ความคิดเห็นที่ 1 เราดีใจนะ จะได้เกาะใบบุญ ขี้นสวรรค์ไปด้วยกัน จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 15:56:20

ความคิดเห็นที่ 2 คงไม่เสียใจที่ถูกทิ้งมั้งคะ  เราคงไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่เค้าเลือกหรอก และก็ขออนุโมทนากับเจสันด้วยค่ะ จากคุณ : ink (siam) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:04:19

ความคิดเห็นที่ 3 คงไม่ดีใจปลาบปลื้มทราบซึ้ง แต่ก็คงไม่เสียใจร้องไห้ฟูมฟายว่าโดนทิ้ง   อนุโมทนาด้วยแต่เสียใจที่จะไม่ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันค่ะ จากคุณ : Chocolate Junkie เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:08:51

ความคิดเห็นที่ 4 คงบอกไม่ถูกเลยค่ะ ทั้งดีใจ ปนเศร้าใจ ดีใจที่เห็นเค้าไปในทางที่ดี ส่วนเศร้าใจก็เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนรักที่ดีๆอย่างเค้า สุดท้าย...คงร่วมอนุโมทนาไปกับเค้าค่ะ จากคุณ : นางมารร้ายสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:16:51

ความคิดเห็นที่ 5 ของหมั้นไม่ต้องคืนใช่มั้ยคะ ฝ่ายชายถอนหมั้นเนี่ย จากคุณ : lekumi เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:17:10

ความคิดเห็นที่ 6 เราคงเหมือนความคิดเห็นที่ 4 แน่ๆ เลยค่ะ จากคุณ : PHaTthiTA เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:19:19

ความคิดเห็นที่ 7 คงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก รักยังไงก็คงต้องปล่อยเขาไป พร้อมทั้งอนุโมธนาด้วย แต่นี่เห็นว่าคุณดาริกาก็เป็นคนใฝ่ธรรมะอยู่แล้ว น่าจะเข้าใจกันนะคะ จากคุณ : ++ตันหยง++ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:26:21

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าขนาดหมั้น คือตั้งใจจะเป็นครอบครัว คงเศร้าใจ แต่เส้นทางที่พระเลือก เป็นเส้นทางแห่งความร่มเย็น สงบสุข ก็ขออนุโมทนา จากคุณ : เขียนบน iPhone (la-la-bell) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:32:05

ความคิดเห็นที่ 9 เหมือน คห. ที่ 4 ค่ะ จากคุณ : monchen เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:32:21

ความคิดเห็นที่ 10 เสียใจอาจมีบ้าง... แต่ทำไงได้ล่ะ เค้าเลือกทางธรรมแล้ว... จากคุณ : แม่หญิงฟุ้งซ่าน เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:32:57

ความคิดเห็นที่ 11 เสียใจบ้าง แต่คงไม่ขัดขวาง อนุโทนาบุญ ด้วย หาคนแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:37:17

ความคิดเห็นที่ 12 ความรักที่แท้  คือ รักมากกว่าตัวเอง คือการรักแบบไม่ต้องการครอบครอง ถ้าคู่หมั้น อนุโมทนา ด้วยใจอย่างแท้จริง เราคิดว่า เจสัน ได้เจอผู้หญิงที่่ดีมากกกกก เธอคือคู่ชีวิต ที่ไม่จำเป็นต้องร่วมชีวิตด้วยกัน แต่อยู่ภายใต้เส้นทางสงบสุขด้วยกัน อนุโมทนา ทั้งสองคน จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:43:24

ความคิดเห็นที่ 13 คงเสียใจที่ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ก็อนุโมทนาบุญไปด้วยค่ะ จากคุณ : สวยอย่างแรงนิ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:50:46

ความคิดเห็นที่ 14 เจอมาแล้วเหตุการณ์นี้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตอนแรกโกรธมากแต่พอมานอนคิดคืนนึง ก็ทำใจได้ จากคุณ : comment please เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:51:25

ความคิดเห็นที่ 15 ...... บอกไม่ถูกคะ คนไม่เคยเจอแบบนี้ไม่มีทางรู้... สำหรับเรานะ...เหมือนไม่รับผิดชอบ ก่อนบวชก็มีสถานะเป็นมีคู่หมั่นแล้ว...แต่ทำไมไม่สามารถควบคุมจิต กำหนดขอบเขตของตน รักกันมาตั้ง 2 ปี แถมหมั้นกันแล้วด้วย ก็เปรียบไปแล้ว ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว หากตนพบทางสว่าง..แต่คนข้างหลังอยู่ด้วยความมืดมิดจะเกิดประโยชน์อะไรคะ.. อย่าบอกนะคะ...ว่าไม่มีคนเสียใจ... มีแน่นอน..แต่พูดไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 09:38:49 แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 17:31:18 แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 17:29:02 จากคุณ : plesuk เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 16:59:24

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกับ คห.15 จากคุณ : CCE9PASS เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:07:10

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เห็นด้วยกับคห.15อ่ะค่ะ เราเคยเห็นกรณีนี้ อย่างของตองกับประพุฒิ กำลังเอก ก็แบบนี้เหมือนกัน  ตองก็ต้องยอมรับสภาพกันไป ถ้าเป็นเราคงได้แต่มองดูห่างๆ อนุโมทนาบุญ บุญเขาสูงค่ะ ถ้าเราไปขัดขวางเราก็คงจะเหมือนเป็นมาร คงได้แต่เก็บสิ่งดีๆที่เราเคยมีร่วมกันไว้ในความทรงจำ ว่าครั้งนึงเคยรู้จักกันและเป็นแฟนกัน ถามว่าพวกที่ไม่รับผิดชอบ น่าจะเป็นพวกคบหลายๆคน คบคนอื่นแล้วมาทิ้งกันมากกว่า ใช้กับพวกนั้นน่าจะเหมาะ จะเลือกเอาแบบไหน ขอยกเลิกเพราะไปมีคนอื่น กับขอยกเลิกเพราะอยากศึกษาพระธรรม อย่างหลังฟังแล้วดีกว่าเยอะค่ะ จากคุณ : BeauBerry เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:20:07

ความคิดเห็นที่ 18 คห.15 ด้วยไมตรีจิต จะว่าไม่รับผิดชอบก็ใช่ จะว่าสบายก็ไม่เชิง การเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี เป็นสิ่งที่ปฏิบัติยากกว่าการเป็นคนธรรมดามากนะครับ ขออนุโมทนากับพระด้วยครับ จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:25:28

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วถ้าเปลี่ยนเป็น ยังไม่มีเงินเก็บ ลูกยังเล็ก ต้องกินต้องใช้ เมียไม่ได้ทำงานล่ะ จะทำอย่างไร อาจจะรู้สึกเหมือน คห.15 แต่ถ้าไม่มีลูก ไม่มีห่วงอะไรมาก หรือลูกเมียดูแลตัวเองได้ มีญาติพี่น้อง คอยช่วยเหลือ ดูแล ก็ต้องดีใจอยู่แล้ว จากคุณ : นู่นนี่ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:29:13

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เห็นด้วยกับ  คคห. 15อีกคน  ถ้าเป็นเรา ก็คงร่วมอนุโมทนาสาธุไปกับพระท่าน  พระทำแบบนี้ไม่รับผิดชอบยังไง ถ้ายิ่งยื้อเวลาต่อไปให้คู่หมั้นรอเก้อไปเรื่อยๆแบบไม่มีกำหนดสิ แบบนี้เห็นแก่ตัวและไม่รับผิดชอบ แต่พระรู้แล้วว่าอยากเดินไปตามทางไหน เราว่าดีออก ดีทั้งสองฝ่ายอ่ะ จากคุณ : มะเหมี่ยว ขอแจม เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:30:07

ความคิดเห็นที่ 21 ขออนุโมทนา กับพระเจสัน ยัง ด้วยค่ะ จากคุณ : Pink Martini เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:30:48

ความคิดเห็นที่ 22 คห 18 สบายในที่นี้น่าจะหมายถึง ใจสบาย หรือพ้นทุกข์ มั้งคะ ถ้าผิดขออภัย จากคุณ : นู่นนี่ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:31:15

ความคิดเห็นที่ 23 คห 22 จาก คห 15 คำว่า "เอาแต่ตัวเองสบาย" ผมคงคิดว่า สบายกาย มากกว่า ครับ ถ้าคิดผิดต้องขออภัย คห 15 ครับ จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:37:46

ความคิดเห็นที่ 24 คห 19 ถ้าคิดอีกด้านนึง สามีคนนึงจากไปก่อนวัยอันควร ทิ้งภรรยาซึ่งไม่มีงาน  และลูกไว้ (แทนการบวชนะครับ) ผลลัพท์ คือ สามีไม่ได้อยู่ดูแลแล้วเช่นกัน ภรรยาและลูก ก็ต้องเดินต่อไปได้ครับ Live and Learn จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 17:43:25

ความคิดเห็นที่ 25 อนุโมทนาด้วยค่ะ (^ /|\ ^) จากคุณ : via iPhone (อนุบาลน้อย) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 18:16:28

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าคุณมองว่านี่เป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัว คุณเองก็คงเห็นแก่ตัวไม่แพ้กัน เห็นแก่ตัวที่อยากได้เค้าคืนมาเป็นคู่ครอง เพื่อความสุข ความปรารถนาของตัวเอง โดยไม่คิดถึงทางบุญของคนอื่น โดยไม่พิจารณาว่าเขาสูงกว่าคุณต่างหากจึงไม่อาจใช้ชีวิตครองคู่กันได้ สำหรับกรณีนี้ เชื่อว่าฝ่ายหญิงคงเต็มใจ เพราะเธอเองก็เป็นคนดีใฝ่ธรรมเช่นกัน จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 18:25:46

ความคิดเห็นที่ 27 คนเป็นเเฟนกันคือคนรักกัน และควรมรักที่เป็นรักแท้ คือต้องการให้คนที่รักมีความสุข ยิ่งเขาเจอคำตอบของชีวิตแล้วว่า ต้องการอะไรในชีวิต ยิ่งมีความสุขกับเขานะ ไม่ใ่ช่การครอบครองที่เป็นความหลงล้วนๆ ถ้าไม่ได้มาเป็นคู่กัน  คงไม่ถึงตายหรอก ผู้ชายมีไม่ได้มีคนเดียว และที่สำคัญก่อนเจอเขาทำไมเราอยู่มาได้ล่ะ ถ้าเกิดขึ้นกับเราจะดีใจมากที่เจอผู้ชายที่จิตใจดีและบารมีสูงขนาดนี้ ดีไม่ดีอาจจะบวชชีตามเลย เพราะก็คงหมดห่วงประมาณนึงแล้ว ถ้ามองในแง่ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ดีกว่าเขาทิ้งเราไปหาอีหนูล่ะนะ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 18:57:51

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนคบกับแฟนเก่า ก่อนเค้าบวชเรากังวลมากว่าเค้าจะบวชไม่สึก เราก็จะพูดอ้างเรื่องหน้าที่ของเค้าที่ต้องดูแลพ่อกับแม่ แต่ไม่ได้พูดถึงตัวเรา เพราะรู้สึกว่าจะเห็นแก่ตัวเกินไป ช่วงที่เค้าบวช 1 เดือนเต็ม ไม่ได้ติดต่อกันเลยจริงๆ พอเค้าสึก ยังไม่ทันจะออกจากวัดเค้าก็โทรหาเราคนแรกเลย ตอนนั้นเราก็คิดนะว่าถ้าเค้าไม่สึกขึ้นมา ก็คงต้องปล่อยเค้าไป อนุโมทนาบุญด้วย ถือซะว่าบุญของเราไม่เท่ากันถึงได้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือไม่เราก็หมดกรรมกันแล้วค่ะ จากคุณ : Phagus เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:34:51

ความคิดเห็นที่ 29 กรณีนี้ แล้วถ้าเป็นลูกชายล่ะ ตัดสินใจบวชไม่สึก แม่เพื่อนเราครั้งแรกที่เพื่อนเราบวชพระ ไปนั่งร้องไห้หน้ากุฎิจริง ๆ ไปทุกวัน หลังจากเพื่อนเราเรียนจบ ป ตรีก็ตัดสินใจบวช ผ่านไป 1 ปีไม่ยอมสึกแม่เขาก็ไปทุกวัน จนสุดท้ายก็สึกมาเรียนต่อ ป โท พุทธศาสตร์ เรียนจบก็ไปบวชต่อแถมไม่ยอมอยู่วัดใกล้บ้าน(จริง ๆ วัดนี้วัดของตระกลูก็ว่าได้เพราะบริจาคที่ให้วัดเยอะเหมือนกัน)   จะทำตัวแบบแม่เพื่อนเรามั้ย แต่ตอนนี้แม่ท่านเพื่อนทำใจแล้วนะ จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:41:03

ความคิดเห็นที่ 30 แล้วจะรีบหมั้นทำไม? สึกออกมาค่อยหมั้นก็คงไม่มีปัญหา จากคุณ : มังกรเผือก เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:52:12

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นเราคงดีใจอ่ะ แล้วก็คงบวชตามอีกไม่นาน เหมือนพระนางพิมพาที่สุดท้ายก็ศึกษาพระธรรมและตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าไป ไม่รั้งพระพุทธเจ้าให้กลับไปครองราชดังเดิม ขอให้เจอสัจธรรมแห่งชีวิตเร็ว ๆ นะคะ จากคุณ : สวยชั่วกัลปวสานอมตะนิรันด์กาล เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:05:53

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นเรา ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ อย่างน้อยที่ได้รู้จักคนดี ๆ รักคนดี ๆ และไม่คิดว่าเขาทอดทิ้ง แต่จะอนุโมทนาด้วยอย่างเต็มใจเลยค่ะ จากคุณ : ajh เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:25:30

ความคิดเห็นที่ 33 สมัยนี้รักแท้ คือการให้ มันฟังดูดีไป  มนุษย์อ่ะ มีรัก โลภ โกรธ หลง  คงมีน้อยคน  ที่จะตั้งนิยามว่ารักแท้คือการให้ค่ะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ  กับการตัดสินของพระเจสันในครั้งนี้ ถ้าเป็นเรา  เราบอกตรงๆเราเศร้าค่ะ จากคุณ : Fairybox เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:38:33

ความคิดเห็นที่ 34 ขออนุโมทนาด้วยคนค่ะ เราเอง ถ้าไม่ติดต้องทำงานดูแลแม่ และทำหน้าที่ภรรยาที่ดี เราก็คงไปบวชแล้วเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:50:22

ความคิดเห็นที่ 35 เพราะรักเพราะห่วง จึงอยากให้คนที่เรารักหลุดพ้น จากคุณ : คนบ้าบิต เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:50:55

ความคิดเห็นที่ 36 ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุ จากคุณ : anatchanan เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 23:04:32

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าเป็นแค่แฟน หรือคู่หมั้น จะเรียกว่าเห็นแก่ตัวคงไม่ได้ เพราะฝ่ายหญิงก็ยังมีโอกาสจะเริ่มต้นใหม่ได้ ถ้าเค้าต้องการมีครอบครัว ในเมื่อฝ่ายชายเค้าพบแล้วว่านี่เป็นทางที่เค้าต้องการ  ก็เหมือนเค้าไปเจอคนใหม่ หรือเปลี่ยนใจ อะไรก็ว่าไป แต่ถ้าแต่งงานแล้ว ก็ถือว่าเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน เพราะอีกฝ่ายหนึ่งต้องอยู่ในสถานะหม้าย แต่สมัยนี้ ถ้าไม่มีลูกก็ยังโอเค   เราเคยเจอคนที่มีลูกกันแล้วสองสามคน ไม่รู้ยังไง ฝ่ายชายไปบวช แล้วไม่ยอมสึก ฝ่ายหญิงก็ต้องทำงาน เลี้ยงลูกตามลำพัง เราว่าเห็นแก่ตัวเกินไป (เราไม่มองในแง่บุญบาป) ยังไงก็ควรช่วยกันรับภาระเรื่องลูก ให้ลูกโตแล้วจะบวชตลอดชีวิตก็เรื่องนึง จากคุณ : Nam_kang เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 23:23:01

ความคิดเห็นที่ 38 คนย่อมมีกิเลสในตัวเอง กิเลสในรัก ในสิเหน่หา ใคร่อยากไว้ครอบครอง การปล่อยของรัก ของมีค่าโดยไม่ลังเล เหมือนการตัดกิเลส พระพุทธเจ้าชาตินึงได้ปล่อยภรรยาและลูกทั้งสองให้ชูชก มองในแง่ธรรมก็เหมือนตัดห่วงที่เป็นบ่วงกรรม มองแง่คนเดินดินก็เหมือนคนอะไรช่างเห็นแก่ตัวได้ใจ ตัดช่องน้อยเอาตัวเองพ้นทุกข์ ปล่อยให้ความฝันที่วาดไว้ว่าครอบครัวสุขสันต์ต้องพังลงอย่างง่ายดาย เอิ้กๆๆ แค่เส้นด้ายบางๆของเหตุผลที่จะเลือกมาใช้อ่ะนะ ตอบเพ้อเจ้อไร้สาระไป ขออภัยเน้อ เอิ้กๆๆ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 23:36:17

ความคิดเห็นที่ 39 ขอยกย่องคู่หมั้นพระเจสัน ยัง ที่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อให้พระได้ศึกษาธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังพุทธศาสนิกชนอีกหลายหลายคนเพื่อให้มองเห็นหนทางแก่การดับทุกข์ และเป็นประโยชน์แก่บุคคลโดยทั่วไปมากกว่ารั้งพระเอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเพียงผู้เดียว ส่วนการกล่าวหาพระว่าขาดความรับผิดชอบนั้นไม่เห็นด้วย เพราะก่อนหน้านั้นคู่หมั้นเค้าก็มีชีวิตอยู่ได้ หลังจากนี้เค้าก็จะมีดำรงชีวิตอยู่ได้เองเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ค่ะ จากคุณ : รักเราไม่เก่าเลย เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:06:38

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าสมมุติเรามีแฟนแบบพระเจสันนะ เราจะดีใจมากที่สุดเพราะในยุค2012 คนแบบนี้หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก เพราะฉะนั้นเราจะถือว่าเราเป็นคนโชคดีมากที่ครั้งหนึ่งเราได้เจอคนแบบนี้ จากคุณ : namethree เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 02:02:57

ความคิดเห็นที่ 41 ดีใจค่ะ เสียใจอาจมีบ้างที่ไม่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่สุดท้ายดีใจค่ะ และร่วมอนุโมทนาบุญด้วย บางทีอาจไปปฎิบัติธรรมด้วยซะเลย ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับพระเจสันด้วยคนค่ะ จากคุณ : ดญ. หัวเหน่ง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:44:18

ความคิดเห็นที่ 42 หาได้ยากค่ะ อนุโมทนาค่ะ ถ้ามีลูกด้วยกันแล้วก็งานเข้าค่ะ แต่พร้อมจะเข้าใจ ถ้ามีลูกด้วยกันแล้วก็ต้องทำให้ลูกเข้าใจในสิ่งที่พ่อเจ้าเลือกด้วย จากคุณ : babypim เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:50:35

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่กล้าเสียใจ กลัวบาป แต่จริงๆ เสียใจค่ะ จากคุณ : แม่สูงวัย (ทาสบอย) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:36:43

ความคิดเห็นที่ 44 เกือบมีเหตุแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นใจนึงก้ออนุโมทนาบุญนะคะ แต่ก้อเสียใจอ่ะ แล้วก้อคงปลงได้แหละ แต่ขอเสียใจหน่อยนะ คนมันรักอ่ะ จากคุณ : Sea เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:56:24 A:223.27.229.254 X: TicketID:353085

ความคิดเห็นที่ 45 พระท่านมีจิตใจที่ใฝ่ทางธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สำหรับเรา  ร่วมยินดีด้วยค่ะ คงไม่เสียใจ ไม่เสียดาย แต่ดีใจด้วยจริงๆ จากคุณ : โชคดีที่มีเธอ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:18:31

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นเราก็คงจะเสียใจที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก แต่ถ้าได้เห็นคนที่เรารัก มีสีหน้า ท่าทาง ที่สงบ สำรวม ในชุดผ้าเหลืองแบบนี้แล้ว ก็ทำให้รู้สึก อิ่มเอมใจ ไม่น้อยนะคะ จากความเสียใจ อาจเปลี่ยนเป็นความสุขใจก็ได้ จากคุณ : แม่น้องต้า (toom.com) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:32:57

ความคิดเห็นที่ 47 หมั้นกันก็เพราะรักกัน อยากใช้ชีวิตร่วมกัน แต่มีจิตใจที่อยากจะบวชเรียนก่อน เราก็ว่าโอเค แต่ตามความเห็นคือ น่าจะสึกมาจัดการเคลียร์เรื่องต่างๆ ให้เป็นอิสระจากพันธะที่สร้างไว้ก่อน แล้วจะกลับไปบวชใหม่อย่างตัวเปล่าๆ น่าจะดีกว่าค่ะ.... หมายเหตุ : ความคิดเห็นส่วนตัว ด้วยความเคารพ และไม่มีเจตนาจะลบหลู่ใดๆ ทั้งสิ้น จากคุณ : หญิงสินี เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:03:32

ความคิดเห็นที่ 48 ของอย่างงี้ถ้าไม่เจอกับตัวเองก้อคงไม่รู้ ตอนที่แฟนมาบอกว่าอยากบวชไม่สึก ฟังแล้วช็อก ดูเหมือนทั้งเราทั้งทั้งเค้าต่างคนต่างเหนแก่ตัวทั้งคู่ ผู้ชาย พอบวช สบาย สงบ ไม่ต้องคิดไร ก้อไม่อยากสึก แต่ไม่ได้นึกถึงคนข้างหลังที่เค้ารออยู่ ผู้หญิง เมื่อแฟนมีเจตนารมณ์อยากสืบทอดเผยแผ่ ศาสนา แต่เรากลับไปเป็นมาร ไม่ให้ทำได้สำเร็จ ถามว่าเสียใจมั๊ย ต้องตอบว่ามากกกกก ถามว่าดีใจมั๊ย ต้องตอบว่ามากอีกเช่นกัน เสียใจเหมือนบางสิ่งที่อยู่กันมาเกือบครึ่งชีวิตกำลังหายไป ดีใจ อย่างน้อยเราได้คบคนดีๆ เจอคนดีๆ ซึ่งไม่ได้หาง่ายๆในสังคมปัจจุบัน สุดท้าย คุยกันเลยว่าสึกมาก่อน หลังจากนั้นถ้าชีวิตไม่มีทางออกแล้วจริงๆ หรือมีลูกจนโต ดูแลตัวเองได้ หรือชั้นตายไป ไม่ก้อทั้งชั้นและเทอต่างเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาตรงกัน เทอเป็นผู้สืบทอด ชั้นเป็นผู้สนับสนุน ถึงตอนนั้นเทอจะบวขตลอดชีวิตเลยก้อไม่เปนไร จากคุณ : คนเพี้ยนเพี้ยน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:15:46

ความคิดเห็นที่ 49 ุเป็นเรา เราคงบวชชีไปเลยค่ะ เพราะยังไง เราก็ ไม่มีคู่ให้ต้องห่วงแล้ว น่ายินดีซะอีก ที่เขาเข้าถึงพระธรรมอย่างแท้จริง ซึ่งมีพระหลายรูปในปัจจุบัน ที่ตัวเป็นพระแต่ใจไม่ใช่ เราว่าเป็นบุญของศาสนา และประเทศ ที่ได้พระที่ปฏิบัติดี เข้ามา อีกรูป เราเองชอบด้านนี้อยู่แล้ว บวชชีคือความฝันอันสูงสุดของเราเลยค่ะ แต่ตอนนี้ ติดตรงมีลูกให้ต้องดูแล.. ยังไงก็ต้องส่งเขาไปให้ถึงฝั่ง จนหมดห่วงก่อน การบวช สำหรับเรา คงเป็นช่วงบั้นปลายชีวิต คือหมดห่วงทุกอย่างแล้ว.. จากคุณ : omelet-t เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:51:48