค้าสูดดมหรือสัมผัสระหว่างตั้งครรภ์  เด็กน่าสงสารมากเล็บสีม่วงตลอด อายุรุ่นเดียวกับลูกสาวเพราะเกิดไล่ ๆ กัน เราก็มักจะเอาเสื้อผ้า ของใช้ไปแบ่งให้เค้าประจำ เพราะลูกเค้าตัวเล็กมาก ๆ ถึงแม้จะรุ่นเดียวกัน ยังไง ๆ ไม่ว่าอาการน้องที่ป่วยจะเกิดจากสารเคมีหรือไม่ ก็ขอให้น้องหายไว ๆ นะคะ จากคุณ : แม่เจ้าจ้อย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 19:16:56

ความคิดเห็นที่ 47 ก่อนท้องเราก็ซื้อคอร์สพวก ipl เหมือนกัน แต่ทำตอนมี ปจด เท่านั้น เพราะเราคิดเหมือน จขกท แหละ กลัวว่ามีผลกับตัวอ่อนถ้ามาแบบไม่รู้ตัว แล้วก็ท้องแบบไม่ได้วางแผนจริง ๆ ด้วยคะ ตอนนี้เหลือคอร์สทำหน้าทำตัวค้างปีไว้จนกว่าจะหย่านม ขอให้น้องแข็งแรงไวๆนะคะ จากคุณ : via iPhone (คนดีคนหนึ่ง) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 19:19:47

ความคิดเห็นที่ 48 แยกเป็นสองประเด็นนะคะ 1.เรื่องที่คุณแม่จะระวังตัวเองโดยไม่รับสารเคมีต่างๆโดยไม่จำเป็นก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ 2.ในกรณีนี้ ถ้าคุณหมอยังไม่ได้สรุปว่าเกิดจากอะไรแน่ก็อย่าเพิ่งไปคิดโทษคุณแม่เลยค่ะ อันที่จริงแล้ว ความพิการของทารกแรกเกิด มักเกิดจากปัจจัยภายในของตัวเด็กเองมากกว่าค่ะ เรื่องทำสวย(กับผม)ในระหว่างตั้งครรภ์ ข้อมูลตามนี้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/family/topicstock/2011/09/N11113867/N11113867.html คือเราไม่เห็นด้วยนะคะ กับการจะไปวิจารณ์ว่า โหย ท้องแล้วยังไปทำสี ไม่ห่วงลูกหรือไง (เจ้าตัวเค้าอาจหาข้อมูลมาดีแล้วก็ได้ค่ะ) แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 22:46:48 จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 22:30:09

ความคิดเห็นที่ 49 เราเองจะไม่เคยแวะเวียนไปร้านทำผมเลยหลังมีเพศสัมพันธ์เนื่องจากกลัวท้อง เคยอ่านๆบทความเมื่อตอนก่อนท้องแรกว่ากลางกระหม่อมจะมีต่อมหรืออะไรซักอย่างเนี่ยค่ะที่จะดูดซึมสารเคมีจนอาจเกิดมะเร็งเต้านมได้ ทุกครั้งที่ตั้งครรภ์จะหายจากร้านประจำไปเลยเกือบๆ2ปี (1ปีก่อนคลอด+1ปีหลังคลอด) และไม่ใช้เครื่องสำอางค์ควบคุม พวกยาหมอครีมหมอหรือพวกแบบขาวใสอะไรเงี้ยไม่เอาเลย เหลือกันแดด มอยเจอร์ฯ แป้ง เท่านั้น หน้าดำกันไปเลย ( ห้ามสามีบ่นไม่สวยด้วย ก็เธอมาทำชั้นเป็นแบบนี้ ) กลัวค่ะ กลัวทำร้ายลูกโดยรู้เท่าไม่ถึงการ จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเลยช่วงนี้ และเรื่องยาก็เช่นกัน มีเพื่อนรักมาเป็นเภสัชกร2คน ตอนท้อง2โทรหาเพื่อน บอกแพ้ท้องจนจะตายอยู่แล้ว กินไรได้บ้าง(หมายถึงยานะคะ) เพื่อนตอบกลับมาว่า "กินโอเล่เลย" ....555 ขำมาก คือเพื่อนไม่ให้กินยาเลยค่ะ ให้หาผลไม้เปรี้ยวๆกินอย่างเดียวเลย(ช่วยไรไม่ได้เลย) หรือไม่ก็ลูกอมเด็กๆเปรี้ยวๆค่ะ เพื่อนบอกว่า ยาที่พวกเค้าเรียนมาแบ่งเป็น แคท เอ บี ซี อะไรประมาณนี้ จำไม่ค่อยได้อ่ะค่ะ(ต้องขออภัยถ้าเรียกผิดนะคะ) คือเพื่อนอธิบาย แบบเรียกแคทๆอะไรเนี่ยแหละ ประมาณว่าแบ่งประเภทของยาน่ะค่ะเพื่อใช้กับผู้ป่วย ขนาดที่มีรายงานทางการแพทย์ว่าไม่เคยเกิดความผิดปกติกับคนตั้งครรภ์ที่ใช้ยากลุ่มนี้ คุณเพื่อนก็ไม่ให้กิน บอกว่าไม่เคยมีใช่ว่าต่อไปจะไม่มีนะแก ให้เรากินแต่แนวย้อนยุคทั้ง2คนเลย โชคดีที่ลูกเราก็ออกมาสมบูรณ์แข็งแรงทั้ง2ท้อง และเรื่องวิตามินเสริมนี่ก็น่ากลัวค่ะ แนวประมาณอยากให้ลูกออกมาฉลาดยิ่งต้องระวังนะคะ ปริมาณที่ทานจะมีเส้นบางๆของการทานออกมาแล้วลูกฉลาด กับทานออกมาแล้วลูกพิการได้เลยค่ะ น่ากลัวมากๆ อย่างพวกวิตามินบีที่ทานแก้แพ้ท้องได้ต้องปรึกษาหมอค่ะ เราจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว เหมือนว่าทานตอนช่วงไหนไม่แน่ใจค่ะ ทานแล้วเด็กอาจจะตาบอดได้อะไรประมาณนี้ พี่ชายเราเป็นหมออยู่ต่างจังหวัดเคยดุเราตอนถามเรื่องนี้ว่า "วิตามินที่ทำออกมาขายมีไว้ให้คนที่ร่างกายขาดวิตามิน เขาถึงต้องเสริมให้ ที่แกจะกินนี่แกตรวจได้เองเหรอว่าแกขาดอะไร แกจะเก่งกว่าพี่แล้วนะ เรียนมายังไม่เก่งเท่าแกเลย นั่งๆนึกๆก็รู้เลย"..5555  พี่ชายเราเค้าไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องพวกนี้ ชอบแนวเดียวกันเลยกับเพื่อนเราสองคนข้างต้น ชอบให้กินผัก กินปลา ให้หาแนวปลอดสาร หรือของเด็กนักเรียนปลูกขายมากิน (นอกเรื่องนิดนึงค่ะ คือเคยเล่าให้เค้าฟังว่ามีพี่ที่รู้จักคนนึงเป็นมะเร็งแถวๆลำไส้ จนหมอวิเคราะห์ว่าน่าจะทานพวกอาหารเสริมมากเกินไป คือพี่เค้าทานหลายตัวอ่ะค่ะ แนวรักสวยรักงาม หมอบอกว่ามากจนก่อเป็นสารพิษตกค้าง คือไตก็จะพังด้วย พี่ชายเราได้ทีรีบเสริมเลย เห็นมั๊ย บอกแกแล้วให้ทานจากอาหารนี่แหละ มันมีprocess ร่างกายมันเคยรับเป็นวัตถุดิบแล้วมาสกัดไปใช้เอง วันดีคืนดีแกไปเอาให้มันตรงๆ อวัยวะส่วนที่เคยต้องทำหน้าที่สังเคราะห์ สกัด สิ่งมีประโยชน์ให้ร่างกายใช้ก็ไม่มีงานทำ ก็เป็นง่อยตาย ไอ้ที่ทำงานปกติๆรับต่อจากเพื่อนเช่นไตก็ทำงานหนักอยู่คนเดียว ก็โทรมตาย สุดท้ายโรงงาน(ร่างกาย)ก็พัง...เอาใหญ่เลย กองในบ้านสนับสนุนเพียบ โย่โย่ เชียร์กันพรึ่บ แล้วก็ไล่ให้เราไปกินกล้วยเพิ่มวิตามิน555) สุดท้ายก็คือทำเพื่อลูกอ่ะนะคะ เพื่อลูกๆๆๆๆๆๆค่ะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราให้เค้าได้ ให้ชีวิตเค้าแล้วก็ต้องให้ชีวิตที่ดีที่มีคุณภาพไปด้วยค่ะ จากคุณ : bourary เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 09:12:59

ความคิดเห็นที่ 50 เราเพิ่งท้องได้เกือบ 3 เดือนค่ะ ระวังมากเรื่องทานยา ถามหมอตลอด หลังสุดเป็นหวัด ไอเกือบจะทั้งวันทั้งคืนติดกัน 10กว่าวัน หมอจ่ายยาแก้อักเสบมา เราก็ไม่กินค่ะ จิบแค่ชวนป๋วยบ้าง เพราะไอมาก นอนไม่ได้เลย และก็จิบน้ำผึ้งมะนาวเอาค่ะ หนักๆ ก็บีบมะนาวลงคอซะเลย แต่ไม่ทานอม็อกซี่เด็ดขาดค่ะ เป็นห่วง อ่านแล้วก็กลัว ตอนนี้ยังทาพวก active C บำรุงหน้าอยู่ พวกวิตามิน เอ ทราบมาก่อนหน้าว่าเป็นสารควบคุม เราไม่ค่อยทาหรือกินอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่วันนี้จะเหลือแค่ครีมกันแดดอย่างเดียวแล้ว ส่วนผิวตัวก็ทาด้วยจอนสันเบบี้ออยล์ค่ะ น่าจะโอเค เราเคยไปหาหมอรักษาหน้าที่ ราชเทวีคลินิคค่ะ แต่ก็เว้นช่วงมานานเกือบปีก่อนจะตั้งท้อง...คราวนั้นทางคลินิคจ่ายวิตามิน เอ หน้าใสให้ทาน แต่ก็ให้ทานปริมาณที่น้อยมาก วันเว้นวัน สัปดาห์หนึ่งให้เราทานแค่ 2 วันเอง และมีเอกสารให้เซ็นต์ชื่อ และมีข้อความแจ้งชัดเจนค่ะ ว่า ถ้าตั้งครรภ์ ต้องแจ้งด้วย ยาตัวนี้ก่อผลข้างเคียงต่อสตรีมีครรภ์ได้ ก็เป็นความรู้ที่เราทราบมาและอยากเอามาแชร์ค่ะ ขอให้น้องที่ จขกท เล่ามา แข็งแรงปลอดภัยในเร็ววันนะคะ จากคุณ : Pigie เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:13:13

ความคิดเห็นที่ 51 เมืองไทย ยังขาดการให้ความรู้เรื่องการใช้ยา (และสารเคมี) ทำให้มีการใช้ยาอย่างผิดวิธี และบางครั้งยา(หรือสารเคมี) ก็กลายเป็นจำเลย(แพะ)  ของสังคมไป ยกตัวอย่างเช่น กลูต้าไทโอน ที่กำลังฮิตกันในการเป็นสารที่ทำให้ผิวขาวขึ้น แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักและรู้ที่มาที่ไปของเจ้ายาตัวนี้ ว่าจริงๆแล้วมันคือนาที่ใช้รักษาโรคพากินสัน ในต่างประเทศ การใช้แล้วมีผลทำให้ผิวขาวขึ้นนั้นเป็นเพียงผลข้างเคียงของการใช้ยา กล่าวคือ เจ้ากลูต้าฯจะไปยับยั้งการผลิตเม็ดสี ของร่างกาย แต่.....ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ทางการกิน และหากมีการใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายหยุดผลิตเม็ดสีที่จอตา ทำให้ตารับ(ทน)แสงได้น้อย มีโอกาสเกิดอาการจอมืดขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกัน หลายๆคนกลัวการทานยา หรือ ใช้สารเคมี แต่กลับไม่กลัวการทานวิตามีน หรือ อาหารเสริมต่างๆ ในระหว่างตั้งครรภ์  บางคนยิ่งกินมากกว่าปกติ เพราะคิดว่าเป็นการบำรุง ทำให้เด็กแข็งแรง แต่อยากบอกว่า ของทุกอย่างมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี ต้องอยุ่ที่ความพอดี สารอาหารก็เหมือนกัน น้อยเกินไป ก็ขาดแคลน มากเกินไป ร่างกายก็ไม่รับ ขับทิ้ง หรือไม่ก็เก็บสะสมไม่นำไปใช้ ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือน้ำตาลไงครับ ทานมากเกินไป ร่างกายก็เก็บสะสม เปลี่ยนรูปเป็นไขมัน ทำให้เป็นโรคอ้วน วิตามินหรือโปรตีนสกัดก็เช่นกัน นอกเรื่องไปเยอะ กลับมาเรื่องของ จขกท  ต้องขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อและคุณแม่ รวมถึงหนูน้อยด้วย และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากให้คุณแม่โทษตัวเอง ว่าเป็นเพราะตัวเอง ลูกจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งนี้เพราะ อาการผิดปกติ และ/หรือการพิการในเด็กทารก ไม่อาจเชื่อมโยงกับการใช้สารเคมีครับ กลไกธรรมชาติในการพัฒนาจากเซลล์เพียงหนึ่งเซลล์ กลายเป็นล้านๆเซลล์ เป็นสิ่งที่ ซับซ้อนยิ่งนักครับ นอกจากนี้กลไกธรรมชาติที่ให้ความสำคัญต่อการสืบพันธุ์เอง  ก็มีขั้นตอนและกลไกในการคัดกรองแต่สิ่งดีๆให้กับทายาทเสมอ ไม่ว่า จะเป็นพืช สัตว์หรือแม้แต่มนุษย์ ดังนั้นจึงมีสารพิษเพียงไม่กี่ชนิดที่จะเล็ดรอดไปถึงตัวอ่อนได้ ดังนั้นการผิดพลาดในการแบ่งเซลล์หรือการเจริญเติบโตของตัวอ่อน จึงอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับสารเคมีที่ได้รับก็ได้ครับ อัตราการผิดปกติ ในระดับ โครโมโซม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ รวมไปถึงการเกิดการผ่าเหล่า (mutation) ของตัว DNA เอง ดังนั้นอย่าได้โทษตัวเองนะครับ ในกำลังใจในการผ่าฟันปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ผ่าไปได้ด้วยดีนะครับ จากคุณ : Gump เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 16:30:29

ความคิดเห็นที่ 52 ตาหนู..ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง หายเร็วๆ นะคะ เป็นเรื่องจริงเตือนใจที่ดีมากๆ คะ จากคุณ : สิทธิ์ของหัวใจ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 22:55:46

ความคิดเห็นที่ 53 เรายังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงเลยว่าอาการป่วยของน้องเกิดจากอะไร แต่ถ้าแม่น้องมาอ่านเจอกระทู้นี้ เค้าจะใจสลายไหมหนอ ทั้งอาการป่วยของน้องที่แย่อยู่แล้ว แถมมาเจอเม้นต์ที่ออกไปแนวที่ว่าเพราะตัวเองห่วงสวยลูกเลยแย่ ถ้าเราเป็นแม่น้อง เราคงรู้สึกแย่หนักกว่าเดิม ทั้งนี้ให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยปกป้องคุ้มครองน้องให้แข็งแรงและปลอดภัยในเร็ววันนี้ด้วยเถิด จากคุณ : arex1970 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 14:14:04